คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ๑ - 70%
คุณอธิปัตย์
พิทักษ์เดชา...เจ้าของธุรกิจน้ำหอมชื่อดังของเมืองไทยที่ใครๆ ต่างจับตามอง
หนังสือพิมพ์แต่ละฉบับต่างประโคมข่าวชายผู้นี้ไม่เว้นแต่ละวัน
ไม่เว้นแม้แต่ลูกชายทั้งสองที่สาวน้อยสาวใหญ่มากหน้าหลายตาเฝ้าคร่ำครวญเพ้อฝัน บ้างก็มีข่าวว่าคิมหันต์และคีรีควงสาวสายไปกินข้าวที่ร้านนั้นร้านนี้
ทั้งที่ความจริงแล้วคิมหันต์แทบจะไม่ได้ก้าวเท้าออกจากบริษัทด้วยซ้ำ
ผิดกับคีรี...รายนั้นควงผู้หญิงเป็นว่าเล่น
คบกันไม่ถึงอาทิตย์ก็เปลี่ยนคู่ควงคนใหม่จนคิมหันต์ออกปากเตือนหลายครั้งหากเจ้าตัวหาฟังไม่ ชายหนุ่มยังคงดำเนินชีวิตแบบเดิมๆ งามการไม่สนใจ
ไม่เคยเข้ามาสนใจงานที่บริษัทแบบจริงๆ
จังๆ สักครั้ง จนอธิปัตย์และคิมหันต์ต้องแอบปรึกษากันเงียบๆ อยู่หลายครั้งหลายครา
วันนี้ก็เช่นกัน คุณอธิปัตย์เรียกลูกชายคนโตเข้ามาคุยภายในห้องนอนใหญ่ที่อยู่ทางปีกซ้ายของคฤหาสน์ เสียงเคาะประตูเพียงเบาๆ ทำให้คนที่รออยู่รีบส่งเสียงอนุญาตให้เข้ามา ร่างสูงในชุดนอนแพรสีน้ำตาลเข้มก้าวฉับๆ
เข้ามาด้านใน
ดวงตาเรียวส่อแววกังวลไม่แพ้ใบหน้าที่ตอนนี้คิ้วเข้มขมวดมุ่นราวมีเรื่องให้ต้องคิดหนัก
“พ่อจะคุยเรื่องนายคีใช่ไหมครับ” อธิปัตย์พยักหน้า แม้อายุจะล่วงเลยมาเกือบๆ จะห้าสิบแล้ว แต่เจ้าตัวยังรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง แม้แต่ริ้วรอยใบหน้ายังไม่ค่อยจะเห็นเผลอๆ อาจมีคนนึกว่าอธิปัตย์ พิทักษ์เดชาผู้นี้อายุเพิ่งจะสี่สิบปีซะด้วยซ้ำไป
“เราคิดว่าไงถ้าพ่อจะส่งเจ้าคีให้ไปดูแลโรงแรมที่เชียงใหม่” คิมหันต์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“พ่อคิดว่านายคีมันจะตั้งใจทำงานหรือครับ ไปอยู่ไกลขนาดนั้น...ผมว่าเละยิ่งกว่าเดิม”
“ไม่หรอก
ที่มันไม่สนใจทำงานเพราะรู้ว่ามีเราสองคนดูแลบริษัทอยู่แล้ว
ถ้าส่งไปดูแลที่โน่นก็ให้น้าแกช่วยดูแลอีกต่อหนึ่ง พ่อว่ามันคงหันมาทำงานทำการมากขึ้น”
ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อก็มีเสียงเคาะประตูขัดจังหวะขึ้นมา การสนทนาจึงหยุดเพียงเท่านั้น พร้อมๆ
กับที่อธิปัตย์หันเหความสนใจไปยังประตูบานใหญ่
“เข้ามาได้เลย ประตูไม่ได้ล็อก”
ประตูบานนั้นถูกผลักออกเบาๆ ก่อนที่เจ้าของร่างบางจะสาวเท้าเข้ามา อธิปัตย์ขมวดคิ้วอย่างสงสัยเมื่อพบว่าผู้ที่มาพบเขายามดึกดื่นเช่นนี้คือวิมลิน
“มีอะไรรึเปล่าลิน”
เขาถามทันทีที่วิมลินทรุดนั่งตรงเก้าอี้หนานุ่มข้างๆ คิมหันต์
“คือ...ลินอยาก...” วินลินเหลียวมองคิมหันต์ก่อนหันกลับไปมองอธิปัตย์...ผ้เป็นพ่อเลี้ยง “ลินอยากย้ายไปอยู่ที่อื่นค่ะ”
ประโยคนั้นทำให้ชายทั้งสองคนภายในห้องเลิกคิ้วขึ้นมาพร้อมกัน
“ทำไมล่ะลิน อยู่ที่นี่ไม่สบายหรือ”
“ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่เลยค่ะ
คุณอา”
หญิงสาวรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน
“ลินแค่เกรงใจน่ะค่ะ ความจริงลินก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคนบ้านนี้เลย
แล้ว...” ยังพูดไม่ทันจบประโยค เจ้าของคฤหาสน์ก็ยกมือห้าม พลางจ้องหน้าหล่อนเขม็ง
“อย่าพูดอย่างนี้อีกนะลิน อาถือว่าลินเป็นเสมือนลูกสาวของอาเสมอ ที่สำคัญแม่ของลินก็คือเมียของอานะ เพราะฉะนั้นอย่าพูดว่าลินไม่เกี่ยวข้องกับคนบ้านนี้อีก” อธิปัตย์ถอนหายใจยาว ก่อนเอ่ยต่อ
“ลินมีเรื่องไม่สบายใจใช่ไหม
มีเรื่องอะไรปรึกษาอาได้นะถือซะว่าอาคือพ่อแท้ๆ ของลินก็ได้”
วิมลินได้แต่ก้มหน้านิ่ง
มือทั้งสองที่วางบนตักบีบเข้าหากัน
หญิงสาวเหลือบตามองคิมหันต์ก็พบว่าเขามองมาอยู่ก่อนแล้ว ดวงตาเรียวมีริ้วรอยกังวลแกมหนักใจ
“อย่าไปไหนเลยลิน ที่นี่บ้านของลินเหมือนกันนะ “
เสียงอ่อนๆ
ของชายหนุ่มทำให้วิมลินรู้สึกเต็มตื้นขึ้นมา ยังดีที่หล่อนยังมีคนคอยปลอบใจและให้กำลังใจอยู่บ้าง
“ถ้าลินไปอยู่ที่อื่น แม่ของลินจะเป็นห่วงมากนะ
เอางี้ไหมลินไปทำงานเป็นเลขาให้กับน้าพิมที่เชียงใหม่ไหม เผื่อจะสบายใจขึ้น” น้าพิมพ์ที่อธิปัตย์พูดถึงคือ พิมพิลาศ
น้องสาวคนสุดท้องของอธิปัตย์ที่คอยดูแลโรงแรงของตระกูลพิทักษ์เดชาอยู่ที่เชียงใหม่
“ไปอยู่ที่นั่นให้สบายใจแล้วค่อยกลับมาเป็นเลขาอาอีกครั้งก็ได้”
คำแนะนำอย่างห่วงใยนั้นทำให้วิมลินถึงกับปฏิเสธไม่ออก
“อยู่ที่นู่นอาจะได้ไม่ห่วง...ดีไหม ลิน”
ขณะที่วิมลินกำลังอ้ำๆ อึ้งๆ
อยู่นั้น
คนที่นั่งเงียบมานานก็โพล่งขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“ไม่ดีมั้งครับพ่อ” คำคัดค้านของลูกชายคนโตทำให้อธิปัตย์เหลือบตามองอย่างคลางแคลง
“คือ มันไม่ไกลไปหรือครับ”
คิมหันต์พยายามหาเหตุผลมาสนับสนุนคำคัดค้านของเขา
...ก็ถ้าขืนปล่อยให้วิมลินไปอยู่เชียงใหม่แล้วบิดาของเขายังไม่ล้มเลิกความคิดที่จะส่งคีรีไปดูแลที่นั้น วิมลินคงแย่แน่...เจ้าน้องชายตัวดีของเขาคงกัดไม่ปล่อย
บิดาของเขารู้แต่เพียงว่าทั้งวิมลินและคีรีไม่ค่อยถูกกันนัก
แต่ไม่ได้รู้ลึกซึ้งถึงขนาดที่ว่าคีรีมันจะสรรหาถ้อยคำมาถากถางวิมลินทุกครั้งที่ได้พบหน้ากัน ที่สำคัญท่านยังไม่รู้ว่า...ลูกชายคนเล็กปักใจเชื่อมั่นว่าคนที่ทำให้มารดาของเขาต้องตายคือสองแม่ลูก...พิกุลและวิมลิน!
เขาเองเคยคิดจะเล่าปัญหานี้ให้ท่านฟังหลายต่อหลายครั้งทว่า...เขาก็กลัวจะเพิ่มความเครียดให้กับท่านมากขึ้นไปอีก จึงทำได้แค่เพียงหุบปากเงียบสนิท และเป็นฝ่ายไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่าคนทั้งสองด้วยตัวเอง
คิมหันต์ขยับตัวอย่างอึดอัด พลางนึกแก้ปัญหาเฉพาะหน้าตรงนี้ให้ผ่านพ้นไป
“ให้ลินไปอยู่ไกลๆ มันอันตรายนะครับ”
“ไม่หรอก
ยังไงก็มีน้าพิมพ์คอยดูแลอยู่
ไม่ต้องห่วงหรอกคิม”
คุณอธิปัตย์หันมายิ้มให้วิมลิน
“ลินอยากไปเที่ยวเชียงใหม่ไหม”
หญิงสาวพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น ไม่เฉลียวในเลยว่าคนที่หล่อนไม่อยากจะเห็นหน้ามากที่สุดก็มีวีแววว่าจะถูกส่งไปที่นั่นเหมือนกัน!
“แต่...”
คิมหันต์พยายามข้ออ้างไม่ให้วิมลินถูกส่งไปเชียงใหม่ แต่ผู้เป็นบิดากลับหันมาส่งสายตาปรามๆ
“น้องอยากไป ก็ให้ไปเถอะคิม จะขัดขวางทำไม”
“ผมไม่ได้จะขวางนะครับ เพียงแค่...”
ชายหนุ่มเหล่มองคนข้างตัวแล้วถอนใจเฮือก
“ช่างเถอะครับ...แล้วเรื่องคีรีที่พูดค้างไว้ คุณพ่อจะว่าไงครับ”
คำว่าคีรีทำให้วิมลิมถึงกันสะดุ้งสุดตัว
“ก็อย่างที่พ่อบอกนั้นแหละ
เดี๋ยวพ่อจะเรียกมันมาคุยเองเราไม่ต้องห่วงหรอก”
คิมหันต์ส่งยิ้มเรียบๆ ไปให้บิดา
พลางครางในใจ...คนที่ผมห่วงไม่ใช่คีรีหรอกครับพ่อ แต่เป็นวิมลินต่างหาก!
“อยู่ที่นี่อีกสักพักแล้วกันนะลิน
รอให้อาส่งข่าวไปบอกน้าพิมเขาก่อน
แล้วค่อยไปนะ”
วิมลินรับคำ ทั้งดีใจและโล่งใจที่ต่อจากนี้ไปหล่อนจะไม่ได้พบหน้าคนที่ไม่อยากข้องเกี่ยวอีกต่อไปแล้ว
ทว่า...ความเป็นจริง สิ่งที่หล่อนกำลังคิดหวังไว้มันกำลังจะล่มสลายไม่เป็นท่าแม้แต่นิดเดียว!
คิมหันต์เดินนำหน้าวิมลินออกมาหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่
ความอึดอัดและไม่สบายใจทำให้ใบหน้าเรียวเคร่งเครียดจนหล่อนต้องเอ่ยปากทักอย่างเป็นห่วง
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะพี่คิม” มือบางเลื่อนแตะแขนชายหนุ่มอย่างนุ่มนวล
ดวงตากลมโตแฝงด้วยประกายเศร้ามองสบดวงตาเรียวอย่างสงสัย
“งานที่บริษัทยุ่งมากหรือคะ?”
“ไม่หรอกลิน” คิมหันต์ยกมือขึ้นกุมมือนุ่มไว้ “พี่ไม่ได้เป็นอะไร พี่แค่ห่วงลินเท่านั้นเอง” สิ้นเสียงทุ้มนุ่ม วิมลินถึงกับหัวเราะเสียงใส
“ห่วงอะไรคะ เรื่องที่ลินจะไปอยู่เชียงใหม่หรือคะ ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ลินดูแลตัวเองได้” เมื่อเห็นชายหนุ่มยังคงทำหน้ายุ่ง คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันจนเป็นปม วิมลินจึงส่งยิ่งกว้างไปให้
“ลินสัญญาว่าจะดูแลตัวเองให้ดีๆ จริงๆ
นะคะ”
รอยยิ้มกระจ่างสดใสนั้นทำให้คิมหันต์ยิ้มตอบอย่างเอ็นดูไม่ได้ เขายกมือขึ้นลูบศีรษะหญิงสาวอย่างรักใคร่
“ถึงลินจะไม่ใช่น้องแท้ๆของพี่ แต่ลินก็รู้ใช่ไหมว่าพี่ห่วงลิน รักลิน” หญิงสาวพยักหน้า
“อยู่ห่างพี่แล้วดูแลตัวเองดีๆ ล่ะ”
“ค่า ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ
พี่ชายสุดที่รักของลิน” สิ้นเสียงใสๆ นั้น เสียงหัวเราะของทั้งสองก็ดังประสานกัน
ทั้งส่องต่างส่งยิ้มให้กันอย่างมีความสุข
ไม่สำเหนียกเลยสักนิดว่ามีใครบางคนมองจ้องฝ่าความมืดมาที่ทั้งคู่ด้วยแววตาวาววับ
หลังจากคุยกับคิมหันต์เสร็จแล้ว
วิมลินจึงหมุนตัวกลับตั้งใจว่าจะกลับห้องในทันที แต่จู่ๆ รู้สึกกระหายน้ำขึ้นมาจึงเบนทิศจากห้องนอนของตนไปยังห้องครัวที่บัดนี้ปิดไฟมืดสนิทจนมองอะไรแทบไม่เห็น
ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะก้าวเข้าไปในนั้น กลับรู้สึกถึงแรงกระชาก
แรงเสียจนหล่อนทรงตัวไม่อยู่ เซหลุนๆ
ตามแรงนั้นจนปะทะเข้ากับอะไรอย่างหนึ่ง...แข็งแกร่งประหนึ่งกำแพง
วิมลินหวีดร้อง
แต่เสียงนั้นกลับถูกปิดด้วยมือใหญ่เสียก่อน
“อย่าร้องนะวิมลิน!”
เสียงห้าวนั้นหล่อนเคยคุ้น...จำได้โดยไม่ต้องเงยหน้ามองว่าคนพูดเป็นใคร!
“อ่อยอั๋นอ๊ะ”
หล่อนพูดเสียงอู้อี้พลางดิ้นรนสุดแรงเกิด
ความคิดเห็น