ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยังเป็นเพียงตัวประกอบ

    ลำดับตอนที่ #16 : บทที่ 15 ll สร้อยเส้นนั้น rewrite

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.57K
      484
      20 ก.ค. 62




                 ผลการทดสอบสุดท้ายของเทรย์เวอร์นั้นคือคลาส A วินาทีแรกที่ที่เขาเข้าไปมาในห้องนี้สิ่งที่เขาสะดุดตาเลยคือรูปภาพขนาดใหญ่ที่คาดว่าน่าจะเป็นสถานที่สักแห่งในสถาบันนี้แต่สิ่งที่สะดุดตาเขานั้นไม่ได้เป็นความงดงามทางสถาปัตยกรรมแต่เป็นลายเส้น รูปแบบ และ น้ำหนักของการลงสีที่เหมือนกับภาพวาดที่อยู่ในห้องเขาโดยเฉพาะตัวอักษรที่ลงไว้ตรงมุมของภาพ

    " ชอบภาพนี้หรอ เจ้าชายน้อย " ในระหว่างที่เทรย์เวอร์กำลังพิจารณารูปอย่างละเอียดก็เสียงทุ้มของใครบางคนดังมาจากด้านหลังและพอไปมองก็พบกับชายวัยกลางแต่งตัวด้วยสูทง่ายๆ

    " คุณคือผู้อำนวยการ " เทรย์เวอร์ว่าด้วยความสงสัย

    " ผมคือผู้อำนวยการ " ชายวัยกลางคน

    " งั้นขออภัยด้วยด้วยที่ผมเสียมารยาทเมื่อครู่ " เทรย์เวอร์ว่าพร้อมกับค้อมตัวลงแสดงความนอบน้อม

    " ไม่ไร คุณเหมือนจะมีคำถามเกี่ยวกับรูปนี้นะ เจ้าชาย " ผู้อำนวยการ

    " ผมแค่รู้สึกว่ามันค่อนข้างจะคุ้นตา มันเหมือนกับภาพวาดที่คนสำคัญของผมวาด " เทรย์เวอร์

    " เธอจะรู้สึกก็ไม่แปลกเพราะมันคือภาพที่เจ้าหญิงของมัวล์วาดเมื่อนานมาแล้ว " ผู้อำนวยการ

    " ท่านพี่ไม่เคยมาอาณาจักรนี้หรือว่า... " เทรย์เวอร์ว่าพร้อมกับคิดในหัวก่อนที่จะมีข้อสันนิฐานอย่างหนึ่งเข้ามาในหัว

    " ผมไม่ได้หมายถึงเจ้าหญิงแคทเธอรีนแต่เป็นมารดาของเจ้าหญิง ท่านอาของพระองค์ " ผู้อำนวยการว่าพร้อมกับความรู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆแต่พอนึกถึงเจ้าของภาพวาดและพี่ชายของเขาก็รู้สึกเบาลงเพราะทั้งคู่นั้นออกเดินทางไปปฏิบัติภารกิจเมื่อชัวโมงที่แล้วแล้วอีกทั้งเขายังเป็นคนไปส่งทั้งคู่ขึ้นรถไฟด้วย

    " ท่านอาเป็นคนวาดหรอ " เทรย์เวอร์งึมงำอย่างผิดหวัง แต่ถ้าเป็นท่านอาวาดก็มีความเป็นไปได้เพราะท่านอาเป็นคนสร้างท่านพี่วาดภาพดังนั้นรูปแบบของภาพมันจะเหมือนกันก็ไม่แปลก

    ทางผู้อำนวยการที่เห็นแววตาที่หมนแสงลงจากตอนที่เขาขอกว่าเจ้าหญิงของอาณาจักรมัวล์เป็นคนวาดเลยรู้สึกอดที่จะเอ็นดูไม่ได้เลยหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อ " ผมเจอสิ่งนี้ระหว่างนั่งรถไฟเมื่อห้าปีก่อน " ว่าแล้วก็ส่งสร้อยข้อเท้าที่ทำจากสีเงินที่มีระยางสั้นยาวมากมายโดยปลายระยางนั้นไพลินและเพทายเม็ดเล็กๆ

    วินาทีแรกที่เทรย์เวอร์เห็นของในมือของผู้อำนวยการเขาก็จำได้ทันทีว่ามันคืออะไรเพราะมันเป็นของที่เขาเป็นคนสั่งทำให้กับเป็นของขวัญวันเกิดอีกทั้งท่านพี่ยังใส่มันไปงานในวันนั้นด้วย สร้อยเส้นนี้เป็นของที่ไม่สามารถทำเลียนแบบออกมาได้เพราะเทคนิคที่ใช้ในการต่อและประสานทุกอย่างเข้าด้วยกันนั้นมีเพียงช่างชั้นสูงของอาณาจักรเขาเท่านั้นที่จะทำได้

    " ขอบคุณที่คุณเก็บมันเอาไว้ " เทรย์เวอร์พูดเสียงสั่นพร้อมกับรับสร้อยข้อเท้ามาดูใกล้ๆ " ถ้าคุณไม่ว่าอะไรผมขอซื้อสร้อยนี้จากคุณได้ไหม คุณผู้อำนวยการ  "

    " ไม่จำเป็นต้องซื้อหรอก ผมตั้งใจเอามาให้คุณตั้งแต่แรกอยู่แล้วเพราะมันสมควรกลับอยู่กับคนที่คู่ควรกับมัน " ผู้อำนวยการว่าก่อนที่จะหมุนตัวเดินออกจากไป ด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดในใจ เขาคิดไม่ถึงเลยว่าความรู้สึกที่เจ้าชายคนโตของมัวล์มีให้กับพี่สาวของเขาลึกล้ำขนาดไหน ทั้งๆที่เวลาผ่านมาแล้วถึงห้าปีก็ไม่สามารถเยียวยาบาดแผลในจิตใจได้และเขาเองก็ไม่เข้าใจเจ้าหญิงคนนั้นเหมือนกันว่าทำไมถึงห้ามเขาไม่ให้ส่งจดหมายไปบอกมัวล์ถึงการคงอยู่ของเธอและเลือกที่จะใช้ตัวตนสมมุติแทนทั้งที่เธอไม่ได้ต้องโทษเหมือนกับเจ้าชายอีกคนซะหน่อย

    หลังจากที่เทรย์เวอร์ได้รับสร้อยข้อมือเข้าก็เก็บมันเอาไว้ในกระเป๋าเสื้อเสื้อชั้นในอย่างทะนุถนอมแล้วก็ตกเข้าสู่ภาวังอีกครั้งโดยลืมเลือนภาพวาดอันแสนคุ้นตาที่อยู่ในห้องไปอีกทั้งยังไม่รับรู้ถึงผู้ที่เข้ามาใหม่คนแล้วคนเล่าจนถึงการประกาศสิ้นสุดการคัดเลือก ตัวเทรย์เวอร์และอับบาสนั้นอยู่คลาสเดียวกันคือคลาสเอส่วนเปาโลและอมีตี้นั้นอยู่ที่คลาสบี

    ต่อจากการคัดเลือกก็เป็นช่วงของการวัดตัวสำหรับเสื้อผ้านักศึกษาของสถาบันและการแจ้งรายละเอียดถึงวันเปิดเทอม การเข้าหอพักและเรื่องจุกจิกอีกมากมายก่อนที่จะปล่อยผู้ผ่านการคัดเลือกกลับไป

    เมื่อถึงห้องพักเทรย์เวอร์ก็ชำระกายและพักผ่อนทันทีโดยคืนนั้นเขาฝันค่อนข้างประหลาดแต่ก็ถือว่าเป็นว่าเป็นผันดีอย่างหนึ่งเพราะในความฝันท่านพี่ยังมีชีวิตอยู่อีกทั้งยังเป็นรุ่นพี่ในสถาบันที่เป็นที่เคารพของบรรดารุ่นน้องและเป็นศิษย์คนโปรดของอาจารย์หลายคน แต่มีอย่างหนึ่งที่เขาไม่ค่อยพอใจเท่าไรเพราะข้างกายท่านพี่มักมีผู้ชายคนหนึ่งอยู่ข้างๆเวลาไปไหนมาไหนเสมอทั้งยังดูสนิทกันจนน่าหงุดหงิด

    ทางแคลร์และอีธานที่ออกไปทำภารกิจก็กำลังเริ่มการพักผ่อนในขบวนรถที่เดิมกว่าเดิมเพราะไม่ได้ออกไปอย่างหลบๆซ่อนๆเหมือนคราวที่แล้วด้วยที่มีภารกิจบังหน้าเป็นการช่วยคุ้มครองคณะสำรวจลงไปยังวิหารโบราณในภูเขาไฟลึกลับที่ดับลงไปแล้วอีกทั้งส่วนตัวของภูเขานี้จมอยู่ใต้น้ำที่ไม่สามารถระบุความลึกได้และแน่นอนสถานที่ที่ทั้งคู่ต้องการไปนั้นอยู่บริเวณนั้นและคาดว่าน่าจะเป็นอารยธรรมโบราณแห่งหนึ่งที่จมอยู่ใต้น้ำ

    " อาหารที่สั่งได้ค่ะ " เมื่อถึงเวลาที่เจ้าของห้องแจ้งเอาไว้พนักงานสาวก็นำอาหารที่แขกสั่งไว้มาเสริฟ์แล้วออกไปรอให้แขกเรียกเข้ามาเก็บจานด้านนอกห้อง ใช้เวลาไม่นานอาหารก็ถูกจัดการจนหมด

    " ถ้าแวะที่สถานีหน้ารบกวนช่วยหาของตารายการใช้พวกเราทีนะค่ะ " แคลร์ว่าพร้อมกับยื่นใบรายการของให้กับพนักงานสาวก่อนที่เธอจะออกจากห้องไปพร้อมกับแย้มรอยยิ้มที่นุ่มนวลจนใบหน้าของพนักงานสาวขึ้นรอบริ้วสีแดงจางๆ

    " บริหารเสน่ห์เก่งไม่เบาเลยนิ " เมื่อพนักงานออกจากห้องไปอีธานก็กล่าวขึ้นพร้อมคิ้วที่ขมวดเล็กน้อยแล้วว่าต่อ " แม้กระทั้งเพสเดียวกันก็ยังได้ผล "

    เมื่อได้ยินที่อีธานว่าแคลร์ก็หัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้เพราะว่าช่วงเดือนที่แล้วเธอกับอีธานนั้นรับภารกิจธรรมดามาอันหนึ่งวึ่งภารกิจนี้มันค่อนข้างเปลืองเนื้อเปลืองตัวเล็กน้อยอีกทั้งยังมีคนแสดงเจตนำนงจะรับเธอเข้าหลังบ้านไม่ต่ำกว่าสิบคน เลยทำให้คุณชายคนนี้ไม่สบอารมย์อย่างถึงที่สุดจนวันต่อไปเกิดไฟไหม้ผิดปกติในอาณาจักรนับสิบที่ ไม่ต้องถามนะว่าฝีมือใคร

    " อย่างี่เง่า " แคลร์พร้อมโน้มตัวเข้าไปหาอีกฝ่ายพร้อมกับใช้นิ้วเรียวยาวดีดหน้าผากอีกฝ่าย " พนักงานเป็นผู้หญิงแล้วก็เราไม่ได้พิสาวาทเพศเดียวกัน " แต่ทันทีสิ้นสุดเสียงของแคลร์ร่างบางก็ถูกหมุนลงไปสัมผัสกับพื้นเตียงโดยมีอีกฝ่ายคร่อมอยู่ด้านบน

    " ผมรู้และมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะเตือนเธอว่าผมไม่ได้มองเธอเป็นน้องสาว และไม่ได้ทำตัวเป็นพี่ชายของเธอตามสถานะหรอกนะ " อีธานว่าส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้คนใต้ร่างแน่นอนเขานั้นล็อกเธอไว้ด้วยการตรึงแขนทั้งสองข้างของเธอเอาไว้กับเตียงเพื่อไปให้อีกฝ่ายหลุดรอดออกไปจากกับดักนี้ได้

    สำหรับอีธานแล้วเขาไม่เคยมองแคลร์เป็นน้องสาวตามที่ปากบอกความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราให้คนอื่นฟังเลยสักครั้งแต่ดูเหมือนผู้หญิงคนนี้จะไม่ได้คิดแบบเดียวกับเขา หรือ อาจจะน้อยกว่าเขาเท่าหรือสองเท่าเพราะการปฏิบัติระหว่างเธอกับผมนั้นก็ดูเหมือนจะเกินกว่าพี่น้องไปเล็กน้อยถึงที่มีไม่แววตาของการชู้สาวเลยก็ตามที อย่างน้อยการกระทำของเธอก็ยังทำให้เขายังพอมีความหวัง จนมาถึงภารกิจที่แล้วเขาก็ก็ตระหนักถึงเสน่ห์อันร้ายกาจของเธอ ดูเหมือนเขาจะใจเย็นต่อไปอีกไม่ได้แล้ว

    " ตั้งแต่เมื่อไร " แคลร์ถามด้วยแววตาสับสนแต่พอลองคิดดูแล้วสิ่งที่อีธานปฏิบัติกับเธอก็ไม่เหมือนการกระทำของพี่น้องจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรอีกฝ่ายมักดูแลเธอดีเสมอตั้งแต่เจอกันวันแรกจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งยังขี้แกล้งเสมอต้นเสมอปลายพุดถึงขี้แกล้งก็อดคิดถึงช่วงเวลาที่เธอยังมองไม่เห็นไม่ได้ ตอนนั้นเวลาจะไปไหนอีธานมักจะเป็นคนเดินจูงเธอเสมอ อีกทั้งยังป้อนข้าวป้อนน้ำให้กินให้เธอกินจนอิ่มก่อนที่ตัวเองจะเริ่มกิน แต่ก็ชอบโยนเธอให้ตกจากที่สูงเป็นชีวิตจิตใจเหมือนกับกำลังตอกย้ำการเจอกันของเธอและเขายังไงยังงั้น

    " ตั้งแต่แรก " อีธานตอบขณะที่โน้มตัวลงไปใกล้คนใต้ร่างเข้าอีกนิดทำให้ใบหน้างามขึ้นริ้วสีแดงน้อยๆ " มองไม่เคยมองเธอเป็นน้องสาวเลย " ว่าจบสรรพสิ้นก็หายไปพร้อมกับริมฝีปากที่ถูกประทับลงมาพร้อมดวงตาที่เบิกกว้างด้วยความตกใจของร่างบางก่อนที่ดวงตาคู่นั้นจะค่อยๆปิดลง รสสัมผัสที่ตัวแคลร์ได้รับทั้งอ่อนหวานและนุ่มหวานราวกับกำลังขนมเค้กเนื้ออ่อนอยู่ไม่ปาน ไม่นานอีธานก็ถอนริมฝีปากออกไปแต่ก็เหลือรสสัมผัสที่ไม่คุ้นเคยเอาไว้ที่ปลายลิ้นของฝ่าย

    ______________________________________________________________________

    จบ พอ เลิก ฉากจูบเขียนยากมากกก เขียนไปคิดไปว่ามันจะออกมาเป็นยังไงเพราะตัวไรท์เองก็ไม่มีประสบการณ์ในด้านเลย ถ้ามันดุแปลกอะไรยังไงบอกไรท์นะ ถ้ามันไม่โอจริงๆไรท์จะตัดมันออก อ่าแล้วไรท์ขอประกาศคนตรวจคำผิดอีกครั้ง จริงๆช่วงก่อนไรท์รบกวนคุณกุหลาบเงาในการตรวจคำผิดแต่ว่าไรท์หยุดอัพไปพักหนึ่งเลยไม่แน่ใจว่าเค้ายังว่างอยู่ไหม เลยลองประกาศหาใหม่เลยดีกว่า



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×