rechel
ดู Blog ทั้งหมด

ซากมนุษย์ที่สวยที่สุด

เขียนโดย rechel
ที่มา Sanook.com

MusicPlaylist
Music Playlist at MixPod.com



.

.

.







เธอ คือ Rosalia Lombardo (? ~ 1920)

      โรซาเลียเป็นบุตรสาวของทหารมียศซึ่งเสียชีวิตเมื่ออายุได้ 2 ขวบ
ศพของเธอถูกทำเป็นมัมมี่ตามธรรมเนียมของคาปูชิน

ซึ่งผู้รับผิดชอบแพทย์ชื่อซาราเฟีย

ในขณะที่ศพอื่นๆผุพังกลายเป็นกระดูกขาวโพลน
มีแต่โรซาเลียที่ร่างของเธอยังคงอยู่สมบูรณ์ราวกับเธอเพียงหลับไปเท่านั้นเอง
แม้ว่าจะผ่านมากว่า 80 ปีแล้ว

แพทย์ซาราเฟียจากโลกนี้ไปโดยไม่ยอมปริปากถึงเคล็ดลับในการทำศพ
วิธีการรักษาศพจึงยังคงเป็นปริศนามาจนทุกวันนี้ (แหมแอบอิบไว้คนเดียวเลยนะ -.-)

      จากการวิจัยสันนิษฐานได้ว่า ศพของโรซาเรียเกิดปฏิกริยา Adipocere
ซึ่งไขมันในร่างกายได้ผ่านกระบวนการอะไรบางอย่าง
(กระบวนการนี้ปัจจุบันยังไม่เป็นที่แน่ชัด)

ทำให้แปรสภาพกลายเป็นคล้ายขี้ผึ้งหรือชีสซึ่งเชื้อแบคทีเรียไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้
ซึ่งมัมมี่ประเภทนี้จะต่างจากมัมมี่แบบแห้งของอียิปต์
ตรงที่ต้องเก็บอยู่ในที่ชื้น

ปัจจุบันศพของโรซาเลียถูกเก็บอยู่ในส่วนในสุด
ของวิหารคาปูชินที่เมืองพาเลอร์โม่






.

.

.







นักบุญแบร์นาแด๊ต ( พรหมจารี )
St. Bernadette Soubirous
ค.ศ. 1844-1879



     แบรนาแดต ผู้ได้เห็นแม่พระที่ลูรด์
เธอได้บวชเป็นแม่ชี และเสียชีวิตเมื่ออายุ36ปี

แต่สิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นกับเธอไม่ได้หยุดแค่การได้เห็นแม่พระ
แต่ร่างกายของเธอไม่เน่าเปื่อยเลย

และเป็นศพไม่เน่าเปื่อยที่สมบูรณ์ที่สุดในโลก

เพราะไม่ได้แห้งแข็ง เป็นมัมมี่ เหมือนศพไม่เน่า
ที่มีโอกาสเกิดได้ตามธรรมชาติ

แต่สภาพเธอยังสดสวยงามราวนอนหลับเช่นนี้มานานกว่า 100 ปีแล้ว

แต่ใครจะ ทราบว่า หลังจากเสียชีวิตและฝังลงดินตามธรรมดาไป 40 ปี
เมื่อขุดศพเธอขึ้นมา เธอจะยังสดสวยงดงาม ราวกับเพิ่งเคลิ้มหลับไปเมื่อวานนี้

และใครจะคาดคิดว่า
ศพของเธอจะอยู่ยาวนานจนมีเทคโนโลยีเจริญจนได้ถ่ายภาพสี







.

.

.




รูปเอวิต้า ตอนมีชีวิตอยู่



สุสานที่บรรจุร่างเอวิต้า


 เอวา เปรอง (Eva Peron)

หนึ่งในสตรีที่ทรงอำนาจ

เธอเริ่มต้นชีวิตมาจากความยากจน ในฐานะลูกนอกสมรส
มาสู่การเป็นสตรีหมายเลขหนึ่งของอาเจนตินา

เส้นทางชีวิตอันยาวไกลของเธอ เหมือนกับตำนานที่ยกให้เธอเป็น
“ซินเดอเรลล่าแห่งอาเจนติน่า

     เธอเสียชีวิตลง เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ.2495
ทั้งๆ ที่เธอมีอายุได้เพียง 33 ปีเท่านั้น

ดอกไม้ทุกดอก ประชาชนทั่วทั้งเมือง ต่างร่ำไห้กับการจากไปของเธอ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเอวาจะเสียชีวิตไปแล้ว

ศพของเธอยังคงถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี 
โดยเอวามักจะบอกกับจวนเสมอๆ ว่าสิ่งที่เธอกลัวมากที่สุดคือ “การลืม”

ดังนั้นจวนจึงจ้างนักพยาธิวิทยามาดองศพของเธอไว้
ซึ่งเขาตั้งใจจะสร้างอนุสาวรีย์ให้กับเอวา

แต่ในที่สุดจวน เปรองก็ไม่สามารถทำได้ เพราะเกิดการปฏิวัติเสียก่อน
เขาจึงจำเป็นจะต้องหนีไปอยู่ที่สเปน

     เรื่องวุ่นวายยังไม่จบสิ้น เมื่อศพของเอวา
ถูกกลุ่มคนที่ต่อต้านรัฐบาล anti-Peronistas ของเปรองขโมยไป
ตั้งแต่ปี พ.ศ.2498

โดยนำไปซ่อนไว้ในสุสานเล็กๆ ในมิลาน
ภายใต้ชื่อปลอมจนกระทั่งในปี พ.ศ.2514

แต่อย่างไรก็ตาม ศพของเอวาจากอิตาลี ได้ถูกนำกลับมาที่อาร์เจนตินาอีกครั้ง
เมื่อปี พ.ศ.2517

ซึ่งศพของเธอนั้น ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์
โดยตอนแรกรัฐบาล ได้นำไปฝังไว้ที่ห้องใต้ดินของประธานาธิบดี

แต่สองปีต่อมา ได้มีการนำศพของเธอไปฝังไว้ที่หลุม ซึ่งทำด้วยเหล็กหลายชั้น
แล้วฝังไว้ภายในสุสานของตระกูลที่เรโคเลตา (Recoleta)








.

.

.



วลาดิเมียร์ อิลลิช เลนิน
(Vladimir Ilyich Lenin, Владимир Ильич Ленин)



 เกิด 22 เมษายน พ.ศ. 2413-21 มกราคม พ.ศ. 2467)
ผู้นำนักปฏิวัติมาร์กซิส คนแรกของสหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียต
ที่สถาปนาเมื่อ พ.ศ. 2465

หัวหน้าพรรคบอลเชวิก
นายกรัฐมนตรีคนแรกและเป็นเจ้าของแนวคิดส่วนใหญ่ในลัทธิเลนิน         
ชื่อ “เลนิน” นั้นเป็นหนึ่งในนามแฝงที่ใช้ในการปฏิวัติ

เดิมมีชื่อสกุลว่าอูเลียนอฟ (Ulyanov)

ได้รับการศึกษาด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยคาซาน และเซนปีเตอร์สเบิร์ก
เลนินถูกจำคุกระหว่าง พ.ศ. 2438-2440
และในปีต่อมาถูกเนรเทศไปไซบีเรียจนถึง พ.ศ. 2443
เนื่องจากเข้าขบวนการปฏิวัติใต้ดิน

หลังการปฏิวัติเลนินได้เป็นหัวหน้าพรรค “บอลเชวิค” (Bolshevik)
ที่ทำการปฏิวัติล้มล้างระบบกษัตริย์ของรัสเซียในปี พ.ศ. 2460
และตั้งตนเป็นผู้นำประเทศและรีบทำการเจรจาสงบศึกกับฝ่ายเยอรมันในสงครามโลก ครั้งที่ 1













ความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 1
สวยที่สุด แต่หนุก็ยังกลัวนะ แง้