เมื่อคีตาแห่งเทพสวรรค์เริ่มบรรเลง◆BL,YAOI (END)
ตอนที่ 16 : บทที่ 14 ใคร่ครวญ... ไม่พบ... คงดี...
ความเดิมตอนที่แล้ว
“ท่าน… ท่านมันโง่เขลาสิ้นดี อึก… ท่านกลับรอคอยข้าเกิด…ถึงสองร้อยปี…”
ไรเซลยิ้มอย่างอบอุ่นให้ข้า ราวกลับจะกล่าวว่าเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น
“ข้าไม่โทษท่าน ข้าจะโทษท่านได้อย่างไร”
“ชีวิตข้าที่จะตายก็มีท่านช่วยไว้…ชีวิตที่จะดับสูญก็มีท่านนำกลับมา…ชีวิตข้าที่เกิดใหม่ก็มีท่านเลี้ยงดู… ข้าเป็นของท่าน… เป็นสมบัติสำคัญของท่าน”
เสียงทุ้มอ่อนแรงกระซิบเบาๆ “…ข้าไม่เคยผิดสัญญาต่อเจ้า”
ไรเซลแตะริมฝีปากลงมา…
แล้วเวลาทั้งหมดดั่งหยุดลง
บทที่ 14
ใคร่ครวญ… ไม่พบ… คงดี…
บันทึกวันที่xx เดือนxx ปีxxxx
ในอดีตคนที่ข้ารักได้ถามคำถามกับข้าคำถามหนึ่ง
“ท่านว่าคนผู้หนึ่งสามารถตกหลุมรักถึงสองครั้งสองคราได้หรือไม่?”
“ได้”
บางครั้งมากกว่าสองครั้งสองคราก็ยังมีเช่นกัน…
“ข้าชื่อนาเรม ท่านอย่าเพิ่งขยับตัว”
เด็กน้อยน่ารักในวัยสิบหกปีเอ่ยพลางจัดการบาดแผลตรงปีกของข้า
“ท่านไม่ใช่มนุษย์ หรือว่าท่านเป็นเทพเซียน”
“ข้าเป็นเพียงแค่ไรเซล เทพสวรรค์ที่ตัดสินใจสิงสถิตอยู่กับเจ้า”
ตอนนั้นเจ้าอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนส่งยิ้มที่ดูขมขื่นให้
“ท่านคงเป็นเทพสวรรค์ที่ตัดสินใจผิดพลาดมากเลยกระมั้ง”
ข้าเพียงส่งรอยยิ้มบางๆตอบเท่านั้น
เพราะเจ้ากำลังจะตาย… ข้ารู้
เพราะเจ้ามีชีวิตที่โดดเดี่ยวเสมอ… ข้ารู้
อีกอย่างหนึ่งที่ข้ารู้เช่นกัน…ตัวเจ้าไม่เคยยิ้มจากใจเลยแม้แต่น้อย
เด็กน้อยข้าไม่ได้ยินยอมให้คุลอาลเสียบกระบี่เข้าที่ปีกข้า โดยไร้ประโยชน์แน่นอน
ข้าคิดเช่นนั้น คราแรกอยากให้เจ้ายิ้มออกมาจากใจซักครั้ง…
“ท่านจะลงไปอาศัยยังภพมนุษย์…? ท่านล้อข้าเล่น เรื่องเช่นนี้จะเป็นไปได้อย่างไร”
คุลอาลทำสีหน้าลำบากใจทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“แค่ชั่วชีวิตของมนุษย์ผู้นึง ไม่ได้ยาวนานเท่าไหร่นัก”
“แต่เราไม่อาจลงไปตามใจชอบได้”
“ข้าก็จะลงไปในฐานะหน้าที่ของข้า”
“หรือว่าท่าน…”
“ข้าจะก่อสงคราม นำจดหมายข้าลงไปคุลอาล”
“สงครามก็เกิดแล้ว…ราชโองการก็มาแล้ว ท่านจะทำสิ่งใดต่อองค์เทพไรเซล ข้าเป็นมนุษย์ผู้นั้นคงไล่ส่งท่าน เหตุใดต้องมาเลี้ยงเทพสวรรค์ให้วุ่นวายในบ้านเรือนตนเองด้วย”
“เรียกกระบี่เจ้าออกมา”
“เอ้ะ กระบี่ข้าหรือ…?”
ข้าบาดเจ็บในวันที่พบกับนาเรมครั้งแรกบนภพมนุษย์
เพราะตัวเจ้านั้นใจดีเสมอ เจ้าไม่มีทางไล่ผู้ใดก็ตามที่บาดเจ็บหรือลำบาก ไม่เคยสนใจสภาพตัวเองแต่อย่างใด ปล่อยให้ผู้อื่นเอาเปรียบแล้วเอาเปรียบเล่า
เป็นดั่งเฉกเช่นภาพวาดของเจ้า…
“เหตุใดลูกค้าถึงตกใจทุกครั้งที่พบเจอตัวจริงของข้ากัน”
“เพราะภาพวาดของเจ้า มันงดงาม…แต่ก็เศร้ามากเช่นกัน”
“ภาพวาดของข้างั้นหรือ… หากเป็นท่านลองวาดภาพบ้าง...คงจะอบอุ่นมาก”
“คงมีเพียงเจ้าคนเดียวที่รู้สึกถึงมัน”
งดงามแต่ก็แสนเศร้า
ในขณะที่ภายนอกของเจ้ากลับแย้มยิ้มดั่งดวงอาทิตย์อ่อนๆ
เป็นเช่นนี้เสมอ…
เพียงแค่สี่ปีจากเด็กน้อยวัยสิบหกของข้า กลายมาเป็นผู้ใหญ่ที่งดงาม
แม้กระทั่งความคิดเจ้าก็เติบโตเช่นกัน…
นาเรมเริ่มเอ่ยปากไล่ข้ากลับสวรรค์หนักขึ้นทุกวัน
“ท่านตั้งใจจะอยู่กับข้าไปอีกนานแค่ไหน ท่านจะอยู่ถึงข้าตายเลยหรือ… ไรเซลท่านมีเรื่องสมควรทำมากกว่ามาใช้เวลาอยู่กับข้านะ”
เจ้ากำลังฝืนยิ้ม...
เทพสวรรค์ล้วนสามารถอ่านใจมนุษย์ได้
ข้าได้แต่ยิ้มบางๆ แล้วกอดนาเรมไว้แน่น
“ไรเซล! ท่านปล่อยข้า ทำไมพอข้าพูดถึงเรื่องนี้ทีไรท่านถึงได้กอดข้าทุกที ข้าพูดจริงจังนะ”
“ขอปฏิเสธ ต่อให้เจ้าไล่ข้าอีกกี่พันครั้งก็ตาม”
นาเรมกลัวเสมอว่าข้าจะจากไป
แต่เจ้าใจดีเกินไป เกรงใจผู้อื่นเกินกว่าจะเอ่ยปากไล่โดยตรง
รีบเอ่ยปากไล่ข้าทางอ้อมก่อนตัวเจ้าจะผูกพันกับข้าไปมากกว่านี้… ก่อนจะถอนตัวไม่ขึ้นไปมากกว่านี้ ในขณะที่อีกเสียงหนึ่งใจกลับร่ำร้องไม่อยากให้ข้าจากไป
ความรักเช่นนี้ข้าอาศัยอะไรไปคู่ควร
เทพสวรรค์อย่างเราไม่สามารถเดินทางไปภพอื่นได้ตามใจชอบเท่าไหร่นัก
ข้าส่งคุลอาลลงไป…ก่อสงคราม แลกเปลี่ยนกับการที่ข้าสังหารผู้นำปีศาจ แล้วจอมทัพปีศาจจึงจะกรีฑาทัพไปต่อสู้กับข้าที่ภพมนุษย์ให้
เป็นการต่อสู้ที่หลอกลวง
ข้าขอให้นาเรมมาอาศัยอยู่กับข้าชั่วชีวิต แน่นอนว่าหลังจากพาตัวขึ้นมายังภพสวรรค์ได้แล้ว การจะเปลี่ยนอีกฝ่ายให้เป็นเทพสวรรค์ก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นนัก
การต่อสู้ระหว่างสองทัพเสร็จสิ้น ร่ำลากับจอมทัพปีศาจที่หลงรักคุลอาลหัวปักหัวปำแล้ว ข้ารีบตรงดิ่งกลับมายังบ้านหลังเล็กๆของเรา
ในมือถืออาภรณ์สีฟ้าอ่อน ตัดอย่างปราณีตบรรจงด้วยฝีมือช่างแห่งภพสวรรค์…
แต่ทว่า…
มีผู้คนในชุดคลุมดำมากมายมาขัดขวาง โดยที่ข้าไม่ทราบว่าพวกเขาเป็นกองทัพของใคร
ลางสังหรณ์ของข้าชวญให้หนาวยะเยือกจนไม่อยากคาดคิด…
ท่ามกลางเรือนหลังเล็กที่ไร้ผู้คนกลับมีร่างที่งดงามราวกับภาพวาดนอนอยู่ ของเหลวสีแดงที่ย้อมพื้นไม้ราวกับปูพรมไม่ได้ทำให้ความงดงามนั่นลดลงเลยแม้แต่น้อย โลหิตสีแดงฉานกลับเพิ่มสเน่ห์ดึงดูด
ใบหน้าที่คุ้นเคยนั้นหลับสนิท…
มือที่หยิบอาภรณ์ออกมาตั้งใจจะอวดโฉมสั่นระริก แม้แต่แม่ทัพใหญ่แห่งสวรรค์ผู้ไม่เคยหวาดหวั่นต่อสิ่งใด…กลับรู้จักความกลัวขึ้นมา
ข้าลูบใบหน้าที่เคยมีชีวิตชีวาด้วยมืออันสั่นเทาเกินจะควบคุม
ตัวข้านั้นมีทุกอย่างมากมาย เงินทอง ทาสรับใช้ อำนาจ พลัง ทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งไร้ค่า…
นึกถึงระยะเวลาเนิ่นนานเกือบสามร้อยปี…ตื่นขึ้นมาบนเตียงที่ว่างเปล่า ตำหนักที่เงียบเหงา ทุกสิ่งล้วนเป็นเรื่องเดิมๆ ที่แสนธรรมดา… กลับกันแล้วช่วงเวลาสี่ปีที่ผ่านมามันช่างมีความหมายเหลือเกิน
ชีวิตที่ไม่มีเจ้า…ข้ากลับไม่คุ้นชินเสียแล้ว
แม่ทัพใหญ่สวรรค์ ยามเกิดท้องฟ้าทั่วสวรรค์เป็นสีแดงฉานคล้ายโลหิต...สายฟ้าแห่งสวรรค์ผ่าลงมาเจ็ดสิบสองสาย...อาวุธเทพของเทพสวรรค์ทุกองค์สั่นไหวเกิดเสียงดังกังวานทั่วภพสวรรค์
แม่ทัพใหญ่แห่งสวรรค์องค์นั้น…แม้แต่คนรักของตัวเองกลับปกป้องไม่ได้ด้วยซ้ำ
เรื่องที่แม้แต่ผู้ใดสังหารเจ้า ข้าก็ไม่สามารถรู้ได้เลย…
ข้าฝ่าฝืนกฏสูงสุดของภพสวรรค์
ดวงวิญญาณที่ถูกทำลายโดนอาวุธเทพจะแตกสลาย ไม่สามารถกลับเข้าสู่วัฏจักรได้อีกต่อไป… ยกเว้นเพียงแต่ว่า จะมีเทพสวรรค์อีกองค์ยอมเสียสละอาวุธเทพของตัวเอง
ข้าโดนองค์เทพสูงสุดเรียกคืนปีกทั้งสองคู่ พลังเทพทั้งหมด พักตำแหน่งแม่ทัพใหญ่แห่งสวรรค์
ทำได้เพียงขนรูปมากมายของเจ้ากลับมาไว้ที่ตำหนักของข้าเองเท่านั้น
ข้าใช้เวลาที่ว่างเปล่าอีกสองร้อยปีคาดหวังว่าความคิดของข้าจะถูกต้อง เจ้าจะไม่ได้เกิดใหม่ที่ภพอื่น คาดหวังว่าเจ้าจะมาเกิดในตำหนักครรภ์
จนในที่สุด
คุลอาลมารายงานข้าว่าเขาพบดวงวิญญาณของนาเรมอยู่ในไข่ใบหนึ่งของคำหนักครรภ์
ผู้ใดที่สังหารนาเรมก็ยังจับไม่ได้ ยิ่งในตอนนี้ตัวข้าไม่มีพลังจะไปปกป้องใครได้ทั้งนั้น… ข้ากับคุลอาลตัดสินใจบุกเข้าไปขโมยกระจกส่องอดีตและบันทึกดวงวิญญาณ…ตัดทางเชื่อมโยงทุกอย่างของนาเรมคนนี้กับคนในอดีตออกจากกัน
ข้าต้องเตรียมทุกอย่างให้พร้อม เพื่อให้เจ้าจะไม่ได้รับอันตรายอีก
ในยามที่ไปรับนาเรมจากตำหนักครรภ์ ข้าแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง… มือข้าสั่นระริกลูบใบหน้าที่มีเค้าโครงไม่แตกต่าง ความโหยหามากมายเอ่อล้นออกมา
สองร้อยปีที่ผ่านมา ท่ามกลางภาพวาดของเจ้ามากมาย
ช่างเดียวดายเหลือเกิน…
นาเรมที่เติบโตขึ้นเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติทุกอย่าง ซักถามข้าถึงเรื่องราวทุกอย่าง
ต่อให้เจ้าคุกเข่าอยู่ด้านหน้าข้า…ข้าก็มิอาจบอก
ข้าสูญเสียไม่ได้อีกแล้ว
แต่เรื่องทุกอย่างกลับเลวร้ายลง ความพยายามที่จะปกป้องคนที่ข้ารักกลับทำให้โศกนาฏกรรมนี้วนเวียนมาอีกคราและ…อีกครา
แท้จริงแล้วผู้ที่นำพาเรื่องทุกอย่างให้เข้ามาสู่เจ้าคือข้าเอง
ความรักของเจ้า…ชีวิตของเจ้า ข้าไม่คู่ควรกับมันแม้แต่น้อย
ไม่ว่าจะนาเรเอลหรือนาเรม…
ข้าติดค้างเจ้ามากมายเหลือเกิน…
……………………………………………………………
พัดสีดำในมือองค์ชายหกยกสูงขึ้นตรงหน้าข้า
“ไม่ต้องห่วง ข้าไม่มีทางยอมให้ท่านพี่ตายก่อนคนที่ท่านรักหรอก”
ไรเซลแย่งทวนสามแฉกของข้าไป… หรือแท้จริงแล้วคือของเขาก็ตามไปถือ
ไม่ว่าข้าจะยื้อแย่งยังไงเขาก็ไม่ปล่อยแม่แต่น้อย ด้วยสภาพเช่นนี้หากต้านรับพลังขององค์ชายหกอีกที ไม่ช้าต้องไปเยือนภพวิญญาณแน่นอน
แต่ก่อนที่องค์ชายหกจะปล่อยพลังเทพอันรุนแรงใส่ข้า เสียงกระพือปีกมากมายอีกกองกำลังหนึ่งก็ล้อมรอบเรา… ปรากฎองค์ชายใหญ่ดึงพัดสีขาวออกมา สะบัดมือวูบเดียวพวกชุดคลุมดำมากมายถึงกับกระเด็นออกไปหมด
คุลอาลโผล่มาด้านหน้าของเราด้วยสภาพไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก กระบี่สีฟ้าอ่อนของเขาเทียบไปยังลำคอขององค์ชายหก… สีหน้าของผู้ถูกกระบี่จ่อคอบิดเบี้ยวจนดูไม่ได้ เขาถามด้วยน้ำเสียงเคียดแค้น
“เป็นไปไม่ได้เหตุใดเจ้า… คุลอาล พี่ใหญ่ พี่รอง กองทัพมากมายจึงมาที่นี่ได้”
“หากเจ้าหมายถึงทัพปีศาจที่ไปปิดล้อมตำหนักหมื่นห้องนั้นเปล่าประโยชน์” องค์ชายใหญ่ตอบพลางเดินเข้าใกล้ สายตาเหลือบมองคุลอาล
คุลอาลกระแอมก่อนพูดขึ้นด้วยสีหน้าฝาดเลือด “กองทัพปีศาจที่เจ้าซื้อตัวมาถูกเรียกกลับไปหมดแล้ว”
แม้แต่ไรเซลก็ยิ้มมุมปากออกมาเล็กน้อย
องค์ชายหกใช้พัดในมือปัดกระบี่คุลอาลออกวูบ ถอยร่างกายไปอย่างรวดเร็ว…แต่ยังเร็วไม่พอ องค์ชายใหญ่ องค์ชายรอง รวมทั้งหัวหน้ากองทัพต่างล้อมเขาไว้หมดแล้ว
ดูอย่างไรก็ไม่มีหนทางเหลือรอดแล้วจริงๆ
องค์ชายใหญ่ประกาศเสียงดัง “โทษของเจ้าคือการสังหารองค์เทพสูงสุด ลักพาเทพสวรรค์ที่ไม่เกี่ยวข้องมาเป็นตัวประกัน”
องค์ชายหกยกยิ้มอย่างถือดี “แบบนี้ข้าก็ช่วยพี่ใหญ่ขึ้นเป็นองค์เทพสูงสุดแบบทางลัดพอดี”
“เจ้าอย่าบังอาจ…”
เหล่ากองทัพทหารที่ล้อมรอบเริ่มตะโกนด่าองค์ชายหก คุลอาลเดินมาช่วยข้าพยุงไรเซลที่หน้าตาดีขึ้นแล้วหลังจากกลืนลูกกลอนฟื้นฟูจากคุลอาลลงไป
องค์ชายหกกวาดตาไปรอบๆ มองเหล่าผู้คนชุดดำที่เหลือเพียงซากศพเกลื่อนกลาด
“มันจบแล้วนาล์ฟเฟ” องค์ชายใหญ่โบกมือวูบ กองทัพทหารวิ่งเข้าไปหาองค์ชายหกเตรียมจับกุม
ทันใดนั้นเสียงหัวเราะราวกับเยาะเย้ยในโชคชะตาตัวเองก็ดังก้องไปทั่วสนามรบ…
“ไม่หรอกพี่ใหญ่มันยังไม่จบ รวมถึงท่านด้วยพี่สี่...กับท่านก็ยังไม่จบเช่นกัน” สิ้นคำองค์ชายหกก็ยื่นมือออกมาด้านหน้า ควันสีดำประหลาดมากมายพวยพุ่งออกมา ป้องกันไม่ให้เหล่าทหารเข้าใกล้
ไรเซลมีสีหน้าเคร่งเครียด เขากุมมือข้าไว้แน่นจนเจ็บ
“จนสุดท้ายท่านก็ไม่ได้อยู่กับคนรักเช่นเดิม…” ผู้ร้ายเพียงหนึ่งเดียวหันหน้ามา ส่งรอยยิ้มที่ดูประหลาดลึกลับให้ข้า มือของเขาถือขวดแก้วใบเล็ก ข้างในบรรจุด้วยของเหลวสีแดง…
ควันประหลาดจะครอบคลุมตัวเขาเกือบทั้งหมด องค์ชายหกถือขวดแก้วนั้นยื่นเข้าไปในควันที่กำลังหมุนวนบิดเบี้ยว ริมฝีปากของเขาขยับครั้งสุดท้าย…ก่อนจะจมหายไปในควันสีดำ
“ขอให้เจ้าโชคดี”
ข้ารู้สึกถึงมือตัวเองที่หลุดออกจากไออุ่น สีหน้าของไรเซลดูตื่นตระหนก
ควันสีดำที่กลืนข้าเข้าไปจนมิด…
“พวกเจ้าส่งนาเรมไปที่ไหน”
เสียงราบเรียบจากแม่ทัพใหญ่แห่งสวรรค์ดังไปทั่วของโถงแห่งตำหนักหมื่นปี
องค์เทพสูงสุดกลับสู่ภพวิญญาณแล้ว องค์ชายใหญ่ขึ้นเป็นองค์เทพสูงสุดแทน… ตอนนี้องค์เทพไรเซลจึงกลับมาดำรงตำแหน่งแม่ทัพใหญ่แห่งสวรรค์อีกครั้ง ได้ปีกสองคู่และพลังเทพทั้งหมดกลับคืน
เพียงแต่ท่านนาเรมกลับไม่อยู่เสียแล้ว…
นักโทษมากมายที่ถูกไตร่สวนแล้วว่ามีความเกี่ยวข้องกับองค์ชายหก คุกเขาตัวสั่นจนแทบจะติดพื้นอยู่เบื้องหน้า พวกเขาต่างสะดุ้งกันเป็นพักๆ เมื่อองค์เทพไรเซลขยับตัว
“โลเรีย” เสียงเรียกออกจากปากขององค์เทพไรเซลทำให้อีกฝ่ายถึงกับร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว… ข้าขยับก้าวเดินไปข้างหน้าเมื่อองค์เทพไรเซลพยักหน้าให้อย่างรู้งาน
“เทพสวรรค์โลเรียเห็นแก่ท่านพ่อของท่าน พวกท่านส่งท่านนาเรมไปที่ภพไหน”
อดีตพระสนมส่ายหัวด้วยความหวาดกลัว “ขะ…ข้าไม่รู้ พวกท่านสังหารข้าไม่ได้นะ ท่านพ่อของข้าเป็นถึง…เป็นถึง…”
ท่านพ่อของท่านก็คุกเข่าอยู่ข้างๆท่าน…
องค์เทพไรเซลกวาดตาที่เย็นสนิทจ้องมอง หมุนทวนสามแฉกของเขาเล่นราวกับไม่ได้กำลังถามเรื่องสำคัญ “ใครเป็นผู้สังหารนาเรมตอนครั้งยังเป็นมนุษย์”
เหล่าผู้ร่วมขบวนการร้ายมากมายต่างสะดุ้งเพราะพวกเขาเพิ่งรู้ นอกจากพวกเขาองค์เทพสูงสุดองค์ปัจจุบันหรือองค์อื่นๆ ในห้องต่างรับทราบกันหมดแล้ว
เทพสวรรค์โลเรียผู้น่าสงสารสะอึกสะอื้น นางพยายามไม่สบตาขององค์เทพไรเซลเป็นอย่างมาก
“ข้ามีเวลาไม่มาก ข้าให้โอกาสพวกเจ้าตอบเพียงครู่เดียวเท่านั้น”
องค์เทพไรเซลเริ่มเดินวน… เสียงรองเท้าที่ดังก้องเป็นจังหวะราวกับกำลังล้อเล้นกับจิตใจของผู้คนที่คุกเข่าอยู่ พวกเขาต่างหวาดกลัวจนขวัญกระเจิง แต่ขุนนางระดับสูงกับมีสีหน้าเต็มไปด้วยความหวังเล็กน้อย
หึ… พวกเขาทำเหมือนจำแม่ทัพใหญ่แห่งสวรรค์ของพวกเขาไม่ได้
ควับ ตึง!
ศีรษะแห่งขุนนางคนหนึ่งหล่นกระทบลงพื้น เลือดพวยพุ่งออกมาแปดเปื้อนเทพสวรรค์องค์ข้างๆ อดีตพระสนมกรีดร้องเสียงสูงเมื่อเห็นว่าพ่อของตัวเองไปเยี่ยมภพวิญญาณเสียแล้ว
เทพสวรรค์ที่ขึ้นชื่อว่าโหดเหี้ยมที่สุดในภพสวรรค์สะบัดปลายทวน ไล่คราบเลือดเล็กน้อย… ดวงตาสีทองที่สามารถแช่แข็งผู้คนได้วาวโรจน์ “ใครเป็นผู้สังหารนาเรมตอนครั้งยังเป็นมนุษย์”
“ข้า! เป็นข้าเอง!!” เทพสวรรค์โลเรียร่ำร้องอย่างเสียสติ นางกอดร่างของพ่อตะโกนอย่างโกรธแค้น “ก็ผู้ใดใช้ให้ท่านไปหลงรักมัน! เป็นข้าต่างหากที่เป็นพระสนม….”
ตึง
ศีรษะของนางร่วงลงพื้นก่อนจะพูดจบเสียอีก… องค์เทพไรเซลหันตัวหลังเดินจากมา เอ่ยคำสั่งต่อนายทัพที่อยู่ใต้บังคับบัญชา
“ไม่ไว้ชีวิต” เหล่าทหารโค้งตัวรับทราบ
ข้าเดินตามหลังองค์เทพไรเซลออกมาด้านนอก เขาจ้องมองไปทางด้านทิศตะวันตก
“คุลอาลไปยังตำหนักของนาล์ฟเฟรวมถึงเทพสวรรค์ทั้งตระกูล กวาดล้างมาให้หมด… ไม่ไว้ชีวิต”
“รับทราบ”
ข้านึกได้เรื่องนึงจึงหยุดเท้าที่จะบินไปยังกองทัพทหารที่คุ้นเคย “ท่านจะไปยังที่ใดองค์เทพไรเซล”
“ไปเอาน้ำเต้าข้ามภพ”
“แต่นั่นเป็นของ…” ข้าหุบปากทันทีเมื่อนึกว่าเจ้านายตนเองเป็นเทพสวรรค์เช่นไร
“ข้าเอ่ยว่าม้าเป็นนก ม้าก็ต้องเป็นนก…ข้าเอ่ยว่าจะเอาน้ำเต้าข้ามภพ ก็ต้องเป็นของข้า”
ข้าเชื่อว่าเพียงท่านประกาศออกไปเทพหงษาก็วิ่งแจ้นเอามาให้ท่านถึงตำหนักแล้ว ในเมื่อตอนนี้ทั้งภพสวรรค์ต่างล่วงรู้กันหมดทั้งเก้าชั้น
แม่ทัพใหญ่แห่งสวรรค์ผู้เกรียงไกรของพวกเขา…กลับมาแล้ว
ของเพียงมีชื่อขององค์เทพไรเซลยังอยู่ในตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ ภพอื่นๆ ก็ไม่กล้ารุกรานเฉียดเขตแดนเข้ามาแม้แต่เพียงปลายก้อย
สองร้อยปีที่เทพสวรรค์ต่างหลงลืม เหล่าผู้ร้ายต่างอยู่อย่างสงบสุข เทพสวรรค์มากมายที่เหริมเกริม
ณ. ตอนนี้ทหารในกองทัพมากมายต่างกู่ร้อง เหล่าผู้ร้ายต่างหวาดหวั่น ทั่วทุกภพต่างรับรู้ การกลับมาของแม่ทัพใหญ่ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ภพสวรรค์เคยมีมา…ผู้ที่ย้อมท้องฟ้าให้เป็นสีแดงฉาน
น่าเสียดายแต่เพียงตำหนักที่กว้างขวางของเทพสวรรค์ระดับเจ็ดผู้ยิ่งใหญ่องค์นี้
ต้องกลับมาเงียบเหงาอีกครา…
◆◆◆◆◆◆◆◆◆◆◆
- จบพาร์ทแรกแล้วนะคะ ใครสงสัยปมตรงไหนถามได้เลยค่ะ หรือมีอะไรอยากพูดคุยก็คุยกันเลยค่ะ55 ข้างล่างแช้ปนี้เดี๋ยวเราจะตอบทุกคนเลยน้า <3 (แต่ปริศนาบางอันยังไม่เผยหมดนะ!)
- เรื่องนี้อีกไม่กี่ตอนก็จบบริบูรณ์แล้วค่ะ นอกจากนั้นคงเป็นตอนพิเศษ รวดเร็วจนน่าใจหายจริงๆ (แต่ย้อนไปดูวันที่ อ้าว…ผ่านมานานขนาดนี้แล้วเหรอ)
- แล้วก็เรากำลังจะเปิดเรื่องใหม่นะคะ555 เขินจัง <3 ยังไงก็ฝากเข้าไปอ่านบทนำเล่นกันก่อนได้น้า
เป็นเรื่องเกี่ยวกับการย้อนเวลา (พล็อตเรื่องสุดฮิต) Y เหมือนเดิมค่ะ
ปล. นี่เป็นโนเวลยาวเรื่องแรกของเราเลยค่ะ ขอบคุณทุกคนมากที่อ่านกันมาถึงจุดๆ นี้ มีอะไรก็ติชมกันได้นะคะ เราก็พยายามฝึกต่อไป *โค้ง*
ช่างเป็นความโชคดีและแสนพิเศษของนาเรมที่เป็นเพียงคนเดียวที่ได้เห็นในมุมมองที่คนอื่นไม่มีทางได้รับ
โหดจริงๆคนอะไร
แต่พระสนมตายง่ายไปนะ ที่ตริงคนอย่างนางควรจะทรมานให้มากกว่านี้ เอาให้สมกับความเจ็บปวดที่ต้องสูญเสียของไรเซล สูญเสียทั้งคนรัก พลัง อำนาจ และความสุข นางไม่ควรตายง่ายๆอย่างนี้เลย
ชอบท่านไรเซลตอนนี้ ไม่พูดมาก ตัดฉับๆเลย จะได้จบๆ ปล่อยไว้เดี๋ยวรอดอีก
เอ่อ ไม่ใช่ไม่ใช่ เอาใหม่ แต่งดีมากเลยค่ะ
ปล.มาต่อเร็วๆนะคะ จะติดตามค่ะ
จาก นักอ่านเงา
เนื้อเรื่องตอนนี้เข้มข้นจริงๆ ทำให้รู้สึกว่าอยากอ่านต่อ
นาเรมไปไหน รอติดตามค่ะ
และขอบคุณที่ติดตามบทบรรเลง(ที่ดูเหมือนจะดราม่ามาก)ของสองคนนี้เช่นกันค่ะ😃
แล้วองค์ชายหกหายไปไหน จัดการมัน!!
ปล.แต่ชอบไรเซลตอนนี้มากเลย
นานๆทีพ่อพระเอกของเราจะมาคนชอบบ้าง(นอกจากนาเรมน่ะนะ<3)
ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ!