ปราบรักให้อยู่หมัด : สนพ.นครสาส์น

ปราบรักให้อยู่หมัด

โดย...รัชริล

มือปราบพระกาฬ

                ฉันต้องการรถหนึ่งคัน พร้อมน้ำมันเต็มถัง อย่าตุกติก ไม่งั้นนังนี่ตาย เสียงตะคอกสั่งอย่างเป็นต่อของคนร้ายที่มีทั้งอาวุธและตัวประกันอยู่ในมือ

                เอายังไงดีวะว่าน ขืนปล่อยไปมันฆ่าตัวประกันแน่ ตติยะถามเพื่อนอย่างหวั่นใจ แม้หน่วยคอมมาโดในชุดดำจะเข้าคุมพื้นที่ไว้ได้หมดแล้ว และพร้อมที่จะเข้าชาร์ตเพื่อช่วยเหลือตัวประกัน แต่ระยะประชิดขนาดนั้นมันเสี่ยงเกินไป

                ว่านหรือร้อยตำรวจเอกวลัญช์หรี่ตามองคนร้ายใจทรามที่บังอาจใช้ตัวประกันเป็นเกราะกำบังเพื่อจะหนีเอาตัวรอด ความผิดกับของกลางที่ค้นพบ เฮโรอีนสิบกิโลกรัมโทษสถานเดียวคือประหารชีวิต ทางเลือกของมันจึงเป็นศูนย์ สิ่งเดียวที่มันทำได้ก็คือการสู้หลังชนฝา

                ชีวิตของคนร้าย เทียบไม่ได้กับผู้บริสุทธิ์ที่เป็นตัวประกันอยู่ในมือของมันในตอนนี้

                เขาต้องตัดสินใจ อย่างเด็ดขาด

การเจรจาต่อรองเป็นไปเพื่อยืดเวลาสถานเดียว แต่ในสภาวะของหมาจนตรอกในตอนนี้แน่นอนว่ามันสามารถทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมัจจุราชสีดำมะเมื่อมที่อยู่ในมืออันสั่นเทานั่น พร้อมจะสังหารตัวประกันได้ทุกเมื่อ

ปัง คำตอบคือเสียงปืนที่แม่นราวกับจับวาง ลูกตะกั่วเจาะเข้าที่หน้าผากของคนร้ายอย่างแม่นยำ ร่างที่กำปืนแน่นล็อกคอตัวประกันอยู่ทรุดฮวบลงในวินาทีต่อมา

เสียงหวีดร้องอย่างตกใจของตัวประกัน ก่อนจะทรุดตามลงไปกับร่างของคนร้าย

เราก็ต้องชิงฆ่ามันก่อน คำพูดนั่นแผ่วเบาเช่นเดียวกับควันจางๆจากปลายกระบอกปืนที่เพิ่งปล่อยลูกกระสุนออกไปจากรังเพลิง

ตติยะกลืนน้ำลายเหนียวหนึบลงลำคอ มองใบหน้าเรียบนิ่ง ดวงตาแทบไม่กะพริบของเพื่อน ก่อนจะยกมือให้สัญญาณ เคลียร์พื้นที่

ฉันรู้ว่านายแม่นปืน แต่การวิสามัญฯไอ้ใบ้ ทำให้เราพลาดโอกาสที่จะสาวไปถึงตัวการใหญ่ ฉันปวดหัวที่คอยตอบคำถามงี่เง่าของนักข่าวเรื่องที่นายตัดสินใจวิสามัญฆาตกรรมคนร้ายทั้งๆที่ชีวิตตัวประกันอยู่ในมือ แถมนายยังทำให้ผู้หญิงคนนั้นช็อกจนตอนนี้ต้องส่งเข้าจิตเวทย์ไปแล้ว

เสียงเอ็ดตะโรอย่างหัวเสียของพลตำรวจตรีอังกูลผู้บังคับการกองปราบ เจ้านายโดยตรงของวลัญช์ทำให้เขาแอบพ่นลมหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ

ถ้าผมไม่ชิงฆ่ามัน มันก็ต้องฆ่าตัวประกันอยู่ดี ผมไม่อยากเอาชีวิตของผู้บริสุทธิ์ไปเสี่ยงกับคนเลวอย่างไอ้ใบ้ คนพูดไม่ยอมรับแม้จะสำนึกผิดอยู่บ้างก็ตาม ทำให้พลตำรวจตรีอังกูลต้องพยายามระงับสติอารมณ์ข่มความโมโหโกรธาไว้

ฉันจะทำยังไงกับตำรวจเลือดร้อนอย่างนายดี คนเป็นเจ้านายถอนหายใจพรวด ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ มองตำรวจหนุ่มหน้าเข้มที่ทำหน้าตาไม่ยินดียินร้ายกับผลงานชิ้นโบว์แดงที่เล่นเอาสายโทรศัพท์กองปราบฯแทบไหม้ เมื่อข่าวการวิสามัญฯคนร้ายของวลัญช์แพร่ไปตามสื่อจนเกิดกระแสเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนาหู

ไม่เห็นท่านต้องทำอะไรนี่ครับ นอกจากเซ็นต์อนุมัติให้ผมย้ายไปชายแดนเสียที จะยื้อไว้ให้ช่วยราชการอยู่อีกทำไม ในเมื่อเบื้องบนก็อนุมัติมาแล้ว เขาถามอย่างมีข้อกังขาที่พลตำรวจตรีอังกูลไม่ยอมเซ็นต์คำสั่งให้เขาย้ายไปประจำการสถานีตำรวจในเขตชายแดนตามที่ขอ แต่ยังทำเรื่องให้อยู่ช่วยราชการต่อ

นี่มันไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาล้อเล่นหรือต่อรอง

ผมก็ไม่คิดว่ามันใช่

พี่โชติต้องโกรธฉันแน่ๆถ้าทำอย่างนั้น

ไม่เกี่ยวกับพ่อนี่ครับ ดีเสียอีกที่ว่าผมจะได้ไปอยู่ใกล้ๆท่าน

วลัญช์ พลตำรวจตรีอังกูลเรียกเสียงดังเตือนสติเขา

แต่ผู้กองหนุ่มกลับยิ้มอย่างไม่ยินดียินร้าย หน้าตาไม่ได้อนาทรร้อนใจกับเจ้านายเรื่องนี้

หวังว่าท่านจะเซ็นต์อนุมัติให้ผมเร็วๆนะครับ

ไปคิดดูให้ดีอีกที

คิดกี่ทีก็เหมือนเดิมครับ เขาลุกขึ้นยืนยิ้มเย็นให้เจ้านาย ตะเบ๊ะหลังตรงสง่า แล้วกำลังจะเดินออกจากห้อง

นายเหมาะที่จะเป็นมือปราบ สายของเรารายงานมาว่าจะมีการส่งมอบยาไอซ์เครือข่ายของต๋องสี่

เท้าที่ก้าวของวลัญช์ชะงักลง หันขวับมามองช้าๆ   เมื่อไหร่ครับ?

อีกสองวัน ฉันคิดว่านายน่าจะอยู่ทำงานนี้ อย่างน้อยก็ฝากฝีมือส่งท้ายงานที่กองปราบหน่อยเป็นไง?

ไม่มีคำตอบใดๆ นอกจากแววลิงโลดวูบวับในดวงตา แปลว่าพลตำรวจตรีอังกูลคงจะยินยอมเซ็นต์ย้ายให้เขาแต่โดยดีหลังจากเสร็จสิ้นงานนี้

เพียงเปิดประตูออกจากห้องของผู้บังคับการกองปราบ กองทัพนักข่าวที่มานั่งรออยู่ก็พุ่งเข้าหาเขาพร้อมไมโครโฟน กล้อง และเทปบันทึกเสียง แต่วลัญช์กลับเดินลิ่วไม่สนใจให้คำสัมภาษณ์และตอบคำถามใดๆทั้งนั้น รีบไปขึ้นรถและขับออกไปโดยเร็ว นักข่าวพากันหงุดหงิดที่มารอนานแต่ยังไม่ได้สัมภาษณ์ผู้กองหนุ่มที่พวกเขาตั้งฉายาว่า ตำรวจเหล็กเลือดร้อน เมื่อพลตำรวจตรีอังกูรเปิดประตูออกมา ทั้งไมค์และกล้องจึงพุ่งเข้าหาท่านอย่างไม่ให้โอกาสได้เลี่ยง

คุณหนูผู้เอาแต่ใจ

                สาวสวยร่างระหงที่อำพรางใบหน้าด้วยแว่นกันแดดอันโตเดินเข็นกระเป๋าออกมาจากช่องผู้โดยสารขาเข้าอย่างมาดมั่น สมกับเป็นสาวยุคมิลเลเนี่ยม

                นั่นหรือเปล่าคะคุณ คุณยุวลักษณ์สะกิดสามีให้ดูสาวสวยเปรี้ยวเฉี่ยวที่กำลังเดินตรงมาหา

                ท่านรองผู้บัญชาการกรมตำรวจเสรีขยับแว่นสายตาก่อนจะหรี่ตามองนิดหนึ่ง

                ฮัลโล แด๊ดดี้ มามี้ สาวเจ้าโบกมือหยอยๆทักทาย

                ไม่ใช่หรอกมั้งคุณ ลูกเราคงไม่ฝรั่งจ๋าเปรี้ยวจี๊ดอย่างนี้ ท่านเสรีส่ายหน้าแม้รู้สึกหวั่นใจนิดๆกับท่าเปรี้ยวปรี๊ดจนเข็ดฟันของเธอ รีบชะเง้อชะแง้คอยาวมองหาลูกสาวคนเดียวที่จะบินกลับมาถึงเมืองไทยวันนี้ แต่พอสาวสวยนางนั้นเดินเข้ามาใกล้ หยุดลงตรงหน้าท่านทั้งสอง แล้วเลิกแว่นกันแดดอันโตขึ้นคาดผมเท่านั้น

ลูกแก้ว ท่านและคุณนายถึงกับร้องอุทานเสียงหลงกับสีสันจัดจ้านบนใบหน้าที่เคยใสกิ๊กในครั้งหนึ่ง

คิดถึงแด๊ดดี้มามี้ที่สุดเลย ว่าแล้วเจ้าหล่อนก็โผเข้าโอบกอดท่านทั้งสองแน่นจนแทบจะหงายหลัง

อะไรกันนี่...ลูกสาวชั๊น คนเป็นแม่มองลูกสาวดันตัวออกห่างมองสำรวจให้แน่ใจ หลังจากนิ่งอึ้งไปหลายวินาทีเอ่ยถาม ทำหน้าคล้ายจะเป็นลมเจ้าตัวหมุนตัวโชว์ให้ทั้งคู่ดูอีกรอบเพื่อให้ท่านแน่ใจว่านี่ลูกสาวของท่านแน่ๆ

เป็นไงคะ? ลูกสวยจนคุณพ่อคุณแม่จำไม่ได้เลยใช่มั้ยคะ?

ท่านเสรีฯและภรรยากลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ

ตอนนี้ลูกอยู่เมืองไทย กรุณากลับมาเป็นลูกสาวคนเดิมของพ่อกับแม่ด้วยเถอะ ผู้เป็นบิดาขอร้องอย่างอ่อนอกอ่อนใจกับภาพที่เห็น  ณัฏฐ์วศาย่นคิ้ว ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาอย่างเบื่อๆเซ็งๆกับความคร่ำครึของบุพการีทั้งสอง

คุณพ่อคุณแม่ไม่อินเทรนด์บ้างเลย เดี๋ยวนี้ใครเขาก็พูดฝรั่งคำไทยคำกันทั้งนั้น น่าจะดีใจนะคะที่มีลูกสาวเรียนจบจากนอก แถมยังจะขายออกในไม่ช้านี่แล้วด้วย เจ้าตัวทำหน้ากระเง้ากระงอด

ขายออก หมายความว่ายังไง? เสียงประสานของท่านทั้งสองดังพร้อมกัน

ลูกกำลังจะแต่งงานค่ะ บดินทร์ยังไม่ได้ให้พ่อกับแม่เค้าไปสู่ขอลูกกับคุณพ่อคุณแม่อีกเหรอคะนี่? ประโยคนั้น พาลจะพาให้คุณยุวลักษณ์วิงเวียนคล้ายจะเป็นลมอีกรอบ