ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ` Fic 400 Days ( ChanBaek ).

    ลำดับตอนที่ #13 : (Episode Special ) Kris x Lay Part One.

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 100
      0
      14 ธ.ค. 56

    Special Kris x Lay

    Part One

     

     

     




     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ร่างของผมลอยอยู่ในอากาศ .. ผมไม่รู้สึกเจ็บ .. ผมไม่ได้ยินเสียงใดๆ.. ผมได้แต่มองท้องฟ้าอันมืดครึ้ม .. กลีบดอกกุหลาบจากช่อดอกไม้ที่ผมเตรียมมาเพื่อคนรักของผมลอยกระจัดกระจายอยู่บนท้องฟ้า .. กลีบดอกกระทบลงบนหน้าผมพร้อมกับเม็ดฝนที่ตกโปรยปรายลงมา .. ในมือของผมกำแหวนไว้แน่นผมไม่อยากให้มันหายไป .. ผมอยากให้คนรักของผมได้สวมมัน .. ความเงียบเข้าปกคลุมสมองของผม .. ผมไม่สามารถมองเห็นอะไรทั้งนั้นทุกอย่างมันมืดสนิท .. เสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินคือ ..

     

     

     

     
     

     

     

     

    ผมรักคุณ ตุ้ยจาง อย่าทิ้งผมไป ..

     

     

    จากนั้นทุกอย่างก็เงียบลง ไม่มีเสียงใดๆ ไม่มีแม้กระทั่งเสียงลมหายใจของผม

     

     

     

     

     

     

    ...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     




     

     

    ผมนั่งอยู่ในร้านกาแฟที่ผมชอบมานั่งอยู่เป็นประจำเพื่อรอคนรักของผมเลิกงาน อี้ชิงมักจะเลิกงานช้าเสมอเพราะเขามักจะโดนเพื่อนร่วมงานไหว้วานให้ไปช่วยทำนู่นทำนี่อยู่บ่อยๆ ซึ่งเจ้าตัวเองก็ไม่ได้รู้สึกไม่อยากทำแถมยังยินดีที่จะทำให้ซะอีก .. อี้ชิงใจดีเกินไปแล้วคุณว่าไหม?

     

    ขอโทษที่มาช้าครับ ! อี้ชิงวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามานั่นทำให้ผมรู้สึกตลกไม่น้อย

    ไม่เห็นต้องรีบขนาดนั้น .. ผมพูดแหย่ .. อี้ชิงยู่ปากใส่ผมก่อนจะนั่งลงตรงที่นั่งตรงข้าม

    ก็ไม่อยากกลับบ้านไปโดนใครบางคนบ่นนี่นา

    ใครบ่น ห้ะ ? จางอี้ชิง ? ผมมองร่างบางที่นั่งอยู่ตรงข้ามอย่างคาดโทษก่อนจะเอื้อมมือไปบีบจมูกอี้ชิงเบาๆ

    ก็ใครกันล่ะ .. โอ้ย

    กลับบ้านไปนายจะทำอะไรให้ฉันกินนะ ? ผมพูดพลางคว้ากระเป๋าทำงานของคนตัวเล็กไว้ในมือ.. ผมเอื้อมมือไปจับมือของอี้ชิงไว้และออกแรงดึงให้เขาเดินตามผมมา

    แล้วคริสอยากกินอะไรล่ะครับ ? ผมทำเป็นหมดเลยน้า อี้ชิงหันมามองผมพร้อมกับยิ้มกว้างจนตาหยี .. ผมละหมั่นไส้ไอ้ตายิ้มของเขาและไอ้ลักยิ้มที่ชอบโพล่ขึ้นมาบนแก้มของเขา มันทำให้อี้ชิงดูน่ารักมากขึ้นไปอีก

    ตามใจนาย .. วันนี้นายเลิกช้าเพราะงั้นต้องทำให้อร่อยๆละรู้ไหม ? ผมบอกก่อนจะเอื้อมมือไปบีบจมูกคนตรงหน้าเบาๆ

    อื้อ ! ได้เลยครับ

     

     

     

     

    ผมกับอี้ชิงเดินกลับบ้านด้วยกันทุกวัน อี้ชิงชอบเดินมากกว่านั่งรถไปทำงานเพราะเหตุผลที่ว่ามันประหยัดและผมกับเขายังได้ออกกำลังกายไปในตัวอีกด้วย บางวันเท่านั้นแหละที่ผมจะได้เอารถไปทำงาน ส่วนมากผมจะเดินไปทำงานพร้อมกับอี้ชิงมากกว่า ที่ทำงานของผมกับที่ทำงานของอี้ชิงอยู่ไม่ห่างกันมาก นั่นทำให้ผมกับอี้ชิงมักจะผลัดกันมารอที่ร้านกาแฟระหว่างทางไปทำงานของเราสองคนเสมอ ส่วนมากผมจะเป็นคนรออี้ชิงตลอดก็นะ .. คุณหมอรักษาเด็กอย่างเขาไม่ค่อยมีเวลาว่างเท่าอาชีพนักเขียนการ์ตูนอย่างผมเท่าไหร่หรอก

     

    คริสเขียนการ์ตูนเรื่องใหม่ไปถึงไหนแล้วอ่ะ ผมอยากอ่านจัง คนตัวเล็กเกาะแขนผมอย่างอ้อนๆพร้อมกับมองหน้าผม

    ก็มัวแต่ยุ่งเรื่องอนิเมชั่นของการ์ตูนเรื่องเก่าที่ฉันเขียนน่ะ ทั้งวันเลยทำแต่อนิเมชั่นไม่ได้มานั่งเขียนการ์ตูนต่อเลย ไว้พรุ่งนี้นะอี้ชิง ผมโยกหัวคนตัวเล็กเบาๆ อี้ชิงพยักหน้าพร้อมกับส่งยิ้มให้ผม ..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    เราสองคนใช้เวลาเดินกลับบ้านแทบจะไม่นานเลยเพราะตลอดทางเดินกลับบ้าน ผมกับอี้ชิงมักจะคอยหาเรื่องมาเล่าให้กันฟังตลอด เวลาเราสองคนกลับบ้านด้วยกันตลอดทางมันไม่เคยเงียบเลย อี้ชิงมักจะคอยถามนู่นนี่นั่น ส่วนผมก็มักจะแกล้งแหย่อี้ชิงเล่นอยู่บ่อยๆ  ผ่านไปไม่นานผมและอี้ชิงก็เดินมาหยุดอยู่ตรงบ้านพักของเราแล้ว..

     

     

     

    อี้ชิงอา.. วันนี้ฉันอยากอาบน้ำพร้อมนายจัง ผมบอกขณะที่ผมกำลังถอดรองเท้าก่อนเข้าบ้าน คนตัวบางที่กำลังเดินตรงเข้าไปในห้องนั่งเล่นหยุดชะงักและหันกลับมามองหน้าผมอย่าง งงๆ

    ผมต้องทำกับข้าวให้คริสนะครับ .. กว่าจะทำเสร็จก็คงอีกนานเลย ผมว่าคริสไป.. คนตัวบางที่อยู่ตรงหน้าผมพยายามอธิบายให้ผมฟังเพื่อเลี่ยงการอาบน้ำพร้อมผม..

    ไม่เอาจะรอ.. ไม่ต้องหาเรื่องมาอ้างเลยนะอี้ชิง ผมบอกก่อนจะเดินหายเข้ามาในห้องครัว

     

     

    อี้ชิงเดินตามผมเข้ามา.. ผมแกล้งทำเป็นเปิดตู้เย็นจัดนู่นจัดนี่เล่นก่อนจะเดินออกไปจากห้องครัวทิ้งให้คนตัวบางทำอาหารเย็นรอผมอยู่ในนั้น ผมเดินกลับมาในห้องนั่งเล่นก่อนจะเดินไปนอนบนโซฟาตัวยาวผมไล่เปิดรายการโทรทัศน์เล่นไปมาอยู่สักพักก่อนจะปิดมันลง กลิ่นอาหารเย็นที่อี้ชิงกำลังทำปลุกเสียงร้องของผมให้ร้องเสียงดังได้อย่างง่ายๆ ผมรีบลุกขึ้นมาจากโซฟาก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องครัว บนโต้ะอาหารมีกับข้าววางอยู่บนนั้นแล้วหนึ่งอย่างและแน่นอนว่าเป็นอาหารที่ผมชอบ

     

    อี้ชิงอา.. นายจะทำอาหารเย็นให้ฉันกี่อย่างกันหืม? ผมูดพร้อมกับเดินเข้าไปสวมกอดเอวของร่างบางที่อยู่ตรงหน้าผม

    ไม่เยอะหรอกครับอีกแค่สองอย่างเอง อี้ชิงตอบทั้งๆที่เขายังทำอาหารอยู่ นี่เขาสนใจอาหารมากกว่าผมได้ยังไงกัน .. ผมคลายอ้อมกอดออกมาก่อนจะยืนกอดอกมองคนตัวบางทำอาหาร

    นี่.. ตุ้ยจางมองผมแบบนี้ผมก็ประหม่ากันพอดีน่ะสิครับ อี้ชิงบอกพร้อมกับหันหน้ามามองผมนิดหน่อยก่อนจะหันกลับไปทำอาหารเย็นต่อ

     

     

     

    ผมมองอี้ชิงอยู่สักพักก่อนจะเดินเข้าไปหอมแก้มเขาเบาๆ ร่างบางดูตกใจนิดหน่อยที่ผมหอมแก้มเขา แต่ดูเหมือนว่าอี้ชิงคงจะชินซะแล้วล่ะที่โดนผมหอมแก้มบ่อยๆแบบนี้ .. ผมมักจะหอมแก้มของเขาเสมอ ไม่ใช่สิ ผมมักจะหอมแก้มอี้ชิงตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันเลยต่างหาก ก็ใครใช้ให้เขามีลักยิ้มน่ารักๆนั่นละลักยิ้มนั้นมันชอบทำให้ผมอยากหอมแก้มเขาโทษผมไม่ได้นะ..

     

     

     

     

     

     

    ไม่นานอาหารเย็นทั้งหมดก็ถูกมาวางตั้งไว้บนโต้ะอาหาร ผมรีบไปนั่งทันทีเมื่ออี้ชิงวางอาหารอย่างสุดท้ายของมื้อเย็นวันนี้ลงบนโต้ะอาหาร .. ทันทีที่อี้ชิงนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับผม ผมก็รีบตักอาหารที่อี้ชิงชอบวางลงบนจานของเขา ร่างบางมองผมก่อนจะระบายยิ้มออกมาน้อยๆ ..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     ผมกับอี้ชิงใช้เวลาทานอาหารเย็นด้วยกันสักพักใหญ่ๆก่อนจะไปอาบน้ำด้วยกันได้เพราะเราทั้งคู่เอาแต่คุยกันจนเกือบลืมกินข้าวเย็นกันเลย .. อี้ชิงมักจะพูดมากตลอดเวลาที่อยู่กับผม แต่กับคนอื่นเขาจะขี้อายและไม่ค่อยพูดมากเท่าไหร่ .. ผมรู้สึกดีนะที่คนรักของผมเป็นตัวของตัวเองเวลาที่เขาอยู่กับผม

     

    คริส .. อี้ฟาน .. ตุ้ยจาง ! ’ ร่างบางตะโกนเรียกชื่อผมพร้อมกับโบกมือไปมาอยู่ตรงหน้าผม

    ห้ะ ! ห้ะ ? ว่าไง ?

    ผมเรียกชื่อคริสตั้งหลายรอบแล้วนะครับ เหม่ออะไรอยู่กัน ? อี้ชิงบอกพร้อมกับขยับตัวลงไปในอ่างน้ำ ฟองที่อยู่ในอ่างน้ำลอยจนเกือบจะถึงปากเขาอยู่แล้วอี้ชิงชอบทำตัวเป็นเหมือนเด็กๆจัง .. คุณคิดเหมือนผมไหม ?

    อ่า ก็คิดอะไรนิดหน่อยน่ะ ไม่มีอะไรหรอกอี้ชิงอา ผมบอกก่อนจะยื่นมือไปบีบปลายจมูกร่างบางเบาๆ อี้ชิงยู่ปากใส่ผมน้อยๆพร้อมกับหัวเราะออกมา

    .. อี้ชิงอา ทำไมนายชอบทำให้ฉันตกหลุมรักบ่อยนักล่ะ ?

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผมเดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่ผมโดนอี้ชิงที่อาบน้ำเสร็จแล้วหนีออกมาก่อน .. ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมอี้ชิงถึงหนีออกมา ผมปล่าวคิดไม่ดีกับอี้ชิงนะ ลองคิดดูสิถ้าคนรักของคุณดันมาแก้ผ้าจนเห็นเกือบทุกสัดส่วนของเขา ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผมจะ .. เกิดอารมณ์ ไม่ใช่สิ ช่างมันเถอะครับผมคิดคำแก้ตัวไม่ออกแล้ว เอาเป็นว่านั่นแหละ .. ผมมีอารมณ์ตอนที่อาบน้ำอยู่กับอี้ชิง เขาเลยหนีออกจากห้องน้ำมาก่อน ผมนี่มันแย่จริงๆ

     

     

     

     

     

     

     

     

    อี้ชิงมองผมอย่างระมัดระวังหลังจากที่ผมนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกับเขา ร่างบางลอบมองผมน้อยๆพร้อมกับหยิบหมอนอิงมาวางกั้นไว้ระหว่างผมกับเขา

     

    นี่ อี้ชิงไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้น่า ฉันไม่จับนายกดแล้วโอเค้ ? ผมบอกพร้อมกับปาหมอนอิงใส่คนตัวบางที่นั่งอยู่ข้างๆผม อี้ชิงหันมามองผมนิดหน่อยก่อนจะคว้าหมอนอิงมาปาใส่ผมคืน .. เดี๋ยวนี้หัดสู้แล้วเหรอจางอี้ชิง เดี๋ยวเถอะ จะแกล้งคืนให้เข็ดเลยคอยดู

     

    โอ้ะ ! ’ อี้ชิงร้องออกมาเบาๆเมื่อใบหน้าของเขาโดนแรงที่ผมฟาดหมอนลงไปเต็มๆ ผมมองอี้ชิงก่อนจะรีบเข้าไปจับใบหน้าเล็กๆนั่นทันที

    อี้ชิงอาฉันขอโทษ ผมบอกพร้อมกับลูกไปที่แก้มใสของอี้ชิงทันที ร่างบางทำหน้าเครียดและมองผมเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะเสียงดังออกมา ทำเอาผมงงเลย

    ตุ้ยจางของผม .. ผมไม่เป็นอะไรสักหน่อยขอโทษทำไมละครับ

    ก็.. เห็นทำหน้าเครียดนึกว่าจะโกรธเอาน่ะสิ ผมบอกพร้อมกับนั่งกอดอกมองหน้าร่างบางที่ตอนนี้กำลังกลั้นหัวเราะสุดชีวิตอยู่

    ตุ้ยจางของผมน่ารักจังเล้ยยยยยยยยยยยยยย .. อี้ชิงพูดพร้อมกับกระโจนเข้ามากอดผม และหอมแก้มผมเบาๆ .. นั่นทำให้ผมเซอร์ไพร์สมาก เพราะปกติอี้ชิงไม่เคยหอมแก้มผมบ่อยเท่าไหร่มีแต่ผมนี่แหละที่ชอบฉวยโอกาสแอบหอมแก้มเขาอยู่บ่อยๆ

    อี้ชิงทำแบบนี้ระวังจะโดนจับกดเอานะ ผมบอกตามที่ผมคิด ก็ไม่จริงหรือไงเล่นทำตัวน่ารักๆใส่ผมแบบนี้ ผมก็ห้ามใจไม่ได้พอดีน่ะสิ ทันทีที่ร่างบางได้ยินผมพูดแบบนั้นเขาก็แทบจะกระโดดออกจากตัวผม แต่ใครจะยอมให้ไปกันล่ะ .. ผมกอดอี้ชิงแน่นเพื่อไม่ให้เขาหนีไปไหนก่อนจะลอบยิ้มออกมาน้อยๆ ทำให้ร่างบางที่อยู่บนตัวผมได้แต่ยิ้มแห้งๆให้ผมอย่างคนไม่มีทางสู้

     

    ฮ้าว .. คริสครับผมง่วงแล้วอะ อี้ชิงแกล้งหาวออกมาพร้อมกับใช้มือขยี้ตาของเขาเหมือนคนง่วงนอนจริงๆ

    ง่วงจริงเหรอครับ จางอี้ชิง ? ผมบอกก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆอี้ชิง นั่นทำให้ร่างบางต้องรีบเอามือมาดันหน้าผมให้ออกห่างจากหน้าเขาทันที

    อ .. อื้อ ! ผมง่วงแล้ว ปล่อยผมไปนอนได้แล้วนะครับ

    อ่า .. จะให้ปล่อยไปแบบนี้ง่ายๆมันก็ไม่แฟร์นะสิ

    แล้วคริสจะให้ผมทำอะไรล่ะครับ อี้ชิงว่าพร้อมกับเบะปากออกมา เฮ้อ .. สู้ไม่ได้ทีไรก็ชอบใช้มุกนี้ตลอด อี้ชิงอานายนี่มันจริงๆเลย

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผมหัวเราะออกมาเบาๆพร้อมกับเลื่อนหน้าเข้าไปจูบริมฝีปากอิ่มของอี้ชิงเบาๆ ก่อนจะรีบผละออกมา ผมมองหน้าร่างบางที่นอนทับอยู่บนตัวผมอย่างขำๆ ก็อี้ชิงหน้าแดงจนไปถึงหูเลยน่ะสิไม่ให้ผมขำเขาได้ยังไงกัน

     

    คนชอบฉวยโอกาส ร่างบางยอกพร้อมกับเอื้อมมือมาบีบแก้มผมแรงๆจนผมเกือบจะร้องโอ้ยออกมา

    อ่า .. อี้ชิงนี่มันเจ็บนะครับ ผมจ้องหน้าอี้ชิงนิ่งๆตอนที่พูดออกไป ร่างบางยิ้มแห้งให้ผมก่อนจะรีบลุกออกจากตัวของผมไปทันที

    ขอโทษครับ.. คริส อี้ชิงว่าพร้อมกับก้มหน้านิ่งเหมือนคนสำนึกผิด.. เขาคงคิดว่าผมโกรธเขาสินะความจริงผมไม่ได้โกรธเขาแม้แต่นิดเดียวเลย คิดมากจริงๆคนรักของผม..

    ไม่ได้โกรธสักหน่อยอี้ชิงอา.. ผมพูดก่อนจะเอื้อมมือดึงร่างบางให้เข้ามาใกล้ๆผม อี้ชิงแอบมองหน้าผมก่อนจะยิ้มกว้างออกมา ผมเลยยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มอี้ชิงอีกครั้ง อ่า.. ก็ใครให้เขายิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มแบบนั้นกันล่ะ? ผมก็ห้ามใจที่จะหอมแก้มเขาไม่ได้น่ะสิ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    อี้ชิงนอนอยู่บนแขนผมอย่างที่เขาชอบทำเป็นประจำทุกวัน ร่างบางนอนอ่านหนังสือที่ดูเหมือนว่าจะเป็นหนังสือเกี่ยวกับอาการของโรค ชนิดของโรค สาเหตุของโรคต่างๆ บลาๆๆ.. ผมเห็นเขาอ่านหนังสือพวกนี้แล้วผมไม่เข้าใจจริงๆว่าอี้ชิงเขาอ่านและจำมันไปได้ยังไง ถ้าให้ผมอ่านผมคงใช้หนังสือพวกนี้รองแทนหมอนและหลับไปนานแล้ว ..

     

     

     

     

     

     

     

    อี้ชิงบิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนจะวางหนังสือไว้บนชั้นหนังสือเล็กๆข้างเตียง ร่างบางหาวออกมาน้อยๆก่อนจะล้มตัวลงนอนข้างๆผม

     

    อี้ชิงง่วงก็นอนเถอะ ไม่ต้องฝืนอ่านหนังสือพวกนี้หรอกน่าเวลาว่างก็มีตั้งเยอะ ผมบอกก่อนจะเดินไปปิดไฟ ตอนนี้ก็เหลือแค่ไฟของโคมไฟที่ส่องแสงอยู่ข้างเตียงเท่านั้นที่ทำให้ผมเดินกลับมาที่เตียงได้โดยไม่เดินชนอะไรให้มันพัง ผมล้มตัวลงนอนข้างๆคนรักของผม อี้ชิงที่กำลังขยี้ตาพร้อมกับหาวออกมาเป็นครั้งที่สามแล้วมั้งหันมามองหน้าผมน้อยๆก่อนจะชี้ไปที่ปากของเขาเหมือนเตือนไม่ให้ผมลืมทำอะไร

    ไม่ลืมหรอกน่า ผมบอกพร้อมกับเลื่อนหน้าเข้าไปจูบที่ริมฝีปากอิ่มของอี้ชิงเบาๆ ทุกๆวันผมต้องจูบอี้ชิงก่อนนอนทุกครั้ง ไม่รู้ว่าเพราะอะไรผมถึงทำแบบนั้นแต่ที่ผมรู้ก็คือผมทำมาตลอดเจ็ดปีที่เราสองคนคบกัน อี้ชิงยิ้มเขินออกมาก่อนจะหลับตาลงเหมือนเขากำลังจะหลับแล้วจริงๆ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผมเอื้อมแขนไปกอดอี้ชิงไว้เบาๆพร้อมกับดึงร่างบางให้เข้ามาใกล้ๆผมอีก อี้ชิงขยับตัวเล็กน้อยเพื่อให้ผมกอดเขาได้ง่ายขึ้น ผมยิ้มกว้างออกมาคนเดียวก่อนจะปิดเปลือกตาของผมลง .. ผมที่หลับไปพร้อมกับอธิษฐานในใจว่า ขอให้ผมได้นอนกอดคนรักของผมแบบนี้ตลอดไปผมไม่ขออะไรอีกแล้ว ..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับความเงียบสงบ ไม่มีแม้แต่เสียงใดๆ ผมได้ยินแต่เสียงลมหายใจของผม ผมลุกขึ้นมาจากพื้นที่เต็มไปด้วยเม็ดทราย ผมปัดกางเกงของผมที่เปื้อนก่อนจะเดินไปอย่างไร้ทิศทาง ที่นี่เงียบและน่ากลัวเหลือเกิน นี่ผมกำลังฝันร้ายอยู่แน่ๆ ที่นี่น่ากลัวเกินไป มันเป็นเหมือนทะเลทรายที่กว้างสุดลูกหูลูกตา ผมไม่สามารถรู้ได้เลยว่าทางออกมันอยู่ไหนท้องฟ้าในตอนกลางคืนที่มืดสนิทไม่มีแม้แต่แสงของดวงดาว มีแต่ท้องฟ้าที่ดำสนิทและเมฆดำทมึนลอยกว้างอยู่บนนั้น .. ทุกอย่างดูเหมือนหยุดนิ่งก้อนเมฆที่ปกติจะลอยไปตามกระแสลมแต่ตอนนี้กลับไม่เป็นอย่างนั้นมันยังคงหยุดนิ่งเหมือนมีใครหยุดเวลาเอาไว้

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผมเดินไปตามทางที่ผมคิดไว้ในใจผมคิดว่าผมจะต้องเจอทางออกแน่ๆ..แต่มันกลับไม่เป็นอย่างนั้น นี่ผมเดินวนไปวนมาอยู่ที่เดิมหลายชั่วโมงแล้วนะเมื่อไหร่ผมจะเจอทางออกสักที.. ผมเตะก่อนหินที่อยู่บนพื้นอย่างไม่สบอารมณ์

     

     

     

     

    เคร้ง !

    เสียงของก้อนหินดังขึ้นราวกับว่ามันกระเด็นไปโดนอะไนสักอย่าง ผมรีบเดินไปตามที่มาของเสียงทันที ถึงแม้ว่ามันจะมืดแต่ผมก็สามารถเดาได้แหละน่าว่าก้อนหินมันไปตกลงตรงไหน ผมเดินมาเรื่อยๆจนผมเจอประตูบานหนึ่ง ประตูบานนี้เป็นประตูไม้สีขาวเก่าๆลูกบิดประตูที่ขึ้นสนิมเล็กน้อยทำให้ผมลังเลใจที่จะเปิดประตูเข้าไปข้างใน ผมไม่รู้หรอกว่ามีอะไรข้างในนั่นแต่ถ้ามันทำให้ผมหลุดออกไปจากที่บ้าๆนี้ได้ผมก็ยินดีที่จะเปิดประตูบานนี้

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผมเอื้อมมือไปบิดลูกบิดประตูก่อนจะดันมันออกช้าๆ แสงสีขาวส่องเข้ามาทันทีที่ประตูเปิดออก ผมเอามือป้องตาของผมเอาไว้ แสงบ้าอะไรวะเนี่ยทำผมแสบตาไปหมด..

     

     

     

     

     

    แสงที่สว่างจ้าดูจางลงผมจึงเอามือที่ปิดตาของผมออก ผมปรับสภาพสายตาของผมอยู่สักพักก่อนจะก้าวขาเดินเข้าไปข้างในห้องนั้นอย่างช้าๆ.. ภายในห้องเป็นห้องสีขาวล้วนไม่มีสีอะไรเลยนอกจากสีขาวเท่านั้น แปลกจริงๆ

     

     

     

    แอด .. ปัง !

    เสียงประตูปิดลงทำเอาผมสะดุ้งสุดตัว ผมหันกลับไปมองประตูที่ผมเปิดเข้ามาอีกครั้งและผมว่ามันได้หายไปแล้ว .. อะไรกันก็เมื่อกี้นี้ผมเพิ่งก้าวผ่านประตูนั้นเข้ามาเองแล้วทำไมมันถึงหายไปต่อหน้าต่อตาของผมแบบนี้ละ ผมเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าผมเข้ามาอยู่ที่ไหนกันแน่.. ผมหันหน้ากลับมาอย่างกล้าๆกลัวเมื่อได้ยินเสียงคนเดินอยู่ข้างหลังผม

     

     

     

    ตึก .. ตึก .. ตึก ..

     

     

     

     

     

    ‘ ! ’ ผมผงะเล็กน้อยเมื่อผมหันกลับไปเจอผู้ชายคนหนึ่งยืนหันหลังให้กับผมอยู่ ผมคิดอยู่ในใจว่าผมควรจะเดินเข้าไปหาเขาดีไหมหรือผมควรจะหันหลังกลับและวิ่งหนีหาทางออกจากที่นี่

     

     

     

     

     

    สวัสดีอู๋อี้ฟาน ทันที่ทีผมกำลังคิดอยู่ชายคนนั้นก็หันหน้ากลับมาทักทายผมพร้อมกับยิ้มให้ผมเล็กน้อย ชายที่ยืนอยู่ห่างจากผมดูเหมือนเป็นคนมีอายุแล้วไม่เหมือนกับคนหนุ่มอย่างผม

    เอ่อ.. สวัสดีครับ ผมตอบเขาไป ถึงแม้ว่ามันจะดูเหมือนเป็นการกระทำที่โง่ๆแต่ผมคิดอะไรไม่ออกแล้วนี่ ผมเลยทำได้แค่ทักทายชายคนนี้กลับไป

    นั่งก่อนไหม ? ชายคนนั้นพูดพร้อมกับผายมือไปข้างหลังของเขาที่ตอนแรกเป็นที่ๆว่างเปล่า แต่ตอนนี้กับมีเก้าอี้สีดำสองตัวและโต้ะสีดำตัวเล็กๆที่มีแก้วชาวางอยู่บนนั้นสองใบ นั่นทำผมอึ้งจนพูดไปออกเลย..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผมเดินตามชายคนนี้ไปเขานั่งลงบนเก้าอี้ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ผม ผมยิ้มให้เขาแห้งๆก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ตามเขา

     

     

     

     

     

    นี่ผมอยู่ในความฝันใช่ไหมครับ ? ผมถามออกไปหลังจากที่เราทั้งคู่เงียบใส่กันมาสักพัก

    อืม .. ไม่เชิงความฝัน ชายคนนั้นพูดพร้อมกับยกถ้วยชาขึ้นมาดื่ม

    แล้วผมอยู่ที่ไหนกันล่ะ? ผมถามออกไปอีกครั้งอย่างใจร้อน ผมอยากออกไปจากที่บ้าๆนี่จะแย่อยู่แล้วนะ

    ไม่ใช่ที่ๆคนเป็นจะมาได้ง่ายๆ.. เขาบอก .. ผมนิ่งไปสักพัก ไม่ใช่ที่ๆคนเป็นจะมาได้ง่ายๆ นั่นมันก็ต้องเป็นที่ของคนตายแล้วนะสิ

    นี่ผม .. ตายแล้วอย่างนั้นเหรอครับ ? ผมบอกด้วยน้ำเสียงสั่นคลอนเล็กน้อย ถ้าผมจะตายขอผมบอกลาคนรักของผมหน่อยได้ไหม .. ผมไม่อยากจากไปโดยไม่ได้บอกลาคนรักขอผมแบบนี้ ..

    ยัง .. คุณยังไม่ตายหรอกอี้ฟาน ชายคนนั้นบอกพร้อมกับจ้องเข้ามาในตาผม

    แต่อีกไม่นานไม่คุณก็อี้ชิงจะต้องจากกัน.. ไม่คุณเป็นคนจากไป ก็ .. ต้องเป็นอี้ชิงที่จากไป

     

    สิ้นสุดเสียงของชายคนนี้ทำให้สมองของผมตื้อไปหมด ผมคิดอะไรไม่ออกแล้วในหัวของผมมันมืดสนิท ผมคิดอะไรไม่ออกจริงๆ ผมได้แต่นั่งก้มหน้านิ่ง.. ชายที่นั่งอยู่ตรงข้ามผมเคาะนิ้วเป็นจังหวะช้าๆซึ่งมันทำให้ผมกดดันมากเลยทีเดียว

     

    คุณให้ผมมาที่นี่เพื่ออะไรสักอย่างใช่ไหม ? ผมถามออกไปตรงๆ

    อ่า .. รู้ทันกันซะแล้ว เขายิ้มออกมาน้อยๆพร้อมกับวางถ้วยน้ำชาลงเบาๆ

    อะไรล่ะที่คุณต้องการ ?

    เอาตรงๆไม่มีอ้อมค้อมเลยนะอี้ฟาน .. ตอนนี้คนที่มาทำงานกับเรากำลังขาด เราไม่สามารถหามาแทนได้ ตอนนี้พวกเขาส่วนมากก็กลับไปใช้ชีวิตแบบคนปกติกันหมดแล้ว เหลือคนทำงานไม่มากแล้ว.. ฉันเลยอยากขอให้นายมารับหน้าที่เล็กๆน้อยๆเป็นเวลา 400วัน เป็นคนตามเก็บวิญญาณที่ยังไม่รู้ตัวว่าตายแล้วให้ฉันหน่อย

    ถ้าผมทำแล้วผมจะได้อะไร ?

    อี้ชิงจะได้มีชีวิตอยู่ต่อ เขาตอบออกมานิ่งๆ ทำเอาผมเงียบไปเลย .. ถ้าผมตอบตกลงอี้ชิงจะได้มีชีวิตต่อ..

     

     

     

     

     

    ผมพยักหน้าตอบตกลงเขาอย่างช้าๆ .. หลายคนคิดว่าทำไมผมถึงยอมทำตามที่เขาบอกง่ายเหลือเกิน แต่ถ้าเป็นคุณผมเชื่อว่าคุณก็ต้องทำแบบที่ผมทำเหมือนกัน เพื่อไม่ให้คนที่ผมรักต้องตายผมต้องทำหน้าที่บ้าๆนี่

     







     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    นับเวลาถอยหลังเก้าสิบวัน.. แล้วเราจะมาเจอกันใหม่อีกครั้ง  ที่นี่..

    เขาบอกพร้อมกับโบกมือ ละอองควันสีขาวลอยออกมาจากมือเขาพุ่งเข้าใส่ตัวผม .. ใบหน้าที่ยกยิ้มของเขาคือภาพสุดท้ายที่ผมเห็นก่อนสติของผมจะวูบดับไป








    Minor!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×