ลำดับตอนที่ #16
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : 〖14〗✧ 折り紙。
Yugyeom's Diary
"แบมไปไหนอะ" ผมเดินเหงื่อแตกเข้ามาในห้อง ก่อนจะถามไอ้ซึงฮุนที่นั่งตาตี่ อยู่คนเดียว อืม..ไม่ได้นั่งอยู่คนเดียวในห้ องหรอกครับ ตอนนี้ในห้องมีคนประมาณสิบกว่ าคน แต่ไอ้ตี๋นี่มันนั่งเขียนหนังสื ออยู่คนเดียวไง เรียกง่ายๆว่านั่งแบบสันโดษ
"ออกไปเมื่อกี้เอง ทำไมออกมาช้าจังละ" มันเงยหน้าขึ้นมาตอบคำถามผมก่ อนจะก้มลงเขียนหนังสือต่อ จะขยันเชี่ยไรกันเยอะแยะวะ เกรดกินไม่ได้สักหน่อย แต่ถ้าได้เกรดไม่ดีก็คงไม่มี อะไรจะกิน นะจ้ะนะ
"กูแข่งอยู่ ไม่เห็นไง๊" ใช่แล้วครับ คาบสุดท้ายของวันนี้คือวิชาพละ แล้วก็มีการแข่งบาสกันระหว่างห้ องด้วย ซึ่งแน่นอนว่าคนที่ทั้งตัวสู งและสกิลดีอย่างผมก็ต้องลงแข่ งอยู่แล้ว แค่ลงแข่งน่ะไม่เท่าไหร่หรอกครั บ แต่มันกลับกินเวลาจนต้ องออกจากยิมเลทตั้งเกือบยี่สิ บนาที ทำให้ครูเห็นใจเพื่อนที่นั่งเป็ นกองเชียร์ แบบเผื่อต้องรีบกลับบ้ านอะไรแบบนี้ เลยไล่ให้ออกมาก่อนการแข่งขั นจะจบซะงั้น
เพื่อนที่ว่าก็รวมถึงไอ้แบมด้ วยนั่นแหละ
"เห็น...แล้วชนะมั้ยละ"
"มีกูอยู่จะแพ้ได้ไง" ผมยักไหล่ก่อนจะกระตุกยิ้ม แน่นอนว่าวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่ งวันที่ห้องเราชนะ ถึงแพ้จะแบบฉิวเฉียดก็ตามทีเถอะ
"เหอะ" ซึงฮุนส่ายหัวอย่างเอือมๆ ความจริงถ้าเป็นคนอื่นคงด่าผมด้ วยความหมั่นไส้ในความมั่ นใจแบบไร้สติแน่ๆ แต่นี่ซึงฮุนไง มันก็เลยทำได้แค่นี้
สุภาพซะจนหน้าหมั่นไส้ พูดถึงก็สงสารมันเหมือนกันนะ คิดยังไงมาอยู่กลุ่มเดียวกั บผมวะ
"งั้นกูไปละนะ" ผมเดินไปที่โต๊ะแล้วโยนๆพวกหนั งสือที่ไม่เคยอ่าน สมุดที่ไม่มีแม้แต่รอยปากกา กล่องดินสอที่วันนี้ทั้งวันก็ ไม่ได้เปิด ขนมที่กินหมดแล้ว และสัพเพเหระต่างๆที่ไม่เกี่ ยวกับการเรียนใส่กระเป๋า ก่อนจะรูดซิบแล้วหยิบกระเป๋าขึ้ นมาสะพาย
"ที่เดิม?" มันเลิกคิ้วใส่ผมเป็นเชิงคำถาม ผมเลยพยักหน้าส่งๆให้
"อืม เขาบอกอาการไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คืนนี้กูคงนอนนั่นแหละ"
"ยังไงก็เผื่อใจไว้บ้าง" มันพูดไปเขียนหนังสือไปแบบชิวๆ แต่คำพูดของมันนั้นทำให้ผมที่ กำลังจะเดินออกจากห้องชะงักทั นที
"มึงไม่เป็นกูมึงไม่เข้าใจหรอก" ผมหันไปพูดกับมันเป็นครั้งสุดท้ ายก่อนจะหันกลังเดินออกมาจากห้ องทันที
เผื่อใจ..เหอะ มันก็พูดได้สิ คนป่วยไม่ใช่แม่มันสักหน่อย
loading....
ผมเดินออกมาจากรั้วโรงเรียนได้ สักพัก สายตาก็มองตรงเพื่อดู ทางไปตามปกตินั่นแหละครับ แต่เหมือนจะไปสะดุดกับคนคนหนึ่ งเข้า...
ไม่สิ..ต้องพูดว่าสองคนต่ างหากละ
สองคนที่ยืนอยู่ด้วยกันหน้าร้ านทาโกะยากิ
พี่มาร์คกับไอ้แบม-_-
แต่เหมือนว่าทั้งคู่จะไม่มี ใครสังเกตเห็นผมที่กำลั งกอดอกมองอยู่ข้างหลังหรอกครับ เพราะแบมมันก็ก้มมองแต่ไอ้ ขนมกลมๆที่เขากำลังยำๆจิ้มๆอยู่ ในหลุมตาละห้อย ส่วนพี่มาร์คนี่....
เอาเถอะ ทุกคนคงรู้นิสัยพี่แกดี
มองแบมเหมือนแทบจะกินเข้ าไปแทนทาโกะยากิละอะ สิงเลยเอามั้ย? ถ้าแบมเป็นกระดาษพี่ เขาคงขยำๆเอาใส่ปากเคี้ยวๆแล้ วกลืนลงท้องอะครับดูจากสภาพ ช่วยใส่ใจสิ่งแวดล้อมโดยรอบบ้ างได้มั้ยวะนั่น
ผมส่ายหัวด้วยความเอือมระอา ก่อนจะก้าวขาเดินต่อ
แต่ในระหว่างที่ผมกำลังจะก้ าวขานั้น...
ฟอด!
ขวับ!
ผมหันไปมองหน้าไอ้เชี่ยพี่มาร์ คทันที...เห้ย ถ้าผมไม่ได้สายตาสั้นยาวเอี ยงหรือหน้าจอเรตินามีปัญหา สิ่งที่ผมเห็นเมื่อกี้นี่...
เอาเป็นว่า คิดเอาเองกันดีกว่าครับ เรื่องนี้ผมจะไม่ยุ่งเพราะผมหวี ผมก่อนออกจากบ้านมาแล้ว
แต่เมื่อกี้ไอ้แบมมันนิ่ งไปเลยอะ ไม่รู้ว่ามัวแต่สนใจทาโกะยากิ จนไม่รู้สึกตัว หรือว่าสติหลุดไปแล้วกันแน่
พี่มาร์คนี่ความจริงที่ผมดู ๆมาเขาก็เป็นคนดีนะครับ ดูแลแบมได้ดีเลยละ เท่าที่ฟังจากที่แบมเล่าพี่แกก็ ช่วยทำการบ้าน เลี้ยงขนม ซื้อของให้ ใจดีมากจนจะกลายเป็นคำว่ าตามใจไปแล้ว ความจริงมันก็ดีอยู่หรอก แต่ตามใจมากๆเพื่อนผมจะเสียคนนี ่สิ
ถึงพี่เขาจะเป็นคนดีแต่ก็มีเรื่ องที่ผมกังวลอยู่นั่นแหละ แบมบอกพี่เขาจะชอบแกล้งล้อเล่ นแรงๆ แบบทำหน้าจริงจังจนคิดว่ าโกรธจริงงี้ พี่เขาอาจจะคิดว่ามั นธรรมดานะครับ แต่ไอ้แบมมันเป็นพวกคิดเยอะ ระวังแกล้งกันไปแกล้งกันมาสักวั นนึงเดี๋ยวได้ทะเลาะกันจริงๆแน่ อืม..เรื่องที่ผมกังวัลก็มีแค่ นี้แหละ เรื่องอื่นน่ะผ่านหมด ทั้งหน้าตา การเงิน นิสัย อะไรหลายๆอย่าง
แล้วอีกเรื่องนึงที่ผมสงสัยคื อพี่เขาดูไม่ค่อยชอบผมอะครับ ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน หรือคิดว่าผมจะชอบไอ้แบม? เพราะเวลาเจอผมอยู่กับแบมทีไรพี ่เขาจะทำหน้าตาเบื่อโลกเสมอ กลอกตาขึ้นฟ้า 45 องศาและพูดจากระแทกแดกดันเป็นกิ จวัตร ไม่ต้องหวงมันหรอกครับไอ้แบมเนี ่ย ยิ่งเป็นกับผมแล้วยิ่งไปกันใหญ่
ถ้าผมจะชอบมันอะนะ ผมชอบมันไปนานแล้วละครับพี่มาร์ ค...
อีกอย่างแบมมันไม่ชอบผมหรอกครั บถ้าผมจะชอบมันน่ะ แบมนี่โครตใจแข็งเลยนะ มันไม่เคยมีแฟนสักคนแม้จะมี คนมาจีบแบบอ้อมๆเยอะแยะ แต่เหมือนมันจะดูไม่ออกว่าเขาจี บ มันอะทำตัวเหมือนจะฉลาดรู้ทั นคนนะ แต่ความจริงแล้วก็เป็นหมาบีเกิ้ ลดีๆนี่เอง รู้ตัวช้าตลอด
ส่วนพี่มาร์คนี่ไม่รู้ว่าแบมมั นรู้รึเปล่าว่าพี่เขาเต๊าะๆ คือผมว่าพี่เขาก็ออกตั วแรงพอสมควรอะนะถ้าพูดถึงคนก่ อนๆ ไอ้แบมมันก็รู้สึกดีกับพี่เขาด้ วย ไม่รู้ว่ามันรู้ตัวมั้ยว่าตั วเองพูดถึงพี่เขาบ่อยมากเลยละ กินๆข้าวอยู่ก็พูดอีกละ เรียนๆอยู่ก็พูด เดินไปเรียนห้องอื่นก็พูด แล้วหน้าตาเวลามันพูดชื่อพี่ มาร์คนี่ดูแฮปปี้ชิบหาย เหมือนอยู่ในวันเดอร์แลนด์แบบกู ่ไม่กลับ พอถามว่าชอบหรอ ก็ปฏิเสธทุกที มันชอบพูดว่า 'พี่เขาน่ารักดีเลยชอบพูดถึงบ่ อยๆ' แหม แถซะขนาดนี้ ก็ไม่รู้สีข้างถลอกแล้วรึยัง ผมน่ะไม่เคยเห็นมันพูดถึงใครแล้ วดูมีความสุขเหมือนเวลาพูดถึงพี ่มาร์คเลยละครับนั่น J
ถ้ามันได้เป็นแฟนกับพี่เขาผมก็ แฮปปี้ด้วยนะ พี่เขาเป็นคนดี มันก็เป็นคนดี ต่างคนต่างดูมีความสุขเวลาอยู่ ด้วยกันดีอะครับ คบไปแล้วคงมีแต่เรื่องดีๆเกิดขึ ้นนะผมว่า
ส่วนเรื่องพวกมีแฟนแล้วจะทิ้ งเพื่อน ผมคิดว่าแบมไม่มีทางทำหรอกครับ มันแยกแยะได้ ถ้าอยู่กับเพื่อนก็คืออยู่กั บเพื่อน อยู่กับพี่เขาก็อยู่กับพี่เขา ไม่เอามาปนกันหรอก เพราะฉะนั้นผมก็ไม่เห็นต้องกลั วว่าจะเหงาถ้ามันไปมีแฟน แต่ถ้าสมมติมันเห็นพี่เขาสำคั ญกว่าผม แล้วก็ไม่มาเล่นกับผมจริงๆนะ ตอนนั้นแหละผมจะยุให้เลิก เลิก แล้วก็เลิก!
...
คิดอะไรเรื่อยเปื่อยมาสักพัก จนตอนนี้ผมมาหยุดอยู่ในสถานที่ ที่ช่วงนี้ผมมาแทบจะทุกวัน..อื มไม่สิ...ทุกวันเลยต่างหาก
โรงพยาบาล
ผมไม่ได้เป็นหมอ ผมไม่ได้ป่วย และผมก็ไม่ได้มาจีบพยาบาล
ผมมาเยี่ยมคนป่วยต่างหากละครับ
ผมเดินมาหยุดอยู่ที่เคาวท์เตอร์ ประชาสัมพันธ์ ก่อนจะยิ้มให้นางพยาบาลคนเดิม คนที่ผมเจอหน้าเธอบ่อยยิ่งกว่ าอาจารย์ประจำชั้น
"ว่าไงคะน้องยูค มาเยี่ยมคุณแม่เหมือนเดิมใช่มั้ ยคะ" พี่พยาบาลส่งยิ้มหวานทันทีเมื่ อเห็นว่าเป็นผม เห็นมั้ยละซี้กันขนาดไหน อีกนิดพี่แกอาจจะรู้ชื่อหมาผมก็ ได้ใครจะไปรู้ คือที่คุยบ่อยเพราะก่อนเข้าห้ องผมต้องมาเช็คก่อนไงว่าแม่กำลั งทำอะไรอยู่ ไม่ใช่จู่ๆเดินเข้าไปสุ่มสี่สุ่ มห้า เกิดคุณหมอตรวจอยู่ทำไงละครับนั ่น
"ครับ" ผมพยักหน้ารับยิ้มๆ ที่ตอบไปแค่นั้นเพราะขี้เกียจพู ดอะครับ เพราะพอเปิดปากพูดกับพี่แกที ไรยาวทุกที นี่อยู่กรุงเทพช้ะ เขาชวนคุยเรื่องนู้นนี่ยาวไปถึ งจังหวัดยะลาและปัตตานีอะ งงมาก
"ตอนนี้คุณแม่กำลังนอนดูทีวีอยู ่ค่ะ เข้าไปได้เลยนะ" เมื่อได้ยินดังนั้นผมจึงพยักหน้ ารับอีกรอบแล้วหันหลังจะเดิ นออกมา
แต่
"อ่า...น้องยูคคะ เมื่อตอนกลางวันคุณแม่ทานข้าวน้ อยอีกแล้ว"
...
"แม่" ผมเปิดประตูห้องเข้ามาก็พบกั บแม่ที่กำลังนอนดูทีวีอยู่ ซึ่งพอแม่เห็นว่าเป็นผมก็หั นมายิ้มให้ทันที
"ว่าไงน้องยูค ทำไมวันนี้มาเร็วจังฮึ?"
"พี่พยาบาลบอกผมว่าแม่อาการไม่ ค่อยดีอีกแล้ว ทำไมแม่ไม่กินข้าวเยอะๆละครับ" ผมวางกระเป๋าไว้บนโซฟาก่อนจะเดิ นเข้าไปจับมือแม่
"แม่ไม่อยากหายป่วยไวๆแล้วกลั บไปอยู่บ้านกับผมหรอครับ"
"ยูค...แม่คงไม่หายหรอก กลับบ้านตอนนี้เลยก็ได้นะครั... "
"แม่อย่าพูดงี้ดิ" ผมพูดขัดแม่ก่อนที่แม่จะพูดจบ แม่ก็แบบนี้ ยังไม่ทันได้ลองรักษาเลย แล้วจะรู้ได้ไงว่าไม่มีทางหาย
บางทีมันอาจมีโอกาสก็ได้นะ...
อ่า...ใช่แล้วครับ ที่ผมเข้าโรงพยาบาลบ่ อยๆเพราะแม่ของผมน่ะป่วย..ป่ วยเป็น...อืม..รู้จักโรคมะเร็ งเม็ดเลือดขาวมั้ยครับ? นั่นแหละ แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นร้ ายแรงขนาดนั้นนะ มันเป็นขั้นที่มีโอกาสรักษาให้ หายได้
แต่ปัญหาก็คือแม่ของผมไม่ยอมเข้ ารับการรักษาเฉพาะทางนี่สิ เอาแต่นอนอยู่ที่ห้องพักผู้ป่ วยธรรมดาแค่ให้คุณหมอดูอาการทุ กวันก็แค่นั้นเอง
นี่ละสาเหตุที่ผมเครียดในช่ วงหลายเดือนที่ผ่านมา
แม่น่ะตรวจพบมะเร็งมาได้หลายเดื อนแล้วละครับ ช่วงแรกๆก็แค่เข้ าๆออกๆโรงพยาบาลเพื่อทำนู้นทำนี ่เกี่ยวกับคนที่เป็นมะเร็งทำกั นใช่มั้ยละครับ แต่ผมกลับมารู้ทีหลังว่าแม่ไม่ ได้ไปตามที่หมอกำหนด จนผมต้องพามานอนที่นี่ซะเลย แต่ถึงแม้ว่าจะอยู่ ในโรงพยาบาลขนาดนี้แล้ว แม่ก็ยังไม่ ยอมไปพบหมอเฉพาะทางอยู่ดี
แม่บอกว่ามันเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องฝืนมันหรอก สักวันยังไงก็ต้องตายอยู่ดี
แต่ผมอยากให้แม่อยู่กั บผมไปนานๆนี่ครับ
และช่วงนี้ผมก็เครียดขึ้นมากเป็ นพิเศษ เพราะคุณหมอบอกว่าถ้าแม่ไม่รี บไปเข้ารับการบำบัดที่ถูกต้ องภายในสองเดือนนี้ อาการอาจจะทรุดหนักลง และโอกาสหายก็จะมีน้อยลงตามไปด้ วย ซึ่งก็หมายความว่าผมต้องรีบเกลี ้ยกล่อมแม่ให้ไปรักษาแบบถูกๆสั กที
"จริงๆนะยูค เราจะพาแม่มานอนที่นี่ทำไมตั้ งหลายเดือน ยังไงแม่ก็ไม่ได้ ไปพบหมอเฉพาะทางอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น..."
"งั้นแม่ก็พบหมอได้แล้วนะครับ นะ จะได้หายแล้วกลับบ้านเรากันไง" สาเหตุที่ผมพาแม่มานอนที่ โรงพยาบาลมีเหตุผลแค่อยากให้ ใกล้มือหมอ ถึงแม่จะไม่ยอมรับการบำบัดก็ไม่ เป็นไร ผมรู้สึกว่ามันปลอดภัยกว่าอยู่ ที่บ้าน อยู่บ้านแล้วแม่จะอาการกำเริบขึ ้นมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ มันอันตรายนะครับ
"รักษาแบบนั้นเราเสียเงิ นเยอะมากเกินไป ไม่เป็นไรหรอกนะ แม่อยู่ได้อีกนาน"
ผมส่ายหัวทันทีที่แม่พูดจบ
"แม่ครับ บ้านเราไม่ได้จนอะไร เงินที่พ่อทำงานอยู่ต่ างประเทศส่งมามันพอกับการ..."
"ยังไงแม่ก็จะไม่รับการบำบัด"
"..."
"เราจะไม่พูดเรื่องนี้กันอี กนะยูค แค่เราให้แม่มานอนอยู่ โรงพยาบาลเฉยๆตั้งหลายเดือนมั นก็มากพอแล้ว"
ผมถอนหายใจก่อนจะเดิ นออกมาออกจากห้องทันที
ปัง!
มากี่วันกี่วัน ผมก็เถียงกับแม่เรื่องนี้เสมอ เรื่องเดิมๆ
เรื่องซ้ำซาก
แม่ชอบพูดเหมือนครอบครั วเราลำบากมากที่ผมพาแม่ มาโรงพยาบาล ทั้งๆที่เราไม่ได้เสียค่าใช้จ่ ายสักนิด เพราะโรงพยาบาลนี้เป็นของเอกชน เป็นหุ้นส่วนของเพื่อนพ่อผม... แล้วไงละ เราก็อยู่ฟรีไง นี่คิดว่าผมบ้าบอขนาดที่พาแม่ มานอนโรงพยาบาลเล่นๆตั้ง 4 เดือน ก่อนจะจ่ายตังแบบชิวๆด้วยราคาคื นละเกือบหมื่นรึไง นั่นมันตลกมาก ถ้าไม่อยู่ฟรีผมคงจะไม่เข้ าๆออกๆที่นี่ทุกวันหรอกมั้ง
ซึ่งการตัดสินใจให้แม่มานอนที่ โรงพยาบาลนี้ พ่อผมก็เห็นด้วยนะครับ หนึ่งเพราะใกล้มือหมอ สองเพราะอยู่ฟรี สามเพราะเป็นอะไรจะได้พาเข้าห้ องผ่าตัดได้เลย เออนั่นแหละ ตอนนี้ก็เหลือแค่กล่อมให้แม่ บำบัดก่อนจะอาการหนักไปมากกว่ านี้จนรักษาไม่หายก็เท่านั้น
นั่นแหละ ประเด็นของทุกอย่างที่ผมเครี ยดและไม่ยอมบอกแบมมาหลายเดือน
ที่ไม่บอกมัน ไม่ใช่เพราะมันเป็นปัญหาใหญ่ โตแบบแก้ไม่หาย แต่เพราะมันเป็นเรื่องเกี่ยวกั บครอบครัวผม ผมไม่อยากให้ไอ้แบมมันมารับรู้ และคิดมากตามผมไปด้วย ผมคิดคนเดียวก็พอแล้วครับ ส่วนมันน่ะ แค่ทำหน้าแฮปปี้ พอผมมองผมก็หายเครียดแล้ว
เพราะถ้าผมบอกมัน มันก็จะทำหน้าเครียดตามผมไปด้วย พอผมมองหน้ามัน ผมก็เครียดเข้าไปใหญ่น่ะสิ
เอาเป็นว่าผมทั้งรักทั้งเป็นห่ วงมันมากๆเลยก็แล้วกัน ยิ่งช่วงนี้มันยิ่งสงสัยในตั วผมอยู่ว่าเครียดอะไร ผมก็ยิ่งพยายามกลบเกลื่อนตั วเองมากขึ้นเท่านั้น นี่เป็นสาเหตุที่เวลาอยู่กับมั นผมจะทำตัวให้อารมณ์ดีมากเป็นพิ เศษ
ความจริงก็ไม่ได้คิดว่าจะปิ ดไปตลอดหรอกครับ เดี๋ยวถ้าถึงเวลาเมื่อไหร่ ตอนนั้นละผมจะเป็นคนบอกมันเองว่ าเกิดอะไรขึ้น จะบอกสาเหตุ บอกเหตุการณ์ บอกทุกอย่างเลย
เพราะงั้น...ตอนนี้ผมควรเคลียร์ ปัญหาเรื่องแม่ให้จบก่อน ปัญหาที่กินเวลานานมาหลายเดื อนอะนะ
เป็นไงละ ความคิดของผม หล่อกว่าพี่มาร์คใช่มั้ยละ? ความจริง..ผมควรจะเป็ นพระเอกแทนพี่เขานะครับ J
#นบพกด
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น