[Fic. Attack On Titan] Untitled [RivaillexEren ; G] - [Fic. Attack On Titan] Untitled [RivaillexEren ; G] นิยาย [Fic. Attack On Titan] Untitled [RivaillexEren ; G] : Dek-D.com - Writer

    [Fic. Attack On Titan] Untitled [RivaillexEren ; G]

    โดย sinnerdarker

    เมื่อเอเลนตายจากไป...แต่...จะเป็นอย่างนั้นจริงเหรอ? [RivaillexEren ; G]

    ผู้เข้าชมรวม

    2,660

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    19

    ผู้เข้าชมรวม


    2.66K

    ความคิดเห็น


    48

    คนติดตาม


    53
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  13 พ.ค. 56 / 21:14 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

       

      Title : Untitled

       

      Author : Sinnerdarker

       

      Paring : RivaillexEren

       

      Rating : G

       

       

      ปวดตับ คำเดียวเท่านั้น

       

       

      ++++++++++++++++++++++++++++++

       

       

       

      จากหลักฐานดังกล่าว เราคงไม่มีคำสรุปใดแน่นอนไปกว่าที่ว่า..เอเลนได้ตายไปแล้ว

       

       

       

      เสียงสงบดังขึ้นจากชายผู้เป็นหัวหน้าหน่วยสำรวจ ดวงตาของเขาทอความเศร้าเพียงเล็กน้อยด้วยไม่ผูกพันกับเด็กหนุ่มผู้มีร่างแปลงเป็นไททันมากนัก ก่อนจะวางเอกสารในมือลงกับโต๊ะ และเงยหน้าขึ้นมองเหล่าลูกน้องในหน่วยสำรวจทุกคน

       

       

       

      ความเงียบครอบคลุมไปทั่วห้องทรงสี่เหลี่ยมซึ่งเป็นสถานที่ประชุมชั่วคราวของหน่วยสำรวจ ใบหน้าของแต่ละคนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก โดยเฉพาะเหล่ารุ่นที่ 104 ซึ่งบางคนเริ่มทำหน้าอยากจะร้องไห้เต็มแก่ “อะไรกันเอเลนคุงคริสต้าพึมพำขึ้นมา นัยน์ตาไหวระริกจนเหมือนจะมีหยาดน้ำตาหยดลงมา ยูมิลที่ยืนอยู่ข้างกันจึงตบลงบนไหล่เพื่อนสนิท แล้วดึงเข้ามาลูบเบาๆ

       

       

       

      อย่างหมอนั่นน่ะนะจะตาย..แจนพึมพำขึ้น ดูหมือนจะช๊อคไม่ต่างกับคนที่เหลือมากนัก บรรยากาศแห่งความเศร้าเริ่มหนักหน่วง กระทั่งเอลวินต้องกล่าวขึ้นมาเพื่อปลุกสติของทุกคน

       

       

       

      “..ถึงจะใจหายหรือเสียใจยังไง เรื่องการตายจากของพวกพ้องก็เป็นเรื่องที่จะทำให้เราหยุดอยู่ตรงนี้ไม่ได้ ดังนั้น….”“แน่ใจแล้วเหรอคะ

       

       

       

      เสียงหวานแหบของเด็กสาวคนหนึ่งดังผ่าขึ้นมา ขัดประโยคที่กำลังทอดออกไปของเอลวิน เรียกสายตาของทุกคนให้หันไปมองอย่างรวดเร็ว

       

       

       

      เอลวินชะงัก พร้อมกันหันใบหน้าไปมองเด็กสาวที่ยืนขึ้นด้วยสีหน้านิ่ง..ติดจะเคร่งขรึม และเอ่ยถามขึ้นเสียงเรียบ หมายความว่ายังไง มิคาสะ แอกเกอร์แมน

       

       

       

       “ทำไมถึงคิดว่าเอเลนตายไปแล้วคะใบหน้าของมิคาสะเรียบนิ่ง ทว่าดวงตาสีดำมองชายหนุ่มผู้เป็นหัวหน้าหน่วยอย่างเอาเรื่อง ฉันไม่เชื่อเด็ดขาดว่าเอเลนตายแล้ว เอเลนเคยรอดชีวิตมายังไง ฉันก็ยังเชื่อแบบนั้น

       

       

       

      จริงด้วยครับ!เด็กหนุ่มอีกคนเอ่ยขึ้นเสียงดังพร้อมลุกขึ้นยืน เส้นผมสีทองตัดสั้นเรียงตัวลงล้อมกรอบใบหน้าอย่างเรียบร้อย ดวงตาสีฟ้ามองไปทางหัวหน้าหน่วยและเอ่ยต่อ  เราไม่เห็นศพของเอเลนด้วยซ้ำ ดังนั้นเรื่องที่ว่าเอเลนตาย….บางทีอาจจะไม่เป็นแบบนั้นก็ได้นะครับ!

       

       

       

      โดนกินลงท้องไปแล้วมันจะหาศพเจอไหมล่ะเสียงทุ้มราบเรียบ ติดจะระคายหูดังขึ้นจากข้างร่างของหัวหน้าหน่วย เรียกสายตาของเด็กใหม่แห่งหน่วยสำรวจทั้งสองคนหันขวับไปที่ร่างนั้น และพบกับชายหนุ่มเจ้าของดวงตาสีเทาที่กำลังกอดอกและส่งสายตาหงุดหงิดมาให้ หรือถ้าอยากยืนยันนัก..จะไปผ่าท้องไททันออกมาก็ได้ แต่จะตัวไหนฉันก็ไม่รู้หรอกนะ

       

       

       

      ถึงจะบอกว่าถูกกินลงไป..แล้วคุณจะแน่ใจได้ยังไงว่าเอเลนตายไปแล้วจริงๆ!  ในเมื่อไม่มีหลักฐานอะไรเลย!มิคาสะยังคงคัดค้านต่อไป ดวงตาจ้องเขม็งมองชายหนุ่มร่างเตี้ยที่กอดอกจ้องมองมาทางเธอไม่ต่างกัน รีไวล์ลุกขึ้นยืนพร้อมวางแขนท้าวลงบนโต๊ะ ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ..ใจเย็น และกดดัน

       

       

       

      ถึงแม้จะไม่มีหลักฐานว่าเอเลนตาย ก็ไม่มีหลักฐานว่ามีชีวิตอยู่ ถ้าแน่ชัดว่าเขาถูกพาตัวไป ก็ยังพอจะตามรอยได้ แต่นี่ไม่มีหลักฐานอะไรทั้งนั้น พวกเราไม่มีเวลาว่างพอจะตามสืบเรื่องพรรค์นี้หรอกนะรีไวล์ว่าจบก็หรี่ตาลง “..หรือเธอจะออกไปตามสืบเองคนเดียวก็ได้ แต่ก็คงตายเปล่านั่นล่ะ

       

       

       

      มิคาสะชะงักกับคำพูดนั้น ก่อนกำหมัดแน่นและก้มหน้าลงมองพื้น ร่างกายสั่นระริก เด็กสาวรู้ดีว่าตนไม่มีทางตามหาเอเลนได้ด้วยตัวคนเดียว และจะตายเปล่าอย่างที่ชายหนุ่มตรงหน้าพูด

       

       

       

      ทว่ามิคาสะมีชีวิตอยู่เพื่อเอเลนเธอไม่ต้องการอะไรในโลกนี้นอกจากเอเลน ถึงแม้เธอจะเคยบอกตัวเอง..ว่าถึงเอเลนตายก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป..

       

       

       

      แต่มันช่างยากเหลือเกินเมื่อครึ่งหนึ่งในชีวิตของเธอได้จากหายไปเสียแล้ว

       

       

       

      มิคาสะกัดริมฝีปาก ใบหน้าซีดเซียวลงยิ่งกว่าเก่า ก่อนจะนั่งลงโดยไม่เอ่ยสิ่งใดต่อ

       

       

       

      มิคาสะ ฉันไม่อยากพูดหรอกนะเอลวินเอ่ยกับเด็กสาวด้วยสีหน้าจนใจ แต่..ความเป็นไปได้ที่เอเลนจะตายแล้วสูงมากจริงๆ เขาออกไปต่อสู้คนเดียวโดยไม่ฟังคำสั่ง คนที่ตามไปทีหลังก็เห็นว่าเขาหลุดลงไปในท้องไททันกับตา อันที่จริงฉันเองยังคิดอยู่ว่าเขาอาจจะแปลงเป็นไททันแล้วหนีไปได้แต่มันยากมากจริงๆ

       

       

       

      เอลวินเอ่ยพร้อมกับมองเอกสารในมือตน ทบทวนเนื้อหารายงานเผื่อว่าการสรุปผลของเขาจะผิดพลาด ด้วยตนก็ไม่มีวคามคิดจะเสียทหารคนสำคัญไปเฉกเช่นกัน เสียงอื้ออึงพูดคุยดังขึ้นและดำเนินไปซักพักเมื่อหัวหน้าเอลวินกำลังสาละวนกับการตรวจสอบรายงานใหม่อีกครั้ง ก่อนที่ทุกอย่างชะงักเมื่อมีทหารนายหนึ่งขออนุญาติเข้ามาในห้อง และเดินมากระซิบข้างหู เม่อฟังจบ เอลวินก็เบิกตากว้างก่อนเปลี่ยนเป็นสีหน้ากังวล..ร้อนรนใจ

       

       

       

      สิ่งนั้นทำให้มิคาสะสะดุดกึก ลางสังหรณ์บอกเด็กสาวว่าสิ่งที่จะหลุดออกจากปากหัวหน้าหน่วยสำรวจต้องไม่ใช่ส่งที่ทำให้เธอรู้สึกดีไปกว่าเดิม 

       

       

       

      เมื่อครู่..เอลวินกระแอมแผ่วเบา และเร่งเสียงให้ดังกว่าเดิม มีคนบอกว่าพบเศษชิ้นส่วนที่คาดว่าจะเป็นของเอเลน..เราจะเร่งตรวจสอบเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด เลิกประชุม!!ว่าจบ ชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของเส้นผมสีทองตัดสั้นเกรียนก็ลุกขึ้น ก่อนเดินตามหลังนายทหารที่เข้ามาแจ้งข่าวไปอย่างรวดเร็ว รีไวล์และบรรดารุ่นใหญ่ต่างออกเดินตามออกไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ทหารรุ่นที่ 104 ทุกคนในหน่วยสำรวจซึ่งนั่งฟังการประชุมยังคงนั่งนิ่ง พร้อมบรรยากาศอึมครึมที่ยังคงโรยตัวอยู่รอบบริเวณ

       

       

       

      “…หมอนั่น..ตายแล้วจริงๆ..สินะ..แจนเป็นคนแรกที่เอ่ยขึ้นมาด้วยดวงตาเหม่อลอย ทั้งๆ ที่มันไม่น่าจะตายแท้ๆ

       

       

       

      ถึงจะบอกว่าเจอเศษชิ้นส่วน แต่ก็อาจจะเป็นก่อนที่เอเลนจะแปลงร่างเป็นไททันไม่ใช่เหรอ?”อาร์มินเอ่ยขัดขึ้น พยายามจะไล่คว้าความหวังที่หลงเหลืออยู่น้อยเต็มที..ว่าเพื่อนรักของตนยังมีชีวิตอยู่ เพราะงั้น เอเลนอาจจะสลบอยู่ที่ไหนซักแห่งก็ได้

       

       

       

      ถึงจะเป็นอย่างนั้นจริง.. ตอนนี้เอเลนก็อยู่ในสภาพหายสาบสูญล่ะนะ ถึงยังไม่รู้ว่าตายจริงหรือเปล่าก็ตามทียูมิลเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบอย่างไม่ใส่ใจนัก ในขณะที่มือยังคงลูบอยู่บนศีรษะของเด็กสาวผมทองผู้อ่อนหวาน อีกอย่าง เรื่องที่เพื่อนจะตายจากไปก็เป็นเรื่องธรรมดา ..ศึกครั้งแรกของเรา ก็สูญเสียคนสำคัญไปมากมายไม่ใช่เหรอ?”

       

       

       

      แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้นี่ ว่าเราไม่มีเคยมีใครคิดว่าเอเลนจะตายซาซ่าเคียวขนมปังเงียบๆ ด้วยความเร็วที่ช้าลงอย่างเห็นได้ชัด ก็..หมอนั่น..เป็นแบบนั้นน่ะ..

       

       

       

       

      เป็นพวกต่อสู้ ทะลุดุดัน ดูเหมือนจะไม่ตายเอาง่ายๆ

       

       

       

      แต่สุดท้าย..มนุษย์ก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่อาจขัดขืนความตายได้

       

       

       

      แม้แต่คนที่ไม่คิดว่าจะตายจากไป……

       

       

       

       

      “..แต่อันที่จริงก็สมควรแล้ว หมอนั่นมุทะลุวิ่งออกไปหาที่ตายเองไม่ใช่หรือไง? ถ้ารอให้รวมพลแล้วค่อยออกไปสู้ ก็คงไม่ต้องตายแล้วแท้ๆยูมิลเอ่ยพร้อมแค่นหัวเราะ ทำตัวเองไม่ใช่หรือไง เจ้าบ้านั่นน่ะ

       

       

       

      ตึง!!

       

       

       

      มิคาสะที่เงียบมานานลุกขึ้นยืน ดวงตาสีดำสนิทกวาดมองเพื่อนทุกคนด้วยแววตาเอาเรื่องจนแต่ละคนสะดั้งเฮือกไปตามกัน ก่อนจะไปหยุดใบหน้าของยูมิล ซึ่งยังคงจ้องตากลับไปหาเด็กสาวอย่างไม่อีนังขังขอบ

       

       

       

      หรือว่าจะบอกว่าฉันพูดผิด?” 

       

       

       

      มิคาสะไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงต่อไป เด็กสาวตวัดใบหน้า ละจากดวงตาที่จ้องประสาน แล้วเดินตรงไปที่ประตูพร้อมเดินออกไปโดยไม่สนใจใคร

       

       

       

      มะ..มิคาสะ..รอเดี๋ยว!!ก่อนรีบลุกขึ้นและวิ่งตามมิคาสะไปอย่างร้อนรน

       

       

       

      ท่ามกลางบรรยากาศที่ไม่ได้ดีขึ้นแม้แต่น้อยของเหล่าเพื่อนร่วมรุ่นของผู้จากไป

       

       

       

                                       +++++++++++++++++++++++++++++++++

       

       

       

       

      มิคาสะ รอเดี๋ยว!! รอด้วย!อาร์มินที่วิ่งตามมาทีหลังหอบหายใจ มองเด็กสาวที่วิ่งกึ่งเดินนำหน้าตนไป กระทั่งเขาเริ่มออกวิ่งจนจับข้อมือของมิคาสะได้ ร่างสูงโปร่งของเด็กสาวผมดำถึงได้หยุดลง อย่าไปคิดมากคำพูดของยูมิลเลย เขาแค่พูดไปตามธรรมดาเท่านั้น ..ไม่ใช่เหรอ?”

       

       

       

      มิคาสะยังคงเงียบ ใบหน้าก้มนิ่งไม่เอ่ยสิ่งใด เห็นเช่นนั้นเด็กหนุ่มผมืองที่เตี้ยกว่าจึงถอนหายใจ ก่อนดึงมิคาสะมาให้มองหน้ากันฟังนะ มคาสะ เอเลนไม่เป็นอะไรหรอก..นะเอเลนต้องปลอดภัยแน่ๆ เอเลนเคยรอดกลับมาแล้วนี่นา

       

       

       

      “…………………ฉันรู้มิคาสะพึมพำ ฉันรู้ดี…”

       

       

       

      มิคาสะพึมพำพร้อมกับเกร็งร่าง สั่นสะท้านด้วยความไม่มั่นคง อาร์มินเงยมองเด็กสาวด้วยห้วงอารมณ์ที่ไม่ต่างกันที่ต่างกันคงเพราะเขาไม่ได้ยึดมั่นในเอเลนเท่ามิคาสะ และเขาเคยเห็นเอเลนเกือบตายไปต่อหน้าต่อตาไปแล้ว

       

       

       

      นั่นทำให้เขามีความเชื่อว่าเอเลนจะต้องกลับมา

       

       

       

      เอเลนต้องกลับมาแน่ๆ มิคาสะเด็กหนุ่มบีบมือของเพื่อน ต้องกลับมาอย่างแน่นอน

       

       

       

       

       

       

      ++++++++++++++++++++++++

       

       

       

       

       

      เฮ้ รีไวล์ จะไปไหนน่ะอันซี่ที่ถูกเรียกตัวอย่างกะทันหันให้ไปตรวจสอบซากร่างของแลนร้องถามชายหนุ่มที่กำลังเดินไปยังทิศตรงข้ามกันตน ไม่ต้องไปร่วมตรวจสอบหรือไง

       

       

       

      หน้าที่ตรวจสอบเป็นของเอลวิน ไม่ใช่ฉันรีไวล์เอ่ยตอบไป แต่ไม่ทันได้เดินจากไป ฮันซี่ก็ร้องทักขึ้นอีกครั้ง

       

       

       

      รีไวล์!

       

       

       

      ชายหนุ่มชะงัก ก่อนหันไปทางหญิงสาวที่จ้องมองมาด้วยสีหน้ากึ่งกังวล ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงลังเล นายโอเคไหม ที่เอเลนตาย

       

       

       

      รีไวล์หรี่ตาลง แล้วเสมองไปทางอื่น ก่อนกลอกกลับมามองแล้วว่าขึ้น“..ไม่ยักถามตอนคนทั้งหน่วยฉันตายไป

       

       

       

      นั่นเพราะอย่างน้อยเอเลนก็ยังมีชีวิตอยู่ แต่นี่..นาย..แทบไม่เหลือใครแล้ว ฉันถึงได้ถามฮันซี่ว่าพลางสำรวจสีหน้าของชายหนุ่ม เธอไม่มั่นใจนักว่าตนจะอ่านมันออกไหมในเมื่อคนตรงหน้าไม่เคยแสดงอารมณ์ใดใดออกมา แต่ถึงอย่างนั้น.. จะด้วยเพราะเอเลนเป็นไททันที่สำคัญต่อมนุษยชาติ หรือเพราะรีไวล์พูดไว้ว่าจะดูแลเอเลนก็ตาม หญิงสาวก็รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายเอาใจใส่เด็กหนุ่มพอควร

       

       

       

      ดังนั้นเธอจึงเป็นกังวลว่าชายตรงหน้าอาจเสียศูนย์ตามไปด้วยอีกคน

       

       

       

      “…..ฮันซี่

       

       

       

      หืม?”

       

       

       

      เธอคิดว่าฉันเสียพวกพ้องไปเท่าไหร่แล้วตั้งแต่เป็นหน่วยสำรวจมารีไวล์เอ่ยเสียงเรียบ แค่นี้มันไม่ได้กระเทือนนักหรอก จะไหนก็ไปซะ

       

       

       

      “…โอเค ได้อย่างนั้นก็ดีหญิงสาวพึมพำ พร้อมกับหันไปขานรับเสียงเรีกจากทิศที่ตนจะไปแต่แรก ลัไม่ลืมหันมากำชับอีกฝ่ายอย่างจริงจังที่เอเลนตายไม่ใช่ความผิดนาย เข้าใจดีสินะ

       

       

       

      รีไวล์ไม่ได้ตอบคำพูดของอีกฝ่าย ทว่าเดินจากไปโดยไม่เหลียวหลังกลับมา

       

       

       

       

       

       

                                                    +++++++++++++++++++++++++

       

       

       

       

       

      ที่เอเลนตายไม่ใช่ความผิดนาย เข้าใจดีสินะ

       

       

       

      .

       

       

       

      .

       

       

       

      .

       

       

       

       

      เขาเข้าใจดี..เข้าใจลึกถึงกระดูกดำทีเดียว

       

       

       

      ทหารเป็นสิ่งมีชีวิตที่จะตายเมื่อไหร่ก็ได้ และประสบการณ์หลายสิบปีที่ผ่านมาก็ทำให้เขาชินชาไปเรียบร้อยแล้ว อันที่จริง..นอกจากลูกน้องของตน เขาไม่ใยดีความตายของใครเลยด้วยซ้ำ

       

       

       

       

       

       

      แต่….

       

       

       

      รีไวล์หรี่ตาลง ก่อนจะสะบัดหัวไล่ความคิดของตัวเอง และเดินไปเรื่อยตามเส้นทางอิฐอันเงียบงัน

       

       

       

       

       

      ++++++++++++++++++++++++

       

       

       

       

      ตอนที่เดินมาถึงห้องทำงานของตน ร่างของใครคนหนึ่งก็ยืนอยู่ตรงนั้น

       

       

       

       

      ร่างนั้นสูงเลยเขาไปอักโข เส้นผมสีดำสนิทหยัดตรงล้อมกรอบใบหน้านั้นเอาไว้ ทรวดทรงบ่งบอกว่าเป็นเพศหญิง และเพราะในหน่วยไม่มีใครที่มีผมสีดำและไว้สั้นโดยไม่รวบนอกจากเด็กอัจฉริยะประจำรุ่น 104 เขาจึงเอ่ยชื่อของเจ้าตัวไป

       

       

       

      มิคาสะ แอกเกอร์แมนชายหนุ่มเรียกชื่อเต็มยศของอีกฝ่าย นัยน์ตาไล่มองชุดทหารเต็มยศพร้อมแขวนอุปกรร์เคลื่อนย้ายสามมิติ ก่อนจะเดินไปจนใกล้พอจะได้ยินเสียงพูดคุย ทำไมถึงมายืนอยู่ที่นี่

       

       

       

      ทีแรก เด็กสาวไม่ได้ตอบในทันที มิคาสะเพียงหันมาดประจันหน้ากับรีไวล์ ก่อนทุบอกซ้ายทำความเคารพอย่างเคยชิน

       

       

       

      ความเงียบโรยราครู่หนึ่ง และจางหายไปอย่างรวดเร็ว

       

       

       

      “……หัวหน้ารีไวล์เด็กสาวพึมพำ ดวงหน้าซีดเซียวเงยมองร่างที่อยู่ตรงหน้าตน คุณคิดว่าเอเลนตายไปแล้วจริง ๆ หรือคะ?”

       

       

       

      หลักฐานมากพอจะคิดแบบนั้นรีไวล์ตอบคำถามของเด็กสาว 

       

       

       

      มั่นใจจริงๆ เหรอคะ?”

       

       

       

      ถึงไม่มั่นใจก็ทำอะไรไม่ได้

       

       

       

      “…ถ้าออกตามหา

       

       

       

      ถ้ามีเบาะแสเอลวินคงไม่ยอมปล่อยไป แต่การที่หมอนั่นประกาศไปแบบนั้น ก็แสดงว่าหมดหนทางรีไวล์ว่าพลางยกแขนขึ้นกอดอก แล้วมองเด็กสาวตรงหน้าตน เธอจะออกไปหาคนเดียวก็ตามใจ ฉันไม่ได้ดีมากพอจะห้ามคนไปตาย..อย่างมาก ก็เสียทหารไปอีกคน

       

       

       

      มิคาสะกัดฟันกรอด ก่อนแตะลงบนด้ามดาบคมยาว พร้อมกับชักขึ้นมา

       

       

       

       

      ขวับ!!

       

       

       

      ครืดดดด!!

       

       

       

      เสียงของแข็งลากแกรกกับกำแพงหิน หยุดลงที่ข้างใบหน้าของชายหนุ่มซึ่งยังคงทำหน้านิ่งราวกับเมื่อครู่ดาบบางเฉียบเล่มยาวไม่ได้กำลังแล่นปราดเข้าห้ำหั่นตน มิคาสะมองใบหน้าของอีกฝ่ายด้วยความคับแค้นใจ ก่อนที่มันจะค่อยๆคลายลง เป็นสีหน้าวิงวอน ไร้สิ้นหนทาง

       

       

       

      ทำไมคุณถึงไม่หวั่นไหวบ้างที่เอเลนจากไป…” มิคาสะเอ่ยเสียงระโหย ทำไมถึงยอมให้ตาย….ทั้งๆ ที่..เขาเป็นตนของคุณ….เป็นลูกน้องของคุณ…..แล้วทำไมคุณไม่เสียใจ..ทำไมถึงไม่ได้ปกป้องเขา!!

       

       

       

      รีไวล์เงยมองเด็กสาวที่สั่นเทาอยู่ตรงหน้า ก่อนจะปัดแขนที่กำดาบไว้ออกจนมันร่วงหล่นลงกับพื้น และเอ่ยตอบอีกฝ่ายฉันไม่สามารถปกป้องคนที่ไม่ฟังคำสั่งของฉันได้…” 

       

       

       

      ชายหนุ่มหยุดไปเล็กน้อย นัยน์ตาจ้องตอบเด็กสาว ก่อนจะพูดต่อ “….ต่อให้ฉันอยากปกป้องแค่ไหนก็ตาม

       

       

       

      พอได้ยินแบบนั้น มิคาสะก็เบิกตากว้าง ในขณะที่รีไวล์เพียงหันมามองแวบหนึ่ง และเดินจากไป 

       

       

       

      มิคาสะรู้สึกเสียศูนย์ ขาเรียวยาวสั่นระริก เดินถอยหลังไปอย่างเจ็บปวดจนหลังพิงกำแพง

       

       

       

      เอเลน…..”มิคาสะครูดลงกับพื้น ก่อนกอดร่างตัวเองเอาไว้อย่างสั่นเทา 

       

       

       

       

       

      ++++++++++++++++++++++++++++

       

       

       

       

       

      เสียงฝีเท้าดังก้องในความเงียบสงัด

       

       

       

      เส้นทางที่เขาก้าวเดินไปไม่มีใครผ่านไปมามากนัก ในเมื่อมันเป็นส่วนที่รกร้างและทำความสะอาดได้ยาก ทั้งฐานทัพชั่วคราวที่ใช้อยู่ยามนี้ก็กว้างมากพอที่จะอยู่รวมกัน จึงไม่มีความจำเป็นต้องใช้งานรีไวล์หลับตาลง รู้สึกเหนื่อยใจอย่างบอกไม่ถูก ก่อนรำลึกถึงความทรงจำที่ผ่านมาไม่นาน

       

       

       

      ความทรงจำในตอนนั้น…..

       

       

      .

       

       

       

      .

       

       

       

      .

       

       

       

      .

       

       

       

      เฮ้ยเสียงทุ้มต่ำว่าขึ้น ในขณะที่สายตายังคงไม่ละไปจากเอกสารตรงหน้าตน จะดึงเสื้อฉันอีกนานไหม

       

       

       

      คนที่กำลังดึงเสื้ออีกฝ่ายอยู่สะดุ้ง ก่อนเอามือออกราวกับต้องของร้อน ขอโทษครับ หัวหน้ารีไวล์

       

       

       

      มีอะไรถึงมาเดินตามต้อยๆ แบบนี้ชายหนุ่มว่าพลางหันไปหาเด็กหนุ่มที่วันนี้เดินตามเขาทั้งวัน ทีแรกรีไวล์คิดว่าอีกฝ่ายคงมีอะไรจะพูดกับตน ถึงได้เงียบรอให้เอเลนถาม ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปครึ่งค่อนวันแล้ว และเด็กหนุ่มยังคงทำเพียงเดินตามเขา สุดท้ายเมื่อเจ้าตัวเริ่มดึงเส้อเขาราวกับเด็กหลงทาง รีไวล์จึงต้องทักขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้

       

       

       

      ไม่มีอะไรครับ ผมแค่..เอ้อ..อยากจะเดินตามหัวหน้า….เท่านั้นเองเจ้าตัวว่าพลางหัวเราะแห้งๆ ทว่าดวงตาที่จ้องเขม็งมากลับเหมือนจะบอกเขาว่า….รู้ว่าเขาโกหก

       

       

       

      เอเลนนิ่งไปพักใหญ่ พร้อมดวงตาคู่คมหรี่หยันที่ยังคงจดจ้องมองเขาไม่เลิก สึดท้ายเอเลนเลยต้องยอมแพ้ บอกความคิดที่แท้จริงของตนไป

       

       

       

      ผมแค่กลัวว่าถ้าละสายตาไปจากหัวหน้า แล้วหัวหน้าจะหนีหายไปน่ะครับเอเลนพึมพำบอก ผมไม่อยากหัวหน้าหายไปจากสายตา ผมกลัวว่าหัวหน้าจะ….’

       

       

       

      กลัวว่าจะตายจากเขาไปอีกคน……..

       

       

       

      เอเลนคิดในใจพลางก้มหน้าลง หวังจะหลบไม่ให้อีกฝ่ายเห็นสีหน้า ทว่าจะด้วยอะไรก็ตาม ชายหนุ่มก็รู้อยู่ดีวก่าเด็กบ้าตรงหน้าตนกำลังคิดอะไร

       

       

       

      ฉันไม่ตายง่ายๆ หรอกรีไวล์ตอบเสียงฉะฉาน คนที่จะตายก่อนคงเป็นนายนั่นล่ะ

       

       

       

      หัวหน้า..แช่งกันซึ่งๆ หน้าเลยนะครับเอเลนเอ่ยตอบเสียงระโหยทั้งๆ ที่ยังไม่เงยหน้า

       

       

       

      ก็แล้วใครใช้ให้นายแช่งฉันก่อน?’

       

       

       

      เอเลนหัวเราะแห้งๆ ทว่าความหนักหน่วงของสิ่งที่กังวลอยู่กลับไม่ได้หายไป สุดท้ายรีไวล์จึงถอนหายใจเฮือก ดึงศีรษะของเด็กหนุ่มที่สูงกว่ามาวางไว้บนไหล่ตน

       

       

       

      ฉันไม่ตายก่อนนายแน่ๆรีไวล์เอ่ยบอกเสียงแข็ง รู้แค่นั้นพอ

       

       

       

       

       

      ตอนนั้นเขาจำได้ว่า….เด็กบ้านั่นหัวเราะออกมา เหมือนว่าจะมีอะไรอุ่นๆหยดลงบนบ่าเขา แต่เขาไม่ได้สนใจ

       

       

       

      จากนั้นเด็กบ้านั่นก็เงยหน้าขึ้น หันมายิ้มทำหน้ากวนโอ๊ยว่าข้าสามารถเหมือนเดิม แล้วก็เลิกเดินตามเขา หันไปหางานทำให้เลิกว่าง

       

       

       

      แต่หลังจากนั้น เมื่อมีเวลาว่าง ทั้งจากภารกิจ จากการรวมกลุ่มกับเพื่อนฝูง เด็กบ้าคนที่ว่าก็จะหาเวลามาหาเขา อาจจะเป็นคนเดินเอกสาร เอาน้ำชามาให้ สารพัดสิ่งที่จะอ้างเพื่อให้ได้มาพบเขา..การกระทำที่มากพอให้เขารู้สึกว่ามันเหมือนลูกหมา มากพอให้เขาเผลอคิดว่ามันสำคัญ

       

       

       

      แล้วสุดท้ายเกิดอะไรขึ้น

       

       

       

      เจ้าเด็กบ้าที่บอกว่ากลัวเขาจะจากไป….ก็กลับมาจากเขาไปเสียเอง

       

       

       

      รีไวล์แค่นหัวเราะ ก่อนจะถีบผนังอย่างแรงโดยไม่สนว่าโครงสร้างเก่าแก่จะถล่มลงมา พร้อมกับเดินหายไปในความมืดที่เงียบเหงา

       

       

       

       

      .

       

       

      .

       

       

      .เพื่อที่จะฝังความปวดร้าวไว้ในรัตติกาล

       

       

       

       

       

       

       

                                                                                  Untitled.

       

       

                                                                                        .

       

       

                                                                                       .

       

       

                                                                                       .

       

       

       

                                                                                    End

       

       

       

       

       

       

                                                            +++++++++++++++++++++++++++++++

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      กึกกึก

       

       

       

       

       

      กึก..

       

       

       

       

       

      แอ๊ด………..

       

       

       

       

       

       

      ในห้องมิดสนิท ทว่าไร้ฝุ่น

       

       

       

       

      โครงสร้างรำไรที่เห็นจากแสงจันทร์บอกว่านี่เป็นห้องทรงกลมที่ฝังไว้ใต้ดิน  มีหน้าต่างเพียงจากช่องว่างเบื้องบนที่ส่องกระทบยังอีกมุมหนึ่งของห้อง

       

       

       

      เสียงหอบฮักดังจากภายใน พร้อมเสียงสายโว่ที่ดังกระทบไปมา ร่างร่างหนึ่งที่นั่งในนั้นชะงักกึกไป ก่อนจะเงยมองหน้าผู้มาใหม่ที่เดินเข้ามาพร้อมกับแสงเทียน

       

       

       

       

       

      ว่าไง ห้องใต้ดินนี่สบายดีหรือเปล่าเจ้าตัวว่าพลางส่องแสงเทียนเข้าหาร่างที่นอนนั่งกึ่งยืนอยู่บนเตียง เสียงโซ่ถูกกระชากดังก้อง พร้อมเสียงคำรามเบาๆ ด้วยความเจ็บ ฉันทำความสะอาดเอาไว้ น่าจะสะอาดพอล่ะนะ

       

       

       

      ยิ่งสาดแสงเทียนเข้าไป ก็ยิ่งเห็นร่างที่นั่งเพียงหนึ่งเดียวอยู่ในนั้น

       

       

       

      ร่างนั้นเป็นเด็กหนุ่ม

       

       

       

      เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มตัดซอยสั้น ดวงตาคมกล้าที่เปล่งประกายจ้าสีเขียวสว่าง รูปร่างของเด็กหนุ่มติดจะบางไปบ้าง ทว่าสมส่วนกับความสูง

       

       

       

      ร่างนั้นกำลังเบิกตากว้าง หอบหายใจหนัก ข้อมือมีรอยเลือดซึมเนื่องด้วยเสียดสีกับงโลหะสีดำที่คล้องข้อมือไว้อยู่

       

       

       

      เครื่องแต่งกายของเด็กหนุ่มเหลือเพียงเสื้อผ้าฝ้ายสีน้ำตาลตัวในกับกางเกงที่ขาดเหลือเพียงถึงเข่า และดูจะเปรอะเปื้อนโลหิตที่ไหลรินออกมาของเจ้าตัวไปบ้าง

       

       

       

      หัวหน้า…”ร่างนั้นมองผู้ที่เดินเข้ามาด้วยความตกใจ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสับสน ท่าทีระแวงภัยราวกับสัตว์ป่ายามถูกรุกราน ที่นี่ที่ไหน…..ทำไมผมถึงอยู่ที่นี่…”

       

       

       

      อยากให้ฉันตอบคำถามนักเหรอ?”

       

       

       

      หัวหน้า ไม่ตลกนะครับ! ผมอยู่ที่ไหน ทั้งที่ผมออกไป…..อั่ก!!เด็กหนุ่มร้องลั่น เมื่อถูกอีกฝ่ายจับศีรษะกดลงบนเตียง พร้อมกับจับให้เขานอนคว่ำหน้า และนำมือทั้งสองไปไขว้ไว้ที่ด้านหลัง หัวหน้ารีไวล์! คุณทำอะ..อึก!

       

       

       

      อยากรู้สินะ..ได้ ฉันจะบอกนายเสียงทุ้มต่ำกระซิบข้างใบหู ในขระที่คร่อมเด็กหนุ่มเอาไว้ มือข้างหนึ่งที่เว้นวางจากการจับแขนเด็กหนุ่มไขว้หลังลากไล้อ่อยอิ่งไปที่สะโพก ก่อนเคลื่อนกางเกงลงอย่างเชื่องช้า แต่

       

       

       

      .

       

       

       

      .

       

       

      .

       

       

       

       

      ต้องหลังจากที่ฉันลงโทษนายล่ะนะ เอเลน

       

       

       

      .

       

       

      .

       

       

      .

       

       

       

       

       

      หึ

       

       

                                                                                         Untitled

       

       

       

       

                                                               U          n           t        i         l              e            d.

       

       

                                                                                             .

       

       

                                                                                             .

       

       

                                                                             “To Make You Mine”

       

       

                                                                                             .

       

       

                                                                                             .

       

       

                                                                                             .

       

       

                                                                                   True Ending 

       

       

                                                                          ++++++++++++++++++++++++

       

      เป็นไงบ้างคะทุกท่าน ความรู้สึกที่ถูกหลอก

       

      เรื่องนี้แต่งด้วยอารมณ์อีมครึมมาก ใครที่อ่านจนจบ ขอชมจริงๆค่ะ

       

      สำหรับ To Make You Mine มีโครงการจะเขียนต่อ แต่ไม่รู้จะจบไหม จึงถือว่าเป็นการจบบริบูรณ์ไปในตัวด้วยนะคะ สำหรับฟิคนี้

       

      สุดท้ายนี้

       

      ขอคอมเมนต์ค่ะ =.,= (ทำหน้า S )

       

       

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×