ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    That Wolf...it's me {fic exo}

    ลำดับตอนที่ #11 : CHAPTER 7 :: ขังผมทำไม?

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.16K
      21
      3 ก.ค. 56


    CHATER 7 :: ขังผมทำไม?

     

    [Kyungsoo]

     

     

     

                    “เอาใบไม้มาบังไว้ดีมั้ย?”

     

                    จุนมยอนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ มินซอกกับแบคฮยอนยืนมองดูร่างเน่าเฟะของครูแทยอนด้วยสีหน้าที่ลำบากใจ คล้ายกับว่าจะทำอย่างไรกับศพของครู...

     

                    ผมทรุดเข่าลงนั่ง น้ำหูน้ำตาไหล หูผมอื้อ กลิ่นเหม็นของเนื้อเน่าลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณนั้น ผมพยายามที่จะไม่ให้ตัวเองอ้วกออกมา แต่ลมที่ถูกไล่มาจากกระบังลมส่งมาทางหลอดลมทำให้อาหารที่รอย่อยนั้นพุ่งออกมา ผมหันเข้าไปโคนต้นไม้ที่ใกล้ที่สุดเพื่ออ้วกเอาอาหารมื้อสุดท้ายออกมา...


     

                    “คยองซูไหวมั้ย?”

     

                    เสียงของชานยอลดังมาจากด้านหลัง ผมใช้มือปาดน้ำตาเบาๆก่อนจะลืมตาขึ้นและผมก็เห็น..ใครสักคนนอนอยู่ตรงหน้า ใบหน้าของเขามีหนอนชอนไชยั้วเยี้ยไปหมด ฝูงแมลงวันแตกฝูงเมื่อผมอ้วกใส่ขุมทรัพย์อาหารของมัน

     

                    ผมกระโดดออกมาทันที...เสียงร้องไม่เป็นภาษาของผมดังขึ้นอย่างที่ผมเองก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ ผมพิจารณาศพที่ผมเพิ่งอ้วกใส่เมื่อกี้...เสื้อผ้าที่สวมไส่มันดูคุ้นๆ มันเหมือนเสื้อผ้าของผมที่ใส่อยู่ตอนนี้!!!

     

                    “คยองซูเป็นอะไร?”

                    แบคฮยอนเขย่าแขนผมเบาๆ

     

                    “ศพ...ศพฉันอยู่ตรงนั้น โคนต้นไม้นั่น..ฉะ..ฉันตาย ฉันตายแล้ว”

     

                    แบคฮยอนมองผมด้วยสายตาหนักใจ

     

                    “นายยังไม่ตาย...และนายก็จะไม่ตายด้วย”
     

                    ผมขมวดคิ้วกับคำพูดของแบคฮยอน เหมือนหูผมจะหายอื้อทันที ผมมองไปรอบข้าง จงแดนั่งพิงโคนต้นไม้มองผมด้วยสายตาเหยียดหยาม ชานยอลกับมินซอกยืนมองผมด้วยสายตาสงสัย จุนมยอนทำหน้าตกใจ เขาละล่ำละลักพูดออกมา


     

                    “นะ..นายเป็นเดจาวูใช่มั้ย?”

                    ชานยอลร้องเหวอออกมา แล้วพึมพำเป็นเชิงว่าเขาก็เคยเกิดอาการเดจาวูมาก่อน


     

                    “ไม่ใช่หรอก...เขาแค่สติกระเจิงนิดหน่อย เดี๋ยวเขาก็หาย”

                    แบคฮยอนบีบผมมือเบาๆ ผมเหมือนได้ยินเสียงหอนออกมาจากปากเขา แต่ตาของเขามองผมด้วยความเป็นห่วง


     

                    แบคฮยอนเป็นหมาป่า!!!!!  

     

                    ผมสะบัดมือเขาทิ้ง แล้วถอยหลังไปหาชานยอล หลังของเขาชนกับอกชานยอล เขาจับไหล่ผมให้พลิกตัวไปหาเขา...แล้วเขาก็แยกเขี้ยวขู่ผม

     

                    ผมดิ้นเพื่อให้หลุดจากชานยอล พยายามที่จะวิ่งไปหาจุนมยอนที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุดแต่จุนมยอนกลับแสยะยิ้มแล้วแยกเขี้ยขู่ผมอีกคน จงแดก็ด้วย!!!!

     

                    ผมร้องไห้โฮออกมาโดยไม่อาย ขาที่ก้าวออกไปกลับอ่อนแรง ผมเคยบอกแล้วว่าหนีไปยังไงก็ไม่รอด ยังไงผมก็ไม่รอด...และทุกคนหลอกผม ทุกคนคือหมาป่า!!! เขารวมหัวกันหลอกผม แล้วพวกเขาก็จะฆ่าผม

     

                    “คยองซู...นายเป็นอะไร?”
     

                    เสียงเย็นๆของมินซอกจากข้างหลังทำให้ผมดีใจยิ่งกว่าอะไร...เขายืนมองผมด้วยสายตาเอือมระอา




     

                    “พวกเขาเป็นหมาป่า....เขาจะฆ่าฉัน”

                    มินซอกถอนหายใจก่อนจะเดินไปหาแบคฮยอน


     

                    “พวกเขาไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้นแหละน่า”


     

                    ผมกระพริบตาถี่ๆเพื่อมอง แบคฮยอนไม่ได้หอนแล้ว ชานยอลเองก็ไม่ได้ขู่อีกแล้ว จุนมยอนกับจงแดก็ยืนอยู่นิ่งๆ ทุกคนมองผมด้วยสายตาเหนื่อยหน่ายและเอือมระอา...แล้วไอ้ที่ผมเห็นเมื่อกี้นี่มันคืออะไร?


     

                    “ตั้งสติหน่อยสิ นายจะถูกมันหลอกได้ง่ายๆเลยนะ”


     

                    แบคฮยอนดุผมเสียงแข็ง ทุกคนไม่ได้พูดถึงเรื่องที่ผมเห็นอีก มินซอกเดินนำทางมาได้อีกไม่นานก็เห็นหลังคาของบ้านพัก...

     

                    ความรู้สึกเหนื่อยทุกอย่างเหมือนถูกเป่าออกไป พวกเราวิ่งไปที่บ้านพักแบบลืมเหนื่อย ยิ่งเข้าใกล้เรื่อยๆเสียงหัวเราะของแต่ละคนก็ยิ่งดังขึ้น

     

                    เมื่อมาถึงหน้าบ้านพัก สิ่งแรกที่พวกเราทำคือทิ้งตัวลงนอนบนพื้น ฟ้ามืดพอดี หลังจากที่หายเหนื่อยมินซอกก็เปิดประตูบ้าน พวกเราเข้าไปข้างใน ข้าวของข้างในบ้านกระจัดกระจายอยู่ตามมุมต่างๆ ข้างในมืดสลัวๆ แบคฮยอนเดินไปเปิดไฟ พวกเราไม่มีใครพูดอะไรกันอีก ทุกคนต่างไปรวมกันที่ห้องครัว แต่ผมกลับเป็นคนเดียวที่ทิ้งตัวลงบนโซฟาและหลับไป...

     

                    ผมลืมตาขึ้นมาอีกทีก็เห็นแบคฮยอนนั่งอยู่บนพื้นข้างโซฟาที่ผมนอนอยู่ มือของเขามีกิมจิกระป๋องกับข้าวเปล่าหนึ่งจานวางอยู่ตรงหน้า เขายิ้มให้ผมแล้วเลื่อนจานข้าววางบนโต๊ะชุดตัวเล็กข้างโซฟา

     

                    “เราไม่มีแก๊ส กินนี่ไปก่อนนะ”

     

                    ผมพยักหน้า แล้วหยิบช้อนขึ้นมาตักข้าวกับกิมจิใส่ปาก

     

                    “ฉันจะไปอาบน้ำนะ เดี๋ยวรออยู่บนห้อง กินข้าวเสร็จแล้วตามขึ้นไปนะ”

     

                    แบคฮยอนยิ้มให้ผมแล้วเดินขึ้นชั้นบนไป ผมกินข้าวกับกิมจิจนหมดด้วยความหิว แล้วจึงยกจานไปล้าง มินซอกกำลังปอกแอปเปิ้ลอยู่ในครัว

     

                    “นึกว่านายหลับซะอีก”

                    มินซอกทักผมเมื่อผมวางจานลงบนซิงก์ เขาปอกแอปเปิ้ลได้โดยที่เปลือกไม่ขาด ผมละสายตาจากแอปเปิ้ลแล้วมองหน้าเขาแทน

     

                    “อืม...ตื่นแล้ว ตื่นเมื่อกี้นี้แหละ”

     

                    มินซอกพยักหน้า เขายื่นแอปเปิ้ลที่หั่นเป็นชิ้นแล้วให้ผม ผมรับมากัดเข้าปาก รสเปรี้ยวอมหวานของแอปเปิ้ลทำให้ผมรู้สึกดีเพราะได้รับน้ำตาล มินซอกอมยิ้ม เขานั่งลงบนโต๊ะอาหาร ผมจึงเดินไปนั่งบนเก้าอี้ตัวข้างๆ เขาแกว่งขาไปมา ดูเหมือนเขาจะอารมณ์ดี

     

                    มินซอกกระพริบตาถี่เหลือเกิน เขาดูเหมือนเป็นอะไรที่ตา ผมเอียงตัวตามเขาเพื่อดู จริงๆด้วย ตาของเขาดูบวมผิดปกติ

     

                    “มินซอก...ตานายเป็นอะไร?”

     

                    มินซอกเผลอเอามือลูบตาข้างขวาทันที เขาจิ๊ปากเบาๆแล้วก้มหน้าจนคอชิดกับอก
     

                    “ฉันอดนอนมาหลายคืนแล้วไง...ช่างมันเหอะ”


     

                    ผมถอนหายใจออกมาเสียงดังจนมินซอกหันมามอง ถ้าเขาปล่อยไว้อย่างนี้ต่อไปต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่ ผมลุกขึ้นยืนแล้วหยิบทิชชู่บนโต๊ะอาหารมาปึกเล็กๆปึกหนึ่ง แล้วเอาไปอังกับฮีตเตอร์(เครื่องทำความร้อน)จากนั้นผมก็กลับมาที่มินซอกอีกครั้ง เขาหยุดแกว่งขาเมื่อผมเข้าไปใกล้ ผมวางทิชชู่ที่กำลังอุ่นจัดบนตาข้างที่บวมของเขา มินซอกยื่นมือมาจับทิชชู่ไว้ ผมจึงปล่อยมือจากทิชชู่

     

                    “ทำแบบนี้ดูนะ น่าจะช่วยได้ อย่างน้อยมันก็หายเจ็บ”

     

                    มินซอกพยักหน้า เขาไม่ได้ยิ้มแสดงคำพูดขอบคุณหรือความรู้สึกว่าหายปวดตาเลยสักนิด เขาอึกอักก่อนจะตอบด้วยเสียงอ้อมแอ้ม

     

                    “อะ...อื้ม”

                    “ดีขึ้นยัง?”

                    มินซอกพยักหน้า เขายกนิ้วโป้งขึ้นชูให้ผม ดีแล้วล่ะ เพราะเขาเป็นเพียงไม่กี่คนที่ผมไว้ใจ...


     

                    “ฉันไปก่อนนะ”

     

                    ผมเดินออกมาจากครัว แล้วขึ้นไปบนห้องนอน ชานยอลนั่งอยู่บนเตียงของจงอิน ส่วนแบคฮยอนยังอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำ

     

                    “นายมาทำอะไร?”

     

                    ชานยอลเบะปาก เขาดูดนิ้วอีกแล้ว เข้าใจนะว่ามันเป็นนิสัยแต่มันทำให้เขาเป็นพวกสมองกลวงเกินไปแล้ว

     

                    “มาไม่ได้เหรอ?...แบคฮยอนบอกว่าฉันนอนด้วยได้”

     

                    ชานยอลทำหน้ารู้สึกผิด เขาก้าวขาลงจากเตียงเหมือนจะกลับห้อง

     

                    “อ้าว จะไปไหน?”
     

                    เสียงแบคฮยอนที่พึ่งออกจากห้องน้ำดังขึ้น ชานยอลยิ้มกว้าง และเขาต้องฟ้องแบคฮยอนแน่ๆ ไอ้....


     

                    “เออ ช่างมันเหอะ!!!


     

                    ผมตัดบทก่อนที่ชานยอลจะพูดอะไรไปมากกว่านี้ ผมเดินไปที่กระเป๋าเสื้อผ้าเพื่อหยิบเสื้อผ้าไปอาบน้ำ ไม่มีใครสนใจผม แบคฮยอนคงรู้แน่ว่าผมงอนเขาอยู่ แต่นิสัยนี้ของผมก็ไม่เคยมีใครแก้ได้...นอกจากแทมิน


     

                    เสียงของแบคฮยอนกำลังคุยกำลังคุยกับชานยอลเสียงดังมาถึงในห้องน้ำ ผมรำคาญจนต้องเปิดฝักบัวให้แรงที่สุดแล้วตะโกนร้องเพลงแข่งกับเสียงทุกอย่าง


     

                    พอผมอาบน้ำเสร็จและเปิดประตูออกมาก็พบกับมินซอกที่กำลังยืนดูของตกแต่งในห้องอยู่ ชานยอลยิ้มดีใจเมื่อเห็นผม แบคฮยอนมองจับจ้องอยู่ที่มินซอกอย่างตั้งใจ เขาชำเลืองมองผมนิดหนึ่งก่อนจะกันไปจ้องมินซอกต่อ

     

                    “มีอะไรกัน?”



     

                    ผมใช้ผ้าขนหนูซับผมให้แห้งเบาๆ มินซอกยิ้มบางๆ



     

                    “ฉันมาชวนนายไปนอนด้วย”

                    “ห้ะ?”
     

                    ทั้งผม ชานยอล และแบคฮยอนร้องออกมาแทบจะเป็นเสียงเดียวกัน มินซอกรีบโบกไม้โบกมือทันที

     

                    “ฉันหมายถึงไปนอนเป็นเพื่อน...ฉันไม่กล้านอนคนเดียว”

     

                    ผมพยักหน้าตอบรับ แอบได้ยินเสียงแค่นหัวเราะจากแบคฮยอน ทำไมล่ะ? ไม่อยากให้ไปใช่มั้ย? ก็ดีเหมือนกันถ้าผมต้องเห็นไอ้ชานยอลต่อไปผมคงนอนไม่หลับ เอาเป็นว่าไปนอนกับมินซอกก็ดีเหมือนกัน

     

                    “โอเค..”

                    มินซอกยิ้มพอใจก่อนจะกลับห้องไปก่อน แบคฮยอนรีบเดินมากระชากแขนผม


     

                    “อย่าไปนะ ขอร้องล่ะ”

                    “ทำไม”
     

                    แบคฮยอนเงียบ เขามองผมด้วยสีหน้าลำบากใจ

     

                    “ทำไมจะไปไม่ได้...อย่ามาทำตัวงี่เง่าใส่ได้ป่ะ อคติอะไรนักหนา”

     

                    ผมสะบัดมือออกจากแบคฮยอนแล้วเดินไปที่ห้องของมินซอก ตรงโถงทางเดินที่สุดทางนั้นมีกระจกบานใหญ่ตรงหน้าประตูห้องของชานยอลที่ผมไม่เคยสังเกต ผมสำรวจตัวเองในนั้น...

     

                    แก้มที่เคยอวบของผมซูบเซียว ขอบตาดำคล้ำ ตาของผมแดงเรื่อ ผมเริ่มมีอาการปวดตาแบบที่มินซอกเป็น มือของผมแห้งกร้าน...

     

                    ผมเคาะประตูแล้วมินซอกก็เปิดอย่างรวดเร็ว เขายิ้มไม่พูดอะไรมากนอกจากขอเปิดไฟนอน ก็ดีเหมือนกัน เพราะผมเองก็กลายเป็นคนกลัวความมืดไปซะแล้ว

     

                    มินซอกพลิกตัวไปมา เหมือนเขาเองก็นอนไม่หลับ ผมพลิกตัวตะแคงไปหาเขาที่นอนเอามือก่ายหน้าผากอยู่ เหมือนเขากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่

     

                    “นี่...นอนไม่หลับใช่มั้ย?”      
     

                    มินซอกตะแคงตัวมาหาผม เขาพยักหน้า
     

                    “มีอะไรอยากเล่าให้ฟังมั้ย?”

                    มินซอกยิ้มแล้วส่ายหน้า แต่ตาของเขามีแววตาของคนที่มีเรื่องเป็นกังวลอยู่ เขายกมือขึ้นมาแล้วเริ่มนับนิ้ว คิดว่าคงนับแทนการนับแกะมั้ง


     

                    “อี...เอร้อ.....ซาน....ซื่อ”

     

                    ผมนึกถึงเรื่องที่เคยเป็นประเด็นคุยระหว่างผม แทมิน และแบคฮยอนอยู่ครั้งหนึ่ง...และผมก็สงสัยอยู่หลายเรื่อง

     

                    “นายไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอเวลานายโดนแกล้งน่ะ นายทำหน้านิ่งตลอดเลย”

     

                    ผมหลุดปากพูดเรื่องที่สงสัยออกไป มินซอกหยุดนับนิ้ว เขาหันมาหาผม...เขาทำหน้านิ่งอีกแล้ว

     

                    “ถ้าฉันไม่ตอบสนอง...พวกมันก็จะหมดสนุกและหยุดไปเอง”

     

                    เขาพลิกตัวกลับไปนอนหงายมองเพดาน แต่ผมก็เคยเห็นเขาร้องไห้...วันนั้นฝนตกตอนกลับบ้าน พวกเราลืมเอาร่มมาและหลายคนนั่งรอให้ฝนหยุดตก...แต่มินซอกกลับเดินลงบันไดมาแล้วเดินออกไปเลยโดยที่ไม่มีร่ม เสียงฮือฮาดังขึ้น นักเรียนชายและนักเรียนหญิงหลายคนหัวเราะเขา แต่ก็มีบางคนที่ทำหน้าเหมือนสงสาร เขาคงโดนแกล้งมาอีกแล้ว

     

                    “ทำไมเขาถึงโชคร้ายอย่างนี้...”


     

                    แบคฮยอนพูดขึ้นมาเรียบๆ แล้วก้มลงอ่านหนังสือต่อ ผมมองไปที่หน้าต่างข้างๆ ผู้หญิงที่ชื่อเฉิงเฉิงมองเขานิ่ง ทั้งคู่เป็นพี่น้องฝาแฝดกัน...แต่ไม่มีอะไรที่เหมือนกันนอกจากนามสกุล เฉิงเฉิงมองมินซอกด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เธอกลับมานั่งที่โต๊ะเรียนโดยไม่พูดอะไร

     

                    “ทำไมถึงซวยซ้ำซวยซ้อนอย่างนี้นะมินซอก”

     

                    ผมพูดออกมาเบาๆ แทมินถอนหายใจแต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรอีกเพราะเฉิงเฉิงนั่งอยู่โต๊ะข้างๆเรา ผมหันกลับไปมองมินซอกที่กำลังเดินผ่านหน้าไป ไหล่ของเขาสั่นเทิ้มหลายคนคงคิดว่าเขาหนาว...แต่ดูจากหน้าของเขาทำให้ผมรู้สึกตัวชาทันที....

     

                    มินซอกร้องไห้...เขาจงใจเดินตากฝนเพื่อให้น้ำฝนปิดบังน้ำตา


     

                    แล้วจะไม่ให้ผมทำดีกับเขาได้ยังไง




     

                    เสียงหายใจของมินซอกที่นอนอยู่ข้างๆทำให้ผมอุ่นใจ ผมค่อยๆปล่อยตัวเองให้หลับไป...

     

    ▀�▀�▀

     

                                 เสียงคุยกันดังอยู่ข้างนอกห้อง ผมหันไปมองมินซอก เขานอนหันหลังให้ผม ลมหายใจสม่ำเสมอ นั่นก็แสดงว่าเขาหลับอยู่ ผมก้าวขาลงจากเตียง เพื่อออกไปดู...
     

                    ผมค่อยๆแง้มประตูออกไป ทุกคนกำลังเดินออกไปที่ห้องโถง แต่แปลกที่ไม่มีใครมาปลุกผมกับมินซอกเลย ทุกคนคุยกันอย่างเงียบๆและผมก็เห็นบุคคลใหม่ยืนอยู่ตรงนั้น ข้างๆชานยอล

     

                    ผมก้าวออกจากห้องเดินไปที่พวกเขา จุนมยอนเป็นคนแรกที่เห็นผม เขาสะกิดให้ทุกคนรู้ว่าผมมา

     

                    “นายมาคนเดียวเหรอ?”

                    “อืม...ทำไมมีอะไรไม่บอกอ่ะ”


     

                    ผมตะคอกใส่แบคฮยอนด้วยความฉุน เขาหลบตาผม แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร พวกเราลงมาที่ห้องนั่งเล่น ผมพยายามมองว่าคนที่มาใหม่นั้นชื่ออะไร..ดูเหมือนเขาจะชื่อเลย์นะ


     

                    “เอาล่ะ เล่ามาเลยว่านายไปไหนมา แล้วกลับมาที่นี่ได้ยังไง”
     

                    “ฉันเหรอ...”

     

                    เลย์กลืนน้ำลาย เขามองไปรอบๆห้องก่อนที่จะเริ่มเล่า


     

                    “วันที่เกิดเรื่อง ฉันหนีออกมาหลังจากที่ไอ้หมาตัวนั้นมันถูกฉันขว้างของใส่ ตอนที่ฉันหนีฉันไม่ได้ดูเลยว่าใครไปยังไงบ้าง..มันตัวใหญ่มากเลย แต่ฉันก็หนีไปไหนได้ไม่ไกลมากหรอก พอเช้าฉันก็ย้อนกลับมา...แล้วก็เฝ้าดูบ้านอยู่ห่างๆ ยังไม่กล้าเข้ามา แล้ววันก่อนฉันกำลังคิดอยู่ว่าจะกลับเข้ามาดีมั้ย...มินซอกก็กลับมา”

     

                    เลย์หยุดพูด ทุกคนเหมือนกำลังรอฟังเขาพูดต่อ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

     

                    “แล้วไงต่อ...”

     

                    “อะ...เอ่อ คือ...”

     

                    เลย์อึกอัก เหมือนเขาจะไม่อยากพูด

     

                    “เออ แล้วนายรู้ได้ไงว่าพวกฉันอยู่ที่นี่”

     

                    แบคฮยอนถามขึ้นทำลายความอึดอัด เลย์สบตาแบคฮยอนแล้วยิ้ม

     

                    “ฉันเห็นไฟเปิดตั้งแต่หัววันแล้ว..เลยลองดูสถานการณ์ก่อนว่าเป็นใคร พอรู้ว่าเป็นพวกนายฉันเลยเข้ามา ฉันดีใจจริงๆที่เจอพวกนาย”

     

                    ทุกคนคุยกันอย่างออกรส มีแค่ผมที่นั่งเงียบเพราะไม่มีเรื่องคุย แบคฮยอนคงลืมผมไปแล้ว ลืมไปแล้วว่าเราเป็นเพื่อนสนิทกัน...

     

                    ผมปลีกตัวออกมาอย่างเงียบๆ แล้วเดินกลับไปที่ห้องเพื่อไปนอน มินซอกยังคงนอนหลับอยู่ ผมค่อยทิ้งตัวลงบนเตียงแล้วข่มตานอนอีกครั้ง...

                   

    ▀�▀�▀

     

                    เสียงเอะอะดังขึ้นอีกครั้งเมื่อผมหลับไปได้ไม่นาน มินซอกไม่ได้นอนอยู่ข้างๆผม เสียงขู่
    คำรามสลับกับเสียงร้องเอ๋งของหมาดังอยู่ข้างนอกห้อง เสียงตะโกนผสานกันของเพื่อนๆผมสลับกันไป

    มา ผมขาสั่นจนไม่กล้าลุกขึ้นยืน ภาพต่างๆซ้อนเข้ามาในหัวผม...ภาพคนตาย




     

    .......ภาพที่เยจินตาย




     

    ......ภาพที่แทมินตาย




     

    บรรยากาศที่น่ากลัวหลังจากที่มีคนตาย.....





     

    เสียงประตูเปิดออก มินซอกเป็นคนเข้ามา




     

    “คยองซู มานี่!!!




     

    ยังไม่ทันที่ผมจะได้เอ่ยปากพูดอะไร มินซอกก็คว้าแขนผมไปที่ตู้เสื้อผ้าริมหน้าต่าง เขาเปิดประตูตู้เสื้อผ้าแล้วดึงเสื้อทุกตัวออกมาจากตู้






                  แล้วเขาก็พยายามดันผมเข้าไปในนั้น
    !




     

    “โอ๊ย เจ็บ...มินซอกนายจะทำอะไรน่ะ”



     

    ผมพยายามขัดขืนเขา ทั้งข่วนทั้งดิ้นแต่เขาก็แรงเยอะกว่าผม เขาผลักผมให้เข้าไปอยู่ในตู้เสื้อผ้า




     

    ผมมองตาเขา....มินซอกไม่แม้แต่จะมองหน้าผม


     

    น้ำตาผมไหลจนมองเห็นหน้ามินซอกไม่ชัด รู้แต่ว่าเขายัดผมใส่ตู้ได้สำเร็จแล้ว ผมพยายามดันตัวออกไปนอกตู้อีกครั้ง แต่มินซอกผลักหัวผมเข้ามา



     

    ผมมองตาเขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนประตูตู้ปิด...แววตาของเขานิ่งสงบ


     

    ....เขาไม่มองหน้าผม





     

    ประตูตู้ปิดลงและเสียงของลวดหรืออะไรสักอย่างเกี่ยวกันแน่น ข้างในมืดและอับมาก ผมเขย่าประตูตู้แรงๆ แต่มันขยับเพียงเล็กน้อย


     

    มินซอกขังผม...เขาขังผมทำไม?






     

    ทั้งๆที่ผมไว้ใจเขาแท้ๆ...







     

    เขาขังผมทำไม?
     

    [Kyungsoo]

     

    [Baekhyun]

                    ผมสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงเดินและเปิดประตูอยู่ชั้นล่าง ชานยอลนอนอยู่บนเตียงเงียบกริบ เขาคงไม่รู้เรื่องสินะ ผมหยิบขวดมูสแต่งผมของชานยอลลงมาข้างล่างด้วย เพื่อดูว่ามีอะไร


     

                    ผมหยุดอยู่ตรงบันได ร่างสูงกำลังเดินเข้ามาในบ้าน แสงจันทร์จากข้างนอกสาดส่องเข้ามาทำให้ผมมองเห็นหน้าเขาไม่ชัด...หรือว่าเขาคือหมาป่า?


     

                    คนๆนั้นเริ่มเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ทำให้ผมเริ่มเห็นเขาชัดขึ้นๆ และผมก็ต้องร้องเหวอเพราะคนๆนั้น...คือเลย์ที่ช่วยชีวิตผม!!!


     

                    “แบคฮยอน”


     

                    แต่เลย์ยิ้มดีใจที่เห็นผม เขารีบเดินตรงมาที่ผม ผมถอยหลังอย่างรวดเร็ว ก็ผมยังไม่ค่อยแน่ใจนี่นา...

     

                    “มีอะไร...นี่ฉันเองนะ”

     

                    เลย์ดูผิดหวังกับท่าทีของผม นัยน์ตาของเขาดูผิดหวังจริงๆ นี่ผมควรเชื่อใจเขามั้ย?



     

                    หลังจากที่เลย์อธิบายเรื่องคร่าวๆให้ฟัง ผมก็เริ่มเข้าใจ จึงเดินไปปลุกทุกคน ยกเว้นมินซอกกับคยองซู เพราะว่าผมไม่ไว้ใจมินซอก และถ้าผมไปปลุกคยองซู มินซอกก็อาจจะรู้ ตอนนี้ยังไม่เป็นไร มินซอกคงยังคิดว่าผมสงสัยคนอื่นอยู่...


     

                    พวกเรานั่งคุยกันสักพักคยองซูก็โผล่มา เขาเหมือนไม่พอใจอะไรอยู่ พอเริ่มง่วงพวกเราก็แยกย้ายกันไปนอน เลย์นอนกับจงแดและจุนมยอน


     

                    ผมนอนไม่หลับเลยลงมานั่งเล่นข้างล่าง สายตาของผมเหลือบไปเห็นเงาของร่างร่างหนึ่งมาด้อมๆมองๆอยู่หน้าบ้าน...ใครกัน?


     

                    ผมแอบไปซ่อนอยู่ข้างหลังโซฟาทันที เงาของคนๆนั้นใกล้เข้ามา เขาเกาตามตัว แล้วค่อยๆหมอบคลานเข้ามา...


     

                    ใช่แน่ๆ...

     

                    เป็นมันแน่ๆ...หมาป่าตัวนั้นแน่ๆ!!!

     

                    ผมกระชับกระป๋องสเปรย์แน่น มันค่อยๆเปิดประตูออกและคลานเข้ามาคล้ายกับหมาที่ย่องไปขโมยของ...


     

                    ผมเอื้อมมือไปเปิดไฟเพื่อดูว่าใครกันที่เป็นหมาป่า...ใจของผมเองเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ มือสั่นและหายใจติดขัด ผมกำลังจะได้รู้ในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้แล้วว่าใครคือหมาตัวนั้น...











     

                อยากรู้จนใจจะขาด...


























     

                ผมตบสวิตซ์ไฟเบาๆ...






     

    ให้ตายสิครับ...




     

    สิ่งที่ไม่น่าเชื่อได้เกิดขึ้นอีกครั้ง













     

    ก็หมาป่าที่ผมว่าน่ะ...































     

    .....ชื่อเซฮุนไงครับ
     

    [Baekhyun]

     

    ไรท์เตอร์ชื่อแป้งค่ะ

     

     

    ไม่ใช่ลี่หรือจ๋า

     

    มีคนทักเราผิดอ่ะ น้อยใจ ฮือออออออออออออออออออออ

     

     

     

     

     

     

     

     

    ต้องขอโทษก่อนที่มาอัพช้ากว่ากำหนดนะคะ

    เพราะว่าเราทำสมุดฟิคหายที่โรงเรียน

    และไอ้ที่สำคัญคือ..ใช้สมุดโรงเรียนเขียน

    5555555555555555555555555555555555555555

    ต้องมานั่งแต่งใหม่หมดเลย แต่งไว้เกือบจบแล้วด้วย เสียดายพล็อตมากอ่ะ ฮือออออออ

    จำพล็อตเดิมไม่ได้แล้วด้วย ฮือออออออออออออออออ

    --------------------------------------------------------------

    เป็นไงคะ เดาถูกกันบ้างมั้ย? 55555555

    จากที่ตามส่องอ่านในแท็กก็เดาถูกกันหลายคนเลยนะ เก่งๆ

    ปริศนา :: เงา

    เนื่องจากก่อนหน้านี้อัพไว้เพียงความว่างเปล่า ต้องขอโทษด้วย หิหิ

    แต่ตอนนี้ไม่หลอกล่ะๆ 5555555555

    ก็คะแนนโหวตมันลดอ่ะ เลยแกล้งนิดนึง ขำๆ

    คะแนนโหวตลดครับได้ยินมั้ยพี่น้อง

    อัพครั้งหน้ายังไม่รู้กำหนดนะคะ

    น่าจะสักวันที่ 5

    เผื่อหาสมุดฟิคเจอ


    มีอะไรให้ดูอีกล่ะ

    จูบตูดรัวๆๆๆๆๆๆๆๆ





    ช่วงนี้จะซื้ออะไรก็ประหยัดๆกันมั่งเน้อ นี่เตือนแล้วนะ!























    Ha .ha
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×