NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ภาวินทร์ภคนางค์

    ลำดับตอนที่ #37 : บทที่ 13 (2) แค่ปากที่แข็ง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1K
      33
      22 เม.ย. 67


     

     

    เพราะจิตใจของภาวินทร์พร่ามัวไปด้วยความปรารถนาอย่างมหาศาล อยู่ใกล้ๆ ภคนางค์แล้วกลายเป็นคนขาดความยับยั้งชั่งใจไปชั่วขณะ ชายหนุ่มปลดปล่อยความต้องการที่มีต่ออดีตภรรยาที่ตอนนี้กลับมาเป็นภรรยาอีกครั้งอย่างไม่รู้จักอิ่มจักพอ อาจเป็นเพราะความโหยหาที่มีมากมาย บวกกับความคิดถึงที่มีอย่างท่วมท้น ทำให้บดอัดความต้องการเข้าสู่กายสาวอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

    หลังจากศึกสวาทครั้งสุดท้ายในความคิดของเขาจบลง ภาวินทร์ก็อุ้มร่างอรชรที่ไร้เรี่ยวแรงเพราะต้องรองรับอารมณ์พิศวาสหวามนานนับสามชั่วโมงเข้าไปชำระกายในห้องน้ำเพื่อที่จะได้หลับสบาย แม้เปลือกตาของเธอแทบจะเปิดปรือไม่ขึ้นแล้วก็ตาม ทว่าความกระหายที่ยังไม่มอดดับก็ทำให้ความอดทนที่มีเพียงน้อยนิดของเขาแตกออกเป็นเสี่ยงๆ จับร่างอ้อนแอ้นหันเข้าหาผนังใต้เรนชาวเวอร์ แล้วฝังกายเข้าหาจากด้านหลังอย่างเร่าร้อนอีกครา ยิ่งได้ยินเสียงหวานครวญครางรับอย่างไม่เป็นศัพท์ยิ่งรู้สึกฮึกเหิม กว่าบทรักร้อนฉ่าใต้สายน้ำจะจบลงก็กินเวลาไปอีกเกือบครึ่งชั่วโมง ก่อนจะรีบล้างตัวให้แล้วอุ้มมาวางที่เตียง ก่อนที่เขาจะหน้ามืดแล้วรังแกเอาอีกรอบ

    “นอนกับผัวแค่นี้ถึงกับร้องห่มร้องไห้เลยเหรอ”

    เสียงร้องไห้กระซิกๆ ของคนที่นอนขดตัวอยู่ในผ้าห่มหลังผ่านสมรภูมิรักอันดุเดือดและร้อนแรง ไม่ได้ทำให้ภาวินทร์รู้สึกรำคาญแต่อย่างใด เพียงแค่ไม่เข้าใจว่าการนอนกับผัวตัวเองมันน่าเสียใจนักหรือไงถึงต้องร้องไห้ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นก็ครวญครางอย่างสุขสม ไม่มีท่าทีว่าจะฝืนใจเลยสักนิด

    “คุณไม่ใช่สามีนางค์ ฮึก...ฮือ”

    ภคนางค์บอกเสียงสะบัดแล้วสะอื้นเบาๆ ทั้งโกรธทั้งเจ็บใจที่ต่อต้านเขาไม่ได้เลยในครั้งหลังๆ เธอพยายามเว้าวอนขอให้หยุด แต่ภาวินทร์ก็ไม่ฟังเลยสักนิด เขาล่อลวงเธอด้วยประสบการณ์อันเหนือชั้น มิหนำซ้ำยังไม่มอบความปรานีให้ แม้เธอจะเหนื่อยจนแทบขาดใจ แต่ยังคงเอาแต่ใจตักตวงไม่จบสิ้นราวกับคนไม่รู้จักพอ

    “ฉันเป็นผัวเธอ เป็นแล้วเป็นอีกยังจะกล้าปฏิเสธว่าไม่ใช่อีก”

    ภาวินทร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงห้วนด้วยความรู้สึกฉุนจัด เขาปรนเปรอเธอด้วยบทรักเร่าร้อนจนเตียงแทบมอดไหม้ครั้งแล้วครั้งเล่า หญิงสาวยังกล้าปฏิเสธอีกว่าไม่ใช่ แล้วที่ทั้งครางทั้งกอดเขาแน่นน่ะมันหมายความว่ายังไงกัน หรือที่เพิ่งตอกย้ำมาหมาดๆ ในห้องน้ำยังไม่ชัดเจนมากพอ ถ้าไม่ติดว่ารังแกไปหลายรอบแล้วจะจัดให้อีกสักรอบหนักๆ จะได้เลิกปากแข็งเสียที

    “ยังไงก็ไม่ใช่ นางค์ไม่ยอมรับหรอก ฮือ...” หญิงสาวไม่ยอมรับคนเอาแต่ใจอย่างเขาเป็นสามีง่ายๆ แม้เต็มอกเต็มใจตอบรับทุกการปรนเปรออันวาบหวาม

    ชายหนุ่มได้แต่ทำเสียงฮึดฮัดในลำคออย่างนึกฉุน กัดฟันกรอดระงับอารมณ์คุกรุ่นที่เมียจอมดื้อรั้นก่อกวนขึ้น

    “เออ! ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ อยู่กันไปอย่างนี้จนกว่าจะใช่ก็แล้วกัน”

    แม้ปากเอ่ยถ้อยคำแสนร้าย แต่วงแขนแกร่งกลับโอบกอดร่างอ้อนแอ้นเข้ามาแนบอกอย่างนุ่มนวลแล้วจรดจุมพิตที่ข้างขมับนิ่มด้วยสัมผัสที่เต็มไปด้วยความถนอม ต่อให้ภคนางค์พยายามปฏิเสธอย่างไรก็หนีการเป็นเมียเขาไม่พ้นหรอก

    “นางค์ไม่อยู่แล้ว พรุ่งนี้นางค์จะพาลูกกลับบ้าน!”

    ภคนางค์ประชดประชันเสียงเครือ ไม่ต่อต้านอ้อมแขนที่โอบกอดเพราะแรงจะขยับตัวยังแทบไม่มี เหนื่อยจนปรือเปลือกตาแทบไม่ขึ้น ถ้าเธอไม่หมดแรงจนทรุดในห้องน้ำภาวินทร์คงยังไม่ยอมหยุดแน่ๆ เธอเหนื่อยจนสายตัวแทบขาด แต่เขากลับยังคึกไม่หยุดราวกับคนอดอยากปากแห้งมานาน ไม่คิดจะสงสารกันเลยสักนิด

    “อย่าคิดว่าจะพาลูกไปจากฉันได้ง่ายๆ ภคนางค์”

    กระซิบข่มขู่เสียงเหี้ยมเกรียมแล้วจูบแก้มนุ่มที่เปียกชื้นเพราะน้ำตาหนักๆ แขนแกร่งโอบรัดร่างนุ่มละมุนอ่อนปวกเปียกให้แนบชิดกายมากขึ้น แม้จะเป็นเพียงแค่คำประชดประชันในยามโมโห แต่ภาวินทร์ก็ไม่อยากจะได้ยินคำนั้นจากปากของภคนางค์ คิดอย่างจริงจังแล้วใช้แววตาอบอุ่นทอดมองคนแสนดื้อที่นอนหลับตาพริ้มอยู่กับอกนิ่ง แล้วเกลี่ยเส้นผมที่ตกระเรียวหน้ารูปไข่ออกอย่างเบามือ

    เมื่อก่อนตอนที่ยังเป็นสามีภรรยาเขาไม่เคยให้เวลาให้ความสนใจคนข้างกายอย่างจริงๆ จังๆ ขนาดนี้เลย ถึงได้คิดว่าเธอไม่สำคัญแล้วยอมปล่อยให้ออกไปจากชีวิตอย่างง่ายดาย พอเธอไม่อยู่ก็แทบทุรนทุรายเสียให้ได้ มิหนำซ้ำการที่ต้องพยายามข่มความต้องการของตัวเองเพื่อไม่ได้ตามหาภคนางค์นั้นเป็นเรื่องยากเย็นเหลือเกิน กระนั้นภาวินทร์ก็ยังใจแข็งมาได้เกือบสองปี เพราะเฝ้าเตือนตัวเองเสมอว่าควรปล่อยให้หญิงสาวได้ไปใช้ชีวิตที่อิสระอย่างที่เธอต้องการ

    แต่ตอนนี้ภาวินทร์รับรู้แล้วว่าให้ตายอย่างไรเขาก็ปล่อยผู้หญิงคนนี้ออกไปจากชีวิตอีกครั้งไม่ได้แล้ว ในเมื่อเคยมีเธออยู่มาตั้งแต่แรกก็อยากจะให้มีตลอดไป และจะใช้เลือดเนื้อเชื้อไขตัวน้อยๆ ผูกมัดเอาไว้ไม่ให้มีข้ออ้างหนีไปไหนได้อีก ลูกต้องมีครบทั้งพ่อและแม่ เขาเองก็ต้องมีเธอเป็นคู่ชีวิตเช่นกัน!

     

    **********

     

    เปลือกตาของภคนางค์ค่อยๆ กระพือขึ้นรับอรุณอย่างช้าๆ เธอกะพริบตาเบาๆ เพื่อปรับสายตาให้คุ้นชินกับแสงแดดอ่อนๆ ที่เล็ดลอดผ่านรอยแยกของผ้าม่านเข้ามา ขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างครุ่นคิด ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นในห้องนี้ พลันความร้อนผ่าวก็แผ่ซ่านไปทั่วสองแก้มจนเป็นริ้วแดง...

    ดวงตาสีสวยมองสอดส่ายหาคนที่นอนร่วมเตียงมาทั้งคืน แต่กลับไม่พบแม้เงาจึงค่อยๆ ยันกายลุกขึ้นนั่ง ทว่าใบหน้างามกลับเหยเกเมื่ออาการปวดเมื่อยตามตัวทำให้ขยับได้ไม่ถนัดนัก คราแรกคิดว่าจะปวดร้าวไปทั้งกายจนขยับไม่ได้แล้วเสียอีก มือบอบบางหยิบหมอนมาซ้อนหลังแล้วเอนกายลงพิง เมื่อก้มลงมองสำรวจเรือนกายก็พบว่าชุดนอนถูกสวมกลับคืนเรียบร้อยแล้ว คงเป็นฝีมือของคนถอด จึงหยิบเสื้อคลุมที่วางอยู่ข้างๆ มาสวมทับเพื่อให้ดูมิดชิดกว่าเดิม

    เมื่อคืนภคนางค์จำได้ว่าภาวินทร์เรียกเข้าไปคุยเรื่องลูกที่ห้องทำงานของเขา และแน่นอนว่าเขาคุกคามถึงเนื้อถึงตัวเธอไม่ต่างจากวันนั้น หญิงสาวได้ปฏิเสธที่จะเริ่มต้นชีวิตคู่ใหม่อีกครั้งกับอดีตสามี ทว่ากลับยินยอมให้เขาชักจูงเข้าสู่ห้วงสวาทหวามด้วยความเต็มใจ มิหนำซ้ำยังไม่ต่อต้าน เพราะใจมันไม่หนักแน่นพอถึงได้เป็นเช่นนั้น นึกตำหนิตัวเองที่โอนอ่อนให้เขาง่ายดายเหลือเกิน ปากปฏิเสธแต่ใจกลับยอมอ่อนให้โดยดุษณี

    เมื่อก่อนภคนางค์เคยคิดว่าตัวเองไม่ได้คิดอะไรกับภาวินทร์ ทว่าพอได้อยู่ใกล้ชิดในฐานะภรรยา ความรู้สึกกลับยิ่งชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าเธอมีความรู้สึกพิเศษให้เขา ถึงต้องพยายามหักห้ามใจมาโดยตลอดแต่ไม่เคยทำได้เลย แล้วต่อจากนี้ไปเธอจะจัดการกับความรู้สึกของตัวเองอย่างไรดี เพราะตอนนี้เหมือนมันจะถลำลึกไปมากกว่าเดิมแล้ว…

    “จา จ้ะ”

    เสียงเล็กๆ ของลูกสาวที่ดังแว่วมาทำให้หญิงสาวชะงักเล็กน้อยแล้วนิ่งเพื่อฟังว่าเสียงดังมาจากตรงไหน แล้วเรียวหน้าหวานหยดก็ปรากฏรอยยิ้มบางๆ สงสัยภาวินทร์คงลงไปพาลูกขึ้นมา

    “จ๋าจ้ะ จ๋าจ้ะ”

    “จา จ้ะ”

    คราวนี้เป็นเสียงของสองพ่อลูกที่โต้ตอบกัน ได้ยินแล้วก็อดที่จะเผยยิ้มออกมาไม่ได้ ภคนางค์มองไปยังฝั่งของห้องแต่งตัวที่เธอคุ้นเคยดี เพราะรู้ว่าทั้งสองคนต้องอยู่ในนั้นอย่างแน่นอน คิดยังไม่ทันไรใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักของเด็กหญิงภควรินทร์ก็โผล่ออกมาจากประตูที่ค่อยๆ เปิดออก ยายหนูยิ้มร่าเริงเมื่อเห็นหน้าเธอ แล้วรีบคลานมาหาอย่างมุ่งมั่นโดยมีภาวินทร์เดินตามหลังมา

    “มา ม่ะ” เด็กน้อยคลานมาได้แค่ครึ่งทางก็หยุดนั่งแล้วเงยหน้ามองแม่ตาแป๋ว ราวกับกำลังออดอ้อนอยากให้อุ้ม

    “เหนื่อยแล้วเหรอลูก” ภคนางค์ระบายยิ้มบางๆ ด้วยความเอ็นดูลูกสาวที่นั่งหน้าแป้นแล้นอยู่บนพื้นพรม คงจะเหนื่อยแล้วถึงไม่ยอมคลานต่อ

    มามะ มาหาแม่เร็วคนเก่ง”

    หญิงสาวตบมือเบาๆ พลางพยักหน้าเรียกด้วยรอยยิ้ม เด็กน้อยแก้มกลมยิ้มกว้างตอบแม่แล้วเริ่มคลานปุบปับเข้ามาหาอีกรอบ พอมาถึงก็ค่อยๆ เกาะขอบเตียงยืนขึ้นแล้วยิ้มร่า มือน้อยแสนน่ารักปัดป่ายไปบนที่นอนก่อนขยุ้มผ้าปูที่นอนเพื่อจะพาตัวเองขึ้นไปหาแม่ ขาอวบๆ ก็พยายามทรงตัวไม่ให้ล้ม ภคนางค์อยากเข้าไปอุ้มลูกขึ้นมาบนเตียงแต่ร่างกายกลับไม่เอื้ออำนวยเท่าไรนัก แค่ขยับเบาๆ ยังรู้สึกปวดเมื่อยไปหมด

    ภาวินทร์เห็นสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนักของคนบนเตียงจึงยอบตัวลงอุ้มยายหนูให้ขึ้นไปหาแม่ พอพ่อวางลงบนเตียงเท่านั้นละ น้องพลินทร์ก็คลานเข้าไปหาพร้อมรอยยิ้มสดใสจนน้ำลายยืด ใช้แขนขาอวบๆ ปีนขึ้นไปบนตัวแม่ในทันทีราวกับคิดถึงนักหนา มองแล้วได้แต่ยิ้มเอ็นดู ชายหนุ่มตื่นแต่เช้าเพื่อลงไปดูลูกเพราะอยากให้ภคนางค์ได้พักผ่อน ยายหนูตื่นตั้งแต่ตีห้าพร้อมคุณย่าเลยได้ออกไปใส่บาตรด้วย และคุณย่าก็ป้อนข้าวให้เรียบร้อยแล้ว

    “หมาน้อยของแม่ตื่นแต่เช้าจังเลย ไหนขอหอมให้ชื่นใจหน่อยซิ”

    หญิงสาวช้อนตัวลูกสาวที่ยังอยู่ในชุดนอนแบบบอดี้สูทลายยีราฟขึ้นเพื่อหอมแก้มย้วยๆ และตามเนื้อตัวด้วยสัมผัสถนอมอย่างแสนคิดถึง เพราะเพิ่งเคยแยกกันนอนเป็นคืนแรก ก่อนจะชันเข่าขึ้นเพื่อให้น้องพลินทร์ที่นั่งคร่อมอยู่บนตัวได้พิง หนูน้อยยิ้มอย่างอารมณ์ดีเช่นทุกเช้า รอยยิ้มแบบนี้ของลูกคือแรงใจที่ดีที่สุดสำหรับคนเป็นแม่อย่างภคนางค์จริงๆ

    หนูไปเล่นน้ำมาใช่ไหมเนี่ย ทำไมแขนเสื้อเปียกแบบนี้ลูก”

    พอจับตามเนื้อตัวถึงสัมผัสได้ว่าบริเวณแขนเสื้อของยายหนูเปียกเล็กน้อย หมาน้อยของแม่นางค์ที่ชอบน้ำเป็นชีวิตจิตใจยิ้มแป้นราวกับกำลังชอบใจ ทำให้คนเป็นแม่ได้แต่ย่นจมูกใส่ด้วยความมันเขี้ยว อยู่ใกล้น้ำไม่ได้เลยจริงๆ

    “ฉันพาไปล้างหน้ามาเมื่อกี้ จะเล่นน้ำท่าเดียวเลย”

    ภาวินทร์ที่ทรุดนั่งลงบริเวณขอบเตียงเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ดวงตาคมทอประกายอบอุ่นในยามทอดมองภคนางค์และลูกสาวตัวน้อยที่นับวันยิ่งเริ่มแผลงฤทธิ์ความแสบซนให้เห็น เมื่อครู่ก็พยายามจะดิ้นรนลงจากอ้อมแขนพ่อไปหาก๊อกน้ำ พอยอมให้เอามือไปโดนน้ำก็ส่งเสียงกรี๊ดชอบใจใหญ่ กว่าจะพาออกมาได้ต้องหลอกล่ออยู่นาน

    “แกชอบเล่นน้ำค่ะ เห็นน้ำไม่ได้เลย

    แม่ของน้องพลินทร์อ้อมแอ้มบอกแล้วทำเป็นหยอกล้อกับลูกกลบเกลื่อนอาการเขินอายในยามที่ต้องเผชิญหน้ากับพ่อของลูกหลังจากผ่านค่ำคืนอันเร่าร้อน บอกตามตรงว่าเธอไม่กล้ามองสูงไปกว่าอกเขา เพราะอายเหลือเกิน ไม่รู้ว่าเมื่อคืนทำอะไรลงไปบ้าง สมองมันหมุนคว้างไปหมด ภคนางค์รับรู้เพียงแค่ว่าเธอตอบสนองเขาตลอดเวลา ช่างน่าอายจริงๆ เลย ทั้งที่ก่อนหน้านั้นก็เอาแต่ปฏิเสธมาโดยตลอด

    ชายหนุ่มมองคนที่ทำเหมือนตัวเองเป็นธาตุอากาศแล้วยกยิ้มน้อยๆ เขารู้ว่าเธอกำลังอาย พวงแก้มที่ซับสีระเรื่ออย่างเป็นธรรมชาตินั่นคือหลักฐานชิ้นโต เมื่อคืนภคนางค์น่ารักมาก น่ารักเสียจนเขาแทบคลั่ง และอยากจะให้น่ารักแบบนี้ไปตลอด...

    “มา มา” เด็กหญิงภควรินทร์เงยหน้าขึ้นมองมารดาแล้วทำหน้าทำตาน่าเอ็นดู คล้ายจะสงสัยว่าเมื่อคืนหายไปไหนมา

    “จ๋าลูก เรียกทำไมหือ เมื่อคืนหนูดื้อกับคุณย่าหรือเปล่า”

    ภคนางค์โอบลูกไว้หลวมๆ แล้วลดใบหน้าลงจนหน้าผากจรดกับหน้าผากเล็ก แกล้งเอาปลายจมูกถูไถกับจมูกโด่งเล็กเบาๆ หอมแก้มนุ่มๆ ที่ไม่เคยรู้สึกเบื่อเลยอย่างแสนรัก กลมทั้งแก้มกลมทั้งตัวจนอยากฟัดแรงๆ เหลือเกิน


     +++++

    มีความคิดเห็นยังไง ฝากคอมเม้นให้กำลังใจด้วยนะคะ

    ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ / อิงธารา

    e-book >> https://goo.gl/K5N86N

    หรือ get it now ค่ะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×