ตอนที่ 3 : Chapter 2 : The boy, who loves rabbit
Chapter 2 : เด็กหนุ่มคนนั้นชอบกระต่าย
“จำไว้นะเคอร์นอฟ...เจ้าไม่เหมือนใครเพราะว่าเจ้าเป็นคนพิเศษ” มือบอบบางลูบไล้ศีรษะของบุตรชายด้วยความรักใคร่ เจ้าของใบหน้าผอมซูบที่ยังพอเห็นเค้าความงามในวัยสาวขยับยิ้มอย่างอ่อนโยน “สีดำและสีแดงไม่ใช่อัปมงคลเสมอไป...เจ้าเห็นกระต่ายตัวนี้มั้ย มันก็มีสีขนและสีตาเหมือนกับเจ้า แต่มันก็ยังคงเป็นชีวิตอันแสนบริสุทธิ์ ไม่มีใครต้องสาปเพียงเพราะเขาไม่เหมือนคนอื่นหรอกคนดีของแม่...”
ท่ามกลางความเงียบงันระหว่างสองทายาทจากทะเลสาบแสงจันทร์ หยาดน้ำจากนัยน์ตาสีทับทิมไหลรินผ่านผิวแก้มขาวซีด ก่อนจะร่วงหล่นลงบนเส้นขนเนียนละเอียดที่เปียกลู่ด้วยคาวเลือดผสมหยดน้ำตา...แต่ไร้ประโยชน์ กระต่ายตัวนั้นไม่มีทางกลับมามีชีวิตได้อีกต่อไปแล้ว
“อีวาน...ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไรแล้ว”
จ้ะ...มันเป็นอะไรไม่ได้แล้วล่ะ แน่นิ่งซะขนาดนั้นเป็นได้อย่างดีก็วิญญาณกระต่าย... อ้าว ข้าใจร้ายเกินไปสินะ?
“เคอร์นอฟ ข้าไม่ได้ตั้งใจ กระต่ายของเจ้ามันกระโดดเข้ามาพอดี...” เสียงแผ่วเบาดังขึ้นจากริมฝีปากของผู้อ่อนวัยกว่า เด็กชายก้มหน้าลงมองพื้นดินเพราะไม่อยากเห็นใบหน้าอันเต็มไปด้วยหยดน้ำตาของอีกฝ่าย เคอร์นอฟที่เขารู้จักคือพี่ชายที่มีรอยยิ้มกว้างอยู่เสมอ...ไม่ใช่พี่ชายที่ร้องไห้ด้วยความโศกเศร้าเช่นนี้
“พอเถอะ...เจ้ากลับไปได้แล้วเซอร์ซัส” เคอร์นอฟไม่แม้แต่จะชำเลืองมองน้องชายต่างมารดา สองตาของเด็กหนุ่มจับจ้องแต่ร่างอันไร้วิญญาณของกระต่ายสีดำ สมองนึกถึงภาพของอีวานที่ใครก็บอกว่ามันต้องสาปเพราะเส้นขนสีดำและตาสีแดง...เหมือนกับเขา
แต่จะว่าไป...กระต่ายบ้านไหนมันขนสีดำ ตาสีแดงกันล่ะ? ถ้ากระต่ายตาสีแดง ตามหลักพันธุศาสตร์แล้วต้องขนสีขาวไม่ใช่เรอะ? เดอะ ไรเตอร์ทำอะไรก็หัดหาข้อมูลบ้างสิ
ความเงียบงันแทรกซึมระหว่างพี่ชายและน้องชาย เคอร์นอฟได้แต่ร่ำไห้พลางจ้องมองร่างไร้วิญญาณบนมืออันสั่นเทา ผู้อ่อนวัยกว่ายังคงไม่กล้าสบตาพี่ชาย...เด็กชายเหม่อมองคราบเลือดสีสดบนคมดาบ ความรู้สึกต่าง ๆ นานาผสมปนเปจนกลายเป็นความสับสนในจิตใจ ใจหนึ่งเซอร์ซัสก็รู้สึกผิดที่คร่าชีวิตสัตว์เลี้ยงของพี่ชาย...แต่อีกใจก็ประท้วงว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลยสักนิด สิ่งที่เขาต้องการก็แค่สั่งสอนเคอร์นอฟเพียงเท่านั้น
“ข้าขอโทษ...”
สำนึกดีงามอันเป็นพื้นฐานในจิตใจทำให้เด็กชายพึมพำส่งท้าย ก่อนจะวิ่งกลับไปยังเรือลำเล็กที่จอดเทียบอยู่ริมน้ำเพื่อกลับไปยังอีกฝั่งหนึ่งของทะเลสาบ เคอร์นอฟเหลือบมองน้องชายด้วยหางตา...ความนิ่งเงียบของเขาทำให้ข้าเองก็ไม่กล้าคาดเดาว่าจอมมารกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ข้าก็ภาวนาให้เขานึกโกรธแค้นจนอยากจะเข่นฆ่าเซอร์ซัสให้จบชีวิตลงในสภาพเดียวกับกระต่ายสีดำตัวนั้น
จะบอกว่าข้าเหี้ยมโหดไม่ได้หรอกนะ...เมื่อเดอะ ไรเตอร์กำหนดโชคชะตามาเป็นเช่นนี้ ข้าเองก็ต้องทำทุกทางให้เคอร์นอฟกลายเป็นจอมมารผู้นำพาหายนะมาสู่โลก ไม่งั้นก็หมดกันทั้งโบนัส...ทั้งเงินเดือน
“ตั้งใจทำงานเข้านะเจ้าน่ะ” บุรุษแห่งโชคชะตาในชุดขาวตะโกนมาจากเรือที่กำลังลอยออกจากฝั่ง “อย่าลืมล่ะว่าข้ายังมีเงินให้เจ้ายืมนะ ติดต่อข้ามาได้ตลอดเลย ถึงเจ้าไม่อยากได้เงิน อย่างน้อย ๆ ก็ให้ข้าเลี้ยงข้าว เลี้ยงเหล้าเจ้าหน่อยก็ดี จะได้มีกำลังใจในการทำงานหาเงินไง”
“เออ รู้แล้ว” ข้าถอนหายใจเฮือก จะบอกว่าอึดอัดใจก็ไม่ใช่ เอาเข้าจริงก็คงจะเหมือนทุกครั้ง ข้ารำคาญเจ้านั่นมากกว่า เวลาที่ข้าควรจะทำงานก็ยังจะมากวนประสาทกันอีก
“แล้วฝากความคิดถึงไปยังแม่เจ้าด้วยนะ”
.....
ขอร้องล่ะ ไปไหนก็ไปเถอะ...อย่ามาซ้ำเติมกันอีกเลย!
ข้าส่ายหน้าด้วยความระอาใจแล้วยกมือตบแก้มตัวเองเบา ๆ เพื่อเรียกสติ จากนี้ก็เป็นงานของข้าที่ต้องส่งเสริมจอมมารไปในทางที่ผิด
กลุ่มไอน้ำรวมตัวกันจนกลายเป็นหมอกจางแผ่กระจายไปทั่วอาณาบริเวณ แม้ว่าเมื่อกี้ท้องฟ้าจะยังแจ่มใสไร้ด้วยเมฆ แต่ตอนนี้เมฆฝนตั้งเค้าจนบดบังแสงอาทิตย์ ท้องฟ้ามืดหม่นลงจนเหมือนอยู่ในยามค่ำทั้งที่ยังคงเป็นเวลากลางวัน เงาลางเลือนของข้าปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของเคอร์นอฟพร้อมกับไอเย็นยะเยือกชวนขนลุก
ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครเป็นคนออกกฎให้การปรากฏตัวของบุรุษแห่งโชคชะตาจะต้องมีกลิ่นอายของความลึกลับอยู่เสมอและต้องใช้หมอกควันเป็นองค์ประกอบหนึ่งในการเพิ่มความขลัง แถมยังมีข้อบังคับว่าถ้าเป็นฝั่งพระเอกต้องใช้โทนสีขาวสว่างเพื่อเพิ่มออร่า ส่วนฝั่งตัวร้ายต้องใช้สีเทาหม่นหรือดำเพื่อให้บรรยากาศอึมครึมไม่น่าไว้ใจ
นี่มันเชยจนไม่รู้จะเชยยังไง! คือบางทีข้าก็เบื่อสีดำแล้ว อยากใส่สีขาวเท่ ๆ กับเขาบ้าง ถ้าเลือกได้ก็อยากจะใส่สีอื่นที่มันมีสีสันมากกว่าสีนี้ หรืออย่างน้อย ๆ ก็อยากจะเปลี่ยนให้มันดูดีกว่านี้ขึ้นมาสักหน่อย ไม่ใช่เสื้อคลุมสีดำมีฮู้ดไว้ใส่ปิดบังหน้าตาแบบนี้
เฮ้อ...เอาเถอะ ขนาดจอมมารยังถูกกำหนดให้มีผมสีดำ ตาสีแดงเลย ทั้งที่จริงแล้วสีดำมันก็ไม่ได้เลวร้ายตรงไหน ใช้สีดำแต่งดี ๆ ก็ออกจะดูดีมีสไตล์...ข้าก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้ายด้วย ไม่รู้ว่าถ้าใช้สีชมพู สีฟ้า มันจะดูไม่เลวทรามสมใจหรือไง?
“ร้องไห้ไปก็ไร้ค่า...อีวานของเจ้าไม่มีวันกลับคืนมาอีกแล้ว” เสียงของข้าที่เปล่งออกจากลำคอกลายเป็นเสียงเย็นเฉียบไร้ซึ่งความรู้สึกตามมาตรฐานของบุรุษแห่งโชคชะตาฝ่ายตัวร้าย เด็กหนุ่มวัยสิบหกปีเงยขึ้นมองข้าด้วยใบหน้าอันอาบนองด้วยหยดน้ำตา
“ข้ารู้...ฮึ่ก” เด็กหนุ่มสะอื้นไห้ด้วยความเสียใจ “ถึงยังไงอีวานก็เป็นเพื่อนเพียงหนึ่งเดียวของข้า...”
เออดี...จอมมารบ้านไหนมีเพื่อนเป็นกระต่ายกัน? น่ารักซะไม่มี
“ความโศกเศร้าไม่ช่วยเยียวยาสิ่งใด เจ้าไม่หลงเหลือสิ่งที่เจ้ารักอีกต่อไปแล้วเคอร์นอฟ ทั้งแม่ของเจ้าและกระต่ายที่นางมอบให้...ล้วนตายจากโลกนี้ไปหมดแล้ว” ความเย็นชาจะยิ่งช่วยตอกย้ำบาดแผลในจิตใจของเด็กหนุ่มให้ฝังลึกลงไปยิ่งกว่าเดิม เคอร์นอฟในตอนนี้เหมือนกับเรือที่หางเสือหักและขาดคนควบคุม ได้แต่ลอยไปตามกระแสน้ำอันเชี่ยวกราดและไม่นานก็จะเข้าสู่หนทางของความมืดมิดที่เรียกว่า...วิถีตัวโกง
เดี๋ยวนี้ตัวร้ายที่มีปมชีวิตอันสุดแสนเศร้าเคล้าน้ำตาจะได้รับความนิยมมากกว่าตัวร้ายที่วันดีคืนดีนึกอยากจะชั่วขึ้นมาก็ฆ่าล้างโคตรมวลมหาประชาชนเล่นแก้เซ็ง เพราะงั้นข้าเลยต้องรีบสร้างปมเพื่อเรียกแฟนคลับ ไม่มีอะไรจะชักจูงง่ายเหมือนกับเด็กหนุ่มวัยรุ่นที่อยู่คนเดียวโดยไม่มีคนดูแลอีกแล้ว ยิ่งวัยประมาณนี้กำลังหัวเลี้ยวหัวต่อ ยั่วยุอะไรนิดหน่อยก็เตลิดไปไกลจนกู่ไม่กลับ
“ชีวิตแลกด้วยชีวิต...สิ่งที่เจ้าสูญเสียไปไม่อาจมีสิ่งอื่นใดทดแทนได้อีกแล้ว คนที่ผิดคือคนที่พรากทุกสิ่งไปจากเจ้า” ดวงตาคู่นั้นของเคอร์นอฟช่างเต็มไปด้วยความสับสน ข้ารีบใช้โอกาสที่เขากำลังนิ่งเงียบเพราะคิดไตร่ตรองอะไรหลาย ๆ อย่างในการใส่ไฟแห่งความเกลียดชังเข้าไปให้เต็มที่
“อืม...ข้าไม่เหลืออะไรแล้ว” เด็กหนุ่มพึมพำเบาในลำคอ สองตากลับไปจับจ้องซากศพของกระต่ายสีดำในมือ หากแต่แววตากลับเฉยชาไม่สดใสเหมือนกับยามปกติ...ซึ่งดีแล้วสำหรับข้า ถึงจะเพิ่งเริ่มแต่ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี...น่าประทับใจเชียวล่ะ
“คนผิดไม่ใช่เจ้า...เคอร์นอฟ เจ้าไม่ได้ผิดที่เกิดมาผิดแปลกจากคนอื่น คนผิดคือเซอร์ซัสที่เกิดมาเพื่อแย่งชิงทุกสิ่งที่ควรจะเป็นของเจ้าไปต่างหากล่ะ...”
แค้นสิ! แค้น!! แค้นจนอยากจะเอาทุกอย่างกลับคืนมา...แค้นจนอยากจะฆ่าน้องชายตัวเองให้ตายไปสภาพเดียวกับกระต่ายตัวนั้น...แค้นจนอยากจะทำลายล้างโลกนี้ให้สิ้นซากไปซะ!!
ข้าลุ้นจนออกนอกหน้าเกินไปสินะ? ไม่ต้องห่วงหรอก...ภาพที่เคอร์นอฟเห็นจะเป็นภาพข้าในชุดคลุมสีดำเชยเฉิ่มไม่ถูกใจวัยรุ่น แถมหน้ายังถูกเงาจากฮู้ดดำที่ใส่คลุมบดบังพื้นที่ไปเกินครึ่งหน้า แค่ปลายจมูกและริมฝีปากที่โผล่พ้นออกมาไม่ได้ทำให้คนอื่นอ่านสีหน้าของข้าออกหรอก ยังไงเสียเทวทูตอย่างเรา ๆ ก็ถูกฝึกฝนมาให้แอ๊บหน้าตายได้ทั้งที่ในใจอยากจะกรีดร้องเต็มที...
“นั่นสินะ....”
เอนเอียงมาทางข้าแล้วล่ะสิเจ้าหนู... เทวทูตขั้นเทพแบบข้าเก่งในเรื่องการชักจูงคนไปในทางที่เลวอยู่แล้ว
“อีวานของข้าจากไปแล้ว...ต่อให้ทำยังไงก็คงกลับมามีชีวิตใหม่ไม่ได้” จอมมารจับจ้องมายังข้าด้วยนัยน์ตาคลอหน่วยไปด้วยหยดน้ำตา “ป่านนี้อีวานคงจะไปวิ่งเล่นอยู่บนท้องฟ้า ถึงข้าจะแค้นไปก็คงไม่มีอะไรดีขึ้นมา การให้อภัยเป็นสิ่งที่ดีที่สุดใช่มั้ยล่ะ?”
ไม่ใช่ว้อย!
ถึงการให้อภัยจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่พระเจ้าจะได้สรรสร้างขึ้นมาบนโลกนี้ก็เถอะ แต่การที่จอมมารผู้ควรจะเคียดแค้นกลับยึดหลักการให้อภัยนี่มันผิดไปสุด ๆ เลยไม่ใช่หรือไง?
“ขอบใจเจ้ามากนะจอห์นที่ช่วยเตือนสติ...ข้าไม่ควรจะโกรธเซอร์ซัสเลย ยังไงเขาก็เป็นน้องชายเพียงคนเดียวของข้า บางทีเขาอาจจะเครียดเกินไปก็ได้ ข้าควรจะให้เวลาเขาได้คิดทบทวนอะไรเสียหน่อย อะไร ๆ อาจจะดีกว่านี้ก็ได้”
โลกสวยเกินไปแล้ว! จอมมารที่ไหนเขาโลกสวยกันขนาดนี้? นี่มันเกินขั้นกว่าที่ข้าจะเยียวยาให้ชั่วร้ายได้จริง ๆ อีกอย่าง ใครมันชื่อจอห์นกันไม่ทราบ อย่าบังอาจเอาชื่อโหล ๆ ดาษดื่นที่หาได้ทั่วไปตามหัวมุมถนนมาใช้เรียกข้าสิ ข้าไม่ได้ชื่อจอห์นเสียหน่อย!
ข้าลอบถอนหายใจยาว อันที่จริงอยากจะกุมขมับแล้วนั่งทรุดลงไปกับพื้นด้วยความอ่อนล้าเสียด้วยซ้ำ แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะว่าข้ายังมีภาพลักษณ์เทวทูตให้คอยห่วงอยู่บ้าง...
“ลืมตาตื่นเสียเถอะเคอร์นอฟ” น้ำเสียงของข้ายังคงเรียบเฉยสมกับตำแหน่งหน้าที่เหมือนเคย “รอยร้าวบนแก้วยากที่จะประสาน เจ้ากับน้องชายก็เช่นเดียวกัน...พวกเจ้าไม่มีวันหวนกลับมาเป็นพี่น้องได้เช่นเคยอีกต่อไป โชคชะตาของเจ้าทั้งสองคนสวนทางกันราวกับเส้นขนาน”
“เจ้าเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายจังเลยนะจอห์น ข้าไม่คิดว่าทุกอย่างมันจะแย่ไปหมดหรอก ท่านแม่บอกข้าว่าต่อให้มีเรื่องร้ายมากมายแค่ไหน แต่สักวันก็ต้องมีเรื่องดี ๆ ในสักวันอย่างแน่นอน” เด็กหนุ่มปาดน้ำตาบนแก้มแล้วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอย่างมุ่งมั่น...อย่างกับว่ากำลังพูดกับแม่ที่ตายจากไปอย่างนั้นล่ะ
เฮ้อ...ข้าควรจะหยุดถอนหายใจสักที ไม่งั้นคงจะมีแต่เสียงข้าถอนหายใจนี่ล่ะ...หรือว่าการเปลี่ยนตัวร้ายให้คนอื่นเป็นจอมมารแทนอาจจะง่ายกว่าการเกลี้ยกล่อมเจ้าหนูนี่ก็ได้ ข้าคงจะต้องเข้าไปพูดคุยเรื่องนี้กับเดอะ ไรเตอร์ดูสักครั้ง หรืออย่างน้อยก็ให้หัวหน้าช่วยจัดการอะไรสักอย่าง ปัญญาข้าเองคงจะรับมือกับความโลกสวยสดใสของว่าที่จอมมารไม่ไหวแน่ ๆ
“จอห์น...” ใบหน้าฉายแววหล่อเหลาในอนาคตหันมาทางข้าพร้อมกับจ้องมองมาด้วยแววตาที่สั่นระริก “เจ้าช่วยอะไรข้าสักอย่างได้มั้ย?”
“จะให้ช่วยอะไรล่ะ?”
“ช่วยข้าฝังศพของอีวานหน่อยได้มั้ย...อีวานน่ะชอบทะเลสาบแสงจันทร์มาก มาทีไรก็จะไปนอนใต้ต้นไม้ต้นนั้นทุกที...ข้าอยากให้อีวานนอนหลับที่นี่ตลอดไป” สีหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ของเคอร์นอฟทำให้ข้าพยักหน้าตอบรับไปโดยไม่รู้ตัว บางทีจอมมารน้อยของข้าอาจจะมีความสามารถในการสะกดใจคนให้ทำตามความต้องการก็ได้...มั้งนะ
แต่ข้าว่าจริง ๆ แล้วอีวานคงไม่ได้ชื่นชอบอะไรที่นี่เป็นพิเศษหรอก มันก็แค่กระต่ายขี้เกียจที่เอาแต่นอนไม่ใช่หรือไง?
“ช่วยได้...แต่ไม่มีอะไรพอจะใช้ขุด” เกินหน้าที่ไปหน่อยก็เอาเถอะ ถือว่าเป็นการช่วยเหลือเด็กที่น่าสงสารแล้วกัน...
เด็กหนุ่มสูดน้ำมูกก่อนจะหันซ้ายหันขวาเพื่อหาอุปกรณ์ที่พอจะใช้ได้ สองมือเรียวยังคงประคองศพกระต่ายตัวอ้วนไว้ เลือดสีสดเปรอะเปื้อนไปทั่วเสื้อคลุมสีน้ำตาล รวมไปถึงเสื้อสีขาวด้านใน แต่ดูท่าแล้วเจ้าตัวจะไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้เท่าไหร่ และคงจะไม่ยอมวางอีวานลงง่าย ๆ ด้วย
“อะไรดีล่ะ...” ดวงตาคู่สีทับทิมกวาดมองไปทั่ว...ก่อนจะหยุดลงที่ซองหนังสีดำบนผืนหญ้า ผู้กล้าวัยเลือดร้อนคงวางทิ้งไว้ให้พี่ชายก่อนที่ตัวเองจะหนีกลับบ้านไป “มีดสั้นอันนั้นได้มั้ย? ข้าว่ามันน่าจะพอใช้ขุดดินได้”
...
นั่นมันของสำคัญที่จะมีผลต่อเนื้อเรื่องต่อไปนะเฮ้ย! จะให้เอามาขุดดินฝังกระต่ายมันก็ไม่ใช่ที่ คือข้าไม่ค่อยอยากจะสปอยล์เรื่องเท่าไหร่ แต่ในอนาคตมีดสั้นเล่มนี้จะต้องมีความสำคัญมากแน่ ๆ ไม่อย่างนั้นเดอะ ไรเตอร์คงไม่ส่งมันมาให้กับเคอร์นอฟหรอก
อย่างน้อย ๆ ก็ช่วยมีสามัญสำนึกหน่อยมั้ยว่ามันเป็นมีดสั้นจากพ่อบังเกิดเกล้าน่ะ?
“ใช้อย่างอื่นคงดีกว่า หรือถ้ายุ่งยากนักก็เผากระต่ายตัวนั้นซะแล้วเก็บเถ้ากระดูกไว้” เด็กหนุ่มกะพริบตามองข้าพร้อมกับหยดน้ำใสที่ไหลรินอาบแก้ม ริมฝีปากบางบิดเบ้ด้วยความไม่พอใจ ใบหน้าขาวเหยเกเหมือนกับคำพูดเมื่อกี้ร้ายแรงเสียจนรับไม่ได้
“...ฝังก็ฝัง” ข้ารีบตัดบทก่อนที่จอมมารของข้าจะปล่อยโฮอีกรอบ บอกตรง ๆ ว่าข้าไม่ชอบเห็นเจ้าหนูนี่ร้องไห้ ไม่ใช่ว่าพ่ายแพ้น้ำตา แต่เห็นแล้วมันสลดใจ... ถึงเคอร์นอฟจะหน้าตาดี แต่พอมาร้องไห้ฟูมฟายจนหน้าตาแดงก่ำแบบนี้มันไม่สมศักดิ์ศรีจอมมารเลยสักนิด
ข้าทรุดนั่งลงใต้ต้นไม้ใหญ่แล้วใช้มือทึ้งหญ้าแรง ๆ เพื่อระบายอารมณ์ เริ่มใช้มือขุดพื้นดินอ่อนนุ่มเพราะเสียดายมีดสั้นที่ต้องมาทำหน้าที่แทนจอบเสียม ไม่ต้องถามถึงจอมมารวัยใสหรอก รายนั้นกำลังนั่งเหม่อย้อนรอยความหลังครั้งเก่าอันแสนดื่มด่ำกับกระต่ายสีดำที่ม่องเท่งไปเรียบร้อยแล้ว
ช่วยไม่ได้...อีวานดันเป็นกระต่ายตัวที่เขารักที่สุด แต่ต่อให้เป็นกระต่ายตัวไหนเคอร์นอฟก็ชอบมันทุกตัวนั่นล่ะ แล้วก็โทษใครไม่ได้นอกจากเดอะ ไรเตอร์ ข้าพอจะเข้าใจว่าอยากจะสร้างความแปลกใหม่ให้กับตัวโกง แต่ดันให้เคอร์นอฟชอบกระต่าย แถมยังจิตใจดีงามจนไม่มีทีท่าว่าจะเลวได้ แบบนี้ก็คงจะทำลายล้างโลกไม่ไหวมั้ง?
ถึงเดอะ ไรเตอร์จะมีหน้าที่ในการลิขิตชะตาชีวิตของมนุษย์ แต่ก็ทำได้แค่ภาพรวมกว้าง ๆ อย่างพวกนิสัยใจคอ ความชอบ เหตุการณ์สำคัญในชีวิต และอนาคต ส่วนพวกรายละเอียดปลีกย่อยนี่ลืมไปได้เลย หัวหน้าของข้าไม่สามารถกำหนดพฤติกรรมของเคอร์นอฟได้ จึงต้องมีบุรุษแห่งโชคชะตามาเป็นตัวเสริมแบบนี้แหละ
“เสร็จแล้ว” เสียงเยือกเย็นของข้าทำให้เจ้าหนูหลุดออกจากห้วงความคิด เคอร์นอฟเดินมาชะโงกหน้ามองหลุมที่ข้าขุด นัยน์ตาสีทับทิมฉายแววพึงพอใจ...ลองไม่พอใจดูสิ ข้าจะสาดเขาด้วยดินที่กองอยู่ข้าง ๆ นี่แหละ ภาพลักษณ์อะไรจะไม่สนมันแล้ว
“หลับให้สบายนะอีวาน...” มือขาวซีดวางร่างกระต่ายตัวอวบอ้วนลงบนหลุมดิน ปลายนิ้วเรียวแตะลงบนขนสีดำที่ลู่ลงจากหยาดเลือด ใบหน้าหล่อเหลาของจอมมารฉายแววโศกเศร้าเสียจนน่าใจหาย “ไม่ต้องห่วงนะ ข้าจะดูแลลูกหลานของเจ้าให้ดี ทุกตัวจะได้กินผักกาดและออกกำลังกายตามความเหมาะสม”
พอเถอะ...
ข้าได้แต่กรีดร้องในใจ อยากจะยกมือขึ้นปิดตาหรืออุดหู...ไม่อยากรับรู้ความมุ้งมิ้งของเคอร์นอฟอีกต่อไปแล้ว คนแบบนี้ควรจะได้เป็นพระเอกนิยายรักวัยรุ่น หรือไม่ก็อะไรสักอย่างที่ไม่ใช่จอมมาร
เคอร์นอฟโกยดินกลบหลุมศพของกระต่ายที่พลีชีพปกป้องเขาเอาไว้ เด็กหนุ่มยังมีอารมณ์ตบแต่งเนินดินเล็ก ๆ ด้วยดอกไม้ที่หาเอาได้แถวนั้น แถมด้วยก้อนหินสีขาวเพื่อเป็นอนุสรณ์ว่าที่นี่มีร่างของอีวาน...กระต่ายสีดำเพื่อนรักของเขานอนพักอยู่ตลอดกาล
“จอห์น...ขอบคุณมากนะ” ริมฝีปากบางคลี่ออกเป็นรอยยิ้มจาง เชื่อว่าถ้ามีสาว ๆ มาเห็นคงจะใจละลายกับรอยยิ้มนี้กันเป็นแถว “ขอบคุณที่คอยอยู่เคียงข้ามาโดยตลอด ถึงข้าจะไม่มีอีวานแล้วแต่ข้าก็ยังมีเจ้าอยู่...จริงมั้ย”
เออ จริงที่สุด จริงแบบโคตรจะจริง ข้าอยู่กับเจ้าจนกว่าเจ้าจะโดนผู้กล้าเอาดาบเสียบเข้ากลางอกนั่นล่ะเจ้าหนู
“บางทีข้าคงจะต้องเริ่มลงมือจัดการอะไรสักอย่างกับชีวิต....การเปิดฟาร์มกระต่ายมันก็ไม่ได้เลวร้ายใช่มั้ยจอห์น?”
โคตรเลวร้ายต่างหากเลยล่ะเฮ้ย!!
ขมับข้างขวาเริ่มปวดตุ้บ ๆ จนข้าอยากจะซัดยาแก้ปวดหัวไมเกรนซักกำมือ บางทีข้าคงจะต้องไปหาหมอ ถ้าได้ใบเสร็จค่ายาจะเอาไปเบิกกับเดอะ ไรเตอร์!
TBC.
Savvy
พบกันใหม่สัปดาห์หน้านะคะ
คิดถึงเงินเดือนเข้าไว้นะจอห์น หรือว่าเดอะไรเตอร์หมั่นไส้นายกันนะ 5555
กลุ้มใจแทนจอหนจริงๆ555 ตกลงจะได้เป็นจอมมารให้ผู้กล้าเสียบดาบปักอกไหม?
ความจริงผู้กล้ามันให้ฟิลลิ่งเด็จะมาเป็นจอมมารมากกว่าอีก
เอาเถอะ เราก็อินไป เปิดฟาร์มกระต่ายเมื่อไหร่ติดต่อมานะจ้ะเคอร์นอฟ
ไอ เลิ้บ ยู เคอร์นอฟ >< 555555
เป็นคนดีเวอร์
ไรท์เขียนดีมากเลยค่ะ ชอบรูปแบบการบรรยายมาก นักเขียนเป็นส่วนน้อยที่ใช้รูปแบบการเขียนแบบนี้
ตัวละครมีคาแรกเตอร์ชัดเจน ทุกฉากที่บรรยายมาเห็นภาพหมด
แต่อาจจะมีบางปรโยคที่แปร่งๆ อยู่ ซึ่งถ้าขัดเกลาอีก-นิด เพอร์เฟกต์ค่ะ ^^
คำผิดเจออยู่คำเดียค่ะ 5555
เชี่นวกราด - เชี่ยวกราก
บอกตรงๆ ว่าเราอาจจะช่วยแนะรำอะไรไรต์ได้ไม่มากเท่าไหร่ เพราะไรท์เขียนดีอยู่แล้วจริงๆ ค่ะ
เราอ่านครบสามตอนแล้วนะคะ หลังจากนี้ไรท์อย่าลืมบอกว่ารู้สึกว่าคำวิจารณ์ของเราเป็นยังไง แล้วนำไปโพสต์ใรกระทู้นะคะ ><
ปล. เราจะตามอ่านเรื่องนี้ต่อไปแน่นอนค่ะ
กระต่ายขายยังไงจ๊ะพ่อหนุ่ม
เปิดแรบบิทคาเฟ่เลยก็ได้ค่ะ 555555
สมกับที่ชนะเลิศประกวดพล็อตค่ะ ชอบมากๆ ^^