คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : บทที่ 3 (2) รอยรักตรึงใจ [ฝ้ายขออนุญาตลงเนื้อหานิยายนะคะ] 100
วาดดาวเงยหน้ามองคนตัวสูงเจ้าของอ้อมแขนที่โอบรัดรอบไล่ของเธอทันทีที่ชายหนุ่มคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจบ
แม้ทักษะทางภาษาอังกฤษของเธอจะดีในระดับหนึ่ง
แต่เพราะมีศัพท์เทคนิคมากมายและสำเนียงของเจ้าหน้าที่หลายคน รวมทั้งบนสนทนาที่รัวเร็ว
แล้วไหนจะสติที่ขาดเกินๆ ของเธอในตอนนี้ทำให้เธอต้องพึ่งเจ้านายหนุ่มให้เขาช่วยเป็นสื่อกลางให้กับเธอ
“เป็นยังไงบ้างคะ”
เธอถามเขาทันทีที่ชายหนุ่มเดินกลับมาหา
ใบหน้าของบาสเตียนปรากฏร่องรอยเคร่งเครียด
ขณะดวงตาของเขามีแววหนักใจอยู่ในที
“ครูของคุณตอนนี้ไม่มีญาติเลย
ถ้าเจ้าหน้าที่เช็คดูแล้ว... เธอเป็นเด็กกำพร้า
ส่วนพ่อของเด็กทางเจ้าหน้าที่ได้ติดต่อไปหาเขาแล้ว
แต่ทางนั้นบอกว่าไม่ต้องการเด็กคนนี้”
ชายหนุ่มปรายตามองเจ้าตัวเล็กที่ซบแก้มยุ้ยๆ
ไว้กับบ่าของเขา พร้อมกับฝากหยาดน้ำลายที่ไหลออกมาจากปากเล็กๆ ช่างเจรจาไว้บนบ่าของเขา
ซึ่งแม้ว่าไอ้ตัวเล็กหัวทองมันป่วนประสาทของเขามาตลอดเวลาตั้งแต่ได้อยู่ใกล้กัน
แต่เวลาหลับแบบนี้เจ้าหัวทองตัวแสบกลับดูน่ารักน่าชัง ยิ่งรวมกับชะตากรรมที่เจ้าตัวเล็กกำลังจะต้องเผชิญมันยิ่งทำให้เขาอดที่จะเวทนาเด็กชายตัวน้อยที่กำลังนอนคอพับคออ่อน
“แล้วยังไงคะ” วาดดาวเอ่ยถามเมื่อชายหนุ่มเงียบไปเฉยๆ
เอาแต่จ้องหน้าเธอนิ่ง “ทางเจ้าหน้าที่จะทำยังไงกับพีทคะ”
“ดาว...
คุณต้องเข้าใจนะว่าทุกอย่างมันต้องเป็นไปตามระบบของกฎหมาย”
“ทำไมหน้าของคุณถึงได้ดูเครียดแบบนั้น”
สัญชาตญาณบางอย่างทำให้ความกลัวแล่นพล่านไปทั่วแนวสันหลังของวาดดาว เพราจากสีหน้าของบาสเตียน
มันบอกให้เธอรู้ว่าข้อมูลที่เธอกำลังจะได้รับ มันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ
“เด็กคนนี้จะถูกเอาเข้าไปในระบบการดูแลโดยเจ้าหน้าที่ของทางรัฐ”
“เขาจะถูกส่งเข้าสถานดูแลเด็กกำพร้างั้นเหรอคะ”
“ใช้
เพราะเด็กต้องได้รับการดูแล แต่ถ้าไม่มีญาติคนไหนแล้วพ่อของเขาไม่ต้องการแบบนี้
เด็กก็ต้องถูกส่งตัวเข้าสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า”
“ฉันดูแลเขาได้นะคะ”
เธอบอกเขาเสียงดัง “ฉันขอดูแลเขาได้ไหม ฉันไม่อยากให้พีทต้องไปอยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า”
“ดาวครับ
ได้โปรดฟังผม” ชายหนุ่มรั้งตัวเธอให้เดินไปยังโซฟาที่อยู่ไม่ไกล แล้วบังคับให้เธอนั่งลง
“คุณจะดูแลเขาไปตลอดชีวิตเหรอ คุณอาจจะดูแลเขาได้แต่ช่วงสั้นๆ
แต่ยังไงเด็กคนนี้ยังไงก็ต้องถูกส่งตัวเข้าระบบเพื่อตัวเขาเองและเพื่ออนาคตของเขา"
ดวงตาคมกล้าของเขาจ้องหน้าของเธอนิ่ง
ส่วนวาดดาวเมื่อจนหนทางจะหาเหตุผลใดๆ
มาเถียง เธอก็ได้แต่ปล่อยหยาดน้ำแห่งความเครียดและเสียใจออกมา
“งั้นเขาจะมาพาตัวพีทไปเมื่อไหร่คะ”
“หลังงานศพเพื่อนคุณ
ส่วนงานศพของเพื่อคุณคุณเองก็ไม่ต้องเป็นห่วงผมอาสาเป็นธุระจัดการเรื่องนี้ ”
ซึ่งเขาต้องใช้เส้นสายของนามสกุลและบารมีของตัวเองและบิดาพอสมควรในการต่อรองให้เด็กยังอยู่ในการดูแลของเขาก่อน “ผมแจ้งเขาว่าขอให้เด็กคนนี้อยู่จนกว่าเราจะจัดการเรื่องงานของเพื่อนคุณให้จบก่อน แล้วหลังจากที่เราจัดการอะไรเรียบร้อยแล้วเจ้าหน้าที่ถึงจะมารับเด็กคนนี้ไป”
วาดดาวพยักหน้าเบาๆ
ก่อนจะเอ่ยกับชายหนุ่มด้วยสุ้มเสียงที่ถูกเคลือบไว้ด้วยอารมณ์เปราะบางในทุกๆ
ถ้อยคำที่เธอกล่าว “ขอให้ฉันอุ้มพีทได้ไหม”
บาสเตียนมองเธอก่อนจะค่อยๆ
ประคองเจ้าตัวที่นอนพาดอยู่บนตัวของเขาเพื่อส่งให้อ้อมแขนของเธอ
“งั้นนั่งสักพักแล้วค่อยกลับบ้านก็แล้วกัน”
เสียงห้าวเอ่ยเมื่อเด็กชายตัวน้อยหลุดไปจากอ้อมแขน ชายหนุ่มถึงได้ค่อยๆ ผ่อนแผนหลังลงไปพิงพนัก
แล้วจึงวาดแขนยาวๆ ไปโอบรอบไหล่พร้อมกับรั้งตัววาดดาวให้เขยิบเข้ามาหาตัว
วาดดาวไม่มีท่าทีต่อต้าน
เธอยอมปล่อยให้ร่างกายของตัวเองแนบชิดกับร่างของชายหนุ่ม “ขอบคุณนะคะ”
เสียงหวานเอ่ย พร้อมกับแหงนหน้าขึ้นมองเขา
บาสเตียนส่งยิ้มอ่อนโยนให้เธอ ขณะที่มือของเขาที่วางอยู่บนไหล่บางค่อยๆ
เคลื่อนไหวด้วยการปัดไล้เบาๆ
แต่ในทุกสัมผัสของชายหนุ่มกลับแฝงความซาบซ่านเอาไว้บนผิวเนื้อเนียนนุ่มของเธอ
“ขอให้คุณรู้ไว้ว่าผมจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอ”
คำพูดของเขาทำให้รอยยิ้มอ่อนๆ
ปรากฏขึ้นบนกลีบปากอิ่มของเธอ “ขอบคุณนะคะ” พร้อมกับความรู้สึกบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ
โดยที่วาดดาวไม่รู้ตัวเลยว่า พื้นที่ใน ‘หัวใจ’ ของเธอกำลังถูกชายหนุ่มคืบคลานเข้ามายึดครอง...
วาดดาวมองคนตัวสูงที่กำลังผ่อนกายลงไปเพื่อวางร่างเล็กของแพททริคลงบนเตียงนอนของเธอ
โดยที่ชายหนุ่มถือโอกาสทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงของเธอ
พร้อมกับที่บาสเตียนใช้ปลายนิ้วเกลี่ยเบาๆ
ที่แก้มของเด็กชายด้วยท่าทางอ่อนโยนผิดกับบุคลิกในปกติของเขา
“น่าสงสารนะ”
ชายหนุ่มเอ่ย “คุณจะบอกแกยังไงว่าแม่ของเขาไม่อยู่แล้ว”
“ฉัน...
ยังไม่รู้เหมือนกันคะ” เธอบอก ก่อนจะขยับก้าวเดินมาหย่อนตัวนั่งข้างๆ กับชายหนุ่ม
ซึ่งในตอนนี้ทั้งเขาและเธอกำลังหันหน้าเข้าหากัน “ฉันขอบคุณคุณจริงๆ นะคะ”
“ฮื่อ”
ชายหนุ่มละสายตาจากแก้มใสๆ ของคนบนเตียงมามองเธอ “คุณขอบคุณผมบ่อยไปแล้วนะวันนี้” ปากพูดขณะมือของเขาฉวยคว้ามือบางของฌธอมากุมเอาไว้หลวม
“ถ้าไม่มีคุณวันนี้ฉันคงต้องแย่แน่ๆ
เลยค่ะ เพราะตลอดบ่ายในหัวฉันมันตื้อมันว่างเปล่าไปหมด” ดวงตาคู่สวยทอประกายที่พร่าพรายไปด้วยอารมณ์ซาบซึ้ง
“ฉันนึกไม่ออกเลยจริงๆ
ว่าถ้าวันนี้เจ้าหน้าที่มาเอาตัวพีทไปเลยฉันจะสติแตกมากแค่ไหน”
เมื่อนึกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับคนตัวเล็กในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ดวงตาคู่สวยก็สลดวูบลงกลับมีผลต่อคนมอง
เพราตอนนี้บาสเตียนรู้สึกวูบโหวงที่ช่องท้องและเจ็บแปลบที่หัวใจของเขา
เมื่อได้เห็นความสิ้นหวังที่ปรากฏบนใบหน้าของวาดดาว
“ผมเองก็สูญเสียแม่ไปเพราะอุบัติเหตุ
ตอนนั้นผมโตกว่าเด็กคนนี้ ผมไม่รู้หรอกว่าการที่แด๊ดบอกว่ามัมไปอยู่บนสวรรค์คืออะไร
ผมจำได้แค่ว่าแด๊ดมักจะบอกว่ามัมคอยมองผมอยู่บนนั้น แล้วถ้าผมดื้อมัมจะเห็นและท่านจะเสียใจ
คำพูดของแด๊ดทำให้ช่วยเด็กๆ ผมเป็นเด็กดีมากนะ
เป็นนักเรียนดีเด่นที่กวาดรางวัลมาเพียบ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี “แต่พอโตจนพอจะรู้เรื่องเท่านั้นแหละ”
ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ เมื่อนึกถึงวีรกรรมสุดแซบของตน
“ฉันเสียใจเรื่องคุณแม่ของคุณด้วยนะคะ
ท่าทางคุณพ่อของคุณคงเหนื่อยน่าดูนะคะที่ต้องดูแลลูกชายสองคนคนเดียวแบบนั้น”
“ไม่เหนื่อยเท่าไหร่หรอก
เพราะแด๊ดจ้างพี่เลี้ยงมาดูแลพวกผม แต่แน่นอนว่าพวกผมเรียกร้องความสนใจจากแด๊ดด้วยการสรรหาเรื่องให้พี่เลี้ยงลาออกบ่อยๆ
เพราช่วงไหนที่ไม่มีพี่เลี้ยงคอยประกบพวกผมจะถูกพาไปทำงานกับแด๊ด”
“คุณนี่แสบจังเลยนะคะ”
บาสเตียนไหวไหล่ด้วยท่าทีน่ามอง
ขณะที่ใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มส่วนปลายนิ้วแข้งแกร่งก็ลูบไล้หลังมือเธอเล่นไปด้วย “แล้วถ้าเด็กคนนี้ถูกพาตัวไปจริงๆ
คุณคงจะเสียใจมากใช่ไหม”
“ฉันไม่อยากให้พีทต้องเข้าไปอยู่ในที่เลี้ยงเด็กกำพร้าแบบนั้นค่ะ”
เธอพูดตามที่ใจคิด
“ในเรื่องของกระบวนการทางกฎหมายมันค่อยข้างจะยากนะ
ยิ่งคุณไม่ใช่พลเมืองของที่นี้ยิ่งยาก” ชายหนุ่มเปรยบอกเธอตามตรง
“ฉันรู้ค่ะ
แต่ถึงฉันจะไม่สามารถพาตัวพีทออกมาได้ในเร็วๆ นี้ แต่ฉันจะพยายามค่ะ”
“แสดงว่าคุณจะอยู่ที่นี้ไปจนกว่าจะพาเด็กคนนี้มาอยู่ด้วยได้”
“จริงๆ
ฉันแพลนว่าจะบินกลับไปเมืองไทย แต่ฉันไม่อยากให้พีทรู้สึกว่าแกอยู่บนโลกนี้คนเดียว
ถ้ามันจำเป็นฉันก็จะหาทางทำให้ตัวเองเป็นพลเมืองของที่นี้
แล้วไปสมัครงานที่สถานเลี้ยงเด็กที่พีทอยู่”
บาสเตียนหลุดหัวเราะอย่างกลั้นไม่อยู่เมื่อฟังที่หญิงสาวเอ่ยจนจบ
“หัวเราะอะไรคะ” วาดดาวถามเขาเสียงห้วน
“เอาตรงๆ
นะ เรื่องพวกนี้ผมไม่มีความรู้มาหรอกเรื่องกระบวนการของมันหรอก
แต่ที่รู้คือเด็กส่วนใหญ่จะถูกจัดสรรให้อยู่ในบ้านที่พร้อมหรือร้องขอดูแลพวกเขา
ถึงคุณไปอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจริงๆ
คุณก็อาจจะได้ยู่กับเจ้าตัวแสบนี่ไม่นานหรอก
หลังจากนั้นถ้าโชคดีที่บ้านที่ขอเด็กนี่ไปเลี้ยงอาจจะอนุญาตให้คุณได้เจอเจ้าแสบ
แต่ถ้าโชคร้ายเขาอาจไม่ให้คุณเจอเด็กนี่อีก”
“ฉันไม่รู้”
คราวนี้ท่าทางของหญิงสาวดูหวาดวิตกขึ้นมาทันที
“นี่คิดได้ขนาดนี้ทั้งๆ
ที่บอกผมว่าช่วงบ่ายมึนๆ ตึงๆ นะ
ถ้าอยู่ในช่วงปกติคุณไม่วางแผนขนาดตอนที่ไอ้แสบนี่เรียนจบปริญญาเอกเลยหรือไง”
เขาล้อเลียนเธอ “เอาเถอะ ยังไงผมคิดว่าคุณไม่ควรคิดมาก เราไปหาอะไรทานกันเถอะ”
“ฉันไม่หิวค่ะ”
“แต่คุณยัง”
“ฉันเหนื่อยคะ
แล้วรู้สึกมึนๆ หัวด้วยคงเพราะเครียด ฉันทานอะไรไม่ลงหรอกคะ แต่ฉันจะไปนั่งเป็นเพื่อนคุณแล้วกันนะคะ”
เธอพูดแทรกก่อนที่บาสเตียนจะเอ่ยแย่งเธอจนจบประโยค
ชายหนุ่มมองหน้าเธอนิ่ง
“ช่างเถอะ คุณอาบน้ำแล้วพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวผมหาข้าวทานเอง
ท่าทางวันนี้คุณจะเหนื่อยมาก”
เขายกมืออีกข้างที่ว่างมาหยิบปรอยผมที่หลุดลุ่ยมาปรกหน้าตาไปทัดไว้ที่ใบหูของเธอ
ขณะที่ดวงตาเปี่ยมเสน่ห์ตรึงสบไว้กับดวงตาคู่งามของเธอ
“แต่ว่า”
คราวนี้ถึงตาวาดดาวเป็นฝ่ายจะเอ่ยปากแย้งเขากลับ
“ไม่มีแต่ครับ”
บาสเตียนกล่าวเสียงนุ่มดักเธอไว้ก่อนอย่างรู้งาน ก่อนที่ใบหน้าของเขาจะเคลื่อนไปใกล้โดยที่วาดดาวเองก็ไม่ขยับหนี
จนในที่สุดเรียวปากของก็จรดลงบนหน้าผากมน “ฝันดีนะครับ”
บาสเตียนเอ่ยเมื่อผละเรียวปากออกห่าง
ทั้งยังมอบรอยยิ้มทรงเสน่ห์ใส่ตาของเธอ แล้วชายหนุ่มถึงได้ลุกขึ้นยืนช้าๆ ก่อนจะหมุนตัวพาร่างสูงใหญ่ของเขาเดินจากไปด้วยท่าทีทรงสง่าอย่างคนที่เชื่อมั่นในตัวเอง
ทิ้งให้สาวเจ้าของห้องนั่งนิ่งค้างเป็นหุ่นเพราะฤทธิ์ของจุมพิตแสนอบอุ่นที่ชายหนุ่มฝากสัมผัสแสนหวามไว้บนหน้าผากของเธอ
ความคิดเห็น