ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หวานใจพี่รหัส

    ลำดับตอนที่ #9 : เมื่อคู่อริไปด้วยกันจะเกิดอะไรขึ้น

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.13K
      153
      27 มิ.ย. 65

    นรินทร์อึกอักอยากจะปฏิเสธ  แต่ยังหาเหตุผลเด็ดดูดียังไม่ได้  จึงต้องยอมรับโดยปริยาย   ในแววตานั้นมีความอึดอัดขัดเคืองซ่อนอยู่ที่เขาต้องไปกับยัยตัวแสบสองคน  แทนที่จะได้เดินไปกับปาร  ได้อยู่ใกล้เจ้าของรอยยิ้มสดใส  ช่วยเลือกซื้อของด้วยกัน  วิมานของเขาพังทลายหมดเลย  หนุ่มหล่อถอนหายใจออกเบา ๆ อะไรมันช่างกลับตาลปัตรสิ้นดีเลย

    ‘ก็ดี!!  คราวนี้จะได้จัดการยัยตัวแสบอย่างเต็มไม้เต็มมือหน่อย ไม่ต้องเกรงใจใคร เตรียมตัวนะ!! ยัยนภาเอ๊ย’ อีกความคิดหนึ่งแทรกขึ้นมาในสมอง

     “นภา...”  ยนตร์อยากจะบอกน้องสาวให้ไปด้วยกัน  เพราะอย่างไรเสียเขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี   โดยเฉพาะเวลาต้องข้ามถนน   แต่ยังไม่ทันได้พูดต่อไปน้องสาวของเขาก็พูดทับขึ้นมาทันที

    “ฉันโตแล้ว ไม่เป็นไรหรอก ฉันดูแลตัวเองได้  พี่ยนตร์ไม่ต้องเป็นห่วงนะ”  

    นภาตอบพี่ชายอย่างมั่นใจ พลางเหลือบมองหนุ่มหน้าขาว ถ้าเธอไม่อยากให้พี่ชายได้ไปกับปารสองต่อสอง  ไม่มีนรินทร์คอยเกะกะละก็ เธอไม่มีทางไปกับหมอนี่หรอก  ดูท่าทางเขาช่างสำอาง คงจะทำงานไม่ได้เรื่อง ดีแต่หล่อไปวัน ๆ  อดสบประมาทเขาอยู่ในใจไม่ได้

     ยนตร์ถอนหายใจในความดื้อรั้นของน้องสาว แต่ถ้าไม่แยกกันไปคงซื้อของไม่หมดแน่ ยังอดกังวลอาการในวัยเด็กที่เธอเคยเป็นนั้น  เขาไม่เคยเห็นเธอเป็นมานานมากแล้ว  ตอนนี้เธออาจจะหายแล้วก็ได้

     “นรินทร์ฝากภาด้วยนะ  โดยเฉพาะเวลาข้ามถนน  น้องข้าเพิ่งมาอยู่กรุงเทพได้ไม่กี่วันเอง”  เขารู้ดีว่าเธอยังไม่ชินกับถนนหนทางของกรุงเทพนัก แถมยังไม่ค่อยจดจำสถานที่ต่าง ๆ อีกด้วย  จนมักจะหลงทางประจำเลย  โดยเฉพาะเส้นทางที่ไม่เคยไปมาก่อนแบบนี้

     “ห้ามทำน้องข้าหายนะ ไม่งั้น!  ข้าเอาเรื่องแกแน่”  ยนตร์หันไปเน้นเสียงเข้มกับเพื่อนสุดหล่อ

     “เออน่ะ รู้แล้ว”  คู่ซี้รับคำเพื่อนอย่างขอไปที

    “ลืมบอกว่า รายการที่ข้ากากบาทไว้ไม่ต้องซื้อมานะ”

    นรินทร์พยักหน้ารับเหงาหงอย  อดอิจฉายนตร์ไม่ได้ที่ได้เดินไปกับปาร ทำอะไรด้วยกัน แถมได้อยู่ใกล้ชิดแบบสองต่อสองอีกต่างหาก

    ============

    ยนตร์ยื่นกระดาษสามแผ่นให้น้องรหัส  ปารมองดูรายการส่วนใหญ่นั้นเป็นพวกเครื่องเขียน  พวกระดาษสี กระดาษแข็งขนาดต่างๆ และอุปกรณ์อื่น ๆ  เป็นสิ่งที่ไม่เกินความสามารถของเธออยู่แล้ว

     “เราจะไปที่ไหนบ้างคะ พี่ยนตร์” ปารหันมาถามพี่รหัส

    “ถึงแล้วจะบอก”  ยนตร์ตอบเสียงเรียบ  เหมือนสีหน้าที่เรียบเฉย  สายตาเขาแสร้งทำเป็นมองตรงไปข้างหน้า เหมือนไม่สนใจเธอ   แต่ก็แอบหันมามองเธออย่างเงียบ ๆ  แอบอมยิ้มอย่างมีความสุข ที่มีเธอเดินอยู่ข้าง ๆ เวลานี้  บางครั้งพอน้องรหัสหันมามอง  เขากลับทำเป็นนิ่งเฉยเฉไฉมองอย่างอื่น เก๊กสีหน้าขรึมต่อไป  แต่ก็คอยแอบมองสาวน้อยที่เดินอยู่เคียงข้างเป็นระยะ ๆ

     “ขอทางหน่อยคร้าบ...”  เด็กหนุ่มเข็นของหนักมาเต็มคันรถ ทำให้ผู้คนต้องเดินหลบเบียดไปทางเดียวกัน  และเบียดมาหาปารที่ยังไม่ทันเห็น  เพราะมัวแต่สนใจข้าวของข้างทางตามร้านรวงต่าง ๆ  ยนตร์รีบโอบไหล่ปารพาหลบเข้าด้านในของฟุตบาท หลบรถเข็นคันนั้นได้ทันท่วงที

     ปารอึ้งไปชั่วขณะว่าเกิดอะไรขึ้น!  ทำไมเธอถึงตกอยู่ในวงแขนของชายหนุ่มเสียแล้ว  มองเห็นใบหน้าของพี่รหัสนั้นอยู่ใกล้กันเพียงนิดเดียว

    “เดินระวังด้วยสิ เกือบโดนรถเข็นชนแล้วเห็นมั้ย”  หนุ่มแว่นดุเด็กสาวในอ้อมแขน  ก่อนจะลดมือลงจากไหล่ของปาร  แล้วขยับตัวห่างออกไป  เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว

     ปารค่อยรู้สึกหายใจได้ทั่วท้องขึ้น เมื่อชายหนุ่มถอยตัวห่างออกไปแล้ว  ความงุนงง ความตกใจค่อยคลี่คลายลงเปลี่ยนเป็นอมยิ้มน้อย ๆ แทน  แม้จะถูกเขาดุ  แต่เธอก็รู้ว่าเขาดุไปอย่างนั้นเอง  ที่แท้ก็เป็นห่วงเธออยู่ดี

     เดินได้ครู่หนึ่งยนตร์หันมาบอกลูกมือ  “ร้านนี้แหละ”

    “พี่ยนตร์ ร้านโน้นดีกว่าค่ะ”  ปารมองเห็นกระดาษสีสวยในร้านนั้น มีของเล่นตัวการ์ตูนน่ารัก ๆ ตกแต่งประดับประดาอย่างสวยงาม

    “ร้านนี้ก่อน”  ยนตร์เน้นเสียงเมื่อผู้ช่วยขัดคำสั่ง

    ปารทำหน้ายู่เล็กน้อย  ก่อนจะเดินตามยนตร์เข้าไปในร้านอย่างว่าง่าย

     ยนตร์แอบอมยิ้ม  ถ้าเป็นตอนที่ไม่ได้โกรธกัน  ปารจะไม่ยอมตามใจเขาง่าย ๆ แบบนี้แน่นอน คงจะต้องลากเขาเข้าร้านนั้นให้ได้ไปแล้ว 

     “พี่ยนตร์ ร้านนี้กระดาษเกรดไม่ดี ไปร้านโน้นเถอะ”  ปารยังบ่ายเบี่ยง เท้าทำท่าจะเดินออกจากร้าน

    “อะไร!  ยังไม่ทันดูกระดาษเลย  ดู! ก่อน!”  ยนตร์จับแขนปารแล้วดึงกลับมา

    “เร็ว!” 

    “จ้ะ ไปเดี๋ยวนี้จ้ะ”  ปารแกล้งฉีกยิ้มกว้าง แม้จะไม่อยากทำตามนัก แต่ก็ยอมเดินกลับไปดูกระดาษตามที่เขาบอก

     ‘ยอมตามใจพี่ยนตร์เฉพาะตอนนี้เท่านั้นนะ’  เด็กสาวบ่นในใจ  แล้วก้มหน้าก้มตาเลือกกระดาษตามโพยกระดาษสามใบที่อยู่ในมือ

    ยนตร์อมยิ้มมองปารเลือกกระดาษอยู่ข้าง ๆ อย่างมีความสุข  เขาไม่เคยโกรธเธอได้นานเลย  เพราะเวลาน้องรหัสมาง้อจะเป็นช่วงเวลาที่น่ารักเป็นพิเศษ  จะคอยดูแลเขาเป็นอย่างดี  ตามใจทุกอย่าง  ใช้อะไรก็ทำให้ไม่งองแง ไม่อิดออด ไม่มีบ่นเลย   ทำให้เขาไม่เคยโกรธเธอได้นานซักที  ไม่ว่าจะเป็นสมัยที่ยังเด็ก  หรือจะเป็นตอนนี้ก็ตาม  เขาหายโกรธเธอ  ตั้งแต่เปิดดูถุงขนมสีน้ำตาลใบแรกแล้ว  แต่การหายโกรธเร็วเกินไปมันก็เสียฟอร์ม  แถมยังหมั่นไส้ไม่หายที่ได้ยินปารคุยโวกับนภาว่า

     “เรื่องพี่ยนตร์ปารง้อมากี่ครั้งแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ง้อง่ายจะตายไป  ไม่เกินสามวันก็หายโกรธแล้ว  เชื่อมือเราสิ**”**

     แถมยังได้ยินสาว ๆ พนันกันอีกว่า  งานนี้ไม่พลาดเขาต้องหายโกรธแน่ ๆ คำพูดนั้นของปารทำให้ยนตร์ต้องเก๊กหน้าขรึมต่อไป  แม้จะรู้สึกว่าเมื่อยหน้าเหลือเกินแล้ว  อยากจะยิ้มกับเธอ  อยากจะหัวเราะกับเธอให้สมกับที่จากกันไปนาน  แต่ก็ยังกลัวเสียฟอร์มอยู่ร่ำไป

     ที่สำคัญหากเขาหายโกรธเธอเมื่อไหร่  ปารคงไม่มาดูแล  ไม่ตามใจ  ไม่เอาใจใส่เป็นอย่างดีเหมือนอย่างตอนนี้   เขารู้สึกดีมีความสุขที่มีเธอมาเดินอยู่ข้างกันแบบนี้

     “ของครบมั้ย ขาดอะไรบ้าง”  ยนตร์ถามลูกมือคนโปรดเมื่อจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อย

    “เหลืออีกนิดหน่อย พวกสก็อตเทปแล้วก็กรรไกรค่ะ”  ปารมองเครื่องหมายกากบาทหน้ารายการบนกระดาษในมือ

    “เราฝากของไว้ที่นี่ก่อน เดี๋ยวค่อยให้นรินทร์วนรถมารับไปทีเดียวเลย  เดี๋ยวไปซื้อของที่ขาดกันต่อ”

     ปารหยุดยืนมองหน้าร้านกระดาษสีสวยตาละห้อย อยากจะเดินเข้าไปดู  แต่พอได้ยินเสียงยนตร์เรียกจึงต้องตัดใจ  เดินไปซื้อของที่ขาดต่อให้เสร็จก่อน

     บนทางเท้าเต็มไปด้วยผู้คนเดินกันขวักไขว่อย่างหนาแน่น  หลายคนถือข้าวของพะลุงพะลังเต็มไม้เต็มมือทั้งสองข้าง  บางคนมีรถเข็นคันเล็กมาช่วยผ่อนแรงด้วย  พื้นที่บนทางเท้าแคบลงไปยิ่งกว่าเดิมถ้าบริเวณนั้นมีร้านขายของกิน   บางร้านเปิดเสียงเพลงซะดังเชียว  ไหนจะเสียงจากรถลาบนถนนอีก  บางทีคนขับขี่ใจร้อนก็กดแตรถี่ๆ  หรือบางทีก็กดค้างไว้ยาวเลย  ดังจนแสบแก้วหู 

     ปารก้มลงมองกระดาษในมือ  แล้วนับรายการที่ยังขาดอยู่นั้นมีกี่รายการ  พอเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ไม่ทันเห็นชนเข้ากับหญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง  ข้าวของของหญิงคนนั้นหล่นกระจายลงบนพื้น   ปารจึงรีบขอโทษแล้วก้มลงช่วยเก็บของให้   เมื่อปารลุกขึ้นมา  เธอมองไม่เห็นพี่รหัสเสียแล้ว  ปารพยายามเดินแทรกตัวเองเบียดผู้คนตามไป  พยายามชะเง้อคอมองหาเขา  พยายามกวาดสายตาไปรอบ ๆ  ทุกทิศทุกทางด้วยจิตใจกระวนกระวาย  แต่มองหาเท่าไหร่ก็ไม่พบเขา  มองเห็นแต่ผู้คนหนาแน่นเบียดเสียดกันแบบไหล่ชนไหล่

     ‘พี่ยนตร์...’

    ‘พี่ยนตร์....หาย...ไปไหน?’  

    ‘พี่..ยนตร์...ทิ้งปารจริง ๆ เหรอ....?’

     ปารหายใจออกเบา ๆ อย่างอ่อนล้า  เหมือนขาแข้งจะอ่อนแรง น้ำตาพลันรื้นขึ้นมาคลอดวงตาเอาไว้  สมองคิดน้อยใจไปร้อยแปดเหตุผล

     “ปาร!” 

    เสียงยนตร์ตะโกนเรียกชื่อของเธอ  เท้ารีบพาเจ้าของเสียงเดินเบียดผู้คนเข้าไปหาสาวน้อยอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้  เขามองเห็นเธอยืนหน้าเศร้าอยู่  สายตาหม่นหมองคู่นั้นคอยมองหาเขาทำท่าเหมือนจะร้องไห้

     “ปาร  หายไปไหนมา  ทำไมไม่เดินตามพี่ไปล่ะ  เกิดอะไรขึ้น  เป็นอะไรรึเปล่า”  เขารัวคำถามใส่เธอเป็นชุดทันทีเมื่อเดินถึงตัวเด็กสาว  สองมือรีบจับมือน้องรหัสไว้แน่นด้วยความดีใจเหลือเกินที่หาเธอพบแล้ว  ความเป็นห่วงกังวล  ความร้อนใจเมื่อครู่ค่อย ๆ มลายหายไปจนหมดสิ้น

    “เมื่อกี๊ปารเดินชนใครไม่รู้  พอหันมาอีกทีก็ไม่เห็นพี่ยนตร์ ปารหาพี่ยนตร์ไม่เจอ  นึกว่าพี่ยนตร์...จะทิ้งปาร” เด็กสาวพยายามบังคับน้ำเสียงที่เริ่มสั่นเครือให้เป็นปกติที่สุด  พยายามสูดหายใจเข้าลึก ๆ ให้น้ำในดวงตานั้นเหือดแห้งไป

     “ใครจะทิ้งปารลง  เห็นพี่เป็นคนใจร้ายไปได้น่า...  ไปกันต่อเถอะ ร้านอยู่ข้างหน้านี้เอง”  ยนตร์จับมือปารไว้พาเดินไปด้วยกัน  เขาจะไม่ปล่อยให้เธอเดินหลงหายตัวไปไหนอีกแล้ว

     ปารอมยิ้มบาง ๆ   มองมือตัวเองที่อยู่ในฝ่ามืออุ่นของชายหนุ่มที่เดินนำอยู่ข้างหน้า  เคยคิดน้อยใจว่า  พี่ยนตร์ของเธออาจจะเปลี่ยนไปแล้ว  เขาไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว  แต่วันนี้เธอรู้ว่า  เขายังเป็นห่วงเธอเสมอ  เหมือนตอนเด็ก ๆ เวลาไปเที่ยวงานวัดแล้วเจอคนมาก ๆ  เขาจะจูงมือเธอเดินไปด้วยกันแบบนี้

    =============

    นรินทร์ไล่สายตาบนกระดาษรายการสิ่งของที่ต้องซื้อมีแต่พวกของใช้ทั้งนั้น  เป็นพวกขันน้ำ  ถังน้ำ  กะละมัง มีตั้งแต่ใบเล็กจนถึงใบใหญ่  และของใหญ่แบบนี้คงหนีไม่พ้นเขาที่จะต้องเป็นคนแบก  ยัยนภาจะแกล้งให้เขาต้องแบกแต่ของหนักใบใหญ่ ๆ หรือไงเนี่ย  อดเขม่นเข่นเขี้ยวเด็กสาวที่เดินทำไม่รู้ไม่ชี้อยู่ข้างตัวไม่ได้

     “ร้านที่เราจะไปซื้ออยู่ทางไหนล่ะ”  นภาเอ่ยถามหนุ่มหล่อที่เดินเงียบมาอยู่นานแล้ว

    “ฝั่งโน้น  ต้องข้ามถนนไป”  เขาเบ้หน้าไปยังถนนฝั่งตรงกันข้าม

     นภามองถนนตรงหน้าอย่างกังวลใจว่าจะข้ามได้หรือนี่  มีแต่รถยนต์วิ่งกันให้ขวัก วิ่งกันไม่มีหยุดเลย 

     “เธอเคยข้ามถนนรึเปล่า”  หนุ่มหน้าใสถามเด็กสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เพราะยนตร์กำชับมาเป็นพิเศษ

    นภาเชิดหน้าตอบ “เคยสิ  โตขนาดนี้ไม่เคยข้ามถนนก็แย่แล้ว”

    “งั้นเราจะข้ามไปฝั่งโน้นกัน”  เขาบอกถึงจุดหมายปลายทาง

    นภาพยักหน้ารับด้วยสีหน้ากังวลใจ  แต่พยายามบอกตัวเองว่า เธอต้องทำได้ อาการนั้นเธอไม่ได้เป็นมานานแล้ว มันคงจะไม่เป็นขึ้นมาอีก

     เมื่อนรินทร์มองเห็นรถขับมาไม่เร็วนัก  จึงรีบก้าวเร็ว ๆ ข้ามถนนไป  แต่พอข้ามไปถึงฝั่งเป้าหมายแล้วหันกลับมามองยัยตัวแสบที่น่าจะข้ามถนนตามมาอยู่ข้างตัวเขา  กลับไม่เห็นเธอ  ข้างตัวเขามันว่างเปล่า  รีบมองกลับไปฝั่งตรงข้าม  ยังเห็นนภายืนอยู่ที่เดิม  ดูละล้าละลังไม่กล้าตัดสินใจข้ามถนนมาเสียที  หนุ่มหล่อส่ายหัว  ตัดสินใจข้ามถนนกลับไป

     “ทำไมไม่ข้ามตามไปล่ะ ไหนบอกว่าเคยข้ามถนนไง”

    “ฉันเคยข้ามนะ แต่....ไม่มีรถเยอะขนาดนี้นี่” เด็กสาวตอบเสียงอ่อย

     “รถวิ่งมาตลอดเลย จะให้ข้ามยังไงล่ะ  ถ้าฉันโดนรถชน พี่จะรับผิดชอบไหวเหรอ” นภาตอบเสียงอ่อนลงไม่ดูมาดมั่นเหมือนทุกครั้ง

     หนุ่มหล่อถอนหายใจ

    “ข้ามถนนไม่เป็นก็บอกมาเถอะน่า...”  เขาบ่นเบา ๆ แล้วเดินไปยืนอยู่ด้านขวาของนภา หากรถวิ่งมาชนจะต้องโดนเขาก่อน ตามคำฝากฝังของเพื่อนที่ให้ดูแลเธอเป็นพิเศษโดยเฉพาะเวลาข้ามถนน

    “ส่งมือมาสิ”  ชายหนุ่มผายมือ  ให้เธอวางมือลงบนมือของเขา

    “ไว้จูงสาว ๆ ของพี่เถอะ”  เธอไม่ยอมส่งมือของตนเองให้เขาจูงพาเดินข้ามถนน

     ‘อยากจูงจะแย่แล้ว’  นรินทร์อดบ่นเธอในใจไม่ได้  เขาเนี่ยไม่เคยจูงมือผู้หญิงคนไหนพาข้ามถนนเลยแม้แต่คนเดียวนะ จะบอกให้! เห็นเขาเป็นคนใจง่ายเที่ยวพาผู้หญิงข้ามถนนหรือไง  ถ้าเธอไม่ใช่น้องสาวของยนตร์ และเพื่อนได้กำชับมาให้ดูแลเวลาเธอข้ามถนนเป็นพิเศษ  ก็ฝันไปเถอะ ที่เขาจะจูงมือเธอพาข้ามถนน

     นรินทร์ถอนหายใจออกผ่อนคลายความขุ่นข้องหมองใจ ก่อนจะรวบรวมกำลังใจพูดกับเธออีกครั้ง

    “งั้นก็เกาะแขนพี่ไว้ ถ้าพี่พาข้ามต้องข้ามไปพร้อม ๆ กัน  เข้าใจนะ”

     เด็กสาวที่ยืนข้างตัวยังนิ่งเฉยไม่ทำตามที่เขาบอกซักอย่าง เธอช่างไม่รู้อะไรเลย  มีแต่สาว ๆ อยากจะมาเกาะแขนเขาเอาไว้ทั้งนั้น

     “ตามใจ”

     เขาหันไปมองรถยนต์บนถนน  เมื่อเห็นรถที่วิ่งมาเริ่มชะลอตัวรีบตัดสินใจข้ามถนนไปทันที  พร้อมกับคว้าข้อมือยัยตัวแสบดึงข้ามไปด้วยกัน  แต่ทว่าข้ามไปยังไม่ถึงฝั่งโน้นเลย  เพราะมีรถบางคันไม่ยอมชะลอความเร็ว แถมบีบแตรค้างไว้เสียงดังลั่น วิ่งผ่านไปอย่างเร็ว ทั้งคู่จึงติดอยู่กลางถนนที่รถกำลังวิ่งผ่านไปมา  นภาเกาะแขนชายหนุ่มแน่นด้วยความกลัว  ครู่หนึ่งมีรถเก๋งคันหนึ่งชะลอความเร็วลงรอให้ทั้งคู่ข้ามถนนไปจนถึงฝั่งฟุตบาท  เขาผงกหัวให้รถคันนั้นแทนคำขอบคุณแล้วจึงรีบพาเธอวิ่งข้ามถนนไปถึงอีกฝั่งได้อย่างปลอดภัย

     นภาพยายามหายใจเข้าลึก ๆ  หายใจออกยาว ๆ  เมื่อรู้สึกตัวว่า ตัวเองมีอาการกลัวจนตัวสั่นเทา  มือไม้เกร็งไปหมด ขาแข้งเหมือนจะหมดแรงเอาดื้อ ๆ เธอเคยคิดว่า  อาการกลัวแบบนี้จะหายไปแล้ว  เพราะไม่เคยเป็นแบบนี้มานานมากแล้ว  แต่มันยังอยู่กับเธอ  มันยังจำฝังใจอยู่ใต้ก้นบึ้งลึก ๆ ของจิตใจ

     “เป็นอะไรหรือเปล่า..นภา...”  นรินทร์มองหน้าซีดขาว และอาการของเธอที่ดูไม่ปกติด้วยความตกใจ  สองมือของเด็กสาวเกร็งจับแขนของเขาไว้แน่นมาก  ร่างของเธอทำท่าจะทรุดลงไปกองอยู่กับพื้น  เขารีบพยุงร่างนั้นเอาไว้  มองซ้ายมองขวาเห็นม้านั่งที่ป้ายรถประจำทาง  รีบประคองเธอพาไปที่นั่นทันที

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×