ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [exo] 'NICE BODY' || CHANBAEK #แบคฮยอนอ้วน

    ลำดับตอนที่ #15 : NICE BODY : 14.1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.03K
      40
      6 เม.ย. 58

    14.1

    His Firefly


     

     
     

     


     

     

     

    ชานยอลเป็นคนที่ทำอะไรตามที่พูดเอาไว้เสมอ ฟังดูแล้วเป็นคนที่รับผิดชอบต่อคำพูดตัวเอง แล้วก็ดูหนักแน่นเอามากๆ ซึ่งผมไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นปัญหาไง จนวันนี้มาถึง

     

     

    หลายวันมานี้ชานยอลมักจะพูดถึงแต่เรื่องไร่ของเขา คอกม้าแสนรัก กระต่าย และสวนแอปเปิ้ลที่กินเนื้อที่กว่าร้อยไร่ในชุนฮโย ชานยอลบอกว่าจะพาผมไปดูทั้งหมดนั่น ดูสิ่งที่เขาเติบโตมาพร้อมกับมัน ซึ่งผมไม่ได้หวังว่าเขาจะต้องทำแบบนั้นจริงๆสักหน่อย!

     

     

    “ไม่ต้องเอาไปเยอะหรอ ถ้าไม่มีจริงๆก็ค่อยซื้อเอา” ชานยอลบอกตอนที่ผมแทบจะขนของทั้งหมดในหอยัดลงในกระเป๋า

     

     

    “หุบปากไปเลยชานยอล นายมันตัวปัญหา!” ผมชี้หน้าคาดโทษคนตัวสูงไปทีนึงอย่างแค้นเคืองที่จู่ๆนึกจะพาผมไปที่ไร่ก็พาไป ไม่นับที่ชวนเพื่อนๆคนอื่นเอาไว้เสร็จสรรพแล้วนะ ก็มันเป็นแบบนี้ไงผมเลยปฏิเสธไม่ได้ เพราะจะให้ผมอยู่กับไอ้เหมี๋ยวนี่ก็ไม่เอาเหมืนกัน

     

     

    แย่ นี่มันแย่มากๆ ผมรู้สึกว่าไม่พร้อมอย่างแรง!

     

     

    “ที่ไร่กูมีทุกอย่าง มึงเอาแค่เสื้อผ้าไปก็พอ ความจริงจะใส่ของกูก็ได้นะเราใส่เสื้อไซต์เดียวกันอยู่แล้ว”

     

     

    “ชาน...”

     

     

    “ว่าไง”

     

     

    “ยังไม่ไปได้มั้ย” ผมเม้มปากเข้าหากันเพราะรู้สึกแย่ที่จัดการกับความรู้สึกส่วนตัวได้ค่อยดีเท่าที่ควร  นิสัยแบบนี้มันเหมือนเด็กที่โดนบังคับให้ไปอุดฟันอย่างไงอย่างนั้นเลย ไม่อยากไปถึงแม้ว่าลึกๆแล้วอยากจะหายปวดฟันก็ตาม มันเป็นความรู้สึกที่พอเอามาอัดๆรวมกันแล้วมันดันแย่มากๆในความรู้สึก

     

     

    ผมกังวลเรื่องครอบครัวของชานยอลด้วย กลัวว่าเราจะเข้ากันไม่ได้ กลัวว่าชานยอลอาจจะทะเลาะกับที่บ้านเพราะกำลังคบอยู่กับผู้ชายที่ไม่มีอะไรดีเลยอย่างแบคฮยอน

     

     

    “ตื่นเต้นหรอ หรือว่ากลัว” มือใหญ่ของชานยอลเอื้อมมาบีบไหล่ผมเบาๆ ถามไถ่ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าปกติ

     

     

    “ก็ทั้งสอง คือ...ฉันเหมือนยังไม่ค่อยพร้อมเท่าไหร่ ส่วนหนึ่งก็เพราะไม่รู้ด้วยว่าครอบครัวของนายจะรับได้มั้ยที่เจอหน้าลูกชายที่พาแฟนเกย์อ้วนยักษ์มาเปิดตัว ความรู้สึกมันปนกันไปหมดเลยชาน.. มันแย่” ผมบอกเล่าออกไปทุกความรู้สึกที่อัดตัวอันแน่นอยู่ภายในอก คนตัวสูงใหญ่คลี่ยิ้มออกมาบางๆเมื่อเห็นสีหน้าไร้ความมั่นใจของผม

     

     

    “มึงเป็นใครเนี่ย ใช่แบคฮยอนที่กูรู้จักรึเปล่า” ตัวของผมถูกฝ่ามือหนาหมุนบิดไปซ้ายทีขวาที คล้ายกับจะสำรวจ พร้อมๆกับจมูกโด่งที่ก้มลงมาหอมเข้าฟอดใหญ่ “หื้ม? ก็ใช่นี่หว่า แล้วความมั่นใจทีมีแม่งหายไปไหนหมดวะ”

     

     

    “ฮื่อออออ” ผมร้องในลำคอเมื่อโดนอีกฝ่ายรังแกด้วยจมูกโด่งอีกครั้ง

     

     

    “ไม่มีอะไรที่มึงต้องกลัวเลยแบคฮยอน”

     

     

    “แต่กูทำให้มึงเป็นเกย์นะชานยอล”

     

     

    “ฟังนะ...กูไม่ได้เป็นเกย์ ไม่ได้รู้สึกพิศวาสผู้ชายคนไหนบนโลกนี้เลย ยกเว้นแค่มึงคนเดียว”

     

     

    “...”

     

     

    “เพราะว่ากูชอบแค่มึง”

     

     

    ทุกครั้งที่ชานยอลบอกว่าชอบผม มันมักทำให้ผมยิ้มตามได้อย่างคาดไม่ถึง ชอบเวลาที่ได้รับความรักมากมายจากคนตรงหน้า และสัมผัสนุ่มบนริมฝีปากเวลาอีกฝ่ายป้อนจูบลงมาติดๆกันเพราะมันทำให้รู้สึกอุ่นวาบไปทั้งขั้วหัวใจ ก่อนจะปิดท้ายด้วยจูบแผ่วเบาบนกลุ่มผม

     

     

    “ไอ้บ้า”

     

     

    “...”

     

     

    “เรื่องที่ทำให้ใจเต้นแรงนี่เก่งจริงๆ”

     

     

     

     

     


     

     

     

     

     

     


     

    เป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วโมงจากกิมโปสู่เชจูพร้อมกันกับเซฮุน จงอิน และลู่ฮานที่ร่วมมากับทริปในครั้งนี้ด้วย เราคุยกันนิดหน่อยซึ่งอารมณ์มันค่อยค่าแตกต่างจากวันแรกๆที่เจอกันมาก ส่วนหนึ่งผมก็คิดว่ามันต้องมาต้นเหตุมาจากสถานะที่เปลี่ยนไปเป็น ผัวเพื่อน อะไรทำนองนั้นเข้ามามีส่วนร่วมทำให้ทัศนคติของเราทุกคนเปลี่ยนไป

     

     

     

    ชานยอลบอกว่ารออยู่ที่หน้าสนานบินสักพักรถตู้ที่บ้านก็จะมารับ ตอนนั้นแหละที่แอบแบะปากใส่ความรวยอู้ฟู่ของอีกคนอย่างอดไม่ได้

     

     

    “แบคฮยอนนี่ แบคฮยอนเคยมาเชจูบ่อยมั้ย เรามาบ่อยมากๆเลยนะรู้มั้ย” ร่างเล็กที่สูงกว่าผมไปนิดหน่อยแบบลู่ฮานที่วันนี้เขาเอาแต่ป้วนเปี้ยนไปมารอบๆตัวผมพร้อมกับรอยยิ้มแสนน่ารักอย่างไม่รู้จักเบื่อ และทุกครั้งทีรถผ่านทางขรุขระแว่นหนาเตอะบนสันจมูกเล็กก็จะไหลลงมาจนต้องยกมือขึ้นมาดันกลับขึ้นไปทุกครั้ง

     

     

     

    “ไม่อ่ะ ก็มาสองสามครั้งฉันไม่ถูกโรคกับอะไรที่มันหนาวๆสักเท่าไหร่” ว่าแล้วก็กระชับเสื้อโค้ทตัวใหญ่ที่ยาวจนเลยมือของตัวเองอีกครั้งเพื่อนให้ไหล่เสื้อที่ตกกลับขึ้นมาเหมือนเดิม นี่ไม่ใช่ว่าผมงกแล้วซื้อเสื้อเผื่อโตหรอกนะแต่มันเป็นเพราะว่าผมได้มาจากคนตัวโตอีกคนต่างหาก

     

     

    “น่าเสียดายจัง ที่จริงปักกิ่งก็หนาวคล้ายๆแบบนี้เลยนะ”

     

     

    “หื้ม? นายเป็นคนจีนงั้นหรอ หน้าไม่ค่อยเหมือนเท่าไหร่เลย”

     

     

    เพื่อนคนแรกในทริปทำเอาผมตกใจกับความจริงข้อแรกที่ว่าเขาไม่ใช่คนเกาหลี ผมหรี่ตามมองแก้มตุ่ยและใบหน้าที่จืดสนิทของอีกคนอย่างสงสัย ดวงตากลมโตวาวใสซึ่งแสดงออกมาถึงความใสซื่ออย่าตรงไปตรงมา ผิดกับอีกคนที่มีดวงตากลมโตแสนเจ้าเล่ห์

     

     

    “ทั้งแท่ง!” ว่าแล้วก็ตบอกตัวเองดังปั้กจนผมอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ เซฮุนที่นั่งอยู่เบาะข้างลู่ฮานได้แต่หันไปถอนหายใจใส่คนตัวเล็กคลายกับเอื้อมระอาเต็มทน

     

     

    “เจ๊กแบบนายนี่เสียงดังกันแบบนี้ทุกคนมั้ยวะ” เสียงแหบแห้งเอ่ยออกมาเฉื่อยๆ ผิดกับหน้าตาที่ออกไปทางกวนส้นตีนพร้อมกับคิ้วที่ดูจะน่าหมั่นไส้เป็นพิเศษ โถ่ะ! นี่กูอยากรู้จริงๆว่าแม่มึงทาอัญชันยังไงคิ้วมึงถึงได้โก่งโค้งเป็นสะพานข้ามแม่น้ำแควแบบนี้

     

     

    “อย่ามาเรียกเราว่าเจ๊กนะ!

     

     

    “ก็นายเป็นเจ๊กนิ เรียกแบบนี้ก็ถูกต้องแล้ว นั่นๆช่วยดูหน้าเพื่อนฉันหน่อยครับตอนชวนแฟนเขาคุยเล่น นี่เตือนก่อนเลยนะถ้าไม่อยากโดนฆ่าทำปุ๋ยสวนส้มก็เลิกเจ๊าะแจ๊ะกับแบคฮยอนซ่ะ” พอเซฮุนทักขึ้นมาผมก็ถึงกับต้องหันไปดูสีหน้าคนข้างตัว ซึ่งก็ตามแบบฉบับเขาเลย หัวคิ้วขมวดและมุมปากซ้ายเหยียดตรงราวกับจะฆ่าคนหมกสวนจริงๆ

     

     

    “เราไม่ได้เจ๊าะแจ๊ะแบคฮยอน .V.

     

     

    “เถียงหรอ... อยากกลับไปอยู่กับโฮสคนเดิมใช่มั้ย?”

     

     

    “ไม่อยาก” เสียงอ่อยขึ้นมาทันทีเลย

     

     

    “งั้นก็อย่าเจ๊าะแจ๊ะกับแบคฮยอน”

     

     

    “ฮื่อออออ~” จนแล้วจนรอดก็โดนฝ่ามือของคนตัวสูงกว่าดีดหน้าผากขนเกิดเสียงดังปัก สีหน้าของผู้ถูกกระทำดูเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด คือ...ถ้าเป็นจงอินผมก็อาจจะมีเข้าห้ามเตือนเล็กน้อย แต่ก็ไม่เพราะคนคนนี้คือโอเซฮุนไง คนที่เหมือนเป็นร่างแบ่งภาคของบยอนซอนมีอีกทีนึง

     

     

    ห่าโหดขนาดนี้มึงไปไปเป็นนักฆ่าซ่ะเลยล่ะหื้ม?

     

     

    “งั้นก็เป็นจริงสินะ ไอ้ที่เขาลือกันว่าชานยอลชอบพาแฟนไปฆ่าทำปุ๋ยสวนส้ม” น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยออกมาขัดกับประโยคที่พึ่งพูดออกมาโดยสีหน้าเหนื่อยๆของจงอินที่นั่งอยู่แถวท้ายสุกคนเดียว ผมเหลือบมองคนข้างๆแล้วก็ได้แต่กลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ

     

     

     

    “...”

     

     

     

    “คนล่าสุดเห็นว่าจะเป็น โบมี ที่อยู่ๆก็หายตัวไปหลังจากไปเที่ยวไร่ของชานยอล”

     

     

     

    “...”

     

     

     

    “ปีนี้เห็นทีว่าปุ๋ยน่าจะได้เยอะนะ กูว่า”

     

     

     

    พอจงอินพูดจบคนทั้งรถเหมือนพร้อมใจกันเงียบแล้วพากันเข้าสู่ความเงียบเพราะจุดพีคของเรื่อง เจ้าตัวที่เอ่ยเรื่องสยองสามบรรทัดขึ้นมาเงียบๆก็เริ่มเอนเบาะแล้วหลับไปทั้งอย่างนั้น ทั้งๆที่ตัวเองพึ่งวางระเบิดลูกใหญ่เอาไว้ให้คนบนรถหวาดกลัวเล่น

     

     

     

    “ดะ ดีใจด้วยนะแบคฮยอน”

     

     

    เหี้ยไรล่ะเจ๊ก จิตใจมึงทำตัวอะไรถึงสามารถพูดประโยคที่โหดร้ายแบบนี้ออกมาได้!!! โหดร้ายพอๆกับที่มึงทำไข่ไก่ปลอมเลย สัสหมาเอ้ย นี่กูไม่ตลก

     

     

    “แบค-

     

     

    “อย่านะ! อย่าเข้ามาใกล้” ผมสะดุ้งสุดตัวและรีบยกการ์ดขึ้นป้องกันตัวเองเมื่อไอ้ยักษ์ใจร้ายขยับตัวเข้ามาใกล้ ริมฝีปากอิ่มกระตุกยิ้มเบาๆที่มุมปากจนผมอดที่จะเสียวสันหลังวาบไม่ได้ ผมถอยกรูจนหลังชิดติดกับหน้าต่าง แต่ชานยอลไม่แม้แต่จะล่าถอยกลับไป จนกระทั่งโดนดวงตาสีน้ำตาลสะกดเอาไว้ราวกับว่ามีเวทย์มนต์

     

     

    ชานยอลโน้มตัวลงมาซึ่งทำเอาตัวของผมสั่นเทิ้มไปทั้งตัว กลัวเหลือเกินว่าจุดประสงค์หลักในทริปนี้จะไม่ใช่แค่พามาขนผลไม้กลับกรุงโซลเสียแล้ว

     

     

     

    “มึง”

     

     

    “...”

     

     

     

    “เชื่ออย่านั้นหรอครับ”

     

     

     

    จบประโยค...

     

     

     

     

    พวกคนตัวสูงก็พากันหัวเราะเสียงดังลั่นรถ แม้กระทั่งคนที่ผมคิดว่าหลับไปแล้วอย่างจงอินก็เป็นไปกับเขาด้วย ไม่สิ! ไอ้หมีหน้ามึนนี่มันหัวโจกของเรื่องเลย ผมอมลมเอาไว้ในปากจนแก้มทั้งสองข้างพองขึ้นมา ส่งแรงผลักให้ชานยอลออกห่างจากร่างกายของตัวเองด้วยอารมณ์โกรธเคือง

     

     

    “ฮื่อ! ไอ้บ้า ไม่ต้องมาจับเลยนะ”

     

     

    “อะไรเล่า ก็แค่แกล้งนิดๆหน่อยๆเองนะแบคฮยอน มันเป็นธรรมเนียม ใครๆก็โดนไอ้พวกนี้แกล้งเล่นบ่อยๆ” ชานยอลง้อผมพร้อมกับสีหน้ายิ้มแย้มที่พยายามงัดมาใช้กับผมสุดฤทธิ “กูไม่เคยพาแฟนคนไหนมาที่ไร่เลยจริงๆนะ ไอ้เหี้ยจงอินมันก็แค่แกล้งพูดเล่น”

     

     

     

    “ใช่สิ ก็กูมันปุ๋ยสวนส้มนิ!

     

     

     

    “ที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุ -_-” จงอิน

     

     

     

    “หุบปากไปเลย” ผมหันไปว่าตัวต้นเรื่องอย่างหงุดหงิด เพราะคนที่โดนหลอกเข้าเต็มเปาอย่างผมรู้สึกเสียหน้าจนชาไปหมด ลู่ฮานเองก็อีกคนรายนั้นนี่นิ่งไปเลยเหมือนกับไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับความต่างถิ่นได้ อาจจะฝังใจไปแล้วด้วยซ้ำว่าไร่ส้มเกาหลีอร่อยได้เพราะปุ๋ยมนุษย์!

     

     

    ยอมรับเลยว่ากลัว แต่นี่แมนๆนะเว้ย

     

     

    “ขอโทษ” ชานยอลก้มลงมากระซิบแผ่วเบาพร้อมกับกดจมูกโด่งเข้าหาแก้มผมอย่างเอาใจ แต่ดูเหมือนคนที่ได้ประโยชน์จะเป็นเขาเอง

     

     

    “แกล้งคนอื่นแล้วมันสนุกหรอ”

     

     

    “ก็มึงน่ารัก จะให้ไปแกล้งใครอีกล่ะ หื้ม?” พูดจบก็ก้มลงมาหอมแก้มผมเอาอีกฟอดโดยไม่สนใจสมาชิกอีกสามคนที่นั่งอยู่ในรถเลย และก็เป็นจังหวะเดียวกับที่รถหักโค้งพอดี แรงเหวี่ยงเหล่านั้นทำให้ตัวผมถลาเข้าอ้อมกอดของชานยอลเต็มรัก

     

     

    “ฮื่ออออ ตั่ลลั้คคคคค” เซฮุน

     

     

    “ตั่ลลั้ค -_-” จงอิน

     

     

    o////////o” ลู่ฮาน

     

     

    สาบานได้ว่าผมเกลียดที่เป็นอยู่แบบนี้จริงๆ ที่ยิ้มน่ะก็เพราะโกรธหรอก โกรธขึ้นหน้าจนกลั้นยิ้มไม่ไหวอ่ะไม่เคยล่ะซี่ หึ! จะบอกอีกทีก็ได้นะว่าบยอนแบคฮยอนจากคยองกีโดคนนี้แมนทั้งแท่ง ไอ้เรื่องเขินจนหน้าแดงน่ะ ไม่มีอยู่ในพจนานุกรมชีวิตเลยสักนิด

     

     

     

    “หายโกรธกูนะแบค”

     

     

     

    “...”

     

     

     

    “...”

     

     

     

    “อื้อ”

     

     

     

    ขอย้ำอีกทีนะครับว่าผมน่ะ แมนมาก!

     

     

     

     

     

     

     

     

     


     

     

     

     



     

    ชุนฮโยหมายถึง รุ่งอรุณแห่งฤดูใบไม้ผลิต เป็นดั่งแสงแรกแห่งความหวังเมื่อฤดูหนาวอันแสนโหดร้ายได้ผ่านพ้นไป ละลายความหนาวเหน็บแล้วนำพาความอบอุ่นเข้ามาแทนที่ ถึงครานั้นต้นไม้ใบหญ้าก็จะผลิดอกออกใบกันเต็มทุ่ง นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมไร่อันกว้างขวางแห่งนี้ต้องชื่อว่า ชุนฮโย

     

     

    รถตู้เคลื่อนตัวผ่านซุ้มเถาไม้เลื้อยเขียวชอุ่มที่ห้อยป้ายสีขาวนวลตาเอาไว้ว่าไร่ชุนฮโย ทั้งสองข้างทางเต็มไปด้วยดอกยูแจจนทั่วทั้งไร่กลายเป็นสีเหลืองไกลสุดลูกหูลูกตา ราวกับว่ามีใครทำน้ำผึ้งหกเลอะทุ่งอย่างนั้นแหละ ลูกชายเจ้าของไร่อมยิ้มจนแก้มแทบปริเมื่อเห็นปฏิกิริยาที่ดูตื่นเต้นเป็นพิเศษของคนข้างตัว

     

     

    แน่ล่ะ ที่ตั้งใจจะพามาก็เพื่อหวังให้ประทับใจ

     

     

    เพราะไม่ว่ายังไง ..แม่เลี้ยงคนต่อไปคงไม่พ้นคนนี้

     

     

    “ว้าววววว สวยจัง” เสียงใสๆเอ่ยออกมาอย่างปกปิดความตื่นเต้นไม่มิด ดวงตากลมโตคล้ายกับลูกกวางมองทุ่งดอกยูแจราวกับว่าจะกลืนมันลงท้องเสียให้ได้ มือทั้งสองข้างเกาะบานหน้าต่างพร้อมกับดันแว่นสายตาไปด้วย

     

     

    “อย่าทำตัวบ้านนอกจะได้มั้ย” เซฮุนกระซิบเบาเมื่อเห็นกวางตัวแสบดีดดิ้นจนน่าหยิกโทษฐานที่ทำให้หมั่นเขี้ยวเกินไป ตัวเองมาสามสี่ครั้งแล้วจะตื่นเต้นออกนอกหน้าเกินกว่าคนที่มาครั้งแรกอย่างแบคฮยอนได้ยังไง

     

     

    “ก็มันสวย”

     

     

    “สวยแต่ตา ปากไม่ต้องพูด” ว่าแล้วก็ยืดตัวให้ดูตัวโตขึ้นอีกนิดเพื่อข่มขู่กวางขี้ตื่นเต้นตัวนี้ ซึ่งก็ได้ผลดีเสียด้วย จะว่ายังไงดีล่ะ อาจจะเพราะสายตาของเซฮุนด้วยล่ะมั้งเหมือนไม่ก็ทุกสิ่งทุกอย่างที่รวมกันเป็นเซฮุนมันน่ากลัวไปหมด สภาพอารมณ์แปรปรวนยิ่งกว่าอากาศเสียอีก

     

     

    ทิวทัศน์ที่น่าหลงใหลอยู่ในสายตาของแบคฮยอนทั้งหมด รู้สึกปลื้มปิติจนไม่อาจจะหยุบยิ้มได้เลยแม้แต่น้อย บ้านสไตล์เกาลีร่วมสมัยที่เป็นไม้ทั้งหลังยาวติดกันคล้ายทาวน์เฮ้าส์ขนาดย่อมยาวทอดขนานสองข้างทางโดยที่ด้านหน้าสุดนั้นมีบ้านหลังใหญ่สไตล์ทูดอร์ตั้งตระงานอยู่ หลังคาทรงจั่วทำให้บ้านดูน่ารักน่าอยู่ ไม่หวือหวาจนเกินไป อีกทั้งผนังสีขาวแกมครีมหน่อยๆยังทำให้รู้สึกน่าผ่อนคลาย และปล่องไฟที่เป็นอิฐสีน้ำตาลอ่อนๆก็ถูกเถาไม้เลื้อยจับจองพื้นที่ออกดอกกันสะพรั่ง

     

     

    มันกลมกลืนกันไปหมด เข้ากับบรรยากาศและธรรมชาติที่อบอุ่น

     

     

    “ชอบมั้ย”

     

     

    “ชอบ ..ชอบมาก” คำตอบของคนตัวนุ่มดูจะเป็นที่น่าพึ่งพอใจคนถามเป็นอย่างมาก เพราะดูได้จากรอยยิ้มที่ส่งผ่านออกมาทางสายตาวาววับของเขา ที่เหมือนรวมดาวทั้งจักรวาลมาขังเอาไว้

     

     

    จนกระทั่งรถชะลอหยุดอยู่ที่หน้าบ้านแสนรักนั่นแหละแบคฮยอนถึงได้รู้สึกถึงความประหม่าขั้นแรกของตัวเองเมื่อหญิงมีอายุเปิดประตูทั้งสองบานออกมาต้อนรับ ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเวลเวทที่ถ่ายทอดไปยังคนตัวสูงใหญ่ข้างตัวเป็นตัวบอกได้ดีว่าหญิงตรงหน้านี้ไม่ใช่ใครที่ไหนไกล

     

     

    แม่เลี้ยงของไร่ชุนฮโย

     

     

    “ไม่ต้องกลัวนะอ้วน”

     

     

    “...”

     

     

    “กูชอบใครแม่กูก็ชอบ” ถึงจะพูดเอาใจแบบนั้นก็ตาม ถ้าหากปาร์คชานยอลได้เจอบยอนซอนมีสักครั้งก็จะเข้าใจความรู้สึกของแบคฮยอนในตอนนี้ แต่ความจริงก็ยังคงเป็นความจริงอยู่วันยังค่ำ พระอาทิตย์ ขึ้นในทิศตะวันออกและตกในทิศตะวันตก เหมือนกับที่เขาคบกับชานยอล

     

     

    มันเป็นความจริงที่ไม่อาจแปรเปลี่ยน

     

     

    แบคฮยอนสูดอากาศเข้าปอดก่อนจะเปิดประตูลงไปเป็นคนที่สามหลังจากที่ชานยอลและลู่ฮานลงไปก่อนจากอีกด้านก่อนหน้านี้แล้ว และคนที่ลงมาเป็นคนสุดท้ายก็ไม่พ้นจงอินที่ดูง่วงอยู่ตลอดเวลา โค้งให้กับแม่เลี้ยงของไร่แสนอบอุ่นนี้เพียงครั้งเดียวก็ได้รับรอยยิ้มสวยหวานกลับมา

     

     

     

    “อะไรกันเนี่ยเจ้าลูกคนนี้ หายไปเป็นเดือนพึ่งจะกลับบ้านมาหาแม่หรอเนี่ย”

     

     

     

    “โอ้ยๆ เจ็บ แม่เจ็บ” คนร่างสูงใหญ่ร้องโวยวายจนหมดท่าเมื่อโดนมือเรียวยื่นไปบิดหูกางอย่างแรง แบคฮยอนเห็นแล้วก็ต้องหลุดยิ้มออกมาเพราะความน่ารักของคู่แม่ลูกพระอาทิตย์ที่แสนเจิดจ้า อบอุ่น ที่ละมุนละไมเสียจนมาชเมลโล่แบบเขาแทบละลาย

     

     

    “เจ็บก็ดีสิ ดูซิคิดจะมาก็มา แม่ไม่ได้เตรียมอะไรไว้เลย เซฮุนกับจงอินไม่ว่ากันเนาะ อุ้ย!แล้วนั่นเพื่อนใหม่ชานยอลหรอจ้ะ” มือเรียวอีกข้างที่ไม่ได้ทำโทษลูกชายตัวดียกขึ้นมาลูกแก้มนวลไปมา เมื่อสายตาลากผ่านคนตัวสูงใหญ่คุ้นตาไปได้สักพักก็ต้องหยุดที่คนตัวเล็กคนและคนตัวอ้วนที่ดูเหมือนพยายามยืนหลบอยู่หลังความสูงใหญ่ของจงอิน

     

     

    “เจ๊กที่หน้าเหมือนกวางนั่นเพื่อน ชื่อลู่ฮาน”

     

     

    “...”

     

     

    “แต่ไอ้อ้วนนั่นอ่ะแฟน”

     

     

    “แฟน?” สาว(ยัง)สวยเพียงหนึ่งเดียวทวนคำถามอีกครั้งจนแบคฮยอนกลืนน้ำลายลงคออย่างอยากลำบาก จู่ๆก็รู้สึกหายใจติดขัดขึ้นมาเสียดื้อๆเมื่อถูกดวงตากลมโตจ้องไม่วางตา และสายตาที่กวาดมองตั้งแต่หัวจรดเท้าทำให้แบคฮยอนรู้สึกมีความผิดเป็นชนักติดหลัง ประหนึ่งนักโทษข่มขืนแล้วฆ่าอะไรเถือกๆนั้น

     

     

    “แฟน?” แม่เลี้ยงทวนคำพูดของลูกชายอีกครั้ง หัวคิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อยซึ่งสร้างความอึดอัดใจให้แบคฮยอนได้ไม่น้อย

     

     

    “ใช่ ชื่อบยอนแบคฮยอน”

     

     

    “หื้ม? แบคฮยอน”

     

     

    ชานยอลน่ากลัวเหมือนแม่ไม่มีผิด

     

     

    “คะ ครับ” เสียขานรับติดจะแหบในช่วงคำแรกไปเล็กน้อยเพราะน้ำลายยังเหนียวหนืดติดลำคออยู่ มือทั้งสองข้างประสานเข้าหากันจนเปียกชื้นเหงื่อไปหมด ยิ่งตอนที่แม่เลี้ยงสาวเท้าเข้ามาใกล้แบคฮยอนแทบจะกลั้นหายใจตอนที่เผลอสบเข้ากับดวงตาสีน้ำตาลนั่นเข้าอย่าจัง

     

     

    “น่ารักนะเราอ่ะ”

     

     

    “หะ ห๋า~

     

     

    “น่ารักน่าหยิกจริงๆ เจ้าชานยอลไปหาแบบนี้มาจากไหนกันเนี่ย ฮื่อออออ เต็มไม้เต็มมือไปหมดเลย” แบคฮยอนทำหน้าเหมือนปลาน็อคน้ำไม่ปาน เขาอึ่งไปสามวิเมื่อแม่เลี้ยงที่ทำหน้าเหวี่ยงมาตั้งแต่เช้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่พร้อมกับสวมกอดเข้าเต็มรัก เดี๋ยวนะ..นี่มันเกิดอะไรขึ้น คือเมื่อกี้แม่เลี้ยงยังทำหน้าบึ้งตึงอยู่เลยแต่นี่..

     

     

    ฟอด~

     

     

    “พอแล้วแม่ อย่าแกล้งแบคฮยอน” เมื่อเห็นแฟนจ๋าโจมตีอย่างหนักโดยแม่ของตัวเอง ปาร์คชานยอลก็รีบเข้าไปห้ามทัพก่อนที่แบคฮยอนของเขาจะช้ำไปเสียก่อน

     

     

    “หยุดเลยนะเจ้าลูกคนนี้นี่ กลับบ้านมาไม่บอกไม่เท่าไหร่ นี่มีแฟนแล้วไม่บอกไปนั่งสำนึกผิดในคอกม้าไป้!” พูดจบก็ตีเข้าที่มัดกล้ามของลูกชายไปเพี๊ยะใหญ่ ก่อนจะหันมาหาคนที่เหลือด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ป่ะเข้าบ้านกันเลยดีกว่าเนาะเด็กๆเอาของขึ้นไปเก็บที่ชั้นบนนะ แล้วเดี๋ยวแม่จะเตรียมขนมหวานเอาไว้รอนะจ้ะ”

     

     

    แบคฮยอนเหวอหนักพอๆกันกับลู่ฮานที่คนช็อคกับวัฒนธรรมเกาหลีสุดซึ้ง อารมณ์ที่ปรับเปลี่ยนไปมาเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็นทำให้แบคฮยอนเริ่มทำตัวไม่ถูก เสียงที่หวานเจี๊ยบตอนคุยกับเพื่อนลูกของแม่เลี้ยงทำเอาคุณลูกชายแอบเบะปากใส่ไปทีนึงให้กับความสองมาตรฐานแบบสุดกู่

     

     

    เนื่องจากทริปครั้งนี้เป็นการพักผ่อนสองวันหนึ่งคืน ข้าวของเครื่องใช่จึงไม่มีอะไรมากเท่าไหร่ ลู่ฮาน เซฮุน และจงอินนอนอยู่ที่ห้องพักรักแขนชั้นสองของตัวบ้าน ครั้นแบคฮยอนจะก้าวตามเข้าไปสมทบก็โดนแฟนตัวใหญ่หิ้วขึ้นชั้นสามไปด้วยเสียแล้ว

     

     

    “งื้อออ จะนอนกับลู่ฮาน”

     

     

    “เหี้ยไรล่ะ ถามเขาก่อนมั้ยว่าอยากจะนอนกับไอ้อ้วนที่ชอบนอนดิ้นแบบมึงรึเปล่า” พูดจบก็จัดการดันเจ้าตัวอ้วนเข้าไปในห้องใต้หลังคาเพียงหนึ่งเดียวของบ้าน แบคฮยอนเบะปากคว้ำ หางตาก็ตก ยิ่งตอนที่ชานยอลเดินเข้าไปใกล้เจ้าตัวก็รีบส่งเสียขู่ฟ่อเหมือนลูกหมาไม่มีผิด

     

     

    “แต่กูไม่ถือ นอนดิ้นได้ไม่ต้องเกรงใจ”

     

     

    ร่างสูงระบายยิ้มออกมาตอนที่เห็นใบหน้าน่ารักขึ้นสีระเรื่อ ริมฝีปากแดงขมเม้นเข้าหากันราวกับพยายามที่จะกลั้นยิ้มเอาไว้อย่างสุดชีวิต แม่งน่ารักน่าฟัดที่สุดในสายตาไอ้โย่งแบบชานยอล ว่าแล้วก็จัดการโน้มตัวลงไปแดกแก้มนุ่มนิ่มหนึ่งทีให้หายหมั่นเขี้ยว

     

     

    “ฮื่อออ ไอ้หื่น”

     

     

    “ก็กับมึงคนเดียวมั้ยล่ะเนี่ย หื้ม?” ชานยอลกลั้วหัวเราะในลำคอเมื่อเห็นแบคฮยอนพ่ายแพ้เป็นรอบที่ร้อยของวัน “มานี่มา จะพาไปดูห้อง” ว่าแล้วก็กุมมือเรียวของแบคฮยอนเอาไว้หลวมๆ กระตุกเล็กน้อยให้เดินผ่านเดินผ่านฉากกั้นห้องลายดอกซากุระมาด้วยกัน

     

     

    “ว้าว”

     

     

    ความดีใจอัดตัวกันแน่นจนแบคฮยอนไม่รู้ว่าจะเอ่ยคำพูดใดออกมาเพื่อชื่นชมอีกฝ่ายดี ด้านตัวหลังตาที่ลาดเอียงลงมาติดด้วยกระจกลามิเนตซึ่งทำให้เห็นวิวเป็นไร่ส้มแสนรักไกลสุดลูกหูลูกตา ด้านซ้ายมือเป็นเตียง และด้านขวามือเป็นโต๊ะสีขาวที่ตัดสีไม้ในห้องนี้ให้ดูนุ่มนวลขึ้นเหมือนกับลาเต้

     

     

    แบคฮยอนถอดเสื้อโค้ทตัวหนาออกเพราะความอบอุ่นของห้องใต้หลังคานี้ดูจะมีมากแม้ไม่ต้องเปิดฮีทเตอร์ เดินไปใกล้ๆกับเตียงกว้างก่อนจะกระโจนตัวขุดคู้สูดดมความหอมหวานของกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มและกลิ่นตัวของเจ้าของห้องราวกับคนบ้า นั่นสินะ...กลิ่นที่เหมือนกับดอกไม้ใต้ภูผาอาจจะทำให้เขาบ้าไปแล้วก็ได้

     

     

    “แบบนี้อ่อยกันนี่” ร่างสูงใหญ่สาวเท้าเข้าหาคนตัวอ้วนก่อนจะตรึงข้อมือทั้งสองข้างของอีกฝ่ายด้วยพละกำลังที่เหนือกว่าของตน “จับได้แล้วจะทำอะไรดีนะ จะแกล้งก่อน...แล้วค่อยฆ่าดีมั้ยนะ” ริมฝีปากอวบหักยิ้มที่มุมปาก ส่งสายตาแพรวพราวไล้มองอีกฝ่ายจนแทบละลายไปกับเตียง ก่อนจะลองหยั่งเชิงด้วยการกดจมูกเข้าที่หลังใบหูน่ารักจนอีกฝ่ายหัวเราะคิกคักเพราะจักจี้ไรหนวดที่เริ่มขึ้นตอ

     

     

    “คิก ชาน มะ มันจักจี้”

     

     

    “...” จะว่าเขามีความคิดอกุศลก็ได้นะ ที่คิดว่าแบคฮยอนน่ะน่าปล้ำจูบทุกๆยี่สิบสี่ชั่วโมง และครั้งนี้ก็เหมือนกัน ดวงตาที่ฉ่ำวาวไปด้วยน้ำตาใสที่แสนจะซุกซนก็เป็นตัวจุดฉนวนทำให้ความอดทนของชานยอลฟุ้งกระจายเหมือนกับเกรสดอกแดนดิไลออน

     

     

     

    “อื้อ”

     

     

    ตะกละตะกามคำนี้คงจะอธิบายได้ดีที่สุด เพราะไม่มีครั้งไหนเลยที่ชานยอลจะรู้สึกพอกับความนุ่มหยุ่นที่ตัวเองได้ฉกฉวย เมื่อลิ้นได้รับรสความหวานที่แตกซ่านไปทั่วทั้งโพรงปาก เขาก็รู้สึกว่าร่ายกายต้องการอีกทั้งๆที่ในชีวิตนี้ไม่เคยคิดชอบของหวานเลยแม้แต่ครั้งเดียว

     

     

    คนใต้อาณัติส่งเสียงครางอื้ออึงจับใจความไม่ได้ มือน้อยๆสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวกันกับมือใหญ่คล้ายอึดอัดเสียจนต้องระบายออกมาให้ได้ พอร่างสูงเว้นจังหวะผละออกไปแบคฮยอนก็รีบสูดอากาศเข้าปอดอย่างหนัก หัวใจเต้นรัวจนกลัวว่ามันจะหลุดออกมาจากขั้ว เพราะทุกคราที่จมูกโด่งกดลงมาฉกฉวยความหอม พื้นที่ตรงนั้นมันร้อนราวกับถูกไฟลน

     

     

    “อืม อึก..ช ชาน” ริมฝีปากหนาจูบลงมาผะแผ่ว ก่อนที่เขี้ยวคมจะงับริมฝีปากล่างของแบคฮยอนดูดดึงติดไปด้วย ความร้อนแรงที่เกิดขึ้นทำเอาแบคฮยอนหายใจหายคอแทบไม่ทัน แถมยังทำอะไรไม่ได้มากเพราะมือทั้งสองข้างยังถูกพันธะนาการอยู่เหนือหัว

     

     

     

    เสียงบทจูบคละคลุ้งเต็มไปด้วยราคะที่คนตัวสูงโหมโรมรันมันขึ้นมา ยิ่งร่างเล็กจูบตอบแบบไม่ประสีประสากับมามันยิ่งทำให้เขาแทบบ้า เพราะความพยายามที่ดูเงอะงะของแบคฮยอนมันดูน่ารัก และดูเหมือนจะไม่รู้เลยว่ายิ่งทำแบบนี้มันยิ่งปลุกเร้าอารมณ์

     

     

     

    พลั่ก!

     

     

     

    “แฮ่ก ออกไป ...”

     

     

     

    “หะ?” แบคฮยอนงงเป็นไก่ตาแตกเมื่อร่างสูงผละร่างออกไปโดยที่เขาไม่ทันจะได้ตั้งตัว มองสบตาอีกฝ่ายเพื่อขอคำอธิบายจากการกระทำที่ดูเหมือนจะเป็นการตัดบทดื้อๆของชานยอล

     

     

    “ไปช่วยแม่กูทำกับข้าวก็ได้ เพราะขืนมึงยังนั่งหน้าสลอนอยู่ในห้องนี้”

     

     

    “...”

     

     

     

    “มึงไม่มีแรงไปดูไร่กูแน่ๆ”


     










     

     

     

     

     

     

    เท้ยถอก

     

    โอ้ย ใหญ่ ยาวมากกกก (อุ้ย เดี๋ยวนะเดี๋ยวๆ)

    นั่งแต่นี่คือยังตกใจกับตัวเองไม่หาย แบบเห้ยเยอะขนาดนี้เลยหรอ

    เยอะขนาดที่แม่งยังหน้าด้านต่อด้วย จุด สอง โถ่ะ อ้อนตีนซะแล้ว

    นี่กระเทยก็กะจะแต่งน้อยๆ สวยๆ เพราะม.5 และแม่งไม่มีเวลา

    ความจริงไม่ว่าช่วงไหนก็ไม่มีเวลาทั้งทั้งแหละ

    แต่แอบรู้สึกดีเบาๆที่ทุกคนรอควยกระเทยกัน ฮรื่ออออ ปลาบปลื้ม

     

    ไว้เจอกันที่จุดสองจ้า ปรั้ยยยยยย ม้วฟฟ 



     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×