คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : บทที่ 9 (3) เด็กน้อยรู้ความ
การได้เห็นภาพบรรยากาศเดิมๆ ที่ภคนางค์คอยดูแลคุณรัมภาและคุณรวิตาบนโต๊ะอาหารเช้า คอยตักกับข้าวให้ ชวนพูดคุยเป็นระยะ ทั้งยังหันไปคุยหยอกล้อกับลูกสาวที่ได้รับอนุญาตให้นั่งร่วมโต๊ะด้วยหลังจากที่แม่ป้อนข้าวเรียบร้อย หนูน้อยจึงมีผักต้มไว้แทะเล่นเพราะร้องจะหม่ำๆ อ้าปากจิ้มลิ้มรอจนน้ำลายยืดเวลาเห็นแม่ตักข้าวเข้าปากตลอด ทำให้ภาวินทร์รู้สึกว่าเป็นการเริ่มต้นเช้าวันใหม่ที่แสนอบอุ่นเหลือเกิน หากเขาพลาดไปคงรู้สึกเสียดายแย่ รู้ซึ้งถึงคำว่างานไม่สำคัญเท่าครอบครัวก็วันนี้ละ
หลังจากรับประทานมื้อเช้าอย่างพร้อมหน้า ชายหนุ่มจึงเตรียมตัวจะออกไปทำงานโดยมีภคนางค์อุ้มลูกเดินตามออกมาส่ง ความจริงเธอคงไม่ได้เต็มใจอยากจะออกมานัก แต่ว่ามีนักชงมือวางอันดับหนึ่งประจำบ้านอย่างคุณรวิตาบอกกับหลานสาวว่าให้ออกไปส่งพ่อไปทำงานที่หน้าบ้าน ยายหนูก็เหมือนจะรู้งานเหลือเกิน กระดี๊กระด๊าจะให้เขาอุ้มใหญ่ ซึ่งภคนางค์คงรู้นั่นละว่าเนื้อตัวลูกมอมแมม กลัวว่าจะเลอะชุดทำงานเขา ก็เลยเป็นฝ่ายอาสาอุ้มพาออกมาแทน เพราะไม่มีทางเลี่ยงอยู่แล้วเนื่องจากมารดาของเขาก็ต้องดูแลคุณรัมภา
ภาวินทร์หยุดยืนที่บันไดขั้นสุดท้ายที่หน้าเทอร์เรซแล้วหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับคนที่อุ้มลูกเดินตามหลังมา สอดมือลงในกระเป๋ากางเกงด้วยท่าทีผ่อนคลายในยามมองลูกสาวที่ยังคงเอร็ดอร่อยกับการกัดแทะแคร์รอตต้มในมือด้วยความเอ็นดู กินอะไรก็ดูอร่อยไปซะหมดจริงๆ
“พ่อไปทำงานแล้วนะครับ เจอกันตอนเย็นนะลูก”
ชายหนุ่มขยับเข้าไปหาเล็กน้อยแล้วหอมแก้มป่องๆ อันมอมแมมของลูกเบาๆ จังหวะที่ผละตัวออกห่างยายตัวน้อยก็โน้มตัวลงมาตาม เขาจึงใช้มือดันพุงอวบๆ ไว้อย่างนุ่มนวลเพื่อที่ภคนางค์จะได้ไม่ต้องรับน้ำหนักลูกมากเกินไป ขณะริมฝีปากหยักแต้มด้วยรอยยิ้มบางๆ เมื่อลูกยิ้มร่าใส่ระหว่างรอคอยให้อุ้มเหมือนเช่นทุกครั้ง
“พ่อจะไปทำงาน เดี๋ยวตอนเย็นกลับมาอุ้มหนูนะครับ” ภาวินทร์พยายามทำใจแข็งกับดวงตาใสแจ๋วที่มองตาไม่กะพริบ ความน่ารักของน้องพลินทร์ทำให้ใจของคนเป็นพ่ออบอวลไปด้วยความสุข
“แอะ!”
เด็กน้อยประท้วงพร้อมทั้งยื่นมือออกไปหาเมื่อพ่อไม่ยอมอุ้มเสียที ดวงตากลมโตเริ่มส่งกระแสเว้าวอน ทำเอาภาวินทร์ใจอ่อนยวบยาบ กระนั้นก็ยังพยายามแข็งใจเพราะกลัวว่าถ้ายอมอุ้ม พอต้องส่งคืนให้ภคนางค์แล้วแกจะร้อง ใจจริงก็อยากพาภคนางค์กับลูกไปทำงานด้วย แต่คิดว่าหญิงสาวคงไม่มีทางยอมไปแน่ๆ คงต้องรออีกสักพักภาวินทร์ถึงจะพาเมียกับลูกไปเปิดตัว
“มำ ม่ะ!”
“พ่ออุ้มไม่ได้จ้ะ หนูตัวเปื้อนอยู่ ต้องอาบน้ำก่อนนะลูก” เพราะลูกเริ่มเอาแต่ใจภคนางค์จึงกระซิบหลอกล่อ
คราวนี้หนูน้อยละสายตาจากพ่อแล้วหันไปมองแม่ที่กำลังระบายยิ้มอ่อนโยนให้ราวกับรู้ความ พลอยทำให้ภาวินทร์อดยิ้มไม่ได้ เขาไม่รู้ว่าน้องพลินทร์รู้เรื่องไหมว่าแม่พูดอะไร แต่ดูเหมือนแกจะเชื่อฟังพอสมควร ภคนางค์อยู่กับลูกมาก่อนคงมีวิธีจัดการกับลูกในแบบของเธอ
“พ่อต้องไปทำงาน เดี๋ยวน้องพลินทร์ไปอาบน้ำให้ตัวหอมๆ รอพ่ออยู่บ้านดีกว่าเนอะ” เสียงอ่อนหวานคุยหยอกล้อพร้อมยิ้มเพื่อล่อหลอกลูกสาว พูดเรื่องอาบน้ำทีไรหมาน้อยของแม่จะว่าง่ายขึ้นมาทันที
“แอ้!” น้องพลินทร์ยิ้มร่าตอบรับคำพูดของแม่ เริ่มดี๊ด๊าเมื่อรู้ว่าจะได้อาบน้ำ
“เก่งจังเลย งั้นบ๊ายบายพ่อก่อน เดี๋ยวแม่พาไปอาบน้ำ”
หญิงสาวขยับตัวเพื่อให้ลูกหันไปหาภาวินทร์แล้วจับมือน้อยขึ้นเพื่อให้บ๊ายบาย ซึ่งน้องพลินทร์ก็ทำด้วยความไร้เดียงสา ใบหน้าน่ารักของเด็กอารมณ์ดีมีรอยยิ้มสดใสแทบตลอดเวลา
“ยิ้มหวานให้พ่อด้วย...” พอแม่บอกเด็กหญิงตัวน้อยก็ทำตามอย่างว่าง่าย ฉีกยิ้มโชว์ฟันซี่เล็กให้พ่อแล้วขย่มตัวขึ้นลงเบาๆ อย่างร่าเริง
“ลูกสาวพ่อเก่งจังเลย เจอกันตอนเย็นนะครับ เดี๋ยวพ่อรีบกลับมาหา”
ภาวินทร์ขยับเข้าไปหอมหน้าผาก หอมแก้มย้วยๆ อีกครั้งแล้วคลี่ยิ้มอบอุ่น ก่อนจะละสายตาจากลูกเพื่อมองอดีตภรรยา รอยยิ้มอ่อนหวานของเธอจางหายไปทันทีที่สบตากับเขา พลันทำให้อารมณ์แจ่มใสของภาวินทร์ถูกแทนที่ด้วยความขุ่นมัว แค่จะยิ้มให้อดีตผัวมันฝืนใจเธอมากนักหรือไง
“เดี๋ยวตอนเย็นฉันจะกลับมาคุยเรื่องลูก จะได้จัดการอะไรให้มันเรียบร้อย” บอกเสียงขรึมด้วยความรู้สึกคุกรุ่นในอก ดวงตาคมดุมองเรียวหน้าหวานหยดที่ไร้รอยยิ้มแล้วบดเบียดกรามแกร่งเข้าหากันเบาๆ
“ค่ะ” ภคนางค์รับคำเสียงเรียบแล้วกระชับอ้อมแขนขึ้นเมื่อลูกเริ่มอยากจะลงบนพื้น เพราะเมื่อครู่เลิกสนใจพ่อแล้วหันไปสนใจบ่อปลาคาร์ฟที่อยู่ด้านข้างแทน
ชายหนุ่มพยักหน้าเบาๆ แล้วหมุนปลายเท้าเดินไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ โดยมีแววตาคู่หวานของภคนางค์มองตามหลัง ในยามที่อยู่ในมาดนักธุรกิจในชุดสูทสากลสีเข้ม ภาวินทร์ทั้งดูสง่างาม น่าเกรงขาม และเคร่งขรึมดุดันมากนัก เขาดูดีทุกกระเบียดนิ้ว ต่างจากเธอที่เป็นแค่เด็กกำพร้าในบ้าน ไม่มีอะไรคู่ควรกันเลยสักนิด
“แอ๊ะ!!” น้องพลินทร์ดูเหมือนจะไม่สนใจพ่อแล้ว เพราะปลาหลากสีสันในบ่อนั้นเรียกความสนใจจากหนูน้อยได้มากกว่า เลยพยายามจะดิ้นลงจากอ้อมแขนแม่ไปหาปลาให้ได้
“มาาา ม่ะ!” หนูน้อยเริ่มร้องเสียงดังและดิ้นอย่างเอาแต่ใจเมื่อไม่ได้ดั่งใจ
“โอเคจ้ะ เดี๋ยวแม่พาไปดูใกล้ๆ”
ภคนางค์ว่าอย่างอ่อนใจแล้วอุ้มพาเดินไปที่บ่อปลาคาร์ฟขนาดใหญ่ ซึ่งมีปลาสีสวยหลายสิบตัวกำลังแหวกว่ายอวดโฉมความงดงาม ปลาสวยงามเหล่านี้คุณรัมภาเป็นคนหามาเลี้ยงเอาไว้นับสิบปีแล้ว เธอได้เห็นมาตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งมีปลาคาร์ฟถูกนำมาเลี้ยงหลายรุ่นแล้ว ดูเหมือนยายหนูของเธอจะตื่นตาตื่นใจเหลือเกินเพราะมองตาไม่กะพริบเลย
“มาา!” นิ้วเล็กๆ ชี้ไปที่ปลาตัวโตสีสันสวยงามแล้วยิ้มร่าเริงเมื่อมารดาพาเข้าไปนั่งข้างๆ ขอบบ่อซีเมนต์เพื่อให้ดูใกล้ๆ
“ปลาลูก ไหนเรียกปลาซิ ปลา ปลา”
สอนลูกพูดพลางชี้ไปที่ปลาคาร์ฟเพื่อจะได้รู้ว่าสิ่งมีชีวิตที่อยู่ตรงหน้านั้นเรียกว่าปลา ระบายยิ้มอ่อนหวานเมื่อเห็นลูกนั่งนิ่งต่างจากเมื่อครู่ที่พยายามจะปีนลงจากอ้อมแขน มองแล้วอ้าปากค้างจนน้ำลายยืดเชียว หมาน้อยของแม่ชอบสัตว์เป็นชีวิตจิตใจจริงๆ ไม่เคยกลัวอะไรเลย
“พลินทร์เรียกปลาซิลูก ปลา...”
“อาาา” เพราะอยู่ในวัยหัดพูด น้องพลินทร์เลยยังออกเสียงไม่เก่งนัก ทว่าก็ทำให้คนเป็นแม่ยิ้มอย่างชื่นใจแล้วที่ลูกสาวเรียนรู้ในสิ่งที่แม่ค่อยๆ สอน
“ไหนเรียกปลาอีกทีให้แม่ชื่นใจซิ ปลา...”
“อา...” ในยามออกเสียงตามที่แม่บอก ปากจิ้มลิ้มน่ารักนั้นก็อ้ากว้างอย่างน่าเอ็นดู ดวงตาใสแจ๋วเฝ้ามองตามพี่ปลาฝูงใหญ่ที่ว่ายวนไปมาด้วยความสนใจ
“หมาน้อยของแม่เก่งจังเลย”
หญิงสาวหอมกระหม่อมเล็กเบาๆ ด้วยความเอ็นดู พาลูกนั่งดูปลาอยู่สักพักจึงพาเข้าบ้านไปอาบน้ำ น้องพลินทร์ที่ได้ศัพท์ใหม่เป็นคำว่า ‘อา’ แทนคำว่า ‘ปลา’ ก็พูดถึงไม่หยุด
+++++
มีความคิดเห็นยังไง ฝากคอมเม้นให้กำลังใจด้วยนะคะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ / อิงธารา
e-book >> https://goo.gl/K5N86N
หรือ get it now ค่ะ
ความคิดเห็น