ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic (yaoi) Harry Potter [DM/HP] What is it called ?

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 : Malfoy is Malfoy

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.15K
      67
      7 ก.ค. 58



    Fic Harry Potter [DM/HP] What is it called ?

    _________________________________________________________

    Chapter 1 : Malfoy is Malfoy

    มัลฟอยก็คือมัลฟอย


     

           

            ชื่อของเขาคือมัลฟอย เดรโก มัลฟอย ทายาทเพียงหนึ่งเดียวของบ้านมัลฟอย เขาถูกเลี้ยงมาด้วยความภาคภูมิใจในตระกูลและสายเลือดที่บริสุทธิ์ พ่อของเขาบอกเสมอว่ามัลฟอยไม่จำเป็นต้องสนใจกับอะไรก็ตามที่ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเลือดบริสุทธิ์เพราะคนพวกนั้นไม่คู่ควรให้มัลฟอยพูดถึง

     

            เดรโกเป็นคนเย่อหยิ่ง อ่อนแอและตกอยู่ใต้เงาของผู้เป็นพ่อ ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ตัวแต่ตลอดมาเขามีพ่อเป็นต้นแบบในการดำเนินชีวิต เขาจึงซึมซับนิสัยของผู้เป็นพ่อจนเหมือนว่าเขาเป็นลูเซียสอีกคนเสียด้วยซ้ำ

     

            เมื่อเดรโกเข้าเรียนที่ฮอกวอตส์ อะไรๆ ก็ดูเหมือนไม่เป็นใจให้มัลฟอยเป็นที่กล่าวถึง อันที่จริงเดรโกไม่ได้คาดหวังกับการมีชื่อเสียงหรือได้รับความนิยมจากใครต่อใครเลยสักนิด แต่เขาไม่ชอบที่ทุกบทสนทนาจะต้องมีชื่อของไอ้เด็กแผลเป็นอย่างแฮร์รี่ พอตเตอร์

     

            แน่นอนว่าเขารู้จักแฮร์รี่ พอตเตอร์ มีใครไม่รู้จักเด็กชายผู้รอดชีวิตจากจอมมารกัน เดรโกได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของเด็กคนนั้นมาแทบจะตลอดชีวิต มันจึงไม่แปลกเลยที่เขาจะหยิบยื่นมิตรภาพให้อีกฝ่ายในทันทีที่รู้ว่าคนๆ นั้นคือใคร

     

            เดรโกรู้มาว่ามีทฤษฎีมากมายเกี่ยวกับเหตุผลที่แฮร์รี่ พอตเตอร์รอดชีวิตจากเงื้อมมือของจอมมารและดูเหมือนว่าพ่อของเขาจะสนับสนุนหนึ่งในทฤษฎีที่ว่า แฮร์รี่ พอตเตอร์อาจจะเป็นพ่อมดเลือดบริสุทธิ์ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าจอมมาร เสียเหลือเกิน แต่ทันทีที่เขาถูกพอตเตอร์ปฏิเสธมิตรภาพแถมยังไปสนิทชิดเชื้อกับพวกวีสลีย์และเด็กเลือดสีโคลน เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเด็กคนนั้นไม่มีทางที่จะเป็นอย่างที่พ่อของเขาคิด

     

            ไม่มีทางที่แฮร์รี่ พอตเตอร์จะเป็นอย่างจอมมารเด็ดขาด!

     

            และเพราะเหตุนั้นเดรโกจึงตั้งตัวเป็นอริกับเด็กชายผู้โด่งดังกับผองเพื่อน เขาสะสมความไม่พอใจ ความไม่ชอบใจ ความอิจฉาริษยาจนเกือบจะกลายเป็นความเกลียดชัง ทำไมเด็กคนนั้นถึงเหนือกว่าเขา มันเป็นคำถามที่เดรโกคอยถามตัวเองอยู่เสมอ เขาที่ภาคภูมิใจกับสายเลือดที่บริสุทธิ์ของตัวเองนั้นพ่ายแพ้ให้กับคนแบบนั้นไม่รู้ตั้งกี่รอบได้ยังไง

     

            เดรโกตระหนักได้ถึงความอ่อนหัดและอ่อนแอของตัวเอง เขาเลือกใช้วิธีสกปรกต่างๆ เล่นงานพอตเตอร์แต่มันก็เท่านั้น นอกจากเจ้าตัวจะไม่สนใจแล้วเขายังต้องยอมรับความอับอายกับความพ่ายแพ้อยู่บ่อยครั้ง มันเป็นเรื่องอัปยศที่คงจะติดตราตรึงอยู่ในใจของเขาไปจนตาย

     

            ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับแฮร์รี่ พอตเตอร์นั้นเรียกได้ว่าเป็นศัตรูคู่อาฆาต ไม่มีทางจะมาบรรจบกันได้เลย ไม่มีทางและไม่มีวัน!

     

            ในช่วงก่อนสงครามไม่นานเขาได้เข้าร่วมเป็นผู้เสพความตายเต็มตัว เขาอยากให้พ่อภูมิใจและต้องการให้มัลฟอยได้กลับไปรุ่งโรจน์อยู่เคียงข้างจอมมารอีกครั้ง ถ้าเขาสังหารดัมเบิลดอร์สำเร็จก็จะไม่มีใครมาดูถูกว่าเขามันก็เป็นแค่ไอ้เด็กอมมือคนหนึ่ง…. แต่สุดท้ายเขาก็ทำไม่ได้ เขากลัวที่จะลงมือสังหารอาจารย์ใหญ่ เขาไม่กล้าแม้แต่จะเสกคำสาปพิฆาตใส่ชายชราอ่อนแอตรงหน้าด้วยซ้ำ!

     

            เดรโก มัลฟอยคือความล้มเหลวของครอบครัวมัลฟอยเช่นนั้นหรือ

     

            ความสับสนทำให้เขาลังเลว่าแท้จริงแล้วเขาควรเข้าร่วมฝ่ายใดกันแน่ การได้รับความเมตตา สงสารเห็นใจจากอาจารย์ใหญ่ในช่วงเวลาที่เขาคิดจะปลิดชีพอีกฝ่ายมันช่างให้ความรู้สึกที่ยากจะอธิบายเหลือเกิน

           

            พ่อของเขาถูกปล่อยตัวหลังจากนั้นแต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นดั่งที่เขาคิด มัลฟอยกลายเป็นเหมือนเศษขยะในสายตาจอมมารและผู้เสพความตายอื่นๆ เพราะความล้มเหลวของพ่อทำให้สถานะของมัลฟอยกลายเป็นไม่มีไปโดยปริยายและนั่นทำให้เขาเริ่มคิดที่จะย้ายฝ่ายแม้จะยังสับสนอยู่ก็ตาม

     

            ในวันที่พอตเตอร์กับพวกถูกจับมายังคฤหาสน์มัลฟอย เขายอมรับว่าตกใจมากแต่เขาในตอนนั้นก็เลือกที่จะโกหกคนในบ้านว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าไม่ใช่แฮร์รี่ พอตเตอร์ ในใจของเดรโกหวาดกลัวแม้คนตรงหน้าจะเป็นคนที่เขาปรารถนาให้ตายไปเสียแต่เอาเข้าจริงเขาก็ไม่กล้าแม้แต่จะคิดว่าถ้าเกิดพอตเตอร์ตายขึ้นมาจริงๆ จะทำยังไง

     

            เขาปรารถนาให้อีกฝ่ายมีชีวิตรอดมากกว่านี้

     

            ที่น่าตลกคือตัวเขาก็เกือบจะเอาชีวิตไปทิ้งในห้องต้องประสงค์ระหว่างสงครามเข้าแล้วสิแต่ก็ดันถูกช่วยเหลือจากคนที่เขาตั้งตัวเป็นอริ การถูกแฮร์รี่ พอตเตอร์ช่วยเหลือมันน่าอับอายแต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ทำให้เขาต้องตายอย่างน่าสมเพช

     

            หรือเจ้าหมอนั่นมันคิดจะตอบแทนเขากันนะ คิดถึงตรงนี้ก็รู้สึกอยากจะปฏิเสธดังๆ จริงๆ

     

            “เดรโก.... ลูกรักลูกกำลังคิดอะไรอยู่” นาร์ซิสซาเอ่ยถามขณะมองลูกชายที่ตกอยู่ในภวังค์ ครอบครัวเธอยังอยู่ในฮอกวอตส์ที่เสียหายยับเยินจากสงครามเพื่อต่อรองบางอย่างกับกระทรวง

     

            “ไม่มีอะไรครับแม่” ชายหนุ่มตอบกลับมารดาด้วยสีหน้าซีดเซียว เดรโกเป็นเช่นนี้เสมอ เขามักจะฝืนแบกรับหน้าตาของครอบครัว เขาอยากให้ครอบครัวกลับมาอยู่จุดสูงสุดที่เต็มไปด้วยเกียรติยศอีกครั้ง แต่ดูเหมือนมันยากเหลือเกิน

     

            “เดรโก ลูกไม่ต้องตามพ่อกับแม่ไปคุยกับเจ้าหน้าที่จากกระทรวงนะ รออยู่ตรงนี้ก่อน เดี๋ยวแม่กลับมา” นาร์ซิสซาว่าก่อนเธอจะเดินไปสมทบกับสามีที่ยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง

     

            เขารับคำมารดาก่อนจะใช้สายตามองรอบๆ ตัว เด็กนักเรียนจากฮอกวอตส์หลายคนยังอยู่ที่นี่ ผู้ใหญ่จากกระทรวงทั้งหลายแหล่ก็เช่นกัน สงครามจบลงไปประมาณ 3 วันแล้วแต่หลายๆ คนก็ยังเลือกที่จะอยู่ที่นี่เพื่อซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดขึ้นและไว้อาลัยแก่ผู้จากไป แน่นอนว่าต้องไม่ใช่พวกผู้เสพความตายกับจอมมาร

     

            เดรโกแค่นหัวเราะกับตัวเองอย่างแผ่วเบา เกือบไปแล้ว.... เขาและครอบครัวเกือบจะจบชีวิตลงที่นี่แล้ว ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้เสพความตาย ใครจะยังอยากเก็บพวกเขาเอาไว้กัน ที่พ่อกับแม่ไปคุยกับกระทรวงก็เพื่อต่อรองไม่ให้จับกุมพวกเขาทั้งสามคนไม่ใช่หรือไง

     

            ความภูมิใจในสายเลือดบริสุทธิ์อะไรกัน ความจงรักภักดีต่อจอมมารอะไรกัน ของพวกนั้นไม่มีค่าในสงครามเลยสักนิด แต่ถึงอย่างนั้นสงครามนี้ก็ทำให้เขารู้สึกถึงความไม่เอาไหนของตัวเองได้อย่างแจ่มแจ้ง ความล้มเหลวในชีวิตเขาในครั้งนี้ทำให้เขารู้สึกตัวว่าควรจะเปลี่ยนแปลงความคิดและนิสัยของตัวเองอย่างจริงจัง

     

            จะต้องเป็นมัลฟอยที่อลุ่มอล่วยมากกว่านี้

     

            “เดรโก พ่อเขาตัดสินใจจะช่วยเหลือกระทรวงตามจับผู้เสพความตายที่หลบหนีได้แลกกับการปล่อยพวกเราไป” แม่ของเขาเดินกลับมาอยู่เคียงข้างพร้อมกระซิบแผ่วเบา ใบหน้าที่ดูเหนื่อยล้าเกินวัยไปสักหน่อยระบายรอยยิ้มอ่อนโยนออกมา เดรโกไม่ได้เห็นรอยยิ้มของผู้หญิงตรงหน้ามานานแล้ว เขารู้สึกดีขึ้นกับหลายๆ สิ่งในชีวิตขึ้นมานิดหน่อยทันที

     

            “ดีจังเลยนะครับแม่ ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีใช่ไหมครับพ่อ” เดรโกพูดกับมารดาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยมีใครได้ยินก่อนจะหันไปถามบิดาที่มีสีหน้าดูดีขึ้นกว่าเดิม

     

            “คิงส์ลีย์ตอบรับข้อเสนอของฉันด้วยตัวเอง โชคดีจริงๆ ที่พวกเขาไม่จับฉันกลับไปอัซคาบันแต่มันก็คงเป็นงานหนักไม่น้อยทีเดียวในการตามหาเจ้าพวกที่เหลือรอด” ลูเซียสพูดด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่งเหมือนเคยถึงเขาจะพยายามทอดเสียงให้อ่อนลงแล้วก็ตาม

     

            “หมดธุระของเราที่ฮอกวอตส์แล้วเดรโก กลับคฤหาสน์กันได้แล้ว” ไม่ทันขาดคำร่างของสองสามีภรรยาบ้านมัลฟอยก็หายวับไป เหลือแค่เดรโกที่ยังยืนนิ่งอยู่กับที่

     

            เดรโก มัลฟอย นักเรียนสลิธิรีนเพียงหนึ่งเดียวที่ยังอยู่ฮอกวอตส์ เขาถูกสายตาของเพื่อนร่วมสถาบันจ้องมองด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกัน บ้างก็มองอย่างอาฆาต บ้างก็มองอย่างเข้าใจ แต่คนอย่างเดรโกน่ะหรือจะสนใจกับอีแค่สายตาพวกนี้ ถ้าเป็นตัวเขาเมื่อก่อนคงจะจ้องอย่างหาเรื่องกลับไปแล้วกระมัง

     

            เวลาเพียงไม่นานทำให้ตัวเขาเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้เลยหรือ ใจเย็นลงถึงได้ขนาดนี้เชียวหรือ แต่ถึงอย่างนั้นมัลฟอยก็คือมัลฟอย เย่อหยิ่งและไม่สนใจใคร เดรโกจึงไม่ใส่ใจสายตาเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย

     

            ตอนนี้ทั้งพ่อและแม่ต่างกลับไปหมดแล้วและเด็กหนุ่มเองก็เหนื่อยล้าเต็มที เขาคิดจะไปหามุมเงียบสงบเพื่อครุ่นคิดเกี่ยวกับอนาคตอีกสักหน่อย ความปรารถนาอันแรงกล้าของเขาก็ยังคงเป็นการนำครอบครัวกลับไปยังจุดสูงสุดที่เคยอยู่และสืบสานปณิธานแบบมัลฟอยต่อไป

     

            แน่นอนว่ามันไม่ใช่การปลูกฝังความคิดเดิมๆ เกี่ยวกับสายเลือดให้กับคนรุ่นหลังเพราะเขาอยากจะเป็นมัลฟอยที่ดีกว่าเดิม

     

            “รอน ฉันไม่ได้อยากเลิกกับเขา ฉันไม่ได้อยากเลิกกับแฮร์รี่” แว่วเสียงสะอึกสะอื้นมาไม่ไกล เดรโกจะไม่สนใจเสียงสะอื้นนั่นเลยถ้าไม่มีชื่อแสนคุ้นเคยปรากฏอยู่ในนั้น

     

            “จินนี่ ฉันเสียใจที่ช่วยอะไรไม่ได้แต่แฮร์รี่ในตอนนี้ไม่พร้อมจะคบกับเธอต่อจริงๆ ให้เวลาเขาเถอะนะ พอเวลาผ่านไปสักวันบาดแผลในใจของเขาคงจะทุเลาลง แล้ววันนั้นเธอจะกลับไปหาเขามันก็ยังไม่สายนี่” วีสลีย์ผู้พี่ปลอบโยนน้องสาวด้วยน้ำเสียงให้กำลังใจ

     

            “แต่แฮร์รี่พูดเหมือนว่าเขาจะไม่กลับมาคบกับฉันอีกแล้วรอน!” เด็กสาวผมแดงตะโกนใส่พี่ชายก่อนจะถูกกลบด้วยเสียงสะอึกสะอื้น

     

            “จินนี่....” วีสลีย์คนพี่ครางเสียงแผ่วในขณะเดียวกับที่เดรโกตัดสินใจเดินจากไปจากตรงนั้น ไม่ยักจะรู้ว่าพอตเตอร์ยังคบหากับลูกคนเล็กของบ้านวีสลีย์ ถึงจะคบกันถึงแค่เมื่อไม่นานมานี้ก็เถอะ เอาเถอะ มันไม่ใช่ธุระอะไรของเขาที่ต้องสนใจชีวิตของพอตเตอร์สักหน่อย เด็กหนุ่มสะบัดหัวไล่ความคิดไร้สาระออกจากหัวทันที

     

            เดรโกเดินตรงไปที่คุกใต้ดินเพื่อไปยังหอพักบ้านสลิธีรีน เขาต้องการพักผ่อน โชคดีจริงๆ ที่คุกใต้ดินนี้ไม่มีใครอยู่เลย เขาต้องการอยู่คนเดียวสักพักพอดี เดรโกเดินตรงไปยังห้องนอนของเขาและล้มตัวลงกับเตียงอย่างหมดแรง

     

            พ่อกับแม่คงไม่ว่าอะไรเขาหรอกมั้งถ้าหากเขาไม่กลับบ้านไปสักระยะ

     

            “แกจะรู้สึกแบบไหนกันนะกับการเป็นวีรบุรุษที่ปกป้องโลกนี้ กับการเป็นเด็กชายผู้มีชื่อเสียง แกมีความสุขกับมันหรือเปล่า...พอตเตอร์” เดรโกกระซิบเสียงแผ่วเบากับตัวเอง ทั้งเขาและพอตเตอร์ต่างเป็นบุคคลที่ถูกพูดถึงมากที่สุดแต่เป็นคนละความหมาย เจ้าหมอนั่นที่ถูกชื่นชมกับเขาที่ถูกสาปแช่ง

     

            เขาเข้าใจว่าทำไมและแน่นอนว่าเขายอมรับได้เพราะมันเป็นเขาที่ทำผิด อ่อนแอจนไม่กล้าเผชิญหน้ากับความจริง ผลที่เขาได้รับคือการแบกรับความรู้สึกผิดกับสิ่งที่ได้กระทำและความรู้สึกที่สมเพชต่อตัวเอง

     

            เขาเดินผิดทางมาแต่แรก ผิดทางตั้งแต่การยึดเอาบิดาเป็นต้นแบบในชีวิตและเขาก็ทำในสิ่งที่ผิดมาตลอด แฮร์รี่ พอตเตอร์คือแสงสว่างที่ตรงข้ามกับความมืดอย่างเขา ตัวเขาที่มีแต่ความอิจฉาและเกลียดชัง แต่มันจะเป็นไปได้ไหมที่เขาอยากจะหลุดพ้นจากความมืดมิดนี้

     

            “ฉันต้องทำได้” เดรโกพึมพำกับเพดานก่อนจะหลับตาลงแล้วเข้าสู่ห้วงนิทรา

     

     



            วันเวลาผันเวียนเปลี่ยนไปจนถึงห้าปีแฮร์รี่ในตอนนี้ทำงานเป็นมือปราบมารประจำอยู่ที่กระทรวงเวทมนต์พร้อมกับรอน วีสลีย์และเนวิลล์ ลองบัตท่อม พวกเขาสามารถเป็นมือปราบมารได้โดยไม่ต้องสอบอะไรเพราะทั้งสามต่างผ่านสงครามครั้งใหญ่ด้วยกันมา ซึ่งแฮร์รี่คิดว่าโชคดีจริงๆ ที่ไม่ต้องสอบส.พ.บ.ส.

     

            ดูเหมือนช่วงหลังๆ มานี้เนวิลล์เริ่มมีความคิดที่จะเลิกเป็นมือปราบมาร เจ้าตัวเริ่มวุ่นๆ กับการบอกคุณย่าว่าอีกไม่นานจะเลิกเป็นมือปราบมาร เนวิลล์ต้องอธิบายเหตุผลให้คุณย่าของเขาฟังถึงสามครั้งต่อวัน เนวิลล์ในตอนนี้ไม่เหลือเค้าของเด็กอ้วนอ่อนแอคนนั้นอีกต่อไปแล้ว แฮร์รี่รู้สึกดีใจที่เห็นเพื่อนเติบโตได้มากขนาดนี้

     

            “ไง แฮร์รี่” เนวิลล์ทักเขาทันทีที่เห็นเขาเข้ามาในกระทรวง ใบหน้าอีกฝ่ายดูหมองเคล้าอย่างคนไม่ได้นอน เนวิลล์เดินมาขนาบข้างเขาก่อนจะกระซิบอย่างกังวล “ฉันรู้ว่าคุณย่าท่านภูมิใจที่ฉันมาไกลได้ถึงขนาดนี้แต่ฉันมีอย่างอื่นที่อยากทำอีก.... ท่านไม่ฟังฉันเลย”

     

            “นายอย่ากังวลมากเกินไปสิเนวิลล์ ให้เวลาท่านหน่อย นายเพิ่งมาทำงานเป็นมือปราบมารไม่กี่ปีเอง ให้ท่านภูมิใจนานๆ เดี๋ยวท่านก็จะตามใจนายเองนั่นแหละ” แฮร์รี่กระซิบตอบด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ถึงเนวิลล์จะไม่อ่อนแอแล้วแต่ก็ยังเป็นคนขี้กังวลเหมือนเดิม

     

            “แล้วนายกับลูน่าเป็นยังไงบ้างล่ะ” เมื่อเห็นอีกฝ่ายท่าทางคลายกังวลมาหน่อยเขาก็สวนคำถามปล่อยหมัดฮุกออกไปทันที หน้าเนวิลล์ในตอนนี้เป็นสีชมพูเหมือนลูกหมูเลย!

     

            “ฮะ แฮร์รี่! นายถามอะไรกันเล่า” เนวิลล์ปัดไม้ปัดมือหน้าแดงก่ำก่อนจะเดินไวๆ ไปห้องทำงานของตัวเองทันที นั่นทำให้แฮร์รี่หัวเราะออกมาได้ไม่น้อย

     

            หลังจากนั้นแฮร์รี่ก็เดินไปยังห้องทำงานของตัวเองซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้องของรอนและเนวิลล์เท่าไรนัก ในจังหวะที่เขากำลังจะเข้าห้องนั้นรอนก็แทบหายตัวมาอยู่ตรงหน้าเขาแล้วพูดรัวเร็วด้วยสีหน้ารีบร้อนและตื่นตระหนก

     

            “เดี๋ยวรอน... ใจเย็นๆ ฉันฟังไม่ถนัดเลย” แฮร์รี่เอ่ยแทรกขึ้นมาเพราะคำพูดที่ฟังไม่ได้ศัพท์ของรอนกำลังทำเขาปวดหัว

     

            “กาเวน โรบาดส์เรียกนายแน่ะแฮร์รี่ เขาบอกว่ามีเรื่องสำคัญต้องคุยกับนาย ให้นายไปหาเขาให้ไวที่สุดแถมยังบอกว่าถ้านายไม่เคาะประตูห้องเขาภายในสองนาที เขาจะทำโทษฉัน! โอ๊ย ให้ตายสิ ฉันไม่น่าไปเดินโต๋เต๋อยู่แถวหน้าห้องเขาเลย!” รอนอธิบายใหม่ด้วยน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำพร้อมกับบ่นออกมา ถึงมันแทบจะฟังไม่รู้เรื่องเลยก็ตามที แต่เมื่อเห็นใบหน้าตกกระมีเหงื่อไหลซึมของเพื่อนรักแฮร์รี่ก็รีบหันกายกลับไปทิศตรงข้ามทันที

     

            ห้องของหัวหน้ามือปราบมารอยู่คนละฝั่งกับห้องของเขาพอดีเขาหมายถึงคนละฝั่งของตึกน่ะนะ

     

            เด็กหนุ่มเคาะประตูไม้สีดำเคลือบทองสามครั้งด้วยจังหวะหนักแน่นคงที่ก่อนจะถือวิสสาสะเปิดประตูเข้าไปพบกับหัวหน้าสำนักงานใหญ่ที่นั่งรอเขาอยู่ในห้อง.... แต่ไม่ได้มีแค่กาเวนคนเดียวนี่สิ ทำไมเดรโก มัลฟอยถึงมาอยู่ที่นี่ได้กัน

     

            “มาช้านะคุณพอตเตอร์ ปิดประตูแล้วเข้ามานั่งคุยกันให้เรียบร้อยสิ” กาเวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงติดตำหนิ มันทำให้เขารู้สึกละอายใจและละอายใจมากขึ้นเมื่อถูกพูดต่อหน้าของเดรโก มัลฟอย

     

            “ขอโทษครับคุณโรบาดส์” เขาพูดอย่างรู้สึกผิดก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ข้างมัลฟอยมานั่ง สายตาจับจ้องไปที่หัวหน้าของเขาอย่างต้องการคำอธิบาย

     

            “เรื่องนี้คุณมัลฟอยมาขอร้องด้วยตัวเอง เขาต้องการความช่วยเหลือจากเธอน่ะคุณพอตเตอร์” เมื่อได้ยินดังนั้นแฮร์รี่รีบหันไปมองผู้ชายที่นั่งข้างกันทันที

     

            นัยน์ตาสีเทาอ่อนสบเข้ากับเขาก่อนมัลฟอยจะเอ่ยปาก “พ่อของฉันกำลังลำบากกับการล่าผู้เสพความตาย.. ฉันว่าแก- - ฉันว่านายน่าจะรู้เรื่องของทอร์ฟินน์ โรลว์”

     

            แฮร์รี่พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้แล้วรอให้มัลฟอยพูดต่อ “หมอนั่นหนีไปได้และยังคงปรากฏตัวให้คนเห็นเป็นระยะแต่ไม่รู้ที่อยู่แน่นอน เมื่อสัปดาห์ก่อนพ่อฉันปะทะกับหมอนั่นแถวๆ ตรอกน็อกเทิร์นแล้วพ่อฉันก็ได้รับบาดเจ็บจากคำสาปกรีดแทง”

     

            แววตาสีเทาซีดฉายแววโทสะอยู่ชั่วครู่ก่อนจะปรับมาเป็นปกติ แฮร์รี่รู้สึกว่ามัลฟอยคนนี้เปลี่ยนไปเล็กน้อย... อย่างน้อยก็เปลี่ยนไปในเชิงที่ดี แฮร์รี่คิดอย่างนั้น

     

            “แล้วพ่อฉันก็เสียแขนไปข้างหนึ่งด้วย โรลว์จับกลุ่มกับผู้เสพความตายอีกสองสามคน พวกมันรุมพ่อฉันจนแทบหนีกลับมาไม่ได้” มัลฟอยคำรามอย่างอดไม่อยู่  ดวงตาสีซีดสบกับเขาด้วยอารมณ์ครุกรุ่น

     

            “พอตเตอร์ นี่เป็นคำขอร้องของแม่ฉัน ฉันไม่ได้อยากได้ความช่วยเหลือจากแกเลยสักนิด แต่ถ้าแกอยากจะช่วยเหลือล่ะก็ส่งจดหมายมาให้คำตอบด้วยแล้วเราจะนัดคุยรายละเอียดกันอีกที” มัลฟอยว่าด้วยน้ำเสียงติดจะหงุดหงิดหน่อยๆ แล้วเจ้าตัวก็ลุกพรวดออกไปจากห้องอย่างไร้มารยาททันที

     

            แฮร์รี่ได้แต่นั่งตาค้างกับท่าทางของมัลฟอยที่ไม่อยู่ในห้องแล้ว ห้าปีผ่านไปหมอนั่นก็ยังเหมือนเดิม ไม่เห็นเปลี่ยนไปเลยสักนิด มัลฟอยนี่มันมัลฟอยจริงๆ แฮร์รี่สบถลั่นในใจอย่างไม่สบอารมณ์

     

    _________________________________________________________



    แอ้แฮะ~ ปล่อยตอนแรกออกมาแล้วนะครัช ถูกใจกันหรือเปล่าน้อ~

    เราคิดว่าเรื่องนี้จะดำเนินไปเรื่อยๆ แหละ ความสัมพันธ์ของหลายๆ คนจะค่อยๆ พัฒนา

    มันคงไม่ปุปปัปรักกันเลยหรอก มันเป็นไปไม่ได้ เพราะเราแอบอิงตามเนื้อหาในหนังสือ/ภาพยนตร์ด้วย

    แต่ความรู้สึกของเดรโกที่มีต่อแฮร์รี่จะลดน้อยลง(ในแง่ความอิจฉานะ) แต่ก็ยังเหม็นขี้หน้ากันอยู่ดี (ฮา)

    ส่วนของแฮร์รี่ก็เหมือนจะมีความรู้สึกเห็นใจเดรโกเล็กๆ กับเรื่องในอดีต แต่ก็ยังไม่ค่อยชอบหน้าอยู่ดี (อ้าว)


    ผู้เสพความตายที่เราเอ่ยถึงปรากฏตัวในภาพยนตร์ด้วยนะ! 

    รวล์ไงล่ะ


    เห็นหน้าก็รู้สึกแล้วว่าหมอนี่มันตัวร้าย!


    ปล. หวังว่าข้อมูลอะไรที่เราหามาคงไม่ผิดพลาดนะ ขอให้อ่านอย่างมีความสุขครัช! 

    ปล2. ทุกคอมเม้นท์มีค่าสำหรับนักเขียนมากๆ นะฮะ หากคุณคอมเม้นท์บ้าง

    รับรองว่านักเขียนอย่างเราจะมีกำลังใจและแรงบันดาลใจไปการเขียนต่อไปแน่ๆ


    ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันมากๆ เลยนะ ♥ แค่ยอดวิวเพิ่มเราก็ดีใจแล้วแหละ แฮ่~



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×