ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic JackFrost x Elsa] Warming winter

    ลำดับตอนที่ #21 : 20th Hour : The End?

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.68K
      46
      4 ม.ค. 58

    ฝาก>>>เพจ<<<ของไรต์ด้วยนะค้า

    ร่างของเอลซ่าถูกพามาส่งที่ปราสาทหลังสลบไปการการต่อสู้กับผู้พิทักษ์ในปราสาทบนภูเขาน้ำแข็ง อันนาจับมือพี่สาวแน่นเธอไม่รู้สึกเหมือนกับว่าพี่สาวเธอมีเลือดมีเนื้อเลย ตอนนี้มือเอลซ่าเย็นมากและแข็งเป็นน้ำแข็ง ปลายนิ้วเริ่มใสราวกับว่าเธอกลายเป็นก้อนน้ำแข็งจริง ๆ ไปแล้

    “ระวังหน่อยนะอันนาอย่าให้ส่วนที่เป็นน้ำแข็งหัก ข้าว่าเจ้าคงยังอยากได้พี่สาวที่กลับมาครบ32”นอร์ทกล่าวเตือนอันนาจนเธอถึงกับรีบปล่อยมือพี่สาวในทันทีเพราะกลัวว่าความซุ่มซ่ามของตนเองนั้นจะทำให้พี่สาวกลับมาไม่ครบ32

    “พอจะมีวิธีช่วยนางมั้ย?”ทูธเอ่ยถามผู้อาวุโสประจำกลุ่ม

    “มีสิ เรื่องกล้วย ๆ ผู้พิทักษ์สามารถช่วยเหลือทุกคนที่มีศรัทธาในตัวเขาได้เสมอ เอาล่ะทั้ง4คนมาล้อมรอบเตียง!!”เขากวักมือเรียกทูธ แซนดี้ และบันนี่ให้มาจับมือเขาและยืนล้อมรอบเตียงของเอลซ่าเพื่อทำพิธีคลายคำสาปให้เธอ

    “เอาล่ะทุกคน คราวนี้เพ่งจิตไปที่ร่างกายของเอลซ่าให้ดี ๆ เพราะเราจะทำแบบนี้ได้แค่100ปีครั้งเท่านั้น ถ้าพิธีกรรมในครั้งนี้ล้มเหลวเราจะไม่มีทางได้เอลซ่ากลับมาอีกเลยจำไว้”คำพูดปลุกใจของนอร์ททำให้ทุกคนดูจริงจังขึ้นกว่าปกติเป็นเท่าตัว ผู้เฒ่าบีบมือเป็นสัญญาณให้ทุกคนเริ่มเพ่งจิตส่งพลังถอนคำสาปให้เอลซ่า อันนายืนลุ้นพิธีกรรมอยู่ปลายเตียงกับแจ็คหวังให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี

    กระแสจิตที่เหล่าผู้พิทักษ์ส่งถึงเอลซ่าเป็นละอองสีทองลายล้อมรอบตัวเธอ มือที่เป็นน้ำแข็งค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาพเดิมช้า ๆ บันนี่แม้จะมีอาการบาดเจ็บจากการต่อสู้อยู่ก็ยังฝืนทำพิธีต่อไปเพราะรู้ว่าเอลซ่าสำคัญกับทั้งแจ็คและอันนามากแค่ไหน ทุกอย่างกำลังไปได้สวยจนกระทั่ง...

     

    “ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ!!

     

    เสียงหัวเราะของพิช แบล็คดังกึกก้องทั่วห้องนอนของเอลซ่า ทรายสีดำล้อมรอบกายเหล่าผู้พิทักษ์จนทุกคนเผลอปล่อยมือแล้วจับอาวุธเข้าสู้กับกลุ่มทรายก้อนนั้นพร้อมกันอย่าไม่ได้นัดหมาย ซักพักกลุ่มทรายก็หายไปและคำสาปของพิชก็กระเด็นออกจากร่างของเอลซ่าและพุ่งไปหาอันนาอย่างรวดเร็ว

    “ก... เกิดอะไรขึ้น... ฉัน... อันนา!!”เอลซ่าที่เพิ่งฟื้นตัวจากคำสาปลุกจากเตียงไปประคองกอดอันนาไว้ในอ้อมแขน เธอไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้น้องสาวของเธอร่างกายแข็งเหมือนน้ำแข็งไปแล้ว

    “เกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวฉันแจ็ค!?”เธอถามเสียงดังเหมือนคนสติแตก

    “พวกนอร์ทกำลังจะช่วยถอนคำสาปให้เจ้า แต่... แต่อยู่ดี ๆ ก็มีทรายของพิชพัดเข้ามาโจมตีพวกเรา พิธีเลยล่มคำสาปกระเด็นไปถูกอันนาแทน...”แจ็คพยายามอธิบาย เอลซ่าร้องไห้ฟูมฟายไม่ได้ยินเสียงใด ๆ ในโสตประสาททั้งสิ้น

    “ใจเย็น ๆ ก่อนเอลซ่า เรื่องทุกอย่างเป็นอุบัติเหตุ แก้ไขได้อยู่แล้ว...”บุคคลที่สามอย่างนอร์ทพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบให้เอลซ่าใจเย็นลงบ้าง เมื่อเธอรู้สึกสงบลงก็กลับมาร้องไห้ฟูมฟายเหมือนเดิม

    “เอลซ่า... คือ... พวกเราไม่ได้ตั้งใจ... พวกเราคิดว่าพิชมันสลายร่างไปแล้วจริง ๆ”กระต่ายอีสเตอร์เดินเข้ามาขอโทษเธออย่างรู้สึกผิดที่พวกตนนั้นไม่รอบคอบมากกว่านี้

    “ทำยังไงดีนอร์ท พิธีกรรมในรอบ100ปีล่มไปแล้ว ยังมีวิธิแก้อีกมั้ย?”

    “มันต้องมีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าข้าจำไม่ได้... นางเป็นคนที่สองในรอบหลายร้อยปีที่เป็น... แบบนี้...”ทางด้านผู้อาวุโสก็ถึงกับจนปัญญาเพราะนึกวิธีที่จะช่วยอันนาไม่ออก แล้วในกลุ่มนี้ถ้านอร์ทไม่รู้ก็ไม่มีใครที่จะรู้อีกแล้ว

    “งั้นลองหาจากหนังสือในห้องสมุดดูมั้ยล่ะ มันจะต้องมีเรื่องเกี่ยวกับตำนานแปลก ๆ อยู่บ้างแน่ ๆ”แจ็คออกความคิดเห็น และทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยกับเขา

    “เดี๋ยวก่อนสิ ถ้าไปห้องสมุดกันหมดแล้วใครจะอยู่เฝ้าอันนา?”นางฟ้าฟันทักท้วงถึงเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดขึ้นมา แม้จะจัดการกับทรายทมิฬของพิชไปแล้วแต่เปอร์เซ็นต์ที่เขาจะกลับมานั้นก็ยังมีอยู่ ดังนั้นจึงต้องหาคนเฝ้าร่างอันนาเอาไว้เพื่อความปลอดภัย

    “งั้นข้าเอง ให้กระต่ายขาหักไปเดินหาหนังสือคงไม่ไหว แต่ถ้าจะให้นั่งเฉย ๆ เฝ้าคนป่วยล่ะก็สบายมาก”เมื่อทุกคนเห็นว่าบันนี่เป็นคนรับอาสาเฝ้าอันนาให้ก็สบายใจ แม้ร่างกายเขาจะยังไม่พร้อมแต่ก็ดีกว่าให้เขาไปเดินหาหนังสือให้เสี่ยงพิการหนักกว่าเดิมอย่างที่เขาว่าจริง ๆ

    “ถ้างั้นฝากน้องสาวฉันด้วยนะ ทุกคนคะตามฉันมา...”เจ้าของปราสาทเปิดประตูห้องนอนแล้วมุ่งหน้าไปยังห้องสมุดพร้อมกับผู้พิทักษ์ทั้ง3และแจ็คฟรอสต์ ตอนนี้ทุกคนมีสีหน้าเหมือนกันคือกำลังกังวลใจแต่คนที่ดูจะหนักที่สุดเห็นจะเป็นเอลซ่าเพราะเธอไม่อาจทำใจเห็นน้องสาวจากไปต่อหน้า ต่อตาได้ แจ็คฟรอสต์ที่ควรจะมีสีหน้ากังวลใจไม่แพ้เอลซ่ากลับแสดงสีหน้าราวกับรู้อะไรบางอย่างแต่เก็บไว้ไม่บอกใคร ทูธเองก็เหมือนจะสังเกตเห็นเหมือนกัน

    “นี่แหละค่ะห้องสมุด หนังสือเกี่ยวกับตำนานหลัก ๆ จะอยู่ทางด้านนั้น แต่ก็มีที่กระจายไปตามชั้นต่าง ๆ เยอะเหมือนกัน...”

    “ว่าแต่ห้องสมุดที่นี่ไม่มีบรรณารักษ์เหรอ?”ผู้อาวุโสเอ่ยถามพร้อมจับดาบไว้อย่างกับมันเป็นไม้ค้ำยันคนแก่

    “มีนะคะ แต่น่าจะไม่อยู่เพราะวันนี้เป็นวันคริสต์มาส...”

    “วันคริสต์มาสเหรอ? แล้วนี่เจ้าไม่ต้องไปส่งของขวัญเหรอนอร์ท?”ทูธถามพร้อมทำเสียงตกใจ เพราะลำพังเธอยังมีธิดาน้อยคอยช่วยเหลือ แต่นอร์ทนี่สิจะให้ใครไปส่งของขวัญแทนเขา? คงไม่ได้ให้เยติไปส่งแทนใช่มั้ย...

    “ส่งไปจะครึ่งโลกแล้ว ส่งไปตั้งแต่ก่อนมาตามหาเอลซ่ากับพวกเจ้าอีก!! ไม่ต้องห่วงเรื่องของขวัญหรอก ห่วงเรื่องเอลซ่าก่อนดีกว่า...”เมื่อพูดจบเขาก็ตรงดิ่งไปยังชั้นหนังสือที่มีแต่หนังสือเล่มใหญ่ ๆ ปกสวย ๆ เต็มไปหมดเพราะเดาจากลักษณะรูปเล่มแล้วดูใกล้เคียงกับการเป็นหนังสือเกี่ยวกับตำนานมากที่สุด

    เมื่อมีคนเปิดก็ต้องมีคนตาม อีก5คนที่เหลือจึงแยกกันไปหาหนังสือคนละทาง ทูธให้ธิดาน้อยที่ติดตามเธอมา3ตัวช่วยหาหนังสือด้วย เอลซ่าอ่านชื่อหนังสือทีละเล่ม แล้วเมื่อเห็นว่าเล่มไหนน่าจะมีเนื้อหาที่ต้องการจึงหยิบมาเปิดดู แซนดี้ใช้ทรายสร้างฝันแทนมือเพื่อให้ค้นหาหนังสือได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น ส่วนแจ็คได้แต่ลอยเคว้งคว้างอ่านแค่ชื่อหนังสือตรงสันปกโดยไม่คิดจะหยิบมันขึ้นมาอ่านซักนิดเดียว

    “หาหนังสือโดยไม่อ่านเนื้อในแบบนั้นเจ้าคิดว่ามันจะหาเจอเหรอแจ็ค?”เขาหันหน้าตามเสียงกล่าวเตือนของทูธที่ดังมาจากอีกฟากหนึ่งของห้องสมุด เขาไม่ได้ใส่ใจในคำเตือนของทูธมากนักยังคงหาหนังสือที่เขาต้องการต่อไป

    หนังสือในห้องสมุดมันเยอะเสียจนแม้แต่เอลซ่าเองเผลอคิดไปแวบหนึ่งว่าใช้ทั้งชีวิตจะหาเจอมั้ย เพียงแต่ว่าสภาพของอันนาดูจะไม่ได้มีเวลามากขนาดนั้นดังนั้นแม้จะท้อกับปริมาณหนังสือที่มากเพียงใดเธอก็จะหยุดหาไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว ความเป็นความตายของน้องสาวเธอขึ้นอยู่กับหนังสือเหล่านี้เท่านั้น

    “เจอแล้ว!!”แจ็คตะโกนเสียงดังดึงความสนใจจากทุกคนในห้องสุด ทั้งหมดกรูเข้ามาหาแจ็คเพื่อดูหน้าตาของหนังสือเจ้าปัญหาที่ค้นทั้งห้องสมุดมาเกือบชั่วโมง

    “เจ้ารู้ได้ไงว่าเป็นเล่มนี้?”เพราะตามดูแจ็คอยู่ตลอดทูธจึงนึกสงสัยว่าเขารู้ได้ไงทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเปิดดูเนื้อในหนังสือแม้แต่เล่มเดียว

    “เชื่อข้าสิ เล่มนี้แหละ...”ในเมื่อแจ็คยืนยันขนาดนี้ทุกคนก็ว่าอะไรไม่ได้ เขายื่นหนังสือให้นอร์ทผู้อาวุโสที่สุดในกลุ่มเป็นคนเปิดมัน ผู้เฒ่ารับหนังสือมากรีดเลือกดูทีละหน้าจนพบกับหน้าที่เขียนหัวข้อเอาไว้ว่า’Spirit’s Rebirth’ซึ่งดูไม่ค่อยใกล้เคียงกับสิ่งที่ทุกคนต้องการจะหาซักเท่าไหร่แต่ราวกับว่ามีพลังงานอะไรบางอย่างมาดลใจ นอร์ทค่อย ๆ อ่านหัวข้อนี้ช้า ๆ ทีละย่อหน้า

     

    Spirit’s Rebirth

    การเกิดใหม่ของดวงวิญญาณ

    กล่าวถึงในเรื่องวิญญาณเร่ร่อนข้าพเจ้ามีโอกาสได้ประสบพบเจอมามากมาย ข้าพเจ้าเคยลองถามพวกเขาเหล่านั้นว่าจะต้องทำเช่นไรพวกเขาจึงจะได้ไปเกิดในภพภูมิอื่น แน่นอนว่าวิญญาณเร่ร่อนเหล่านั้นต่างไม่รู้ถึงคำตอบนี้ จนกระทั่งวันหนึ่งข้าพเจ้าได้มีโอกาสมาพบกับวิญญาณบรรพชนที่สิงสถิตอยู่ในต้นสนป่าอายุกว่าร้อยปี ข้าพเจ้าได้สนทนากับวิญญาณบรรพชนดวงนั้นเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้คำตอบจากวิญญาณบรรพชนว่า...

    “ดวงวิญญาณผู้หลงทางอยู่ในที่ไม่ใช่โลกของตัวเองนั้นต่างมีสาเหตุเดียวกัน คือ พวกเขาติดอยู่เพื่อ”รอใครบางคน”รอที่จะช่วยให้คน ๆ นั้นผ่านพ้นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตไปได้ และหากทำสำเร็จดวงวิญญาณจะได้รับการปลดปล่อย และไปเกิดใหม่ในภพภูมิที่ถูกที่ควร”

     

    หลังจากอ่านจบไป2ย่อหน้าสมองของนอร์ทก็แล่นเร็วจี๋ ภาพในอดีตของแจ็คผุดขึ้นมาในหัวเขาพร้อมทั้งความคิดประหลาดอย่างหนึ่ง ความคิดนั้นเป็นเพียงความคิดบ้า ๆ ที่เขาไม่คิดว่าแจ็คจะสามารถทำได้แต่หากแจ็คทำได้... การสูญเสียครั้งใหญ่จะเกิดขึ้น ผู้เฒ่าลังเลเล็กน้อยว่าจะบอกแจ็คเรื่องนี้ดีมั้ยเพราะไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็ต้องเกิดโศกนาฏกรรมขึ้นอยู่ดี

    ?”แซนดี้ส่งภาษาภาพถามนอร์ทหลังจากสังเกตได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่แสดงออกทางสีหน้าของเขา ทุกคนมองนอร์ทตาเป็นมันอย่างกับต้องการกดดันให้นอร์ทพูดในสิ่งที่รู้ออกมายกเว้นเพียงแต่แจ็คที่ดูเหมือนว่าเขาจะรู้ถึงชะตากรรมของตัวเองแล้ว

    “แจ็ค... เจ้าพร้อมแล้วใช่มั้ย?”

    “ข้าพร้อมทุกอย่าง...”เอลซ่าดูจะสับสนไม่น้อยกับบทสนทนาของทั้งคู่ แซนดี้กับทูธดูเหมือนจะเริ่มเข้าใจอะไรบ้างแล้วก็เริ่มเครียดไปด้วย

    ทั้ง5เดินกลับเข้ามาในห้องนอนของเอลซ่า ตอนนี้ช่วงแขนของอันนากลายเป็นน้ำแข็งจริง ๆ ไปแล้วและส่วนเล็บมันกำลังค่อย ๆ ละลาย บันนี่พยายามเปิดหน้าต่าง ดับเตาผิง และพัดลมเย็น ๆ เข้ามาเพื่อคงอุณหภูมิเอาไว้ไม่ให้น้ำแข็งละลาย แม้ตัวบันนี่จะเกลียดอากาศหนาวแต่ถ้ามันทำให้อันนากลับสู่ภาพเดิมครบ32เขาก็อดทนได้

    “เป็นยังไงบ้าง? เจอวิธีแก้แล้วใช่มั้ย?”บันนี่หันไปถาม6ผู้เข้ามาใหม่โดยที่มือยังไม่หยุดพัด

    “ก็ทำนองนั้น...”

    “นอร์ท ใจคอจะไม่บอกเลยใช่มั้ยว่าวิธีแก้ให้น้องสาวฉันกลับเป็นเหมือนเดิมคืออะไร?”ผู้เป็นพี่เรียกร้องให้นอร์ทบอกสิ่งที่เขารู้ให้เธอได้รับรู้ด้วย อีกฝ่ายยังทำท่าทางลำบากใจไม่เลิก บางทีเอลซ่าก็รู้สึกอึดอัดเวลาที่มีเรื่องที่คนอื่นรู้แต่เธอไม่รู้อยู่คนเดียว

    “เฮ้อ... มาถึงขนาดนี้คงต้องบอกแล้วล่ะ...”

     

     

    “แจ็คจะต้องตายเพื่อช่วยน้องสาวของเธอ...”

     

     

    เมื่อฟังจบเอลซ่าถึงกับทำหนังสือที่ถือมาด้วยหล่นลงพื้นในทันที เธอไม่คิดว่าการกลับมาของน้องสาวนั้นจะต้องแลกด้วยชีวิตของคนที่เธอรักอย่างแจ็ค ทุกคนก้มหน้าไม่สบตาเธอแม้กระทั่งแจ็ค เขารู้อยู่แล้วว่าเวลานี้จะต้องมาถึง แต่ไม่... เธอเลือกไม่ได้... ทำไมคนที่เสียสละถึงไม่เป็นเธอแทน?

    “ขอร้องข้าสิเอลซ่า...”ผู้เสียสละเรียกเธอให้หลุดจากภวังค์แห่งความเศร้าไปชั่วขณะ

    “ขอร้องข้า... ขอร้องข้าให้ช่วยอันนา... ข้าพร้อมที่จะทำเพื่อเจ้านะเอลซ่า...”

    “ไม่!! ฉันไม่ยอมให้คุณจากฉันไปอีก!! มันต้องมีทางอื่นสิน่า... บอกสิคะนอร์ทว่ามันมีทางอื่น มันมีทางช่วยอันนาโดยที่แจ็คไม่ต้องตายใช่มั้ยคะ?”ดูเหมือนว่าคำตอบจะไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าไหร่ ชายชราส่ายหน้าเป็นคำตอบให้เธอ ดวงตาสีฟ้าสดใสรื้นไปด้วยหยดน้ำตา มันค่อย ๆ ไหลลงมาช้า ๆ โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหล

    “พูดสิเอลซ่า... พูดสิ... แค่คำว่าขอร้องก็ได้น้องเจ้าจะได้กลับมา ข้าทนเห็นเจ้าร้องไห้ไม่ได้นะเอลซ่า...”

    ”แต่ถ้าอันนากลับมาคุณก็ต้องจากฉันไปน่ะสิ ฉันยังมีอีกหลายอย่างนะที่ยังอยากทำกับคุณแล้วฉันยังไม่ได้ทำเลย...”

    “ก็ทำซะสิเอลซ่า สิ่งที่คุณติดค้างผมไว้ตอนนั้น ทำมันซะแล้วขอร้องผม...ได้มั้ย?”มันเป็นสิ่งที่ยากที่สุดเท่าที่เอลซ่าเคยทำมา การจะให้จากลากับคนที่รักเพื่อแลกกับชีวิตของน้องสาวแม้ว่าสำหรับเธออันนาจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในโลก แต่เธอคงทนไม่ไหวแน่ ๆ หากแจ็คต้องจากเธอไปต่อหน้าต่อตา

     

     

    “ฉันรักคุณนะแจ็ค... ฉันรักคุณ... ได้ยินมั้ยว่าฉันรักคุณ!!

     

     

    ทั้งคู่โผเข้ากอดกันเนิ่นนาน เอลซ่าไม่อยากให้แจ็คคลายอ้อมกอดออกเลย แจ็คเองก็ไม่อยากเช่นกันแต่เขาต้องทำ เขาเป็นเพียงวิญญาณเร่ร่อนไม่มีเลือดมีเนื้อ ส่วนเอลซ่าเป็นราชินีหิมะ เป็นผู้ปกครองอาณาจักรเอเรนเดล และเธอยังมีเลือดมีเนื้อ การสละชีวิตเพื่อให้เธอมีรอยยิ้มในวันข้างหน้านั้นสำหรับเขามันคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม แม้ว่าตอนนั้นเขาจะไม่ได้อยู่เห็นรอยยิ้มของเธอก็ตาม

    “ข้าก็รักเจ้านะเอลซ่า มากกว่าอะไรในโลก... เอาล่ะ... ถึงเวลาพูดคำ ๆ นั้นแล้ว...”

     

    “ช่วยอันนาด้วยนะแจ็ค... ข... ขอร้อง...”

     

    น้ำเสียงเอลซ่าดูสั่นเทา เธอไม่อยากเอ่ยคำ ๆ นี้ มันเหมือนกับคำลาจากตลอดกาลระหว่างเธอและแจ็ค เหล่าผู้พิทักษ์จับมือแจ็คแน่นแล้วทำการสลายร่างแจ็คเพื่อไปถอนคำสาปในร่างอันนา เอลซ่าไม่กล้าแม้จะมองภาพที่แจ็คกำลังค่อย ๆ สลายร่างหายไป เธออยากจะเก็บเอาไว้แค่ความทรงจำดี ๆ แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ที่เธอและเขาได้อยู่ด้วยกัน และแล้วพิธีกรรมก็เสร็จสิ้น...

    ร่างแจ็คสลายไปแล้ว... เขาไปเกิดใหม่ในภพภูมิที่ดีตามที่หนังสือเขียนไว้ เอลซ่าปาดน้ำตาทิ้งเพราะไม่อยากให้น้องสาวที่ตื่นขึ้นมาเห็นน้ำตาของเธอ

    “เอลซ่า... พวกเราเองก็ต้องไปแล้ว...”เมื่อเสร็จหน้าที่แล้ว ทูธเป็นตัวแทนของผู้พิทักษ์ทั้ง4เพื่อบอกลาเธอ

    “อะไรนะ!? พวกคุณต้องไปจริง ๆ เหรอ?”บางครั้งเธอก็ทนรับกับการสูญเสียที่มันมากเกินไปไม่ได้ วันนี้เธอเสียแจ็คไปแล้ว นี่เหล่าผู้พิทักษ์ยังจะมาตีตัวจากเธอไปอีก จู่ ๆ ก็มาไปพร้อมกันแบบนี้มันไม่ขำเลยนะ

    “นี่เอลซ่า คือ... ฉันรู้นะว่ามันทำใจยาก แต่ว่าหลังจากนี้เธอจะต้องอยู่ให้ได้ กลับไปใช้ชีวิตกับน้องเธอเหมือนเมื่อก่อน เหมือนตอนที่ไม่มีเรา เหมือนตอนที่ไม่มีแจ็ค เธอทำได้ใช่มั้ย?”ร่างสูงใหญ่ก้าวเข้ามาหาเธอแล้วกอดเธอเอาไว้เป็นครั้งสุดท้าย เหล่าผู้พิทักษ์คนอื่นก็มาร่วมวงด้วย

    “ก็ได้ค่ะ แต่ว่า... คุณช่วยลบความจำระหว่างฉันกับแจ็คไปมั้ยคะ?”

    “หา!? นี่เธอคิดอะไรของเธอน่ะ”บันนี่เริ่มโวยวายก่อนใคร

    “ฉันแค่ไม่อยากจะเหลือความทรงจำระหว่างตัวเองกับแจ็คเอาไว้ ฉันกลัวว่าวันหนึ่งมันอาจจะกลับมาทำร้ายฉันอีก...”เหล่าผู้พิทักษ์มองหน้ากันงง ๆ แต่พวกเขาก็เข้าใจเอลซ่า ของแบบนี้จะให้ลืมเองน่ะมันยาก แต่มันก็ไม่ผิดหรอกหากเธอจะต้องการใช้ตัวช่วยให้ตัวเองลืม

    “งั้นก็ได้... แซนดี้... จัดการ...”ทั้งสามหลีกทางให้มนุษย์ทรายลอยเข้าไปหาเอลซ่า เธอกอดเทพตัวน้อยเอาไว้เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจากลา เปลือกตาเธอปิดสนิทพร้อมกับแสงจากทรายสีทองที่ส่องประกายล้อมรอบตัวเธอ และเมื่อแสงสว่างนั้นดับลง ทุกสิ่งทุกอย่างก็พลันหายไป...

    “พี่คะ?”

    FIN?

    ***************************

    Free Talk :

    เดี๋ยวก่อน!! นี่ไม่ใช่การตัดจบนะคะ ขอย้ำ!! นี่ไม่ใช่การตัดจบนะคะ แต่จะมีต่อหรือไม่มีอันนี้ก็สุดแล้วแต่ไรต์จะคิดพล็อตออกหรือไม่ออกค่ะ เอาเป็นว่าถ้าตอนหน้าเป็นOnce upon of you part 2ล่ะก็ขอให้ทำใจไว้เลยนะคะว่าฟิคเรื่องนี้ได้จบลงแล้วค่ะ

    ไรต์จะไม่บอกลานะคะเพราะยังไงนี่ก็ไม่ใช่ตอนสุดท้ายแน่ ๆ แต่ก็ขอขอบคุณทุก ๆ คนที่เป็นกำลังใจให้ไรต์มาตลอดนะคะ รู้ค่ะว่าแอบโกรธที่ไรต์ดองนาน ดองยาวแต่ตัวไรต์กลับมาแต่ละทีก็พยายามที่จะรักษาคุณภาพเอาไว้ให้เท่ากับช่วงแรก ๆ ที่เขียน ความทรงจำดี ๆ มีมากมายเหลือเกินค่ะ ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาตลอด1ปีกว่า ๆ นะคะทุกคนTT

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×