ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [exo] 'NICE BODY' || CHANBAEK #แบคฮยอนอ้วน

    ลำดับตอนที่ #22 : NICE BODY : 20

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10.11K
      37
      21 เม.ย. 58

     20

    Byun's Door





     






     





     

    สิ้นประกาศิตนั้น สติก็พลันกลับมาเข้าร่างของแบคฮยอนดังเดิม เขากระพริบตาถี่พลางดันหัวของอีกคนให้ห่างออกจากต้นคอของตัวเอง แบคฮยอนมีท่าทีเคร่งขรึมมากกว่าเดิมในขณะที่จ้องตากับชานยอล ภาพชายร่างสูงตรงหน้าเขานี้ช่างไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย

     

     

    ผมที่ยาวประบ่านั้นหยักศกไม่เป็นทรง อีกทั้งใบหน้าที่มีหนวดขึ้นมาเป็นตอราวกับว่าไม่ได้ดูแลตัวเองเลยในหลายเดือนที่ผ่านมา ริมฝีปากที่เคยแดงฉ่ำบัดนี้แห้งแตกและขึ้นสีคล้ำขึ้นมาเล็กน้อยที่ขอบด้านนอก

     

     

    “ปล่อย”

     

     

    “นี่กูยังปล่อยมึงไม่พออีกหรอ”

     

     

    “พูดไม่รู้เรื่องหรือไง บอกให้ปล่อยก็ปล่อย!” มือเล็กยกขึ้นมาดันแผงอกอีกคนให้เขาออกห่างจากตัว แต่ดูเหมือนยิ่งผลักไส้เขาก็ยิ่งรัดแน่นขึ้นจนแบคฮยอนหายใจแทบไม่ออก นี่ถ้าเกิดว่าตอนนี้ยังอ้วนอยู่แบคฮยอนจะผลักชานยอลให้หงายหลังหัวโขกกับรูปบั้นหินอ่อนตายไปเลย

     

     

    “ปีนึงแล้วแบคฮยอนที่มึงหนีกู ปีนึง!” ร่างสูงตะคอกตอกกลับมาเสียงดังจนแบคฮยอนสั่นคลอนไปทั้งร่าง

     

     

    “...”

     

     

    “กูทำอะไรผิด กูทำอะไรให้มึงไม่ชอบใจ ไหนพูด!!

     

     

    “ก็รู้อยู่แก่ใจแล้วนี่ชานยอล ที่ทำไว้น่ะ ที่ทำไว้กับฉันมันผิดแค่ไหน!” แบคฮยอนตะเบ็งเสียงตอบกลับชานยอลไปอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน เจ้าเหยื่อตัวน้อยในอุ้งมือพญาอินทรีย์พยศหนักแม้ดวงตาเรียวรีจะแดงก่ำไปด้วยความชอกช้ำก็ตาม

     

     

    “ไม่พูดแล้วกูจะรู้หรอว่ะ อยู่ๆมึงก็หนีหายไป..”

     

     

    “ก็ทุกคนต้องการแบบนั้นนิ! อยากเห็นฉันอายจนต้องวิ่งหางจุกตูดกลับบ้านไปแบบนั้น ฉันก็ทำให้ดูแล้ว เป็นไง สะใจพวกนายรึเปล่า” แบคฮยอนร้องลั่น ริมฝีปากน่ารักถูกขบเม้มเข้าไว้ด้วยกันจนรู้สึกเจ็บไปหมด น้ำตาที่เอ่อนองไหลรินรดหัวใจที่มีบาดแผลลึกอย่างเจ็บปวด แสบแสนเกินว่าจะทน

     

     

    “แบค..แบคฮยอน”

     

     

    “ปล่อยฉันไปเถอะชานยอล” แบคฮยอนว่าด้วยเสียงที่แหบพร่าเพราะก้อนสะอึกที่จุกอยู่กับคอ มือที่กั้นอยู่บนแผงอกหน้าขยุ้มเข้ากับเสื้อเชิ้ตเทาจนมันยับยู้ยี้ไปหมด

     

     

    “ไม่ได้”

     

     

    “...”

     

     

    “กูจะไม่ปล่อยมึงไปอีกแล้ว” ว่าจบชานยอลก็คลายอ้อมกอดแน่นออก ก่อนจะย่อตัวลงแล้วคว้าเอวบางอุ้มขึ้นพาดไหล่ในทันที คนตัวเล็กตะลึงงั้นในขณะอยู่บนบ่ากว้าง รู้สึกเหมือนโดนค้อนทุบอย่างแรงจนสมองไม่สามารถประมวลผลอะไรได้อีก

     

     

    “ป..ปล่อยนะ!” หนุ่มน้อยแห่งสลิธีรินร้องโวยวายลั่นหลังจากได้สติกับมาอย่างครบถ้วนแล้ว มือเล็กแสนร้ายกาจนั้นตีเข้าที่แผนหลังกว้างดังเพี้ยะจนคนตัวโตร้องซี้ด

     

     

    “ดื้อมากๆระวังกูจะไม่ปราณีมึง”

     

     

    “เหอะ! พูดอย่างกับว่าเคยปราณีงั้นแหละ”

     

     

    เพี้ยะ!

     

     

    เสียงหวดมือเข้ากับเนื้อแน่นนั้นดังก้องถึงใจ แบคฮยอนเบิกตาขึ้นจนโตอย่างกับไข่ห่าน น้ำหูน้ำตาเหือดแห้งเพราะไม่มีอารมณ์ที่จะมาร้องไห้ต่ออีกแล้ว ก็แน่สิ ถ้าพวกคุณโดนมือใหญ่ๆตีก้นดังเพี้ยะยังจะร้องไห้ได้อยู่รึเปล่า

     

     

    “ลดความอ้วนนี่แม่งก็ดีเหมือนกัน มึงจะได้เป็นลูกไก่ในกำมือกู”

     

     

    “ไก่เหี้ยไรล่ะ ปล่อยยย!” โวยวายแล้วก็ข่วนเล็บที่ยาวขึ้นมานิดหน่อยของตัวเองเข้ากับแผ่นหลังหนาจนเจ้าตัวร้องซี้ดดังยิ่งกว่าเก่า ..ดี จะได้รู้กันไปเลยว่าลูกคุณนายซอนมีไม่เคยตกเป็นรองใคร

     

     

    เพี้ยะ!

     

     

    “ดื้อนักใช่มั้ย”

     

     

    เพี้ยะ!

     

     

    “ยะ หยุดตีนะ อื้ออ ปล่อยฉันลงด้วย” แบคฮยอนยังคงตะเกียกตะกายแผ่นหลังกว้างนี่อย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน แม้จะโดนมือใหญ่รังแกด้วยการตีเข้าที่ก้นติดกันรัวจนจะเป็นจังหวะสามช่าได้อยู่แล้ว เจ็บน่ะมันไม่เจ็บหรอก แต่มันอายมากกว่า คนที่เขาจะกลับบ้านก็ต้องเดินผ่านมาเจอแบคฮยอนในสภาพห้อยหัวแบบนี้ทั้งนั้น

     

     

    แถมยังอยู่บนไหล่ผู้ชายท่าทางสติไม่ดีแบบชานยอลแบบนี้ยิ่งแล้วไปกันใหญ่เลย คนอื่นจะถ่ายรูปไปลงแคปชั่นว่าอะไรบ้างก็ไม่รู้

     

     

    “มองเหี้ยไรค้าบบบ”

     

     

    “...”

     

     

    “ไม่เคยเห็นผัวเมียทะเลาะกันเอ่อ”

     

     

    “ชานยอล!

     

     

    หมับ!

     

     

    “มึงอ่ะเงียบไปเลย” แบคฮยอนเงียบกริบได้ดั่งใจเมื่อโดนมือใหญ่นั่นทำร้ายอีกครั้งด้วยการขยำก้อนเนื้อนุ่มนิ่มตรงส่วนก้น ใบหน้าร้อนฉ่าไปหมด ทั้งโกรธ ทั้งอาย ไหนจะคนอื่นที่พากันยกมือขึ้นมาป้องปากซุบซิบกันนี่อีก

     

     

    เมื่อคนบนไหล่นิ่งไป ชานยอลก็รีบสาวเท้าก้าวออกไปจากบริเวณทันที ทั้งสองเอาแต่เงียบใส่กัน แบคฮยอนเองก็น้อยใจเลยเงียบไปดื้อๆ ส่วนชานยอลเองก็แข็งทื่อเขาไม่บอกตัวก็ไม่รู้ มันก็เป็นซะอย่างนี้ ทั้งคู่ถึงไม่เข้าใจกันสักที

     

     

    พออุ้มร่างเล็กมาจนถึงรถของตัวเองชานยอลก็ค่อยๆวางอีกคนลงพื้นอย่างเบามือ เมื่อลูกนกน้อยได้รับอิสระก็รีบถอยออกห่างอีกคนทันที กอดลำตัวที่สั่นระริกของตัวเองเอาไว้แน่นพลางใช้ตาที่แดงก่ำจากการร้องไห้จ้องเขาอย่างเคืองขุ่น

     

     

    “ขอโทษ”

     

     

    “...”

     

     

    “ก็มึงดื้อ จะให้กูทำยังไงล่ะ” ชานยอลยอมอ่อนข้อให้ร่างเล็กตรงหน้าอย่างจำนน เห็นหน้าเหมือนหมาหงอยของมันแล้วก็เจ็บใจที่ทะนุถนอมมันเอาไว้ไม่ได้ มือหนาที่แห้งกร้านค่อยๆยกมือขึ้นไปสัมผัสเข้ากับผิวแก้มเนียนนุ่มที่เปียกชื้นไปด้วยคราบน้ำตา

     

     

    “ไม่ต้องมาจับ” แบคฮยอนปัดมือกร้านออกไปจากหน้าของตัวเองอย่างรังเกียจ เหตุการณ์ในวันนั้นมันทำให้แบคฮยอนเข็ดขยาดกับความรักจอมปลอมนี้ เขาสร้างป้อมปราการสูงใหญ่หลายต่อหลายสิบชั้นเพื่อเป็นบทเรียนแห่งความรักวัยเยาว์

     

     

    “แบคฮยอน”

     

     

    “พอเถอะ!

     

     

    “...”

     

     

    “เรื่องของเรามันจบไปนานแล้ว” เขาไม่มีทางทีจะกลับไปเป็นแบคฮยอนคนนั้นอีก “ไม่สิ จะพูดว่าเรื่องของเราก็คงไม่ถูกนัก เพราะคนที่หลงโง่งมนั่นมันก็ฉันเอง โง่ที่คิดไปเองว่าคนอย่างนายจะชอบฉันจริงๆ แต่ก็นั่นแหละ.. ฉันมันโง่ ใครที่ไหนเขาจะชอบคนอ้วนกัน”

     

     

    แบคฮยอนเม้มปากแน่นก่อนจะยื่นมือออกไปหาคนตัวสูงที่ยืนขมวดคิ้วอยู่กับที่ มือเรียวสวยทั้งห้ากางออกจากกันก่อนจะตะครุบฮุบกำอยู่ระหว่างแผ่นอกหนา แล้วจึงระบายยิ้มที่แสนเศร้าสร้อยออกมาบางเบา

     

     

    “ฉันขอใจฉันคืนนะ” ครั้นที่มือเรียวจะดึงกลับเข้าหาตัว มือหน้าก็คว้าเอาไว้แถมยังกุมกำบั้นเล็กเอาไว้แนบชิดกับอกแกร่งไม่ยอมปล่อย

     

     

    “ไม่ให้”

     

     

    “ชาน..”

     

     

    “กูไม่ยอมคืนให้สักอย่างอ่ะ ทั้งตัวมึง ทั้งหัวใจมึง”

     

     

    หัวใจดวงน้อยเต้นรัวในแทบจะทะลักออกมาจากอก ยามที่เผลอเงยหน้าขึ้นกับนัยน์ตาสีน้ำตาลนุ่มลึกนั่นราวกับเผลอกลืนพายุที่โมโหคลั่งเข้าไป แบคฮยอนปั่นป่วนเสียจนอยากให้ผู้คุมตรงหน้าผ่อนปรนความผิดให้แล้วปล่อยตัวไปเสีย

     

     

    ชานยอลเปิดประตูรถคันหรูอย่างแรงก่อนจะดันตัวคนน่ารักเข้าไปข้างในพร้อมกับปิดประตูให้เสร็จสรรพ ร่างสูงใหญ่รีบสาวเท้าออย่างรวดเร็วเพื่อนเปิดประตูขึ้นไปนั่งที่นั่งด้านคนขับ ในขณะเดียวกันแบคฮยอนก็กำลังเปิดประตูออกไป

     

     

    “จะไปไหน” เสียงเข้มกล่าวพร้อมกับคว้าผ้าคลุมสีเขียวเอาไว้แล้วกระชากอย่างแรงจนแบคฮยอนหงายหลังกลับเข้ามาในรถ

     

     

    “งื่ออออ ปล่อยนะ!” ร่างบางดีดแข้งดีดขาทั้งๆที่ส่วนคอยังคงถูกรังดุมของเสื้อคลุมรั้งไว้อยู่อย่างนั้น ชานยอลรีบโน้มตัวไปดึงเอาขาเรียวทั้งสองข้างกลับเข้ามาในรถ แล้วถึงปิดประตูตามหลัง ความดื้อด้านของแบคฮยอนยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เจ้าตัวเล็กสู้สุดใจขาดดิ้น อ้าปากออกกว้างก่อนจะงับเขี้ยวแหลมลงกับกล้ามแขนแน่นจนชานยอลร้องลั่นไปด้วยความเจ็บปวด

     

     

    “โอ้ย! เป็นหมารึไง”

     

     

    “ฮื่อออ” แบคฮยอนกัดไม่ปล่อย ชานยอลเลยต้องใช้มืออีกข้างดันหัวเล็กให้ติดชิดกับเบาะเพราะกลัวว่าจะเผลอตะวัดศกใส่จนได้เลือดกันไปข้าง

     

     

    “เป็นเด็กดีเหมือนเมื่อกี้ก็ดีแล้วแท้ๆ ต้องให้กูโมโหปากคอเราะร้ายก่อนใช่มั้ย หื้ม?” ปากอวบบ่นไม่ขาดสายในขณะที่มือข้างซ้ายก็รวบข้อมือบางทั้งสองเอาไว้ ส่วนมือข้างขวาก็จัดการถอดเนคไทสีเขียวออกจากคอขวา ยื้อแย่งกันอยู่นานเนคไทก็หลุดออกมาจนได้

     

     

    “อย่าให้หลุดไปได้นะ ฉันจะแจ้งตำรวจว่านายพยายามลักพาตัวฉัน”

     

     

    “หึ! เอาเลยกูตั้งใจจะลักอยู่แล้ว” ว่าแล้วก็จัดการมัดข้อมือเล็กเอาไว้กับมือจับด้านข้างประตู แบคฮยอนอ้าปากค้างอย่างตกตะลึงเพราะคิดไม่ถึงว่าอีกคนจะทำกันถึงขนาดนี้ แถมยังโดนปากอิ่มฉกหอมแก้มไปอีกฟอดใหญ่ “อืม.. ต้องงี้สิค่อยชื่นใจหน่อย”

     

     

    “อะ ไอ้คน..”

     

     

    “อะไร ไอ้อะไรที่มึงกำลังจะพูด” ชานยอลยกยิ้มมุมปากพลางกระซิบถามชิดหูขาวด้วยน้ำเสียงแหบพร่า แบคฮยอนเม้มปากแน่นจะพูดจะจาอะไรก็ดูเขาจะชอบใจไปเสียหมด เลยต้องยอมจำนนหันหน้าหนีเข้าข้างหน้าต่างไม่ขอสู้รบปรบมือด้วยอีก

     

     

    แบคฮยอนสิ้นฤทธิราวกับแมวน้อยโดนถอดเล็บ มองข้อมือขาวที่ผูกติดกับมือจับด้วยความเจ็บใจ นี่ชานยอลคิดว่าตัวเองอยู่ยุคเจ็ดศูนย์รึไง คิดจะจับลูกคนอื่นเขาไปไหนก็ได้อย่างนั้นเหรอ

     

     

    “มองหน้า?”

     

     

    “ก็ต้องมองสิ! ดูนายทำกับฉันซะก่อนว่ามันน่าอายแค่ไหน ฉันไม่ใช่โสรยาที่จะให้นายจับไปนั่นไปนี่ได้นะ แล้วมันก็หมดยุคของจำเลยรักไปนานแล้วด้วย”

     

     

    “จำเลยรักมันก็มีอยู่ทุกยุคนั่นแหละ”

     

     

    “งั้นก็ไปหาโสรยาคนอื่นไปไอ้นายหัวโรคจิต”

     

     

    “เดี๋ยวได้รู้เลยว่าโรคจิตของจริงมันเป็นยังไง”

     

     

    “...”

     

     

     

    “หึ!

     

     

     

    ชานยอลเพียงแค่แค่นหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะหักเลี้ยวพวงมาลัยเข้ามายังคอนโดมิเนี่ยมสุดหรู สิ่งที่ไม่เปลี่ยนไปเลยนั่นก็คือความอู้ฟู่ของคนร่างใหญ่ ก็ใช่นิเป็นลูกเจ้าของไร่ชุนฮโยก็คงต้องอยู่กับอะไรรวยๆแบบนี้นี่แหละ นี่กะจะอวดเบ่งว่ารวยมากว่างั้นเถอะ

     

     

    พอหาที่จอดได้แล้วชานยอลก็หันมาแกะเนคไทออกจากข้อมือบางให้คนตัวเล็ก ร่างสูงแอบลอบมองเจ้าตัวนุ่มอยู่เป็นระยะ ท่าทางแบบนี้คงน้อยใจที่เขาจับมัดจนสิ้นฤทธิ์ล่ะสิ มองบางแดงฉ่ำทีคว่ำง้ำงอนอย่างนึกจะบิดให้หายหมั่นเขี้ยวสักที ขนาดเดินเข้ามาในลิฟต์แล้วยังเชิดหน้างอน ลักษณะแบบนี้นี่มันน่าจับตีก้นอีกรอบจริงๆ

     

     

    พูดก็พูดเถอะแค่เห็นตาแดงๆเหมือนคนร้องไห้ก็ทำใจเขาอ่อนยวบยาบไปหมด อยากจะดูแลร่างเล็กให้ดีกว่านี้แต่ติดที่ว่าไอ้คนแบบเขามันปากหมา เพราะตั้งแต่เด็กจนโตชานยอลก็อยู่แต่กับไร่ คุ้นเคยกับความหยาบกระด้างของคนงานจนชินชา ละซึมซับมาจนติดเป็นนิสัยไปเสียแล้ว ครั้นจะมาจ้ะๆจ๋าๆว่าที่พ่อเลี้ยงอย่างเขาทำไม่ได้จริงๆ

     

     

    ตึ้ง~

     

     

    แล้วความเงียบก็ถูกทำลายลงด้วยเสียงของสมาร์ทโฟนเครื่องบางที่ซุกอยู่ในกางเกง แบคฮยอนเม้มปากอย่างชั่งใจก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดู ในหน้าจอแจ้งเตือนว่ามีคนไลน์มาหา พอเปิดดูก็พบว่าเป็นพี่แทคยอนนั่นเองที่ส่งมาถามว่าเขาถึงหอแล้วรึยัง

     

     

    “ใคร”

     

     

    “ไม่เสือก” คิ้วหนาถึงกับกระตุกทันทีที่เจอร่างบางสวนด้วยคำพูดนิ่มๆ มองมือเรียวพิมพ์ส่งข้อความยิกๆแล้วก็ยิ่งรู้สึกไม่ชอบใจเข้าไปใหญ่ ภาวนาให้ตัวลิฟต์พาเขาขึ้นชั้นที่ยี่สิบแปดเร็วๆก่อนที่เขาจะหน้ามืดปล้ำจูบคนตัวเล็กปากดีคาลิฟต์

     

     

    “ไหนมาดูหน่อยซิ้” ว่าแล้วก็ยื่นมือหนาไปฉกเอาโทรศัพท์หรูมาเป็นของตัวเอง แบคฮยอนเบิกตากว้างอย่างตกใจ ตามตะครุบไล่ก็ได้เพียงอากาศเพราะส่วนสูงที่เหยียบขึ้นมาร้อยเจ็บสิบนิดๆไม่อาจจะสู้อีกคนที่สูงกว่าได้

     

     

    “ชานยอล! เอาคืนมานะ”

     

     

    “อ่ะ เอาคืนไป” ชานยอลใช้อีกมือล้วงเข้ากระเป๋ากางเกงก่อนจะยื่นโทรศัพท์ส่งไปให้กับร่างบางด้วยท่าทางมึนๆ แบคฮยอนงงคูณสองรับมาแล้วมองหน้าชานยอลปริบๆ ประจวบเหมาะกับลิฟต์ได้เปิดออกพอดีก็จัดการคว้าแขนอีกคนเดินออกมาด้วยกัน ร่างสูงลากแบคฮยอนมายังห้องสุดท้ายของทางเดิน ก่อนจะตะนิ้วโป้งลงไปเพื่อสแกนแล้วเปิดประตู

     

     

    ภายในห้องกว้างนั้นสวยเหมาะกับการเป็นคอนโดในเมืองหลวงจริงๆ มันให้ความรู้สึกเหมือนกับการกลับมายังห้องเดิมของชานยอลเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว บนตู้รองเท้ามีต้นกระบองเพชรแสนน่ารักวางเอาไว้ ด้านซ้ายมือนั้นเลี้ยวไปน่าจะเป็นห้องนอนใหญ่ ด้านขวามือมีห้องครัวที่ค่อนข้างกว้างพอสมควร ส่วนพื้นที่ตรงกลางจะเป็นห้องนั่งเล่นโดยที่มีระเบียงเล็กๆยื่นออกไปพอให้รับอากาศและปลูกต้นไม้

     

     

    ทั้งกลิ่นและความรู้สึกนั้นมันอบอุ่นและคุกรุ่นอยู่ในใจ แบคฮยอนรู้สึกเหมือนได้กลับมาอยู่บ้าน ทั้งๆที่พึ่งมาเยือนเป็นครั้งแรก ต้นกระบองเพชรน้อยใหญ่ที่ถูกวางเอาไว้กระจัดกระจายตามห้อง แล้วแต่อารมณ์ของเจ้าของ นั่นเป็นสิ่งยืนยันว่าชานยอลไม่เคยเปลี่ยนไปเป็นอื่น

     

     

    เหมี้ยว~

     

     

    “อ่ะ” ขาเล็กรีบชักกลับไปในทันทีเมื่อถูกบางสิ่งสัมผัส แบคฮยอนก้มมองดูตรงเท้าก็พบว่าเป็นแมวน้อยสีขาวขาว มันร้องเหมี้ยวๆได้สักพักก็ถูกมือหนาจับอุ้มขึ้นสู่อ้อมกอด แบคฮยอนสะอึกไปเมื่อเห็นกุญแจที่คล้องอยู่กับคอเจ้าแมวขนปุย ไม่คิดว่าชานยอลจะยังคงเลี้ยงเจ้านี่มาจนถึงตอนนี้

     

     

    “มาถึงก็อ้อนแม่มึงเลยนะ แล้วพ่อมึงอ่ะ หื้ม?” เจ้าเหมียวร้องครางรับเสียงเจ้านายกล้ามใหญ่พลางคลอเคลียอ้อมกอดอุ่นอย่างเอาใจ “มึงตั้งชื่อให้มันซะสิ เลี้ยงมาปีนึงละแต่ยังไม่มีชื่อเลย”

     

     

    “ตั้งเองสิ”

     

     

    “เอ้า ก็มึงเป็นแม่”

     

     

    “แม่เหี้ยไร ฉันเป็นผู้ชาย” แบคฮยอนเดินหนีไปนั่งโซฟาอย่างไม่สบอารมณ์ ชานยอลทำเขาเหมือนสาวน้อยวัยกระเตาะที่กำลังจะมาเสียซิงให้แฟนที่บ้านอย่างนั้นแหละ ไอ้ฉากคัทคืนความสุขให้แก่ประชาชนนั่นน่ะ มันไม่มีอยู่จริง จำไว้! “แต่ถ้าให้ตั้งจริงๆ ก็ให้ชื่อนุนแล้วกัน นุนที่แปลว่าหิมะ”

     

     

    ชานยอลเผลอหลุดยิ้มออกมาเพราะความปากแข็งของคนตรงหน้า ที่จริงก็ไม่ได้กลัวเจ้าเหมียวนี่จริงๆจังๆสักหน่อย แค่ฝังใจไปเองว่าเข้าใกล้แล้วจะโดนข่วน เลยหนีห่างออกไปทั้งๆที่ยังไม่เคยได้ลองลูบหัวลูกสาวตัวขาวเลยสักครั้ง

     

     

    “อื่มก็ดี ว่าไงชอบมั้ยอินุน มึงเป็นลูกจะให้เป็นฤดูหนาวก็แล้วกัน แล้วพ่อมึงเป็นฤดูร้อน ชื่อ ยอล”

     

     

    “...”

     

     

    “ส่วนแม่มึงเป็นฤดูฝน ชื่อ บี”

     

     

    “ฉันไม่ใช่แม่!” ร่างเล็กที่นั่งตรงโซฟารีบหันหน้ามาโวยวายลั่น ที่โดนยัดเยี้ยดสถานะโดยที่ไม่ได้สมัครใจ อะไรกันแมนๆคุยกันเลยนะ คนแบบแบคฮยอนนี่สมควรเป็นแม่หรอ เหอะ!

     

     

    “กูยังไม่ได้เอ่ยถึงมึงสักคำ ร้อนตัวว่ะ”

     

     

    “ก็บี! ...” ปากบางถึงกับต้องเม้นเข้าหากันแน่น หลังจากพึ่งคิดได้ว่าชานยอลยังไม่ได้เอ่ยถึงตัวเลยสักนิด อับอายสิ้นดี ทำไมต้องมาเสียท่าเพราะเรื่องจิ๊บจ๊อยแบบนี้ตลอดเลยวะ “ก..ก็นั่นแหละ ฉันรู้ว่านายหมายถึงฉัน”

     

     

    “รู้ใจขนาดนี้มาเป็นเมียเลยดีกว่า”

     

     

    “ชานยอล!

     

     

    ใบหน้าเล็กขึ้นสีเข้มไปทั้งหน้า ดวงตาเรียวรีเบิกกว้างจนแทบทะลักออกมาออกเบ้าตาได้อยู่แล้ว ไม่รู้ว่าจะกลัวก่อนหรือขำก่อนดี ถึงร่างกายอวบอ้วนจะเปลี่ยนไปแต่นิสัยไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสักนิดเดียว ขี้โววายที่หนึ่ง ขี้เก็กก็ที่สอง ช่างน่ารักเสียจริงเชียว

     

     

    “กินขนมมั้ย”

     

     

    “ไม่รู้หรือไงว่ากินขนมตอนดึกมันไม่ดีต่อสุขภาพ”

     

     

    “ว้าว ไม่ยักกะรู้”

     

     

    กวนตีน

     

     

    แบคฮยอนหันกลับมาพลางกอดอกแน่นเพราะถูกกวนใจจนหงุดหงิด มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่โดนความเย็นเฉียบปะทะเข้าที่ช้างแก้ม หันไปก็พบว่าเป็นกระป๋องน้ำผลไม้ที่คนตัวสูงหยิบยื่นมาให้ แบคฮยอนหงุดหงิดขึ้นอีกเป็นเท่าตัวแล้ววกตัวกลับไปด้านหลังเพื่อคุยกับคนตัวสูงให้รู้เรื่อง

     

     

    “ฉันไม่กิน”

     

     

    “ไม่อ้วนหรอกน่า”

     

     

    “เอ๊ะ ก็บอกว่าไม่... กิน” เสียงโวยวายค่อยๆแผ่วลงไปเรื่อยจนเงียบสนิท เพราะไม่อาจตั้งตัวได้ทันยามที่ริมผีปากอวบกดลงมาเบาๆที่มุมปาก แบคฮยอนนิ่งงันปล่อยให้ชานยอลประคองใบหน้าขึ้นมาแล้วกดจุมพิตหวานให้แนบชิดเข้ามาอีก ร่างกายเล็กสั่นผวาอย่างหน้าสงสาร จะว่ากลัวก็ไม่ใช่จะว่าหวั่นไหวก็ไม่เชิง

     

     

    ความหวานหอมสมปนเปกับความคะนึงหาผ่านรสจูบที่แสนเรียบง่าย ชานยอลไม่ได้รุกเร้าเร่งรัดร่างเล็กเพื่อให้ตอบโต้จูบแต่อย่างใด กลิ่นและรสสัมผัสที่คอยเฝ้าฝันหาได้มาอยู่ตรงหน้าเขาจึงไม่รีบร้อนให้รักร้อนแรง ...นี่เป็นการลอบวางเพลิงขึ้นต้น

     

     

    มาชเมลโล่หนึบนับค่อยๆละลายอย่างไม่รู้ตัว

     

     

    “ทีนี้บอกได้รึยัง”

     

     

    “...”

     

     

    “ว่าหนีกันไปทำไม” น้ำเสียงทุ้มต่ำโอนอ่อนให้อีกคนยอมเปิดใจ มือหนาที่อุ่นนุ่มนั้นลูบไล้ไปตามโครงหาคล้ายกับกำลังเก็บลายละเอียดของร่างเล็ก ชานยอลจำได้แค่ตารีเรียวนี้เท่านั้น นอกนั้นดูเหมือนว่าจะถูกเปลี่ยนไปหมดหลังจากลดความอ้วน

     

     

    “ฉันอาย” น้ำเสียงที่แหบแห้งนั้นติดจะสั่นไหวเล็กน้อยยามพูดออกมา แบคฮยอนใช้ดวงตาเล็กช้อนกลับขึ้นมาสบเข้ากับดวงตาสีน้ำตาลหวานล้ำของอีกคนอย่างสื่อความหมาย “ท่ามกลางผู้คนเหล่านั้น พวกเขามองฉันเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้ พวกเขาหัวเราะในสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าน่าเกลียดแต่สิ่งที่น่าเกลียดกว่าคือจิตใจพวกเขาต่างหาก พวกเขาทำลายฉัน”

     

     

    “แล้วทำไมต้องลดความอ้วนด้วยล่ะ หื้ม?”

     

     

    “ชานยอล”

     

     

    “...”

     

     

    “ในโลกนี้มีประตูสองประตูที่เปิดรอคอยฉันอยู่เสมอ มันอยู่ตรงนั้นและไม่เคยไปไหน” แบคฮยอนเม้มปากอย่างชั่งใจว่าควรจะพูดต่อไปดีมั้ย ในขณะนั้นเขาก็ได้รับจูบแผ่วเบาที่ข้างแก้มเพื่อบอกให้เขาพูดต่อ “ประตูแรกคือประตูของคนธรรมดาและอีกประตูคือประตูของคนหุ่นดี”

     

     

    “...”

     

     

    “ผู้คนต่างเดินผ่านไปยังประตูของคนธรรมดาเพราะความถ่อมตัวบ้าง ไม่อยากเป็นจุดเด่นบ้าง ส่วนฉันชานยอล ฉันได้แต่มองประตูกับตัวฉันสลับกันไปมาอย่างชั่งใจว่าฉันจะลองเดินเข้าไปดีมั้ย ถ้าฉันอ้วนแบบนี้ฉันสามารถเดินลอดเข้าไปได้รึเปล่านะ ในขณะที่ฉันกังวลอยู่นั้นมีสิ่งหนึ่งที่หลอกล่อฉันเอาไว้ นั่นก็คือความหวังที่แสนหวาน ฉันหวังว่าอย่างน้อยๆก็ขอแค่ได้ผ่านเข้าประตูของคนธรรมดาสักครั้งก็ยังดี”

     

     

    “...”

     

     

    “แต่ว่าฉันก็เดินหนีมัน ฉันหันหลังให้ประตูพวกนั้นมาตลอดทั้งๆที่มันไม่เคยหนีไปไหน ชานยอล ...มันมีแต่ฉันที่หนี กลัวทุกสิ่งเมื่อฉันผ่านเขาไป และมันทำให้ฉันได้รู้ว่าประตูเหล่านี้มันเป็นของทุกๆคน ทุกคนมีสิทธิที่จะเดินเข้าไป หากกล้าพอ”

     

     

    “แล้วไหนมึงบอกว่ามึงจะไม่เปลี่ยนตัวเองไง มึงเคยพูดกับไอ้คริส”

     

     

    “แล้วทำไมล่ะชานยอล... ในเมื่อมันอยู่ตรงหน้าฉันแล้วทำไมฉันถึงไม่เดินเข้าไป ฉันไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้วหลังจากวันนั้น ฉันไม่กลัวคำวิจารณ์ของพวกเขาอีก ฉันออกกำลังกายและรักการกินอาหารสุขภาพมากขึ้น ฉันดูดีขึ้นเรื่อยๆและฉันอยากให้มันคงอยู่ตลอดไป”

     

     

    “...”

     

     

     

    “ไม่มีเวทย์มนต์ใดที่จะช่วยได้ นอกจากความพยายามของฉันเอง”

     

     

     

    แบคฮยอนยังจะคืนวันที่เหนื่อยยากเหล่านั้นได้ดี คนที่ดูถูกเขาเหล่านั้นไม่รู้หรอกว่าเขาจะต้องทำอะไรมากกว่าการเปลี่ยนแปลงตัวเอง เขาต้องรักษาแผลใจ ต้องบริจาคขนมแสนรักในห้องใต้บันไดให้กับคนอื่น เขาต้องทนกินอาหารคลีนและผักเหม็นเขียวพวกนั้น เพื่อใคร..

     

     

    ก็เพื่อคนในกระจกทั้งนั้น

     

     

    “กูขอโทษ แบคฮยอนกูจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกแล้ว” แบคฮยอนคิดถึงอ้อมกอดพระอาทิตย์ชานยอลทุกคืน เพราะในห้องของเขาไม่มีสิ่งใดที่จะอบอุ่นและหอมกรุ่นได้เท่านี้อีกแล้ว ปากอวบอิ่มของชานยอลกดจูบผะแผ่วที่ซอกหูเล็ก มันบางเบาจนใจหวิวแต่ทว่ากลับตราตรึงไปทั้งดวงใจ

     

     

    “จบเรื่องของเราเอาไว้เท่านี้เถอะนะ ต่อให้นายอธิบายยังไงฉันก็ไม่ฟังอยู่ดี ฉันเชื่อใจนายไม่ได้อีกแล้วเหมือนกับรอยแผลเป็นในอกนี้ที่มันไม่มีวันจางหายได้ด้วยคำพูดหวานหอม”

     

     

    “แบค...”

      

     

    “ชานยอล ฉันรักนายนะ”

      

     

    “...”

     

     

     

     

    “แต่ฉันรักตัวเองมากกว่า”

     



     

     


     













     

     

     

    กระเทยพบเพื่อนรัก

     

     

    กักขังฉันเถิดกักขังปายยย

     
     

    กี้ดดดด นังบี๋มันร้าย ที่จริงก็ชอบให้พี่เค้าแตะต้องด้วยเองใช่มั้ย

    แต่เสียใจ พี่ชานเป็นของฉัน จำไว้!

    (อุ้ยลั่น / ตีมืออ่อน)

     

    แหมสุขสันต์วันสงกรานต์นะจ๊ะทุกๆคนหวังว่าจะมีฟามสุข

    มาอัพให้ได้มาสุดเท่านี้จริงๆ 55555

    ไว้เราจะมาต่อให้ใหม่นะคะ กระเทยจะไม่ทำให้ผิดหวัง

     

     

    การลงตอนนี้มันทำให้เราได้รู้ว่า

    ชะนีแบบพวกเธอหื่นมากกระเทยรับไม่ได้แรง

    ต้องขอโทษด้วยที่ดับฝัน

    ไม่มีฉากคัทที่พวกเธอลั่นแรง 5555

     


    เลิฟ

     

    ไอนี้ดซัมบอดี้เลิฟ

     (เมื่อร้องเพลงนี้อย่าถามว่าเราเกิดยุคใด)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×