ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [exo] 'NICE BODY' || CHANBAEK #แบคฮยอนอ้วน

    ลำดับตอนที่ #27 : NICE BODY : 25 part 1

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10.7K
      34
      17 มิ.ย. 58

    24

    Your True






     

     

    ใครๆก็อยากจะมีฝันแสนหวานกันทั้งนั้น

     

    แบคฮยอนเป็นหนึ่งในนั้นที่อยากจะมีฝันแสนหวาน คิดว่ามันคงจะดีไม่ใช่น้อยหากช่วงเวลาอันเป็นนิรันดร์นั้นอยู่กับเขาไปตลอดกาล ซึ่งนั่นมันเป็นไปไม่ได้ ...แบคฮยอนลืมตามขึ้นตื่นเมื่อยามที่ความรู้สึกปวดร้าวนั้นแล่นผ่านไปทั่วทุกประสาทสัมผัส

     

    คราวที่ขยับตัวความเจ็บมันแล่นเสียบเข้าทุกซอกทุกมุมของร่างกาย ไหนจะอาการแฮ้งค์จากงานเลี้ยงเมื่อคืนนี้อีก แบคฮยอนปวดหัวเกินจะทนไหว ได้เพียงแค่นอนมองผนังสีอ่อนอย่างอ่อนล้า หันไปมองข้างตัวก็พบกับความว่างเปล่า ไร้ซึ่งอีกคนที่อยู่ด้วยกันเกือบทั้งคืน

     

    “หึ”

     

    นึกไว้อยู่แล้วว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้ เขาจะไปหวังอะไรกับชานยอล คนที่พอได้อะไรที่ตัวพอใจแล้ว ก็ทิ้งมันไปอย่างไม่แยแส ถึงครั้งนี้ความรู้สึกมันจะไม่ได้แย่เท่างานเลี้ยงวันวานก็ตาม ...แต่ทว่าความปวดหน่วงก็คงเหลืออยู่ในใจ

     

    แบคฮยอนไม่เคยโกหกตัวเอง

     

    ถึงอยากจะทำแบบนั้นสักครั้ง แต่เขาก็ทำไมได้เลย ตอนที่เมา...เขายังรู้สึกตัวทุกอย่าง ตัวมันเบาหวิวเหมือนปุยนุ่นที่พร้อมจะปลิ้วไปตามลม ยิ่งเป็นลมร้ายที่แสนหอมหวาน แบคฮยอนก็พร้อมจะเอนอ่อนตาม เขาเหมือนถูกสะกดเอาไว้ด้วยเวทย์มนต์ชั้นสูง

     

    ร่ายให้เขาไม่อาจขึ้นจากหลุมรักนี้ได้

     

    “อะ โอ้ย!” เพียงแค่ขยับตัวเพียงนิดเดียวเท่านั้นแบคฮยอนก็รู้สึกว่าความรู้สึกเจ็บมันแล่นแปล้บไหลผ่านกายจนสะท้านไปทั้งร่าง โดยเฉพาะตรงจุดศูนย์ถ่วงของร่างกายอย่างสะโพกแล้วก็ยิ่งเป็นหนักมากกว่าส่วนไหน เพราะส่วนนี้ของเขาถูกใช้งานมาครึ่งค่อนคืน

     

    รอบๆตัวของเขามีเพียงแค่กลิ่นตัวของอีกคนที่ติดตามผ้าห่ม หมอน หรือแม้กระทั่งผ้าปูที่นอนก็มีเพียงกลิ่นกายของชานยอล มันแข็งกร้าวในบางช่วงแต่พอเข้าสู่ช่วงกลางกลิ่นนั้นก็ค่อยๆแทรกเสริมความอ่อนโอนราวกับว่าชานยอลกำลังกอดเขาเอาไว้อ้อมแขนจริงๆ

     

    “คนเลว ถ้าเจอนะจะจับฉีกให้เป็นชิ้น” แบคฮยอนบ่นงึมงำในขณะฝืนตัวลุกขึ้นมาจากเตียงนอนนุ่ม พร้อมกับคว้าเอาเสื้อและกางเกงบอลที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมาใส่ลวกๆ คราบต่างๆบนเตียงแห้งเกรอะกรังคงสภาพให้เขาเห็นว่าเรื่องนั้นมันได้เกิดขึ้นจริงๆ

     

    “อะไรของมึงเนี่ย!!!

     

    แบคฮยอนสะดุ้งสุดตัวเมื่อเสียงทุ้มพูดขึ้นตอนที่เขากำลังก้มๆเงยๆเก็บเสื้อผ้าของตัวเองตามพื้น หันไปก็พบกับร่างสูงใหญ่ของอีกคนที่อยู่ในสภาพกางเกงยีนสีซีดที่คาดว่าน่าจะเป็นคนละตัวกับเมื่อวาน ส่วนท่อนบนนั้นไม่ได้ใส่อะไรนอกจากผ้ากันเปื้อนลายตามยาวขาวสลับชมพู

     

    “อ๊ะ!

     

    “เจ็บแล้วก็ยังมีหน้าลุกออกมาจากเตียงอีก” ร่างสูงโปรงดึงร่างบางให้ลุกขึ้นจากพื้น ก่อนจะแย่งเสื้อผ้าในมือเล็กออกไปถือเองจนหมด ทำเอาคนตัวเล็กแอบเบ้ปากใส่ความเผด็จการของอีกคนอย่างเสียไม่ได้

     

    “ใครทำล่ะ”

     

    “กู”

     

    หน้าด้าน

     

    แบคฮยอนได้แต่ก่นด่าร่างสูงที่กำลังประคับประคองตัวเองกลับไปนั่งลงบนเตียงเหมือนเดิม และมันทำให้เขานึกถึงภาพเหตุการณ์เมื่อคืนนี้อีกครั้ง ก็เพราะคนตรงหน้าไม่ใส่เสื้อนี่แหละเขาถึงได้คิดน่ะ แบคฮยอนไม่ใช่คนลามกซะหน่อย

     

    “นอนอยู่นี่เดี๋ยวมา” พอจัดผ้าห่มให้คลุมขาแบคฮยอนเสร็จ ก็หมุนร่างสูงโปร่งของตัวกลับออกไปจากห้อง ซึ่งรอเพียงไม่กี่อึดใจ ชานยอลก็กลับเข้ามาในห้องพร้อมกับถาดอาหารที่ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วห้องนอน แถมเสื้อเชิ้ตสีดำยังถูกเข้ามาแทนที่ผ้ากันเปื้อนด้วย

     

    ร่างสูงหันไปคว้าโต๊ะตัวเล็กขนาดพอดีมาคร่อมขาร่างบางเอาไว้ก่อนจะค่อยๆวางถ้วยซุปถั่วงอกและข้าวร้อนๆหนึ่งถ้วยเอาไว้ให้

     

    “ไม่กิน”

     

    “ก็ได้” แบคฮยอนมองว่าคำพูดของชานยอลในครั้งนี้ไม่น่าไว้วางใจสุดๆ ยามที่คนตาโตโน้มตัวลงมาใกล้นั้นมันอันตรายสุดๆ ทั้งสายตาที่ทำเหมือนจะกลืนกินเขาเข้าไปทั้งตัวนั่นด้วย ร้ายกาจสุดๆ! “แต่กูจะถือว่ามึงมีแรงที่จะต่ออีกรอบ”

     

    “อะ อีกรอบบ้าอะไรกันล่ะ!” แบคฮยอนรีบดันใบหน้าของอีกคนเอาไว้เมื่อตัวเองกำลังจะถูกทำแบบเมื่อคืนในสภาพร่างกายแบบนี้อีกครั้ง “กินแล้วน่า! แล้วก็ขยับออกไปได้ยังฮะ”

     

    “ไม่ดื้อตั้งแต่แรกก็จบแล้ว” ไม่วายโดนหอมเข้าที่ข้างแก้มฟอดใหญ่ตอนที่ซดซุปถั่วงอกเข้าปากเสียงดัง ร่างบางหน้าบึ้งแล้วหน้าบึ้งอีก ความจริงท้องมันก็หิวนั่นแหละ แต่ด้วยความที่ว่าวางฟอร์มมาเยอะ จะยอมอ่อนข้อให้ง่ายๆแบบนั้นน่ะมันไม่ได้หรอก

     

    “ฮื่อ ออกไปก่อนได้แมะ กินไม่ถนัด” มือก็จ้วงกินเอากินเอาแบบนี้ยังบอกว่าไม่ถนัด? แต่ก็เอาเถอะจะเห็นแก่ว่าเมื่อคืนนี้ใช้พลังงานมาทั้งคืน วันนี้เขาจะไม่ก่อศึกอะไรให้ร่างบางหงุดหงิดมากก็แล้วกัน

     

    มันก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าหลังจากที่พวกเขามีอะไรกันแล้ว ชานยอลนั้นชอบที่จะกอดจูบแบคฮยอนมากกว่าเดิมอีก อยากจะฟอนฟัดให้ร่างนี้แตกคามือเสียจริงๆ ไหนจะริมฝีปากง้ำงอนน่าจุ๊บนี้ด้วย ชานยอลก็ยิ่งอยากกดจูบแรงๆสักทีให้หายหมั่นเขี้ยว

     

    “เดี๋ยวกูจะออกไปข้างนอก”

     

    “บอกทำไม จะไปก็ไปสิ”

     

    ฟอด

     

    “ฮื่ออออ” แบคฮยอนยกมือขึ้นผลักหน้าของคนหื่นๆออกไปอย่างรำคาญ นี่คิดว่าตัวเองเป็นพระราชาหรอที่จะหอมใครก็หอม จูบใครก็จูบ โดยไม่มีการถามความสมัครใจกันเลยสักคำ

     

    “รู้หรอกว่าตอนตื่นมาแล้วไม่เจอกู มึงแอบด่ากูในใจใช่มั้ยล่ะ”

     

    “เหอะ! ทำกันขนาดนี้แล้วคิดว่าฉันจะแอบขอบคุณนายในใจงั้นหรอ”

     

    “โอ๋~ ไม่ต้องกลัวกูทิ้งมึงหรอก”

     

    “โอ๋พ่อง”

     

    “กูเป็นคนเอา กูก็จะรับผิดชอบ”

     

    แบคฮยอนเม้มปากกลั้นยิ้มเอาไว้แน่นเอาไว้แน่นพลางหันหน้าหนีไปอีกทางเพราะอายเกินกว่าจะพูดอะไรออกมาได้ ชานยอลพูดออกมาอย่างหน้าด้านๆได้ยังไงว่าจะมารับผิดชอบกันในเมื่อเราทั้งคู่ต่างก็เป็นผู้ชายด้วยกัน

     

    “ไม่ต้องมารับผิดชอบด้วย เรื่องแค่นี้”

     

    “หรอ”

     

    “อือ”

     

    “งั้นกูเอาอีกรอบมึงคงไม่ว่าอะไร”

     

    “ชานยอล!!!” แบคฮยอนหันมาตะหวัดตามองแรงใส่คนจัญไรที่นั่งหัวเราะอยู่บนเก้าอี้ นี่มันใช่สิ่งที่ควรจะเอามาพูดเล่นๆมั้ย เรื่องเอาเนี่ย!

     

    “ถ้าไม่ยอมให้กูรับผิดชอบ ก็เตรียมตัวเป็นเมียนอกกฎหมายได้เลย ถ้ากูเอาเช้าเอาเย็นแล้วอย่ามาบ่นแล้วกัน”

     

    “แล้วเลิกพูดได้มั้ยคำว่าเอาเนี่ย ขี้เอานักหรอ”

     

    “อยากรู้?”

     

    “ไม่!

     

    ตอบกลับอย่างไม่ต้องคิดให้มากความ แบคฮยอนไม่รู้จะปั้นหน้ายังไงดีเวลาคุยเรื่องพรรค์นี้กับชานยอล เขาไม่ได้เป็นคนที่จะพูดเรื่องอย่างว่าได้หน้าตาเฉย แบบไม่รู้สึกรู้สาเวลาพูดอะไรแบบนี้ ใช่! แบคฮยอนเกลียดที่จะต้องคุยเรื่องพรรค์นี้กับชานยอลเต็มทน

     

    เพราะใครที่ได้เปรียบก็เห็นๆกันอยู่

     

    “อิ่มแล้ว”

     

    “อ่ะ กินยาก่อน แล้วก็นอนพัก” ชานยอลหยิบแก้วน้ำบนหัวเตียงมายัดใส่มือเล็กพร้อมกับยาลดไข้และยาแก้อักเสบ แต่ทว่าแบคฮยอนกลับเบ้ปากทำเหมือนไม่อยากกิน “อยากเดินขาถ่างไปม.รึไง หื้อ?”

     

    “งั้นก่อนจะทำอะไรก็คิดก่อนสิวะ โง่!

     

    “ขอโทษ”

     

    “ไม่หาย” พูดจบก็กรอกยาเข้าปากแล้วกรอกน้ำตามลงไปอย่างหัวเสีย ในความรู้สึกตอนนี้คืออยากกลับไปนอนที่หอของตัวเองแล้ว แต่ทว่าร่างกายมันยังไม่พร้อมนี่สิ ดีไม่ดีอาจจะตายตั้งแต่ลงลิฟต์ไปกวักแท็กซี่แล้วก็ได้

     

    “ขอโทษ”

     

    แบคฮยอนรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเล่นเกมจิตวิทยา เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ชานยอลกำลังคิดอะไรอยู่ และไม่รู้ด้วยว่าคำว่าขอโทษที่เขาพูดออกมานั้นมันหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ แบคฮยอนเกลียดคำว่าศูนย์ เกลียดที่จะต้องเริ่มมันใหม่หลังจากที่สิ่งเหล่านั้นมันพังทลายไปหมดแล้ว

     

    มันยากที่จะกลับมาเชื่อใจได้อีกครั้ง ชานยอลเป็นคนที่เริ่มทำให้เขาเรียนรู้ในการทำอะไรใหม่ๆเป็นครั้งแรก  ซึ่งมันใช้เวลาค่อนข้างมากเลยทีเดียวในการทำเป็นลืมๆเรื่องราวเหล่านั้นไป แบคฮยอนไม่อยากจะต้องมาเจ็บปวดกับคนเดิมซ้ำๆอีกแล้ว

     

    “นายรู้ดี ชานยอล”

     

    “...”

     

    “ฉันให้อภัยนายไม่ได้จริงๆ”

     

    “ถ้าอย่างนั้นก็ให้กูรออยู่ตรงนี้”

     

    “ยังไง”

     

    “กูจะรอจนกว่ามึงจะใจอ่อน”

     

    ชานยอลกล่าวคำสัจด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ซึ่งนั่นมันทำให้แบคฮยอนหัวใจสั่นไหวยวบยาวไปหมด ร่างเล็กไม่ได้พูดอะไรตอบกลับไปเลยทำเป็นการตอบรับประโยคข้างต้นกลายๆเพราะไม่ได้ปฏิเสธให้แน่ชัด

     

    “...”

     

    “กูต้องไปช่วยเพื่อนทำงานที่ม.แล้ว” ชานยอลรวบรัดตัดตอนด้วยการกดสันจมูกเข้าที่แก้มนุ่มนิ่มเพียงเบาๆแล้วจึงคว้าถาดอาหารบนตักของร่างบางออกมาถือไว้ “นอนพักผ่อนเถอะ จะได้หายปวดเนื้อปวดตัวไปบ้าง”

     

    “ละ...แล้วจะกลับมาตอนไหน”

     

    “เย็นๆ”

     

    “...”

     

    “ไปนะ”

     

    “อื้อ”

     

    จากนั้นร่างสูงก็เดินหายออกไปจากห้อง ซึ่งแบคฮยอนเองก็คิดว่าอีกนานกว่าจะเย็นจึงขยับเลื่อนลงมานอนดีๆบนเตียงกว้าง จะว่าเขินก็เขิน เพราะประโยคข้างต้นนั้นไม่ได้ต่างไปจากคนที่เป็นแฟนกันเค้าทำกันเลย แบคฮยอนไม่รู้ว่าจะหุบยิ้มลงได้ยังไง ในเมื่อ...

     

     

    ชานยอลทำตัวน่ารักซะขนาดนี้

     

     











     

    แบคฮยอนงัวเงียตื่นขึ้นมาหลังจากที่ได้หลับเต็มอิ่มแล้ว นาฬิกาบนหัวเตียงบอกเวลาว่าขณะนี้เวลาล่วงเลยไปจนถึงบ่ายสอง ร่างกายที่เมื่อยล้านั้นรู้สึกมีเรี่ยวมีแรงมากขึ้น แต่ก็ยังคงมีอาการปวดหน่วงตรงสะโพกอยู่บ้างเวลาขยับตัว

     

    ร่างบางลุกออกจากเตียงพลาง ยืดตัวบิดไปบิดมาก่อนจะเดินไปยังตู้เสื้อผ้าสีน้ำตาลเข้มเพราะสุดจะทนกับชุดที่ชานยอลหามาใส่ไว้ลวกๆนี่เต็มทน ไอ้การที่เอาเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งๆของตัวมาใส่ไว้ให้และบ็อเซอร์ตัวเดียวนี่มันสาวน้อยมากเกินไปรึเปล่า หือ?

     

    ไม่ไว้หน้ากันเลยนะปาร์คชานยอล!

     

    ด้วยความหัวเสียที่เห็นสภาพแสนหน้าอายของตัวเองหน้ากระจกมือเรียวจึงกระชากเปิดตู้เสื้อผ้าออกมาอย่างแรง มือเรียวจัดการแหวกเสื้อผ้าออกจากกันก่อนจะควานหาชุดที่ตัวเองน่าจะใส่ได้ออกมา ซึ่งมันก็ติดตรงที่ว่าแบคฮยอนกลับไปใส่เสื้อชานยอลเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว

     

    “นี่เสื้อของคนหรือยักษ์วะ” บ่นก่อนจะโยนเสื้อผ้ากองลงกับพื้นอย่างนั้น มือเรียวดึงกระชากไปกระชากมา จนไปหยุดอยู่ที่ชุดตัวสุดท้ายของตู้

     

    มันไม่ได้เป็นชุดแบรนด์เนมหรืออะไรที่อู้ฟู่ แต่มันเป็นชุดนักเรียนของบยอนแบคฮยอนที่แสนน่าเกลียดคนนั้น ยามที่ยื่นมือไปสัมผัสกับเนื้อผ้าราวกับว่าภาพเหตุการณ์ต่างๆมันไหลวนกลับมาให้เขาหวนนึกถึงอีกครั้ง

     

    มันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดและในคราเดียวกันนั้นก็เจ็บปวดที่สุดเช่นกัน

     

    แบคฮยอนปิดบานตู้เสื้อผ้าลงเพื่อขังสิ่งต่างๆให้มันกลับไปอยู่ที่อดีตดั่งเดิม ตอนนี้เขาเป็นคนใหม่แล้ว ไม่มีใครคิดที่จะชิงชังเขาอีก ไม่มีคนที่คิดจะผลักไสกัน แบคฮยอนชอบให้ผู้คนรักมากกว่าผู้คนเกลียด ...ใช่ ใครๆเขาก็อยากให้มันเป็นแบบนี้กันทั้งนั้น

     

    ร่างบางเปิดประตูห้องนอนออกเพื่อที่จะออกไปสูดอากาศด้านนอกบ้าง ทว่าเท้าเจ้ากรรมกลับไปเตะใส่อะไรบางอย่างที่หน้าห้องจนต้องก้มลงไปเก็บขึ้นมาดู มันเป็นหนังสือเล่มพอดี ที่คิดว่าน่าจะเป็นไดอารี่ พร้อมกับโพสท์อิทรูปแอปเปิ้ลสีเขียว

     

    ถ้าพร้อมที่จะให้อภัยกู ก็เปิดอ่าน”

     

    นี่เป็นการจงใจวางไว้ให้มาเปิดชัดๆ ชานยอลรู้อยู่แล้วว่าเขาจะต้องเดินออกมาจากห้องแน่ๆ เลยกะวางหนังสือเอาไว้บนพื้นเพื่อให้เกิดบังเอิญหยิบขึ้นมาอ่าน แบคฮยอนถอนหายใจตัวเองเองก่อนจะพาร่างเพลียๆของตัวเองไปนั่งที่ซาหน้าทีวีจอใหญ่

     

    นุนวิ่งเข้ามานอนคลอเคลียใกล้ๆขาราวกับดีใจทีวันนี้เจ้านายนั้นใจดีมาอยู่เป็นเพื่อน แบคฮยอนไม่ได้โวยวายเช่นทุกครั้ง เพียงแค่ขยับเท้าออกมาให้ห่างจากขนปุกปุย ร่างเล็กขยับร่างกายจนได้ที่เหมาะเจาะ ก็เริ่มลงมืออ่านสิ่งที่เขาควรจะให้อภัย

     

     

     

    กูไม่ได้กลัวที่จะต้องอยู่ตัวคนเดียว

    แต่กูกลัวที่จะต้องอยู่โดยไม่มีมึง

     

    ...

     

    แบคฮยอน

     

     

     

    ชานยอลไม่ชอบเสียงอึกทึกของงานเลี้ยง ไม่เลยที่จะคิดพิศวาสมันในวินาทีเดียว เขาชอบอยู่กับป่าไม้ ชอบอยู่กับสัตว์ตัวจ้อย โดยเฉพาะแสงแดดอ่อนๆยามเช้าที่ทำให้สมองปลอดโปร่ง ชานยอลชอบมันที่สุด ราวกับดอกทานตะวันที่รอคอยแสงแดดอย่างมีความหวัง

     

    แต่วันนี้เขายอมมาที่งานเลี้ยงที่โรงเรียนเพียงเพราะว่าไม่อยากให้ไอ้อ้วนข้างด้วยรู้สึกเบื่อกับการเป็นแฟนคนทื่อๆที่ไม่ชอบสังคมแบบเขาไปเสียก่อน ดูก็รู้ว่าแบคฮยอนเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นได้ง่าย แถมยังน่ารักมากอีกต่างหาก

     

    เพราะแบบนี้ไงเลยไม่อยากให้เข้าใกล้โซยูมากนัก

     

    “ชานยอล”

     

    ขณะที่มือหนากำลังง่วนอยู่กับการตักขนมใส่จานเพื่อที่จะเอาไปให้แบคฮยอนที่ระเบียงด้านนอก มือเรียวเล็กของหญิงสาวก็คว้าข้อมือของเขาเอาไว้เสียก่อน

     

    “ไง” ชานยอลเพียงแค่ปรายตามองร่างสวยระหงส์ที่พิงสะโพกเข้ากับขอบโต๊ะอย่างเซ็กซี่ ใครๆก็บอกว่า ซองอารึม นั้นทั้งสวย ทั้งน่ารักแถมยังนิสัยดี ซึ่งน่าเสียดายที่จู่ๆพวกเขาก็เลิกกันก่อนที่จะย่างเข้าสู่เดือนที่ห้า ชานยอลไม่ได้แยแสกับคำพูดของคนอื่นมากนัก ในเมื่อใจเขาไม่ได้ชอบ ถึงจะฝืนยืดความสัมพันธ์ต่อไปยังไง จุดจบมันก็ยังคงปรากฏให้เห็นอยู่ลิบๆ

     

    “นายดูดีในชุดสีน้ำเงินจังเลย”

     

    “...” ชานยอลไม่ตอบอะไรเพียงแค่ดึงมือเรียวออกจากแขนของตัวเองแล้วตักขนมต่อเท่านั้น

     

    “หื้ม? ชอบของหวานตั้งแต่เมื่อไหร่”

     

    “ยุ่ง”

     

    “อ้อ ของพ่อเจ้าเนื้อนี่เอง ...เลี้ยงเขาดีนี่นาชานยอล” อารึมรีดรอยยิ้มแสนน่ารักพร้อมกับยั่วโมโหร่างสูงใหญ่ด้วยการหยิบคุกกี้ขึ้นมากัดก่อนจะเอาวางไว้บนจานดังเดิม “อะไรที่เป็นของฉัน ยังไงมันก็จะยังคงเป็นของฉัน...วันยังค่ำ”

     

    “...”

     

    “นี่เป็นรูปตอนที่แบคฮยอนเปลี่ยนเสื้อผ้า มันดูแย่มากเลยใช่มั้ยล่ะ” มือเรียวหยิบรูปจากในกระเป๋าถือของตัวเองขึ้นมาโปกผ่านหน้าชานยอลอย่างยั่วยุให้เกรี้ยวกราด ร่างสูงขบฟันกรามแน่นยามที่อารึมสอดมันเข้ากับช่อกระเป๋าตรงอก “ฉันเจอมันก่อนที่จะมีคนเอามาโชว์วันนี้ ขอบคุณซะสิ”

     

    “ยัยมารร้าย”

     

    “นายไม่อยากด่าฉันหรอก”

     

    “ฉันอยากด่าเธอใจจะขาด ..อารึม”

     

    “ถ้านายด่าฉัน ฉันจะเอารูปของแบคฮยอนไปติดทั่วโรงเรียนเลยเอาสิ” ริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีชมพูอ่อนแย้มยิ้มออกมาอย่างชอบใจที่ปั่นหัวร่างสูงสำเร็จ นี่สินะที่เขาว่ากันว่า สวยแต่รูปจูบไม่หอม “แต่ถ้านายอยากจะเจรจากันดีๆ ก็มาเจอกันที่เดิมนะ”

     

    “...”

     

    “ที่ที่นายขอฉันเป็นแฟนไง

     

    ซองอารึมปั่นประสาทจนชานยอลแทบเป็นบ้า! ขอบคุณจริงๆที่เธอเลือกเดินออกไปเพราะไม่อย่างนั้นเขาจะต้องทนในความร้ายกาจของเธอไม่ไหว จนต้องฉีกร่างเจ้าหล่อนออกเป็นสองท่อนแน่ๆ

     

    ในชีวิตนี้ชานยอลไม่เคยรู้เลยว่าผู้หญิงจะร้ายได้ถึงขนาดนี้ แถมตอนที่คบกันนั้นยังไม่เห็นมีทีท่าว่าจะเจ้าวางแผนแบบนี้เลยสักนิด สาบานได้เลยว่าผู้หญิงแบบนี้ต่อให้ยื่นให้ฟรีๆเขาก็ไม่เอา ร่างสูงวางจานขนมไว้บนโต๊ะพลางหยิบรูปใบนั้นขึ้นมาดูอีกครั้ง แค่ไปตามที่ยัยนั่นบอกคงจะดีกว่าให้รูปของแบคฮยอนว่อนไปทั่วทั้งโรงเรียน

     

     

    ซึ่งเขากลัวเหลือเกินว่ามันจะทำให้แบคฮยอนร้องไห้

     

    ดังนั้น เขาจะยอมเล่นไปตามเกมส์ของอารึมก็ได้

     

     

     

     

     

     

     

    ที่ตรอกข้างอาคารใหญ่นั่นมีเพียงแค่แสงไฟที่สลัวๆ และหนึ่งในนั้นยังมีหญิงสาวร่างบางในชุดเกาะอกสีขาวแสนน่ารัก เธอยืนอยู่ตรงนั้นก่อนจะหันมายิ้มให้กับชานยอล เมื่อเห็นว่าแผนการของเธอมันไม่ได้ศูนย์เปล่า

     

    “ทำตามที่พูดด้วย”

     

    “หืม? นายกำลังขอร้องหรอชานยอล ...ทำไมน้ำเสียงห้วนนักล่ะ” อารึมดูมีความสุขเวลาที่เขาอารมณ์เสีย ยิ่งตอนที่เห็นว่าเขาถอนหายใจออกมาเพราะเหลืออด เธอกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่ราวกับเด็กๆที่ได้ของเล่นชิ้นใหม่

     

    “เธอต้องการอะไรกันแน่”

     

    “ต้องการนายอ่ะแหละ กล้าให้ป่ะล่ะ”

     

    “....”

     

    “โอเค ไม่ให้ก็ไม่ให้”

     

    อารึมยักไหล่อย่างไม่ได้แยแสเมื่อชานยอลไม่ยอมตอบคำถามทีเล่นทีจริงของเธอ  ชานยอลเป็นผู้ชายที่แข็งทื่อยิ่งกว่าหินเสียอีก มันน่าอารมณ์เสียนะที่อีกฝ่ายตอบบ้างไม่ตอบบ้าง แต่นั่นมันไม่ได้ลดความน่าสนใจในตัวผู้ชายคนนี้ไปเลยสักนิด

     

    ชานยอลน่ะ ทั้งหล่อ ทั้งร่วย แถมยังเก่งอีก ใครๆในโรงเรียนนี้ก็อยากคบเป็นแฟนด้วยทั้งนั้น แต่มันดันติดที่ว่าชานยอลเป็นแฟนกับไอ้อ้วนแบคฮยอนไปแล้ว แถมยังไม่สนใจใครอื่นนอกจากมันด้วย!

     

    “ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ แต่อย่าปล่อยรูปนั้นออกไปเลย ..ขอร้องล่ะ”

     

    “ขอร้อง?”

     

    “อืม”

     

    เหอะ! ซองอารึมแค่นหัวเราะเมื่อชานยอลยังคงเรียบเฉยกับตน อะไรกัน คนที่แข็งทื่อคนนี้กำลังขอร้องให้เธออย่าปล่อยรูปที่แบคฮยอนกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไป นัยน์ตาสีน้ำตาเวลเวทของชานยอมันเกินกว่าที่จะคาดเดาอารมณ์ได้ว่าเขากำลังรู้สึกอยากไร หรือแม้กระทั่งการทิ้งศักดิ์ศรีคุกเข่าลงกับพื้นนี่ก็เช่นกัน

     

    “...”

     

    “ฉันรู้ว่าเธอไม่ชอบที่โดนบอกเลิก ...ฉันเองก็ไม่ชอบเหมือนกันเวลาที่เธอคอยตามแกล้งแฟนแต่ละคนของฉัน แต่ว่าครั้งนี้ปล่อยแบคฮยอนไปเถอะ มันไม่เกี่ยว”

     

    “นายรู้ แต่นายก็ยังทำมัน!

     

    “...”

     

    “นายหักหน้าฉันด้วยการไปคบกับไอ้อ้วนนั่น ไอ้อ้วนที่ไม่มีดีอะไรเลย”

     

    “เพราะแบคฮยอนสดใสกว่าใคร ซึ่งนั่นทำให้ฉันรู้สึกอยากจะมีมันอยู่ข้างๆตัว”

     

    “...”

     

    “ขอร้องล่ะอารึม” ชานยอลว่าก่อนจะเอื้อมมือไปแตะเข้าที่ข้อเท้าเล็กเบาๆ อารึมได้แต่กัดปากข่มอารมณ์เอาไว้แล้วสะบัดข้อเท้าหนีมือแกร่ง

     

    “วิปริต”

     

    “ฉันไม่สนหรอก” เขาหมายความตามอย่างที่พูดจริงๆ ต่อให้คนรอบข้างมองมาอย่างนั้น แต่เขาจะจับมือของแบคฮยอนเอาไว้แน่นๆ แล้วบอกว่าเขาไม่แคร์คำพูดดูถูกดูชังของคนพวกนั้นหรอกนะ ที่ชานยอลแคร์จะมีแค่แบคฮยอนเท่านั้น

     

    “ถ้างั้นก็ลุกขึ้นมาทำให้ฉันพอใจสิ”

     

    “อารึม”

     

    “ย้อนเวลากลับไปในตอนที่เราคบกันหน่อยสิ” ตอนที่ชานยอลค่อยๆลุกขึ้นมาจากพื้น เขาสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนไปของน้ำเสียงและลักษณะของการพูดของเธอ เขาไม่รู้หรอกนะว่าอารึมกำลังวางแผนที่จะทำอะไรอยู่ แต่ถ้ามันไม่เกี่ยวกับแบคฮยอนแล้วมันก็คงไม่เป็นไร

     

    นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะยอมเล่นตามแผนของอารึม

     

    “ฉันคิดถึงช่วงเวลานั้นมากๆเลย”

     

    “...”

     

    “ชานยอลยังจำที่นี่ได้ใช่มั้ย”

     

    “จำได้”

     

    “ดีใจนะ ที่ยอมมาตามนัด คิดว่านายอาจจะไม่มาแล้วซะอีก”

     

    นี่มันแปลกๆ อารึมกำลังเล่นละครอะไรอยู่ นี่มันไม่ใช่สิ่งที่พวกเราคุยกันก่อนหน้านี้เลยสักนิด อีกทั้งเธอยังขยับตัวเข้ามาเบียดชิดกับเขาเสียงจนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน ชานยอลมองนัยน์ตาใสของอีกฝ่ายแล้วถอนหายใจอย่างยอมจำนนในการเล่นไปตามหมากในกระดานที่เธอเดิน

     

    “ต้องมาอยู่แล้ว ก็เธอบอกเองว่ามีอะไรจะบอก”

     

    “เธอขอคบฉันที่นี่ แต่สุดท้ายเรื่องของเรามันก็ต้องจบลง ส่วนที่เลิกกันไปตอนนั้นฉันคิดว่าเราทั้งสองคนคงไปกันไม่รอด เรื่องเราเลยต้องจบลงแบบนั้น ชานยอล... พอนายคบกับแบคฮยอนมันก็ทำให้ฉันรู้ใจตัวเอง” อารึมค่อยๆถอยออกไปชิดหลังกับกำแพง ในขณะที่มืออีกข้างของเธอก็ได้ดึงสูทสีเข้มเอาไว้ก่อนจะกระตุกให้ชานยอลขยับเข้ามาคร่อมเธอเอาไว้

     

    “...”

     

    “ฉันคิดถึงนาย”

     

    “เหมือนกัน”

     

    “ชานยอล..” เสียงของเธอแผ่วเบาราวกับกระซิบ “จูบฉันสิ”

     

    ชานยอลทำอย่างที่เธอขอ เขาอยากจะจบเรื่องราวที่สุมรุมให้เธอเกิดไฟแค้นขึ้นมา ชานยอลควรจะทำให้มันจบๆ จูบครั้งนี้จึงเป็นสิ่งตอกย้ำว่า ชานยอลไม่ได้รู้สึกอะไรแม้กระทั่งตอนที่ได้จูบกับคนที่ทั้งสวย ทั้งน่ารัก แบบอารึม

     

     

    ใจของเขาดวงนี้

     

     มันเป็นของแบคฮยอนเสมอมา 






     

     

     



    กระเทยยุ่งๆ

     

    ตอนนี้ยาวมากๆ เลยต้องต่อเป็น พาร์ทสอง

    ช่วงนี้จะพยายามหาเวลามาอัพให้นะคะ

    อีเว้นท์เยอะมาก ทั้งงานละคร ทั้งถ่ายแบบ

    ทั้งงานสัมภาษณ์ที่เป็นข่าวกับจงอิน

     

    ก็พูดเป็นเล่นไป

    เราก็ทบทวนบทเรียนเตรียมสอบนะคะ

    เด็ก59 อย่าเราต้องสู้นะคะ เห็นคะแนนแอดแล้วซี้ดปาก

    ถ้าไม่ติดก็เตรียมซื้อควายแล้วค่ะ

     

    สำหรับฟิคแบคฮยอนอ้วนก็ได้มีการเปิดโอนแล้วนะคะ

    ใครสนใจ อยากได้ อยากมีไว้ในครอบครอง

    เก็บตังค่ะ (หลบตีนแรงๆ)

     55555555555555  

     


    ช่วงเพลงใหม่แกะกล่อง(หีบ)

    เธอคือผู้ใด เธอเป็นของใคร

    อยู่ที่ไหนข้ามภพมาใกล้โอ้ ใจปราถนา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×