[ShortFic YongSeo] You're My Last Love - [ShortFic YongSeo] You're My Last Love นิยาย [ShortFic YongSeo] You're My Last Love : Dek-D.com - Writer

    [ShortFic YongSeo] You're My Last Love

    โดย seoraemon

    ผมยังอยู่ที่เดิม....รอเธออยู่ที่นี่ไม่ไปไหน เผื่อวันใดที่เธอกลับมาเธอก็จะเห็นว่าผมยังอยู่ที่นี่...แม้ว่าในความเป็นจริงแล้วเธอจะไม่มีวันกลับมาก็ตาม...

    ผู้เข้าชมรวม

    955

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    955

    ความคิดเห็น


    22

    คนติดตาม


    11
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  13 พ.ค. 56 / 00:56 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

    จอง ยงฮวา

    ไม่ว่าใครจะมองว่าผมงมงายหรือโง่งมเพียงใดผมก็ไม่สนใจ เพราะผมรู้ดีว่าที่ผมทำไปทั้งหมดนั้นมันคือความซื่อสัตย์และความรักทั้งหมดที่ผมมีต่อผู้หญิงคนเดียวที่ผมรัก และเธอจะเป็นคนรักเพียงคนเดียวของผมจนกว่าลมหายใจของผมจะหมดไป...
    ถ้าชาติหน้ามีจริง ผมขอใช้ชีวิตร่วมกับเธออีกครั้ง แม้สุดท้ายแล้วเรื่องราวมันจะต้องจบลงแบบนี้ก็ตาม
    ...



    ซอ จูฮยอน

    ถ้าฉันเลือกตอนจบของเราได้ ฉันจะไม่มีวันทำให้มันเลวร้ายแบบนี้...
    ฉันดีใจมากที่ได้รักคนดีดีแบบพี่ คนที่รักเดียวใจเดียวและรักฉันมากกว่าใครๆ และฉันเองก็เสียใจไม่น้อยที่ทำให้พี่ไม่สามารถเปิดใจรับใครเข้ามาได้อีกเลย...










     

    สวัสดีเพื่อนนักอ่านทุกคนอีกครั้งค่ะ ^^
    เดินทางมาถึงเรื่องที่ 3 กันแล้วนะคะสำหรับ SF แบบนี้ ดีใจและคิดถึงทุกคนมากๆเลยค่ะ ><
    สำหรับเรื่องนี้ก็ถูกกลั่นกรองออกมาจากจินตนาการเหมือนเดิมค่ะ
    ขอฝากเอาไว้ในอ้อมอกอ้อมใจกันด้วยนะคะ :)



     
    อ๊ะๆ! อ่านอีกสองเรื่องกันหรือยังเอ่ย? ใครสนใจก็เข้าไปอ่านและติชมกันได้นะคะ ^^
    [ShortFic YongSeo] My Friend's Lover : http://my.dek-d.com/seohyun-seohyun/writer/view.php?id=936898
    [ShortFic YongSeo] It's Just A Drama ก็แค่ละครหลอกลวง : http://my.dek-d.com/seohyun-seohyun/writer/view.php?id=943779

     
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      "ซอฮยอนอ่า...เป็นอะไรไป"

      "พี่คะ เค้าไม่รับโทรศัพท์ฉันเลย"

      "นายนั่นอาจจะยุ่งหรือเปล่า บ้างานขนาดนั้นน่ะ"

      "แต่อย้างน้อย รับสายฉันแล้วบอกว่ากำลังยุ่งก็ได้นี่คะ ฉันแค่อยากรู้ว่าเค้ายังโอเคไหม"

      "อ่า...พี่ก็เข้าใจนะ แต่เธออย่าคิดมากเลย เดี๋ยวว่างก็โทร.กลับเองแหละ"

      "หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ ขอบคุณนะคะพี่สิก้า"

      "จ้าาา อย่าคิดมากๆ ออกไปช้อปปิ้งกับพี่ดีกว่านะ"

      สองสาวพี่น้องต่างสายเลือดเดินเล่นกันภายในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่อย่างเพลิดเพลิน 'ซอฮยอน'น้องสาวคนสนิทของ'เจสสิก้า'ดูร่าเริงขึ้นผิดจากเมื่อครู่นี้มาก คงจะจริงอย่างที่เขาว่า ผู้หญิงแค่ได้เดินห้างก็สบายใจ...


      "หิวหรือยัง แวะกินข้าวกันไหม"

      "ค่ะ ดีเลยๆๆ"

      "กินอะไรดีล่ะ...สุกี้ไหม"

      "ว้าววววว ดีเลยค่ะ"

      สาวสวยทั้งสองคนเดินเข้าไปในร้านอาหารอย่างอารมณ์ดี สะกดสายตาผู้คนทั้งหญิงและชายทั้งหลายอย่างห้ามไม่ได้

      "พวกเธอสวยมาก" "สวยอย่างกับโซนยอชิแดเลยล่ะ" คำชมต่างๆมากมายถูกหยิบยกขึ้นมากระซิบกระซาบกัน



      "เธอโอเคแล้วใช่ไหม"

      "ค่ะ สงสัยฉันต้องมาช้อปบ่อยๆซะแล้ว"

      "ระวังหมดตัวล่ะเรา"

      "อ่าา นั่นสินะ" รอยยิ้มมากมายปรากฏอยู่ใบหน้าสวยทั้งสองอย่างไม่มีท่าทีว่าจะลดลง

       

       

      "คุณจะพาฉันไปไหนหรอคะ"

      "กินสุกี้"

      "โอ๊ะ! ดีเลยค่ะ"

      ทันทีที่หนุ่มสาวเดินเข้าไปในร้าน ดวงตาคู่หนึ่งก็นิ่งมองด้วยคำถามที่เข้ามามากมาย 'ผู้หญิงคนนั้นคือใคร' นั่นคือสิ่งที่เธอคิด

       

       

      "ซอฮยอน เป็นอะไรหรือเปล่า"

      "คะ? อ่าา เปล่าค่ะๆๆ"

      "งั้นหรอ อืม...." เป็นพี่น้องกันมาหลายปี มีหรือที่เธอจะไม่รู้ว่าท่าทางแบบนี้หมายความว่าอย่างไร...มันหมายความว่า น้องสาวคนสวยของเธอมีเรื่องไม่สบายใจน่ะสิ!

      เจสสิก้าค่อยๆมองตามซอฮยอนในทันทีที่เธอเผลอ ทุกๆอย่างชัดเจนมากว่าอะไรที่ทำให้น้องสาวของเธอเหม่อลอยแบบนั้น

      "เธอสงสัยเหมือนพี่ไหม"

      "..คะ?"

      "ผู้หญิงคนนั้น ที่มากับยงฮวา สงสัยไหมว่าหล่อนคือใคร"

      "คะ? ใครหรอ?" เธอแกล้งถามตาใสราวกับไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น

      "เธอจะไปถามเองหรือให้พี่ไป" เจสสิก้าเอ่ยต่อไปอย่างไม่สนใจว่าซอฮยอนจะแกล้งปฏิเสธอะไร

      "คะ? เอ่อ...เดี๋ยวค่อยไปถามที่หลังดีกว่าค่ะ" ซอฮยอนก้มหน้าไม่กล้าสบตาใคร พี่สาวคนสนิทอย่างเจสสิก้านั้นย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่าสุดท้ายน้องสาวของเธอก็ต้องยอมเอ่ยปากออกมา

      "เข้าใจแล้ว กินต่อเถอะ" แม้คำพูดที่ออกมาจะดูเหมือนไม่สนใจ แต่ในความจริงแล้วหัวใจของเจสสิก้านั้นร้อนราวกับภูเขาไฟที่กำลังจะปะทุออกมา ทำไมนะ...ทำไมน้องสาวของเธอถึงได้ใจเย็นแบบนี้!!





      "คุณรู้ไหมคะ การที่ผู้ชายมาเลี้ยงข้าวผู้หญิงนี่มันแปลว่ายังไง" สาวร่างเล็กส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มให้กับชายหนุ่มตรงหน้า

      "จะรู้หรอ" กลับกันที่ใบหน้าหล่อคมเข้มเอ่ยเสียงเรียบ ไม่สนอะไรสาวเจ้าเลยแม้แต่น้อย

      "อ่า...มันหมายความว่าคุณกำลังจะจีบฉันน่ะสิ"

      "มันจะไม่ตลกเกินไปหน่อยหรือครับ ผมไม่คิดอะไรแบบนั้นหรอก"

      "หึ...คุณจะบอกว่าคุณมีใจให้ยัยผู้หญิงอ่อนต่อโลกนั่นคนเดียวงั้นสิ"

      "กรุณาพูดจาดีดีด้วย นั่นคนรักของผม ผมไม่รู้หรอกว่าคุณเคยเจอผู้ชายแบบไหนมาบ้าง แต่ผมไม่ทำร้ายซอฮยอนแน่ๆ รู้แล้วก็รีบกินแล้วคุยเรื่องงานต่อเถอะ"

      "ชิ...น่าขันสิ้นดี คุณนี่มันไม่มีความคิดเอาซะเลย"

      "ถ้าหากว่าผมไม่ใช่คนที่แยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกัน ผมคงลุกออกไปจากที่นี่แล้วยกเลิกธุรกิจกับคุณ" ชายเจ้าของใบหน้าคมเข้มพูดอย่างจริงจัง สายตาที่มองหล่อนนั้นเต็มไปด้วยความเย็นชาและรังเกียจหล่อนมากเหลือเกิน



      "อิ่มแล้วหรอ"

      "ค่ะ"

      "กลับกันเถอะ"

      "ค่ะ"

      สองสาวพี่น้องเดินออกจากร้าน แต่เพียงแค่เดินผ่านโต๊ะของหนุ่มสาวคู่นั้น เจสสิก้าก็ยิ้มออกและรู้สึกมีความสุขในทันที


      "ซอฮยอน" เสียงเข้มเอ่ยเรียกทันทีที่เห็นคนรู้จัก

      "คะ?"

      "คืนนี้พี่อาจจะไม่ได้กลับบ้านพี่นะ"

      "คะ? อ่า... ค่ะ" ซอฮยอนตอบเสียงสั่น ความคิดของเธอไปไกลมากแล้ว คืนนี้เขาคงตั้งใจจะอยู่กับผู้หญิงที่ทานข้าวอยู่ด้วยสินะ...เขาบอกเรื่องน่าอายแบบนี้กับเธอที่เป็นคนรักอย่างหน้าตาเฉยได้อย่างไร!?!

      "ทำไมล่ะยงฮวา" ในทางกลับกัน เจสสิก้านั้นยิ้มแย้มอย่างรู้ทัน เขาคือเพื่อนของเธอตั้งแต่สมัยมัธยม ทำไมเธอจะไม่รู้นิสัยเจ้าเล่แบบนี้

      "ฉันจะไปหาซอฮยอนที่บ้านยังไงล่ะ" ยงฮวามองซอฮยอนยิ้มๆและยักคิ้วให้อย่างเจ้าเล่ห์

      "อ่า...ฉันต้องบอกคุณแม่ก่อนนะคะ" ซอฮยอนยิ้มออกอย่างเขินอาย เขามักจะหาวันว่างๆไปนั่งเล่นที่บ้านและพูดคุยกับพ่อแม่ของเธอ เพราะแบบนี้ พ่อแม่ของเธอจึงรักและเอ็นดูว่าที่ลูกเขยคนนี้มาก

      "ไปบ้านกันบ่อยๆ ทำไรกันยะ"

      "คิดว่าทำไรล่ะ" ยงฮวาทำหน้าทะเล้นใส่

      "รีบๆแต่งนะ ฉันว่ามีมารหลายตัวจ้องจะดูดวิญญาณของนายอยู่ มันดูหิวโหย'ผู้ชาย'มานานแล้ว ระวังตัวด้วยล่ะ"
      เจสสิก้าพูดด้วยน้ำเสียงที่เอาเรื่องพร้อมทั้งมองไปที่ผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเพื่อนของเธอด้วยสายตาเยาะหยันและสมน้ำหน้าอย่างที่สุด หล่อนมองซอฮยอนและยงฮวาตาละห้อย ท่าทางแบบนี้เจสสิก้านั้นเห็นมาหลายคนแล้ว

      ....คนที่คิดจะแยกยงซอออกจากกันมันก็ต้องเจอแบบนี้แหละ….


       

      "พี่ยิ้มอะไรหรอคะ ตั้งแต่ออกจากร้านแล้ว"

      "พี่กับยงฮวาน่ะ เรารู้จักกันมานานมากแล้วนะ"

      ซอฮยอนจ้องหน้าพี่สาวอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอจะสื่อ

      "ผู้หญิงคนนั้นน่ะ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับยงฮวาหรอก"

      "คะ?"

      "ถ้านายนั่นชอบหล่อนจริงๆคงไม่มองด้วยสายตาเย็นชาแล้วก็รังเกียจแบบนั้นหรอกนะ"

      "อ่า...ค่ะ" ใบหน้าสวยแดงระเรื่อ เธอดีใจมากจนบอกไม่ถูกเลยจริงๆ หากไม่มีเจสสิก้า เธอเองก็คงคิดว่าเขากำลังจะทิ้งเธอไปเป็นแน่

      "แล้วนี่เมื่อไหร่จะแต่งงานกันล่ะ" เจสสิก้าโพล่งถามในสิ่งที่สงสัยอยู่ตลอดเวลา ซอฮยอนและยงฮวาคบกันมาตั้งแต่สมัยเรียน จนนี่ก็เข้าปีที่สิบแล้ว มันน่าจะถึงเวลาที่ทั้งคู่จะตกลงปลงใจใช้ชีวิตคู่กันอย่างจริงจังเสียที

      "พวกเราก็คุยเรื่องนี้อยู่เหมือนกันค่ะ อีกประมาณสามเดือนเท่านั้นค่ะ"

      "ห๊ะ! นี่ถ้าพี่ไม่ถามเธอจะบอกพี่เมื่อไหร่เนี่ย"

      "ฉันตั้งใจจะเซอร์ไพรส์ตอนที่ส่งชุดเพื่อนเจ้าสาวไปให้ไงคะ" ซอฮยอนหัวเราะอย่างสดใสกับแผนการที่ตัวเองตั้งใจเอาไว้

      "แต่ตอนนี้พี่ทำลายแผนของเธอแล้วล่ะ"

      "อ่า...จริงสินะคะ พี่นี่จริงๆเลย"

      "โอ๋ๆๆๆ เอาเป็นว่าพี่จะทำเป็นไม่รู้" เจสสิก้าขยี้หัวน้องสาวเบาเบาด้วยความเอ็นดู จะกี่ปีซอฮยอนก็คือน้องสาวตัวน้อยๆของเธอเหมือนเดิม

       

       

       

       

       

       





       

      --สามเดือนผ่านไป--

      "เป็นไงบ้างครับว่าที่เจ้าบ่าว"

      "แกเงียบไปเลยจงฮยอน เวลางานมาทำไรที่นี่"

      "เวลางานบ้าอะไร นี่มันเวลาพักเว่ย แกทำงานมากไปแล้วนะยงฮวา

      “.........” ดวงตาคมจ้องหน้าเพื่อนหนุ่มอย่างเอาเรื่อง

      แกควรแบ่งเวลาให้ซอฮยอนบ้างนะ

      เอออออ ฉันก็แบ่งให้ซอฮยอนตลอดแหละน่ะ

      แกแน่ใจหรอวะว่ามันพอแล้วอะเพียงแค่ได้ยินคำพูดของเพื่อนรัก ยงฮวาก็ถึงกับนิ่งจนพูดไม่ออกอยู่นาน  จริงสินะ...เขาให้ซอฮยอนมากพอแล้วงั้นหรือ?

      ฉันเข้าใจนะว่านายทำงานหนักเพื่อเคลียร์มันให้หมดก่อนงานแต่ง แต่นายก็รู้ว่าบริษัทเรางานเยอะมากแค่ไหน ขนาดนายทำงานหามรุ่งหามค่ำติดกันหลายเดือนแล้ว นายยังเคลียร์มันไม่หมดเลย ฉันว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรที่นายจะต้องทำงานหนักจนไม่มีเวลาขนาดนี้

      มันไม่ผิดนะถ้านายจะพูดแบบนั้น แต่ทำงานหนักแบบนี้ฉันก็จะได้โบนัสเพิ่ม ไม่ว่ามากหรือน้อยมันก็เงิน ฉันต้องหาเงินมาสร้างครอบครัวให้ได้มากที่สุด หลังจากแต่งงานฉันคงไม่ได้ทำงานมากแบบนี้แล้วเพราะฉันต้องให้เวลากับครอบครัว

      เอาล่ะๆ ฉันไม่เถียงแกแล้วดีกว่า ไปกินข้าวเถอะ

      ไม่อะ ฉันมีแล้วยงฮวาพูดพร้อมกับยิ้มเยาะจงฮยอน เพราะว่าที่ภรรยาของเขาทำข้าวกล่องมาให้แล้ว เห็นทีเพื่อนรักอย่างจงฮยอนคงต้องนั่งทานข้าวคนเดียวอีกตามเคย

      ชิ รอฉันจีบสิก้าติดก่อนแล้วแกจะหมดโอกาสเยาะเย้ยฉันท่าทางแง่งอนของจงฮยอนทำให้ยงฮวาอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ เขาจีบเจสสิก้าในมาดของเพื่อนสนิทมานานตั้งแต่สมัยที่เขากับซอฮยอนยังไม่คบกันเลยด้วยซ้ำ จนตอนนี้เขากำลังจะแต่งงานอยู่แล้ว เพื่อนรักสองคนก็ยังไม่ลงเอยกันเสียที


      พี่คะ มารับฉันหน่อยได้ไหม

      ได้สิครับ วันนี้พี่จะไปส่งเองนะ บอกเจสสิก้าเลย

      ค่ะ~”

      เพียงได้รับข้อความตอบกลับมา ซอฮยอนก็ดีใจจนเนื้อเต้นที่ว่าที่สามีของเธอกำลังจะมารับเธอกลับบ้านในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า




      เหนื่อยไหมคะเสียงหวานดังขึ้นพร้อมรอยยิ้ม ใบหน้าคมที่ประปรายไปด้วยเหงื่อเม็ดเล็กถูกซับด้วยผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาดอย่างเบามือ

      แค่เห็นหน้าเธอ พี่ก็หายเหนื่อยแล้วมือหนากอบกุมมือนุ่มที่กำลังเช็ดหน้าให้กับเขา อีกทั้งยังส่งสายตาเจ้าเล่ไปให้

      น้ำเน่าตลอดเลยผู้ชายคนนี้ฝ่ามือเล็กตีลงที่ต้นแขนล่ำอย่างหมั่นไส้

      โอ๊ย! พี่จะฟ้องคุณแม่ว่าเธอแกล้งพี่

      อ่า...ตามสบายค่ะ ฉันมีเรื่องจะฟ้องคุณแม่เยอะเหมือนกันซอฮยอนจ้องหน้ายงฮวาอย่างไม่ลดละ ยิ่งยงฮวาได้เห็นดังนั้นเขายิ่งรู้สึกกลัว แม้จะไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดก็ตาม ...จริงๆแล้วฉันเองก็ไม่มีอะไรจะฟ้องหรอกค่ะ -//-...

      ฮ่าๆ ฉันล้อเล่นค่ะซอฮยอนหัวเราะร่าด้วยความสนุกสนาน

      ซอฮยอนอ่า แกล้งพี่อีกแล้วนะยงฮวาเบ้ปากน้อยใจราวกับเด็กประถมเลยไม่มีผิด

      แล้ววันนี้พี่ไม่มีงานหรอคะ

      อ่า...มีสิ พี่ส่งเธอเสร็จก็กลับไปทำงานต่อแล้ว

      อ๋อ ค่ะ ฉันตั้งใจจะชวนพี่ไปทานข้าวแม้จะทำเหมือนไม่เป็นอะไร แต่ในใจแล้วเธอรู้สึกเสียใจอยู่ไม่น้อย เธอแค่อยากจะโชว์ของชำร่วยและการ์ดแต่งงานที่เพิ่งได้รับมาให้เขาเห็นก็เท่านั้น

      พี่ขอโทษนะ

      อ่า ค่ะ ช่างมันเถอะ

      จบประโยคของซอฮยอน ภายในรถเก๋งคันหรูก็เต็มไปด้วยความเงียบและอึดอัดมากเต็มทน


      เมื่อไหร่พี่จะมีเวลาให้ฉันล่ะคะซอฮยอนถามเสียงเรียบ นานมากแล้วที่เขาไม่มีเวลาให้เธอ สามเดือนแล้วที่ทั้งคู่ไม่ได้ทานข้าวด้วยกัน มีเพียงข้าวกล่องเท่านั้นที่เธอสามารถฝากจงฮยอนไปให้กับเขาได้

      พี่ไม่แน่ใจ แต่ช่วงนี้พี่กำลังเร่งเคลียร์งาน

      พี่บอกกับฉันแบบนี้มาสามเดือนกว่าแล้วนะคะ งานแต่งงานของเราใกล้เข้ามาทุกที ในขณะที่พี่ไม่มีเวลาแม้แต่จะคุยเรื่องนี้เลยซอฮยอนยังคงบอกกับเขาด้วยน้ำเสียงที่เรียบง่ายและใจเย็น

      พี่ขอโทษจริงๆ แต่พี่ต้องทำงาน เอาเป็นว่าเธอชอบอะไรแบบไหนก็เลือกได้เต็มที่เลยนะ พี่ไม่ขัดอยู่แล้ว

      ...จริงๆแล้วของทุกอย่างฉันเตรียมไว้หมดแล้วเพราะฉันรู้ดีว่าพี่ไม่มีเวลา ฉันตั้งใจจะเอามันมาเซอร์ไพรส์พี่วันนี้ต่างหาก...

      ฉันก็แค่คิดว่าเราน่าจะเลือกมันด้วยกัน ขอเวลาแค่สองสามชั่วโมงมาคุยเรื่องของเราหน่อยไม่ได้หรือคะ

      พี่ก็อยากทำแบบนั้น แต่งานพี่เยอะมากจริงๆ

      ฉันรู้นะคะว่าพี่ทำงานอย่างหนักเพื่อเก็บเงินในช่วงนี้ให้ได้มากที่สุด พี่จงฮยอนบอกฉันแล้วค่ะ แต่พี่ไม่ต้องทุ่มเทมากมายขนาดนั้นก็ได้นี่คะ เรามีเงินมากพอแล้ว ครอบครัวของเราไม่ได้ต้องการเงินมากมายอะไรเลยนะคะ

      แต่พี่กำลังจะเป็นหัวหน้าครอบครัวนะ

      ฉันเข้าใจค่ะ แต่เราก็ควรจะมีเวลาให้กันมากกว่านี้ไม่ใช่หรือคะเสียงของคนทั้งคู่เริ่มดังขึ้น อารมณ์และความรู้สึกแย่ๆมากมายเริ่มปะทุขึ้นมาอย่างช้าๆ

      ฉันขอเวลาแค่คืนนี้ได้ไหมคะ คุยเรื่องของเราสักนิด แล้วฉันจะให้พี่ทำงานได้เต็มที่จนกว่าจะถึงงานแต่งงานของเรา

      ไม่ได้หรอกซอฮยอน พี่ต้องทำงานจริงๆ เอกสารมากมายกองอยู่บนโต๊ะ ถ้าพี่ไม่ทำแล้วใครจะทำล่ะแม้จะเป็นลูกชายของประธานบริษัท แต่เขาเองก็พยายามทำงานอย่างหนักเหมือนกับคนอื่นๆ

      แค่สองชั่วโมงก็ไม่ได้หรือคะ

      แค่ครึ่งชั่วโมงก็มีค่านะซอฮยอน

      พี่ต้องการเงินมากเกินไปแล้วนะคะ

      พี่ต้องการมันมาสร้างครอบครัวของเรานะ

      แต่สิ่งที่ฉันจะคุยกับพี่มันก็เกี่ยวกับครอบครัวของเรานะคะ

      เงินทำให้ครอบครัวเราสมบูรณ์ได้ แต่งานเลี้ยงมันก็แค่ชั่วข้ามคืนเท่านั้นนะ

      พี่พูดแบบนั้นไม่ถูกนะคะ ชีวิตเราจะแต่งงานแค่ครั้งเดียว เราจะไม่สนใจมันสักหน่อยเลยหรอคะ

      ซอฮยอน พี่ว่าเธอกำลังไม่เข้าใจในสิ่งที่พี่กำลังทำนะ

      ฉันเข้าใจค่ะ พี่นั่นแหละที่ไม่เข้าใจเลย

      ซอฮยอน!"

      เอาล่ะค่ะ ฉันไม่เถียงพี่แล้ว ขอให้มันเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่เราทะเลาะและขึ้นเสียงใส่กันแบบนี้ ฉันจะจัดการเรื่องงานกับพี่เจสสิก้าเอง พี่ช่วยไปส่งฉันที่คอนโดพี่สิก้าได้ไหมคะ

      งั้นพี่ต้องกลับรถใช่ไหม

      อ่า มันคงเสียเวลามากเกินไป งั้นพี่ก็ส่งฉันแค่สวนสาธารณะข้างหน้าก็พอค่ะ ฉันจะนั่งแท็กซี่ต่อไปเอง

      อืม เอางั้นก็ได้น้ำเสียงของคนสองคนที่คุณกัน มันเต็มไปด้วยความนิ่งและเยือกเย็นจนน่ากลัว รถสีแดงจอดตรงหน้าสวนสาธารณะแห่งหนึ่งที่มืดสลัว หญิงสาวก้าวลงจากรถแล้วเดินไปโดยไม่หันมามองคนรักของเธอเลยสักนิด เขาเองก็เช่นกัน ไม่แม้จะหันมองคนรักของตัวเองเลยแม้แต่น้อย




      เฮ้ออออออออหญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ น้ำใสๆค่อยๆไหลออกมาจากดวงตาคู่สวยจากหนึ่งหยดเป็นสองหยดและสามหยดและมากขึ้นเรื่อยๆ เวลามืดแบบนี้มีเพียงเธอเท่านั้นที่นั่งอยู่




      คืนนี้ฉันจะจัดการพวกมันให้เข็ดหลาบเลย

      เออ ดีเหมือนกัน เอาให้รู้ไปเลยว่าใครกันแน่ที่เจ๋งจริง

      คอยดูนะ วันนี้มันจะซ่าได้แค่วันเดียว ต่อไปพวกมันต้องมาคุกเข่ารับใช้พวกเราแน่เสียงวัยรุ่นชาย3-4คนคุยกันมาตลอดทาง ขายาวๆก้าวเร็วเข้ามาที่สวนสาธารณะอย่างใจร้อน ในมือของแต่ละคนต่างถืออาวุธชิ้นน้อยใหญ่ ทั้งมีด ปืน ไม้ ดาบ หรือแม้แต่ก้อนหิน

      วันนี้ต้องเป็นวันที่เปลี่ยนชีวิตและความคิดของพวกมัน!

      หรือไม่ก็เป็นวันตายของพวกมันแน่!”





      พี่คะฉันอยู่ที่สวนสาธารณะ กำลังจะนั่งรถไปหาพี่นะคะ พี่ยงฮวางานยุ่งมาก ฉันได้ของชำร่วยและการ์ดเชิญมาแล้ว ฉันจะเอาไปให้พี่ดูนะ

      หลังจบการสนทนา ซอฮยอนก็เก็บโทรศัพท์มือถือและเช็ดน้ำตาบนใบหน้าสวยก่อนจะเดินไปขึ้นรถที่ริมถนน แม้ว่าจะทะเลาะกันมา แต่เธอก็พร้อมจะบอกทุกคนเสมอว่าคนรักของเธอนั้นไม่ว่างอยู่ดูแลเธอ และจะต้องไม่มีใครรู้ว่าเธอเจ็บช้ำและเสียใจในเรื่องนี้มากแค่ไหน...




      ปัง!!” เสียงปืนดังขึ้นลั่นบริเวณสวนสาธารณะบริเวณก่อนจะถึงริมถนน ร่างบางที่กำลังเดินอยู่ล้มลงไปพร้อมกับเลือดที่ไหลออกมาอย่างหนักและไม่มีทีท่าว่าหยุดลง วัยรุ่นสองกลุ่มที่กำลังต่อสู้กันวิ่งกระเจิงหายไปคนละทิศทาง มีเพียงหญิงสาวเท่านั้นที่นอนหมดสติอยู่ แต่ไม่นานก็มีคนมาพบพร้อมกับพาร่างบางไปส่งที่โรงพยาบาล





      หมอขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ หมอพยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว

      มะ...หมายความว่ายังไงคะหมอหญิงสาววัยห้าสิบปลายๆเอ่ยด้วยสีหน้าตื่นตกใจทันทีที่ได้ยินสิ่งที่คุณหมอบอก

      คุณซอฮยอนเธอถูกยิงโดนที่จุดสำคัญ เราเอากระสุนออกมาได้ แต่เราไม่สามารถช่วยชีวิตเธอเอาไว้ได้ หมอเสียใจด้วยนะคะ

      เพียงแค่ได้ยินดังนั้น หัวใจของผู้เป็นแม่ก็แตกสลาย ร่างของเธอทรุดลงพื้นอย่างไม่มีเรี่ยวแรง น้ำตามากมายไหลออกมาอย่างหนัก เสียงร่ำไห้ดังขึ้นลั่นหลังจากที่รู้ว่าตนนั้นเสียลูกสาวเพียงคนเดียวไป โดยที่ยังไม่ทันได้ร่ำลากันเลยสักนิด ผู้เป็นพ่อเองนั้นคุกเข่าลงกอดคนรักด้วยน้ำตา ลูกสาวที่เป็นดั่งกล่องดวงใจของผู้เป็นพ่อและแม่ได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ เจสสิก้าที่ยืนอยู่ตรงนั้นมองสามีภรรยา แต่แล้วน้ำตาของเธอก็ไหลออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ น้องสาวที่เธอรักดั่งน้องในไส้ทำไมถึงด่วนจากไปแบบนี้ เมื่อชั่วโมงที่แล้วซอฮยอนยังบอกว่าจะไปหาเธออยู่เลย

      ร้องออกมาเถอะเสียงนุ่มพร้อมกับมือหนาๆที่ตบไหล่ปลอบเธอเบาเบาอยู่ข้างๆ

      จงฮยอน...” ร่างบางโผเข้ากอดคนตัวสูงไว้แน่นแล้วปล่อยน้ำตาออกมาอย่างหนัก

      ทำไมน้องไม่รอฉัน ทำไมน้องไม่ร่ำลาฉันเลย ทำไมน้องถึงด่วนจากไปแบบนี้ ทำไมน้องทำแบบนี้!”

      เจสสิก้าพูดด้วยเสียงที่สั่นพร้อมกับน้ำตา เธอกอดจงฮยอนแน่นมากขึ้น เสียงสะอื้นดังขึ้นจนดวงตาคมไม่สามารถจะกลั้นน้ำตาของตัวเองไว้ได้


      เจสสิก้า!!” เสียงตะโกนเรียกปนหอบดังขึ้น

      ...ยงฮวา

      ซอฮยอน...ซอฮยอนเป็นยังไงบ้าง!!!”

      ซอฮยอน...” ไม่ทันจะได้เอ่ยอะไร เจสสิก้าก็ปล่อยโฮออกมาอีกครั้ง อกของจงฮยอนในตอนนี้มีหน้าที่ปิดบังคราบน้ำตาของเจสสิก้าเอาไว้ไม่ให้ใครเห็น

      จงฮยอน!! ซอฮยอนเป็นอะไร ตอบฉันมา!!!” ยงฮวาตะคอกใส่เพื่อนรักด้วยความร้อนใจ

      ซอฮยอนเธอไม่กลับมาแล้วสิ้นเสียงพูด ร่างสูงก็ทรุดลงพื้นอย่างคนไร้สติ ดวงตาที่ดูล่องลอยไปไกล เขาไม่มีจิตวิญญาณหลงเหลืออยู่อีกแล้ว....

      นี่คือความฝัน...นี่คือความฝันใช่ไหม? มันคือฝันร้ายที่เกิดขึ้นกับผมใช่ไหม?

      "แกโกหก!!" ยงฮวาลุกพรวดขึ้นตะโกนใส่หน้าจงฮยอนด้วยอารมณ์ราวกับคนไร้สติอีกครั้ง

      "แกนั่นแหละที่โกหกตัวเอง!!!" จงฮยอนตะโกนกลับเพื่อเรียกสติของเขาให้กลับคืนมา

      "ไม่...ไม่จริง... ไม่!!!" ยงฮวาตะโกนออกมาพร้อมกับน้ำตาราวกับคนที่ใกล้ขาดสติเต็มที

      "แกเงียบก่อนได้ไหมยงฮวา!" อีกครั้งที่คนไร้สติถูกตวาดใส่ด้วยความโมโห ทำให้เขาหยุดฟูมฟายแล้วยืนนิ่ง

      "แกฟังฉัน...ซอฮยอนเธอกำลังจะไปหาเจสสิก้าที่คอนโด แต่ที่สวนสาธารณะนั่น ที่ๆนายปล่อยซอฮยอนไว้ มันเป็นที่ที่พวกวัยรุ่นกำลังตีกัน หนึ่งในนั้นมันพกปืนมาและยิงไปถูกซอฮยอนเข้า โชคร้าย...มันเข้าไปที่ขั้วหัวใจของเธอ เธอกลับมาไม่ได้แล้ว..." สิ้นเสียงนุ่ม บริเวณนั้นก็เต็มไปด้วยความเงียบ ร่างสูงทรุดลงพื้นอีกครั้ง ครั้งนี้เขาไม่โวยวายและไม่ส่งเสียงอะไรทั้งนั้น ดวงตาคมเข้มเหม่อลอยไปไกลราวกับคนที่เสียสติไปแล้วจริงๆ หัวใจของเขาเหมือนถูกกรีดด้วยมีดที่แหลมคม ราวกับมีคนเอาหินก้อนใหญ่มาทุบเข้าที่ร่างกายของเขาจนมันมึนและตื้อไปหมดทุกส่วน แม้จะพยายามบอกว่ามันเป็นเพียงแค่ความฝัน แต่เขาก็รับรู้ได้ว่านี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นโดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัวอะไรเลยสักนิด





      เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่างทำให้ญาติพี่น้อง เพื่อนร่วมชั้น เพื่อนร่วมงาน และคนรู้จักทุกคนตกใจและอึ้งไปตามๆกัน งานวิวาห์ที่กำลังจะถูกจัดขึ้นในอีกเจ็ดวันข้างหน้าต้องถูกยกเลิกกระทันหัน แม้จะต้องเสียเงินชดใช้ไปมากมาย แต่นั่นกลับเทียบไม่ได้กับสิ่งที่ยงฮวาและพ่อแม่ของฝ่ายหญิงต้องสูญเสีย...



      มันจบแล้ว...ชีวิตของผมมันตายไปพร้อมกับซอฮยอน ผู้หญิงที่ผมตั้งใจจะใช้ชีวิตทั้งชีวิตที่เหลืออยู่ไปพร้อมๆกับเธอ... ผมไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องแบบนี้มันจะเกิดขึ้น ถ้าวันนั้นผมสนใจความรู้สึกของซอฮยอนสักนิด ถ้าวันนั้นผมยอมทำงานให้น้อยลงสักนิด ถ้าก่อนหน้านี้ผมมีเวลาให้เธอมากกว่าที่เคยเป็นอีกสักนิด เรื่องของเรามันคงไม่ลงเอยแบบนี้...ผมผิดเอง...ผมเป็นต้นเหตุของทุกอย่าง...ซอฮยอน พี่ขอโทษ...










      "ยงฮวา!!!"

      "อ้าว สิก้า"

      "สวัสดีค่ะลุงยงฮวา"

      "สวัสดีจ้ะจุนฮี โตเป็นสาวแล้วนะเรา"

      "ยังค่ะ หนูเพิ่งหกขวบเอง" เด็กสาวตัวน้อยพูดคุยกับยงฮวาอย่างสดใส

      "อ้าว แล้วจงฮยอนมันไปไหนล่ะ"

      "ไม่รู้สิ พ่อเราแอบหนีเที่ยวรึเปล่าจุนฮี"

      "แม่คะ~ ไม่เอานะ" สาวน้อยแก้มป้องส่ายนิ้วชี้ไปมาพร้อมกับส่ายหน้าห้าม

      "สงสัยว่าคุณแม่จะคิดถึงพ่อมากเกินไปแล้วล่ะ" หนุ่มร่างสูงที่มาพร้อมกับผิวขาวดุจสำลีเอ่ยแซวภรรยาคนสวยอย่างขี้เล่น

      "วันนี้วันครบรอบแต่งงานของฉัน แกมีไรให้ฉันวะ"

      "พ่อคะ เสียมารยาทนะ" สาวน้อยทำเสียงดุ

      "อ่า...ฉันว่าจุนฮีคงได้เชื้อแม่มาเยอะ"

      "เงียบไปเลยไอยง"

      "แหนะ รับไม่ได้อีก"

      "พอๆๆ เถียงกันตั้งแต่เด็กจนโต ไม่เบื่อรึไงยะ" สองหนุ่มมองหน้ากันแล้วยักไหล่ราวกับว่าไม่รู้สึกอะไรในคำพูดของเจสสิก้าเลยสักนิด

      "จริงๆเลยนะ! จุนฮี หนูไปเล่นกับคุณน้าจีฮโยและคุณน้าแกรี่ก่อนนะคะ"

      "ค่ะคุณแม่" ว่าแล้วสาวใช้ของบ้านยงฮวาก็พาเด็กน้อยออกไปปั่นจักรยานเล่น ปล่อยให้เพื่อนซี้ทั้งสามได้คุยกันตามที่ต้องการ

      "เป็นไงบ้างวะ บริษัทมีปัญหาอะไรไหม"

      "โอเคเลยอะ ทุกอย่างราบรื่นดี"

      "แล้วเล็งคนสืบทอดกิจการไว้บ้างหรือยัง"

      "ยังเลยสิก้า กำลังหาพนักงานรุ่นใหม่ที่ทำงานเก่งและคุณสมบัติพร้อมหรือไม่ก็หลานๆที่มีความรับผิดชอบมากพออยู่"

      "เออ ดีละ ไม่ต้องรีบร้อนหรอกเดี๋ยวก็เจอ"

      "เออ ขอบใจเว่ย" หลังจบหัวข้อสนทนา บริเวณนั้นก็เริ่มมีความเงียบปกคลุม สองสามีภรรยามองหน้ากันราวกับว่ากังวลอะไรบางอย่างแต่ไม่สามารถเอ่ยออกมาได้

      "พวกแกมีไรจะพูดรึเปล่า"

      "เอ่อ...." หนุ่มหน้าขาวหลบตาเพื่อนรักอย่างน่าสงสัย

      "พวกเราก็ไม่ใช่วัยรุ่นแล้วนะ นายไม่คิดจะมีครอบครัวของตัวเองบ้างหรอ"

      เพียงแค่คำถามของเจสสิก้าก็ให้สีหน้าของยงฮวาเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างรวดเร็ว

      "เรื่องมันผ่านมาเป็นสิบปีแล้วนะเว่ย แกควรจะปล่อยมันไปแล้วเริ่มใหม่ได้แล้ว"

      "ฉันทำไม่ได้หรอก..."

      มือหนาตบไปที่บ่าของเพื่อนรักอย่างเบามือ เขาเข้าใจยงฮวาดีแม้จะไม่อยากให้เป็นแบบนี้ก็ตาม

      "ฉันรักใครไม่ได้อีกแล้ว คนที่ฉันจะรักได้มีแค่ซอฮยอนเท่านั้น แกรู้ไหม ทุกวันนี้ฉันมีความสุขดี แม้เราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันเหมือนคู่อื่น แต่ความรักของเราก็ไม่ได้น้อยลงเลยนะ"

      "ฉันว่า...ถ้าน้องสาวของฉันรู้ว่านายเป็นแบบนี้เธอคงทั้งดีใจและเสียใจเวลาเดียวกัน" เสียงหวานเอ่ยขึ้นพร้อมกับถอนหายใจ

      "ซอฮยอนคงดีใจมากที่เธอได้รักคนดีดีแบบนาย คนที่รักเดียวใจเดียวและรักเธอมากกว่าใครๆอย่างนาย"

      "และซอฮยอนคงเสียใจไม่น้อยนะที่เธอทำให้แกไม่เปิดใจรับใครเข้ามาเลย" จงฮยอนช่วยพูดขึ้นอีกแรง

      "แต่ฉันว่าซอฮยอนต้องเข้าใจว่าการที่เราคบกันมาเป็นสิบปีและกำลังจะแต่งงานกัน มันเป็นเรื่องยากที่จะเริ่มต้นใหม่กับใครอีกคน ทั้งที่เราใช้เวลาเกือบครึ่งชีวิตไปกับคนเดิมแล้ว"

      ความเงียบเริ่มปกคลุมบริเวณนั้นอีกครั้ง แม้เจสสิก้าและจงฮยอนจะพูดถูก แต่สิ่งที่ยงฮวาอธิบายนั่นก็ไม่ใช่เรื่องทีผิดเช่นกัน...

      "เอาล่ะๆ เราคุยเรื่องนี้กันมาหลายครั้งแล้วตลอดเวลาสิบปี ในเมื่อนายยืนยันคำเดิม ฉันก็คงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องเก็บมันเอาไว้" เจสสิก้าเปิดกระเป๋าออก สมุดโน๊ตสีชมพูถูกส่งให้เพื่อนรักตามที่มันควรจะเป็น

      "มันถึงเวลาที่จะต้องไปอยู่กับเจ้าของของมันแล้วล่ะ"

      "นี่มัน...อะไรหรอ" ยงฮวาถามด้วยน้ำตาคลอ



      "ทำอะไรน่ะซอจูฮยอน" หนุ่มมัธยมปลายเปิดประตูโพล่งเข้าไป ทำเอาสาวน้อยหน้าสวยสะดุ้งจนตัวโยน

      "อ๊ะ! ทำไมไม่เคาะประตูก่อนล่ะค่ะ เสียมารยาทจริงๆเลย" ซอฮยอนรีบปิดสมุดสีชมพูอย่างรวดเร็ว

      "ถ้าเคาะประตู พี่ก็ไม่รู้สิว่าเธอทำอะไร แล้วนี่ทำอะไรอยู่หรอ"

      "เขียนไดอารี่ค่ะ"

      "เอ๊ะ! เธอใช้เล่มนี้มาหลายปีแล้วนะ เขียนยังไงของเธอเนี่ย"

      "อ่า...ไม่ใช่ซะหน่อย คนละเล่มค่ะ แต่ฉันใช้แบบเดิมต่างหาก"

      "อ๋อออ ไม่เบื่อแย่หรอ"

      "ฉันรักเดียวใจเดียวค่ะ ^^"

      "น่ารักจัง แบบนี้ต้องให้รางวัลนะ"

      "อ๊ะ! หยุดอยู่ตรงนั้นเลยค่ะ"

      "ชิ....รอแต่งงานกันก่อนเถอะพี่จะหอมเธอเช้าเย็นเลย"

      "ให้มันถึงตอนนั้นก่อนเถอะค่า~"



      เพียงแค่นึกถึงเรื่องราวเก่าๆ น้ำตาลูกผู้ชายอย่างเขาก็ไหลออกมาอย่างไม่รีรออะไรเลยสักนิด...มันก็แค่ไหลออกมาตามความรู้สึกเท่านั้น...

      "...สมุดของซอฮยอน...." เสียงเข้มเอ่ยออกมาอย่างสั่นสะอื้น แกควรจะมาอยู่ในมือของฉันพร้อมกับเจ้าของของแกสิ...

      "อืม...ที่ฉันเก็บเอาไว้กับตัวเพราะฉันกลัวว่าถ้านายอ่านมันแล้วนายจะปักใจอยู่กับซอฮยอนเพราะเรื่องราวในนี้ แต่เวลาที่ผ่านมามันทำให้ฉันรู้ว่านายคงไม่เริ่มใหม่กับใครอีกแล้ว ฉันเลยตัดสินใจเอามันมาคืนให้กับนาย... นี่คือของของซอฮยอนชิ้นสุดท้ายแล้วที่มันยังอยู่กับฉัน" เจสสิก้าพูดพร้อมน้ำตา ไดอารี่เล่มนี้คือเล่มสุดท้ายที่น้องสาวของเธอเขียนมัน เรื่องราวต่างๆตลอดสามเดือนสุดท้ายถูกบันทึกเอาไว้ในนั้น ทุกครั้งที่เธออ่านหรือสัมผัสมัน น้ำตาของเธอมันก็ไหลออกมาเหมือนกับยงฮวาในตอนนี้...



      หลังจากที่สองสามีภรรยาและลูกสาวตัวน้อยออกไปดินเนอร์กันตามประสาครอบครัวแล้ว หนุ่มวัยกลางคนอย่างยงฮวาก็มีเวลาส่วนตัวในยามดึกเช่นเดียวกัน



      14 มิถุนายน

      นี่มันก็สามเดือนกว่าแล้วที่เราไม่ได้ทานข้าวด้วยกันเลย วันนี้ฉันได้ของชำร่วยและการ์ดแต่งงานมาแล้วค่ะ! ฉันตั้งใจว่าจะเอาไปให้พี่ดูวันพรุ่งนี้ คืนนี้ฉันจะอธิษฐานขอพรให้พี่มีเวลาว่างมาอยู่กับฉันนะคะ ^^ ฉันว่าพรุ่งนี้มันต้องเป็นวันที่ดีมากแน่ๆ ฉันกำลังจะได้เซอร์ไพรส์พี่สำหรับเรื่องงานแต่งที่ฉันจัดการเอาไว้เอง เรากำลังจะได้ทานข้าวด้วยกันครั้งแรกในรอบสามเดือน และหลังจากนั้นไม่นานเราก็กำลังจะเป็นครอบครัวเดียวกันนะคะ >< แล้วพรุ่งนี้เจอกันนะคะโอปป้า ^^ มันจะมีความสุขมากแค่ไหนฉันจะมาเล่าให้แกฟังนะไดอารี่น้อย :)



      หลังจากที่ไดอารี่หน้าสุดท้ายจบลง น้ำตาของผมก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้...

      อยู่ไหนกัน...เรื่องราวหลังจากนั้นที่เธออยากจะเล่าผ่านไดอารี่

      อยู่ไหนกัน...ครอบครัวของเราที่เธอวาดฝันไว้

      เรื่องราวหลังจากนั้นของเธออยู่ที่ไหนล่ะซอฮยอน....

      ทุกอย่างที่เธอตั้งใจจะทำมันให้ผมในวันนั้น ผมปิดโอกาสของเธอทั้งหมด

      ผมไม่ยอมทำตัวให้ว่างเพื่อเธอ ผมไม่ยอมรับการเซอร์ไพรส์จากเธอ ผมไม่ไปทานข้าวกับเธอ และสุดท้ายผมก็ทำให้มันเป็นวันที่โหดร้ายที่สุดสำหรับเธอ...!

      แม้ผู้คนมากมายจะบอกให้ผมทำใจและเริ่มต้นใหม่กับใครสักคน แม้พ่อแม่ของซอฮยอนจะบอกกับผมว่าพวกท่านยินดีที่ผมจะเดินหน้าต่อไป และแม้ว่าเพื่อนฝูงมากมายจะแต่งงานมีครอบครัวกันไปหมดแล้วก็ตาม

      แต่ผมก็ยังคงอยู่ที่นี่...อยู่ที่เรือนหอของเราสองคน

      ผมยังอยู่ที่เดิม....รอเธออยู่ที่นี่ไม่ไปไหน เผื่อวันใดที่เธอกลับมาเธอก็จะเห็นว่าผมยังอยู่ที่นี่...แม้ว่าในความเป็นจริงแล้วเธอจะไม่มีวันกลับมาก็ตาม...

      ผมย้ายออกจากคอนโดเพื่อมาอยู่บ้านของเรา...บ้านที่เราช่วยกันออกแบบ...

      ผมยังคงนอนอยู่ในห้องของเราสองคน นอนอยู่บนเตียงคู่สีครีมในบ้านสีขาวหลังนี้...

      ผมยังคงเก็บของเล่นและเตียงนอนเด็กเอาไว้เหมือนเดิม แม้ว่าในบ้านนี้จะไม่มีวันได้ใช้มันก็ตาม...

      ผมยังคงเปลี่ยนดอกไม้ในแจกันเป็นประจำ เพราะซอฮยอนบอกกับผมว่า ดอกไม้ที่ผมเป็นคนเปลี่ยน มันทำให้เธอรู้สึกสดชื่นแม้มันจะไม่หลงเหลือกลิ่นหอมๆแล้วก็ตาม...

      ผมยังคงไปหาเธอที่นั่นทุกวัน ที่ที่ร่างของเธอถูกฝังอยู่...ผมยังคงไปเยี่ยมและทำความสะอาดบริเวณนั้นพร้อมกับดอกไม้หอมๆทุกวัน เพื่อให้เธอได้มีความสุขมากที่สุด มากกว่าร่างอื่นๆที่ถูกฝังเอาไว้เช่นเดียวกับเธอ...

      และผมยังคงทำตามสิ่งที่เธอบอกอยู่ทุกวัน 'วิตามิน น้ำอุ่นๆ ผักผลไม้ ร่างกาย หนังสือ และดนตรี' ทุกๆอย่างที่เธอแนะนำผมยังไงคงทำมันมาตลอด แม้วันนี้จะไม่มีเธอมาควบคุมผมอีกแล้ว แต่ผมก็สามารถทำมันทั้งหมดได้...เพื่อซอฮยอน...



      ไม่ว่าใครจะมองว่าผมงมงายหรือโง่งมเพียงใด แต่ผมก็ไม่สนใจ เพราะผมรู้ดีว่าที่ผมทำไปทั้งหมดนั้นมันคือความซื่อสัตย์และความรักทั้งหมดที่ผมมีต่อผู้หญิงคนเดียวที่ผมรัก และเธอจะเป็นคนรักเพียงคนเดียวของผมจนกว่าลมหายใจของผมจะหมดไป...ถ้าชาติหน้ามีจริง ผมขอใช้ชีวิตร่วมกับเธออีกครั้ง แม้สุดท้ายแล้วเรื่องราวมันจะต้องจบลงแบบนี้ก็ตาม...









      ขอขอบคุณนักอ่านทุกๆคนที่อ่านกันจนจบนะคะ เรื่องนี้พยายามอย่างมากเลยค่ะที่จะทำให้มันออกมาเศร้า แต่แต่งไป อ่านไป แก้ไปจนนาทีสุดท้ายก็ยังไม่แน่ใจเลยว่ามันเศร้าสะเทือนใจมากพอหรือยัง - -
      ยังไงก็ฝากเพื่อนๆติชมกันด้วยนะคะ ทุกคอมเม้นท์ล้วนเป็นกำลังใจในการทำผลงานใหม่ๆออกมาเสมอนะคะ ^^

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×