ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic JackFrost x Elsa] Warming winter

    ลำดับตอนที่ #16 : 15th Hour : Catch me if you can

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.32K
      50
      1 เม.ย. 57

    ยามเช้าอันเงียบสงัด เอลซ่ากำลังติดอยู่ในที่ ๆ เธอไม่รู้จัก มันทั้งมืด ทั้งเงียบ อันที่จริงมันก็หนาวด้วยแต่ว่าความหนาวไม่ทำให้เธอเดือดร้อนซักเท่าไหร่เพราะงั้นข้ามไป เธอเพิ่งจะตื่นจากนิทราและเหมือนจะจำได้ลาง ๆ ว่าเธอถูกลากมาโดยบุรุษชุดดำปริศนา

    “ที่นี่... ที่ไหน... ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”เอลซ่าพึมพำกับตัวเอง เธอถูกขังอยู่ในกรงเหล็กสีดำสนิทมีสนิทติดมือเธอขึ้นมาประปรายบ่งบอกว่าไม่ได้ใช้มาซักพักแล้ว ยิ่งมองไปรอบ ๆ ก็ยิ่งงงว่าที่นี่มันที่ไหน

    เธอเดินไปรอบ ๆ กรงเนื่องจากเดินออกไปไหนนอกกรงไม่ได้ พยายามสอดส่องหาอะไรซักอย่างที่พอจะบอกได้ว่าเธออยู่ที่ไหน แต่มองไปก็เห็นแต่เศษซากปรักหักพังที่ถูกทิ้งขว้างไปทั่ว เธอพยายามยื่นหน้าออกจากกรงเผื่อจะเห็นอะไรได้มากขึ้น และเธอก็ได้พบกับช่องระบายลมที่อยู่บนสุด มันเป็นทางออกจากเดียวของเธอในตอนนี้

    เธอใช้พลังน้ำแข็งแช่เหล็กที่ขึ้นสนิมเป็นเวลานานเพื่อทำให้มันเปราะและเธอจะได้หลบหนีได้ แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามอย่างไรก็ไม่เป็นผล แม้เหล็กจะเย็นเพียงไรก็ไม่มีอาการจะเปราะ แตก หรือหักแม้แต่น้อย จนในที่สุดเธอก็ถอดใจทรุดนั่งลงตรงนั้นเพื่อรอความตาย

    “ตื่นแล้วเหรอองค์ราชินี”บุรุษชุดดำเดินเข้ามาทักทายเธอ เขานี่เองคนที่พาเธอมาที่นี่ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาคือใครหรือพาเธอมาที่นี่ทำไม และเธอต้องการจะรู้ทุกอย่างเดี๋ยวนี้

    “คุณเป็นใคร? พาฉันมาที่นี่ทำไม?”เธอถามคำถามที่เธอต้องการจะรู้ บุรุษปริศนาหัวเราะร่วนในคอก่อนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกจนน่าใจหาย

    “ข้ามีนามว่าพิชแบล็คหรือที่พวกเจ้ารู้จักกันในนามบู้กกี้แมน ส่วนที่ว่าข้าพาเจ้ามาที่นี่ทำไม ที่แน่ ๆ ข้าคงไม่พาเจ้ามาเพราะพิศวาสตัวเจ้าหรอกสาวน้อย”เอลซ่าชักสีหน้าประหลาดใจ บู้กกี้แมนคือผีใต้เตียงในนิทานที่เธอเคยฟังตอนเด็ก ๆ ไม่น่าจะมีอยู่จริง หรือถ้ามีอยู่จริงทำไมเธอถึงเห็นเขาได้?

    ทันทีที่รู้ตัวว่าถูกพิชมองหน้า เอลซ่าก็รู้ได้ทันทีว่าเธอมองเห็นเขาได้อย่างไร หลักการทั้งหมดก็เหมือนกับที่เธอมองเห็นแจ็คฟรอสต์ แต่ที่เธอสงสัยคือเธอไปศรัทธาผีใต้เตียงอย่างพิชตอนไหน ไอ้หมอนี่ไม่ได้มีอะไรน่าศรัทธาเลยซักนิด

    “เจ้าคงสงสัยล่ะสิว่ามองเห็นข้าได้อย่างไรโดยที่ตัวเจ้าเองก็ไม่ได้ศรัทธาในตัวข้า”แม้จะแอบแปลกใจอยู่นิดหน่อยว่าทำไมพิชจึงอ่านความคิดเธออออก แต่เธอก็สงสัยเรื่องนั้นจริง ๆ นั่นแหละ

    “บู้กกี้แมนหรือผีใต้เตียงในความคิดของเด็ก ๆ เกิดจากความกลัว และการที่จะมองเห็นบู้กกี้ก็มีอยู่2ทางคือเชื่อมั่นในตัวเขาหรือไม่ก็สร้างความกลัวขึ้นมาทีละเล็ก ทีละน้อย และสุดท้ายเจ้าก็จะมองเห็นบู้กกี้แมน”เอลซ่าถึงบางอ้อทันทีที่พิชอธิบาย แต่เธอก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเธอยังกลัวอะไรอยู่อีก ทั้งปมในอดีตของเธออย่างเรื่องพลังวิเศษที่คุมไม่ได้ หรือความสัมพันธ์พี่น้องที่สั่นคลอนมาถึง13ปีก็ถูกคลี่คลายแล้ว เธอยังจะเหลืออะไรให้กลัวอีก?

     

    ความสัมพันธ์พี่น้องหรือ...?

    หรือว่าจะเป็นอันนา!?

     

    “ดูเหมือนจะรู้สึกตัวแล้วสินะ”พิชปั่นหัวเอลซ่าโดยการทำตัวแว้บไป แว้บมาเหมือนกับผีให้เธอสับสน

    “แล้วข้าจะบอกให้ว่าเจ้าไม่ได้มีเรื่องที่กลัวเพียงเรื่องเดียว เจ้ามีอีกเรื่องหนึ่งที่กลัวไม่แพ้กัน แต่ข้าจะไม่บอกเพราะอีกเดี๋ยวเจ้าก็จะรู้ตัวเอง หึ ๆ ๆ และไม่ต้องห่วงนะเพราะเจ้าจะกลัวเรื่องนั้นได้อีกไม่นานหรอก เพราะข้าจะทำให้ความกลัวของเจ้าสิ้นสุดเอง”นอกจากเรื่องอันนาแล้วเธอก็ไม่รู้จะกลัวเรื่องอะไรอีก อาณาจักร? ประชาชน? แจ็ค?

     

     

    แจ็ค...

     

     

    แจ็ค!!

     

     

    และเมื่อเอลซ่ารู้สึกตัวพิชก็ได้หายไปแล้ว ดูจากท่าทางการพูดเขาคือปิศาจร้ายที่น่ากลัวและดีไม่ดีเขากำลังจะไปฆ่าแจ็ค แต่เธอทำอะไรไม่ได้แค่ออกจากกรงเธอยังไม่มีปัญญาเลย แล้วจะนับประสาอะไรกับไปช่วยแจ็ค

    ตอนนี้เอลซ่ากำลังมืดแปดด้านและเธอมีโอกาสจะเข้าโหมดดาร์กได้ทุกเมื่อ เธอกลั้นน้ำตาเอาไว้พยายามฝืนใจไม่ร้องไห้เพราะต่อให้ร้องไปก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น เธอจ้องมือตัวเองอยู่ซักพักเผื่อว่าจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น เผื่อว่าพลังในตัวเธอจะทำงานตามสันชาติญาณเหมือนกับตอนที่สร้างปราสาทบนยอดเขานั่น

    เธอลดมือลงไปจับชายกระโปรง พร้อมเพ่งไปยังลายปักรูปเกล็ดหิมะอันเป็นสัญลักษณ์ของเธอและดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ จะเป็นไปได้ไหมถ้าเธอจะลองใช้เวทย์มนตร์เสกใส่เกล็ดหิมะแบบแจ็คและให้มันลอยไปหาเขาเพื่อเตือนให้แจ็คระวังพิชเอาไว้ ใช่แล้ว!! นี่เป็นทางเดียวที่จะเตือนแจ็คได้แม้ตัวเธอจะถูกขังอยู่ก็ตาม

    เกล็ดน้ำแข็งใสปรากฏต่อหน้าเธอ เอลซ่าพยายามใส่ข้อความและความทรงจำของเธอลงในเกล็ดหิมะและสั่งให้มันลอยไปหาแจ็คที่เอเรนเดลล์ เธอมองเกล็ดหิมะของเธอปลิวลอดช่องลมหายไปลับสายตา

     

    แจ็คเดินวนไป วนมาในห้องทำงานของเอลซ่า ร่องรอยน้ำแข็งที่เกาะเกรอะกรังยังไม่ละลายหายไปไหน ตอนนี้เหล่าผู้พิทักษ์ทั้ง4มารวมตัวกันครุ่นคิดเรื่องของเอลซ่า แต่คนที่ร้อนใจที่สุดแน่นอนว่าเป็นแจ็ค

    “เจ้าจะเอายังไงต่อแจ็ค? จะตามรอยน้ำแข็งไปเลยหรือจะวางแผนกันก่อน?”ทูธถามอย่างใจเย็น เธอมองตามรอยน้ำแข็งที่นำไปยังปราสาทของเอลซ่าบนยอดเขา ตอนนี้ใคร ๆ ก็คิดว่าเอลซ่าถูกจับไว้ที่นั่น

    “วางแผนทำไม? ยังไงพิชมันก็หมาลอบกัดแผนอะไรก็ใช้กับมันไม่ได้ผลหรอก”บันนี่โพลงขึ้นมาเสียงดัง แม้จะสร้างความไม่พอใจให้ทูธแต่เธอก็ยอมรับว่าที่บันนี่พูดมันก็จริง กับหมาลอบกัดมีทางเดียวคือต้องกัดมันก่อน แต่วิธีนี้มันไม่ใช่สไตล์ของพวกเขาเลย

    “ยังไงก็ต้องวางแผน แล้วต้องวางให้รัดกุมเพื่อให้มั่นใจว่าเอลซ่าจะปลอดภัย”หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ทำเอาแจ็คลืมความเกรียนไปชั่วคราว เขาทำตัวพึ่งพาได้เป็นครั้งแรกในรอบหลายร้อยปีทำเอาบันนี่ถึงกับตกใจ

    “เฮ้ย ๆ ๆ แจ็คอยู่หรือเปล่า? ฉันว่านี่คงไม่ใช่ไอ้เกรียนตัวจริงซะล่ะมั้ง”ไม่ว่าบันนี่จะยั่วโมโหอย่างไรแจ็คก็ไม่มีอารมณ์จะฟาดงวง ฟาดงากับเขาหรอก เขามีสิ่งที่ห่วงยิ่งกว่าคือเอลซ่าและตอนนี้เขาต้องวางแผนไปช่วยเธอ ส่วนเรื่องบันนี่ค่อยเก็บมาคิดบัญชีรวบยอดทีหลัง

    “ไม่เอาน่าบันนี่ จริงอย่างที่แจ็คว่าเราต้องวางแผนกันก่อน”คนที่มีอำนาจในการต่อรองมากที่สุดอย่างนอร์ทพูดขึ้นพลางก้มหัวราวกับใช้ความคิด

    “ปิ๊งล่ะ!! เราต้องหาทางแอบเข้าไปช่วยเอลซ่าออกมาก่อน แล้วจากนั้นค่อยเคลียร์เรื่องพิช”พูดน่ะง่าย แต่ทำน่ะยาก แม้ที่นอร์ทพูดจะฟังดูดีแต่ถ้าทำไม่ได้มันก็เป็นได้แค่ความคิดที่ที่ไม่มีประโยชน์อะไรจริง ๆ จัง ๆ

    “ว่าไงนะ? ท่านจะบ้าหรือ? เราจะไปช่วยเอลซ่าไม่ได้ถ้าไม่มีแผน ถ้าพิชเกิดวางกับดักเอาไว้ล่ะจะทำยังไง?”บทจะฉลาดก็ฉลาดขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ก็แบบนี้แหละความรักมักทำให้คนฉลาดขึ้นในบางเวลา แม้เราจะเคยได้ยินแต่คำว่าความรักทำให้คนตาบอดก็ตาม

    “เราก็แอบเข้าไปยังไงล่ะ ใช้วิธีเหมือนพวกทหาร มีคนดูลาดเลาคนนึง มีตัวล่อคนนึง แล้วที่เหลือก็ไปช่วยเอลซ่า ไปแบบเงียบ ๆ รับรองไม่โดนจับได้”แจ็คส่ายหน้าทันทีกับวิธีของพ่อเฒ่า ถ้าที่ ๆ ปลอดภัยที่สุดคือที่ ๆ อันตรายที่สุดฉันใด วิธีที่ปลอดภัยที่สุดก็คือวิธีที่อันตรายที่สุดฉันนั้น แม้จะไม่มีทางเลือกอื่นแต่นี่คือชีวิตของเอลซ่า และชีวิตของเขา

    “ไม่มีทาง มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนอร์ท”เขายังคงปฏิเสธต่อไป ในหัวรู้ดีว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ แต่กลับไม่รู้วิธีว่าจะทำอย่างไรให้เอลซ่าปลอดภัย

    ตอนนี้ความคิดในหัวตีกันไปหมด ทั้งอยากจะออกไปเดี๋ยวนี้ ทั้งอยากจะอยู่รอดูสถานการณ์ แจ็คพยายามควบคุมสติเอาไว้ไม่ให้เตลิดไปไหนเพราะถ้าเกิดเขาคุมสติไม่อยู่คงจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแน่ ๆ แจ็คสัมผัสได้ เหล่าเทพผู้พิทักษ์ยืนมองแจ็คเดินวนไป วนมาใช้ความคิดรอบห้อง แต่ยิ่งมองก็ยิ่งมึนหัว ถ้าเดินแล้วมันคิดอะไรไม่ออกไม่ต้องเดินจะดีกว่าไหม?

    “นี่แจ็ค ข้ารู้ว่าเจ้าอยากไปช่วยเอลซ่า แต่ก็มีแต่วิธีของนอร์ทเท่านั้นที่เรานึกออก ทำตามนั้นเถอะนะแล้วค่อยคิดเอาดาบหน้า”ทูธใช้น้ำเย็นเข้าลูบ ตอนนี้สถานการณ์บีบบังคับให้แจ็คต้องไปเอาดาบหน้าเสียก่อนไม่เช่นนั้นอาจจะสายเกินไป แม้อีกใจจะไม่อยากทำเลยก็ตาม

    “ก็ได้... แต่พวกท่านต้องรับรองก่อนว่านางจะปลอดภัย ข้าไม่อยากเสียนางไป...”แม้แจ็คจะเกรียนเพียงใดแต่ยามคับขันหรือภาวะจวนตัวเขาก็เหมือนทุกคน ห่วงสวัสดิภาพคนที่รักเป็นอันดับแรกและจุดนั้นก็ทำให้เหล่าผู้พิทักษ์เห็นใจและยอมลบภาพเทพหนุ่มสุดเกรียนในอดีตทิ้งไป

    “ข้ารับรองเอง ด้วยเกียรติแห่งกระต่ายอีสเตอร์”บันนี่เสนอตัวรับรอง แม้เขาจะไม่ค่อยถูกกับแจ็คแต่เรื่องนี้เขายอมให้เลย แต่ก็แค่เรื่องเดียวเท่านั้นแหละ

    “งั้นจะรอช้าอะไร รีบไปกันเลย!!”นอร์ทกระโดดออกนอกหน้าต่างไปคนแรกเดินนำไปยังเลื่อนที่จอดทิ้งเอาไว้ในป่าสน ทั้ง5ขึ้นไปบนเลื่อนพร้อมแล้วที่จะออกเดินทางไปยังปราสาทน้ำแข็งของเอลซ่าตามร่องรอยที่เธอทิ้งไว้

    การเดินทางครั้งนี้นอร์ทไม่ใช้ลูกแก้วหิมะนำทางเพราะอาจทำให้พิกัดคลาดเคลื่อน เลื่อนยักษ์ค่อย ๆ ลอยตามเศษน้ำแข็งตามทางไป ผ่านหุบเขาของพวกโทรลล์ และลานน้ำแข็งที่มีคนงานกำลังขุดเจาะน้ำแข็งอยู่ตั้งแต่เช้ามืด ระหว่างการเดินทางมีสิ่งหน้าแต่ภิรมย์ทั้งนั้น ผิดกับความเป็นจริงที่อยู่ดี ๆ ราชินีแห่งเอเรนเดลล์ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยและไม่มีใครออกตามหา

     

    แต่อันนั้นก็เพราะว่าไม่รู้แหละเนอะ!!

     

    ☄➴”มนุษย์ทรายอยู่ ๆ ก็ทำให้แจ็คใจเสีย เขาคิดว่าร่องรอยน้ำแข็งนี่จะเป็นกับดักของพิชไม่ใช่ฝีมือเอลซ่าจริง ๆ

    “แล้วพิชจะทำแบบนั้นทำไม? ข้าว่านี่แหละร่องรอยน้ำแข็งของเอลซ่า พิชมันสร้างน้ำแข็งไม่ได้นะแซนดี้อย่าลืมสิ”ได้ยินดังนั้นมนุษย์ทรายจึงยักไหล่ประมาณว่า มันก็ไม่แน่หรอกนะ ใช่สิไม่มีอะไรแน่นอน และชีวิตของเอลซ่าก็กำลังแขวนบนเส้นด้าย พวกผู้พิทักษ์นี่กำลังจริงจังอยู่หรือเปล่าเนี่ยอยากรู้

    “จริงของแจ็คนะแซนดี้ ข้าว่าพิชมันตั้งใจให้เอลซ่าทิ้งร่องรอยไว้แล้วกะเผชิญหน้ากับตัวต่อตัวมากกว่า ไม่งั้นน้ำแข็งพวกนี้คงไม่พาเรามุ่งหน้าไปยังปราสาทหรอก”บางครั้งก็มากไปนะ... แซนดี้เริ่มมีน้ำโหเพราะตอนนี้ไม่มีใครฟังเขาเลย อย่าลืมสิว่าทั้งเขาทั้งพิชมีพลังในการสร้างฝันเหมือนกัน ของแบบนี้รู้ไต๋กันดี

    ในที่สุดเลื่อนของนอร์ทก็มาจอดเทียบท่าที่บันไดทางขึ้นปราสาทของเอลซ่าพอดีเด๊ะ ปราสาทยังคงสวยงามอยู่เพราะเอลซ่าชอบขึ้นมาพักผ่อนคนเดียวอยู่ที่นี่ประจำจึงมีการบูรณะ ซ่อมแซมบ่อยครั้งทำให้ปราสาทดูไม่เก่าเลย แจ็คเดินนำขึ้นไปคนแรก ตามด้วยบันนี่ ทูธ นอร์ท และแซนดี้ตามลำดับ

    “เดี๋ยวก่อน บันนี่ท่านอยู่เฝ้าที่นี่เถอะ”แจ็คขอร้องบันนี่ ทำเอากระต่ายอีสเตอร์หน้าเหวอด้วยความมึนงง

    “หา!? ทำไมต้องข้าล่ะไอ้เกรียน?”บันนี่ถามแจ็คต่อ และเขาก็มีเหตุผลสมควรว่าทำไมบันนี่จึงึควรอยู่ที่นี่เพื่อดูลาดเลา

    “ท่านหูดีและวิ่งเร็ว ถ้าเกิดอะไรขึ้นท่านก็สามารถวิ่งมาบอกพวกเราได้ทันเวลา ท่านแหละเหมาะจะเป็นยามเฝ้าประตูที่สุดแล้ว”แม้คำว่ายามเฝ้าประตูจะฟังดูไม่หรูหราหรือไฮคลาสอะไรเท่าไหร่นัก แต่เพราะเหตุผลนี้ก็ทำให้บันนี่ต้องจำยอมนั่งเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ที่ตีนบันไดจนได้

    ภายในปราสาทยังคงสวยงาม ไม่มีร่องรอยความเสียหาย หรือก็หมายความว่าเอลซ่าและพิชไม่ได้สู้กันในนี้ แจ็คต้องหาเอลซ่าให้เจอก่อนที่พิชจะจับได้ว่าพวกเขาบุกมาชิงตัวเอลซ่าถึงปราสาทแห่งนี้

    พูดไม่ทันขาดคำพิชก็โผล่ออกมา แม้จะไม่ได้มาเผชิญหน้าแบบตัวต่อตัวแต่แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเป็นเขา เงามืดค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้นสามารถคลุมทับตัวเหล่าผู้พิทักษ์ได้ 4คนที่เหลือต่างพากันหยิบอาวุธของตัวเองออกมา ไม่มีใครตะโกนเรียกบันนี่ที่อยู่ข้างนอกสักแอะ

    “น่าประทับใจจริง ๆ อุตส่าห์มาถึงที่นี่”พิชทักทายด้วยสำเนียงสุดสยองที่แค่ฟังก็ขนลุกเกรียวจนฝันร้ายไปหลายคืน  แจ็คหมุนตัวรอบพยายามหาว่าพิชตัวจริงอยู่ที่ไหน

    “ส่งเอลซ่าคืนมานะพิช แล้วมาสู้กับข้าตัวต่อตัว!!”แจ็คฟาดไม้เท้าไปที่เงา แต่ก็แน่นอนว่ามันไม่ได้ผลเพราะอย่างที่บอกมันเป็นแค่เงา

    “ส่งคืน? ข้าก็อยากส่งให้อยู่นะ แต่ว่าบังเอิญนางไม่ได้อยู่ที่นี่หรอก”

    “หมายความว่ายังไงไม่อยู่ที่นี่?”แจ็คถามย้ำอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ

    “ก็หมายความตามตรงฟรอสต์ นางไม่ได้อยู่ที่นี่ เศษน้ำแข็งนี่ข้าแค่ล่อพวกเจ้ามาเฉย ๆ แถมพวกเจ้าก็ติดกับข้าด้วย”ทุกคนตาโตเป็นไข่ห่านทันทีที่ได้ยิน ตอนนี้ทุกคนเพิ่งจะรู้ตัวว่าตนถูกหลอกเสียแล้ว และต้องรีบออกไปก่อนที่พิชจะจับพวกเขาใส่กรง

    ทั้ง4พยายามวิ่งไปที่ประตูทางออกแต่ก็ไม่ทัน มนุษย์หิมะยักษ์มาร์ชเมลโล่ที่ตอนนี้ถูกพิชควบคุมเอาไว้ด้วยฝันร้ายเข้ามาขวางทางทั้ง4เอาไว้จนไปไหนไม่ได้ พอจะวิ่งหนีก็ถูกจับเอาเสียได้ แจ็คพยายามดิ้นสุดแรงจนออกจากพันธนาการของมาร์ชเมลโล่ได้ แต่เมื่อเขาคิดที่จะช่วยทุกคนก็ถูกนอร์ทห้ามไว้

    “หนีไปแจ็ค!! ไปช่วยเอลซ่าซะ ไปกับบันนี่!!”นอร์ทตะโกนสุดเสียงทำให้แจ็คไปต่อไม่ถูก เขาเลือกที่จะทำตามที่นอร์ทสั่งเอาไว้คือหนีไปพร้อมกับบันนี่แล้วค่อยหาทางช่วยเอลซ่าทีหลัง เพราะยังไงพิชก็บอกว่าเอลซ่าคือแหล่งพลังงานความกลัวของตนอยู่แล้ว คงไม่กล้าทำอะไรเอลซ่าถึงตายแน่ ๆ

    “แจ็ค!? เกิดอะไรขึ้นข้างใน!?”บันนี่ที่อยู่ข้างนอกไม่รู้เรื่อง รู้ราวกับใครถึงกับงงที่แจ็คลอยละลิ่วออกมาคนเดียว แจ็คไม่มีเวลาอธิบายเขาสั่งให้บันนี่เปิดโพรงกระต่ายทันที

    “ไม่มีเวลาแล้ว เปิดโพรงกระต่ายเร็วบันนี่!!

    “ห๊ะ!? มาสั่งแบบนี้แล้วจะให้ข้าเปิดไปที่ไหน...”

    “ที่ไหนก็ได้ เปิดไปก่อน!! เร็ว!!”บันนี่กระทืบเท้าเพื่อเปิดโพรงกระต่าย ทั้งคู่กระโดดลงไปในนั้นและเมื่อออกมาก็พบว่าเป็นรังของบันนี่นั่นเอง ที่นี่แหละเหม่าจะคิดแผนที่สุดแล้ว

    “ข้าเปิดโพรงกระต่ายให้แล้ว เล่ามาว่าเกิดอะไรขึ้นข้างใน”กระต่ายอีสเตอร์ทวงสัญญาทันทีที่หน้าที่ของตัวเองเสร็จสิ้น

    “ก็... พิชบอกว่าเอลซ่าไม่ได้อยู่ในปราสาท...”

    “หมายความว่าไงไม่อยู่? กับดักงั้นเหรอ?”ตอนนี้เต็มไปด้วยเรื่องไม่เข้าใจเต็มไปหมด บันนี่ขยี้หัวอย่างอารมณ์เสีย รู้แบบนี้น่าจะเชื่อแซนดี้เสียตั้งแต่แรก

    “พิชจับทูธ นอร์ท แล้วก็แซนดี้เอาไว้ นอร์ทสั่งให้ข้าหนีออกมาแล้วหาทางช่วยเอลซ่ากับเจ้า”ยิ่งได้ฟังประโยคเมื่อกี้แล้วบันนี่ลมแทบจับ จะให้มาทำงานร่วมกับคนที่ทำลายวันอีสเตอร์น่ะหรือ? มันใช่เรื่องไหมล่ะ?

    “ฟังข้านะไอ้เกรียน ถึงข้าจะไม่ค่อยชอบขี้หน้าเจ้า แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวพันกับเหล่าผู้พิทักษ์และราชินีหิมะเพราะงั้นข้าจะยอมร่วมมือกับเจ้าก็ได้ ถึงจะไม่เต็มใจก็เถอะ”ในที่สุดบันนี่ก็ยอมวางทิฐิลงจนได้ แจ็คกระตุกยิ้มทันที่พร้อมยื่นมือของเขาไปจับมือบันนี่เป็นการผูกมิตรในเบื้องต้น

    ในสภาวะคับขันนั้นไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูที่ถาวร บางทีศัตรูที่เกลียดกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อนเมื่อมาเจอสถานการณ์ที่ลำบากเหมือนกันแล้วอาจจะเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังเท้าก็ได้ใครจะรู้ และในบางพล็อตก็อาจพัฒนากลายเป็นความรัก แต่บังเอิญว่าฟิคชั่นชุดนี้ไม่ใช่ฟิควายจึงไม่มีการเปลี่ยนคู่กะทันหันเด็ดขาด เพราะสิ่งที่สร้างมาคู่กันไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ยังคงคู่กันไม่เปลี่ยนแปลง

     

    ***************************

    Free Talk :

    กลับมาเมืองไทยแทนที่จะขยันอัพฟิคก็ไม่เลย หนีไปเล่นเกมซะงั้น 555 ไรต์ต้องขออภัยทุกท่านนะคะที่ให้รอ อันที่จริงตอนนี้กะอัพตั้งนานแล้วเคยเขียนไปในทวิตทีนึง แต่สุดท้ายวันนั้นก็ไม่ได้อัพเพราะไปทำงานกลับดึก กลับมาปุ๊บนอนปั๊บ เครื่องสำอางก็ไม่ได้ล้างค่ะ(อี๋)

    พรุ่งนี้ไรต์คงหนีไปเคลียร์เกมต่อค่ะ เดือนมีนานี่ไม่รู้เป็นอะไร เกมส่วนใหญ่จะชอบออกวางจำหน่ายเดือนนี้ ไรต์เลยมีเกมที่ต้องเคลียร์อีกเพียบ แถมเกมที่เล่นจบไปก็ดันไม่เข้าใจเนื้อเรื่องต้องมานั่งสรุป นั่งแปลอีกตลบค่ะ ถ้าถามว่าเกมอะไร? เกมนี้เลยค่ะ Bioshock Infinite : Burial at Sea EP.2 โปรดิวซ์เกมบอกว่าพาร์ทนี้จะเป็นตัวคลายปริศนาทั้งหมดตั้งแต่ภาค 1 แต่ไรต์เล่นจบแล้วดันไม่เข้าใจค่ะ อัพเสร็จขอตัวไปอ่านสปอยในบอร์ดฝรั่งต่อนะคะ บายค่ะ

    ปล.วัน ๆ เล่นแต่เกม กะไม่ฟิคแล้วใช่มั้ย!?

    ปลล.เข้าใจตัวเกมเมื่อไหร่จะกลับมาอัพต่อนะคะ (//โดนรีดเดอร์ตบ)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×