ตอนที่ 10 : + case 09 + (100%)
ไล้น์ ~
. swaggerz say:
- ถึงบ้านยัง ?
ร่างเล็กที่กำลังก้มหน้าก้มตาเขียนจดหมายอย่างใจจดใจจ่อหันตามเสียงเสียงมือถือที่ดังขึ้นมาก่อนที่จะหยิบขึ้นมาอ่านและพิมพ์ตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว
CYJ77 say:
- ยังเลย :(
- ยังนั่งอยู่ที่ทำงานอยู่เลยเถอะ
. swaggerz say:
- ทำไมยังอยู่ นี่มันสองทุ่มแล้วไม่ใช่หรอ
CYJ77 say:
- โดนโอทีวะ เซ็ง
. swaggerz say:
- งานมากเยอะหรอ
CYJ77 say:
- เปล่า... โดนทำโทษ
- นี่กำลังเขียนจดหมายสำนึกผิดอยู่เนี้ย
- ต้องเขียนตั้งสิบสามฉบับเพิ่งเขียนได้สี่ฉบับรู้สึกเหมือนมือจะหักละ
- TT________TT
- ช่วยเขียนหน่อยดิ้ 5555
. swaggerz say:
- โดนเรื่องอะไร ?
- ส่งมาดิเดี๋ยวช่วยเขียน 55555555
CYJ77 say:
- แค่ไปทำงานสายสิบสามนาทีเองทำเหมือนไปฆ่าคนมาสิบสามศพ
- โดนทั้งจดหมายแล้วก็โอทีเลย
. swaggerz say:
- ก็เคยบอกแล้วว่าให้นอนเช้าๆ นี่ก็นอนดึกตื่นสายแล้วก็ต้องรีบปั่นจักรยานไปทำงานอีกไม่ใช่หรอ พอเพิ่งตื่นมาสติก็ไม่ค่อยมีเดี๋ยวก็โดนรถชนยิ่งออกมาสายรถก็ยิ่งเยอะเข้าไปอีก
ผมมองข้อความที่ถูกส่งมานี่ผมเคยบอกเข้าหรอว่าผมปั่นจักรยานไปทำงาน.... หรือว่าผมเคยบอกไปแล้วลืมวะยิ่งความจำสั้นๆอยู่ คงไม่มีไรหรอกมั้ง...
CYJ77 say:
- พูดงี้เป็นห่วงอะดิ 55555555
- ไม่เป็นไรละ อีกหน่อยกูไม่ต้องปั่นจักรยานไปทำงานแล้ววะ
- เดี๋ยวจะย้ายเข้าไปอยู่หอของโรงบาลละ
- กูไปทำงานก่อนนะ ~___~
. swaggerz say:
- ห่วงดิเดี๋ยวตายไปจะไม่มีคนคุยด้วย
- โอเค ต้องใจทำงานนะ
- ถึงละบอกกูด้วย โอเค๊?
CYJ77 say:
- โอเคครับพ่อ 5555555
ผมมองมือถือพร้อมกับยิ้มบางๆให้กับข้อความ คุณไม่เคยเป็นหรือไงที่มองมือถือแล้วก็ยิ้ม J
--------------------------------------------
Yugyeom.
“มึงเล่นไลน์ด้วยหรอแบม” ผมเหลือบตาไปเห็นหน้าจอมือถือที่สว่างขึ้นมาเป็นหน้าแอปที่ชื่อว่าไลน์มันก็ไม่ได้แปลกอะไรหรอกนะครับแอปนี่แต่คนที่เล่นนี่สิแปลกของจริง
“กูก็ตอบไปงั้นนั้นแหละ” มันล็อคหน้าจอแล้วก็หย่อนมือถือลงใส่สิ่งที่ผมเรียกว่า ย่าม ผมว่ามันเป็นกระเป๋าที่ดีไซท์แปลกดีนะไม่เคยเห็นคนที่นี่ใช้เลย มันคงจะเอามาจากไทยแน่ๆ ดูเหมาะกับมันดีนะ
“ใครวะแบม”
มันไม่พูอะไรแล้วก็หันมามองหน้าผมด้วยสายตานิ่งๆ อารมณ์ประมาณว่ามึงอย่าเสือกได้ป่ะ..
“เปล่า ไม่บอกกูก็ได้กูถามไปงั้นแหละ”
“กูตอบคนสำคัญ...”
คนสำคัญ? ...... ใครคือคนสำคัญของแบมวะ
ที่ผมไม่กล้าถามไม่ใช่ว่ากลัวแบมว่าอะไรหรอกแต่ผมกลัวคำตอบของแบมมากกว่ายิ่งมันยิ่งเป็นที่พูดตรงมากไม่เคยอ้อมค้อมเลย ถ้าเป็นสมมุติว่าคนสำคัญคนนั้นเป็นคนที่แบมชอบหล่ะ ? ผมคงจะยืนอยู่ไม่ไหวแน่ๆเลย... ไม่เอา ผมไม่อยากรู้แล้ว...
“โอเค ถึงหอละ จะขึ้นไปเลยหรือเปล่า?”
“อืม... จักรยานมึงไปไหน”
“จอดไว้ที่โรงบาลวันนี้ วันนี้มาเดินกับมึงก่อนไง”
“อืม”
“พรุ่งนี้กูจะโทรมาปลุกมึงต้องตื่นนะเว้ย เอามือถือไว้ข้างๆหัวเลยนะ”
“ได้...” เขาจะเชื่อคนเอาแน่เอานอนอย่างมันได้แค่ไหนกันเนี้ย ....
เช้าวันต่อมา...
ปังๆๆๆ
“แบม ตื่นเว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” ผมทุบประตูห้องมันพร้อมกับตะโกนไปด้วยถ้ามันไม่เปิดผมจะเอาหัวโขกประตูหัวมันจริงๆละนะ ให้ตายดิไม่น่าไว้ใจคนขี้เซาอย่างมันเลยโทรหาสามสิบกว่าสายไม่รับโทรศัพท์เขาซักสายเลย ผมก็กลัวว่ามันจะเป็นไรไปก็เลยขับรถมาหามันถึงหอนี่ขนาดทุบประตูตะโกนเรียกขนาดนี้มันยังไม่รู้เรื่องเลยผมจะเอาไงกับมันดีวะ.... เมื่อกี้ผมเห็นห้องข้างๆแง้มประตูมาแอบมองผมด้วยอะเขาจะด่าผมไหมเนี้ย.... ผมเกรงใจคนอื่นที่นอนอยู่นะ
ผมว่าผมไปขอคีย์การ์ดจากป้าข้างล่างดีกว่าทุบประตูห้องมันไปแบบนี้เรื่อยๆ ต้องมีคนเดินมาทุบหัวผมเข้าแน่ๆเลย ทำไมการปลุกไอ่แบมมันยากเย็นขนาดนี้วะอยู่กันมาหลายปีก็จริงแต่ไม่รู้ทำไมผมไม่ชินซักที
“สวัสดีครับ... ป้าครับผมขอคีย์การ์ดของห้องแบมแบมหน่อยครับ พอดีว่ามันปลุกแล้วไม่ตื่อีกแล้วอะครับ”
“อ้อ... ยูคยอมเองหรอลูก แบมไม่ตื่นอีกแล้วหรอ... เดี๋ยวป้าขอหาคีย์การ์ดของห้องแบมแปปนึงนะ” หญิงแก่หันมายิ้มให้กับผมแล้วก็เดินไปที่ชั้นห้อยคีย์การ์ดที่มีการด์ขาวๆเรียงกันนับร้อยอันสงสัยว่าป้าเขาจำได้ไงว่าอันไหนเป็นของห้องไหนดูยังไงก็เหมือนๆกันไปหมด
“อ่ะนี่จ้ะ เห็นว่าแบมแบมจะย้ายออกไปแล้วนี่หน่า ป้าคงจะเหงาแย่เลยนะ”ป้ายื่นคีย์การ์ดมาผม
“พอดีว่าเขาบังคับให้แพทย์ฝึกหัดไปอยู่ที่หอของโรงบาลหน่ะครับป้า ขนาดผมที่บ้านอยู่ใกล้ๆยังต้องย้ายไปอยู่เลย ฮ่าๆ ถ้าป้าเหงามากๆไว้ถ้าว่างผมจะแวะมาหานะครับ^^”
“ขอบคุณมากเลยนะจ๊ะ.. เห็นยูคยอมตามไปรับไปส่งแบมแบมมันอย่างนี้ไม่เหนื่อยบ้างหรอลูก ป้านี่อย่าได้พ่อหนุ่มมาเป็นลูกเขยจริงๆเลยนะ”
“อ้อ.. ไม่เหนื่อยหรอกครับผมเต็มใจทำ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับนี่ก็สายมากแล้วไอ่แบมยังไม่ตื่นเลยเดี๋ยวจะไปไม่ทันพอดี สวัสดีครับ” ผมโค้งทำความเคารพก่อนที่จะวิ่งขึ้นไปที่ห้องแบมอีกครั้งแล้วก็เปิดเข้าไปก็เห็นเจ้าตัวนอนแบบใส่เสื้อกล้ามบ็อกเซอร์ท้าทายความหนาวแบบที่ชอบทำเป็นประจำอยู่ทีพื้นห้องข้างๆตัวมีแต่หนังสือการ์ตูนเรื่องชินจังเป็นสิบๆเล่มส่วนมือถือที่ผมสั่งให้เอาวางใกล้ตัวหน่ะหรอ อยู่บนไมโครเวฟอีกแล้ว ละมันจะไปได้ยินได้ไงวะไอ่แบมเอ้ยยยย
“ไอ่แบมตื่น” ผมเดินไปเขย่าเจ้าตัว ถึงจะรู้ว่าทำงี้ไปมันก็ตื่นหรอกแต่ก็เผื่อว่ามันจะฟรุตตื่นบ้างไง
ผมล้วงกระเป๋าเพื่อหามือถือของตัวเองก่อนที่จะสไลด์นิ้วโป้งปลดล็อคหน้าจออย่างชำนาญมือแล้วก็กดไปที่แอปเครื่องเล่นเพลงประจำเครื่องแล้วก็กดเลือกเพลงที่ตั้งเองไว้ในลิสต์พิเศษที่ชื่อว่าแบมแบม..
~ ฮั้นโล่ สวัสดี๋ กระผมนี่จะบอก ว่าวันนี้ผมมีความสุขผมนั้นมีความสุขไม่เคยจะทุกข์ มันสนุกกว่าเขาเพื่อน โอ โอะโอ้ โอ ผมนั้นยังเป็นเด็กและตัวก็เล็กและยังประหม่าเดินก็ช้า ได้เป็นที่โหล่อาจจะพุงโลกินแตงโมมาเยอะแยะ แต่ไม่จ๋อย~ (เพลงชินโนะซุเกะ)
เพลงนี้... ผมอุตส่าห์โหลดเวอร์ชั่นภาษาไทยเอาไว้ใส่มือถือไว้เลยนะ เดี๋ยวคอยดูเลยเพราะอานุภาพมันแกร่งกล้ามาก
เจ้าตัวค่อยๆลูกขึ้นมานั่งก่อนที่จะหันมามองหน้าผมด้วยสีหน้าแบบนิ่งๆก็ไม่ตกใจอะไรมากเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมมาโพล่ในห้องนอนมันแบบนี่
“กี่โมงละ?”
“เจ็ดโมงครึ่ง”
“มึงนัดกูกี่โมงนะ”
“... หกโมง”
“สายแล้วดิ” มันลุกขึ้นแล้วก็ไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่พาดอยู่ที่เก้าอี้และเดินเข้าห้องน้ำไปเงียบๆ ไม่นานมันก็ออกมาในสภาพออกไปข้างนอก
“มึงแพคของแล้วใช่ป่ะ ? อยู่ไหนเดี๋ยวกูช่วยขนลงไปข้างล่างให้.....”
“มึงไม่ได้บอกกูนิ...” คนที่ตัวเล็กกว่าที่กำลังเช็ดผมตัวเองหันไปมองหน้าคนที่ถามช้าๆ ราวกับเป็นภาพสโลโมชั่น
แบมแบมยังไม่ได้แม้แต่จัดกระเป๋าเลยครับ....
ผมไปกระโดดตึกตอนนี้ทันไหม ผมว่าพวกผมสองคนคนได้ไปนอนที่ทางเดินหอแน่ๆ
“.... มึงไปจัดกระเป๋าก่อนไหมแบม เราไปอยู่ประมาณปีหนึ่งนะเว้ยไม่ได้ไปเที่ยวเอา เสื้อผ้าไปเยอะๆหน่อยให้กูช่วยจัดไหมจะได้เร็วๆ”
“มึงไปรอข้างล่างเลยเดี๋ยวกูตามไป”
“มึงแน่ใจนะ”
“อืม มึงไปสตาร์ทรถรอกูเลย” เขาพูดพร้อมมองไปรอบๆห้องของตัวเอง ส่วนตัวผมก็เดินไปที่รถตามที่อีกคนสั่งยังไม่ทันที่ผมจะคาดเข็มขัดเสร็จเลยมันก็เดินดุ่มๆ มาพร้อมกับกระเป๋าเป้ไม่เล็กไม่ใหญ่เพียงใบเดียว
“อยู่ทั้งปีนะเว้ย ?”
“แค่นี่ก็พอละจะเอาไปทำไมเยอะ ออกรถได้ละเดี๋ยวก็ไปสายหรอก” มันโยนเป้ไปไว้ข้างหลังรถก่อนจะนั่งขัดตะมาดบนเบาะรถแล้วก็หันมาสั่งผม
ครับๆเจ้านาย...
ในสุดพวกเราก็มาถึงโรงบาลซักที เมื่อกี้รถติดอีกต่างหากผมไม่หวังเรื่องห้องพักแล้วหล่ะอยู่ห้องไหนก็ได้ขอให้มีที่นอนพอสำหรับเราสองคนก็พอละ ทำไมหอโรงพยาบาลมันสูงจังเลยครับ มีลิฟท์สามตัวก็เสียทังสามตัว ผมกับแบมเลยต้องใช้บันไดขึ้นมา อีกอย่างห้องของแผนกอีอาร์อยู่ตั้งชั้นเจ็ดแหน่ะแน่นอนว่าอีกคนเขาเดินตัวลอยเลยเพราะเอาของมานิดเดียว ส่วนผมนี่ดิเอามาสองกระเป๋าใหญ่ๆเลยเป็นกระเป๋าลากซะด้วยชีวิตผมทำไมมันลำบากจริงๆ นี่ขึ้นมาถึงชั้นสามก็เริ่มหอบละ
“ส่งมาอันหนึ่ง” แบมหยุดเดินแล้วก็หันมาหาผม
“ไม่เป็นไรมันหนัก... เดี๋ยวกูค่อยๆเอาขึ้นไปก็ได้มึงเดินขึ้นไปก่อนก็ได้” มันไม่พูดอะไรแล้วก็เดินมาแย่งกระเป๋าใบที่ใหญ่กว่าจากมือผมไปใบหนึ่ง จากนั้นมันก็เดินขึ้นบันได้ไปเหมือนไม่มีอะไรขึ้นทั้งทีกระเป๋ามันหนักกว่าใบที่ผมกำลังถืออยู่มากเหมือนกัน ไม่หนักเลยหรอวะแบม ??
“เหม่อเชี้ยอะไรไอ่หมี ขึ้นมาดิ... เดินง่ายขึ้นแล้วไม่ใช่หรอ”
“เออกูตามไปละ” ไม่มีบทสนทนาใดระหว่างเดินขึ้นไปยังชั้นที่เจ็ดของหอพัก คนที่เดินนำหน้าผมไปไม่มีท่าทีว่าจะหนักหรือเหนื่อยเลยครับ แบมมันเป็นคนที่แรงเยอะมากถ้าเทียบกับคนตัวเท่าๆมัน มีอยู่ครั้งหนึ่งตอนที่แบมแบมมันกำลังนั่งดูชินจังที่บ้านผม มันไปทำทีซีสกลุ่ม ผมก็กลัวครับว่างานมันจะไม่เสร็จเพราะตอนนั้นมันก็ดึกมากแล้วงานก็ยังไม่ค่อยเดิน งานก็ต้องวันต่อมาด้วย ผมก็เลยตัดสินใจไปดึงปลั๊กทีวีออกทีนี้แหละครับเจ้าตัวหันมามองผมตาขว้างเลยมันเป็นแววตาที่น่ากลัวมากเลยเวลายั้นผมร็สึกเหมือนตัวเองกำลังจะโดนปาดคอเลย แบมเดินเข้ามานิ่งแล้วก็ชกเข้าที่แขนผมเต็มๆเลย เจ็บจี๊ดเลยครับ ดูเหมือนออกแรงไม่มาก แต่เจ็บแบบมหาประลัย ผมเปิดมานี่แดงช้ำเลยวันต่อมาก็เขียวๆม่วงๆตามสเต็ปการห้อเลือด แบมไม่คุยกับผมเป็นสัปดาห์เลยครับกว่าจะกลับมาคุยได้ ผมแทบจะน้ำตาตกเลย
“อ้าวพี่ยองแจ ?” ผมเห็นคนที่คุ้นๆหน้า เดินลากกระเป๋าด้วยสองมืออย่างยากลำบากดูจากสีหน้าพี่เขาผมก็รู้ละครับว่ากระเป๋ามันหนักแค่ไหนหน่ะ อยากจะเข้าไปช่วยนะครับแต่ของผมก็หนักเหมือนกัน
Youngjae.
“ห๊า ??”เขาหันหน้ามาตามเสียงเรียกของอีกคนแต่เสียงฟังดูคุ้นหูมากๆเลย.. ที่ไหนได้ก็เป็นแพทย์ฝึกหัดในแผนกเดียวกันนี่เองกูก็คิดว่าเป็นใคร
“อ้าวสวัสดี.. หมอยูคยอมอีกคนนั้นหมอแบมใช่ไหม”ผมหรี่ตามองสีผมหมอแบมเจ็บมาแต่ไกลเลย..
“ใช่ครับ ฮ่าๆ คนที่ทำผมแบบนั้นคนมีคนเดียวนั้นแหละ แล้วพี่มาทำอะไรที่หรอครับ?”หมอยูคยิ้มไปพูดไปโดยมีหมอแบมหันไปมองหน้าเล็กน้อยเล่นเอาหมอยูคหยุดหัวเราะเลยหล่ะครับ.. หน้าเจื่อนเลย สายตาแบบนี้มันดูคุ้นๆเนอะแต่ของหมอแบมมันเหมือนมองแต่ไม่ได้สนใจอะไรแบบนี้มากกว่า แต่ของอีกคนนี่สิ..
“พี่ก็โดนส่งย้ายมานอนที่หอเหมือนกับพวกนายนั้นแหละ” ผมถอนหน้าใจ
“ห๊ะ? พี่ก็โดนหรอครับ ผมก็นึกว่าเขาสั่งแต่พวกแพทย์ฝึกหัดซะอีกใช่ไหมแบม”
“อืม”
“มันก็น่าจะเป็นอย่างนั้นแหละ.... ”
“แล้วทำไมพี่ต้องย้ายมาอยู่หรอครับ?”
“.... พี่ตื่นสายวะหัวหน้าแจ็คสันเลยสั่งให้พี่ย้ายมาอยู่ที่นี่ พี่ว่าเรารีบๆเดินไปเก็บของเถอะเดี๋ยวก็ต้องไปทำงานต่อละ...”หัวหน้าแจ็คสันอะไรไม่รู้แค่มาทำงานสายไปสิบสามนาที ย้ำแค่สิบสามนาทีเองไม่ใช่สิบสามวันหรืออะไรทั้งนั้น ผมต้องลงทุนย้ายของทั้งหมดของผมมาอยู่ที่หอคณะแพทย์ นี่บ้าเกินไปละตอนเช้ายังส่งข้อความเสียงมาขู่อีกว่าถ้ามาสายแล้วก็หัวเราะหึๆ ไม่รู้ว่าเอาเบอร์ผมมาจากที่ไหนผมว่าต้องเป็นฝ่ายทะเบียนแน่ๆให้ตายเถอะผมอยากจะบ้าตาย อยากจะย้ายแผนกหนี ไม่อยากจะไปเจออะไรแบบหัวหน้าแจ็คสันอีกแล้วคิดแล้วก็ขนลุกถ้าไม่มาเป็นผมก็ไม่รู้หรอกว่าว่ามันน่ากลัวขนาดไห นต่อหน้าหัวหน้าผมรู้สึกว่าผมทำอะไรก็ผิดหมดเลย เรียกว่าผิดมาทั้งชีวิตต่างหาก
ผมเองที่กำลังจะเดินขึ้นบันไดต่อแต่ก็ต้องหยุดชะงักแล้วก็เดินถอยหลังมาทางน้องที่กำลังเดินตามมา
“อ้าวพี่เดินกลับมาทำไม”ยูคยอมเอ่ยถาม
“ไม่ต้องเดินขึ้นไปชั้นบนแล้วหล่ะห้องมันเต็มหมดตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงก่อนแล้ว....”
คนเชี้ยอะไรแม่งตายยากจริง.... งานเศร้ามันต้องมาแล้วหล่ะ
“หัวหน้าแจ๊คสัน !?”
“ผมเอง”
“แล้วพวกผมจะไปนอนไหนหล่ะครับ ห้องก็เต็มหมดแล้ว”ขอบคุณนะยูคยอมที่ทำลายความเงียบครั้งนี้พี่จะไม่ลืมพระคุณเลย
“มันจะพอมีห้องที่เจ้าของห้องเขาไปเรียนต่อสองปีที่ต่างประเทศ อยู่มุมอับๆใกล้บันไดหนีไฟข้างห้องผมเองให้พวกคุณย้ายเข้าไปอยู่ในห้องนั่นก่อนก็แล้วกัน แต่มันคงจุคนได้แค่สองคนถ้าดูจากของที่พวกคุณขนกันมา หนึ่งคนในพวกคุณสามคนต้องมาอยู่ห้องผมหนึ่งคน” เขามองหน้าพวกผมสามคน
โอ้ย... กูโดนเนรเทศไปอยู่กับหมอแจ็คแน่ๆ ไม่บอกก็รู้หมอสองคนนั่นก็เป็นเพื่อนสนิทกันด้วยไปไหนตัวก็ติดกันตลอดตอนมาก็มาพร้อมกัน กูตายแน่เลยครับท่านผู้อ่าน เวรกรรมทำไมกูไม่ตื่นให้เช้ากว่านี้วะ ไอ่ยองแจ ไอ่โง่ ...
“แพทย์ฝึกหัดกันต์พิมุกต์มากับผมก็แล้วกัน...”
ฮือ พ่อครับแม่ครับยองแจจะตามไปอยู่ด้วยแล้วนะครับ...
เห้ย... เดี๋ยวนะชื่อนี้แม่งไม่ใช่ชื่อผมนิ..
กันต์พิมุกต์ ไม่ใช่ชื่อกูววววววววววววววววววววววววววว
“คุณมีปัญหาอะไรบุรุษพยาบาลชเวยองแจ...”
“อ่อ... เปล่าครับ”สงสัยผมจะแสดงอากาศสีหน้ามากไปหน่อย ผมหันไปมองหน้าหมอแบมผู้โชคร้ายไม่เป็นไรนะเดี๋ยวพี่จะอธิฐานเผื่อทุกวันเลย หมอแบมก็แค่ทำหน้างงๆแล้วก็ก็ชี้หน้าตัวเองประมาณว่าเลือกกู?
“นี่กระเป๋าของคุณใช่ไหมเดี๋ยวผมจะช่วยคุณถือก็แล้วกัน...ขอบคุณผมซะละที่อุตส่าห์มาช่วยแพทย์ฝึกหัดย้ายของไปที่ห้องทีหลังก็หัดทำตัวดีๆกับผมไว้บ้างก็ดีนะ”หัวหน้าเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าจากมือหมอแบมและจะทำท่าเหมือนจะเดินนำไปก่อน
“ไม่”
“???”เขาหันมาทำหน้าสงสัย
“นั่นมันเป็นของยูคยอม ของผมมีแค่นี้” หมอแบมชี้เป้ขนาดกลางที่ตัวเองสะพายมาข้างหน้า
ทุกคนเงียบลงโดยมีเจ้าของกระเป๋าหัวเราะเป็นแบคกราวน์เบาๆเพื่อไม่ให้บรรยากาศมันดูเครียดเกินไป
เมื่อกี้ผมได้ยินเหมือนเสียงแก้วแตกเลย....... ห้องไหนทำแก้วแตกวะ ?
“งั้นก็ดี... ผมจะได้ไม่ต้องเหนื่อย รีบเดินตามมาได้แล้วเดี๋ยวเราต้องไปทำงานกันอีก ส่วนพวกคุณสองคนก็จัดการตัวเองเร็วๆก็แล้วกัน”
“ครับ/ครับผม”
แล้วหมอแจ็คสันกับหมอแบมก็เดินนำพวกเราที่เหลือสองคนไปก่อน ส่วนผมก็มองหน้าหมอยูคยอม หมอยูคยอมก็มองหน้าผม
“ฝากตัวด้วยนะหมอยูค”
“เหมือนกันนะครับพี่ยองแจ^^”
Mark.
สวัสดีครับทุกคน ผมมาร์คต้วนคนไข้ที่หน้าดีที่สุดในเรื่อง เป็นตัวเอกแต่มีบทน้อยกว่าตัวประกอบมาแล้วครับ พูดไปชีวิตผมดูเศร้าจังครับแต่คงเศร้าไม่เท่าเมื่อวานหรอก มันอารมณ์ประมาณเรื่องแม่งเศร้าพอเล่าแล้วเสือกขำอ่ะครับ คุณรู้ไหมว่าหลังจากที่ไอ่หมอเตี้ยปิดประตูดังปังและเดินทิ้งผมแบบไม่ใยดี มันทิ้งให้ผมต้องคลานกลับเตียงเองอย่างเดียวดาย กว่าผมจะขึ้นไปนอนแบบคนปกติข้าวเย็นก็มาพอดีเลย คนส่งข้าวคงเห็นแล้วเวทนาเลยต้องช่วยพยุงผมขึ้นเตียงแต่ที่ว่ามามันไม่ใช่ประเด็นเลยที่สำคัญจริงๆแล้วคือมันไม่ง้อผมด้วยบอกเลยว่าผมงอนมัน งอนมากด้วย.... ผมจะไม่คุยกับมัน มาร์คต้วนสัญญาสามนิ้วเลยครับ !!
แอ็ดดด..
นั่นไงมันมาแล้วๆกูไม่สนหรอก กูจะไม่หันไปมอง
“คนไข้กินข้าวกินยาแล้วใช่ไหม...”
“....” หึ กูไม่พูดหรอกร่างสูงมองออกไปทางนอกหน้าต่างที่จริงมันก็ไม่มีอะไรให้ดูหรอกกูเก๊กไปนั้นแหละเดี๋ยวมองหน้าละกูจะหลุด
“วันนี้ปวดหรือเจ็บตรงไหนเป็นพิเศษไหม หรือว่ามีอาการอื่นๆหรือเปล่า” อีกคนเดินอ้อมมายืนข้างหน้าผม
“...”บอกเลยว่ากูไม่ใช่คนง่าย คำพูดที่ดูเป็นห่วงของมึงที่ใช้มาง้อ มันไม่ทำให้มาร์คต้วนคนนี้ใจอ่อนหรอก เชอะเชอะเชอะ ! ผมสะบัดหน้าหนีอีกครั้ง
“เออ ... งั้นคงไม่เป็นอะไรมากสินะ..” อีกคนก็จดอาการของคนไข้ในวันนี้ว่าในชาร์ทแบบย่อๆให้ตัวเองเข้าใจคนเดียว
“...” กูเป็นมากๆเลยเนี้ย... กูมองจิกมึงจนลูกตากูจะกระเด็นออกมาข้างนอกได้อยู่แล้วยังไม่รู้อีกหรอว่ากูเป็นอะไร!!? กูงอนมึงอยู่ มึงเห็นไหม ดูหน้าแล้วดูปากมาร์คต้วนนะครับว่า กู! งอน! มึง!
อยู่ๆหมอเตี้ยมันก็เอาชาร์ทวางลงที่เคาท์เตอร์เล็กๆข้างเตียง แล้วก็เอื้อมมาจับมือผมและดึงมือผมเข้าหาตัวเองนี่มันจะกำลังจะง้อผมใช่ไหมเนี้ย หึ ...อย่าฝันเลยชีวิตหมอไม่ง่ายอย่างงั้นหรอก จะได้รู้ว่าถ้าทำให้มาร์คต้วนโกรธแล้วจะเป็นยังไง ร่างสูงสะบัดมือที่กำลังกุมอยู่และดึงกลับมากุมไว้ที่หน้าอกของตัวเองแล้วทำหน้าผวาราวกับสาวน้อยที่อยู่ในฉากที่มีโจรป่ากำลังจะขืนใจ
“หมอเตี้ย อย่ามาแตะต้องตัวกันนะ!”
ความเงียบกริบในห้องมันช่างเป็นเรื่องที่โหดร้ายยิ่ง.....
Bambam.
“เป็นอะไร?”ผมพูดออกไป คือผมไม่รู้ว่าคนไข้ต้องการอะไร เป็นประสาท สมองเป็นด้อย หรือหัวกระแทกพื้นแรงเกินไป?
“แล้วเมื่อวานทำอะไรไว้หล่ะ” เขาสะบัดหน้าหนีผม เขาคิดว่าน่ารักใช่ไหม...
“...” รู้นะว่าคนข้างหน้าเป็นอะไร แต่ขี้เกียจพูดปล่อยๆไว้เดี๋ยวเบื่อก็หายเอง... พูดไปก็งั้นแหละก็ทำตัวเหมือนเดิมอยู่ดี
Mark.
นี่นิ่งเพราะไม่รู้จริงหรือกวนประสาทกันแน่วะ ?
นอกจากที่หมอนั้นก็ยังไม่พูดอะไรแล้วก็เดินไปนั่งโซฟาอีก นี่คิดจะเล่นสงครามประสาทกับกูจริงๆใช่ไหม จะไม่ง้อกูจริงๆหรอวะ? นี่กูอุตส่าห์ใบ้ทุกอย่างแล้วนะเว้ยว่ากูงอนเนี้ย ทั้งส่งสายตาจนลูกตากูจะอักเสบอยู่ละ ทั้งสะบัดหน้าหนี สะบัดแขน ตัดพ้อ ตะโกนไล่ มันไม่รู้ซักอย่างเลยหรอวะ ยังจะไม่มาง้อกูหรอวะไอ่หมอเตี้ย ...
ได้ถ้าอยากเล่นสงครามประสาทเดี๋ยวพี่มาร์คจัดให้เว้ย.....
ห้านาทีผ่านไป
มาร์คต้วนยังทนไหว....
สิบนาทีผ่านไป
มาร์คต้วนยังไหวอยู่....
ยี่สิบนาทีผ่านไป
กูไม่ไหวแล้วว้อยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
“นี่หมอจะไม่ทำอะไรซักอย่างอะไรเลยหรือไงวะ ?”
กูงอนจนหายงอนแล้วนะเว้ยนี่ยังไม่ง้อกูเลยมัวแต่ทำหน้านิ่งๆเหมือนเหม่อมองหรือคิดคนเดียวนี่กูลุกลี้ลุกลนคนเดี๋ยวจนแทบจะเป็นประสาทล ะมึงยังไม่สนใจกูเล่นซักนิด ไม่สนใจกูเลยทั้งปกติมีแต่แต่คนวิ่งเขามาหากูแท้ๆ แต่มึง..... หมอเตี้ย มึงกลับไม่แคร์กูเลยซักนิด คนอย่างมึง เกิดมากูเพิ่งเจอครั้งแรกนี่แหละ....
“อ้าว... คนไข้พูดได้แล้วหรอ” อีกคนพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งฟังแล้วดูกวนอวัยวะเบื้องล่าง
จึก... แทงใจดำ
แอ็ด...
"แบม มึง'กายภาพบำบัด'ตอนเช้าเสร็จยังวะ"
ที่เขาจับมือผมเพราะว่าเขาจะกายภาพบำบัดผมหรอ ??? ไม่ใช่กำลังง้ออยู่หรอวะ ??
"คนไข้เขาไม่ยอมสะบัดมือกูตลอดเลย ... คิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้.."เขาหยุดพูดแล้วเหลือบตามามองหน้าผมแว็บนึงแล้วหันไปพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายที่ดูเป็นเอกลักษณ์
จึก อีกดอก
"ทำไมวะ ? มึงจับเขาแรงไปหรือเปล่าวะแบม"
"จับตัวคนไข้กูยังไม่ได้จับเลย"
"นึกว่ามึงทำเสร็จแล้วนะเนี้ยเห็นมึงอุตส่าห์รีบออกมา อะไรยังไม่ได้กินเลยนิ ไปหาไรกินกันก่อนไหมแล้วค่อยทำทีเดียวเลยไง"
จึก จึก จึก ตองเลยครับ...
ตอนแรกเหมือนกูถูกทำไมตอนนี้เหมือนกูผิดวะ ละทำไมกูต้องรู้สึกผิด ทำไมทำไมทำไม หรือว่ากูอาจจะเป็นคนดีเกินไปสินะ ถึงมีเมตตาธรรมค้ำจุนโลกขนาดนี้ กูนี่มันเทพบุตรจุติลงมาเกิดโดยแท้เพราะว่ากูหล่อหรอกนะ ยกโทษให้มึงแม่งก็ได้
“อ..เอ้า จะกายภาพบำบัดไม่ใช่หรอก็รีบมาทำสิ” ผมยืนแขนหล่อๆข้างหนึ่งข้างหนึ่งออกไปทางหมอเตี้ยส่วนมืออีกข้างผมก็เสยผมของตัวเองขึ้นเพื่อเพิ่มออร่าเวลามอง คนอะไรนอกจะหล่อแล้วอย่าใจกว้างดั่งมหาสมุทรทำไมพระเจ้าถึงพลั่งมือสร้างคนที่สมบูรณ์แบบอย่างผม ก็นะโลกมนุษย์มักจะลำเอียงอย่างนี้นี่เอง
“ไม่ละ ขี้เกียจ... ไปไอ่ยูค ไปแดกหนมกัน” อีกคนยกเท้าขึ้นมายันเพื่อนออกจากประตูแล้วก็เดินตามออกไปโดยไม่สนว่าอีกหนึ่งคนในบทสนทนาจะเป็นตายร้ายดีทำไม .......ก็ไม่รู้ว่าจะต้องแคร์ไปทำไมเหมือนกัน
ปัง…
พอกูงอนก็ไม่ง้อกู พอกูหายก็เมินกูอีกแล้วจะงอนต่อแม่งก็คงไม่ง้อกูเดี๋ยวกูก็ได้งอนจนหายอีก พูดแล้วน้ำตามาเลย ชีวิตมาร์คต้วนช่างบัดซบกะโหลกกะลาอะไรขนาดนี้ ร่างสูงทิ้งตัวลงนอน
โป้ก
ฮือ หัวกูโขกหัวเตียงอีกแล้ว ม๊ะมี๊ครับมาร์คเจ็บหัว หัวจะร้าวไหมวะ....
นี่พี่แกมาพักฟื้นแต่ทำไมรู้สึกว่าพี่แกโดดเดี่ยวน่าสงสาร
งอนแต่ไม่โดนง้อ พี่มาร์คร้องไห้หนักมากนะจุดนี้55555
หือ สมองเพิ่งปะติดปะต่อได้ว่าคนในไลน์คนนั้นคือแบม omg! คนสำคัญ
หมอแจ็คคิดไรกะแบมป่ะคะ? 555555
555 สงสารอิพี่มาร์ค
พี่มาร์คแม่งเรียกร้องความสนใจ
แต่แบมนี้แบบไม่สนเลยอ่ะ น่าเวทนามาร์คต้วน
หมดคำจะพูดเลย ขนายแลดูจะชิลกับชีวิตเกินไปนะ
เป้ใบเดียวอยู่เป็นปี? วันเดียวก็เหลือเฟือและ
แต่. . . อะไรก็เป็ยไปได้ แบมซะอย่าง
วิธีปลุกหมอแบมแม่งโคตรแปลก มีแปลกกว่านี้อีกปะ โอ๊ย 5555555555555555555555555
สงสัยวันนี้ยองแจบุญยังเหลือนะที่หัวหน้าแจ็คไม่เลือกนาย ไม่งั้นประสาทแดกไปปีหนึ่งแน่ๆ
อีพี่มาร์คนี่เคะใช่มั้ย ทำไมสะดิ้งแบบนี้วะ เอะอะงอนเอะอะสะบัดมือ โอ๊ย แมนๆหน่อยดิพี่ 5555555555555