คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : เปลี่ยนมุมมอง(2)
วันนี้ไรท์ลงให้สองตอนนะคะเผื่อมีใครอ่านข้ามตอนก่อนหน้าไป
ในโรงเตี๊ยมภายในห้องของจ้าวเยว่เทียนตอนนี้ทั้งหกคนกำลังประชุมกันอยู่หลังจากที่เจิ้งสี่พึ่งกลับมาหลังจากที่ไปส่งข่าวคราวให้ที่จวนของจ้าวอ๋อง
ขามาเขาตกใจไม่น้อยที่ได้ยินข่าวว่าจ้าวเยว่เทียนโดนลอบสังหารจนดับสิ้นไปแล้ว
แต่โชคดีที่เจิ้งซื่อส่งเงาให้ไปดักแจ้งข่าวแก่เขาไว้ก่อน
“ดูท่าในจวนของท่านพ่อจะมีหนอนอยู่เสียแล้ว”
จ้าวเยว่เทียนเอ่ยขึ้นมาหลังจากฟังรายงานจากเจิ้งสี่
“หาไม่แล้วคงไม่สามารถส่งคนมาหาข้าได้เร็วถึงเพียงนี้”
“อีกทั้งน่าจะรู้ด้วยว่าท่านต้องพิษอันใด
พวกมันดูไม่รู้สึกแปลกใจเลยแม้แต่น้อยที่ท่านมีสภาพเช่นนั้น”
เจิ้งหู่เอ่ยแทรกขึ้นมา
พวกนักฆ่าพวกนั้นไม่ตกใจเลยแม้แต่น้อยที่จ้าวเยว่เทียนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองเพื่อออกมาจากรถม้าได้
ในสายตาคนภายนอกถึงแม้ว่าเขาจะดูไม่เอาไหนไม่สนใจเรื่องภายนอกหรือว่าจัดการเรื่องอันใดไม่ได้
แต่อย่างน้อยเขาก็เป็นถึงบุตรของแม่ทัพใหญ่ จะไม่ให้มีวรยุทธ์ติดตัวคงไม่ใช่เรื่อง
“จนกว่าจะเสร็จเรื่องจากทางนี้อย่าพึ่งติดต่อไปที่บิดาข้า
ส่วนการส่งข่าวให้กับองค์รัชทายาทเราจะใช้แต่คนของทางนั้นเพียงเท่านั้นบอกคนในหน่วยเราอย่าเคลื่อนไหวอันใดมาก”
ตอนนี้ฝ่ายที่ส่งคนมาสังหารเขาคงคิดว่าเขาตายไปแล้วเพราะไม่มีการส่งนักฆ่าระลอกที่สองมาดูลาดเลาเขาเลยแม้แต่น้อย
ฉะนั้นช่วงนี้เขาก็จะทำตัวให้เงียบที่สุดเพื่อให้เป็นไปตามที่พวกนั้นต้องการ
“เอาเถิด ดึกแล้วพวกเจ้าไปพักผ่อนได้”
ทันทีที่เขาพูดจบก็มีเงาสายหนึ่งพุ่งด้วยความเร็วสูงกว่าเพื่อนออกไปจากห้องทันทีจ้าวเยว่เทียนได้แต่มองตาม
ดูท่าเขาจะทำให้นางระแวงเขาจนหนีไปอีกแล้วกระมัง
แม้กระทั่งอยู่เฝ้าเขานางยังไม่ยอมอยู่
“ท่านกำลังทำให้นางสับสนเกินไป”
เสียงนุ่มๆดังขึ้นภายในห้องหลังจากที่ทุกคนทยอยออกไปหมดแล้ว
จ้าวเยว่เทียนไม่ตอบแต่หยุดการกระทำทุกอย่างเป็นการบอกให้รับรู้ว่าพร้อมรับฟัง
“นางยังไม่เข้าใจท่านมากนัก”
“พวกเจ้าก็อยู่ตอนข้าเริ่มเรื่องทั้งหมดไม่ใช่หรือ”
“แต่ท่านหาได้อธิบายนางในเรื่องอื่นมากกว่านี้”
“...”
“นางไม่ได้ฉลาดไปเสียทุกเรื่องหรอกซื่อจื่อ...นางเพียงต้องการความชัดเจนมากกว่านี้”
เขาพูดทิ้งท้ายพร้อมกับค่อยๆเลือนหายไปจากมุมห้อง
จ้าวเยว่เทียนได้แต่นั่งเงียบๆอยู่คนเดียวในห้อง
เขารู้ว่าที่เขากระทำมาตลอดมันทั้งเป็นการป้องกันตนและทำร้ายคนที่เขารักไปในตัวอย่างเลี่ยงไม่ได้
ย้อนกลับไปสมัยที่เขาอายุ 18
ตอนนั้นเขากับจ้าวเหวยเฟิงที่ยังอายุได้เพียง 15
ซึ่งยังเป็นองค์ชายสามทั่วไปหาใช่องค์รัชทายาทดั่งเช่นปัจจุบัน
เมื่อนั้นเกิดเหตุโจรภูเขาและชนเผ่าจากที่ราบออกอาละวาดที่เมืองฉางอันทางทิศตะวันตกของแคว้น
ครานั้นโจรภูเขาคอยดักปล้นสะดมและก่อกวนไม่หยุดนานนับปีจนเกือบสูญเสียเมืองแถบชายแดนไป
สุดท้ายจ้าวเหวยเฟิงได้อาสาไปปราบด้วยตนเอง
เขาก็ได้ตามไปด้วยในฐานะที่เป็นกุนซือของแม่ทัพของจ้าวเหวยเฟิง
สุดท้ายหลังจากผ่านไปสองเดือนด้วยแผนการรบของเขาและการชั้นเชิงต่อสู้ของจ้าวเหวยเฟิงจึงสามารถตัดศีรษะของหัวหน้าเผ่าและชับไล่โจรภูเขาได้สำเร็จ
เมื่อนั้นศึกที่ยืดเยื้อมานานจึงได้จบลง
หลังจากนั้นจ้าวเหวยเฟิงด้วยความดีความชอบอีกทั้งความเหมาะสมทางสายเลือดซึ่งประสูติจากฮองเฮา
ฮ่องเต้จึงได้มีการแต่งตั้งเขาขึ้นเป็นองค์รัชทายาท
จ้าวเยว่เทียนยังรั้งอยู่ที่เมืองฉางอันต่อเนื่องจากต้องจัดการเรื่องทุกอย่างให้เรียบร้อยแทนจ้าวเหวยเฟิงที่กลับไปที่เมืองหลวงก่อน
อีกทั้งที่โซ่วอ๋องผู้ปกครองเมืองนี้คือพระอัยกาของเขาเองในตอนนั้นโดนกล่าวหาว่าให้ความช่วยเหลือแก่ข้าศึก
ทำให้ตำแหน่งจวิ้นอ๋องของเขาที่ฮ่องเต้ต้องการที่จะปูนบำเหน็จให้เขา
จ้าวเยว่เทียนเป็นคนปฏิเสธด้วยตนเองโดยขอแลกกับการเลื่อนพิจารณาลงโทษให้กับพระอัยกาของเขา
ในที่สุดเขาก็สามารถหาหลักฐานมายืนยันว่าพระอัยกาของเขาบริสุทธิ์
ขณะที่ความยินดียังมาได้เพียงไม่นานข่าวร้ายก็ถาโถมเข้ามา
เมื่อม้าเร็วจากจวนอ๋องส่งข่าวมาบอกว่าพระมารดาของเขาสิ้นแล้ว
โลกทั้งใบของจ้าวเยว่เทียนขณะนั้นเหมือนกับได้พังทลายลงมาทันที
พระมารดาที่อ่อนหวาน
ใจดีและเฉลียวฉลาดของเขาไม่เคยมีศัตรูกับผู้ใด จู่ๆกลับโดนวางยาพิษ
ฉวยโอกาสตอนที่พระบิดาของเขาไม่อยู่
คนที่วางยากลับเป็นคนสนิทของพระมารดาเขาอีกทั้งยังปลิดชีพตนหนีความผิดไปทำให้ไม่สามารถหาหลักฐานคนที่บงการได้
ทั้งจ้าวอ๋องและจ้าวเยว่เทียนมั่นใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับมารดาของเขาเหตุมาจากความหวาดระแวงในตัวของพวกเขา
เรื่องทุกเรื่องมันเกิดขึ้นหลังจากที่เขาสามารถเอาชนะศึกที่ยืดเยื้อมานานได้
ก่อนหน้านี้มีหลายฝ่ายทัดทานเรื่องที่ฮ่องเต้ต้องการมอบตำแหน่งจวิ้นอ๋องให้เขา
เนื่องจากความใกล้ชิดทางสายเลือดและอำนาจได้รับอาจทำให้เขาเป็นเสี้ยนหนามให้กับบัลลังก์ในอนาคต
หลังจากมารดาเสียเขายอมรับว่าเขาเริ่มทำตัวเหลวไหลขึ้นมาเพื่อให้ลืมความเสียใจในขณะนั้น
แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลายฝ่ายคลายความหวาดระแวงพวกเขาลงเนื่องจากพระบิดาของเขาแสดงตนว่าเป็นกลางไม่ยุ่งเกี่ยวกับฝ่ายใด
ส่วนจ้าวเยว่เทียนไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องภายในราชสำนักทุกอย่างตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เหล่านักฆ่าที่หลายฝ่ายเพียรส่งมาหาเขา
และหลายๆเหตุการณ์เขาโดนใส่ร้ายก็เริ่มลดน้อยลง
นานวันเข้าทุกคนก็ลืมเลือนเรื่องความดีความชอบที่เขาเคยทำไว้
เขาถึงได้มีชีวิตอย่างสงบสุขอีกครั้ง
แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปสถานการณ์ไม่ได้สงบเหมือนเดิม
คนที่เคยอดทนไม่กล้าเคลื่อนไหวยามนี้เริ่มเคลื่อนไหวเสียแล้วดูท่าทางแล้วคงไม่สามารถทนรอได้นานกว่านี้ถึงได้ส่งมือสังหารกะมากวาดล้างเขาหลังจากที่เขาเคยขัดขาไปครั้งก่อน
ตอนนี้เขาไม่ใช่เด็ก ๆที่มองโลกในแง่ดี
และทำทุกอย่างตรงไปตรงมาเพราะหยิ่งในศักดิ์ศรีอีกแล้วเขาสามารถทำได้ทุกวิถีทางเพื่อเอาคืนคนที่คิดร้ายต่อคนรอบตัวเขาไม่ว่าวิธีนั้นจะเลวร้ายแค่ไหน
เพราะอีกฝ่ายก็ไม่เคยมีศักดิ์ศรีเหมือนกัน
มี่ฮวาได้แต่นอนพลิกตัวไปมาเนื่องจากนอนไม่หลับ
นางไม่เข้าใจว่าจ้าวเยว่เทียนต้องการอันใดอีกทั้งยอมรับนางไม่สามารถเดาใจเขาได้หมด
ภายนอกเหมือนกับว่าเขาเปิดใจให้กับพวกนางทุกคนแต่มันก็ยังมีเส้นบางๆอยู่คั่นกลางระหว่างจ้าวเยว่เทียนกับพวกนาง
นางยอมรับว่าหวั่นไหวไม่น้อยถ้าหากนางยอมรับขึ้นมา
ด้วยสถานะและชาติตระกูลของนางย่อมมีคนขัดขวางเป็นแน่
จ้าวเยว่เทียนที่ทุกคนดูเหมือนไม่สนใจแต่ก็มีแต่คนหวาดระแวงและเข้าหาเพื่อผลประโยชน์อยู่เสมอ
เรื่องของเขากับนางจะทำให้เกิดความวุ่นวายมากกว่าเดิม
“เจ้าจะพลิกตัวอีกนานหรือไม่”
เจิ้งหู่ที่นอนอยู่ข้างๆเตียงเอ่ยขึ้นมา
เพราะว่ามี่ฮวาไม่ได้ไปเฝ้าจ้าวเยว่เทียนวันนี้เจิ้งซื่อและเจิ้งสี่จึงอยู่เฝ้าแทน
เขาจึงสบโอกาสได้นอนพักอย่างเต็มที่เสียที
แต่สหายรักของเขาก็นอนพลิกตัวไปมาไม่หยุด
เขารู้สึกอิจฉาพวกที่ไม่ได้มีประสาทสัมผัสเร็วเป็นบางครั้ง
มิเช่นนั้นยามนี้เขาคงนอนหลับสบายไปแล้วหลังจากเหน็ดเหนื่อยมาหลายวัน
“ข้านอนไม่หลับ” มี่ฮวาเอ่ยขึ้นมา
“ไม่ต้องบอกข้าก็รู้” เสียงนางถอนหายใจและดังไม่หยุดขนาดนี้
เจิ้งหู่ชันตัวขึ้นมาจากข้างเตียงพร้อมกับเท้าแขนไปที่ขอบเตียงและมองหน้านาง
“มีเรื่องอยากเล่าให้ข้าฟังหรือไม่”
ข้าจะได้เข้านอนเร็วๆ คิดไว้ในใจแต่ไม่กล้าเอ่ยออกไป
“...”
“เจ้ากำลังกังวลกับเรื่องที่ยังไม่เกิดไปเพื่อเหตุใด”
เจิ้งหู่พูดอย่างเข้าใจว่าตอนนี้นางกำลังคิดถึงเรื่องใด
“ข้าแค่ไม่เข้าใจซื่อจื่อเพียงเท่านั้น”
“เจ้าไม่แน่ใจหรือเจ้าไม่เชื่อใจเขา...เจ้าต้องแยกให้ออกก่อนนะมี่ฮวา”
เจิ้งหู่เอ่ยเตือนสตินาง
“ข้าไม่...ข้าไม่ได้ไม่เชื่อใจ”
มี่ฮวาเอ่ยด้วย้ำเสียงเบาหวิว “แต่บางครั้งข้ารู้สึกเหมือนถูกหลอก”
เจิ้งหู่ได้แต่กลอกตามองเพดาน
“ซื่อจื่อไปหลอกเจ้าตอนใดกัน”
“...”
“นั่นไง...ไม่ตอบ แสดงว่าเจ้าคิดไปเองล่ะสิ”
เจิ้งหู่บ่นนางทันทีที่นางไม่ยอมตอบเขา
“เจ้าไม่ใช้ข้านี่! เจ้าจะไปรู้ได้อย่างไร”
นางเอ่ยเสียงแข็งกลบเกลื่อนทันที
“ก็ข้ารอให้เจ้าบอกอยู่นี่ไงเล่าข้าจะได้รู้!” สหายเขาเวลาเข้าบทสาวงามที่มีความรักทำไมมันดูโง่เง่าเยี่ยงนี้! “ถ้าเจ้าไม่เล่าแล้วยังคิดไปเองอยู่เยี่ยงนี้ข้าก็จนปัญญาจะช่วยแล้วนะ”
“เดี๋ยวเจ้าก็ไปฟ้องซื่อจื่อ”
มี่ฮวารู้ว่าบางครั้งเจิ้งหู่ก็แอบนำเรื่องของนางไปบอกแก่จ้าวเยว่เทียน
“ข้าจะไปฟ้องเพื่ออันใด”
เจิ้งหู่รีบกล่าวอย่างร้อนตัวเล็กน้อย “ตกลงจะบอกไม่บอก ถ้าไม่บอกข้าจะนอน”
เขากล่าวพร้อมกับผละออกไปจากข้างเตียงของนาง
“อื้อ! บอกก็ได้!”
มี่ฮวายอมปริปากบอกเพราะนางไม่อยากอึดอัดและคิดไปเองเหมือนที่เจิ้งหู่บอก
“เจ้าอย่าทำหน้ากระตือรือร้นเกินไปได้หรือไม่”
มี่ฮวาบ่นเจิ้งหู่ที่ดูแล้วตั้งใจฟังเกินเหตุพลอยให้นางรู้สึกอายขึ้นมา
“เพราะข้ามีมารยาทอย่างไรเล่า” เจิ้งหู่บอก
เขาน่ะหรือจะชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน ย่อม! ไม่! ใช่!
นางถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะถามคำถามที่มันคาใจนางออกไป
“เจ้าไม่คิดว่าเรื่องของข้ากับซื่อจื่อจะทำให้ทุกอย่างวุ่นวายขึ้นหรือ”
เจิ้งหู่ได้แต่ส่ายหัวให้กับการคิดไปเองของสหาย “ความรักของคนสองคนมันจะส่งผลให้ผู้อื่นวุ่นวายได้อย่างไร
หากพวกเขาเล่านั้นไม่สอดมือเข้ามาเอง”
“เจ้าก็รู้ว่าทุกวันนี้ซื่อจื่อโดนเพ่งเล็งแค่ไหน”
“งั้นแสดงว่าพวกเจ้ายังรักกันไม่พอที่จะผ่านเรื่องเพียงเท่านี้ไปได้”
“อาจจะใช่”
นางถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะอธิบายต่อ “ซื่อจื่อทำให้ข้ารู้สึกเหมือนข้าเป็นเพียงของเล่นแก้เบื่อของเขา”
“เหตุใดจึงคิดเช่นนั้น”
ถ้ามี่ฮวาเป็นของเล่นแล้วสตรีคนอื่นเรียกว่าอย่างไร
เจิ้งหู่คร้านจะอธิบายเพราะเดี๋ยวนางคงกล่าวว่าเขาเข้าข้างเจ้านายอีก
“ข้าก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน”
มี่ฮวายอมรับตรง ๆ เหตุการณ์ในวันนี้ทำให้นางฟุ้งซ่านไปไม่น้อยปกติหากเขาเย้านางดั่งทุกทีนางก็ควรจะปล่อยไป
แต่สายตาที่เขาใช้มองนางในวันนี้ทำให้นางเริ่มลังเลขึ้นมา
“งั้นข้ามีวิธีพิสูจน์
ว่าเจ้าเป็นของเล่นของเขาหรือไม่” เจิ้งหู่บอกเมื่อคิดแผนการบางอย่างได้ขึ้นมา
“พิสูจน์ ?”
“เดี๋ยวก็รู้ หึหึ” กล่าวพร้อมกับหัวเราะในลำคออย่างชั่วร้าย
มี่ฮวารู้สึกเสียวสันหลังเมื่อเห็นแววตาเจ้าเล่ห์ของเจิ้งหู่
หวังว่าแผนพิสูจน์ของเขาจะไม่พิสดารเกินไปจนนางรับไม่ไหว
ความคิดเห็น