ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [exo] 'NICE BODY' || CHANBAEK #แบคฮยอนอ้วน

    ลำดับตอนที่ #33 : NICE BODY : 28

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.33K
      34
      17 ส.ค. 58

    28

    Our Fearless














    “ไปเดตกัน”

     

    แบคฮยอนจำได้ว่าวันนั้นชานยอลไม่ได้ทำเซอร์ไพรส์อะไร แค่พูดๆออกมาเหมือนกับประโยคง่ายๆเช่น วันนี้อากาศดีจังเลยนะ แต่แบคฮยอนกลับตอบตกลงแบบงงๆพอกัน ซึ่งพูดกันตามตรง คำว่าเดตในความคิดของแบคฮยอนก็เหมือนการกินข้าวธรรมดาๆสักมื้อกับแฟน

     

    มันเรียบง่าย ไม่หวือหวา ไม่มีจุดหมาย ไม่มีดอกไม้ช่อใหญ่ พวกเรามากินเนื้อย่างแถวๆม.โดยที่มื้อนี้แบคฮยอนจะต้องเป็นคนเลี้ยงเท่านั้น คิดดูเอาเถอะชานยอลทำอาหารทุกมื้อแล้วยังจะเลี้ยงข้าวทุกมื้อด้วย ทำแบบนี้มันเกินไปแล้ว! แบคฮยอนอยากทำอะไรแมนๆบ้างแต่ชานยอลมักจะแย่งทำตลอดเลย ครั้งนี้แบคฮยอนเลยต้องแปะโป้งเอาไว้ตั้งแต่หน้าร้านว่าจะเป็นคนออกเงินเอง

     

    “มาร้านเนื้อใครเขาบอกให้กินแต่ใบงา หื้ม?” ชานยอลเอ่ยติเบาๆเมื่อเห็นว่าแบคฮยอนยังไม่ยอมลงมือคีบเนื้อเข้าปากสักชิ้น เอาแต่แทะๆใบงาพลางมองเนื้อด้วยสายตาละห้อย

     

    “สองทุ่มแล้วอ่ะ กินไม่ได้หรอก” แบคฮยอนว่าพลางเคาะเบาๆที่หน้าปัดนาฬิกา เป็นเชิงบอกว่าตอนนี้ถึงเวลาเคอร์ฟิวแล้ว “ฉันไม่อยากกินทูน่ากับแซนวิชเนยถั่วอีก”

     

    “นี่มึงยังลดความอ้วนอยู่หรอ?”

     

    “ก็กลัวอ้วนอีกอ่ะ ท้องมันหยุ่นๆแปลกๆเหมือนจะลงพุงอีกแล้ว” แบคฮยอนทำหน้าง้ำงอนพลางตบเบาๆที่หน้าท้องราบเรียบของตัวเอง ซึ่งมันโคตรน่ารักในสายตาชานยอล ความสดใสของแบคฮยอนทำให้เขาอดที่จะคิดถึงดอกทานตะวันที่ไร่ไม่ได้

     

    “ไม่อ้วนหรอก”

     

    “แหม นายก็พูดได้สิพ่อนักกีฬา”

     

    “ถึงอ้วนก็รัก จะกลัวอะไร” แบคฮยอนยู่หน้าใส่คำพูดของคนปากหวานทันทีด้วยความหมั่นไส้ เพราะแบบนี้แหละที่ทำให้แบคฮยอนเคยตัว ชานยอลมักจะตามใจด้วยคำพูดแสนน่ารักเสมอ จนเขาแทบลืมไปแล้วว่ากว่าที่จะลดน้ำหนักมาได้ถึงขนาดนี้ต้องใช้ความพยายามมากเท่าไหร่

     

    “ไม่กลัวนายไม่รักหรอกนะ”

     

    “...”

     

    “แต่ฉันกลัวว่าที่จะต้องเกลียดตัวเองอีก” แบคฮยอนยิ้มแห้งๆพร้อมกับคีบเนื้อชิ้นที่สุกแล้วไปวางไว้บนจานของชานยอล “ฉันน่ะ รักตัวเองมากกว่าใคร...ชานยอล ถึงแม้ว่าการกินคือสิ่งที่ฉันมีความสุข แต่มันกลับส่งผลเสียในเรื่องของสุขภาพ ฉันเป็นโรคอ้วน และอาจจะเป็นโรคเบาหวานตามมา”

     

    “...”

     

    “การกินเลยไม่ใช่สิ่งที่ฉันทำเพราะฉันรักตัวเองแต่นั่นหมายถึงการตามใจปาก ตามใจแบคฮยอนที่หนึ่งผู้ซึ่งหิวโหยอยู่ตลอดเวลา”

     

    “แค่วันนี้วันเดียวก็ไม่ได้หรอ”

     

    “ไม่ได้หรอก” แบคฮยอนส่ายหัวไปมา

     

    “มึงมันใจร้ายถ้าอย่างนี้ก็ไม่ต้องเดตมันแล้ว!!” ชานยอลหัวฟัดหัวเหวี่ยงแล้วโยนตะเกียบลงบนโต๊ะ หัวคิ้วหนานั้นขมวดเข้าหากันจนติดกันเป็นปม และดูท่าว่างานนี้ร่างสูงโปร่งจะงอนมากเสียด้วย แบคฮยอนแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้วตอนที่ชานยอลโยนตะเกียบใส่

     

    ก็ชานยอลโกรธบ่อยซะที่ไหนกัน

     

    “โอ๋ชาน~ ไม่งอนนะ” ร่างเล็กรีบกระวีกระวายข้ามมานั่งที่ที่นั่งเดียวกันกับชานยอล มือเล็กดึงแขนเสื้อร่างสูงเบาๆเพื่อให้อีกคนหันมามองกันสักหน่อยแต่ชานยอลยังคงทำนิ่งใส่ มือเรียวรีบหยิบใบงาขึ้นมาแล้วคีบเนื้อร้อยๆมาวางไว้ราดน้ำมันงาก่อนจะห่อเป็นคำ

     

    “อ้ามนะชาน อ้าม~

     

    “ไปคิดเงิน”

     

    “ไม่ได้หรอกชาน ชานยังไม่ได้กิน”

     

    “ถ้ามึงไม่กิน กูก็ไม่กิน” แบคฮยอนหน้าซีดเมื่อได้ยินคำต่อรองที่แสนจะโหดร้าย ในหัวกลมๆของแบคฮยอนได้แค่คำนวนแคลรอรี่ในหนึ่งคำ และกะคร่าวๆหากกินหนึ่งจาน แบคฮยอนชอบเนื้อสามชิ้นห่อใบงาแบบไม่ราดน้ำมันงาที่สุด แต่หากได้ลองกินเพียงหนึ่งชิ้น

     

    แบคฮยอนจะต้องหิวไปตลอดกาล

     

    “ชาน...”

     

    “กลับ!

     

    ทันทีที่ชานยอลประกาศลั่นแบคฮยอนก็รีบยัดเนื้อในมือเข้าปากทันที คำแรกที่เคี้ยวรสชาติแสนหอมหวานของเนื้อเหนียวนุ่มนั้นแตกแผ่ซ่านไปทั่วทั้งโปร่งปาก แบคฮยอนรู้สึกเหมือนว่าร่างกายของตัวเองค่อยๆหลอมละลายไปพร้อมๆกับเนื้อชิ้นโตและใบชาแสนหอมกรุ่น

     

    “...”

     

    “รู้สึกดีมั้ย”

     

    “อื้อ”

     

    ชานยอลมองใบหน้าจิ้มลิ้มที่กำลังหลับตามพริ้มปริ่มอยู่ข้างๆอย่างเอ็ดดู ความจริงก็อยากกินนั่นแหละ แต่คงไม่กล้า ดังนั้นเขาเลยต้องแกล้งงอนเสียให้เข็ด ดูซิว่ายังจะใจแข็งได้อยู่อีกรึเปล่า ชานยอลยิ้มมุมปากเบาๆก่อนจะก้มลงมาหอมแก้มตุ้ยนุ้ยฟอดใหญ่ โทษฐานที่แบคฮยอนทำตัวน่ารักเกินไป

     

    “มา เดี๋ยวป้อน”

     

    “อ้าวแล้วถ้างั้นนายก็ไม่ได้กินสิ”

     

    “มึงก็ป้อนกูสิ แลกกัน”

     

    บรรยากาศที่มาคุหายวับไปแล้วเหลือแต่เพียงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านไปทั้งใจ แบคฮยอนไม่ค่อยได้ห่อเนื้อป้อนให้ชานยอลหรอกนะ เพราะมัวแต่หลับตาเคี้ยว ส่วนชานยอลนั้นก็ขยันห่อซะเหลือเกิน เนื้อที่สั่งไว้ในทีแรกแล้วต้องสั่งมาเพิ่มเพื่อเลี้ยงเจ้าดอกทานตะวันให้ยิ้มรับแสงแดดยามเช้าในวันรุ่งขึ้น

     

    ชานยอลชอบมือของแบคฮยอนยิ่งกว่าสิ่งใด ยามที่มือเล็กยื่นเนื้อมาจ่อที่ริมฝีปาก เขาก็รีบงับทั้งเนื้อทั้งนิ้วจนแบคฮยอนเอ็ดเข้าให้ไปหลายที่ โถ่..ก็ใครมันจะไปอดใจได้ล่ะ เมื่อเรียวของของแบคฮยอนน่ะทั้งนุ่ม ทั้งหอม

     

    “เปื้อนน้ำลายของชานเต็มไปหมดเลย”

     

    “จูบก็จูบมาแล้วกะอีแค่น้ำลาย”

     

    “ชานยอล!” แบคฮยอนที่เข้าให้ที่แขนใหญ่ที่ดันพูดเรื่องแบบนี้ออกมาตอนเดินกลับคอนโด มันจะไม่เป็นอะไรเลยถ้าหากว่าที่นี่ไม่เป็นที่พลุกพล่าน แบคฮยอนกลัวคนอื่นจะมองพวกเราไปในทางไม่ดี โดยเฉพาะชานยอลที่เป็นคนมีหน้ามีตาทางสังคม

     

    “เดินจับมือกับกูมึงจะกลัวอะไร”

     

    “...”

     

    “หรือมึงอาย”

     

    “ฉันไม่อายหรอก นายสิจะอาย”

     

    “งั้นก็ดี” ชานยอลว่าก่อนจะนำมือเรียวที่กุมกันอยู่ซุกเข้าที่กระเป๋าเสื้อโค้ทของตัวเอง ตอนสี่ทุ่มอากาศเริ่มเย็นตัวลง กลิ่นชื้นๆติดอยู่ที่ปลายจมูกเหมือนกับว่าฝนใกล้จะตกลงมาแล้ว ทว่าแบคฮยอนกลับอบอุ่นที่ข้างในใจอย่างเต็มเปี่ยม “เวลาเดินไปส่งมึงที่คณะจะได้จับมือไว้”

     

    แบคฮยอนอยากจะระเบิดตัวเองให้หายไปจากที่ที่ตัวเองยืนอยู่ตรงนี้เสียจริง ใบหน้ามันร้อนจนแดงก่ำเหมือนมะเขือเทศสุก แถมวันนี้เขายังไม่ได้โชว์เท่ห์เลยสักตอน แล้วอย่างนี้จะให้แบคฮยอนเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกันล่ะหื้ม?

     

    “ขอโทษนะคะ...”

     

    พวกเราหยุดเดินพร้อมกันตอนที่เสียงแหลมเล็กนั้นดังอยู่ใกล้ๆตัว พอหันไปด้านหลังก็พบกับผู้หญิงตัวจ้อยภายใต้เสื้อโค้ทสีแดงเลือดหมู เธอมองมาทางเราอยู่นานราวกับยากที่จะตัดสินใจออกไปว่าควรจะพูดหรือไม่พูดดี

     

    “รุ่นพี่ชานยอล”

     

    “หื้ม?”

     

    “ทำไมถึงได้คบกันคนแบบนี้อยู่” ภายใต้ใบหน้าจิ้มลิ้นนั้นมีดวงตากลมโตสีน้ำตาลน่ารัก แต่วาจาเธอช่างเจ็บแสบนัก แบคฮยอนไหวหวั่นเพียงแค่สายลมพัดผ่านปะทะกาย ขาทั้งสองแข็งทื่อเหมือนโดนถ่วงด้วยลูกเหล็กที่หนักที่สุด ไหวหวั่นจนต้องคว้ามือหนามาบีบจับเอาไว้

     

    “...”

     

    “น่ารังเกียจ” เธอชี้มาที่มือทั้งสองของเราที่กุมกับเอาไว้ แบคฮยอนยังคนยืนอยู่รอฟังคำตอบของชานยอลในขณะที่มือหนานั้นบีบมือของเขาเอาไว้เป็นจังหวะ ปลอบโยนด้วยความอบอุ่น กล่าวได้ว่าให้ไว้วางใจ ให้เชื่อใจในสิ่งที่ชานยอลได้เลือก

     

    “แล้วไง”

     

    “เหอะ! แล้วไงน่ะหรอ พี่น่ะ ควรเลิกกันได้แล้ว พวกพี่ไม่ได้เหมาะสมกันเลยสักนิด!!!

     

    “ฉันไม่สนหรอกนะ” ชานยอลตอบอย่างใจเย็น ร่างเล็กจ้อยสั่นระริกไปด้วยโทสะ อุตส่าห์หวังดีมาบอกว่าทั้งคู่กำลังถูกครหาด้วยคำพูดดูแคลนของคนรอบข้างอย่างไร แต่แล้วกลับทำเป็นแชเชือน “ฉันรักแบคฮยอนในแบบที่ไม่มีใครขอให้ไปรัก ดังนั้นฉันจะไม่เลิก”

     

    “ชาน”

     

    “...”

     

    “แล้วพวกพี่จะต้องเสียใจ!” เธอสบถคำหยาบคายก่อนจะสะบัดหน้าเดินหนีไปอีกทาง แบคฮยอนสะดุ้งกับเสียงแหลมเล็กนั่นจนแทบหงายหลังดีที่ว่าชานยอลยังคงจับมือเอาไว้อยู่แบคฮยอนถึงได้ยังยืนอยู่ เขาไม่รู้หรอกนะว่าชานยอลกำลังคิดอะไร

     

    แต่แบคฮยอนจะเชื่อใจ

     

    “จะไม่เสียใจแน่นะชาน”

     

    “ไม่มีทาง”

     

    “เราจะผ่านไปด้วยกันใช่มั้ย” ใบหน้าน่ารักนั้นเงยขึ้นถามอย่างน่ารัก ดวงตารีเรียวเป็นประกายระยับด้วยน้ำตาใสๆ ชานยอลได้เพียงแต่เอื้อนเอ่ยเสียงอย่างอ่อนโยนและแผ่วเบาท่ามกลางอากาศที่เย็นตัวนี้ด้วยใจจริง

     

    “ใช่”

     

    “งั้นก็เข้มแข็งไปด้วยกันนะ”

     

     

     

     









     

     

    วันนี้แบคฮยอนกับชานยอลมีเรียนภาษาอังกฤษตัวเดียวกัน การที่ทั้งคู่นั่งลงข้างๆกันในชั้นเรียนจึงกลายเป็นที่น่าจัดตามองไปโดยปริยาย แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังคงไม่สนใจสายตานับร้อยคู่ ความสุขของพวกเขามีเพียงแค่ได้เตะขาของกันไปมาเท่านั้น

     

    “นายโง่ภาษาอังกฤษจัง” เจ้าตัวจ้อยยื่นหน้ามามองแลคเชอร์ภาษาเกาหลีล้วนก่อนจะหัวเราะคิกคักชอบใจ ดูท่าเจ้ายักษ์ตัวใหญ่จะไม่ชอบภาษาอังกฤษเอาเสียเลย

     

    “มึงก็โง่ฟิสิกส์ โง่เคมี โง่ชีวะ”

     

    “งื่ออออ ชาน”

     

    “แม่งโคตรโง่” ชานยอลเอาปากกาของตัวเองเคาะเข้าที่กระหม่อมน่ารักนั่นเข้าเสียหนึ่งทีด้วยความหมั่นเขี้ยว แบคฮยอนครางฮื่ออย่างไม่ชอบใจเท่าไร่นัก แต่เพราะตัวทำตัวเอง เลยไม่อาจจะต่อต้านสิ่งใดได้ แบคฮยอนเป็นคนเริ่มก่อสงครามก่อนทั้งนั้น “ใกล้สอบแล้วกูปล่อยให้อ่านหนังสือเองจนตายคาห้องเลยเอาดิ”

     

    “เอาไปให้คยองซูช่วยติวก็ได้”

     

    “ไอ้เพนกวิ้นหน้าโง่นั่นน่ะนะ”

     

    ผวั๊ะ

     

    “ฉัน-ไม่-ใช่-แพน-กวิน” ทันทีที่ได้ยินคำกล่าวอ้างมาถึงตัว คยองซูก็จัดการใช้สมุดของตัวเองโบกหัวที่เลยขึ้นมาจากส่วนของเบานั่งเกือบยี่สิบเซ็นอย่างแรง จากตอนแรกที่หงุดหงิดไอ้ตัวสูงนี่แล้วตอนนี้คยองซูยิ่งเบื่อขี้หน้ามันเข้าไส้ ชานยอลกุมหัวของตัวเองพร้อมกับเป้หน้าด้วยความเจ็บปวดจนเจ้าตัวเล็กที่นั่งข้างตัวหัวเราะคิกคักชอบใจ

     

    “บอกแล้วว่าอย่ายุ่งกับคยองซู”

     

    “ไอ้ห่า แม่ง..”

     

    ร่างสูงได้แต่โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงเพราะทำอะไรไม่ได้นอกจากการเคี้ยวหมากฝรั่งแรงๆ ไอ้เพนกวินเพื่อนแบคฮยอนนี่มันน่าหงุดหงิด ทั้งหน้าตาซื่อบื้อ และตัวกลมๆที่เห็นแล้วอยากเอาไปแตะแทนตะกร้อ ขอเลย ชีวิตนี้กูกับมันอย่าได้เข้าใกล้กันอีก

     

    แบคฮยอนหัวเราะเจื้อยแจ้วรู้ตัวอีกทีก็เลิกคลาสเสียแล้ว ดวงตาเรียวรีเล็กหยีจนชานยอลนึกหมั่นไส้ ถ้ากลับไปที่คอนโดเมื่อไหร่จะฟัดแม่งให้จมเขี้ยวเลย แต่มาคิดดีๆแล้วฟัดให้จมเตียงดูท่าว่าจะเข้าท่ากว่า คราวนี้แบคฮยอนจะได้รู้ว่า อย่าริอาจมาแหย่หนวดเสือ

     

    “ฉันชอบแคนทีนที่นี่”

     

    แบคฮยอนบอกพลางตักซุปสาหร่ายและข้าวอุ่นๆเข้าปาก ในขณะที่ชานยอลมักจะกินของหนักท้องเป็นซะส่วนใหญ่ เช่นวันนี้ชานยอลกินแฮมเบอร์เกอร์เนื้อพร้อมกับยื่นมะเขือเทศมาให้เขางับเล่น  

     

    “งั้นก็ย้ายมาเรียนนี่ดิ”

     

    “ฮึ ถ้าเรื่องเรียนชอบเรียนที่เดิม” แบคฮยอนตอบกลับอย่างซื่อตรง พร้อมกับตักข้าวสวยร้อนๆจ่อที่ริมฝีปากอย่างเอาใจ ก่อนจะคีบกิมจิใส่ปากตามท้าย แบคฮยอนนับวันก็ยิ่งน่ารัก น่ารักจนชานยอลกลัวว่าจะอดใจไม่ไหวเข้าสักวัน

     

    “ทำไมมึงคีบตะเกียบแบบนั้นวะ” ชานยอลจับมือเล็กเข้ามาดูใกล้ๆก่อนจะพบกับลักษณะการคีบตะเกียบแสนประหลาดของแบคฮยอนที่สอดนิ้วก้อยมาคั่นกลางระหว่างตะเกียบเอาไว้ “นี่เด็กสามขวบพึ่งหัดคีบหรอ หื้ม?”

     

    “เฮ้ อย่ามาดูถูกกันนะ!

     

    “ก็มันตลกนี่ เลิกคีบแบบนี้เหอะวะ”

     

    “ยุ่งน่า” แบคฮยอนรีบชักมือกลับเข้าหาตัว อาจจะเป็นเพราะแบคฮยอนไม่เคยสังเกตตัวเองเลยสักครั้ง แบคฮยอนเองก็พึ่งมารู้ครั้งนี้ครั้งแรกว่าไม่มีใครคีบตะเกียบคล้ายๆตัวเองเลย แต่สุดท้ายก็ต้องหลุดหัวเราะออกมาพร้อมๆกับร่างสูงใหญ่เพราะดูใกล้ๆแล้วมันตลกมากจริงๆนั่นแหละ

     

    โลกนี้มีเพียงแค่แบคฮยอนกับชานยอลเท่านั้น คนรอบข้างมองมายังไงทั้งคู่ก็ไม่สนใจ ที่แคนทีมีผู้คนมากมายนับร้อยๆ ทว่ามันก็ไม่ได้อยู่ในความสนใจของทั้งคู่เลยสักนิด ทุกสิ่งค่อยๆโคจรกลับเข้าสู่ทางที่ตัวเองเดินมามาตั้งแต่แรกเริ่ม พวกเขากล้าที่จะจับมือกันอย่างไม่อายใคร

     

    นี่คือความกล้าหาญของพวกเรา

     

    จนตอนที่ความชุ่มช้ำแสนหอมหวานนั้นถูกราดรดลงมา แบคฮยอนลืมตาขึ้นมองโลกความเป็นจริงก่อนจะพบว่าร่างกายของตัวเองนั้นเปียกชุ่มไปด้วยน้ำหวานเหนียวหนืดสีแดง มือเรียวยกขึ้นมาลูบน้ำหวานออกจากกรอบหน้า ทุกสิ่งทุกอย่างมันเบาโหวงราวกับตัวของเขาไร้การควบคุม

     

    ในสภาวะอื้ออึงเขาเห็นภาพทุกอย่างกลายค่อยๆเคลื่อนๆไหวอย่างช้าๆ เจ้ายักษ์ที่แสนน่ารักของเขาโมโหเกรี้ยวกราดจนตัวแดงเถือก เมื่อชานยอลลุกขึ้นจากที่นั่งแบคฮยอนก็ได้รู้ว่าตัวเองนั้นเล็กกระจ้อยร่อยเพียงใด ถัดจากนั้นไม่ไกลนั้นมีหญิงสาวหน้าตาสะสวยยืนอยู่ ในมือของเธอถือแก้วพลาสติกขนาดใหญ่ที่ปราศจากของเหลว ดวงตากลมโตของเธอมีเป็นประกายวาววับ แบคฮยอนมองว่าเธอนั้นน่ารักมากทีเดียว

     

    “อารึม!

     

    ชานยอลกำลังโกรธจัดและจะไม่มีสิ่งไหนที่มาฉุดรั้งร่างสูงใหญ่นี้เอาไว้ได้ ดวงตากลมสวยนั้นมองกลับมาที่ชานยอลด้วยความหยิ่งผยองลำพองตัว ใบหน้ารีเรียวเชิดหน้าขึ้นราวกับนกยูงรำแพหาง เธอเองก็ไม่อาจจะทนอยู่ด้วยความรู้สึกเช่นนี้ได้อีกแล้ว อารึมคนนี้มีดีน้อยกว่าเจ้าคนหน้าตาจืดชืดนี้ตรงไหน ชานยอลถึงเอาแต่จมปลักอยู่กับมัน

     

    “ชานยอลไม่เอา”

     

    ทันทีที่รู้สึกตัว แบคฮยอนก็รีบวิ่งเข้าไปดึงแขนแกร่งเอาไว้ แต่ดูจะท่าว่าจะไม่ทันเสียแล้ว เมื่อมือหนาคว้าเอาแก้วน้ำเปล่าตะหวัดสายน้ำเย็นฉ่ำเข้าที่ใบหน้านวลเนียน ทำเอาคนรอบข้างร้องฮือด้วยความตกใจ

     

    “ยัยคนปลิ้นปล้อน ไหนเธอบอกว่าจะไม่เอารูปนั้นของแบคฮยอนไปปล่อยไงวะ! ..เธอมัน--

     

    “ชานยอลหยุดเดี๋ยวนี้!!” แบคฮยอนตะหวาดลั่นก่อนจะผลักแผงอกกว้างอย่างแรงเมื่อเห็นว่าเขากำลังจะทำร้ายผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงนั้น ร่างสูงใหญ่เซไปทางด้านข้างแต่ก็ยังคงทรงตัวอยู่ได้ ชานยอลไม่เข้าใจว่าทำไมแบคฮยอนถึงได้ปกป้องอารึมทั้งๆที่เธอนั้นทำลายแบคฮยอนจนแทบไม่มีชิ้นดี “หยุด!

     

    “มึงนั่นแหละที่ต้องหยุด มึงกำลังทำอะไรอยู่รู้ตัวมั้ย”

     

    “นายนั่นแหละกำลังทำอะไร!

     

    “...”

     

    “คุกเข่าแล้วขอโทษเธอซะ” ร่างเล็กจ้อยยืนกางแขนขวางทาง เจ้ายักษ์ตัวโตเอาไว้อย่างกล้าหาญ เหมือนนกฮัมมิ่งเบิร์ดที่พยายามกางปีกปกป้องงูพิษที่อาจจะฉกรัดตัวได้หากพลั้งเผลอ แบคฮยอนกล้าหาญด้วยจิตใจอันบริสุทธ์

     

    “มึง...”

     

    “เป็นผู้ชายประสาอะไรถึงได้แกล้งผู้หญิง” แบคฮยอนกดเสียงต่ำ “ขอโทษเธอ”

     

    ชานยอลกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ต้องใช้ความอดทนมากแค่ไหนในการนั่งคุกเข่าลงกันพื้นเพื่อคำนับขอโทษใครสักคนหนึ่งที่ไม่เคยสำนึกผิดเลยสักครั้ง อารึมน้ำตาไหลพรากอย่างไม่อาจทนมองได้ เพราะไม่ว่าสิ่งไหน หากเป็นเพราะแบคฮยอนชอบ แบคฮยอนขอ ชานยอลก็จะยอมทำให้อย่างไม่มีอิดออด

     

    ความอิจฉามันวาวโรจน์ไปทั้งใจ อารึมเป็นผู้หญิงที่สวยสง่าเพียงใดแต่กลับมาพ่ายแพ้ให้กับเด็กบ้านนอกหน้าตาจืดชืดที่ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง เธอทำทุกอย่างเพื่อให้ชานยอลหันมามอง ทั้งเป็นคนน่ารัก เป็นคนเก่ง เป็นที่น่าชื่นชมของทุกคน

     

    แต่ไม่อาจเป็นที่รัก

     

    “ขอโทษ”

     

    จบคำพูดแบคฮยอนก็คว้าแก้วกาแฟเย็นมาจากโต๊ะใกล้เคียง ราดรดลงบนลำคอหนาเพื่อให้ชานยอลได้รู้ว่าผู้ชายไม่ควรจะกลั่นแกล้งผู้หญิงหรือผู้ที่อ่อนแอกว่า ต่อให้เธอเป็นคนผิดก็ไม่ควรทำ แบคฮยอนไม่ชอบชานยอลเองก็น่าจะรู้ดี

     

    “ทำไมถึงต้องเป็นแกด้วยแบคฮยอน”

     

    “...”

     

    “ไอ้คนวิปริต!

     

    สาวเจ้ากรีดร้องทั้งน้ำตา เธอพ่ายแพ้คนตรงหน้าอย่างไม่อาจจะสู้ได้ ทั้งเรื่องความรัก และเรื่องความเข้มแข็ง ยามที่แบคฮยอนก้าวเข้าไปหาเธอเพื่อที่จะหยิบยื่นน้ำใจให้แต่อารึมกลับถอยกรูไปด้านหลังจนเสียหลักล้มลงไปกับพื้นที่แข็งกระด้าง

     

    “เจ็บรึเปล่า?”

     

    “อย่ามาจับตัวฉันนะ ไอ้พวกผิดเพศ!

     

    ตอนนี้ทุกคนคงได้แต่คิดว่าอารึมกำลังเป็นบ้าเข้าแล้ว เธอกรีดร้องจนเสียงแหบพร่า แบคฮยอนมองดูแล้วก็รู้สึกสงสารเธอจับใจ แต่ใช่ว่าจะไม่โกรธเรื่องที่เธอทำเอาไว้กับตัวหรอกนะ แบคฮยอนจำเหตุการณ์แย่ๆเหล่านั้นได้ทั้งหมด

     

    “อารึม”

     

    “...”

     

    “เธอเป็นคนสวย เป็นออลจังที่แสนน่ารัก... นั่นมันยังไม่พออีกหรอ ทำไม..วันนั้นทำไมเธอถึงร้ายกาจได้ขนาดนั้น สิ่งที่เธอทำกับฉันมาแย่มากจริงๆ เธอยืมมือสะอาดของคนอื่นเพื่อทำลายฉัน เพียงแค่เธอต้องการชานยอล ใครหน้าไหนก็ไม่สนอย่างนั้นน่ะหรอ เหอะ ยัยคนไร้ค่า”

     

    “นายสิที่ไร้ค่า! ไอ้อ้วนอย่างนาย ไอ้คนอัปลักษณ์!!!

     

     

    “ใจเธอต่างหากที่อัปลักษณ์ยิ่งกว่า”

     

     

    เพียงแค่ประโยคที่แสนแผ่วเบานั้นได้หยุดทุกการเคลื่อนไหวของคนในแคนทีนเอาไว้ราวกับแช่แข็งด้วยความเย็นยะเยือก ชานยอลปัดน้ำแข็งและกาแฟออกจากคอของตัวเองก่อนจะลุกขึ้นไปยืนข้างๆแบคฮยอน เพียงเห็นว่าคนน่ารักของเขานั้นไม่ได้ร้องไห้ เขาเองก็จะพยายามระงับอารมณ์โกรธ

     

    มือใหญ่ของชานยอลยังคงอบอุ่นเสมอ และมันอบอุ่นที่สุดก็ตอนที่คอยอยู่เคียงข้างแบคฮยอน ตราบใดที่มีแสงจากดวงอาทิตย์ เจ้าดอกทานตะวันน้อยจะยังคงยิ้มแย้มจนกว่าจะหมดแสงของวันนี้ คอยยิ้มให้ดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าได้เห็น...ว่าต่อให้ตัวเล็กกระจ้อยร่อยเพียงไรก็แข็งแกร่งไม่แพ้ต้นไม้ใหญ่

     

    “ฉันโกรธเธอ แค้นเธอยิ่งกว่าใคร เพราะฉันไม่เคยเข้าใจเลยว่าฉันไปทำอะไรให้ เธอถึงจ้องแต่จะทำร้ายฉัน ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เธอทำให้ฉันอ่อนแอและเหยียบย่ำฉันจนจมดิน ใช่ ฉันเกลียดเธอมากอารึม แต่...”

     

    “...”

     

     

    “ฉันยกโทษให้”

     

     

    คนที่ชนะทุกการประลองแข่งไม่ได้เป็นผู้ที่แข็งแกร่งเสมอไป หากแต่ผู้ที่มีน้ำใจต่างหากคือผู้ที่ยิ่งใหญ่และกล้าหาญที่สุด แบคฮยอนแสดงให้เห็นแล้วว่าจิตใจของเขาดีงามเพียงใด ไม่ใช่เพียงแค่รูปร่าง หรือหน้าตา แต่เป็นการให้อภัยให้กับผู้หญิงแสนร้ายกาจคนหนึ่ง

     

    “หึ! ฉันจะไม่หยุดหรอกนะ” อารึมกล่าวทั้งน้ำตา ความแค้นของเธอไม่อาจมอดดับมีเพียงแต่จะลุกโชนยิ่งขึ้นเท่านั้น มองดูแล้วทั้งน่าสงสาร ทั้งน่าสมเพชคละเคล้ากันไป

     

    “เธอมีดีกว่านั้นอารึม มีผู้ชายอีกมากมายที่พร้อมจะรักเธอทั้งหัวใจ” ชานยอลช่วยพูดอย่างใจเย็น เพรานัยหนึ่งเขาเองก็มีส่วนผิดที่ไม่เคยทำอะไรให้มันเด็ดขาดเสียที

     

    “แต่ฉันต้องการนาย!

     

    “ฉันเลิกรักเธอมานานแล้วอารึม ...และจะไม่มีวันรักอีก”

     

    วาจาของชานยอลเฉือดเฉือนหัวใจของหญิงสาวจนขาดสะบั้น เธอเจ็บปวดเพียงใดนั้นไม่อาจอธิบายได้ รู้เพียงแค่ว่ามันมากพอให้เธอจดจำไปจนชั่วชีวิต อารึมจะถูกกล่าวขานในฐานะแม่มดร้าย แต่เหนือสิ่งใดแบคฮยอนมองว่าเธอคือผู้หญิงที่แสนบอบบางคนหนึ่ง

     

    “ลุกขึ้นเถอะ” แบคฮยอนพยุงอารึมขึ้นมาด้วยแขนของตัวเอง เนื้อตัวที่หอมกรุ่นของเธอนั้นมีกลิ่นชื้นแฉะของคราบน้ำตาติดปนมาด้วย มันขมขื่น..บนพื้นความระทมหนัก

     

    “...”

     

    “เธอไม่จำเป็นที่จะต้องตามล่าหัวใจของชานยอลอีกแล้ว”

     

    แบคฮยอนปลดปล่อยอารึมออกจากโซ่ตรวนแห่งการตามล่าสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง ในที่สุดเธอก็ฉีกดักแด้ที่ทำจากสายใยเหนียวของตัวเองออกจนสิ้น สยายปีกสวยของเธอทามกลางสายลมพลิ้วอ่อนไหว เมื่อฤดูที่หนาวเหน็บมาเยือน เธอจะหาผีเสื้ออีกตัวเพื่อบินวนไปด้วยกันอย่างไม่กลัวหนาวตาย

     

    อารึมซานซบตรมครวญเข้ากับอกของคนที่เธอเกลียดสุดหัวใจ แล้วครั้งนี้เธอถึงได้รู้เหตุผลที่ว่า...ทำไมชานยอลถึงได้เลือกแบคฮยอน แทนที่จะเลือกคนสวยเพรียบพร้อมอย่างเธอ นั่นก็เพราะแบคฮยอนนั้นแสนบริสุทธิ์และสูงค่าด้วยเมตตา

     

    “ขอโทษ”

     

    “อื้อ”

     

    “...”

     

    “แล้วก็อย่าไปแกล้งใครเขาอีกนะ”

     










                                                                                                        


    เทยขอบ่น

     


    แบคฮยอนนี่เหมือนกำลังร่วมโครงการ

    #dontjudgechallenge


    อย่าเกลียดนางนะ นางตั่ลลั้คค ชื่อคยองรี แหละ

    กระเทยก็หน้าแบบนี้ สวยพอๆกัน


    ได้บอกพวกแกรึยังนะ

    ว่าอีก 2 ตอนก็จะจบแล้ว



    อุ้ย ยังสินะ

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×