คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ๑ - 120%
ชายหนุ่มคลายมือจากปากหญิงสาวพลางจ้องสบนัยน์ตาหวาดกลัวคู่นั้นด้วยประกายเพลิงวาวโรจน์
“ปล่อยฉันนะ คุณคีรี!”
“ไม่ปล่อย! จนกว่าผมจะรู้ว่าคุณไปอ่อยอะไรพี่ชายผมอีก” ประโยคถากถางเช่นเดิมโพล่งออกมาจากริมฝีปากหยักได้รูปนั้น...เป็นครั้งที่เท่าไรก็คร้านจะนับ
วิมลินหน้าตึงเชิดหน้ามองตอบเขาอย่างไม่พอใจ
“จะพูดอะไร ช่วยกรุณาให้เกียรติฉันหน่อยนะคะ”
“ทำไม ก็เรื่องที่ผมพูดมันก็เป็นความจริงนี่ เห็นจับมือจับไม้กัน ไม่อายผีสางซะบ้างเลยรึไง!”
คนถูกว่าทอดถอนใจอย่างระอากับคนตรงหน้า
“ฉันเบื่อจะเถียงกับคุณแล้ว ปล่อย!”
หญิงสาวดิ้นสุดแรง แต่วงแขนล่ำสันกลับรัดแน่นขึ้นๆ จนหล่อนหายใจแทบไม่ออก
“นี่คุณกะจะรัดฉันให้ตายเลยรึไง”
นัยน์ตาคมกริบเปล่งประกายเจิดจ้า
ริมฝีปากยิ้มเหยียดเย้ยหยัน
“คุณมันก็เหมือนแม่คุณนั่นแหละ ได้แต่หลอกผู้ชายไปวันๆ!”
สิ้นเสียงนั้น วิมลิมถึงกับหมดความอดทน
ออกแรงผลักคนตรงหน้าโดยแรงก่อนตวัดมือใส่ใบหน้าสากระคายนั้นอย่างถนัดถนี่
เผียะ!
เสียงฝ่ามือกระทบเนื้อดังก้อง คีรีหน้าหันไปอีกทางหนึ่ง
ท่ามกลางความเงียบงัน เสียงหัวใจของวิมลินดังระรัวละม้ายจะปะทุออกมานอกอก
นานช้าเหลือเกินกว่าคนที่โดนตบจะหันกลับมามอง กองไฟน้อยๆ
ปะทุในแววตาคู่นั้นจนหล่อนนึกกลัวขึ้นมาจับใจ หญิงสาวเตรียมตัววิ่งหนี ทว่าอีกฝ่ายกลับคว้าหล่อนไว้ได้อย่างทันท่วงที
“นี่คุณกล้าตบหน้าผมเหรอ วิมลิน!”
“ใช่! ฉันกล้าตบหน้าคุณ เพราะคุณปากพล่อย ด่าว่าแม่ของฉันเสียๆ หายๆ
ฉันยอมไม่ได้”
“แต่สิ่งที่ผมพูดมันเป็นความจริง...ไม่ใช่หรือเล่า” คีรีเอ่ยลอดไรฟัน ใบหน้าคมก้มลงมาเรื่อยๆ จนห่างกันไม่ถึงคืบ
“แล้วคุณจะต้องเสียใจที่กล้ามาลองดีกับผม!”
กล่าวทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็ผลักร่างบางเต็มแรงจนหล่อนก้นกระแทกกับพื้นกระเบื้องแข็งๆ
“คุณเตรียมตัวเตรียมใจไว้เลย ผมไม่เลิกราวีคุณแน่!”
คีรีหมุนตัวกลับ เดินลงฝีเท้าหนักๆ จากไป
ขณะที่คนที่นั่งแปะอยู่บนพื้นขบริมฝีปากแน่น ดวงดากลมโตปรากฏรอยแค้นเคือง มือเล็กกำเข้าหากันแน่น
...อีกไม่นาน ก็จะได้ไปจากที่นี่แล้ว อดทนเข้าไว้
เธอจะไม่ได้พบหน้าเขาอีกแล้ว
วิมลิน!...
หญิงสาวเฝ้าแต่พร่ำบอกตนเองในใจ ทว่าสิ่งที่หล่อนหวัง ในความเป็นจริงแล้วเปรียบดังแสงสว่างอันริบหรี่เหลือเกิน
คฤหาสน์อธิปัตย์ดูจะเงียบไปถนัดใจเมื่อเจ้าของบ้านและลูกชายทั้งสองเดินทางไปร่วมงานเลี้ยงการร่วมทุนระหว่างสองบริษัท
ร่างบางระหงในชุดดำสะพายเป้ใบใหญ่หลบอยู่ในเงามืดของตัวตึก...ต้องการหลบให้พ้นจากสายตาของพวกสาวใช้แต่ละคน ความเงียบงันและลมพัดวูบพาดผ่านใบหน้าไม่ได้ทำให้เหงื่อเม็ดเล็กๆ ที่ผุดพรายจางหายแต่อย่างใด ตรงกันข้าม
มันกลับทำให้หัวใจของหล่อนเต้นถี่ระรัว
เพราะถ้าโดนจับได้ หล่อนคงไม่มีวันหนีพ้น!
วิมลินจรดฝีเท้าเพียงแผ่วเบาขณะเดินอ้อมมาหน้าคฤหาสน์หญิงสาวเหลียวไปมอง...บ้าน...
บ้านที่ให้ความสุขสมบูรณ์แก่หล่อนมาหลายปี...ถึงเวลาแล้วที่หล่อนต้องเดินออกไปจากชีวิตของครอบครัวนี้เสียที
หล่อนทนไม่ได้ที่จะต้องทนอยู่ให้
‘ใครบางคน’ เฝ้าดูถูกอย่างที่แล้วๆ มา
และยิ่งได้รู้ว่า ‘เขา’
จะต้องเดินทางไปเชียงใหม่พร้อมกับหล่อน
‘อะไรนะคะ ให้คุณคีดูแลลินหรือคะ’
ราวกับฟ้าถล่มลงมาตรงหน้า
วิมลินได้แต่จ้องคุณอธิปัตย์ด้วยความตกใจและคาดไม่ถึง
‘อากำชับกับเจ้าคีมันแล้วว่าให้ดูแลลินให้ดีๆ
ถ้ามันยังกล้ารังแกหนูอีก อาจะลากคอมันมาสั่งสอนเอง!’
ถึงอีกฝ่ายจะพูดเช่นนั้น
แต่ไม่ได้ทำให้วิมลินรู้สึกดีขึ้นแต่อย่างไร
ด้วยรู้ดีว่าคนดื้อด้านอย่างคีรีไม่มีวันรามือจากหล่อนแน่
สิ่งใดที่เขาเกลียด เขาก็จะฝังมันลงบนหัวใจของเขาจนไม่อาจลบเลือนได้!
ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดที่หล่อนพอจะคิดและทำได้ คือ
หนี! และหล่อนต้องหนีให้พ้น!...
ไวเท่าความคิด
หญิงสาวรีบวิ่งฝ่าความมืดมุ่งตรงสู่ประตูทองเหลืองบานใหญ่ หล่อนเร่งฝีเท้าอย่างคนใจร้อน และเพียงโผล่พ้นจากคฤหาสน์มาได้โดยที่ไม่มีใครเห็น วิมลินถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนที่ความเงียบงันอ้างว้างรอบกายจะจู่โจมเข้ามาจนตั้งตัวไม่ติด
...จะทำอย่างไรต่อไปดีเล่า หล่อนจะไปพักที่ไหน ทำงานอะไรในเมื่อเงินติดตัวหล่อนและที่มีอยู่ในธนาคารก็มีไม่มากนัก แต่มันก็พอที่หล่อนจะใช้เช่าห้องพักและใช้ชีวิตต่อไปได้สักอาทิตย์หนึ่ง
หญิงสาวสาวเท้าก้าวต่อไปเรื่อยๆๆ
ระหว่างใช้ความคิด
ทางสองข้างของซอยนั้นทั้งเปลี่ยวและมืดมิด
แต่วิมลินมัวแต่ครุ่นคิดจนไม่ระแวดระวังภัยที่กำลังจะเกิดขึ้น
มอเตอร์ไซค์คันเล็กแล่นสวนมาตามทางพร้อมกับชายฉกรรจ์สองคน พวกมันส่งเสียงผิวปากเมื่อเห็นหญิงสาวรูปร่างบอบบางเดินอยู่กลางถนนเพียงคนเดียว
ฝ่ายนั้นไม่รอช้า
กระโดดลงจากรถเข้าไปล้อมหน้าล้อมหลังวิมลินทันที
คนที่กำลังจะถูกคุกคามรีบเบี่ยงตัวเดินหนี
แต่หนึ่งในชายฉกรรจ์ไม่น่าไว้ใจสองคนนั้นกลับถือวิสาสะรั้งแขนของหล่อนไว้
“เดี๋ยวสิจ๊ะคนสวย
จะรีบหนีไปไหนเล่า” ชายคนนั้นทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอได้อย่างน่าเกลียด
“หุ่นดีๆ แบบนี้
ไปสนุกกับพี่ดีไหมจ๊ะ”
วิมลินยังคงนิ่งเงียบ
สายตาที่มองพวกมันแข็งกล้าเต็มไปด้วยความขยะแขยง
หญิงสาวสะบัดแขนจนหลุดพลางตั้งหน้าตั้งตาออกวิ่ง แต่ถึงอย่างไรหล่อนก็หนีไม่พัน และดูเหมือนจะไม่มีใครสามารถยื่นมือเข้ามาช่วยหล่อนได้เสียด้วย!
“ปล่อยนะ!
ไอ้ทุเรศ!”
“ปล่อยให้โง่สิวะ!
นานๆ จะมีลาภมาจ่อถึงที่ ใครจะปล่อยให้รอดพ้นมือไปได้วะ” ทั้งสองต่างรวบเอว รวบมือ
แถมยังลากเธอหมายจะเข้าไปในพงหญ้าข้างทาง
หล่อนดิ้นสุดชีวิต
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย!”
เสียงร้องให้คนช่วยสะดุดลงเพียงแค่นั้นเมื่อหนึ่งในนั้นใช้มือปิดปากหล่อนจนแน่น
หล่อนท่าจะไม่รอดเสียแล้ว...วิมลินคิดอย่างปลงตก
น้ำตารื้นขึ้นมาอย่างหวาดหวั่นและเสียใจ
ในระหว่างความเป็นความตายนั้นเอง
ไฟสองดวงก็พุ่งกราดผ่านเข้ามาพร้อมกับเสียงเครื่องยนต์
หญิงสาวเริ่มใจชื้นขึ้นดิ้นรนตะเกียกตะกายให้รอดพ้นจากมือของพวกมัน
รถคันนั้นแล่นเข้าจอดข้างทางพร้อมกับร่างสูงใหญ่ของชายผู้หนึ่งก้าวลงจากรถ ในตอนแรกนั้นวิมลินรู้สึกดีใจเป็นที่สุด
แต่ทว่า...รูปร่างอันคุ้นตาอย่างประหลาดทำให้หล่อนถึงกับหน้าถอดสี ไม่ต้องฟังเสียง หล่อนก็รู้ว่าคนคนนั้นคือใคร!
“พวกแกทำอะไรวะ!”
ชายหนุ่มก้าวอาดๆ
เข้ามาหาอย่างเอาเรื่อง และเพียงแต่เห็นหน้าหล่อนอย่างชัดๆ เขาก็กระตุกยิ้มมุมปาก
“วิมลิน! ไม่นึกเลยว่าจะเป็นคุณ”
วิมลินเหลือบสายตามองคีรีแล้วต้องครางในใจอย่างผิดหวังและเสียใจ
...เขาคงนึกว่าเธอนัดแนะผู้ชายคนนี้ให้มาพบแน่ๆ สายตาเขามันฟ้อง!... ทำไมนะ ทำไมเธอถึงหนีเขาไม่พันเสียที!
“พวกแก ไปให้พ้นเลยไป!”
ใช่แค่ตะโกนไล่ยังหยิบปืนขึ้นมาขู่อีกด้วย “ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่จะมาพลอดรักกันนะโว้ย! ไป!”
เสียงตวาด แววตาเกรี้ยวกราดเอาจริง และปืนในมือของชายหนุ่มทำให้ชายฉกรรจ์สองคนนั้นล่าถอยไปอย่างลนลาน
สุดท้ายถนนที่แสนเงียบและมืดมิดสายนั้นจึงเหลือเพียงแค่เขาและหล่อน!
“คุณนึกยังไงถึงไปคบไอ้กุ๊ยพวกนั้น แล้วดูซิ
นี่อะไร”
คีรีจับเป้สะพายหลังของเธอ
ถามเสียงแข็ง
“คุณจะหนีตามไอ้สองคนนั้นไปรึไง”
“ฉันไม่ได้หนีตามเขา! คุณน่ะชอบอคติกับฉันอยู่เรื่อยๆ”
“ไม่ได้หนี แล้วสะพายกระเป๋าออกจากบ้านตอนมืดๆ ค่ำๆ
ทำไม หา! วิมลิน ตอบผมมาซิ!”
คนถูกถามได้แต่อ้ำๆ อึ้งๆ
กันหน้ามองพื้นอย่างไม่รู้ว่าจะตอบถามเขาเช่นไร
“คุณคิดจะหนีไปไหน”
คีรีคว้าหมับที่ต้นแขนกลมกลึงก่อนออกแรงบีบ “คุณคิดจะไปจากบ้านผมงั้นเหรอ คิดหนีทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ตอบแทนบุญคุณของพ่อผมงั้นเหรอ!”
แรงบีบดูจะแรงขึ้นตามอารมณ์ของคนพูดจะวิมลินถึงกับครางเบาๆ อย่างเจ็บปวด
“ฉันจะไปไหนมันก็เรื่องของฉัน! ที่สำคัญ
ฉันไม่มีวันลืมบุญคุณของคุณอา
สักวันฉันจะกลับมาตอบแทนท่าน”
“ไม่ต้องมาแก้ตัว คุณคิดจะหนีไปกับผู้ชายใช่ไหม ใช่ไหม!”
คราวนี้เขาจับต้นแขนของวิมลินด้วยมือทั้งสองมือ ก่อนเขย่าแรงๆ
จนศีรษะหล่อนสั่นคลอน
“อย่าหวังเลยว่าคุณจะทำตามใจชอบได้ ผมไม่มีวันยอมแน่ๆ” เขาลากหล่อนให้เซหลุนๆ
ตามเขาไปยังรถยุโรปคันเล็กที่จอดนิ่งสนิทอยู่อีกฟากของถนน จับตัวหล่อนยัดเข้าไปในเบาะหลังแล้วเลี้ยวรถกลับ พุ่งทะยานไปในทิศทางตรงข้ามกับคฤหาสน์หลังใหญ่
“คุณ...คุณจะพาฉันไปไหนน่ะ จะบ้าแล้วหรือไง”
“ผมไม่ยอมให้คุณหนีไปไหนหรอกวิมลิน เราสองคนมีเรื่องต้องสะสางกันมากมายนัก ผมไม่มีทางปล่อยคุณไป!” คำตอบที่เอื้อนเอ่ยออกมานั้นทั้งเครียดทั้งดุดันจนคนฟังขนลุกซู่ไปทั้งกาย
...นี่เขาถึงกับจะฆ่าจะแกงเธอเลยรึไง...
“คุณคีรี! คุณต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ คุณตั้งใจจะทำอะไรกับฉันกันแน่!”
“ไม่ต้องกลัว ผมไม่คิดฆ่าคุณหรอก” วิมลินถอนหายใจอย่างโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง ยังไงหล่อนก็ยังมีชีวิตรอด
แต่ว่าประโยคถัดมาที่เขาเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั้นทำให้หล่อนถึงกับหายใจไม่ทั่วท้อง
“ผมแค่ต้องการคุณมารับใช้ผมก็เท่านั้น คุณกับผมต้องถูกผูกติดอยู่ด้วยกันตลอดไป วิมลิน!”
ความคิดเห็น