คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ` 4th. ¦ - `One & Only。010214 {Happy Birthday Harry Styles}
One & Only
Happy Birthday Harry Styles
010214
Larry Stylinson
#OneAndOnly
มันเป็นเรื่องของแฮร์รี่คนโง่กับลูอีคนงี่เง่า…
- - - - - - - - - - one & only - - - - - - - - - -
ประตูสีทึบค่อยๆเปิดออกเผยให้เห็นร่างของใครบางคนที่เดินผ่านธรณีประตูเข้ามาภายในคอนโดหรู ร่างสมส่วนภายใต้เสื้อไหมพรหมสีน้ำตาลอ่อนและกางเกงยีนส์สีซีดเรียกความสนใจจากคนภายในห้องได้อย่างง่ายดาย..
แฮร์รี่ สไตลส์ ใช้ดวงตาสีมรกตของตนเองทอดมองตามทวงท่าการเดินของอีกฝ่าย โทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์ถูกใครคนนั้นโยนมันลงบนโซฟาด้วยมือเพียงข้างเดียวขณะที่มืออีกข้างยกขึ้น ก่อนที่ริมฝีปากสีสวยจะรับเอาบางสิ่งบางอย่างเข้าสู่โพรงปาก ควันสีขุ่นถูกพ่นผ่านเรียวปากบางพร้อมกับดวงตาสีน้ำทะเลที่เขาแสนหลงใหลผินมองมา คิ้วได้รูปอันเป็นหนึ่งในองค์ประกอบของดวงหน้าหวานเลิกขึ้นคล้ายเป็นการตั้งคำถาม
“สูบบุหรี่อีกแล้วเหรอ” เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยถามอย่างใจคิดหากไม่มีความหงุดหงิดใดๆเจือจางในน้ำเสียง คนถูกถามเพียงยักไหล่เป็นคำตอบขณะยกมวลบุหรี่ในมือขึ้นสูบอีกระรอก ซึ่งแฮร์รี่ก็ทำอะไรไม่ได้มากนอกเสียจากการจ้องมองอยู่แบบนั้นด้วยหวังว่า ลูอี ทอมลินสัน จะรู้ตัวสักทีว่าเขาต้องการจะสื่ออะไรจากการถามเมื่อครู่
แต่ลูอีคงไม่รู้…เจ้าตัวยังคงพ่นควันสีหม่นออกมาเป็นระยะแม้ว่าเขาจะพยายามสื่อสารความรู้สึกผ่านดวงตาสักแค่ไหน ร่างสูงเจ้าของดวงหน้าสลักผ่อนลมหายใจเบาบางกับตัวเอง บางทีก็นึกหงุดหงิดเล็กน้อยในใจที่ลูอีไม่รู้อะไรบ้างเลย
“ไหนสัญญากันแล้วไงว่าจะพยายามเลิก” เสียงทุ้มเอื้อนเอ่ยอีกครั้งด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเหมือนอย่างที่เคยทำ แต่บางครั้งมันก็อดรู้สึกหัวเสียไม่ได้ในเมื่อเรื่องนี้ไม่ใช่ไม่เคยคุยกัน หลังจากที่เขาพาลูอีไปตรวจสุขภาพเมื่อครึ่งปีก่อนแล้วพบว่าสุขภาพอีกฝ่ายค่อนข้างน่าเป็นห่วงและแน่นอนว่าแฮร์รี่อยู่เฉยไม่ได้ กว่าจะคุยกันรู้เรื่องแล้วหว่านล้อมให้ลูอีรับปากเรื่องเลิกบุหรี่ได้ก็ถือว่าลำบากเอาการ แต่สุดท้ายสิ่งที่แฮร์รี่เห็นก็คือภาพคนหน้าหวานที่มีมวลบุหรี่อยู่ในมือเหมือนเดิมแทบทุกวัน
ลูอีเคยบอกว่าเขาขี้บ่น
แฮร์รี่ก็ไม่ได้อยากจะบ่นหรอก…ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นห่วง
แต่ลูอีก็ยังเป็นลูอี คนตัวเล็กบี้ก้นบุหรี่กับที่เขี่ยบุหรี่บนโต๊ะหน้าโซฟาที่แฮร์รี่นั่งอยู่ คิ้วขมวดจนเป็นปมพลางตวัดสายตาขุ่นมัวกลับคืนมาให้ บรรยากาศภายในคอนโดดูหมองลงแทบจะทันทีเพียงเพราะลูอีเดินมาหยุดตรงหน้าและมือเล็กที่ชูซองบุหรี่ยับยู่ยี่ให้อยู่ในระดับสายตาด้วยใบหน้าที่บ่งบอกว่ากำลังไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด
“มันก็แค่บุหรี่น่ะแฮร์รี่ เข้าใจไหม… นี่บุหรี่ ไม่ใช่ยาบ้า” เสียงเล็กแหลมเป็นเอกลักษณ์ที่แฮร์รี่ชอบฟังหากยามนี้กลับแข็งกระด้างว่าแล้วโยนซองบุหรี่ลงบนโต๊ะ คนตัวเล็กกระแทกกายนั่งลงข้างร่างสูงเจ้าของกลุ่มผมลอนยาวสีน้ำตาลเข้ม เรียวมือสองข้างยกขึ้นกอดอก มันเป็นอาการที่แฮร์รี่มักจะเห็นเป็นประจำจนชินตา
ลูอีขี้หงุดหงิด เขารู้ในข้อนี้ดี
“หมอบอกว่าสุขภาพแบบนี้เขาไม่ให้สูบบุหรี่จำไม่ได้เหรอ” ร่างสูงกล่าวเสียงทุ้มนุ่มอีกครั้ง ไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองอะไรที่โดนอีกคนทำกริยาแย่ๆใส่ ลูอีก็แค่คนหงุดหงิดง่ายและอารมณ์ร้อนซึ่งเป็นผลพวงมาจากปมในอดีต มันก็เท่านั้น
เสียงลมหายใจหนักๆจากคนตัวเล็กข้างกายเป็นสัญญาณว่าอีกฝ่ายกำลังใช้ความพยายามอย่างมากอดทนอดกลั้นไม่ให้ชี้หน้าด่าเขาแล้วกระโจนเข้ามาบีบคอแฮร์รี่ให้ตายๆไปซะ ถือว่าเป็นข้อดีถึงแม้ว่าลูอีจะอารมณ์ร้อนโมโหง่ายขนาดไหนแต่แฮร์รี่ก็ได้เห็นแล้วว่าตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาเมื่อรู้สึกหงุดหงิดลูอีจะสามารถควบคุมตัวเองไม่ให้โวยวายเสียงดังหรือแสดงออกทางการกระทำรุนแรงได้เสมอ(ถ้าไม่นับตอนที่โมโหมากๆล่ะก็)
“วันที่หนึ่งนี้นายยกเลิกงานได้รึเปล่า” …แล้วไอ้นิสัยชอบเปลี่ยนเรื่องเวลาโดนบ่นนี่ก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ถึงเสียงหวานจะกลับมาน่าฟังตามเดิม แม้นัยน์ตาสีฟ้าคู่สวยที่จ้องลึกเข้ามาในดวงตาของเขาจะสลัดคราบความเย็นชาหมดสิ้นกลับมาน่าหลงใหล หรือมือเรียวที่เอื้อมมาคว้าแขนของแฮร์รี่เอาไว้จะนิ่มชวนสัมผัสสักแค่ไหน แต่สิ่งที่ลูอีถามนั้นมันขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิง
จะไปทำแบบนั้นได้ยังไงกัน งานที่ว่าน่ะมันยกเลิกกันได้ง่ายๆงั้นเหรอ
คำตอบคือไม่
ร่างสูงจุดรอยยิ้มบางบนดวงหน้าอย่างนึกขันกับดวงตาที่มีประกายความหวังอยู่มากมายนั่น ฝ่ามือกว้างรั้งร่างที่เล็กกว่าให้เข้ามาใกล้กันอีกนิด
“ยกเลิกได้ยังไงกัน วันนั้นเป็นวันแรกที่เริ่มแสดงในเอเชียเลยนะ” ว่าพร้อมกับก้มหน้าเคลื่อนริมฝีปากเข้าหาพวงแก้มนิ่มหวังจะกอบโกยความหอมหวานสักหน่อยให้สมกับที่ไม่ได้เจอตั้งหลายชั่วโมง แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือลูอีสะบัดหน้าหนีแถมยังขืนตัวออกจากอ้อมแขนของเขาเสียอย่างนั้น
“นายก็เลื่อนไปเป็นวันที่สองสิ” หงุดหงิดอีกแล้ว…
มันไม่ยากหรอกกับการคาดเดาว่าตอนไหนที่ลูอีอารมณ์ดีหรืไม่ดียังไง อย่างเช่นสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ ทั้งที่เมื่อกี้ยังดูโอเคอยู่เลยแท้ๆ แฮร์รี่จำใจปล่อยคนตัวเล็กกว่าให้เป็นอิสระจากวงแขนของตนเองตามที่เจ้าตัวต้องการ รับรู้ได้ถึงสายตาขุ่นเคืองของลูอีที่จ้องมากดดันอย่างเอาเป็นเอาตาย
“นายก็รู้ว่าถ้าทำแบบนั้นคนอีกกี่หมื่นจะต้องเสียความรู้สึกขนาดไหน” คนตัวสูงพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ ไม่มีประโยชน์อะไรที่เขาจะต้องต่อล้อต่อเถียงลูอีด้วยคำพูดรุนแรง กับคนคนนี้การใช้เสียงอ่อนโยนและยื่นนิ้วอุ่นไปสัมผัสแผ่วๆบริเวณพวงแก้มเป็นสิ่งที่ควรทำมากกว่าการตะโกนเสียงดังใส่
แต่ดูเหมือนว่าคราวนี้คงไม่ง่ายเหมือนครั้งก่อนๆ มือของแฮร์รี่ถูกอีกฝ่ายปัดออกห่างไม่ใยดี
“ถ้านายยกเลิกงานวันนั้นไม่ได้ก็ไม่ต้องมาคุยกับฉัน!” คนตัวเล็กตวาดเสียงดังลั่นตามแรงอารมณ์ มือยันกายลุกจากโซฟาทำท่าจะเดินหนีออกไปจากตรงนี้หากไม่ใช่เพราะมือใหญ่ที่คว้าข้อมือเอาไว้ได้ทัน
“คุยกันให้รู้เรื่องก่อน”
“ฉันจะคุยก็ต่อเมื่อนายยกเลิกงานบ้าๆนั่นได้!”
งานบ้าๆ ... ผมไม่เคยคิดว่าจะได้ยินคำคำนี้จากปากของเขา
สำหรับแฮร์รี่การทำตามความฝันไม่ใช่เรื่องบ้า การร้องเพลงต่อหน้าคนหลายหมื่นไม่ใช่เรื่องไร้สาระ ลูอีเองก็รู้ดีว่าเขาพยายามมากขนาดไหนกว่าจะมายืนบนจุดสูงสุดแบบนี้ได้ .. จุดที่มีแฟนคลับทั่วโลกคอยให้ความรักและให้กำลังใจ จุดที่ท้วงทำนองและเสียงร้องของเขาฝังลึกเข้าไปในใจของใครหลายๆคน ความพยายามที่เพียรทำมาตลอดกำลังประสบผลดังที่ปรารถนาเอาไว้ตลอดหลายปี
แต่ลูอีกลับพูดว่ามันเป็นเพียงงานบ้าๆ
แฮร์รี่รู้สึกหน้าม่านไปกับถ้อยคำดูหมิ่นความฝันของเขา มืออุ่นอ่อนแรงเป็นเหตุให้ข้อมือของคนกำลังหัวเสียเป็นอิสระ แผ่นหลังกว้างตั้งตรงบนโซฟาสีเข้ม ใบหน้าหลุบลงต่ำจ้องมองพื้นพรมหรูของคอนโดอย่างคนหมดหนทาง เขารู้ว่าลูอีพูดเพราะกำลังอารมณ์เสียเอามากๆ แต่ถึงแบบนั้นมันก็ทำให้ความรู้สึกของคนคนหนึ่งถูกทำลายไปกับถ้อยคำไม่ยั้งคิดเหล่านี้
พลันลูกแก้วสีมรกตก็เงยขึ้นสบกับดวงตาสีฟ้า
ไม่มีร่องรอยแห่งความโกรธาปรากฏในดวงตาคู่นั้น
หากสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้นัยน์ตาคือแววตาของคน ‘เหนื่อยอกเหนื่อยใจ’
… และมันสะท้อนภาพของ ลูอี ทอมลินสัน ชัดเจนเสียจนคนถูกมองได้แต่ยืนนิ่งคล้ายถูกสาป
“ลู…”
“ทำไมถึงเอาแต่ใจขนาดนี้”
“ทำแบบนี้ไม่น่ารักเลยรู้ไหม”
…
..
.
แฮร์รี่ออกจากห้องไปแล้ว…
ทิ้งไว้แค่ประโยคสุดท้ายที่ทำเอาคนได้ยินทำได้เพียงยืนแข็งทื่อ ไม่มีแรงแม้แต่จะละสายตาออกจากแผ่นหลังกว้างที่ห่างไกลออกไปทุกที …จนในที่สุดก็หายลับไปหลังประตูบานหรูนั่น
แฮร์รี่ไม่เคยใช้สายตาเหนื่อยหน่ายแบบนั้นมองเขา..
ลูอีรู้ตัวเองดีว่านิสัยเขามันยอดแย่แค่ไหน แต่นั่นก็เพราะว่าแฮร์รี่ไม่เคยดุ.. นอกจากเรื่องสุขภาพแล้วแฮร์รี่ไม่เคยว่าหรือบ่นอะไรเขาเลยสักนิด แฮร์รี่รู้ดีว่าต้องจัดการกับคนอารมณ์ไม่คงที่แบบเขายังไง แฮร์รี่ปล่อยให้เขาโวยวายได้ทุกวันก่อนจะตามง้อแล้วมอบอ้อมกอดอบอุ่นให้ เหตุการณ์เดิมๆที่ทำให้ลูอีเคยชินกับการเอาแต่ใจเพราะคิดเสมอว่าแฮร์รี่จะยอมอ่อนให้ตลอดเวลาที่คบกันมา
ร่างทั้งร่างทรุดลงบนโซฟาตำแหน่งเดิมที่แฮร์รี่เคยนั่ง ไออุ่นจากร่างสูงที่เพิ่งจากไปยังคงอยู่ ร่างสูงที่เขาเพิ่งตวาดใส่หน้าไปเมื่อครู่ คนที่เขาเพิ่งบังคับให้ยกเลิกการแสดงในวันที่หนึ่งกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ไป เรียวขาสองข้างถูกชันขึ้นขณะสองแขนเอื้อมมาโอบกอดร่างตัวเองเอาไว้ ดวงหน้าที่เคยยโสหากบัดนี้มีเพียงความเศร้าหมอง ภาพคนเอาแต่ใจคนเดิมถูกทำลายหลงเหลือไว้แค่คนอ่อนแอนิสัยแย่คนหนึ่งที่นั่งซุกหน้ากับเข่า พยายามกอดตัวเองชดเชยความอบอุ่นที่จากไปพร้อมกับแฮร์รี่ สไตลส์
หนึ่งกุมภาพันธ์ … เพราะมันเป็นวันพิเศษถึงอยากจะอยู่กับคนพิเศษ
…เพราะมันเป็นวันเกิดของแฮร์รี่
ทำไมถึงไม่รู้ตัวว่าตัวเองสำคัญมากแค่ไหน…
- - - - - - - - - - one & only - - - - - - - - - -
ดนตรีหนักหน่วงดังผ่านลำโพงขนาดใหญ่ที่ถูกติดตั้งอยู่ทั่วทุกมุมของไนต์คลับเข้ากระทบโสตประสาท ขายาวใต้กางเกงรัดรูปสีทึบก้าวเดินด้วยความเคยชินไปที่บาร์ก่อนออกปากสั่งแอลกอฮอล์ราคาแพงสำหรับตนเอง แฮร์รี่กวาดสายตาสีมรกตไปทั่วร้าน มองข้ามผู้ชายหลายคนที่มองมาทางเขาด้วยแววตาแปลกๆ มองเมินสาวเจ้าหลายต่อหลายคนที่ส่งสายตาเชิญชวนยั่วยวนมาให้ หลังจากหันรีหันขวาได้ไม่นานคนที่ตามหาก็ปรากฏในกรอบสายตา
ร่างสูงเพรียวในชุดเดรสสีหวานเจ้าของดวงหน้าได้รูปเดินตรงมาทางแฮร์รี่ โครงหน้าที่คล้ายคลึงกันราวกับแกะสลักจากแม่พิมพ์เดียวกันทำให้เดาได้ไม่ยากว่าคนคนนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก เจมม่า สไตลส์ พี่สาวคนเดียวของแฮร์รี่ สไตลส์
เธอนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆน้องชาย แขนเรียวข้างหนึ่งค้ำบนเคาท์เตอร์แล้วเริ่มเอ่ยปาก
“บอกเหตุผลที่นายเรียกพี่มาไนท์คลับตอนเที่ยงคืนมาสองข้อไม่งั้นพี่จะโทรบอกพอลว่านายหนีเที่ยว” …. เจมม่ายังเจ้ากี้เจ้าการเหมือนเดิม
แฮร์รี่ถอนหายใจ
“ลูเพิ่งสั่งให้ผมยกเลิกคอนวันที่หนึ่งกุมภา” แฮร์รี่บอกแบบไม่อ้อมค้อมในเมื่อเหตุผลที่โทรหาเจมม่าแล้วเรียกออกมาเวลานี้ก็เพราะเรื่องนี้อยู่แล้ว มือใหญ่คว้าแก้วที่บรรจุน้ำสีขุ่นขึ้นกระดกรวดเดียวจนหมด อันที่จริงตั้งแต่เริ่มคบกับลูอีเขาก็เที่ยวน้อยลง เรียกได้ว่าแทบจะไม่เฉียดเข้ามาในที่แบบนี้ด้วยซ้ำยกเว้นเวลาเครียดจริงๆ และตอนนี้แฮร์รี่ก็รู้สึกแบบนั้น
“แล้วไงอีก”
“ผมบอกว่าผมยกเลิกไม่ได้ แล้วลูก็โกรธ เขาบอกว่างานของผมมันเป็นแค่งานงี่เง่า” ทุกคำพูดที่พรั่งพรูออกจากริมฝีปากคนเคียงข้างสื่อให้เจมม่ารู้ว่าน้องชายของเธอกำลังรู้สึกเช่นไร แฮร์รี่เล่าไปด้วยน้ำเสียงคล้ายคนหมดแรง ซ้ำร่างสูงตรงหน้ายังเอาแต่ดื่มแอลกอฮอล์เหมือนกำลังดื่มน้ำเปล่า
มือบอบบางปรี่เข้าไปยื้อแก้วทรงสูงมาถือไว้กับตัวเมื่อแฮร์รี่ทำท่าจะส่งน้ำเมาเข้าปากเป็นแก้วที่หก
“หยุดดื่มแล้วหันหน้ามาคุยกันดีๆ โอเค้? พี่ขี้เกียจช่วยแก้ตัวกับพอลนะ” เจ้าหล่อนว่าอย่างเด็ดขาดพลางวางแก้วนั่นให้ไกลมือน้องชายมากที่สุด ดวงเนตรคู่โตทอดมองร่างสูงข้างกายด้วยแววตาอ่อนโยนไม่ต่างอะไรจากผู้ใหญ่เฝ้ามองเด็กน้อยคนหนึ่ง
ท่อนแขนแข็งแรงภายใต้เสื้อเชิร์ทสีดำของแฮร์รี่วางค้ำบนเคาท์เตอร์ นัยน์เนตรสีมรกตฝังจุดจับจ้องที่ฝ่ามือกว้างซึ่งประสานกันอยู่ด้านหน้า ในหัวเอาแต่ทบทวนคำพูดของคนคนเดิมซ้ำไปซ้ำมาพร้อมกับดวงหน้าทะนงตนอย่างคนเอาแต่ใจของลูอีชัดเจนในมโนสำนึก แม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่แฮร์รี่โดนคนรักทำกิริยาแย่ๆใส่แบบนั้นแต่ก็คงต้องบอกว่าเป็นครั้งแรกที่การกระทำของลูอีทำให้แฮร์รี่รู้สึกแย่ได้มากขนาดนี้
มันคงไม่เป็นอะไรถ้างานบ้าๆในสายตาลูอีไม่ใช่หนึ่งในความใฝ่ฝันที่เขาเพียรพยายามขวานขวายมาตั้งแต่เล็ก ความสำคัญของงานบ้าๆที่แฮร์รี่ทำอยู่นำมาซึ่งชื่อเสียงเงินทองเพื่อใช้จ่ายดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของคนในครอบครัวให้สุขสบาย และงานบ้าๆนี่ก็ยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นหลายสิบเท่าเพื่อแฮร์รี่ตระหนักได้ในวินาทีแรกว่าเขามีคนที่ต้องดูแลเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน โดยที่ใครคนนั้นเป็นคนคนเดียวกับเจ้าของอุ้งมือน้อยที่ตั้งแต่นั้นจนบัดนี้ก็ยังคงได้ครอบครองหัวใจดวงนี้เอาไว้ดั่งเช่นที่ผ่านมา
เพราะต้องการดูแลคนสำคัญ
งานงี่เง่าเหล่านี้ถึงได้มีความหมาย
แล้วทำไมลูอีถึงได้เข้าใจอะไรๆยากเย็นนัก
“แฮร์รี่” เสียงเรียกชื่อให้ดวงหน้าคมคายหากแววตาหม่นหมองผินไปมองเจ้าของเสียงนั่น
เจมม่าเพียงสบประสานนัยน์ตาแต่ไม่เอ่ยอะไรออกมาราวกับต้องการตรวจสอบให้แน่ใจว่าแฮร์รี่ในตอนนี้พร้อมที่จะฟังบางสิ่งบางอย่างจากเธอ จนกระทั่งดวงตาคมโตที่เคยเต็มไปด้วยร่องรอยอ่อนล้าขุ่นมัวค่อยๆปรากฏประกายมั่นคงเหมือนอย่างที่เคยมีริมฝีปากสีอ่อนเคลือบลิปกลอสสีสวยถึงได้เริ่มขยับเพื่อเอื้อนเอ่ย
“จำได้ไหมว่าวันแรกที่พาลูอีมาที่บ้านนายพูดว่าอะไร”
คำถามง่ายๆจากหญิงสาวตรงหน้าทำเอาคนตัวสูงขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางนึกย้อนไปถึงวันนั้น
วันแรกที่เขาพาลูอีมาพบครอบครัวคือเมื่อสองปีก่อน ไม่มีใครคนใดคัดค้านการคบหาดูใจกับคนคนนี้แม้แฮร์รี่จะบอกว่าลูอีเป็นเด็กกำพร้าและถูกเลี้ยงดูมาแบบผิดๆในสถานที่อโคจร เขายังจำสัมผัสจากการสอดประสานนิ้วมือแนบแน่นแสดงต่อหน้าให้ทุกคนเห็นว่ากับคนคนนี้แฮร์รี่จริงจังด้วยแค่ไหน
“นายเป็นคนบอกเองว่าลูอีสำคัญมากขนาดไหน”
“…”
“นายสาบานต่อหน้าหลุมศพของพ่อว่าจะดูแลเด็กคนนั้นด้วยความสามารถทั้งหมดที่มี”
ถ้อยคำที่ถูกเอ่ยด้วยสุ่มเสียงหวานเรียบนิ่งหากแววตาผู้พูดที่ทอดมองสะท้อนเข้าในนัยน์ตาบ่งบอกชัดเจนถึงความหมายแฝงมากมายในประโยคเมื่อครู่ ดวงตาคู่สวยภายใต้แสงสลัววูบไหวไปกับความจริงที่ได้สดับรับฟังรื้อให้ความทรงจำสีจางที่ถูกบดบังด้วยความมืดมนแห่งอารมณ์ขุ่นเคืองชั่วยามค่อยปรากฏชัดเจนในห้วงคำนึง
เจมม่าพูดถูกทุกอย่าง
ในวันนั้น…วันที่พาลูอีไปที่บ้าน แนะนำให้คนในครอบครัวได้รู้จักในฐานะ ‘คนรักของแฮร์รี่ สไตลส์’ เขายังจำได้ดีว่าลูอีประหม่ามากแค่ไหน มือน้อยคู่นั้นที่ยึดจับมือของเขาเอาไว้แน่นตั้งแต่ก้าวแรกที่ย่างกรายเข้าสู่ตัวบ้านจนกระทั่งได้พบเจอและพูดคุยกับคนในครอบครัวลูอีก็ยังคงจับมือของแฮร์รี่ไว้ไม่ยอมปล่อย โดยที่เขาเองก็ต้องคอยบีบมือเล็กนั่นคอยให้กำลังใจและกระซิบเสียงแผ่วข้างใบหูว่าไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ลูอีมาจากสังคมที่แตกต่าง..ไม่ได้งดงามอย่างที่ที่แฮร์รี่อยู่ ไม่แปลกอะไรหากจะหวาดกลัวและกระด่างอายในปมด้อยตัวเอง แต่เมื่อนานวันเข้าลูอีก็เริ่มเข้ากับครอบครัวของเขาได้ กริยาน่ารักๆของลูอีจะถูกแสดงออกเมื่ออยู่ต่อหน้าคนสำคัญของแฮร์รี่ หากไม่ใช่การเสแสร้งแกล้งทำแต่มาจากความพยายามที่จะเป็นที่ยอมรับของคนในโลกที่สวยงามกว่า
แม่เป็นคนจริงจังกับเรื่องความรักและการให้ความสำคัญกับคนสำคัญ… แฮร์รี่ถูกแม่กับเจมม่าพาไปที่หลุมฝังศพของพ่อ เขาถูกสั่งให้ยืนต่อหน้าหินสลักชื่อและถามคำถามซ้ำๆหลายครั้งหลายหนและลงเอยด้วยคำสาบานที่ไร้ซึ่งการบังคับ
และสุดท้ายแฮร์รี่ก็มั่นใจพอที่จะเอ่ยปากกล่าวคำสาบานต่อหน้าพ่อ
คำสาบานที่บอกว่าจะดูแลลูอีให้ดีที่สุดให้เหมือนกับที่พ่อดูแลแม่และพวกเขาเสมอมา จะดูแลคนรักของตนเองให้ดีที่สุดเท่าที่ผู้ชายอย่างเขาจะทำได้
“จำน้ำเสียงตัวเองตอนที่บอกพ่อได้รึเปล่า จำได้ใช่ไหมว่ามันจริงจังและหนักแน่นแค่ไหน”
“…”
“ทีนี้รู้รึยังว่าควรทำยังไง”
เจ้าของดวงหน้าสลักยังสบดวงตากับเจมม่านิ่งไม่แม้จะเสหลบ เสียงเพลงจังหวะหนักหน่วงที่ถูกเปิดดังก้องไม่สามารถหลุดรอดเข้ากระทบโสตประสาทของแฮร์รี่ได้แล้วในตอนนี้ ในหัวมีแต่คำพูดของเจมม่าว่ายวนเต็มไปหมดเช่นเดียวกับในมโนภาพที่เห็นดวงหน้าหวานกับรอยยิ้มน่าหลงใหลของคนตัวเล็กสอดแทรกขึ้นมา
ถ้าในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง แฮร์รี่รู้แล้วว่าตอนนี้เขาควรทำเช่นไร
แต่ถ้าในฐานะศิลปินคนหนึ่ง แฮร์รี่ก็เหมือนคนโง่ที่ยังคงงุ่นง่านอยู่ในเขาวงกต
“…แล้วแฟนๆอีกเป็นหมื่นที่รอผมอยู่ล่ะ พวกเขาก็สำคัญ…” หลังจากเงียบไปนานเสียงทุ้มต่ำก็เค้นออกจากลำคอเอ่ยถามแผ่วเบาออกไปได้สำเร็จ ได้รับระบายยิ้มอ่อนจากผู้หญิงตรงหน้าที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่สาวส่งให้เป็นคำตอบคล้ายขบขันระคนเอ็นดูกับคำถามตรงไปตรงมาของเขา เจมม่าวาดรอยยิ้มบางบนใบหน้าพลางเรียวมือทั้งคู่เอื้อมไปสัมผัสที่กลุ่มผมหยิกยาวสีเข้มของแฮร์รี่ เลื่อยลงมายังพวงแก้มและประครองมันไว้อย่างนั้น
“คนสำคัญไม่ได้มีความสำคัญเท่ากันทุกคนหรอกนะแฮร์รี่”
กล่าวด้วยรอยยิ้มที่ยังคงประดับบนใบหน้า สบประสานนัยน์ตากับดวงตามรกตคู่คมที่บัดนี้เต็มไปด้วยความสับสนในแววตา รู้ดีว่าตอนนี้แฮร์รี่กำลังต่อสู้กับตนเองอย่างหนัก ถึงแม้ในสายตาใครต่อใครจะมองว่าแฮร์รี่เป็นผู้ใหญ่และเติบโตพอที่จะจัดการชีวิตตัวเองได้ แต่สำหรับเธอแล้ว..เด็กคนนี้ก็ยังเป็นน้องชายคนเดิมของเธอที่ไม่ได้เก่งกล้าสามารถไปเสียทุกอย่างและยังคงควรแก่การได้รับคำแนะนำ ดังเช่นตอนนี้ที่แฮร์รี่ สไตลส์ของแฟนคลับทั่วโลกเป็นเพียงเด็กผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ยังคงหวั่นไหวในการตัดสินใจของตนเอง
“คอนเสิร์ตน่ะแค่เลื่อนนะไม่ได้ยกเลิก แต่วันสำคัญที่จะได้อยู่กับคนสำคัญของตัวเองมีแค่วันเดียวนะ คนของประชาชนจะมีความสุขในฐานะคนสามัญชนไม่ได้เลยรึไง”
“…”
“ถ้าพี่เป็นนาย พี่จะเรียงลำดับความสำคัญให้ถูก”
“…”
“แล้วรีบกลับไปบอกเด็กคนนั้น ว่าสำหรับพี่แล้วเขาสำคัญมากกว่าใครๆ”
- - - - - - - - - - one & only - - - - - - - - - -
ฝ่ามือกว้างค่อยดันประตูสีเข้มให้เปิดออกก่อนร่างสูงจะก้าวเดินอย่างเชื่องช้าข้ามผ่านธรณีประตูและปิดมันลงอย่างเบามือ ดวงเนตรสีมรกตคู่โตกวาดมองลอดผ่านแสงสลัวไปยังโซฟาหน้าโทรทัศน์หวังจะได้พบคนที่ต้องการจะเจอหากก็มีเพียงความว่างเปล่า แฮร์รี่วางของทุกอย่างลงบนโต๊ะที่ยังคงมีซองบุหรี่วางอยู่เช่นเดิม เมื่อเห็นว่าลูอีไม่อยู่ในห้องนี้คนตัวสูงจึงสาวเท้าไปยังประตูห้องนอนและเมื่อเข้าไปก็พบว่าเตียงขนาดคิงไซต์ถูกจับจองด้วยคนตัวเล็กใต้ผ้าห่มผืนหนาดังคาด
ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งเห็นชัดเจนภายใต้ความมืดมิดว่าลูอีซุกหน้ากับหมอนใบโตทั้งยังนอนขดตัวจนกลายเป็นแค่จุดเล็กๆบนเตียง แฮร์รี่ค่อยๆส่งตนเองขึ้นไปนอนเคียงข้างคนตัวเล็กนั่น ค้ำศีรษะตะแคงข้างมือพลางเอื้อมไปแตะที่ต้นแขนใต้ผ้าห่มสีอ่อน
“ลู” เรียกชื่ออีกฝ่ายพร้อมกับจับร่างเล็กกว่าให้หันมาหากัน หากลูอีขืนตัวและพยายามถอยห่างจนเจ้าของมือใหญ่ต้องคว้ามากอดไว้แนบอก โอบรัดให้ทั้งสองร่างแนบชิดกันอยู่แบบนั้น
“ปล่อย” คนในอ้อมแขนว่าเสียงแหบแห้ง ยังคงพยายามขืนตัวออกจากแผ่นอกกว้างแต่เรียวแขนแข็งแรงกลับยิ่งกระชับแน่นยิ่งกว่าเดิม เปลือกตาบางเปิดขึ้นเผยให้เห็นดวงตาสีความารีนที่ไม่แม้แต่จะเงยขึ้นมองใบหน้าคนตัวสูงเจ้าของอ้อมกอดอบอุ่น ด้วยความหวาดกลัวว่าแฮร์รี่จะแลเห็นสิ่งที่เขาปกปิดเอาไว้ รู้สึกแค่เพียงว่าผ้าห่มที่ปกคลุมกายถูกแทนที่ด้วยเรียวแขนของแฮร์รี่
ความอบอุ่นที่ได้รับทำให้สิ่งมีชีวิตในอกข้างซ้ายพองโตขึ้นมา แต่ทิฐิหนาก็คอยยื้อรั้งไม่ให้แสดงอะไรออกไปนอกจากการเพิกเฉยปล่อยให้คนตัวโตกว่าโอบกอดเอาไว้ แววตาของแฮร์รี่ก่อนจากไปยังแจ่มชัดในห้วงความคิดนั่นมันทำให้ความรู้สึกด้านหลบหลากหลายกลบเกลื่อนความดีใจเอาไว้แทบจมดิน
“ร้องไห้ทำไม”
สัมผัสอุ่นที่พวงแก้มเรียกให้ลูอีรู้ตัวว่ารอยเปียกชื้นที่พยายามปิดบังไว้ถูกแฮร์รี่ค้นพบเสียแล้ว นัยน์ตาสีเขียวที่กลับมาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนทอดมองใบหน้าของคนรัก นิ้วเรียวยาวบรรจงเช็ดหยาดน้ำสีใสออกอย่างทะนุถนอมเช่นเดียวกับอ้อมแขนที่ตระกองกอดร่างเล็กกว่าไว้แนบกาย
เสียงทุ้มต่ำแผ่วเบาหากหนักแน่นถูกเปล่งออกจากริมฝีปากหยัก
“ฉันขอโทษ… ฉันโง่เองที่เรียงลำดับความสำคัญไม่ได้”
“แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าใครที่สำคัญที่สุด”
“เพราะฉะนั้นวันที่หนึ่งกุมภานี้… อยู่ด้วยกันนะ”
สิ้นคำ ร่างสูงทั้งร่างก็กลายเป็นที่รองรับน้ำหนักที่ถาโถมเข้ามาจนแผ่นหลังกว้างแนบไปกับเตียงนุ่ม รอยยิ้มกว้างผุดขึ้นยังใบหน้าขณะปล่อยให้ท่อนแขนเรียวทั้งสองข้างของคนตัวเล็กโอบรอบคอตนเอาไว้ แฮร์รี่วาดลำแขนพาดผ่านเอวบาง กระชับให้สองร่างใกล้ชิดจนแทบหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว เช่นเดียวกับหัวใจสองดวงที่กระเพื่อมพร้อมกันในอัตราการเต้นเดียวกันจนคล้ายกับมันทั้งคู่เป็นหัวใจดวงเดียวกัน
ไม่มีคำพูดใดเล็ดรอดออกมา มีเพียงความเงียบงันและความมืดมิดยามราตรีเท่านั้นที่เป็นตัวกลางสื่อสารความในใจให้กันและกันได้รับรู้
ลูอีซุกหน้ากับลาดไหล่กว้าง ใช้เรียวแขนที่โอบรอบคอคนตัวสูงไว้แน่นบอกแทนคำขอบคุณสำหรับสิ่งที่แฮร์รี่มอบให้ กำแพงแห่งทิฐิถูกทำลายลงเพียงเพราะถ้อยคำไม่กี่ประโยค…ไม่ได้อ่อนหวานหรือชัดเจนในใจความ หากสิ่งที่ได้ยินบอกให้เข้าใจโดยไม่ต้องตริตรองให้มากความว่าเขานั้นมีความสำคัญกับแฮร์รี่มากเพียงใด
มาก..
ไม่น้อยไปกว่าความสำคัญของแฮร์รี่ที่มีต่อลูอีเลยสักนิด
- - - - - - - - - - one & only - - - - - - - - - -
0102xx
แฮร์รี่คิดว่าวันเกิดกับวันตายของเขามันจะเป็นวันเดียวกันแล้ว
มันไม่ได้ฟังดูโอเวอร์เกินไปหรอกถ้าจะบอกแบบนั้น ในเมื่อตอนนี้เขานั่งอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยในโรงพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่ง บนเตียงมีคนตัวเล็กในชุดของผู้ป่วยนอนลืมตานิ่งโดยที่หลังมือข้างซ้ายมีเข็มที่ต่อกับสายน้ำเกลือถูกยึดเอาไว้ ริมฝีปากสีซีดแห้งผากกับใบหน้าซีดเซียวแทบไร้สีเลือดฝาดเป็นภาพที่เห็นแล้วก็ชวนให้หัวใจปวดหน่วงแต่ก็รู้สึกโล่งอกในคราเดียวกัน
มือใหญ่กอบกุมมือเรียวเล็กไว้ในอุ้งมือขณะทอดสายตามองลูอีด้วยแววตาห่วงใย แฮร์รี่เกือบจะขาดใจตายไปจริงๆทันทีที่กลับมาที่คอนโดหลังคุยเรื่องการเลื่อนคอนเสิร์ตกับทางบริษัทเสร็จแล้วเปิดประตูไปพบคนตัวเล็กนอนหมดสติอยู่บนพื้นพรมหน้าโซฟา ในหัวมันขาวโพลนไปหมดขณะที่ช้อนร่างอีกฝ่ายขึ้นอุ้มแล้วเหยียบคันเร่งจนแทบมิดมาที่โรงพยาบาล ร่างของลูอีถูกยกขึ้นเตียงก่อนจะลับสายตาไปหลังประตูบานใหญ่ โดยที่เขาทำได้แค่รอคอยและภาวนาอยู่ด้านนอกพร้อมกับหัวใจที่บีบรัดจนเจ็บปวดและเต้นช้าแสนช้าราวกับจะหยุดลงได้ทุกเมื่อ
และความกังวลทุกอย่างก็จบลงทันทีที่แพทย์หนุ่มในชุดกราวสีขาวสะอาดเดินออกมาจากห้องนั่นและบอกว่าลูอีหมดสติไปเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอและได้รับสารอาหารที่จำเป็นไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย แฮร์รี่ถูกหมอตักเตือนยกใหญ่เรื่องการดูแลลูอีก่อนที่รายชื่อโรคต่างๆที่อีกฝ่ายประสบอยู่จะไหลเข้าสู่โสตประสาทอย่างช้าๆ แต่ละโรคไม่ใช่โรคอันตรายถึงชีวิต…แพทย์ที่เขาพาลูอีไปตรวจสุขภาพเมื่อคราวก่อนก็บอกแบบนั้น แต่ยังไงซะโดยรวมแล้วสุขภาพลูอีก็ยังอยู่ในเกณฑ์น่าเป็นห่วงและควรดูแลอย่างใกล้ชิด
เพราะงั้นแฮร์รี่ถึงได้ขอร้องลูอีให้เลิกบุหรี่แล้วขอให้ย้ายไปอยู่ที่บ้าน อย่างน้อยที่นั่นก็ยังมีแม่ เจมม่า และลูกพี่ลูกน้องอีกหลายคนคอยช่วยดูแล ไม่เหมือนคอนโดที่ลูอีมักจะต้องอยู่คนเดียวเสมอเพราะตารางงานอัดแน่นทำให้แฮร์รี่ไม่ค่อยมีเวลาว่างมากนัก
แรงบีบน้อยๆที่มือเรียกให้คนตัวสูงหลุดจากภวังค์ เห็นดวงตาสีฟ้ามองมาอย่างสื่อความหมายที่อ่านได้ง่ายดายว่าเป็นการบอกโดยนัยให้แฮร์รี่หายกังวล
“ความจริงตอนนี้เราไม่ควรมาอยู่ที่นี่” ลูอีเอ่ยประโยคด้วยน้ำเสียงเบาหวิวจนแฮร์รี่ต้องโน้มใบหน้าเข้าไปฟังใกล้ๆ
“แล้วเราควรอยู่ที่ไหนล่ะ”
“ร้านอาหารสักที่ ไม่ก็ที่คอนโดกับเค้กก้อนโตสักก้อน”
“อยู่นี่น่ะดีแล้ว ใกล้มือหมอไว้เกิดนายเป็นอะไรขึ้นมาจะได้ดูแลกันได้ทัน ฉันจะได้ไม่ต้องรู้สึกเหมือนจะตายแบบเมื่อเช้าอีก” ตอบกลับเสียงจริงจังเอาให้คนฟังรู้ว่าเขารู้สึกอย่างที่พูดจริงๆ แฮร์รี่ได้ยินอีกฝ่ายบ่นอุบอิบในลำคอเหมือนแต่ระยะห่างที่น้อยนิดแค่นี้แน่นอนว่าแฮร์รี่ได้ยินมันชัดเจน
ลูอีบ่นว่า “เวอร์”
“เวอร์อะไรล่ะ ลองมาเห็นสภาพตัวเองหน่อยไหมว่ามันน่าเป็นห่วงแค่ไหน ถ้าฉันไปช้ากว่านั้นนายจะเป็นยังไง”
“นายก็ช่วยฉันทันแล้วนี่”
“ฉันถึงได้บอกไงว่านายเกือบทำฉันขาดใจตาย”
ถกเถียงกันเหมือนเด็กๆ
ลูอีค่อนข้างแปลกใจเพราะปกติแฮร์รี่ไม่ใช่คนสวนกลับทันควันแบบนี้ แต่เมื่อเห็นนัยน์ตาคู่คมสีมรกตที่มองมาอย่างจริงจังก็เข้าใจว่าคนตัวสูงในตอนนี้อยู่ในอารมณ์ไหน รู้ว่าแฮร์รี่เป็นห่วงเขาอย่างที่อีกฝ่ายบอก เพราะรู้แบบนั้นนิสัยแย่ๆอย่างความดื้อดึงและเอาแต่ใจถึงได้ไม่ถูกเอามาใช้ในเวลาแบบนี้ ทำเพียงนอนนิ่งแล้วบีบมือใหญ่อบอุ่นตอบบอกให้รู้ว่าเขาได้รับความห่วงใยที่แฮร์รี่ส่งมา รวมทั้งย้ำให้มั่นใจว่าเจ้าของมือนี้ยังอยู่ตรงหน้าไม่ได้หลุดลอยไปไหนอย่างที่ร่างสูงกลัว
…
..
.
“แฮร์รี่”
“ว่าไง”
“สุขสันต์วันเกิดนะ”
ตัดสินใจเอ่ยออกไปแบบนั้นพร้อมรอยยิ้ม ไม่นึกแปลกใจถ้าจะเห็นแฮร์รี่หรี่ตามองมาอย่างไม่ค่อยเชื่อ ก็เมื่อปีก่อนลูอีเล่นตัวอยู่นานสองนานกว่าจะยอมบอกสุขสันต์วันเกิดแฮร์รี่ได้ พอปีนี้กลับบอกง่ายๆแบบนี้มันก็คงไม่เข้ากับนิสัยของเขาเท่าไหร่
“แต่ไม่มีของขวัญหรอกนะ ฉันกะจะซื้อให้ตอนเราออกไปข้างนอกด้วยกันแต่ดันต้องมานอนง่อยที่นี่แทน”
“ใครบอกไม่มีของขวัญ”
กล่าวต่อทันทีด้วยเสียงทุ้มนุ่มและริมฝีปากหยักวาดรอยยิ้มละมุนรับกับนัยน์เนตรประกายอ่อนโยน ลูอีขมวดเป็นคำถาม ไม่เข้าใจว่าแฮร์รี่กำลังพูดถึงของขวัญชิ้นไหนในเมื่อเขายังไม่ได้ให้อะไรอีกฝ่ายเลยสักอย่าง
นิ้วเรียวยาวจิ้มเบาๆที่หน้าผากตำแหน่งเดียวกับคิ้วที่เป็นปมพร้อมกับเสียงหัวเราะในลำคอ นึกขันเล็กๆกับท่าทางสงสัยที่แสดงออกอย่างชัดเจนเหมือนเด็กๆ ก่อนร่างสูงจะส่งตนเองขึ้นไปนั่งลงที่ขอบเตียง แขนแข็งแรงยื้อด้วยแรงเพียงน้อยนิดให้คนตัวเล็กกว่าลุกขึ้นนั่ง จัดท่าทางให้หลังแคบของร่างเล็กกว่าแอบอิงกับแผ่นอกกว้างไม่นำพาต่อสายตาลูอีที่มองมาอย่างสับสน ลำแขนพลางวางพาดเอวบางสวมกอดกระชับ ศีรษะเอนพิงกับศีรษะที่ถูกปกคลุมด้วยกลุ่มผมนุ่มของคนในอ้อนกอด
รอยยิ้มบางหากเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยนและความสุขใจยังคงบนดวงหน้าขณะเรียวปากเพียงเอื้อนเอ่ยออกไปอย่างใจคิด
“นี่ไงของขวัญ”
ถ้อยคำหวานกับเสียงทุ้มต่ำข้างใบหูหากทำให้คนได้ฟังรู้สึกอบอุ่นไปทั่วร่าง
เพราะนี่ไม่ใช่คำโกหก
แต่คือความจริงจากใจชายหนุ่มร่างสูงที่กำลังโอบกอดเขาเอาไว้
“ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้..เป็นของขวัญที่ดีที่สุดแล้ว”
ลูอีคงได้แอบด่าเขาในใจว่าเป็นผู้ชายมักน้อยแน่ๆ
{one & only ; end}
@puppapxiion
สุขสันต์วันเกิดแฮร์รี่ สไตลส์ <3
แน่นอนว่าวันเกิดสามีเมน(?)แบบนี้ ไม่มีฟิคเป็นไปไม่ได้ 55555555555555555555555555
เทศกาลอื่นๆรู้สึกตัวเองแต่งงุ้งงิ้งจุ๊บุ๊มิรุหุหุมาเยอะล้ะ เลยต้อนรับวันเกิดแฮร์รี่ด้วยฟิคหม่นๆบ้าง
*โดนแฮร์รี่ต่อย*
แค่อยากขยายความเกี่ยวกับคนสำคัญ
อยากให้เห็นถึงควาสำคัญที่คนสำคัญพึงจะมีให้คนสำคัญ
มันก็เลยเกิดเป็นฟิคเรื่องนี้ขึ้นมา
ปล.ความจริงมันเกือบจะเห็นฟิคของโปรเจ็ค #MusicSheet1D แต่เปลี่ยนจัยส์ 555555555555555555555
ฟิควันเกิดแฮร์รีของพี่แหมบ http://writer.dek-d.com/puma_buffalo/story/view.php?id=875425
ก็ชื่อตอน One And Only สาบานว่าไม่ได้นัดกัน 5555555555555555555555
เวิ่นด้วยแท็ก #OneAndOnly นะครัช =/=
หรือถ้าขี้เกียจแท็กยังไงก็เม้นหน่อยนะ
บอกตรงๆว่าบางทีก็ท้อแท้มาก แต่งเกือบตายคนเข้ามาส่อง อ่านแล้วก็ออก
เม้นบ้างอะไรบ้างก็ได้ ไม่ผิดกฎหมายหรอกเตง 55555555555555555555
ความคิดเห็น