ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic JackFrost x Elsa] Warming winter

    ลำดับตอนที่ #12 : Special Hour : Once upon of YOU #1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.89K
      48
      23 ม.ค. 57

    ผมชื่อแจ็คฟรอส นี่คือสิ่งเดียวที่บุรุษในดวงจันทร์บอกผม ผมมีชีวิตอยู่เหมือนวิญญาณลอยไป ลอยมาไม่มีใครเห็น สิ่งเดียวที่ผมชอบทำเวลาเบื่อ ๆ คือเสกหิมะออกมาเล่นแม้จะอยู่ในหน้าร้อนก็ตามที แต่คุณคงเบื่อแน่ถ้าทำมันซ้ำ ๆ ซาก ๆ เป็นเวลาหลายร้อยปี ทำยังไงได้ล่ะก็ไม่มีใครเห็นตัวผมนี่นา

    เข้าเรื่องเลยนะ ผมรู้ว่าคุณรอตอนพิเศษที่เป็นเรื่องในอดีตของผมอยู่ เพราะงั้นผมก็จะเล่าให้คุณฟังเอง เรื่องเกิดขึ้นเมื่อ21ปีที่แล้วขณะที่ผมกำลังเล่นหิมะอยู่ในรัฐนิวเซาท์เวลของอเมริกา จู่ ๆ สายลมก็เรียกผมไปที่แห่งหนึ่ง หลายร้อยปีที่ผ่านมาสายลมไม่เคยเรียกผมแบบนี้เลยนี่เป็นครั้งแรกก็ว่าได้ แล้วต่อให้ผมไม่บอกคุณก็รู้ว่าสายลมเรียกผมให้ไปที่เอเรนเดล

    วันนั้นเป็นวันประสูติของเจ้าหญิงน้อยองค์หนึ่ง เธอก็น่ารักดีนะแต่ผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าสายลมเรียกผมมาทำไม มาตัดสายสะดือเด็กคนนี้น่ะหรือ? ก็คิดกันไปได้นะ ตอนแรกผมก็คิดว่าเด็กคนนี้คือคนที่มองเห็นผมแต่เปล่าเลยเธอมองไม่เห็นผม แล้วผมจะดูแลเธอไหม? ขอบอกเลยว่าไม่เพราะมันไม่ใช่หน้าที่ผม ตัวผมเองคิดแบบนั้นจนกระทั่งเห็นเธอแช่แข็งก้นพี่เลี้ยงของเธอ ผมถึงได้รู้ว่าสายลมเรียกผมมาทำไม เพราะเธอมีพลังเหมือนผมนี่เอง

    “จะให้ลูกเราชื่ออะไรดีล่ะ?”องค์ราชินีถามพระราชา ถ้าคิดไม่ได้ก็เรียกโหรหลวงเหมือนประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซะสิ

    “นั่นสินะ... โรส... รีเบคก้า... แอเดไลน์... เอลล่า...”โอ้ย ชื่อประหลาด ๆ ทั้งนั้น ไม่ได้ ๆ ผมต้องตั้งให้เธอเองเสียแล้วก่อนที่เด็กคนนี้จะได้ชื่อแปลก ๆ

    “เอลซ่า...”ผมพูดพร้อมเป่าเกล็ดหิมะเล็ก ๆ เข้าไปกลางหน้าผากของพระราชา พระองค์ยิ้มกว้างก่อนพูดชื่อขององค์หญิงน้อยออกมา

    “เอลซ่า... ใช่แล้ว!! เอลซ่า!! ตั้งแต่นี้ไปเจ้าคือเอลซ่า เจ้าหญิงน้อยแห่งเอเรนเดล...”พระราชาหยิบมงกุฎทองคำสวมให้เธอเป็นการมอบตำแหน่งราชินีในอนาคตให้ ผมอาจจะไม่ค่อยมีเซนต์ในการตั้งชื่อเท่าไหร่ แต่นับตั้งแต่บัดนี้ไปชื่อของเธอคือเอลซ่าอย่างที่พวกคุณรู้จักกันในปัจจุบัน

    พอรู้ว่าเธอมีพลังพิเศษเหมือนผม เท่านั้นแหละผมไม่ไปไหนเลย ผมอยู่เล่นกับเธอตลอด เสกหิมะเป็นตุ๊กตาตัวเล็ก ๆ มาเล่นกับเธอบ้าง เสกเกล็ดน้ำแข็งให้ตกในห้องของเธอบ้าง แต่... พลังที่เธอแสดงออกตอบผมมันรุนแรงไปนิด สิ่งที่เธอทำมาแต่ละอย่างนี่ถ้าผมเป็นมนุษย์ผมคงตายไปแล้ว ไปเดากันเองแล้วกันว่าเธอทำอะไรผมเพราะเรื่องนี้ผมไม่อยากพูดถึงสักเท่าไหร่

    “นี่เอลซ่า อยากเล่นตุ๊กตาไหม?”ผมชูตุ๊กตาหิมะรูปร่างแปลกขึ้นมา ทันทีที่เธอมองเห็นหิมะเธอร้องอ้อแอ้ออกมาด้วยความดีใจ เด็กหนอเด็ก

    “อยากเล่นก็เอาไปเลย”ผมวางตุ๊กตาหิมะไว้ข้าง ๆ เธอ ผมทำขนาดนี้จนป่านนี้เธอก็ยังไม่เห็นผม แต่ไม่เป็นไรผมเข้าใจ เธอยังเด็กจะไปศรัทธาอะไรใครได้ ไม่แน่ต่อให้เธอโตขึ้นมาก็อาจจะไม่ศรัทธาในตัวผมเลยก็ได้ แต่เรื่องนี้ผมชินเสียแล้ว

    “องค์หญิง!! ไปเอาของแบบนี้มาจากไหนคะ? เสกเองหรือ? ไม่ได้นะเพคะเดี๋ยวหิมะกัดมือ เอามานี่เพคะหม่อมฉันจะเอาไปทิ้ง”ไม่นะ!! ยัยป้าพี่เลี้ยงนั่นจะเอาตุ๊กตาที่ผมให้เธอไปทิ้ง รู้ไหมว่าเธอชอบมันแค่ไหน?

    “ฮือ... ฮือ...”กรรม ๆ ๆ ๆ เธอเริ่มร้องครางฮือ ๆ ขึ้นมาเสียแล้ว ถ้าคุณเคยเลี้ยงเด็กคุณคงเข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร เธอกำลังจะร้องไห้!! นี่คือช่วงเวลาที่ผมเกลียดที่สุดเลยล่ะ

    “แง้... แง้...”เธอร้องแล้ว โอ้ไม่ช่างแสบแก้วหู ยัยป้านั่นไม่น่าเอาตุ๊กตาไปทิ้งเลย เรื่องแค่นี้ก็ไม่รู้อย่ามาเป็นพี่เลี้ยงเด็กเลยป้า

    “โถ ๆ ๆ ๆ ไม่ร้องนะเพคะ ของเล่นของพระองค์มีตั้งเยอะอย่าไปเล่นหิมะเลยนะเพคะเดี๋ยวกัดมือ...”

    “แง้!!”ช่างเป็นพี่เลี้ยงเด็กที่ไม่เข้าใจเด็ก เอลซ่าก็เอาแต่ใจเสียเหลือเกินนะ แค่ไม่ได้ของเล่นแค่นี้ร้องเสียดังลั่น ว่าแต่พ่อกับแม่เธอไปไหน

    “ชู่ว ๆ ๆ ไม่ร้องนะเพคะ เล่นอันนี้ไหมเพคะ? หรือจะเอาอันนี้...”

    “แง้!!!!!!!”ก็บอกว่าเธออยากเล่นหิมะไงล่ะป้า!! ไม่ได้การแล้ว ผมต้องปั้นตุ๊กตาหิมะขึ้นมาอีกตัวเพื่อทำให้เธอหยุดร้องให้ได้ก่อนที่แก้วหูผมจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ

    ผมเริ่มปั้นตุ๊กตาอีกครั้งและจับมันใส่มือเธอ ตอนนี้เธอเลิกร้องไห้แล้วแต่ผมก็ยังไม่รู้ชะตากรรมของตุ๊กตาตัวเอง ถ้าคราวนี้ยัยป้าพี่เลี้ยงโยนทิ้งอีกผมปาลูกเห็บใส่จริง ๆ ด้วย

    “ตามใจเพคะ ถ้าอยากเล่นหิมะก็ตามใจ หม่อมฉันจะไปทำมื้อเที่ยงให้นะเพคะ”พี่เลี้ยงคนนั้นเดินออกจากห้องไปทิ้งให้ผมและเธออยู่ในห้องด้วยกัน เวลาเธอไม่ร้องไห้น่ะน่ารักมากเลยนะจะบอกให้ ไม่น่ารักจริงผมไม่อยู่เลี้ยงเธอหรอก

    เวลาผ่านไปจะกี่เดือนก็ช่างเถอะ เอาเป็นว่าตอนนี้หมดหน้าหนาวแล้ว อันที่จริงผมควรจะบอกว่าหมดหน้าหนาวมา3ครั้งแล้วมากกว่า ใช่แล้ว นี่คือผมรวบรัดตัดตอนให้เรื่องกระชับสั้นลง เพราะตลอดเวลา3ปีผมก็เลี้ยงเธอเหมือนบรรทัดบน ๆ ที่คุณอ่านมานั่นแหละ แต่แปลกนะที่ผมไม่ยักเบื่อเธอเลย ยิ่งเธอโตขึ้นเธอยิ่งมีเวทย์มนตร์แปลก ๆ และแน่นอนว่าผมเป็นคนเลี้ยงเธอผมก็ต้องมีบ้างที่จะสอนวิธีแกล้งพี่เลี้ยงให้กับเธอเป็นการแก้เซ็ง

    ตอนนี้เธอเป็นอย่างไร? ตอนนี้เธออายุ3ขวบแน่นอนเธอน่ารักมาก หน้าตาเธอเหมือนแม่ไม่มีผิด ต่างกันแค่สีผม แถมยังซนมาก ๆ ด้วยอันนี้ผมไม่ได้สอนเธอนะ มันเป็นธรรมชาติของเด็กต่างหาก แล้วคุณไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมตอนพิเศษนี้บทสนทนามันน้อยแปลก ๆ เพราะเธอกับผมคุยกันไม่ได้ จะให้ผมพูดคนเดียวก็ออกจะบ้าไปหน่อยเพราะงั้นผมจะคิดในใจก็แล้วกัน

    “หมอหลวง!! หมอหลวง!! องค์ราชินีจะมีพระประสูติกาลแล้ว!!”ตายล่ะ ผมคงเล่าข้ามขั้นไปหน่อย เธอกำลังจะมีน้องซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอจะได้น้องสาวหรือน้องชาย แต่ดูเธอจะตื่นเต้นมากที่ได้น้องเพราะเธอเป็นคนแรกที่วิ่งไปรอหน้าห้องขององค์ราชินีเป็นคนแรกแทนที่จะเป็นหมอหลวง

    “ทุกคนรอข้างนอก”หมอหลวงกำชับนางในทุกคนที่พากันมาอยู่หน้าห้องขององค์ราชินี ตอนนี้พระราชาก็มาถึงแล้วแม้จะช้าไปหน่อยก็ตาม ส่วนเอลซ่าเธอก็ยังยืนอยู่หน้าห้อง ต่อให้โดนนางในเบียดเท่าไหร่เธอก็ไม่มีท่าทีจะออกจากบริเวณนั้นเลย

    เวลาผ่านไปนานสักหน่อย องค์ราชินีก็มีพระประสูจิกาลเรียบร้อยแล้ว เอลซ่ารีบวิ่งเข้าไปในห้องและผมก็ด้วย เธอได้น้องสาวผมสีน้ำตาล หน้าไม่ค่อยเหมือนเธอเท่าไหร่แต่สีตาโทนเดียวกันเป๊ะเลย

    “เอลซ่า นี่น้องของลูกนะ”พระราชาส่งองค์หญิงน้อยให้เอลซ่าอุ้ม ผมก็อยากลองอุ้มดูเหมือนกันนะ แต่ไม่เอาดีกว่าเดี๋ยวเธอจะหนาวตาย

    “รักน้องให้มาก ๆ นะลูก”ราชินีกำชับเอลซ่าเอาไว้ เอลซ่ามองหน้าน้องสาวของตัวเองเหมือนกำลังคิดชื่อให้ ผมเข็ดกับเซ้นต์การตั้งชื่อของราชาและราชินีมาเมื่อ3ปีที่แล้ว เพราะงั้นคราวนี้ผมภาวนาให้เอลซ่าตั้งชื่อให้น้องของเธอด้วยตัวเองจะดีกว่า เว้นแต่ว่าเซ้นต์การตั้งชื่อของเธอจะแย่ล่ะนะ

    “ท่านพ่อ ท่านแม่ ให้น้องชื่ออันนานะเพคะ นะ ๆ ๆ ๆ ๆ”อันนาหรือ? ก็ไม่เลวนะ เอลซ่ากับอันนาก็ดูเข้ากันดี

    “ฮะ ๆ ๆ อันนางั้นหรือ? เอาสิลูก ตั้งแต่นี้น้องคือองค์หญิงอันนาแห่งเอเรนเดล”คราวที่อันนาเกิดไม่มีการมอบมงกุฎเหมือนตอนที่เอลซ่าเกิด ให้ผมเดาคือเธอเป็นแค่เจ้าหญิงไม่ได้เป็นราชินีในอนาคตเหมือนเอลซ่า

    เอลซ่าทำตัวเป็นพี่สาวที่ดี เธอเลี้ยงดูอันนาทั้งที่ตัวเองอายุแค่3ขวบ ผมดูแลอันนาไม่ได้เพราะเธอไม่มีพลังน้ำแข็งเหมือนเอลซ่า ขืนผมเผลอทำอะไรลงไปเธอคงแข็งตายเลี้ยงไม่โตแน่นอน

    เอลซ่าและอันนาโตมาด้วยกัน เล่นด้วยกันเสมอ จนกระทั่งเอลซ่าอายุราว8ขวบและอันนาอายุ5ขวบยุคมืดทมิฬก็มาถึง พิชแบล็คออกอาละวาดไปทั่วโลกแต่ตอนนี้ยังมาไม่ถึงเอเรนเดล ผมภาวนาให้พิชมาไม่ถึงที่นี่เพราะถ้ามาถึงผมก็ไม่รู้จะจัดการกับเขาอย่างไรเหมือนกัน

    “เอลซ่า... เอลซ่า...”อะไรกันเนี่ย... กำลังหลับสบายเชียว อันนาลุกมาปลุกเอลซ่าในยามวิกาล ผมเลี้ยงพวกเธอมาทำไมผมจะไม่รู้ว่าอันนาต้องการจะปลุกเอลซ่าไปเล่น

    “อันนา... กลับไปนอน...”เอลซ่าตอบเสียงอู้อี้

    “ก็ท้องฟ้ามันตื่น ฉันก็ต้องตื่น แล้วถ้าถึงเวลาตื่นพวกเราก็ต้องเล่น!!”อันนารบเร้าเอลซ่า

    “เธอก็ไปเล่นของเธอคนเดียวสิ...”เอลซ่ากระตุกผ้าห่มจนอันนาร่วงหล่นเตียงไป ผมว่าคราวนี้แหละที่อันนาจะใช้ไม้เด็ด

    “ไปเล่นหิมะด้วยกันไหม?”เอลซ่าค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา มุกนี้ใช้ได้ผลเสมอกับเธอ สองพี่น้องวิ่งลงบันไดไปยังห้องโถงกว้าง เอลซ่าค่อย ๆ เสกหิมะทำเป็นลานน้ำแข็ง และเสกหิมะให้โปรยหรายในห้อง สองพี่น้องเล่นกันอย่างสนุกสนานจนกระทั่ง...

    “พี่รับหนูที!!”อันนากระโดดจะเนินหิมะลูกนั้น ไปลูกนี้ เอลซ่าก็คอยเสกหิมะรองรับอันนา

    “โดดไปเลย”อันนาค่อย ๆ กระโดดเร็วขึ้นอีก

    “เอาอีก ๆ”เอลซ่าเริ่มเสกหิมะไม่ทัน จนเมื่ออันนากระโดดสูงที่สุดและเร็วที่สุดเอลซ่าก็เสียการทรงตัว

    “เดี๋ยว!!... หวา!?...”เอลซ่าเสียหลักลื่นพื้นน้ำแข็งก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้น ถึงคราวผมแล้วที่ต้องเสกหิมะรองรับอันนา

    เปรี๊ยะ!!

    ไม่ทันการเสียแล้ว เอลซ่าเสกพลาดน้ำแข็งเข้าไปอยู่ในหัวอันนา ผมพยายามทำให้น้ำแข็งที่อยู่ในหัวอันนานั้นละลายลงไปบ้างโดยการแบ่งเสษน้ำแข็งมาไว้ที่เส้นผมทำให้ปอยผมของเธอขาวไปเส้นนึง ตัวผมนั้นไม่สามารถละลายน้ำแข็งก้อนนั้นออกให้ได้ และนี่คือสิ่งที่ผมจะช่วยได้ตอนนี้

    “ท่านพ่อ!! ท่านแม่!!”เอลซ่าร้องหาราชาและราชินี ทั้งสองเข้ามาอย่างรวดเร็วพร้อมกับบุคคลไม่พึงประสงค์...

     

    พิชแบล็ค!!

     

    “พิช!? นายมาที่นี่ทำไม”ผมตะโกนถามพร้อมยกไม้เท้าขึ้นมาขู่พิช

    “อา... แจ็คฟรอสเองหรือ? ข้าคือพิชแบล็คนะ ข้ามาที่ได้เพราะข้าได้กลิ่นของความกลัว เด็กน้อยตรงนั้นกำลังหวาดกลัวอยู่ และข้าจะทำให้นางหวาดกลัวมากขึ้น!!”พิชทำท่าเหมือนจะเสกมนตร์ดำใส่เอลซ่า ผมต้องรีบเข้าไปขวาง ผมสะบัดไม้เท้าใส่พิชไปทีนึงและมีน้ำแข็งเกาะที่มนตร์ของพิชและค่อย ๆ แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ

    “ไปซะพิช ฉันจะไม่ยอมให้นายทำร้ายเธอ”ผมไล่พิชไป เขาหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนพูดขู่ผมทิ้งท้าย

    “ฮ่า ๆ ๆ งั้นหรือแจ็คฟรอส? แต่จำไว้เลยนะว่าต่อให้ไม่มีข้า ถ้าความกลัวยังเกาะกุมหัวใจนางไว้ได้ ถึงคราวนั้นเจ้าก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ฮ่า ๆ ๆ ๆ”พิชหัวเราะทิ้งท้ายและจากไป ผมเกลียดเสียงหัวเราะของพิชจริง ๆ เลยให้ตายสิ

    ผมลอยตามม้าของราชาและราชินีไปที่แห่งหนึ่ง ถ้าผมจำไม่ผิดพวกเขากำลังจะไปหาโทรล เอลซ่าตื่นกลัวมากเธอจึงทิ้งร่องรอยน้ำแข็งเอาไว้ตามทาง ผมกลัวจริง ๆ ว่าเอลซ่าจะไม่สามารถตัดความกลัวออกไปจากใจได้และเป็นอย่างที่พิชบอก แต่จากที่ผมอยู่กับเธอมา8ปีผมก็ทำให้ผมรู้ว่าเธอเป็นเด็กที่ร่างเริงและเปอร์เซ็นต์ที่จะเป็นอย่างที่พิชว่าต่ำมาก แต่ก็ยังวางใจไม่ได้เพราะเหตุการณ์ที่เธอพลั้งมือทำร้ายอันนาในครั้งนี้มันหนักหนามากจริง ๆ

    ในที่สุดก็มาถึงที่พำนักของเหล่าโทรล ราชาร้องเรียกให้โทรลอาวุโสช่วยอันนาและก็มีโทรลเฒ่ากลิ้งออกมาอยู่ต่อหน้าองค์ราชา

    “พระองค์ ไม่ทราบบว่านี่เป็นมาตั้งแต่เกิดหรือคำสาป?”โทรลเฒ่าถามถึงเรื่องพลังของเอลซ่า

    “เอ่อ... ตั้งแต่เกิด ได้โปรดช่วยลูกข้าด้วย”องค์ราชาอ้อนวอน แต่ผมสงสัยทำไมต้องมีเอ่อ กลัวว่าถ้าตอบว่าเป็นคำสาปขึ้นมาเอลซ่าจะดูผิดปกติหรือ? ไม่ว่าจะตั้งแต่เกิดหรือคำสาปผมว่ามันก็ไม่ได้ต่างกันนักหรอก

    “นับว่ายังดีที่โดนที่หัวเพราะยังเอาออกได้ ถ้าโดนที่หัวใจแล้วจะไม่มีทางแก้ได้”โทรลเฒ่าลูบหัวอันนาเบา ๆ คนที่เงียบที่สุกอย่างเอลซ่ากลับเป็นคนที่หวาดกลัวที่สุด เธอคงกลัวว่าอันนาจะเป็นอะไรไปเพราะเธอ

    “ทำตามสมควร...”องค์ราชาตัดจบอย่างรวดเร็ว โทรลเฒ่าดึงความทรงจำของอันนาออกมาและค่อย ๆ เปลี่ยนให้ความทรงจำของเธอดูปกติที่สุด เปลี่ยนให้เธอจำไม่ได้ว่าเอลซ่าเคยมีพลังพิเศษ

    “ข้าจะเปลี่ยนความทรงจำของเจ้าหญิงน้อยให้เป็นปกติเพื่อล้างคำลาป แต่พระองค์ไม่ต้องห่วงเพราะข้ายังเหลือความสนุกไว้ให้อยู่”อันนาหลับตาพริ้มอย่างเป็นสุขคล้ายกับว่าลืมเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว

    “แล้วน้องจะจำไม่ได้ใช่ไหมว่าหนูเคยมีพลังพิเศษ?”เอลซ่าถามโทรลเฒ่า

    “นั่นแหละดีที่สุด”องค์ราชาแต่บ่าเอลซ่า

    “องค์หญิงน้อย พลังที่ท่านมีนั้นช่างแข็งแกร่งและสวยงาม แต่หากท่าควบคุมมันไม่ได้ก็จะก่อเกิดโทษอย่างมหันต์”โทรลเฒ่าเตือนเอลซ่าทำให้เธอยิ่งหวาดกลัวในพลังของตัวเองเข้าไปอีก

    “ข้าจะทำให้นางควบคุมพลังนี้ให้ได้ จนกว่าจะถึงตอนนี้เราจะปิดประตูวัง จำกัดจำนวนนางใน และแยกเอลซ่าออกจากอันนาจนกว่าจะควบคุมพลังได้”องค์ราชาบอกโทรลเฒ่าให้สบายใจ โทรลเฒ่าพยักหน้าและทั้งสามก็บอกลาฝูงโทรลก่อนมุ่งหน้ากลับวังก่อนรุ่งสาง

    เช้าวันใหม่มาถึง อันนาตื่นขึ้นมาโดยไม่เห็นพี่สาว อันนาถูกแยกจากเอลซ่าโดยสมบูรณ์และเธอได้เห็นวินาทีที่เอลซ่าย้ายเข้าห้องใหม่และไม่ได้ออกมาเจอใครอีกเลย เป็นเรื่องน่าเศร้าที่คนเป็นพี่น้องกันต้องเจอแบบนี้ ผมว่าองค์ราชาคิดไม่ถูกที่จะแยกเอลซ่าออกจากโลกภายนอก พระองค์ควรจะให้เธอเผชิญกับโลกภายนอกเพื่อสร้างความกล้าให้กับเธอไม่ใช่ขังเธอเอาไว้เพื่อฝึกฝนพลังของตัวเองแบบนี้ พระองค์ไม่รู้เสียแล้วว่าพลังแบบนี้มันควบคุมด้วยจิตใจและความรู้สึก

    ก๊อก ๆ ๆ !!

    “เอลซ่า...”

    ปั้นมนุษย์หิมะด้วยกันมั้ย
    ไปเล่นด้วยกันรีบมา
    ทำไมเดี๋ยวนี้ไม่ได้พบหน้า
    มาเล่นดีกว่า คล้ายๆ ว่าพี่จากไกล
    เราเคยเป็นเพื่อนที่แสนดี แต่วันนี้ก็เปลี่ยน
    อยากขอพี่บอกให้เข้าใจ~~~~
    ปั้นมนุษย์หิมะด้วยกันมั้ย
    ไม่ชอบก็เล่นอย่างอื่นก็ยังได้


    “ไปให้พ้นอันนา...”

    “งั้นไม่กวน...”

     
    ปั้นมนุษย์หิมะด้วยกันมั้ย
    หรือไม่ก็เล่นขี่รถรีบมา
    สงสัยฉันเหงาแบบนี้นานแล้วสิท่า
    ดูเหมือนฉันเริ่มพูดจาเพ้อเจ้อกับรูปทั้งห­ลาย (สู้ต่อไปโจน)
    ทนไปในห้องที่ว่างเปล่า นั่งดูนาฬิกา
    ฟังเสียงดังยิ่งฟังใจหาย...

       เวลาผ่านไป3ปีแล้ว ผมเฝ้ามองเอลซ่าควบคุมพลังของตัวเองอยู่ตลอดเวลา แต่จนป่านนี้เธอก็ยังควบคุมไม่ได้เสียที ทุกครั้งที่เธอลองใช้พลังเธอจะมีท่าทีประหม่า ตื่นกลัวทำให้ควบคุมพลังของตัวเองไม่ได้ และต่อให้ผมพยายามพูดอธิบายวิธีควบคุมพลังของเธอไปยังไงเธอก็ไม่ได้ยินผมหรอก

       ส่วนอันนา... เธอร้องเพลงชวนพี่ออกมาเล่นเป็นเวลา3ปีไม่มีเบื่อ ราชาและราชินีพยายามหาอะไรใหม่ ๆ มาให้เธอเล่นอยู่เสมอแต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอหายเหงา เธอยังคงมาชวนเอลซ่าไปเล่นหิมะเสมอแม้ในหน้าร้อน ผมว่าที่เธอทำแบบนั้นอาจจะเป็นเพราะปอยผมสีขาวส่วนเล็ก ๆ ที่ผมทำเอาไว้เมื่อ3ปีที่แล้ว แม้เป็นเศษเสี้ยวความทรงจำเล็ก ๆ แต่มันก็มีค่ามากสำหรับอันนา กลับกันเพราะเหตุนี้แหละเอลซ่าถึงไม่ยอมออกมาเผชิญโลกภายนอก ทุกครั้งที่อันนาชวนเธอไปเล่นหิมะความทรงจำเลวร้ายจะผุดขึ้นมาในหัวเธอเสมอทำให้เธอตื่นกลัวเข้าไปกันใหญ่ ทำเอาผมรู้สึกผิดไปเลยที่ทำให้อันนาเหลือความทรงจำเอาไว้จี้จุดเอลซ่าได้ หรือว่าโทรลเฒ่าตนนั้นควรจะลบความทรงจำของเอลซ่าไปด้วยตั้งแต่3ปีที่แล้วนะ?

                     พี่อยู่ในนั้นเบื่อมั้ย
                     ใครๆ ก็ถามที่พี่หายหน้า
                     ฉันรู้ฉันต้องสู้ และเรียนรู้ความกล้า
                     จะเคียงข้างทุกเวลา เปิดมาได้มั้ย
                     เรามีกันอยู่แค่นี้ไง
                     พี่กับน้องสองคน
                     ต้องทนต้องทำอย่างไร
                     ...ปั้นมนุษย์หิมะด้วยกันมั้ย

      7ปีผ่านไปไวเหมือนโกหก ราชาและราชินีต้องไปทำธุระต่างเมืองโดยเดินทางด้วยเรือสำเภา แต่โชคร้ายที่เรือเกิดอับปางทั้งสองจึงเสียชีวิตในทะเลโดยไม่พบศพ เอลซ่าสวมชุดไว้ทุกข์สีดำแต่ก็ยังไม่ออกจากห้องแม้อันนาจะมาร้องเพลงชวนเธอให้ออกมา แต่ก็ไม่ได้เคาะประตูเป็นจังหวะรู้กันพี่น้องเหมือนแต่ก่อนแล้ว

      การควบคุมพลังของเอลซ่าแย่ลงทุกที ยิ่งเธอมาสูญเสียพ่อแม่เอาตอนนี้ยิ่งทำให้อะไร ๆ ก็ดูแย่ น้ำแข็งเกาะอยู่ทั่วห้องล้อมรอบตัวเธอ ผมนั่งข้าง ๆ เธอไม่เปิดปากพูดอะไร ส่วนหนึ่งคือผมปลอบใครไม่เป็นและต่อให้ผมพูดเธอก็ไม่ได้ยินผม(ย้ำเป็นรอบที่ร้อย) ตอนนี้เธออายุ18แต่ก็ยังไม่ถึงวัยที่จะครองราชย์ เหลือเวลาอีก3ปีที่เธอจะควบคุมพลังของตัวเองให้ได้ เธอสวมถุงมือไว้ตลอดเวลาเพื่อปกปิดพลังของเธอเอาไว้แต่ผมว่าสักวันเธอก็ต้อง เปิดเผยมันออกมาอยู่ดี เพราะการปกปิดมันไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุแต่เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ซึ่งนอกจากจะไม่ช่วยอะไรแล้วยังทำให้ทุกอย่างแย่ลง...

     

    อา... ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันราชาภิเษกของเอลซ่า เธอยืนอยู่หน้ากระจกมาตั้งแต่เช้า ถือถ้วยและเชิงเทียนไว้ในมืออยู่หลายรอบ และทุกครั้งที่มีน้ำแข็งเกาะเธอจะรีบวางมันลงทันที ผมก็ไม่เข้าใจเท่าไหร่ว่าเธอกำลังทำอะไรจึงเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ ... อืม... นี่คงเป็นหนึ่งในพิธีที่เธอจะต้องทำก่อนจะรับตำแหน่งราชินีแน่ ๆ เลย

    “ปกปิดไว้... อย่ารู้สึก...”เธอพึมพัมออกมาซึ่งถ้าคุณอ่านจนถึงตอนนี้คุณคงรู้ว่ามันใช้ไม่ได้ผลและมันจะยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลง

    ว่าไงนะ? ให้ผมใช้พลังของผมช่วยเธอ? คุณก็รู้ว่าผมมีพลังในการสร้างน้ำแข็งไม่ใช่ละลายน้ำแข็ง ถ้าเป็นน้ำแข็งที่ผมสร้างขึ้นมาเองก็พอได้แต่นี่มันไม่ใช่ เพราะงั้นผมก็ไม่รู้จะช่วยเธออย่างไรแล้วล่ะ

     

    อย่างมากก็ภาวนา...

     

    ผมออกจากห้องเอลซ่าหยุดอยู่ที่หน้าห้องอันนา ไม่บอกก็รู้ว่าเธอยังไม่ตื่นเพราะงั้นเข้าไปคงไม่โดนข้อหาไอ้โรคจิตหรอกมั้ง ผมค่อย ๆ เดินเข้าไปดูให้แน่ใจว่าเธอยังไม่ตื่นและก็จริง เธอนอนขดตัวอยู่บนเตียงเอาผ้าห่มคลุมโปงไม่เหมือนเจ้าหญิงในเทพนิยายหวานแหววที่สวยแม้กระทั่งตอนนอน

    “องค์หญิงอันนา ตื่นได้แล้วพะย่ะค่ะ”จู่ ๆ ก็มีเสนานายหนึ่งมาเคาะประตูห้องปลุกเธอ อันนาหยัดกายลุกขึ้นมาจากเตียง... โอ้ไม่ สภาพเธอตอนนี้ดูเลวร้ายมาก นั่นผมหรือรังนกกันเนี่ย?

    “ไม่ต้องปลุก ๆ ข้าตื่นของข้าตั้งนานแล้ว...”เธอปดเสนานายนั้นก่อนเผลอหลับไปอีกพักหนึ่ง

    “นั่นใคร!!”เธอตะโกนถามเสนาที่อยู่ด้านนอก

    “เอ่อ... กระหม่อมคนเดิมเองพะย่ะค่ะ องค์หญิงอันนานี่มันวันราชาภิเษกของพี่สาวพระองค์นะพะย่ะค่ะ”เสนานายนั้นตะโกนเข้ามาเตือนอันนา เธอยังไม่ตื่นดีนักกำลังมึน ๆ งง ๆ อยู่เลย

    “วันราชาภิเษก... ของพี่สาวฉัน... วันราชาภิเษก!!”เธอเด้งตัวขึ้นจากเตียงไปอาบน้ำ คงได้เวลาผมจะออกจากห้องแล้วสิ...

    ผมยืนรอเธอแต่งตัวเสร็จอยู่หน้าห้อง ผมนับถือสกิลในการแต่งตัวของผู้หญิงเลย เห็นสภาพอันนาดูไม่ได้อย่างนั้นเวลาเธอแต่งตัวเธอน่ารักมากเลยนะ นี่สินะไก่งามเพราะขนคนงามเพราะแต่ง

    “วันนี้วันราชาภิเษก!!”อันนาแต่งตัวเสร็จแล้ว เธอตะโกนเสียงดังลั่นทางเดินทันทีเดินออกมาพ้นประตูห้อง จับมือนางในคนนั้น คนนี้ย้ำใหญ่เลยว่าวันนี้วันราชาภิเษก ท่าทางจะอยากเจอเอลซ่ามากนะเนี่ย

    ประตูและหน้าต่างเปิดเต็มบาน รู้ว่าเขาไม่ได้เปิดมานาน
       เห็นว่าเรามีจานสลัดพันใบ
       กี่ปีที่มองห้องโถงเวิ้งว้าง มีห้องเต้นรำแล้วปล่อยให้ว่าง
       แล้วสุดท้ายเปิดให้ผู้คนหลั่งไหล

       จะได้เจอผู้คนเป็นๆบ้าง มันก็ยังเกินจะเข้าใจ
       แต่ฉันก็พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ

       นี่เป็นครั้งแรกที่รอมาเนิ่นนาน มีประดับไฟ มีดนตรี
       เป็นครั้งแรกที่รอมาเนิ่นนาน จะได้เต้นทั้งคืนสักที
       ทำไมเพ้อหรือเพี้ยนขนาดนั้น ใจมันพองโตเหลือหลาย
       นี่เป็นครั้งแรกที่รอมาเนิ่นนาน ฉันไม่ต้องเดียวดาย

       อดใจรอพบทุกคนไม่ไหวแล้ว
       แล้วถ้าหากฉันได้เจอคนที่ใช่หล่ะ

       เวลาเราเดินในกระโปรงฟูฟ่อง หรือริ้วระบายชายเด่นฝาห้อง
       เป็นภาพที่ชวนจับจ้องมองสุดหรูหรา
       ทันใดก็ได้เห็นเป็นภาพของเขา หนุ่มน้อยรูปงามสง่าไม่เบา
       หยิบจ้วงหยิบเอาแต่ช๊อคโกแลตใส่หน้า

       จะได้หัวเราะพูดคุยกันทั้งคืน คงสดชื่นไม่เหมือนที่เคย
       ทำสิ่งที่ชีวิตไม่ได้ทำเลย

       เป็นครั้งแรกที่รอมาเนิ่นนาน คงสนุกกันกว่าเคยเป็น
       เป็นครั้งแรกที่รอมาเนิ่นนาน มีใครสักคนที่ยังมองเห็น
       ก็รู้ดีว่าออกจะเพ้อเจ้อ ว่าอาจได้เจอรักแท้
       แต่เป็นครั้งแรกที่รอมาเนิ่นนาน และฉันก็ยังไม่แน่

    ผมมองเธอเดินร้องเพลงไปตามทางเดิน ดูแล้วเหมือนเจ้าหญิงโลกสวยในนิทานดี แต่เธอก็เป็นเจ้าหญิงนี่หว่า... ส่วนเรื่องโลกสวยนั่นผมจะไม่ยุ่ง ตอนนี้ผมต้องไปดูเอลซ่าไม่รู้ซ้อมถือเครื่องราชย์ไปถึงไหนแล้ว

    อย่าเปิดใจไป อย่าให้เขาเห็น
       ต้องเป็นคนดีอย่างที่เขาสอนให้เป็น อย่าคิด ปิดไว้
       ซ่อนมันให้พ้น ถ้าพลาดครั้งอาจรู้กันทั่วทุกคน
       คงจะมีแต่เพียงวันนี้ ทนรอเท่าไหร่ไม่รู้ สั่งให้เขาเตรียมพร้อมจะเปิด ประตู

       ผมว่าที่เธอบอกว่าทนรอเท่าไหร่ไม่รู้นี่หมายถึงรอให้ปิดประตูอีกครั้งเสียมากกว่า เธอดูไม่อยากให้วันนี้มาถึงเลย ต้องโทษราชาและราชินีที่ทำให้เธอชินกับการอยู่คนเดียวอย่างถาวรซึ่งนั่นไม่ดีเลย นี่มันพ่อแม่รังแกฉันชัด ๆ

    เป็นครั้งแรกที่รอมาเนิ่นนาน
       อย่าเปิดใจไป อย่าให้เขารู้
       ที่จะได้สิ่งที่คอยฝันหา
       ต้องเป็นคนดีอย่างที่เขาสอนให้เป็น
       โอกาสเปลี่ยนแปลงโลกอันเงียบเหงา
       อย่าคิด
       ให้รักแท้จริงเข้ามา
       ปกปิดในใจอย่าให้เขารู้

       คงสิ้นสุดจบที่พรุ่งนี้ ในวันเดียวต้องตามพบเขา
       นี่เป็นครั้งแรกที่รอมาเนิ่นนาน เป็นครั้งแรกที่รอแสนเนิ่นนาน
       ไม่มีใคร หยุดเรา

     

    ตอนนี้เอลซ่าเดินลงไปเตรียมตัวในห้องโถงสำหรับทำพิธีราชาภิเษกแม้เธอจะยังไม่พร้อมก็ตามที สักขีพยานหลายสิบชีวิตมารวมตัวกันในห้องโถงนี้เพื่อรับรู้ในการขึ้นรับตำแหน่งราชินีของเธอ ผมเองก็เช่นกัน หน้าเธอดูซีด ๆ และมีความตื่นกลัวเล็ก ๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

    อันนาไม่รู้ไปที่ไหน จนป่านนี้เธอยังมาไม่ถึงห้องโถง ผมว่าเธอต้องไปเถลไถลในเมืองอยู่แน่ ๆ ไม่ใช่ว่าลืมนะว่าพี่ตัวเองจะเข้ารับตำแหน่งวันนี้ไม่ใช่พรุ่งนี้

    เหง่ง~~~~ หง่าง~~~~

    เสียงระฆังตีบอกเวลาเริ่มพิธี อันนาเปิกประตูพรวดเข้ามาในห้องเพื่อร่วมพิธี เธอยืนอยู่ข้าง ๆ เอลซ่าแต่ก็ไม่ได้คุยอะไรกันเลย เดี๋ยวสิ... เธอมองแต่ผู้ชายนี่หว่า!?

    เมื่อถึงเวลาสำคัญ เอลซ่าถอดถุงมือออกเพื่อถือเครื่องราชย์ทำพิธีเข้ารับตำแหน่งราชินีแห่งเอเรนเดล เกล็ดหิมะทำท่าจะเริ่มเกาะเครื่องราชย์ทำให้เอลซ่าเกิดอาการตื่นตกใจขึ้นมา ผมใช้มือปัดเกล็ดหิมะออกอย่างรวดเร็วให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ จนในที่สุดเธอก็วางเครื่องราชย์ลงและใส่ถุงมือตามเดิมโดยไม่มีใครรู้ว่าเธอมีพลังพิเศษ เอาเข้าจริง ๆ ผมก็ช่วยเธออยู่ดีถึงจะแค่ช่วยปัดเกล็ดหิมะออกก็เถอะ นี่ถ้าผมไม่ปัดออกมันคงเกาะเครื่องราชย์ไปทั่วแล้วล่ะมั้ง

    เอลซ่าใช้เวลาอยู่ในห้องนอนจนถึงค่ำที่เป็นเวลางานเลี้ยงเต้นรำ เธอออกไปร่วมงานอย่างจำยอมและนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอได้คุยกับอันนา

    “ไง”เอลซ่าตัดสินใจทักอันนาก่อน

    “พี่... ทักฉันหรือ?”อันนาถามด้วยความมึนงง เอลซ่าพยักหน้าให้ บรรยากาศแบบนี้น่าหงุดหงิดเป็นบ้าเลย เป็นพี่น้องกันแท้ ๆ ทำไมมาอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ใส่กันแบบนี้ล่ะ

    “วันนี้เธอสวยนะ”เอลซ่าชมน้องสาวตัวเองเพื่อลดความตึงเครียด

    “ขอบคุณค่ะ แต่พี่ก็สวยนะ สวยกว่าฉันอีก แบบว่า... พี่สวยมาก...”ผมเบื่อบรรยากาศน่าอึดอัดแบบนี้จัง

    “เฮ้อ... ปาร์ตี้จริง ๆ มันเป็นแบบนี้เองสินะ”แน่ล่ะอยู่ในห้องคนเดียวมาตั้งหลายปี

    “อุ่นหนาฝาคั่งกว่าที่คิดเนอะ”อันนาตอบเหมือนคุ้นชินกับบรรยากาศแล้ว

    “แล้วนั่นกลิ่นอะไรหอม ๆ น่ะ?”เอลซ่ามองหาต้นตอของกลิ่น อันนาก็เริ่มได้กลิ่นเหมือนกัน เป็นกลิ่นที่ทั้งคู่คุ้นเคย

    “ช็อกโกแล็ต!!”สองพี่น้องพูดออกมาพร้อมกัน ถ้าผมจำไม่ผิดตอนเด็ก ๆ สองคนนี้จะชอบแอบไปเอาช็อกโกแล็ตในครัวมากินเล่นกันประจำ จนโตแล้วก็ยังชอบช็อกโกแล็ตกันอยู่

    งานเลี้ยงดำเนินไปอย่างสนุกสนาน บรรยากาศไม่ดีระหว่างอันนาและเอลซ่าหายไปแล้ว เอลซ่าแกล้งอันนาโดยการกล่าวเชิญให้ดยุคแห่งวีเซิลตันมาเป็นคู่เต้นรำกับอันนา อันนาเต้นจนหัวหมุนและเซถลาไปหาผู้ชายคนหนึ่ง คนเดียวกับที่เธอจ้องมองในห้องโถงระหว่างทำพิธีราชาภิเษก

    ระหว่างที่เอลซ่ามัวแต่ก้มโค้งให้ผู้มาเยือนทั้งหลายผมเกิดรู้สึกเบื่อขึ้นมาจึงไปตามหาอันนาแต่เมื่อกี้ผมยังเห็นเธออยู่ที่ระเบียงอยู่เลยนะ แล้วตอนนี้เธอหายไปไหนกัน?

    ผมตามหาอันนารอบวัง จนสุดท้ายก็ต้องลอยขึ้นไปบนฟ้าเพื่อตามหาเธอแล้วก็ได้เจอเธออยู่บริเวณน้ำตกกับผู้ชายคนเดิม หมอนี่เป็นใครแล้วไปปิ๊งกันตอนไหนล่ะเนี่ย? ด้วยความอยากรู้อยากเห็นผมจึงเข้าไปฟังใกล้ ๆ ว่าทั้งคู่คุยอะไรกัน อันที่จริงผมไม่ใช่พวกที่ชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้านนักหรอกแค่คราวนี้มันจำเป็น

    “ข้าขอพูดอะไรบ้า ๆ ได้ไหม? แต่งงานกันข้านะ!!”ชายคนนั้นขออันาแต่งงาน ผมล่ะกลัวจริง ๆ ว่าอันนาจะตอบตกลง

    “งั้นขอพูดอะไรที่บ้ากว่านะ... ตกลง!!”คุณพระ... สุดท้ายอันนาก็ตัดสินใจแต่งงานกับหนุ่มหน้ามนที่เพิ่งเจอกันได้วันเดียว ผมว่าถ้าอันนาบอกเรื่องนี้กับเอลซ่าคุณพี่เธอคงไม่ปลื้มสักเท่าไหร่ แน่นอนว่าผมก็ห้ามอะไรไม่ได้อีกตามเคยจนพวกคุณเริ่มมองผมว่าไร้ประโยชน์แล้วสินะ

    อันนาวิ่งกลับไปที่ปราสาทพร้อมหนุ่มหน้ามนที่เธอเพิ่งจะตอบตกลงแต่งงานกับเขาไปเมื่อครู่ เอลซ่าแม้จะยังไม่รู้เรื่องแต่พอเห็นน้องสาวพาผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้เดินเข้ามาหาเธอก็ออกอาการหน้านิ่ว คิ้วขมวดทันที เมฆฝนเริ่มก่อตัวแต่ผมว่าแบบนี้มันไม่น่าจะใช่แค่ฝน มันน่าจะเป็นพายุฤดูร้อนมากกว่า

    “พี่คะ นี่เจ้าชายฮานส์แห่งเกาะทะเลใต้”อันนาแนะนำตัวผู้ชายคนนั้น เอลซ่าพยายามเก็บอาการสุดฤทธิ์ไม่เหวี่ยงวีน

    “พี่คะ คือเราสองคนจะแต่งงานกันค่ะ!!”เวรแล้วไง... แม้ตอนนี้เอลซ่าจะรู้แล้วแต่เธอก็พยายามถามย้ำเพื่อความแน่ใจ แต่ ณ จุดนี้ผมว่าไม่ต้องย้ำหรอกเพราะหลักฐานมันคาตาผมอยู่

    “ฮะ!?

    “คือหนูยังไม่ได้คิดรายละเอียด แต่น่าจะมีเค้ก ไอศกรีม แล้วก็...”ไม่ทันที่อันนาจะพูดจบเอลซ่าก็ดูท่าว่าจะฟิวส์ขาดเสียแล้ว เธอเบรกความคิดของอันนาเอาไว้ด้วยการปฏิเสธคำขอของอันนา

    “จะไม่มีใครแต่งงานทั้งนั้นอันนา พี่ขอคุยกับเธอเป็นการส่วนตัวได้ไหม?”อันนาที่เพิ่งจะโดนพี่สาวตัวเองปฏิเสธไม่ให้เธอแต่งงานก็มีอารมณ์เหมือนกัน เธอแสดงความไม่พอใจอย่างออกนอกหน้าและตะโกนใส่เอลซ่าต่อหน้าธารกำนัล

    “พี่มีอะไรจะคุยกับหนูก็คุยตรงนี้เลยสิคะ พูดต่อหน้าฮานส์ด้วยเลย”ผมว่าหมอนี่มันแปลก ๆ ไม่มีปากเสียง ไม่มีความเห็น หมอนี่เนี่ยนะจะรักอันนาจริง ๆ

    “ก็ได้... เธอจะแต่งงานกับคนที่เพิ่งพบกันวันแรกไม่ได้”เอลซ่าบอกความในใจของเธอให้อันนารับรู้ อันนาถึงกับช็อกแต่ก็ยังมีแรงจะเถียงกับเอลซ่าอยู่

    “ได้แน่เพราะมันคือรักแท้!!

    “เธอรู้จักรักแท้ดีแค่ไหนอันนา?”

    “ดีกว่าพี่ที่รู้จักแค่ปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอกแล้วกัน”อันนาจี้จุดตายของเอลซ่าที่ทำให้เธอถึงกับสะดุ้งขึ้นมาได้ เธอพยายามปั้นสีหน้าให้นิ่งที่สุดพูดคุยกับอันนาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

    “เธอมาขออนุญาตพี่และคำตอบของพี่ก็คือไม่ ปาร์ตี้เลิกแล้วปิดประตูวังซะ”เอลซ่าหันหลังให้อันนาก่อนสั่งทหารให้ปิดประตูวังตามเดิม อันนาไม่ยอมให้ทุกอย่างจบลงแบบนี้ เธอดึงดันจะแต่งงานกับผู้ชายคนนี้เสียให้ได้ ผมล่ะเชื่อจริง ๆ ว่าจะมีคนที่ไขว่คว้าหารักแท้ รักแรกพบแบบอันนาอยู่ด้วย

    “เดี๋ยวก่อนสิคะพี่!!”อันนาวิ่งมากระชากถุงมือของเอลซ่าออก ผมว่าคราวนี้ผมต้องเสี่ยงเข้าไปจับมือเธอเพื่อป้องกันพลังของเธอจะออกอาลาวาดเสียแล้ว แต่ก็ไม่เป็นเพราะผมแตะต้องตัวเธอไม่ได้ อารมณ์ของเอลซ่าในตอนนี้พร้อมที่จะระเบิดพลังทำลายทุกอย่างได้ในพริบตาแต่ผมจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นแน่ ๆ

    “เอาถุงมือพี่คืนมานะอันนา!!”เอลซ่าร้องขอถุงมือคืน แต่อันนากลับชักมือหนีไม่ยอมคืนให้

    “พี่คะหนูขอร้อง หนูอยู่แบบนี้ไม่ได้หรอกนะคะ...”อันนาทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ อารมณ์ของเอลซ่าตอนนี้แปรปรวนจนไม่รู้จะเรียกว่าอะไร ทั้งกังวล สับสน ทรมาน หวาดกลัว ขอร้องล่ะอันนาอย่าพูดจายั่วโมโหพี่สาเธอไปมากกว่านี้เลย...

    “งั้นเธอก็ไปซะสิ...”เอลซ่าไล่อันนาอย่างเย็นชา เหล่าธารกำนัลหันมามองเป็นสายตาเดียวกัน

    “หนูไม่เข้าใจว่าหนูทำอะไรผิด ทำไมพี่ต้องปิดกั้นตัวเองจากหนูด้วย?”โอ้... พอเถอะอันนา

    “พอได้แล้วอันนา...”

    “ทำไมพี่ต้องปิดกั้นตัวเองออกจากคนอื่น... ทำไมพี่ต้องปิดกั้นโลกของตัวเองกับโลกของทุกคนด้วย...”

    “พี่บอกว่าพอได้แล้วไง!!”เอลซ่าระเบิกพลังน้ำแข็งกลางห้องโถง ผมเคาะไม้เท้าลงกับพื้นครั้งนึงไม่ให้เกล็ดน้ำแข็งหนามที่เธอสร้างขึ้นกระจายไปทั่วห้อง ให้มันอยู่ในบริเวณล้อมรอบตัวเธอก็พอแล้ว

    เอลซ่าตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เธอพยายามวิ่งหนีสุดชีวิต ผมพยายามฝ่าดงหนามน้ำแข็งโดยใช้เวลานานพอที่จะได้ยินดยุคแห่งวีเซิลตันออกคำสั่งให้ทหารผู้ติดตาม2คนออกไล่ล่าเอลซ่า

    ผมตามเอลซ่าจนมาถึงหน้าพระราชวัง ประชาชนมากมายรายล้อมเธออยู่ยิ่งทำให้เธอตื่นกลัว จนในที่สุดเธอก็พลั้งเผลอใช้เวทย์มนตร์ทำให้น้ำพุกลายเป็นน้ำแข็งต่อหน้าประชาชน และยังไม่พอเธอยังปล่อยพลังใส่พื้นหน้าปราสาทจนดยุคแห่งวีเซิลตันลื่นล้มก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้น

    เธอหนี... หนีเร็วเท่าที่เธอจะหนีได้ หนีจากอันนา หนีจากผู้คน หนีจากทหารที่ตามตัวเธอ จนเธอมาสุดที่สายน้ำที่กั้นระหว่างทางออกหลังปราสาทกับป่าสนผมไม่รู้หรอกว่าพลังของเธอมีมากพอจะทำให้เธอเดินบนน้ำได้หรือไม่ ผมจึงสร้างทางน้ำแข็งให้เธอหนีและค่อย ๆ ละลายมันด้วยไม้เท้าเพื่อไม่ให้อันนาตามมา ถามว่าทำไมผมต้องทำแบบนั้น? ก็เพื่อให้เอลซ่าอยู่ห่างจากอันนาคนที่กดดันเธอจนความลับที่เธอปิดมา10กว่าปีต้องเปิดเผย มันจะดีกว่านี้ถ้าเปิดเผยไปแล้วไม่มีคนตราหน้าเธอว่าเป็น ปิศาจ

    ผมลอยนำหน้าเธอ คอยเคลียร์ทางให้เธอหนีไปให้ไกลผู้คนที่สุด ไม่ใช่ว่าผมต้องการให้เธอปกปิดพลังของตัวเองอีกครั้ง ผมแค่ต้องการให้เธออยู่กับตัวเอง ทำความเข้าใจกับพลังของตัวเอง และผมจะพาเธอกลับมาเมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว ในขณะนั้น...

    ผมหันหลังกลับไปดูเอเรนเดล พื้นน้ำแข็งที่ผมสร้างให้เธอหนีควรละลายไปได้แล้ว แต่ตอนนี้มันกลับแผ่กระจายไปทั่วเอเรนเดลทำให้เกิดเหตุอาเพศหิมะตกในฤดูร้อน และถ้าผมเข้าใจไม่ผิดพลังของผมคงถูกพลังของเธอดูดกลืนทำให้เวทย์น้ำแข็งของเธอแข็งแกร่งยิ่งขึ้นขนาดทำให้เกิดเหตุวิบัติแบบนี้ได้...

    ผมทำอะไรลงไป...
     

    ******************************
     

    Free Talk :

    ตอนพิเศษจะแบ่งเป็น2พาร์ทค่ะ สปอยกันรุนแรงมากเลยสำหรับตอนพิเศษ(แม้จะมีจินตนาการของไรต์แฝงไปบ้างก็ตาม) ส่วนตอนหน้าจะลงเมื่อไหร่ เม้นครบเท่าไหร่ถึงจะลงคราวนี้ไม่บอกแล้วกันค่ะ เดี๋ยวจะปั้มเม้นกันอีก เอาเป็นว่าถ้าถึงเวลาไรต์จะลงเองค่ะ แล้วช่วงนี้กรดไหลย้อนกลายเป็นโรคประจำตัวไรต์ไปแล้ว ต้องการกำลังใจจากรีดเดอร์ค่ะ(เกี่ยว?)

    ตอนนี้ไรต์กำลังจิ้นAEON(Ada x Leon)อยู่ค่ะ คาดว่าอีกไม่นานคงได้ปล่อยโปรเจ็คผู้หญิงล้างโลก(ลาร่า ครอฟท์+เอด้า หว่อง+จูเลียต สตาร์ลิ่ง+บาโยเน็ตต้า)ออกมาให้ลองอ่านกันค่ะ ระหว่างนี้อ่านเจลซ่ากันไปก่อนเนอะ ส่วนสุภาพบุรุษไททันนั่นเขียนยากค่ะ เขียนไปได้ไม่กี่ตอนก็รู้สึกไม่ชอบเลยลบพิมพ์ใหม่หมดเลยแต่ได้อ่านแน่ค่ะ ยังไงก็ฝากรีดเดอร์ช่วยติดตามกันต่อไปนะคะ ขอบคุณและสวัสดีค่ะ

    ปล.ถ้าช่วงนี้ไรต์อัพไม่ค่อยถี่เหมือเมื่อก่อนก็อย่าตกใจนะคะ ไรต์ติดเกมค่ะ55555555555555

    ปลล.ไรต์อยากลองอ่านคำนิยมของรีดเดอร์ดูบ้างค่ะ อยากรู้ว่ารู้สึกยังไงกับฟิคเรื่องนี้

    ปลลล.ทยอยแก้คำผิดแล้วนะคะ ขอบคุณที่เข้ามาเตือนกันค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×