ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Got7] Available @MarkBam #นบพกด is back!

    ลำดับตอนที่ #11 : 〖9〗✧ 折り紙。

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.68K
      15
      24 ธ.ค. 57













     




    There is no better place than right by your side.
     
     
     
    Mark's Part 
     
     
     
    ตึก ตึก ตึก
     
     
     
    ได้ยินเสียงอะไรมั้ยครับ
     
     
     
    รู้มั้ยเสียงอะไร...
     
     
     
    เสียงหัวใจของผมที่เรียกหาน้องแบมไง
     
     
     
    *
     
     
     
    พ่อเปิดคณะละครสัตว์หรอครับแหม นี่เสียงฝ่าเท้าของผมกับน้องแบมกระทบกับพื้นปูนซีเมนต์อันขรุขระหรอกครับ
     
     
     
    ตอนนี้ผมกับน้องเดินใกล้จะถึงโรงเรียนแล้วครับ ไม่อยากจะแยกจากน้องเลย...
     
     
     
    ถ้าถามว่าตอนนี้ผมกับน้องจับมือกันอยู่มั้ย...
     
     
     
    ตอบเลยว่าไม่แล้วครับ
     
     
     
    ...แต่ผมกอดคอน้องอยู่
     
     
     
    (วิ่งไปฟินที่ดาวพลูโต)
     
     
     
    ตอนแรกก็จับๆอยู่อะครับแต่น้องบอกว่ามือเริ่มเปียก สงสัยอุณหภูมิในร่างกายจะร้อนไปหน่อย เหงื่อแตกที่มือกันเลยทีเดียว ผมเลยปล่อยมือครับแล้วก็เดินคู่กันเฉยๆ แต่นี่กลัวน้องหายไง เลยเหล่ๆมองหาจังหวะดีๆแล้วเอามือไปคล้องคอซะ...
     
     
     
    mission complete!
     
     
     
    ตอนนี้มีความสุขจนมองอะไรก็เป็นดอกลาเวนเดอร์สีชมพูไปหมดละครับ เห็นจิ้งจกตรงฝาผนังยังมองเป็นโคอาล่าแดง
     
     
     
    แฮปปี้มากๆ ต่อไปนี้เราเดินมาพร้อมกันทุกวันเลยเถอะครับ พี่จะได้สร้างโลกสีชมพูของเราสองคน
     
     
     
    สัญญาว่าพอสร้างโลกเสร็จปุ๊ป จะพาผองเพื่อนซานริโอของน้องมาอยู่ด้วยนะครับ น้องชอบอะไรพี่ก็ชอบด้วย คิตตี้มายเมโลดี้กีกี้ลาล่าพี่จะประเคนใส่ถาดมาวางให้น้องทุกวันเลยT_T
     
     
     
    "พรุ่งนี้เดินมาพร้อมกันอีกปะเนี่ย" ผมเปิดประเด็นขึ้นทันทีทั้งๆที่มือก็กอดคอน้องอยู่ จมูกนี่จะชนหัวน้องละครับ ละนี่ผมหอมมากหนูเอ๊ย....
     
     
     
    "ครับ?" น้องเหลือบตาขึ้นมามองหน้าผม นี่อย่าใช้คำว่าเงยหน้าเลยครับเพราะส่วนสูงน้องอีกนิดจะแซงหน้าผมละ
     
     
     
    พรุ่งนี้อย่าลืมเตือนพี่ว่าให้ใส่เสริมส้นมานะครับ...
     
     
     
    "พรุ่งนี้เดินมาโรงเรียนพร้อมกันอีกเปล่า" ผมพูดย้ำอีกที สงสัยเมื่อกี้น้องคงเหม่อๆอยู่เลยไม่ได้ฟังที่ผมพูด
     
     
     
    "แบมยังไงก็ได้ครับ"
     
     
     
    "งั้นเดินไปด้วยกันตลอดชีวิตเลยได้ปะ"
     
     
     
    "ห้ะๆ...มุขหรอครับ" น้องหันมาเลิกคิ้วใส่ผมแล้วหัวเราะแห้งๆ รับมุขพี่หน่อยเถอะครับหยอดขนาดนี้ละ
     
     
     
    "พี่ถามเราอยู่นะ เราต้องตอบดิ อย่ามาถามพี่กลับ"
     
     
     
    "..." น้องเงียบครับ คราวนี้ผมหยุดเดินเลย ทำให้ตัวน้องที่ผมกอดคออยู่ต้องหยุดชะงักตาม
     
     
     
    "ว่าไงหือ" ผมเอามือข้างที่กอดคอน้องอยู่เลื่อนขึ้นมาจับคางน้องเบาๆ
     
     
     
    ...ที่จับคางนี่ไม่ใช่จะจูบนะครับ คิดไร๊ จะให้น้องพูดต่างหาก
     
     
     
    แต่ประเด็นแรกก็คิดๆไว้เหมือนกันนะ แต่อีกสักเดือนสองเดือนละกันเนอะ...
     
     
     
    "ถามก็ตอบดิ" ผมพูดย้ำอีกรอบ อย่าคิดนานครับพี่ใจไม่ดี
     
     
     
    "..."
     
     
     
    "แบม...แล้วแต่พี่เลยครับ"
     
     
     
    ถ้าแล้วแต่พี่ก็ไปครับ ไปเลย ไปเรียก191มาจับพี่ไปกักตัวไว้เดี๋ยวนี้เลยครับ ก่อนที่พี่จะพรากผู้เยาว์
     
     
     
    ----------25%---------
     
     
     
    "นี่เลิกเรียนกี่โมง"
     
     
     
    "สามครึ่งครับ"
     
     
     
    "อ่อ..." ตอนนี้เราเดินมาจนเห็นปลายธงชาติของโรงเรียนน้องละครับ ตลอดทางผมก็พยายามชวนน้องคุยนู้นคุยนี่นะ แต่เหมือนน้องจะไม่เข้าใจ เล่นถามคำตอบคำละพี่ก็เริ่มไปไม่ถูกละครับ คิดไรในใจเยอะแยะครับเนี่ย
     
     
     
    วันนี้กับเมื่อวานที่คุยโทรศัพท์น้องก็เงียบแปลกๆอะครับ คือปกติผมว่าน้องก็ไม่ใช่คนที่พูดมากจนน่ารำคาญนะ แต่ก็พูดเยอะกว่านี้อะ อารมณ์แบบชวนผมคุยถามนู้นถามนี่บ้าง แต่นี่เล่นไม่ถามไรเลยดิครับ ตอบอย่างเดียว ผมนี่ก็ยิงคำถามเข้าไปเถ๊อะ เลยกลายเป็นคนพูดมากไปโดยปริยาย...
     
     
     
    หลุดคอนเซ็ปไปเยอะเลยอะ พระเอกเขาต้องนิ่งๆดิครับ ส่วนแบบ...เอ่อ...เรียกว่านางเอกก่อนได้ปะคิดคำไม่ออก? เออนั่นละ แบบนางเอกนี่ต้องพูดมากปะ ละนี่เชี่ยไรเนี่ยพูดมากกว่าน้องอีก
     
     
     
    หรือความจริงมันคือแบมมาร์คนะ...
     
     
     
    ให้ตายเถอะ ผมคาดไม่ถึงเลยนะเนี่ย
     
     
     
    "ยูค!" เสียงน้องทำให้ผมหลุดจากความคิดอันเพ้อเจ้อ แต่เหมือนคงจะไม่ทันครับเพราะรู้ตัวอีกทีน้องก็ดึงมือผมออกแล้ววิ่งไปหา....
     
     
     
    อะไรนะ? เมื่อกี้น้องเรียกไอ้เด็กหัวเทานั่นว่าไรนะ?
     
     
     
    ยูค?
     
     
     
    ยูค.....
     
     
     
    ยูค????
     
     
     
    '.....ไม่ดิ แบมมากกว่าที่ต้องขอโทษพี่อะ เดินมาด้วยกันแท้ๆแต่มัวแต่คุยกับยูคยอม'
     
     
     
    ยูคยอม....
     
     
     
    แหม ก็ชัดไปอีกนะครับ ใส่แว่นยี่ห้อไรเนี่ย
     
     
     
    น้องวิ่งไปจับแขนไอ้เด็กยูคยอมที่ก่อนหน้านี้เดินสะพายกระเป๋าเหมือนจะเข้าโรงเรียน ทีนี้ผมเป็นพระเอกช้ะ? ก็ยอมไม่ได้อะครับเลยวิ่งตามน้องไปแล้วหยุดยืนอยู่ข้างๆน้อง พร้อมทั้ง 'เงยหน้า' มองเด็กนั่น
     
     
     
    ไอ้เหี้ยสูงไปไหนวะ ตอนเด็กๆนี่พ่อแม่ให้กินแคลเซียมวันละลังหรอครับ
     
     
     
    เดี๋ยวตอนเย็นขอแวะห้างหน่อยนะครับ จะซื้อเสริมส้นสัก 4 นิ้วมาสูงแข่งกับแม่ง
     
     
     
    "พี่มาร์ค...ขอโทษนะครับ" น้องหันมาพูดกับผมเบาๆ เหมือนจะเพิ่งรู้ตัวนะครับว่าทิ้งผมมา สำคัญมากใช่มั้ยไอ้เด็กยูคเนี่ย ดีครับดี ไปห้างวันนี้นอกจากซื้อเสริมส้นแล้วอย่าลืมเตือนพี่ซื้อน้ำมันนะครับ จะเอามาเผาบ้านแม่ง
     
     
     
    "ไม่เป็นไรครับ แล้วนี่?" ผมชี้ไปที่ยูคยอม ก็รู้อยู่แล้วนะว่าชื่อยูคยอม แต่อยากถามอีก ใครจะทำไม
     
     
     
    "ยูคยอมครับพี่" เด็กยูคยิ้มแล้วโค้งให้ผมทีนึง มีหน้ามายิ้มอีกนะไอ้หูหมา
     
     
     
    ว่าแต่...หน้าตามันไม่ได้เหมือนคนไม่สบายสักนิด ไหนเมื่อวานน้องแบมบอกว่าป่วยนักป่วยหนาไงวะ เมื่อวานก็แช่งๆอยู่นะครับว่าให้เป็นอีโบล่า จะได้ให้ย้ายไปรักษาที่ศิริราชซะเลย-_-
     
     
     
    "อ่อ...นี่มาร์คครับ เห็นเมื่อวานแบมบอกป่วย นี่หายแล้ว?" เป็นคำถามที่แสดงความห่วงใยอย่างสุดซึ้ง ไม่มีความหมั่นไส้ผสมเลยครับ ไม่มี...
     
     
     
    "อ้าว นี่พี่มาร์คหรอ แบมเคยเล่าเรื่องพี่ให้ฟังเหมือนกัน...เอ่อ...ผมดีขึ้นเยอะแล้วละครับ" จบประโยคนั้นผมหันไปหาน้องแบมเลยครับ เล่าเรื่องไรของพี่ให้เขาฟังครับหือ กลับบ้านไปมีเคลียร์
     
     
     
    "อ่อหรอครับ" ผมตอบไปแค่นั้นก่อนจะก้มลงมองนาฬิกา ชิบหายละเจ็ดโมงห้าสิบ เพื่อนพี่นัดไปทำงานแปดโมงครับ...
     
     
     
    "เห้ยแบม พี่ต้องไปละ" ผมสะกิดน้องเบาๆ น้องพยักหน้ารับแล้วยกมือขึ้นบ๊ายบาย
     
     
     
    "ตั้งใจเรียนนะ" ผมผลักหัวน้องเบาๆทีนึงแล้ววิ่งออกมาทันที ต้วนวิ่งดิต้วนวิ่ง ตอนนี้ต้องใส่เกียร์หมาละครับก่อนจะโดนถีบออกนอกกลุ่ม
     
     
     
    ส่วนยูคยอมนี่...คราวหน้าเดี๋ยวเจอกันอีกแน่ครับ!
     
     
     
    ¯`°.•°•.★* *★ ´¯`°.•°•.★* *★ .•°•.°´
     
     
     
     
    Bam's Part
     
     
     
    "พี่มาร์คเขามาส่งมึงหรอครับเพื่อน"
     
     
     
    "เปล่า เดินมาด้วยกันเฉยๆ"
     
     
     
    "กูเชื่อมากเลยครับสัส"
     
     
     
    "ก็เดินมาทางเดียวกันไง เขาไม่ได้เดินมาส่งกู"
     
     
     
    "ความหมายก็คล้ายๆกันปะ"
     
     
     
    "ไม่"
     
     
     
    "ละนี่เมื่อวาน..."
     
     
     
    "ยูค"
     
     
     
    "พอมึงกลับไปเป็นงะ..."
     
     
     
    "ยูค"
     
     
     
    "ห้ะ?" ผมเรียกไอ้ยูคซ้ำๆจนมันหยุดพูด ตั้งแต่เดินมาห้องจนนั่งเก้าอี้กันเรียบร้อยแล้วมันก็ยังชวนคุยอยู่นั่น ไม่คิดว่าผมจะมีเรื่องถามมันบ้างรึไงนะ
     
     
     
    "เมื่อวานไปโรงพยาบาลทำไม" ผมยิงคำถามใส่มันทันที ไม่สืบหาเอาเองแล้ว ถามตรงๆเนี่ยละ คิดๆดูแล้ว ถ้าเรื่อง 'แค่นี้' แม่งพูดกับผมตรงๆไม่ได้ก็เลิกเป็นเพื่อนกันเถอะว่ะ 
     
     
     
    ผมก็ห่วงมันปะวะว่าจะเป็นอะไรมั้ย รู้ปะว่าตั้งแต่ไอ้เชี่ยนั่นโทรมาบอกผมเมื่อวานว่าเจอยูคที่โรงพยาบาล ในหัวผมก็คิดแต่เรื่องแม่ง ไอ้เหี้ยเอ๊ย ก็เพื่อนกันมาตั้งกี่สิบปีแล้วอะ จะไม่ให้เป็นห่วงได้ไงวะ
     
     
     
    "ห้ะ?" ยูคตีหน้างงใส่ผมทันทีที่ผมพูดจบ
     
     
     
    "มึงอย่าให้กูย้ำอีกรอบ มึงไปโรงบาลทำเชี่ยไร มีคนเจอมึงที่โรงบาล เป็นเหี้ยไรก็บอกกูดิวะ เก็บไว้คนเดียวทำไมสัส" ผมทุบอกไอ้เชี่ยยูคเบาๆทีนึง จะทุบแรงก็กลัวแม่งเจ็บ ในหัวนี่ฟุ้งซ่านไปหมด ผมกลัวมันเป็นโรคร้ายแรง กลัวแม่งเป็นลูคีเมีย เอดส์ อีโบล่า เลือดคลั่ง โรคติดต่อ โรคที่รักษาไม่หาย โรคทุกอย่างที่มันน่ากลัวอะ ชีวิตกูจะคิดเชี่ยไรเยอะแยะวะเนี่ยแม่ง สงสัยใกล้จะหมดเมนส์แน่ๆแปรปรวนเชียว-_-
     
     
     
    "ห้ะ ใครบอกมึงหรอแบม" ชีวิตนี่จะมีแต่คำถามใช่มั้ย นี่ถามไปก็ควรตอบปะ ไม่ใช่มาถามย้อนงี้
     
     
     
    "ก็ไอ้เชี่ย...."
     
     
     
    "ใครไปโรงพยาบาลหรอ?" ซึงฮุนเดินมาจับไหล่ผมเบาๆแล้วหันไปถามยูค มาได้จังหวะไปปะอะ หยั่งกะเซ็ทไว้แล้วว่าใครจะโผล่มาตอนไหน
     
     
     
    "เมื่อวานมีคนเจอยูคที่โรงพยาบาล แต่แม่งก็ทำหน้างงใส่เราอยู่เนี่ย" ผมหันไปตอบซึงฮุนเพราะไอ้ยูคยังนั่งงงอยู่ ฟาย ไม่ต้องมาทำงงกลบเกลื่อนอะไอ้เพื่อนเวร
     
     
     
    "หืม? จะเป็นไปได้ไง เมื่อวานหลังเลิกเรียนเราไปหายูค ยูคอยู่กับเรานะ"
     
     
     
    "ห้ะ?" คราวนี้เป็นตาผมละครับที่งงบ้าง เอ้าละสองคนนี้ไปอยู่ด้วยกันทำไมวะงง
     
     
     
    "นายอยู่กับยูคถึงกี่โมง เมื่อวานมีคนเจอยูคตอนห้าโมงนะ" ผมหันไปเถียงซึงฮุน ไม่แน่ตอนที่สองคนนี้แยกกันยูคอาจค่อยไปโรงพยาบาลก็ได้
     
     
     
    "เรากลับบ้านตอนสองทุ่มนะ ตอนนั้นเราเล่นเกมอยู่ห้องกับยูคตลอดเลย ใช่มั้ย?" ซึงฮุนหันไปหายูค ซึ่งไอ้ยูคก็พยักหน้าแล้วพูดต่อทันที
     
     
     
    "ใช่ เมื่อวานตอนสี่โมงกว่าๆไอ้ตี๋มันเอาเกมมาคืน กูเลยชวนมันมาลองเกมใหม่ด้วยกันอะ"
     
     
     
    "...เพราะงั้น กูไม่มีทางไปอยู่โรงพยาบาลอยู่แล้ว มึงอะคิดมากไปแล้วนะแบม" ยูคส่ายหัวไปมาแล้วเอามือมาจับหัวผมเบาๆ
     
     
     
    "แต่มีคนเจอมึง...."
     
     
     
    "อย่าเชื่อคนอื่นดิ เชื่อกูคนเดียวก็พอ"
     
     
     
    "แบมคิดดูนะ ยูคมันจะไปโรงพยาบาลทำไม ทั้งๆที่มันเป็นแค่ไข้หวัด" ซึงฮุนพูดเสริม ทำให้ผมเริ่มจะคลายคิ้วที่ขมวดจนเป็นปมออก
     
     
     
    "แต่ตอนวางสายกูก็สี่โมงละไม่ใช่อ่อ เสียงมึงยังดูไม่ค่อยดีอยู่เลย ละพอสี่โมงครึ่งก็ชวนซึงฮุนเล่นเกมเนี่ยนะ?" ผมยังไม่หมดข้อสงสัย
     
     
     
    "เอ้า นั่นก็แค่เสียงกูปะที่ไม่ค่อยดีอะ แต่กูไม่ได้เวียนหัวปวดหัวไรขนาดนั้น แค่ตัวร้อนคอแดงนิดหน่อยเอง" ยูคสวนกลับมาทันที ผมลองคิดทบทวนเรื่องต่างๆ ที่ซึงฮุนกับยูคพูดก็ปะติดปะต่อแล้วตรงกันดี หน้าตาก็ไม่ได้มีพิรุธอะไร...
     
     
     
    "เลิกคิดมากได้แล้ว กูไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ ไม่ได้ป่วยหนักด้วย ดูหน้ากูดิ" ผมมองหน้าไอ้ยูคตรงๆ ก็พบว่าหน้ามันก็ปกติ ไม่ได้ดูป่วยอะไรขนาดนั้น เอาความจริงก็ดูเหมือนเมื่อวานไม่ได้ป่วยอะ ดูปกติมากๆ
     
     
     
    คงเป็นผมที่คิดมากไปเอง
     
     
     
    "อืม กูไม่คิดมากแล้ว"
     
     
     
    ผมเชื่อมันนะ มันพูดอะไรผมก็เชื่อนะ...
     
     
     
    แต่แค่อย่าทำความเชื่อของผมพังลงก็พอ
     
     
     
    ¯`°.•°•.★* *★ ´¯`°.•°•.★* *★ .•°•.°´
     
     
     
    "เย็นนี้มึงกลับกับกูเปล่า เดี๋ยวกู..." ไอ้ยูคจากที่เดินๆอยู่ก็หยุดชะงัก ทำให้ผมที่เดินอยู่ข้างๆมันหยุดตามและเงยหน้าขึ้นมาดูทาง
     
     
     
    "โอะ กูคงไม่ต้องแล้วมั้ง" ยูคชี้ไปข้างหน้า ก็พบกับพี่มาร์คที่กำลังยืนซื้อน้ำอยู่ จะพูดว่าบังเอิญเกินไปมันก็คงไม่ใช่ ในเมื่อนี่คือทางกลับบ้านของพี่เขาเหมือนกัน เจอกันก็ไม่แปลกอะเพราะนี่มีถนนอยู่เส้นเดียว
     
     
     
    ยูคดึงแขนผมให้เดินไปใกล้พี่เขาเรื่อยๆ จนผมยืนอยู่ข้างพี่เขา มันก็ปล่อยมือออกแล้วเปลี่ยนมายืนข้างหลังผมแทน แต่พี่เขากำลังก้มแชทอยู่อะครับเลยไม่สังเกตเห็นว่าผมอยู่ข้างๆ
     
     
     
    เหอะ สังคมก้มหน้า
     
     
     
    "พี่มาร์คครับ" ผมแตะแขนพี่เขาเบาๆ ทำให้พี่มาร์คที่กำลังพิมพ์ไลน์จนแป้นแทบลุกเป็นไฟเงยหน้าขึ้นมามอง
     
     
     
    "น้องแบม..." พี่เขาเห็นว่าเป็นผมเลยยิ้มแป้นแล้วเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าทันที โอโหอะไรจะโลกสดใสปานนั้นครับ ผมว่าสองวันมานี้พี่เขาดูจะพูดมากขึ้นเยอะเลยนะ หน้าตาก็ดูร่าเริงตลอดเวลา เอ้ะ หรือผมจะคิดไปเองอีกละ?
     
     
     
    แต่พอพี่มาร์คเหลือบตาขึ้นมองคนที่อยู่ข้างหลังผมพี่เขาก็เปลี่ยนสีหน้าทันที
     
     
     
    "เอ้า น้องยูคเองหรอครับ กลับบ้านได้เลยนะเดี๋ยวพี่เดินไปกับแบมเอง" พี่มาร์คสะบัดมือใส่ไอ้ยูค 2-3 ทีเป็นเชิงไล่ให้มันไป ยูคมันก็ยิ้มๆแล้วยกมือไหว้พี่เขาทีนึงก่อนจะจับไหล่ผมเบาๆและพูดว่า 'โชคดีนะมึง พี่เขาไล่กูละ' ก่อนจะเดินหมุนตัวกลับไปอย่างรวดเร็ว
     
     
     
    สัส นี่พ่อเป็นประกันภัยปะเนี่ย มาเร็วเคลมเร็วไปเร็วซะเหลือเกิ
     
     
     
    ความจริงก็งงๆนิดหน่อยว่าพี่มาร์คจะไล่ยูคทำไม แต่บางทีพี่เขาอาจคิดว่ายูคมันป่วยอยู่มั้ง เลยให้รีบกลับบ้านไปพักผ่อนประมาณนี้?
     
     
     
    ผมไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองสักเท่าไหร่
     
     
     
    "ชาเขียว 35 บาทค่ะ" พี่พนักงานยื่นแก้วชาเขียวมาตรงหน้าพี่มาร์ค แต่พี่เขากำลังก้มหน้าควักเงินในกระเป๋าอยู่ ผมจะยื่นมือไปรับก็ไม่กล้า กลัวโดนด่าว่าเสือกไรด้วย
     
     
     
    "น้องแบมรับแก้วน้ำให้พี่หน่อยครับ" พอพี่มาร์คพูดแบบนั้นผมเลยยื่นมือไปรับแก้วน้ำทันที พี่เขายื่นเงินให้พนักงานร้านเสร็จก็ดันหลังผมให้เดินไปตามฟุตบาท
     
     
     
    "ฝนเหมือนจะตกเลยอะ รีบเดินดีกว่า" พี่มาร์คเงยหน้ามองท้องฟ้าแล้วพูดกับผม ผมไม่รู้จะตอบไรเลยยื่นแก้วน้ำไปให้พี่เขา ไม่ได้ขี้เกียจถือนะแต่พอมองแก้วแล้วมันหิวอะ ชาเขียวอีกโอ๊ยผมชอบ
     
     
     
    "แบมกินเปล่า ชาเขียวอะ" พี่มาร์คชี้ไปที่แก้วชาเขียวในมือผม อยากจะตอบไปว่ากินครับ แต่ไม่เอาดิอย่าตะกละ
     
     
     
    "ไม่เป็นไรครับ..." ในใจนี่คือเป็น
     
     
     
    "กินได้นะพี่ไม่ว่า ดูมองดิตาละห้อยเลย" ตาละห้อยนี่ใช้กับหมาปะครับปกติ พี่เขาพูดแบบนี้ผมก็กินเลยละกัน เล่นตัวมากไม่ดีครับพี่แจ็คสันบอกคนเล่นตัวเกินไปมันน่ารำคาญ ไม่มีใครเขาชอบหรอก
     
     
     
    ผมเลยก้มลงดูดน้ำในแก้วประมาณ 3 อึกเล็กๆ อร่อยอะ อร่อยมาก วิ่งกลับไปซื้อทันมั้ย
     
     
     
    "ขอบคุณครับ" ผมยื่นแก้วน้ำคืนพี่เขา ถือนานกว่านี้อาจจะหมดอะ หมดแก้ว 
     
     
     
    พี่มาร์ครับแก้วชาเขียวไปแล้วก็ดูดต่อผมทันที คิดว่าพี่เขาก็คงจะหิวน้ำพอตัวเลยละ แต่ก็ยังให้ผมกินก่อน น่ารักเนอะ
     
     
     
    "จับมืออีกได้เปล่า" พี่มาร์คแบมือมาทางผมแล้วยิ้มให้ ผมนี่ดิไม่รู้จะตอบว่าไรเลยครับ ปกติผมไม่ค่อยซีเรียสกับเรื่องจับมือจับแขนไรอยู่แล้วนะ เพราะอยู่ที่โรงเรียนก็โดนตัวกับเพื่อนเป็นปกติอยู่ละอะ มันก็ไม่เห็นมาพูดขอแบบนี้เลย แต่นี่เล่นมาพูดงี้ก็ตอบไม่ถูกปะครับ...
     
     
     
    "ไม่ตอบแสดงว่าให้นะ" พี่มาร์คคว้ามือผมไปจับทันทีแล้วแกว่งแขนผมไปมาเหมือนที่เด็กประถมชอบทำกัน
     
     
     
    ผมรู้สึกว่ามือพี่เขาโครตอุ่นเลยว่ะ
     
     
     
    +60%
     
     
    ----------85%----------
     
     
     
    ✁---✁---✁---✁---✁
     
     
     
    Mark's Part (อย่าเพิ่งเบื่อพี่กันสิ)
     
     
     
    "วันนี้เอาตัวอะไรมาให้พี่ครับ" ผมแบมือให้น้องทันทีที่น้องเดินออกมาจากห้อง นี่ก็ 6 วันแล้วมั้งที่ผมกับน้องเดินไปโรงเรียนพร้อมกันตอนเช้าแล้วตอนเย็นก็เดินกลับด้วยกันอีก แต่ในทุกๆเช้าน้องแบมจะยื่นกระดาษที่พับเป็นรูปสัตว์แบบฟรุ้งฟริ้งมาให้ผมตลอดเลย ซึ่งผมคิดว่าวันนี้น้องก็คงมีมาเช่นกัน
     
     
     
    มั้ง...
     
     
     
    "เอาอะไรครับ?" น้องตีหน้ามึนใส่ผมแล้วหันไปปิดประตูห้อง ไม่ต้องเลยนะครับ ไม่ต้องเลย พี่จะเอากระดาษอะอย่ามาตีมึนใส่ซะให้ยาก
     
     
     
    "กระดาษไงเล่า" ผมเร่งยิกๆ ก่อนจะเอามือไปจี้เอวน้อง
     
     
     
    "รู้แล้วครับ แปปนึงสิ" น้องยู่ปากใส่ผมทีนึงอย่างน่ารักก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง แหมะ ดูท่าจะล้วงยากจังนะครับเดี๋ยวพี่ช่วยล้วงเอามั้ย 
     
     
     
    "เอ้า" น้องปากระดาษสีเขียวมาตรงกลางหน้าผมพอดีเลย แต่ไม่เป็นไรครับไม่โกรธ พี่ชอบครับความรุนแรง ถึงน้องจะทุ่มโต๊ะมายเมโลดี้ใส่หน้าพี่ก็ไม่เจ็บหรอก (เพราะหน้าชาไปแล้ว)
     
     
     
    ผมรับกระดาษสีเขียวที่กำลังจะหล่นลงพื้นขึ้นมาดูแล้วพลิกไปมา...ก็พบว่ามันคือ
     
     
     
    กบ
     
     
     
    กบ..ที่มันร้องอ๊บๆอะครับ
     
     
     
    "นี่พี่ถามจริงๆนะ กระดาษรูปสัตว์พวกนี้มันมีความหมายอะไรหรอ ยื่นให้พี่ทู้กวันเลย" ผมพูดๆแล้วเนียนๆจับมือน้องให้เดินตาม นี่สายละครับยืนๆคุยกันอยู่หน้าห้องกว่าจะถึงโรงเรียนเขาเคารพธงชาติกันเสร็จพอดี
     
     
     
    สู้จับมือกันแล้วเดินคุยกันไปด้วยก็ไม่ได้ ทั้งถึงโรงเรียนเร็ว ทั้งได้บรรยากาศ...
     
     
     
    "พี่มาร์คไม่ต้องรู้หรอกครับ" อ้าว...แล้วไม่ให้พี่รู้ได้ไงอะครับ ก็หนูเล่นยื่นให้พี่มาอาทิตย์นึงละ พี่ก็รับแบบงงๆมาอาทิตย์นึงแล้วด้วย แค่อยากให้น้องขยายความเท่านั้นเอง
     
     
     
    บางที ถ้าคลี่กระดาษออกมาอาจมีลายแทงขุมทรัพย์ซ่อนอยู่....
     
     
     
    ไม่ก็กูดูโดเรม่อนมากไป=__=
     
     
     
    "แต่พี่อยากรู้อะ บอกหน่อย อยากรู้มากๆๆ" ผมปล่อยมือพี่จับมือน้องอยู่และเปลี่ยนไปกอดแขนน้องแทน ฟินจริงๆเลยชีวิตมาร์คต้วนเก้าสามเนี่ย
     
     
     
    "เดี๋ยวสักวันพี่ก็รู้เองอะ"
     
     
     
    "..."
     
     
     
    "ตอนนี้แค่รับมันก็พอครับ~" น้องหันมายิ้มให้ผม โอเคครับพี่จะไม่อยากรู้อะไรทั้งนั้นแล้ว ปิดหูปิดตาไม่รับรู้ทุกสิ่งยกเว้นเสียงและใบหน้าของน้องแบม
     
     
     
    ช่วงนี้นี่เพ้อเจ้อขึ้นเยอะเลยครับ ยาระงับประสาทสักเม็ดมั้ย?
     
     
     
    ระหว่างทางผมกับน้องแบมก็จับมือเหวี่ยงกันไปมาเหมือนเด็กๆ ตอนแรกผมเป็นคนเริ่มทำแบบนี้ก่อนครับ สักพักก็รู้ว่าน้องก็ชอบเลยเล่นแบบนี้กันทุกวันเลย
     
     
     
    รู้สึกคิตตี้มากอะครับ ชีวิตนี่เหมือนอยู่ในซานริโอแลนด์ มองอะไรก็เป็นมายเมโลดี้กีกี้ลาล่าปอมปอมปุรินไปซะหมด นี่สต่งสติเหมือนย้ายไปอยู่เมื่อสิบกว่าปีก่อนอีกครั้ง ดูท่าจะอีกนานด้วยกว่าจะกู่กลับ
     
     
     
    น้องบอกผมพูดเยอะขึ้นมากซึ่งมันก็จริง ปกติแล้วผมก็ไม่ได้เป็นคนพูดน้อยนะครับแต่ตอนแรกๆไม่รู้จะชวนน้องคุยอะไรดีเลยเงียบๆไปสักหน่อย แต่เดี๋ยวนี้มีเรื่องที่อยากคุยกับน้องเยอะแยะเลย ผมก็เลยพูดทั้งวันอย่างที่เห็น แต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะเพราะผมไม่ได้แสดงอาการดี๊ด๊าเกินความจำเป็นแต่อย่างใด ยังรักษาภาพพจน์พี่มาร์คคนหล่ออยู่เหมือนเดิม ถึงแม้ความคิดของผมจะทำความหล่อพังไปตั้งแต่เมื่อหลายแชปที่แล้ว แต่ผมสำรวมอาการครับ เพราะฉะนั้นน้องแบมไม่รู้ตัวแน่ๆว่าผมเป็นคนแบบนี้...
     
     
     
    ยกเว้นน้องจะอ่านความคิดผมออก ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว นี่เราไม่ได้อยู่บนดาวนาเม็กนะครับ...ชีวิตคงจะไม่หรรษาขนาดนั้น
     
     
     
    "เอ้อ น้องแบม เราชอบพับกระดาษสินะ?" ผมหันมาถามน้อง นี่ผมมีแผนครับ นั่งวางแผนตั้งแต่เมื่อคืนละ...
     
     
     
    เป็นแผนที่ยอดเยี่ยมมาก มาครับมาดูแผนของผม
     
     
     
    "อื้อ...ก็ใช่นะครับถ้าว่างๆ" น้องพยักหน้าสองสามทีแล้วก้มลงกัดแซนวิสต่อ ทุกๆเช้าน้องจะมีขนมติดมือมาด้วยตลอดเลยครับ บางวันผมก็แกล้งๆบ่นหิวน้องก็ป้อนขนมให้ น่ารักจัง
     
     
     
    "ความจริง...พี่ก็ชอบพับนะ"
     
     
     
    "โห จริงหรอครับ พับสวยกว่าแบมเปล่า" น้องตาวาวทันที่ทีผมพูดจบประโยค นี่เหมือนเอาอมยิ้มมาล่อเด็กสามขวบดีๆนี่เอง
     
     
     
    "แน่นอนว่าต้องสวยกว่าอยู่แล้ว พี่อะเซียนนะรู้ปะ"
     
     
     
    "อย่ามาหลอกแบมเลยดีกว่า พี่อะนะพับเก่ง?" แหมดูถูกกันเกินไปนะครับ แต่ก็ดีละที่ไม่ได้ดูแพง ไม่งั้นเปลืองเงินแย่
     
     
     
    "เอ้า นี่พูดจริงนะเนี่ย เดี๋ยวจะสอนพับ เอ...อะไรดีนะ...สอนพับคิตตี้ดีกว่า..." น้องชอบซานริโอครับจำได้ขึ้นใจ
     
     
     
    "แบมอยากพับ...." น้องเริ่มเคลิ้มตามผมละครับ บอกเลยว่านี่ติดกับ มาร์คต้วนเก้าสามนี่นอกจากหล่อแล้วยังมีสติปัญญาที่ดีเลิศ
     
     
     
    "งั้นเย็นนี้...."
     
     
     
    "..."
     
     
     
    "มาพับที่ห้องพี่สิครับ...."
     
     
     
    นี่ละ สิ่งที่ผมคิดเอาไว้
     
     
     
     
    #นบพกด
     
    © themy  butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×