ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยังเป็นเพียงตัวประกอบ

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3 ll เจ้าหนูเทรย์เวอร์ rewrite

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.45K
      910
      26 พ.ค. 62

    หลังเห็นสภาพห้องของเทรย์เวอร์ เธอนั้นแทบจะหลุดคำว่าเ-ี้ยออกมาเพราะมันเละเทะมากจนรู้สึกเสียดายของตกแต่งที่ถูกเด็กน้อยทำลายจนไม่เหลือชิ้นดีไม่ว่าจะเป็นแจกัน ผ้าม่าน โต๊ะ เก้าอี้ หรือ เครื่องเขียน ก็เด็กที่กำลังจะอายุห้าขวบอ่ะนะจะขาการควบคุมตัวเองไปสักหน่อยก็แปลกถ้ามีเรื่องที่ค่อนข้างสะเทือนใจมากระทบเพราะไม่ว่าจะยังไงเชื้อพระวงศ์ก็ยังเป็นมนุษย์ที่มีจิตใจคนหนึ่งอยู่ดี

    เธอใช้เวลาในการปลอบใจและรับฟังพระเอกตัวน้อยไปครึ่งค่อนคืนก่อนที่เจ้าตัวจะหลับไปมันทำให้เธอได้ความว่าสาวใช้คนสนิทของราชินีลูเซียน่านั้นเป็นหนูที่คนของแกรแฮมเลี้ยงไว้ตั้งแต่แรกอย่างที่สงสัยเอาไว้จริงๆที่เหลือก็ทำเพียงแกล้งทำเป็นเล่นไปตามแผนของอีกฝ่ายจนสามารถเอาตัวเทรย์เวอร์มาอยู่ในสายตาได้ก็พอ

    และแล้วเวลาก็ผ่านไปถึงรุ่งเช้าโดยที่เธอไม่ได้หลับแม้แต่น้อยเพราะต้องปรึกษาแผนการกับระบบในการรับมือกับความเป็นไปได้ที่มีโอกาสจะเกิดขึ้นในอนาคตรวมถึงการสร้างเหตุการ์ณไม่ขาดฝันที่ทำให้อีกฝ่ายไม่มีอำนาจไปมากกว่านี้ซึ่งทำให้เธอต้องนั่งอ่านประวัติการทำงานของโฮสต์คนก่อนๆอย่างช่วยไม่ได้และแน่นอนเธอทำมันในห้องนอนของเทรย์เวอร์เพราะเจ้าตัวนั้นไม่ยอมให้เธอห่างกายเลยตั้งแต่ก้าวเข้ามา

    หลังจากที่แสงอาทิตย์ฉายผ่านหน้าต่างห้องไม่นานร่างของหญิงวัยกลางคนเจ้าของเรือนผมสีส้มที่แต่งกายตัวเสื้อผ้าของสาวใช้อันดับหนึ่งก็เข้าไปในห้องซึ่งหล่อนจะเป็นใครไม่ได้นอก อลิส แมกเวล สาวใช้ประจำตัวขององค์ราชินีลูกเซียน่าหรือแม่หนุสกปรกนั้นเอง


    " ถวายบังคมเพคะเจ้าหญิง " อลิสกล่าวและถวายความเคารพแขกผู้ไม่ควรมาอยู่อย่างไม่ตกใจเพราะเธอได้ฟังรายงานจากสาวใช้อีกคนที่ถูกวางตัวไว้ข้างตัวเจ้าชายไม่ต่างจากเธอก่อนเข้ามาว่าเจ้าหญิงแคทเธอรีนนั้นมาอยู่เป็นเพื่อนเจ้าชายตลอดทั้งคืนก่อนเข้ามาในห้องแล้ว เธอรู้สึกไม่น่าแปลกใจอะไรเพราะมันคงเป็นความรู้สึกของคนที่เสียแม่ไปเหมือนกันที่พยายามปลอบใจกัน

    " อืม " แคทเธอรีนครางรับในลำคอพร้อมกับใช้มือลูบหัวเทรย์เวอร์เป็นการปลอบโยนแล้วแย้มรอยยิ้มอันอ่อนหวานให้กับอลิสพร้อมกับกล่าวว่า " เมื่อคืนเทรย์เวอร์งอแงหนักมากพอเราถามว่าเกิดอะไรขึ้นเขาก็ไม่ยอมตอบ แต่ที่เราสนใจคือการที่สาวใช้ประจำตัวท่านป้าเช่นเจ้ากลับไม่อยู่ช่วยปลอบโยนเขา  "

    " ขอภัยเพคะในความผิดพลาดเพคะ พอดีเมื่อวานทางบ้านได้ส่งจดหมายแจ้งมาว่าอาการป่วยมารดาของหม่อมฉันกำเริบ หม่อนฉันจึงรีบกลับไปดูท่านเพคะ " อลิสตอบคำถามที่ได้เตรียมไว้กับเจ้านายของเธอพร้อมกับแสร้งทำเป็นทำหน้าสำนึกผิด

    " เราเข้าใจ ท่านป้าเคยเล่าให้เราฟังว่ามารดาของเจ้านั้นป่วยหนักมาหลายปีแล้ว เอาเช่นนี้เป็นไงเราจะให้เจ้าลาหยุดไปดูแลมารดาสักอาทิตย์หนึ่งเพื่อแสดงความกตัญญูของบุตรที่พึงมีแต่บุพการี " เมื่อยินอีกฝ่ายกล่าวข้ออ้างการหายไปตลอดทั้งคืนออกมาเธอ หัวเราะในใจดังๆพร้อมกับเริ่มทำการกีดกันอีกฝ่ายของจากพระเอกทันที

    " หามิได้เพคะ หากเมื่อฉันกลับไปดูแลมารดา ผู้ใดจะดูแลเจ้าชายเพคะ " อลิสกล่าวอย่างนอบน้อมแล้วกลับแย้มรอยยิ้มในใจอย่างหยุบไม่ได้เพราะว่าคิดตัวเธอนั้นคงสร้างความประทับใจให้กับเจ้าหญิงน้อยผู้นี้ไปไม่มากก็น้อยแล้ว เจ้านายของเธอบอกว่ายิ่งสามารถทำให้เจ้าหญิงแคทเธอรีนประทับใจและพอพระทัยเท่าไรก็ยิ่งเป็นประโยชน์ต่อแผนการของเจ้านายมากเท่านั้นทางที่ดีดึงเจ้าหญิงมาเป็นพวกได้จะดีมาก

    " ไม่ต้องห่วง เราจะให้คนของเรามาดูแลเทรย์เวอร์แทนเองพอเจ้ากลับมาแล้วเราค่อยนำคนของเรากลับ เจ้าไม่ต้องเกรงใจเราหรอกถือการกระทำของเรานั้นเป็นการขอบคุณที่เจ้าคอยปลอบโยนเทรย์เวอร์หลังจากท่านป้าเสียเป็นต้นมา ถือว่าไปพักผ่อนด้วย " แคทเธอรีนดักทางอีกฝ่ายพร้อมกับขยับมือส่งสัญญาณให้มาเรียไปจัดการเรื่องที่เธอขอไปก่อนหน้านี้

    " แต่ว่าจะดีหรือเพคะหม่อนฉันเกรงว่าเจ้าชายจะไม่ยอมรับคนนอกเข้ามาดูแล " อลิสกล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลที่เธอปั้นแต่งขึ้นมาทั้งที่ในใจเธออยากจะตอบรับโอกาสนี้ตั้งแต่เจ้าหญิงยื่นให้แล้ว ตลอดเวลาเกือบสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นเธอสิ้นเปลืองพลังงานไปกับเจ้าชายขี้แยนี้มากเลยเด็กอะไรร้องไห้เกือบตลอดเวลาเอาเธอแทบจะไม่ได้หลับได้นอนทำให้ใบหน้างามของเธอนั้นโซรมไปหมด

    " เราบอกไม่ต้องเกรงใจไง " แคทเธอรีนกล่าวพร้อมกลับยื่นมือไปจับมืออลิสพร้อมกับส่งสายตาที่เหมือนจะร้องไหไปให้กับอลิส มองจากภายนอกช่างเป็นการแสดงความจริงใจต่อสาวใช้ที่มองแล้วน่าประทับใจเหลือเกินยกเว้นระบบที่สามารถอ่านความคิดของโฮสต์ได้ว่ากำลังวางแผนร้ายอะไรอยู่

    " งั้นขอบพระทัยเจ้าหญิงมากเพคะ " อลิสกล่าวพร้อมกับย่อกายขอบคุณอีกครั้งพร้อมกับกล่าวต่อว่า " งั้นหม่อมฉันขออนุญาติไปดูแลเจ้าชายก่อนนะเพคะ "

    " ไปทำหน้าที่ของเจ้าเถิด ฝากบอกเทรย์เวอร์ข้าขอตัวกลับก่อนหากเขาอยากฟังนิทานอีกก็สามารถไปพบข้าได้ทุกเมื่อ " ว่าแล้วเธอก็เดินออกจากห้องนอนของเทรย์เวอร์ไปเพื่อไปจัดการให้การออกนอกวังของอลิสครั้งนี้เป็นการออกนอกวังที่ไม่สามารถกลับเข้ามาได้อีกตลอดการ

    ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์สำหรับการเป็นเจ้าหญิงแคทเธอรีนขอบอกเลยว่าสภาพเธอตอนนี้นั้นใกล้เต็มทีถึงแม้ว่าภายนอกจะดูปกติดีเพราะเธอนั้นลองใช้ประโยชน์จากเวทย์มนต์ของเธอในการรีดความลับที่มีอยู่ในปราสาททั้งส่วนหน้าและส่วนหลังจากสาวใช้และองค์รักษ์จนแทบจะหมดเกือบทุกคนเพื่อที่จะได้วางหมากได้อย่างถูกต้องและปรับแผนให้รัดกุมมากที่สุด

    ส่วนความสัมพันธ์กับพระเอกนั้นก็ดูดีขึ้นมากเพราะเจ้าตัวมักจะมาเที่ยวหาเธอเหมอเมื่อมีโอกาสอีกทั้งยังไม่ยอมกลับห้องแม้ถึงเวลาที่สมควรนอนจนทำให้เธอต้องขอให้มาเรียเตรียมเตียงสำรองเอาไว้เผื่อเจ้าตัวน้อยเผลอหลับในห้องของเธอส่วนอลิสนั้นตอนนี้ก็คงอยู่ในตลาดค้าทาสที่ไหนสักที่หลังจากกลับไปเยื่อมมารดาที่ไม่อยู่จริงของตัวเองแล้ว

     พอผ่านไปอีกเกือบครึ่งปีพระเอกก็ย้ายมาอยู่ส่วนหลังกับเธอเรียบร้อยเพราะท่านลุงเห็นว่าลูกชายคนนี้ของเขานั้นแทบจะใช้ชีวิตอยู่บริเวณส่วนหลังเกือบตลอดเวลายกเว้นเพียงแต่ตอนเรียนอีกทั้งยังเป็นการลดเกียร์ติของเทรย์เวอร์ลงเพื่อปกป้องเขาในทางอ้อมอีกด้วยทั้งตามใจและปกป้องลูกในเวลาเดียวกันเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวจริงๆ

    สำหรับตัวเทรย์เวอร์ในวัยห้าขวบนั้นมีความทรงจำเกี่ยวกับลูกพี่ลูกน้อยอย่างแคทเธอรีนน้อยพอสมควรรู้เพียงว่าท่านแม่เคยบอกเขาว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นกับท่านคนคนนี้นั้นอาจเป็นคนเดียวที่สามารถไว้ใจได้ในปราสาทแห่งนี้ซึ่งนั้นเป็นสาเหตุที่ทำไมเขาถึงยอมให้พี่หญิงคนนี้เข้ามาอยู่ด้วยในเวลาที่อ่อนแอสุดๆถึงจะมีความครงแครงใจอยู่บ้างก็ตามที

    และพอเวลาผ่านไปมันก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าสิ่งที่ท่านแม่บอกเขานั้นถูกต้องเพราะการมาอยู่กับท่านพี่หญิงนั้นมันทำให้เขารู้สึกถึงคำว่าปลอบภัยมากขึ้นอีกทั้งเธอยังสอนอะไรเขามากมายถึงเขาจะเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างก็ตามที สิ่งที่เขานับถือพี่หญิงที่สุดคือการขับไล่คนของคนคนนั้นออกปจากรอบตัวเขาอย่างแนบเนียนไม่ว่าจะเป็นอลิสหรือมาธาร รวมถึงสาวใช้คนอื่นๆที่ไม่ใช่ของท่านพ่อที่ถูกส่งมาจับตามองเขาด้วย

    ในวันวันหนึ่งเขาชอบนั่งมองเวลาพี่หญิงวาดรูปมากที่สุดเพราะมันทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างบอกไม่ถูก เขาคิดว่ามันน่าจะมีสาเหตุมาจากภาพที่ท่านวาดนั้นงดงามราวกับยกสถานที่เล่านั้นเข้ามาอยู่ในภาพวาดก็ได้พอมองแล้วเลยทำให้รู้สึกเหมือนได้ออกไปเที่ยวเล่นตามทีต่างๆทั้งที่อยู่ในห้องทรงงานของท่านพี่

    หลังๆมานี้เขานั้นลองขอให้ท่านพี่สอนเขาวาดรูปซึ่งผลก็ออกมาไม่แย่มากเท่าไรนักแต่ก็แทบจะเป็นขยะเมื่อเทียบกับผลงานในวัยเดียวกันของท่านพี่จนอดที่จะยอมแพ้ไม่ได้แต่ก็ไม่ได้ยอมแพ้เพราะได้รับคำปลอบโยนจากท่านพี่

    พลังของเขานั้นตื่นหลังจากเขาย้ายมาอยู่ส่วนหลังกับท่านพี่ไม่นานซึ่งเป็นการตื่นในช่วงเวลาเดียวกับอับบาสน้องชายต่างแม่ที่ตอนนี้แม่ของเขาเป็นราชินีคนปัจจุบัน ต่อมาท่านพ่อก็จัดการเรียนการสอนที่เข้มข้นให้เขากับอับบาสแต่น่าแปลกที่การเรียนการสอนนั้นถูกจัดขึ้นในส่วนหลังแทนที่จะเป็นส่วนหน้า

    ด้วยความข้องใจเหล่ขุนนางจึงถามเรื่องนี้ต่อหน้าเขาและอับบาสและได้รับคำตอบว่าส่วนหลังนั้นเงียบสงบและปราสจากผู้คนเหมากแก่การฝึกพลังและเหล่าเรียนของเจ้าชายซึ่งขุนนางคนนั้นจะเป็นใครไม่ได้นอกท่านท่านดยุกราเทลท่านตาของอับบาส 

    การมาเรียนที่ส่วนหลังของอับบาสทำให้เขานั้นได้รู้จักกับพี่หญิงวึ่งเ็นเรื่องที่เขาไม่ชอบใจเลยเพราะพี่หญิงนะมีเขาเป็นน้องชายคนเดียวก็เพียงพอแล้วไม่ต้องมีเพิ่มอีกหรอกด้วยความไม่พอใจที่สะสมมาเรื่อยๆทำให้เขาไปขอร้องท่านพ่อให้เขาและอับบาสไปเรียนที่ปราสาทส่วนหน้าเพื่อที่จะไม่ให้น้องชายคนนี้สนิทกับพี่หญิงไปมากกว่านี้และก็ได้รับคำปฏิเสธมา

    ปีต่อมาพลังของน้องชายอีกคนก็ตื่นขึ้นแต่เขาไม่ได้มาเรียนที่ส่วนหลังเหมือนเขาและอับบาสดูเหมือนว่าคนคนนั้นจะไม่ยอมให้ลูกชายของตัวเองมาเหยียบส่วนหลังซึ่งก็สมควรเพราะมันมีความเชื่อของคนโบราณที่ว่าเจ้าชายในรัชสมัยปัจจุบันหากถูกส่งมาส่วนหลังแล้วนั้นก็เหมือนสุนัขที่ถูกเจ้าของทิ้งดีๆนั้นเอง

    ดังนั้นดยุกกราเทลเลยมาขอร้องให้กับหลานชายของเขาแต่ก็นั้นแหละโดนปฏิเสธไปตามระเบียบและอีกฝ่ายก็คงไม่กล้ากล่าวโทษอะไรเขาด้วยเพราะการที่จะทำให้มารดาของอับบาสนั่งในต่ำแหน่งราชินีนั้นก็ได้อาศัยความช่วยเหลือจากพี่หญิงของเขาไปมากกว่าครึ่งเลย

    ยิ่งอยู่กับท่านนานเข้าเขาก็ได้รับรู้ความคิดของท่านพี่มากขึ้น ท่านพี่สามารถวางแผนจัดการคนคนั้นได้ตั้งแต่อายุแปดขวบซึ่งเป็นเรื่องที่น่านับถือมาก เขาคิดว่าเขาต้องทำแบบท่านพี่ให้ตอนอายุแปดขวบซึ่งเขามีเวลาอีกหนึ่งปีในการศึกษาหาความรู้จากหอสมุดและตัวพี่หญิงเอง 

    เขาไม่เข้าใจว่าทำไมใครต่อใครถึงดูแคลนพลังของพี่หญิงทั้งที่มันออกจะยอดเยี่ยมขนาดนี้พี่หญิงสามารถรวบรวมข้อมูลที่สำคัญมากมายในเวลาอันสั้นอีกทั้งข้อมูลยังมีความแม่นยำสูงจนน่าตกใจถึงบางมันออกจะโหดร้ายไปมากแต่เวลาสองปีที่ผ่านมาก็พอจะทำให้รู้ว่าถ้าเราไม่ฆ่าเขาเขาก็จะฆ่าเราสิ่งที่พอจะรับประกันการเป็นพันธมิตรได้ชั่วคราวคือผลประโยชน์เท่านั้น

    พอเขาอายุได้แปดขวบเขาก็ได้รู้จักเด็กสาวรุ่นราวเดียวอย่างอมีตี้ คลอแร็กลุกสาวของยุกคลอแร็กจากการไปเยื่อมเยือนคฤหาสตระกูลคลอแร็กกับท่านพี่ ขอสารภาพตามตรงเขาไม่ชอบเด็กสาวตระกุลคลอแร็กเท่าไรเพราะเธอนั้นดูน่าขนลุกเกินไปแต่พอเวลาผ่านไปเธอไปมาหาสู่กับพี่หญิงมากขึ้นนิสัยของเธอก็เริ่มเปลี่ยนไปการเป็นนิ่งและสุขุมมากขึ้น 

    เขารู้สึกว่าเธอนั้นดูเข้าได้ดีกับอับบาสทั้งคู่ดูเป็นมนุษย์ร่างเริงที่มีพลังงานอย่างล้นเหลือเหมือนกันพออยู่ด้วยแล้วรู้สึกเหนื่อยหล้าอย่างแปลกประหลาดแต่มันก็ดีเพราะการมาเยือนของอมีตี้นั้นทำให้ท่านพี่ดูผ่อนคลายขึ้นมากดังนั้นสำหรับเขาอมีตี้นั้นจัดเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ส่วนอับบาสนั้นเป็นสิ่งที่ควรกำจัดออกไปเพราะมันเป็นตัวแย่งความรักตัวดีเลยดูจากการที่พี่หญิงยอมไปงานวันเกิดของอับบาสทั้งๆที่พี่หญิงไม่เคยไปงานของใครเลยยกเว้นงานของท่านพ่ออีกทั้งยังมีของขวัญวันเกิดที่เป็นภาพวาดฝีมือของท่านพี่เองอีกด้วยมองจากนอกโลกยังรู้ว่าเป็นอันตราราย
    ____________________________________________________________________________________________

    ก็จะพบเด็กห่วงพี่หนึ่งอัตรานะค่ะ แต่งเองกลัวใจน้องเองว่าถ้าเสียพี่ไปเต็มๆถึงสามปีเจ้าตัวจะเป็นยังไงจะเศร้าขนาดไหนและจะแค้นคนคนนั้นเพิ่มอีกมากแค่ไหน เอาละค่ะต่อไปก็เตรียมกระดาษทิชชูเอาไว้เลยนะค่ะคิดว่ามาม่าแน่นอนมั้งค่ะ พระเอกเรื่องนี้ค่าตัวแพงมากนะค่ะตอนนี้ไรท์ยังไม่สามารถเก็บเงินจ่ายค่าตัวของเขาได้แต่ใกล้แล้วละค่ะ

     Rewrite ครั้งที่ 1 7/03/2562
    Rewrite ครั้งที่ 2 26/05/2562
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×