ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยังเป็นเพียงตัวประกอบ

    ลำดับตอนที่ #12 : บทที่ 11 ll บ้านใหม่ rewrite

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.78K
      594
      20 ก.ค. 62

    และแล้วการเดินทางอันแสนยาวนานของแคลร์ก็จบลงหญิงสาวเดินตามหลังอีธานและผู้อำนวยการในการลงจากขบวนรถไฟซึ่งในเวลาเดียวกันนั้นเทรย์เวอร์ก็เดินกลับมาจากการเข้าไปห้องน้ำพอดี

    เด็กชายเห็นแผ่นหลังและเส้นผมที่คุ้นเคยไกลๆแล้วอดที่จะเดินตามเพื่อไปมองใก้ลๆไม่ได้แต่ฝีเท้าของเขาก็หยุดลงเพราะตระหนักถึงความจริงบางอย่างว่าคนคนนั้นได้จากไปแล้ว

    " อ่าา ดูภาพนี่สิ สวยมากเลยราวกับว่าสามารถยกภูเขาเข้ามาอยู่ในภาพจริงๆเลย น่าเสียดายแทนเจ้าของที่ลืมเอาไว้เสียจริง " เสียงพนักงานสาวที่กำลังเก็บกวาดห้องที่แขกออกไปว่า

    " นั้นสิ ฉันยังไม่เคยเห็นภาพที่ไหนสวยเท่านี้มากก่อนเลยทั้งที่ๆฉันเคยทำงานอยู่หอศิลป์มาก่อนแท้ๆ " พนักงานสาวอีกคนว่า

    เมื่อได้ยินคำว่าราวกับว่าสามารถยกภูเขาเข้ามาอยู่ในภาพจริง ' ตัวเทรย์เวอร์ก็อดที่จะเข้าไปขอดูภาพนั้นจากพนักงานสาวไม่ได้ทั้งๆชีวิตของเขา เขาเคยเห็นภาพของคนคนเดียวเท่านั้นที่สามารถลอกเลียนธรรมชาติได้ออกมาราวกับยกสิ่งนั้นมาอยู่ในภาพวาด

    " ไม่จริงน่า " เทรย์เวอร์อุทานเสียงเบาเมื่อได้เห็นภาพที่ที่ถูกทิ้งเอาไว้ไม่ว่างจะลายเส้นหรือรูปแบบการลงสีนั้นบ่งบอกชัดเจนว่ามันเป็นฝีมือของใคร แล้วเด็กชายก็ถามต่อว่า " พอทราบไหมครับว่าใครเป็นคนวาดภาพนี้ "

    " ไม่แน่ใจค่ะห้องนี้พักกันสามคนคุณชายสองคนและคุณหนูหนึ่งคนค่ะ " พนักงานสาวตอบ

    ' คุณชายสองคุณหนูหนึ่งหรือว่า เมื่อกี้นี้ ' หลังจากประมวลผลอย่างรวดเร็วเทรย์เวอร์ก็รีบวิ่งไปยังประตู้ทางออกทันทีด้วยความหวัง ถ้าเขารีบไปอาจจะทันได้เห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นและบางทีเธออาจะเป็นพี่สาวของเขาก็ได้  

    ซึ่งแน่นอนเทรย์เวอร์นั้นวิ่งไปไม่ทันเพราะเมื่อเขาวิ่งไปถึงประตูรถไฟนั้นก็เริ่มเคลื่อนขบวนอีกครั้งแล้วเด็กชายเดินกลับห้องพักของตัวเองด้วยความผิดหวังแต่ในความผิดหวังนั้นมีความหวังซ่อนอยู่

    การเดินทางจากสถานีรถไฟไปยังสถาบันการศึกษานั้นใช้เวลาไม่มากถ้าเดินไปสิบนาทีก็คงถึงแต่ด้วยฐานะของโรฮานแล้วแน่นอนว่าต้องมีรถม้ามารอรับพวกเขา ซึ่งคนขับรถม้าก็เป็นถึงหนึ่งในอาจารย์ผู้ทรงเกียรติ์ของสถานบันเลยทีเดียว

    " ยินดีต้อนรับสู่สถานบันสำหรับผู้มีความสามารถพิเศษอย่างเป็นทางการนะ ก่อนพาคุณไปยังที่พักผมมีเรื่องสองสามเรื่องที่จะพูดคุยกับพวกคุณทั้งคู่ " โรฮานว่าแล้วเปิดประตูรถม้าเชิญว่าที่นักศึกษาใหม่ลงจากรถ

    " เข้าใจละ " อีธานว่าแล้วเดินตามผู้อำนวยการไปยังสถานที่ ที่คาดว่าจะเป็นตึกอำนวยการของสถาบันแห่งนี้ซึ่งทางไปก็ซับซ้อนน้อยกว่าเขาวงกตเล็กน้อย

    ผลสรุปการพูดคุยสองสามเรื่องของผู้อำนวยการนั้นก็คือการสร้างข้อสอบใหม่ของสถาบัน การวาดภาพประดับสำหรับห้าห้อง และ คลาสเรียนของพวกเธอโดยสองในสามนั้นเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับตัวของแคลร์โดยตรงที่ทำเอาอีธานนั้นขมวดเป็นปมอย่างไม่น่าดูเพราะเขาไม่ต้องการให้แคลร์สร้างวงกตนั้นอีก

    " ผมขอร้องละ เรามีความจำเป็นที่จะต้องใช้วงกตเวทย์จริงๆ " โรฮานกล่าวขอร้องคู่สนทนาเสียอ่อนแฝงไปด้วยความเว้าวอนกลายๆหลังจากที่ได้รับการปฏิเสธจากพี่น้องไม่จริงของผู้สร้าง

    " ผู้อำนวยการเรื่องที่ให้แคลร์วาดรูปนั้นผมไม่มีปัญหา แต่ถ้าให้เธอสร้างวงกตเวทย์ของเอลฟ์อีกนั้นเป็นเรื่องที่ผมไม่เห็นด้วย " อีธานว่าเสียงเข้มพร้อมกับมองคนข้างๆที่เหมือนจะไม่คิดอะไรแต่เขารู้ว่าเจ้าตัวกำลังลังเลอยู่ แคลร์นั้นมีความสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้มากถ้ามีโอกาศให้เธอทดลองทำมันเธอไม่มีทางปฎิเสธแน่ ที่ไม่พูดอะไรตอนนี้เพราะคเห็นแก่เขาอยู่

    " ทางสถาบันจะยอมทำตามคำขอร้องของคุณสามข้อเลย ถ้าคุณตกลงสร้างวงกตเวทย์ให้เรา " โรฮานเสนอสิ่งตอบแทนที่ค่อนข้างจะขุดเลือดขุดเนื้อของตัวเองออกไปแต่นั้นมันก็คุ้มถ้าได้วงกตเวทย์นี้มาเพราะมันอะไรที่เสถียงกว่าวงกตเวทย์ธรรมดาอีกทั้งการที่จะหาคนที่สร้างวงกตเอลฟ์โบราณนั้นไม่ง่าย เอาคนที่รู้ภายในอาณาจักรเอลฟ์นั้นอาจจะมีไม่ถึงสามคนด้วยซ้ำ

    " งั้นตกลง " เมื่อได้ยินข้อเสนอขอโรฮานแคลร์ก็กล่าวตกลงทันทีซึ่งทำให้คิ้วของอีธานนั้นขมวดยุ่งกว่าเดิม มชทำให้แคลร์ต้องลูบมือคนข้างๆให้อีกคนใจเย็นลง

    " ขอบคุณจริงๆ งั้นเดียวผมจะพาพวกคุณไปที่พักเลย " โรฮานกล่าวเสียงสั่นด้วยความดีใจ

    ที่พักของแคลร์และอีธานที่ได้รับเป็นนักเรียนคลาส S นั้นอยู่บนชั้นสี่ของหอสมุดโดยทางเขานั้นก็ซับซ้อนพอๆกับทางเขาห้องของผู้อำนวยการที่พักนั้นประกอบด้วยห้องนอนจำนวนแปดที่มีห้องน้ำในตัว ห้องมีห้องครัว และ โถงกลาง สำหรับพบปะสังสรรค์ซึ่งก็ไม่ค่อยจำเป็นเท่าไรเพราะนานๆทีจะมีนักศึกษาคลาส S มากกว่าหนึ่งคนซึ่งหนึ่งคนนี้หมายถึงรวดรวมหกชั้นปีอ่านะ

    " แคลร์ " เมื่อผู้อำนวยการออกจากที่พักไปอีธานก็เรียกชื่ออีกคนที่อยู่ในห้องเสียงอ่อนแล้วล้มลงบนตักของอีกฝ่ายก่อนว่าต่อ " เธอรู้ใช่ไหมเพราะผมเป็นห่วง "

    " รู้ แต่การช่วยเหลือจากสถาบันนั้นมันจำเป็นต่อพวกเราในอนาคตอีกอย่างตอนนี้ขีดจำกัดพลังเวทย์ของเราเพิ่มขึ้นแล้ว ไม่เป็นไรหรอห" แคลร์ว่าพร้อมกับก้มลงประสานสายตาแล้วลูบหัวอีกฝ่ายเพื่อเป็นการปลอบโยนความเครียดที่เกิดขึ้นมาในจิตใจของอีธาน

    ไม่เป็นไรบ้าบอสิ สลบไปเกือบอาทิตย์พอตื่นขึ้นมาก็เจอกับสายตาที่คุ้นเคยและไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไรมองอยู่ตามด้วยอการที่เย็นลงจนใกล้เคียงกับบ้านเกิดของเธอเลย อาการติดลบเป็นอยู่ไม่นานก็เปลี่ยนเป็นบรรยากาศที่ผ่อนคลายขึ้นพร้อมกับโจ๊กที่ยกเข้ามาภายในห้อง แต่สิ่งที่กระจ่างแจ้งในทันทีว่าว่าวงกตที่พวกตัวเอกนั้นใช้สอบเข้าสถาบันนั้นมีกลไกเป็นยังไง

    " ช่วงที่หลับไปผมลองฝึกทำอาหารดูนะ " อีธานพร้อมกับจัดเตรียมอาหารที่จะให้แคลร์รับประทาน ระหว่างที่แคลร์หลับไปเขาก็ไปบังคับผู้อำนวยการให้จัดการอะไรหลายๆอย่าง โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับการฟื้นฟูและเพิ่มขีดจำกัดแคลร์

    " ทำอาหาร ? " แคลร์ว่าด้วยความสงสัยแล้วเงยหน้ามองอีกฝ่ายอย่างประเมิน

    " อืม ลองชิมดูชิม " 

    เมื่อได้ยินคำยืนยันแคลร์ก็ตักโจ๊กเข้าปากด้วยความกังวลเล็กน้อยแต่สิ่งที่ได้นั้นคือความประหลาดใจ รสชาติโจ๊กนี่มันดีกว่าที่เธอคิดมากทั้งนุ่มและกลมกล่อม กินแล้ววิญญาณแทบจะหลุดออกจากร่าง ไม่นานนักเธอก็ตักกินโจ๊กจนหมดชามสร้างรอยยิ้มให้กับอีธานเป็นอย่างมาก เด็กหนุ่มจัดการเก็บโต๊ะและชามอาหารแล้วกลับมาพร้อมผู้รักษาประจำสถาบันเพื่อมาตรวจอาการแคลร์ว่ามีอะไรแทรกซ้อนหรือผิดปกติรึเปล่า

    สองสามวันนี้เธอนอนพักอยู่ในห้องเพื่อฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาแข็งแรงดังเดิมแล้วค่อยไปวาดรูปห้าสถานที่ที่ได้รับปากเอาไว้กับผู้อำนวยการแล้วก็อ่านหนังสือที่อีธานไปยืมจากห้องสมุดมาให้ไปพรางๆ

    สถานบันนี้มีทั้งหมดหกชั้นปี 5 คลาสหลักหนึ่งคลาสพิเศษซึ่งก็คือคลาส S ที่เธอและอีธานอยู่คลาสนี้มีสมาชิกน้อยและไม่แน่นอนบางปีก็มีบางปีก็ไม่มีคุณสมบัติของคลาสนี้นั้นก็ง่ายแสนง่ายคือต้องมีพลังเวทย์โบราณเท่านั้นเหมือนจะดูพิเศษแต่ความจริงก็ไม่เพราะความแตกต่างในการเรียนและการพัมนาจึงทำให้ต้องแยกตัวออกมาเรียนต่างหาก รุ่นพี่คนล่าสุดของพวกเธอก็จบไปได้สามปีแล้วส่วนห้าคลาสหลักก็ A-F ตามระเบียบและแน่นอนตัวเอกทั้งหลายนั้นย่อมไปกองกันอยู่คลาส A 

    ตามเนื้อหาในนิยายพระนางจะได้พบกันตอนเข้ามาทดสอบด้วยเหตุการณ์สุดคลาสสิกอย่างเดินชนกันและแน่นอนต่อจากนั้นพวกเขาก็จะได้พักในหอพักเดียว สร้างความสัมพันธ์ที่ดีงามต่อกันเรื่อยๆจนเกิดเป็นความรักส่วนตัวเอกที่ไม่ใช่พระนางก็แยกย้ายกันไปตามระเบียบโดยรวมถือว่าแฮปปี้เอนทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นตัวนางร้ายอย่างอมีตี้ที่เลือกจะไปใช้ชีวิตที่ปราศจากผู้คนในป่าใหญ่ดังผู้ละทางโลกแล้วคิดแล้วทางอมีตี้จะทำแบบนั้นจริงๆเธอนั้นก็สมควรลองชวนอีกฝ่ายอยู่ด้วยกันที่ทวีปมืดดู

    " ผมได้ตารางเรียนมาแล้วแคลร์สนใจดูไหม " เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าเป็นการตอบรับอีธานก็นำตารางเรียนที่เขาได้มาไปให้แคลร์ที่กำลังเอนกายอยู่บนเตียงซึ่งปฏิกริยาที่ได้ก็สร้างความขบขันให้เขาไม่น้อยโดยเฉพาะท่าทางที่ดูลำบากใจนั้นซึ่งมันก็คงเป็นเพราะการเรียนทางด้านกายภาพที่มีถึงห้าวิชาแถมยังมีทุกวันไม่เว้นแต่วันที่สมควรเป็นวันหยุด

    " เรากลับทวีปมืดตอนนี้ทันไหม " แคลร์ว่าหลังจากพร้อมกับจ้องตารางเรียนด้วยความหดหู่ใจอย่างถึงที่สุด ทำไมถึงต้องมีถึงห้าวิชาด้วยนะวิชาด้านกายภาพนี่ไม่ว่าจะเป็นอาวุธระยะใกล้ อาวุธระยะไกล ความยืดหยุน ความคล่องตัว และ ความถึก ตัวเธอล้วนไม่ถนัดสักอย่างส่วนวิชาที่พอจะดูดีอยู่บ้างคือความรู้ทั่วไปและประวัติศาสตร์เบื้องลึกของทวีป สองวิชาที่เหลือเธอแน่ใจว่ากินขาดอีธานแน่นอนเลยคือวิชาว่าด้วยภาษาที่จำเป็น 

    หากทุกคนกำลังถามว่าทำไมไม่มีวิชาเวทย์มนต์ละก็คำตอบนั้นง่ายมากเลย ศึกษาด้วยตัวเองยังไงละ ความรู้เกี่ยวกับเวทย์โบราณนั้นถูกบันทึกเอาไว้ด้วยภาษาโบราณและภาษาเอลฟ์ ทั้งยังมีผู้ใช้เวทย์สายนี้น้อยแบบน้อยมากจึงไม่มีการแปลหนังสืออย่างเป็นทางการและไม่มีอาจารย์ที่จะสอนได้ พวกรุ่นพี่ที่เรียนจึงต้องแปลข้อความพวกนั้นและศึกษาทั้งหมดด้วยตัวเอง ซึ่งก็ไม่ทิ้งเอกสารที่ผ่านการแปลไว้ให้รุ่นน้องเลยสักฉบับ เป็นผลให้รุ่นน้องที่เข้ามาใหม่ต้องแปลอ่านเองทุกปีจนเป็นธรรมเนียม

    และแน่นอนภาษาทั้งสองนั้นไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเธอเลยแม้แต่น้อยดด้วยความสามารถที่ระบบมอบให้เธอสามารถเข้าใจทุกภาษาบนโลกใบนี้ที่มีการพูดคุยและบันทึกเอาไว้เป็นลายลักษณ์อักษร พอลองเอาตารางเรียนของอีธานมาดูก็พบว่าตารางของอีธานนั้นต่างจากของเธอเล็กน้อยตรงที่ชั่วโมงของวิชาทางกายภาพนั้นมีน้อยกว่าประมาณอย่างละสองคาบแต่เพิ่มชั่วโมงวิชาทางด้านภาษามาอย่างสองแทน

    หลังจากเปิดเทอมไปสักพักทางคณาจารย์ก็เห็นว่าเธอไม่จำเป็นต้องเรียนวิชาว่าด้วยภาษาแล้วเลยทำให้ชั่วโมงเรียนเล่านั้นถูกแปลงเปลี่ยนมาเป็นวิชาทางกายภาพแทนว่าแล้วอยากจะร้องไห้ ในขนาดที่คุณผู้ชายกำลังนั่งเรียนอยู่ในห้องผู้หญิงเช่นเธอกลับต้องมาวิ่งออกกำลังกายท่ามกลางแสงแดดที่ไม่เป็นมิตรต่อผิวเลย ถึงจะบอกว่ามันไม่เป็นมิตรต่อผิวยังไงผิวขาวราวกับหิมะของเธอก็ไม่คล้ำขึ้นแม้แต่น้อย

    ด้วยตารางเรียนอันแสนจะโหดร้ายของแคลร์ ร่างกายของเธอนั้นก็พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดนับตั้งแต่เข้ามายังสถาบันจากร่างที่แทบจะยกดาบยังไม่ขึ้นก็สามารถกวัดแกว่งมันได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว ถ้าตอนนี้หุ่นของเธอนั้นแทบจะเหมือนกับโจเซเฟีย สไครเวอร์หนึ่งในนางฟ้าวิตกเรียร้อยเปอร์เซนต์ ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนัก ส่วนสูง หรือสัดส่วนอก เอว สะโพก แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นแล้วก็ยังถูกอีธานว่าเตี้ยอยู่ดี 

    _______________________________________________________

    จบไปอีกหนึ่งตอนที่ไม่มีอะไรมากนอกจากการเติบโตของสาวน้อยของเรา แล้วก็มันอาจจะมีการสริคป์เข้าไปยังช่วงของนิยายเดิมเร็วกว่าเดิมและตัดเนื้อหาบางอย่างทิ้งไป ไรท์หวังว่ารีดทุกคนจะชอบนะขออุนุญาติปิดทายด้ายภาพหุ่นแซ่บๆของโจเซเฟีย สไคล์เวอร์ อย่างลืมกดให้กำลังใจนะ

      

    โจเซเฟีย สไคล์เวอร์ หนึ่งในนางฟ้าของวิกตอเรีย สูง 180 เซนติเมตร

               
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×