ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic JackFrost x Elsa] Warming winter

    ลำดับตอนที่ #8 : 8th Hour : 100% Accident

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.28K
      68
      23 ม.ค. 57

    แจ็คพาเอลซ่ากลับมาส่งที่เอเรนเดล เอลซ่าไม่เคยรู้สึกสนุกแบบนี้มาก่อน เธอยืนสบตากับแจ็คบนระเบียง เปิดเผยความรู้สึกในใจทั้งหมด

    “ขอบคุณนะแจ็ค เป็น3ชั่วโมงที่สนุกที่สุดในชีวิตฉันเลยล่ะ”ทั้งคู่ตะลุยเที่ยวกันมาตั้งแต่เที่ยงจนถึงบ่ายสาม เอลซ่ายืนบิดไปมาไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี

    “ข้าเต็มใจ”ทั้งคู่ยืนยิ้มให้กัน ประสานสายตากันไปมาทำท่าทางเหมือนส่งโทรจิตหากันได้ทำเอาคนอ่านหลายคนแทบลงไปแดดิ้นกับพื้น

    “ราชินีเอลซ่า!! เกิดเรื่องใหญ่แล้วพะย่ะค่ะ!!”ทหารยามคนหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในห้องของเธอ เธอหันกลับไปมองเขาด้วยความประหลาดใจ

    “เกิดอะไรขึ้น?”เธอตั้งสติถามทหารนายนั้น

    “เจ้าหญิงอันนา... ทรงได้รับบาดเจ็บพะย่ะค่ะ!!”หัวใจของเอลซ่าแตกสลาย น้องสาวผู้เป็นดั่งดวงใจมีอันต้องประสบเหตุร้าย เธอวิ่งตามทหารยามไปที่ห้องโถงใหญ่ เธอพบคริสตอฟอุ้มอันนาเอาไว้ให้อ้อมแขนรอเธอผู้เป็นพี่สาว

    “บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าน้องฉันเป็นอะไร!!”เธอตะคอกใส่ชายที่พาน้องสาวเธอมาส่ง เธอรู้แก่ใจว่านี่ไม่ใช่ฝีมือคริสตอฟแต่คนกำลังสติแตกใครจะห้ามได้

    “กระหม่อมก็ไม่รู้ อยู่ดี ๆ ต้นสนใหญ่ก็ล้มใส่นาง ข้าช่วยนางไว้ไม่ทัน... ข้าสมควรตายองค์ราชินี”คริสตอฟคุกเข่าต่อหน้าเธอขอร้องให้เธอสำเร็จโทษเขา เอลซ่าทำไม่ได้เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของเขา

    “พาอันนาไปที่ห้องนอน ฉันจะไปตามหมอหลวง”เธอกำชับชายหนุ่มเอาไว้ก่อนวิ่งไปตามหาหมอหลวงด้วยความเร็วเหนือแสง แจ็คตามเธอมาด้วยเขาพยายามที่จะดูแลไม่ให้เธอระเบิดพลังออกมา

    เอลซ่าตามหาหมอหลวงจนพบ และพาเขามาหาอันนา ผู้เป็นน้องสาวนอนสลบไสลอยู่บนเตียงโดยมีคนรักคอยกุมมืออยู่ข้าง ๆ เธอปราศจากแผลหรือร่องรอยบาดเจ็บใด ๆ เหมือนแค่สลบไปเท่านั้น

    “เจ้าหญิงได้รับการกระทบกระเทือนทางสมองอย่างรุนแรง กระหม่อมเกรงว่าอาจไม่แค่สลบไปเท่านั้น อาจจะเป็นเจ้าหญิงนิทรา...”สิ้นเสียงของหมอหลวงสมองของเอลซ่าแปรผลอย่างรวดเร็ว เป็นเจ้าหญิงนิทรา = หลับไปอย่างยาวนานไม่รู้จะตื่นเมื่อไหร่ หรือหลับไปตลอดกาล เธอไม่ยอมให้น้องสาวของเธอต้องมีจุดจบแบบนี้แน่

     

     

    อย่าให้รู้ว่าใครเป็นคนทำ แม่จะแช่แข็งหัวใจให้ดู!!

     

     

    “ท่านพอจะมีทางรักษาน้องฉันไหม?”เอลซ่ามีเพียงอำนาจสำเร็จโทษ แต่เธอไม่รู้วิธีการรักษา

    “กระหม่อมมิอาจให้คำตอบได้ฝ่าบาท เมื่อเข้าสู่สภาวะนี้แล้วต่อให้หมอหลวงอย่างข้าก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องอาศัยโชคชะตาและพระบุญญาธิการของเจ้าหญิงเท่านั้น”เอลซ่าทรุดลงกับพื้น น้ำตาของเธอไหลรินเป็นสาย เธอไม่ยอมที่จะศูนย์เสียน้องสาวอันเป็นที่รักไปแน่ ๆ เพราะอันนาคือครอบครัวคนสุดท้ายของเธอ

    “โธ่อันนา...”แจ็คกอดเธอเป็นการปลอบโยนแม้จะจะไม่สามารถช่วยอะไรได้มาก เวลาแบบนี้เขาทำได้เพียงอยู่ข้างเธอเท่านั้น บางครั้งก็คิดอยากจะมีอำนาจวิเศษบ้าง จะได้ช่วยเหลือคนที่เขารักได้ในเวลาแบบนี้

    “ท่านหมอออกไปก่อนเถอะ เจ้าหญิงอันนากับราชินีเอลซ่าข้าจะดูแลเอง”คริสตอฟออกหน้ารับแทน หมอหลวงโค้งให้เขาก่อนเดินออกจากห้องไป

    คริสตอฟไม่กล้าแม้จะแตะต้องตัวราชินีหิมะ เขาปล่อยให้เธอร้องไห้เสียให้พอโดยไม่ยอมปล่อยมืออันนาเลย

    “ท่าน... เป็นอะไรไหม?”เขาถามเมื่อเห็นเอลซ่าเริ่มหยุดร้อง

    “ฉันไม่เป็นไร...”เอลซ่าฝืนเข้มแข็งต่อไปไม่ไหว จิตใจที่แสนบอบบางถูกฉาบทาด้วยความเย็นชาเป็นเปลือกนอก และเมื่อถึงคราวต้องปลดปล่อยมันออกมาเธอก็ไม่สามารถหยุดมันได้

    เอลซ่าเดินเข้ามาหยุดอยู่ที่ข้างเตียงของอันนา คริสตอฟยอมปล่อยมือของเขาออกจากอันนาทิ้งให้พี่น้องได้อยู่ด้วยกัน2คน โดยเขาได้แต่ยืนมองอยู่ไกล ๆ

    เอลซ่ากุมมือของอันนาเอาไว้แน่น เธอถ่ายทอดความอบอุ่นไปให้น้องสาวของเธอก่อนเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้นอีกครั้ง แจ็คไม่พูดอะไร เขาเฝ้ามองเหตุการณ์อย่างใกล้ชิดจนกระทั่งเอลซ่าเริ่มเงยหน้าขึ้นมา ค่อย ๆ ขยับปากช้า ๆ ร้องออกมาเป็นทำนอง

     

     

    ปั้นมนุษย์หิมะด้วยกันไหม
    ไปเล่นด้วยกันรีบมา
    ทำไมเดี๋ยวนี้ไม่ได้พบหน้า
    มาเล่นดีกว่า คล้ายๆ ว่าเธอหลับไป
    เราเคยเป็นเพื่อนที่แสนดี แต่วันนี้ก็เปลี่ยน
    อยากขอเธอบอกให้เข้าใจ
    ปั้นมนุษย์หิมะด้วยกันไหม
    ไม่ชอบก็เล่นอย่างอื่นก็ยังได้
     

    ปั้นมนุษย์หิมะด้วยกันไหม
    หรือไม่ก็เล่นขี่รถรีบมา
    สงสัยฉันเหงาแบบนี้อีกแล้วสิท่า
    ดูเหมือนฉันเริ่มพูดจาเพ้อเจ้อกับเทพหิมะ
    ทนไปในห้องที่ว่างเปล่า นั่งดูนาฬิกา
    ส่งเสียงดังยิ่งฟังใจหาย...


    เธอนอนอยู่อย่างนี้เบื่อไหม
    ใครๆ ก็ถามที่เธอนั้นหลับ
    ฉันรู้ฉันต้องสู้ และเรียนรู้ความกล้า
    จะเคียงข้างทุกเวลา ตื่นมาได้ไหม
    เรามีกันอยู่แค่นี้ไง
    พี่กับน้องสองคน
    ต้องทนต้องทำอย่างไร
    ...ปั้นมนุษย์หิมะด้วยกันไหม

     

     

    เอลซ่าร้องเพลงที่อันนาเคยร้องสมัยเด็ก ๆ เป็นเพลงเดียวกับที่น้องสาวเคยร้องอยู่หน้าห้องเพื่อชวนเธอออกไปเล่นด้วยกัน ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าความรู้สึกอันนาตอนนั้นเป็นเช่นไรเธอเองก็เช่นกัน แต่ไม่ว่าจะร้องเท่าไหร่อันนาก็ไม่อาจตื่นขึ้นมา เธอกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราไปแล้ว

    “ฮือ...”เอลซ่าซุกหน้าเข้ากับมือของอันนา มือของน้องสาวสุดที่รักนั้นเย็นไม่ต่างกับน้ำแข็งแต่เธอยังสัมผัสได้ถึงชีพจรที่เต้นอยู่ภายใน

    “องค์ราชินี... ถ้าท่านไม่ว่าอะไรกระหม่อมขอเป็นคนอยู่ดูแลอันนาจะได้หรือไม่?”คริสตอฟรวบรวมความกล้าเอ่ยถามราชินีหิมะ เธอพยักหน้าให้เขาและปล่อยมือจากอันนา

    เอลซ่าเดินออกจากห้องไปไม่ร่ำลาคริสตอฟและอันนาที่หลับอยู่ เธอปาดน้ำตาลวก ๆ ตั้งปณิธานไว้ว่าจะจับคนที่มาทำร้ายน้องสาวของเธอให้ได้ด้วยตัวเอง แจ็คสัมผัสได้ถึงไอเย็นที่แผ่ออกมาจากตัวเธอจึงพยายามเข้าไปห้าม

    “เอลซ่า เจ้ามีสติหน่อยสิ ถ้าสติแตกไปมันจะไม่ดีนะ”แจ็คร้องเตือน

    “ได้แจ็ค แต่หลังจากที่ฉันลากคอคนที่มันทำร้ายอันนามาก่อนนะ”เธอเบือนหน้าหนีแจ็ค สาวเท้ายาวออกจากวัง แจ็คตามเธอไปไม่ห่างพยายามควบคุมสถานการณ์ในตอนนี้เอาไว้ให้ปกติที่สุด

    “เจ้าจะไปไหน?”

    “เข้าไปในป่า แถว ๆ ไซต์งานของคริสตอฟ ฉันว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากล”มันไม่ใช่ไม้ล้มธรรมดา มันอาจมีการจัดฉากเอาไว้ พื้นที่แถบนั้นจัดเป็นป่าที่มีข้อห้ามในการตัดต้นไม้ชัดเจน และการที่ไม้จะล้มตามธรรมชาตินั้นก็ตัดไปได้เพราะต้นไม้ส่วนใหญ่มีอายุมาก รากแข็งแรง เมื่อครั้งที่เธอก่อพายุหิมะก็ไม่มีต้นใดล้มเลย

    เอลซ่าคิดสะระตะไปเรื่อย ยิ่งคิดยิ่งทำให้เธอว้าวุ่น ทุกย่างก้าวที่เธอเดินปรากฏเป็นทางน้ำแข็งชัดเจน แจ็คต้องห้ามเธอ แต่จะห้ามอย่างไรดี?

    แจ็คโผเข้ากอดเอลซ่า พยายามเรียกสติเธอกลับคืนมา เขาพยายามเรียกชื่อเธอหลายต่อหลายครั้งเพื่อให้เธอรู้สึกตัวและละลายน้ำแข็งก่อนที่จะแพร่กระจายไปทั่วเมือง

    “เอลซ่า... เอลซ่า... เจ้าฟังข้านะ ตั้งสติไว้ ละลายหิมะซะ เจ้าไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยหรอกใช่ไหม?”เอลซ่าเริ่มรู้สึกตัว น้ำแข็งโดยรอบตัวเธอเริ่มละลายลงช้า ๆ เธอซุกหน้าลงกับบ่ากว้างของแจ็ค

    “ฉันขอโทษนะแจ็ค ฉันควรจะควบคุมตัวเอง...”

    “เจ้าไม่ผิดหรอก เอาแบบนี้ดีไหม ข้าจะพาเจ้าไปหาเบาะแสที่ป่านั้นเจ้าจะได้คลายความกังวล”เอลซ่าพยักหน้า แจ็คลูบหัวเธอปลอบโยน เอลซ่าเลิกคิดมากแต่ก็ไม่เลิกที่จะเป็นห่วงอันนา เธอเกาะไม้เท้าของแจ็คไว้แล้วค่อย ๆ ลอยไปยังป่าที่เกิดเหตุ

     

    “ฉันขอโทษนะอันนา...”คริสตอฟยังคงเฝ้าอันนาอยู่ไม่ห่าง เขาลูบเส้นผมสีน้ำตาลของเธอเบา ๆ ก่อนรู้สึกได้ถึงของเหลว

    “นี่มัน... อะไรน่ะ...”

    “คริสตอฟ ๆ !! หมอนเปลี่ยนเป็นสีแดงล่ะ”เจ้าตุ๊กตาหิมะโอลาฟชี้อย่างตื่นเต้น มันไม่รู้จักเลือดแต่เมื่อคริสตอฟเห็นเขาถึงกับตกใจ ก็ตอนที่เขาสำรวจร่องรอยการบาดเจ็บมันยังไม่มีเลย นี่มันมาได้อย่างไร?

    “โอลาฟ นายไปตามหมอหลวงที บอกว่าอันนาเลือดไหล”คริสตอฟยกหัวอันนาขึ้นจากหมอนไม่ให้เลือดไหลไปมากกว่านี้เช่นนั้นจะเป็นอันตรายต่อตัวอันนา

    “ฉันไม่รู้จักเลือดหรอกนะ เพราะตัวฉันมันไม่มีเลือดนี่นา แต่ฉันจะรีบไปบอกหมอให้นะ”โอลาฟวิ่งออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วด้วยเท้าเล็ก ๆ ของมัน

    คริสตอฟพยายามเชื่อมโยงเหตุการณ์ทุกอย่างเข้าด้วยกัน ตอนเขาเห็นอันนาถูกต้นไม้ทับครั้งแรก เธอถูกทับโดยส่วนยอด ซึ่งไม่ควรจะได้รับบาดเจ็บมากมาย หรืออันที่จริงเธอควรจะสลบเพราะตกใจเฉย ๆ ด้วยซ้ำไม่ใช่กลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา

     

     

    ยกเว้นว่าเธอถูกทำร้ายมาก่อนที่จะถูกต้นไม้ทับ...

     

     แล้วเรื่องเลือดจะอธิบายอย่างไร?

     

     

    “คริสตอฟ!! หมอมาแล้ว!!”โอลาฟวิ่งเร็วจี๋เข้ามา คริสตอฟหลบทางให้หมอหลวงเข้าไปดูอันนาอย่างใกล้ชิด เธอมีเลือดออกบริเวณหัวโดยไม่รู้ที่มา ที่ไป

    “ท่านหมอ อยู่ดี ๆ ศีรษะของเจ้าหญิงก็มีเลือดไหล ตอนแรกก็ไม่เห็นมี ท่านพอจะรู้ไหมว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร?”หมอหลวงแหวกเรือนผมของอันนาเพื่อดูบาดแผลพบว่าแผลค่อย ๆ แห้งแล้ว แต่ในจุดที่พบเลือกออกกลับไม่มีรอยแผลเหมือนเลือดแค่ซึมออกมาเฉย ๆ

    “ข้าไม่แน่ใจนักหรอก แต่ตอนนี้คงคิดได้เพียงว่าเจ้าหญิงถูกของแข็งฟาดเข้าอย่างแรงและเลือดคั่งอยู่ภายใน และเมื่อถึงเวลาเลือดนั้นจะหลั่งออกมาเองโดยไม่มีแม้แต่บาดแผล”หมอหลวงอธิบายตามหลักการ

    “แล้วถ้าเกิดเป็นต้นไม้ล้มทับมีโอกาสจะเกิดอย่างที่ท่านว่าไหม?”

    “ไม่มีทางแน่นอน เพราะถ้าเกิดเจ้าหญิงโดนต้นไม้ทับจริง ๆ นางคงต้องมีบาดแผลหลงเหลือให้เห็นอยู่แน่”แต่นี่ไม่มีเลย ก็แสดงว่า...

     

     

    นี่เป็นการจัดฉาก...

     

     

     

     แม้จะคิดได้เช่นนั้นคริสตอฟก็ไม่สามารถออกไปหาหลักฐานได้ เขาไม่สามารถทิ้งอันนาไปไหนได้ ถ้าปาฏิหารย์มีจริงแล้วเธอตื่ยขึ้นมาเขาก็อยากให้เธอเห็นหน้าเขาเป็นคนแรก

    “คริสตอฟ เจ้าอยากให้ข้าอยู่เฝ้าอันนาให้เจ้าไหม?”โอลาฟเดินเข้ามาหาคริสตอฟ มันถามเหมือนรู้ใจเขา รู้ว่าเขาต้องการออกไปสะสางเรื่องทุกอย่าง คริสตอฟยิ้มให้มันก่อตอบปฏิเสธ

    “ไม่เป็นไรโอลาฟ ไว้ตอนกลางคืนฉันจะให้นายเฝ้าเธอเอง”คริสตอฟตั้งใจจะจัดการทุกอย่างในเวลากลางคืน ตอนนี้เขาขออยู่เคียงข้างเธอก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าอันนาจะไม่เป็นอะไร...

     

    แจ็คและเอลซ่าเดินทางมาถึงไซต์งานของคริสตอฟ ซากต้นไม้ที่ล้มลงมานั้นยังคงอยู่ เอลซ่าตรงเข้าไปหามันทันที หิมะยังปรากฏรอยรองเท้าบู้ทของอันนาซึ่งเป็นจุดที่อันนาอยู่ และส่วนที่ล้มทับอันนาคือ... ส่วนยอด...

    “เอลซ่า!! มาทางนี้”แจ็คร้องเรียกเธอ เขาเจออะไรบางอย่างที่พอจะเป็นเบาะแสของเรื่องนี้ได้ เอลซ่าค่อย ๆ เดินไปแจ็ค เขายืนรอเธออยู่ที่ส่วนปลายของต้นสนใหญ่

    ”มันถูกตัด...”เธออ้าปากค้างด้วยความไม่เชื่อ ที่นี่มีกฎห้ามชัดเจนว่าห้ามตัดต้นไม้ และต้นไม้ที่นี่แข็งแรงมาก ไม่ใช่ว่าจะใช้ขวานฟัน2-3ทีแล้วจะล้มลงอย่างง่ายดาย

    “เจ้ารู้ใช่ไหมว่ามันหมายถึงอะไร”

    “รู้ดีเลยล่ะ... น้องสาวฉันถูกลอบสังหาร”แม้จะใช้คำว่าลอบสังหารแต่อันนาก็ยังไม่ตาย เอลซ่าและแจ็คพยายามมองหาเบาะแสอื่นที่จะสามารถสาวไปถึงตัวคนร้ายได้ สายตาของทั้งคู่หยุดอยู่ ณ ที่เดียวกัน...

     

    รอยเท้า...

     

    มันเป็นรอยรองเท้าบู้มหนังอย่างดี บ่งบอกว่าคนที่ใส่ต้องมีเงินมากพอจะซื้อมัน และแน่นอนไม่ใช่คนขายน้ำแข็งเพราะราคารองเท้าคู่นี้คงเท่ากับรายได้ของพวกเขาทั้งปี

    เอลซ่าพยายามภาวนาไม่ให้สิ่งที่เธอคิดจริง ๆ เธออดคิดไม่ได้ว่าคน ๆ นั้นกลับมาที่เอเรนเดล ถ้าเป็นอย่างที่เธอคิดจริงชีวิตของอันนาก็กำลังอยู่ในอันตราย และหมายรวมไปถึงชีวิตของเธอด้วย แต่เธอไม่ได้ห่วงตัวเองนักเพราะเธอมีพลังที่สามารถต่อกรกับเขาได้สบาย ๆ ห่วงแค่อันนาน้องสาวผู้ไร้เดียงสาของเธอ

    “รีบเดินตามรอยเท้านี่ไปก่อนที่มันจะหายไปกันเถอะ”แจ็คจูงมือเอลซ่าเดินลึกเข้าไปเรื่อย ๆ จนถึงริมธารน้ำแข็งขนาดย่อม ตรงหน้าคือร้านขายของคนจรของโอเค่นและซาวน่า และรอยเท้านั้นเดินเข้าไปข้างในนั้น

    “อยู่ข้างในสินะ...”เอลซ่าไม่รอช้า เธอตรงเข้าไปในร้านโอเค่น เปิดประตูเข้าไปและ...

    “ลดกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์!! ข้ามีชุดว่ายน้ำ เสื้อผ้า และโลชั่นภูมิปัญญาชาวบ้านที่ข้าทำเองด้วยนะ”โอเค่นเจ้าของร้านทักทายอย่างอารมณ์ดี เอลซ่าไม่มีเวลามาหนุกหนานตอนนี้ น้องเธอจะตายแหล่ ไม่ตายแหล่อยู่แล้ว เธอไม่มีเวลามาอุดหนุนโลชั่นหรือปลาซาดีนหมักแถมฟรี

    “ฉันคือราชินีเอลซ่าแห่งเอเรนเดล ฉันอยากถามคุณว่ามีคน... ผู้ชาย แต่งตัวดี ๆ ใส่บู้ทหนังเข้ามาในร้านของคุณบ้างไหม?”ทันทีที่ได้รู้ว่าหญิงตรงหน้าคือราชินี โอเค่นแทบโค้งคำนับให้เธอแทบไม่ทัน เขาตอบคำถามของเธอด้วยน้ำเสียงสุภาพ

    “ถ้าเช่นนั้นชายคนนั้นเพิ่งจะออกไปเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วเองพระองค์ ไม่ทราบว่าองค์ราชินีต้องการพบชายคนนั้นทำไม?”

    “ฉันสงสัยว่าเขาเข้ามาตัดไม้ในป่าแห่งนี้ ฉันต้องตามตัวเขา”โอเค่นไม่รู้ว่ามีความจำเป็นอะไรยิ่งใหญ่นักหนาที่ทำให้ราชินีแห่งเอเรนเดลต้องมาตามล่าพรานป่าด้วยตัวเอง แต่เขาก็ช่วยเธอเท่าที่จะช่วยได้

    “ข้าคงช่วยอะไรท่านได้ไม่มาก แต่ชายคนนั้นมาซื้อแพ็คเกจซาวน่าแล้วก็จากไป”ฟังจากโอเค่นแล้วชายคนนั้นคงไม่ใช่คนที่เธอตามหา...

    “ขอบคุณมากนะที่ให้ความร่วมมือ”เอลซ่าหันหลังเดินจากเขาไป วินาทีที่เธอกำลังจะเปิดประตูเพื่อออกจากร้าน มีใครบางคนชิงเปิดประตูตัดหน้าเธอ...

     

    ฮานส์...

     

    คนรักกันอุปสรรคระหว่างกันมันก็ต้องมี แต่ถ้าเกิดว่าปัญหานั้นไม่ใช่ปัญหาของทั้งคู่แต่เป็นปัญหาของบุคคลที่3ที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่งล่ะ? คิดได้อย่างเดียวคือเป็นบททดสอบจากสวรรค์เพราะฟ้าไม่ใช่คนที่กำหนดเนื้อคู่ เราต่างหากที่เป็นคนกำหนด ไม่อย่างนั้นจะมีวายมาให้จิ้นกันในปัจจุบันได้อย่างไร?

     
    *************************************
     

    Free Talk :

    อยู่ในสภาวะใกล้ตายค่ะ กำลังปั่นชุดเอลซ่าเตรียมคอสปีหน้าอยู่ดี ๆ จักรครวญครางอย่างกับคนใกล้ตาย เลยหลบให้จักรพักแล้วหนีมาแต่งฟิคค่ะ หลังจากนี้คาดว่าจะดองจริงจัง(มั้งคะ?)เพราะปวดท้องวันแดงเดือด+กรดไหลย้อน ยิ่งดราม่าเริ่มมายิ่งต้องดองค่ะ 555 ทอล์คคราวนี้ขอสั้นหน่อยนะคะ ปวดท้องทรมานมากค่ะ ไว้พบกันใหม่ตอนหน้านะคะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×