ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic BTS] Sungnumja Game (KookV)

    ลำดับตอนที่ #17 : Chapter 16 : พี่น้อง (150815)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.15K
      30
      3 พ.ย. 59

    Chapter 16

    พี่น้อง


    ฮิ้วววว พี่น้องท้องติดกัน - โฮปปี้

    ถึงจะเล่นมุกก็ไม่ช่วยให้พวกฮยองมีบทเพิ่มขึ้นหรอก - จองกุก

    จ....ใจร้าย T~T - จินฮยอง


    ………………………………….



    อุ่นจัง



    ผมขดตัวเข้าหาสิ่งนั้นมากขึ้น กอดรัดไปที่หมอนข้างข้างตัวที่ติดจะแข็งไปสักนิดแต่ก็ชวนให้รู้สึกอบอุ่นคุ้นเคย กลิ่นหอมของครีมอาบน้ำที่ผมชื่นชอบยังติดตรึงอยู่ในโสตสัมผัส รู้สึกราวกับถูกกอดแน่นขึ้น เมื่อลมหายใจอุ่นร้อนรินรดผิวแก้ม สัมผัสผะแผ่วที่ริมฝีปาก 



    จองกุก



    ผมตกใจลืมตาตื่นขึ้นมาทันที แต่กลับพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงของจีมินแค่คนเดียว ไม่มีจองกุกข้างๆเหมือนในความฝัน ผมหลุบตาต่ำยกผ้าห่มกำแน่นขึ้น



    แต่กลิ่นหอมจางๆที่คุ้นเคยกับสัมผัสอุ่นข้างตัวกลับให้ความรู้สึกเหมือนมีคนนอนอยู่ข้างๆและเพิ่งจะผละออกไป



    บ้าไปแล้ว



    ผมด่าตัวเองในใจ คงเพราะนอนกลางวันมากไปเลยหลงเพ้อว่าเด็กบ้าที่เพิ่งทำร้ายจิตใจกลับมานอนข้างๆจนได้แต่ทอดถอนใจ ยอมรับว่าผมยังเจ็บกับคำพูดของมักเน่ที่บอกให้เป็นแค่พี่น้องกัน แต่จะให้มานั่งร้องไห้ทั้งวันมันก็ไม่ใช่คิมแทฮยอง



    นอกจากผมจะหล่อมากแล้วยังคิดบวกมากๆด้วยนะ เพราะมากกว่าเจ็บที่ใจก็คงจะเป็นเจ็บที่ก้นง่ะ T~T



    มันคงไม่เจ็บขนาดนี้ถ้าผมนอนนิ่งๆ ไม่ใช่ทำตัวเป็นเป็นนางเอกเอ็มวีเดินไปเดินมาก่อนหน้า 



    รู้งี้ผมน่าจะต่อยกำแพง เข้าไปอาบน้ำทั้งชุดที่ใส่หรือไม่ก็ถล่มบ้าน เขวี้ยงแจกัน ทำอะไรก็ได้ที่พระเอกเอ็มวีเค้าทำกัน แต่สุดท้ายก็กลับมาร้องไห้ซบอกอีหมู น้องวีอยากจะบ้า น่าขายหน้าที่สุด



    ผมเอาไม้เบสบอลไปตีทีวีตอนนี้ยังทันมั้ย? T~T แต่คิดอีกที ไม่มีทีวีแล้วผมจะดูอะไรอ่ะ



    คิดแล้วก็ขำทั้งน้ำตากับความไร้สาระของตัวเอง โดนหลอกฟันยังมีหน้ามาหัวเราะได้เนอะ แล้วน้ำตาบ้าๆนี่ทำไมมันถึงไม่หยุดไหลซะที แต่ก่อนที่ผมจะทันได้ยกมือขึ้นปาด จีมินดันเดินมาที่หน้าประตูพร้อมกับชามราเมง พอเห็นผมร้องไห้ไอ้หมูก็ทำหน้าตกใจจนตาตี่ๆเบิกกว้าง เลิกลั่กหันซ้ายขวาเหมือนทำตัวไม่ถูก 



    เพื่อนรักปรี่เข้ามาหาผมแทบทันที วางชามไว้บนพื้นห้องก่อนจะรวบตัวผมเข้าไปอยู่ในอ้อมกอด



    เป็นอีกครั้งที่ผมคิดว่านี่คือฟิคมินวี แต่ติดที่อีหมูเป็นเมียชูก้าฮยองน่ะสิ อีกอย่างผมยังไม่บ้าพอจะเอาหมูกลายพันธุ์มาทำสามี 



    ยกบทเพื่อนนางเอกให้มันไปละกัน -[]-



    “แทแท เป็นอะไร ยังเศร้าอยู่ใช่มั้ย เมิงอย่าร้องไห้นะ ถ้าเมิงยังไม่รู้สึกดีขึ้น กุไปต่อยไอ้กุกให้เมิงเอาป่ะ”



    ถถถถ จีมิน ใครจะต่อยใครกันแน่วะ พูดจาไม่ดูส่วนสูง แต่น่าแปลกที่คำพูดบ้าๆกลับทำให้ผมรู้สึกตื้นตันขึ้นมา 



    “เออ เอาดิ”



    สุดท้ายแล้วไอ้หมูก็ไม่ได้ไปต่อยมักเน่



    จีมินมันให้เหตุผลว่าเรากำลังจะคัมแบค ถ้าต่อยไอ้เด็กกุกตอนนี้คงโดนบังพีดีนิมสวดยับ เผลอๆอาจจะโดนเลื่อนคัมแบค



    “เปลี่ยนเป็นต่อยหลังโปรโมทเสร็จได้ป่ะวะ” ไอ้จีมินอ้อมแอ้มออกมา เหอะ



    “เมิงกลัวก็บอกมา”



    ผมพูดใส่มันด้วยน้ำเสียงล้อเลียน คิดจะไปต่อยจองกุก ขนาดมักเน่ทำผมขนาดนี้ ผมยังไม่กล้าไปต่อยเลยอ่ะ 



    ไม่ใช่อะไรนะ กลัวเจ็บมือเอง หนังหน้าไอ้เด็กกุกด้านยิ่งกว่าอะไร (สงสารตัวเองชิบหาย ทำได้แค่หลอกด่าในใจ โฮรๆๆ)



    “ไอ้แท! กุกำลังพยายามปลอบเมิงอยู่นะ”



    “ก็เห็นอยู่ ไม่ได้ร้องไห้แล้วไง ยกชามราเมงมาซิ”



    ผมชี้นิ้วไปที่ชามราเมงบนพื้น สั่งไอ้หมูประหนึ่งมันเป็นข้าทาส จีมินทำหน้าเหม็นเบื่อแต่ก็ยอมเอามาให้แต่โดยดี



    “สั่งขนาดนี้ กุต้องป้อนด้วยมั้ย”



    “จีมิน”



    “อะไร”



    “ป้อนด้วยสิ......”



    และแล้วปาร์คจีมินก็กลายเป็นขี้ข้าคิมแทฮยองหนึ่งวัน จวบจนตอนกลางคืน และพวกฮยองที่พากันไปลั๊นลากลับมา


    ………………………………………… 



    มันน่าแปลกที่พวกฮยองพากันทำตัวปกติทันทีที่ผมก้าวเท้าเข้ามาในห้องนั่งเล่น เสียงพูดคุย เสียงหัวเราะ ทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม แต่ผมรู้ว่าพวกพี่เขารู้ นัมจุนฮยองเพียงแค่ชำเลืองมองรอยที่ต้นคอของผมแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร



    จินฮยองจ้องหน้าผมพลางขมวดคิ้วเล็กๆจากนั้นก็หันไปคุยกับเจโฮปฮยองต่อ ถ้าความสามารถพิเศษของไอ้หมูจีคือการรู้ใจผม 



    มันคงเป็นเพื่อนสนิทที่จัดการได้ยอดเยี่ยมเพราะผมไม่ได้รู้สึกอึดอัดแบบที่ควรจะเป็นเลยสักนิด



    รอยที่ต้นคอก็เหมือนกัน แต่ไหนแต่ไรผมก็ไม่เคยเป็นคนที่ชอบปกปิดอะไร ยิ่งกับพวกบังทันที่เป็นเหมือนพี่น้อง เห็นหรือไม่เห็นยังไงก็ต้องรู้อยู่ดี



    ผมยักไหล่เดินผ่านยุนกิฮยองที่กำลังใช้น่องไก่กวักเรียก ก็อยากจะกินอ่ะ แต่หิวน้ำและต้องไปหายากิน ตอนนี้แม้แต่ท่าเดินผมก็ยังแปลกประหลาด 



    ถ้าไม่กินยาแก้ปวด พรุ่งนี้เต้นไม่ไหวแน่



    ผมลากสังขารเข้าไปในห้องครัว สายตามุ่งตรงไปที่ตู้เย็นจนไม่ได้สนใจรอบข้าง ยกขวดน้ำขึ้นมากระดกแบบแมนๆประหนึ่งกำลังถ่ายทำเอ็มวี คิมแทดูดีทุกท่วงท่าแม้จะไม่มีกล้อง



    กระดกน้ำไป อีกมือก็ปิดตู้เย็นไปด้วย แต่แล้ว...



    “แทฮยอง”



    พรู้ดดดดดด



    น้ำในปากผมพุ่งออกมาเป็นน้ำตก เลอะพื้น เปียกเสื้อจนแนบไปกับเสื้อยืดสีขาวที่ใส่อยู่



    ตกใจชิหาย ใครบังอาจมาเรียกน้องวี 



    ผมขมวดคิ้วทำปากเบะด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา เพียงเพื่อจะพบเจอกับ



    จอนจองกุก



    เอิ่ม ก้มหน้าลงไปเช็ดพื้นตอนนี้ทันมั้ย



    “อ่ะ...เอ่อ มีไร” 



    ไม่เข้าใจว่าทำไมเสียงผมต้องสั่นด้วย ด่ามันสิวี ตบหัวมันที่มาแกล้งให้ตกใจเหมือนอย่างปกติ แต่ร่างกายไม่รักดีดันไม่ขยับเลยสักนิด ผมเอาแต่จ้องไปที่จมูกของจองกุกเหมือนว่ามันน่าสนใจมาก



    จะมองพื้นก็กลัวโดนหาว่าไม่มีมารยาท จะมองตาก็ยังป๊อด มองจมูกมันเนี่ยแหละ กลางๆดี (ตรระกะเอเลี่ยนมาอีกแล้ว)



    ความเงียบงันที่น่าอึดอัดเข้ามาปกคลุมเราสองคนทันที เรียกแล้วทำไมไม่พูด จะมายืนจ้องทำไม สุดท้ายผมก็ตัดสินใจทำลายความเงียบ



    “อ...เอ่อ กินข้าวผัดกิมจิมั้ย”



    ผมหัวเราะแห้งๆแล้วเปิดตู้เย็นออกเหมือนเดิม พยายามทำเป็นหากิมจิ (ทั้งๆที่แม่งก็วางอยู่ตรงหน้า) รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาเล็กๆที่มีประตูตู้เย็นกั้นระหว่างเรา



    “หิวเหรอ”



    เสียงทุ้มอ่อนโยนดังมาจากด้านหลังจนผมสะดุ้ง เผลอผงะถอยไปชนอกจองกุก ก่อนจะสะดุดขายาวๆของมันจนเกือบหงายหลัง ถ้าไม่ใช่เพราะมือของมักเน่ที่ยื่นมาประคองเอว



    ผมแข็งขึ้นมาทันที เอ่อ ตัวนะ ไม่ใช่อย่างอื่น (ยังจะมีอารมณ์มาเล่นมุกลามกไม่ดูเวลา) แผ่นหลังของตัวเองที่แนบชิดกับอกล่ำ พร้อมกับลมหายใจของจองกุกที่รินรดหลังคอ



    เขาไม่ขยับออกไป แต่กลับกอดแน่นขึ้น



    “ป....ปล่อย”



    “หิวมั้ย” 



    เสียงจองกุกอ่อนโยนกว่าปกติจนผมใจสั่น โดนกอดก็ว่าแย่แล้ว แต่โดนถามด้วยน้ำเสียงแบบนี้กลับแย่ยิ่งกว่า 



    “ยังเจ็บอยู่รึเปล่า ไม่ต้องทำหรอก เดี๋ยวผมทำให้กินแล้วพี่ค่อยกินยานะครับ”



    “จอนจองกุก....”



    ทำไมถึงเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้นะ 



    ผมกัดริมฝีปากตัวเองแน่นเมื่อเขาไม่สนใจที่ผมร้องขอให้ปล่อย แต่กลับกระชับอ้อมกอด จมูกโด่งคมไล้ไปตามซอกคอของผม คลอเคลียไม่ยอมผละออกไปไหน เก็บเกี่ยวเอากำไรจากผิวสวยตามแต่ตัวเองจะพอใจ จูบเบาๆซ้ำไปที่รอยแดงพวกนั้นเหมือนกับจะปลอบประโลม



    ทำไมกัน...แค่นี้เขายังทำให้ผมเจ็บไม่พอรึไง



    พี่น้องที่ไหนทำกันได้ขนาดนี้ 



    “ปล่อยเถอะจองกุก นี่มันในครัวนะ”



    ผมพยายามพูดออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทั้งๆที่ในใจหวั่นไหว แค่สัมผัสของเขาผมก็รู้สึกเหมือนโดนดูดเรี่ยวแรงออกไปจนหมด



    “ถ้าผมบอกว่าผมไม่อยากปล่อย พี่จะว่ายังไง”



    Jungkook’s POV



    “ถึงนายจะตัดสินใจไปแล้วว่าจะเป็นแค่น้องชาย แต่สักวันนะจองกุก นายอย่ามาเสียดายทีหลังก็แล้วกัน”



    ผมทำหน้าเรียบเฉย ไม่ตอบโต้อะไรตอนที่จีมินเดินผ่านพร้อมกับกระซิบประโยคนั้น ผมรอจนฮยองเดินออกไปก่อนจะสาวเท้าเข้าไปหาร่างบางบนเตียงนอนของจีมิน



    เสียดายงั้นเหรอ



    ผมไล่สายตามองผิวสีน้ำผึ้ง รอยรักสีแดงหลายจุดตัดกับผิวเนียนจนผมรู้สึกผิดที่ทำรุนแรง คนตัวเล็กขมวดคิ้วนิดๆตอนที่ฝ่ามือเย็นๆของผมสัมผัสกับหน้าผาก โล่งใจขึ้นมาที่แทฮยองไม่ได้มีไข้หรือไม่สบายตรงไหน 



    ผมเกือบจะขยับมือออกห่าง ถ้าไม่ใช่เพราะแทฮยองที่ขมวดคิ้วงึมงำอะไรสักอย่าง ก่อนจะขยับตัวแนบแก้มเข้ากับฝ่ามือของผม



    หัวใจผมเต้นแรงทั้งความกลัวว่าแทจะตื่นขึ้นมา ทั้งความรู้สึกแปลกๆของสัมผัสนุ่มอุ่นที่มือ ร่างบางหลับตาพริ้มทิ้งแพขนตาหนานาบแก้มนวล ริมฝีปากอิ่มเต็มสีแดงเหมือนผลเชอร์รี่เผยออก



    ผมเผลอทิ้งน้ำหนักตัวลงบนเตียงนอน เขยิบเข้าไปใกล้เพื่อมองใบหน้าสวยหวานให้ชัดขึ้น 



    บทรักเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วย้อนกลับเข้ามาในความคิดอีกครั้ง แทฮยองที่เปลือยเปล่า แทฮยองที่มองผมด้วยสายตาออดอ้อน แทฮยองที่ครางเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงเย้ายวนใจ



    ผมประทับจูบลงไปที่หน้าผากกลมมน พยายามจะดับความว้าวุ่นใจ แต่มันเหมือนจะไม่ได้ผลเลยสักนิด เพราะผมต้องการมากกว่านั้น ผมยังไม่เต็มอิ่มกับรสจูบของแท



    และก่อนที่จะรู้ตัว ผมก็ขโมยจูบจากคนตัวเล็กที่นอนหลับอยู่ แทบจะทันทีที่สัมผัสกับริมฝีปากบางแค่ผะแผ่ว ผมก็ต้องผงะออกห่าง



    มือกำผ้าปูที่นอนของจีมินแน่น



    เกือบไปแล้ว



    ผมเกือบจะทำผิดกับแทฮยองซ้ำสอง ผมยันตัวลุกขึ้นยืน มองใบหน้าหวานเป็นครั้งสุดท้าย



    เราเป็นพี่น้องกัน ไม่ว่ามันจะยากแค่ไหนก็ตาม


    ………………………………………… 


    “พี่กำลังทำอะไร”



    ผมถามจีมินที่กำลังตีหน้ายุ่งอยู่หน้าหม้ออะไรสักอย่างที่เดาจากกลิ่นน่าจะเป็นรามยอน



    “ทำน้ำซุปรามยอนไงถามได้ ฉันเพิ่งนึกได้ว่าไอ้แทยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้า ท่าทางมันจะไม่สบายหน่อยๆ จินฮยองไม่อยู่ซะด้วย โว้ยยย แค่รามยอนทำไมมันไม่อร่อยวะ”



    เออ นั่นสิ คนอะไรทำรามยอนยังไม่อร่อย



    “พี่ถอยออกไป เดี๋ยวผมทำเอง” ผมพูดพร้อมกับดันจีมินให้ออกไปจากเตา อีกมือก็ใช้ช้อนตักน้ำซุปชิม 



    “พี่ใส่อะไรลงไปเนี่ย ทำไมมันรสชาติแบบนี้” ผมถอนหายใจพลางเปิดตู้เย็นหาพวกผักมาหั่นใส่ 



    “เอ่อ ไม่รู้เหมือนกันหว่ะ” ฮยองคนเตี้ยเกาหัวตัวเอง “ปล่อยไว้งั้นก็ได้ ทำอะไรไปไอ้แทก็กินได้หมดแหละ”



    “พี่จะให้แทฮยองของผมกินอะไรแบบนี้เนี่ยนะ -_-”



    “โอ๊ะ ไม่รู้มาก่อนแฮะว่าแทฮยองเป็น ของนาย



    น้ำเสียงกลั้วหัวเราะล้อเลียนกับประกายตาท้าทายของจีมินทำให้ผมชะงัก ขมวดคิ้วเมื่อรู้ตัวว่าเผลอพูดอะไรออกไป



    ผมไม่ตอบแต่เอื้อมมือไปหยิบเครื่องปรุง พี่จีมินดูจะมีความสุขที่เห็นผมไม่ตอบโต้ 



    “ทำไมไม่ตอบล่ะมักเน่ ว่ายังไง แทฮยองเป็นของนายงั้นเหรอ”



    ผมเอาช้อนคนน้ำซุปที่น่าสงสารให้เข้ากัน น้ำซุปที่กำลังเดือดส่งกลิ่นหอม แต่ผมไม่มีอารมณ์จะหิวข้าวในเมื่อจีมินฮยองยังก่อกวนแกล้งผมไม่เลิกแบบนี้



    “ใช่ครับ แทฮยองเป็นพี่ชายของผม ฮยองจะให้เป็นอะไร”



    “ก็เป็น......”



    “จีมินฮยอง” ผมเสียงดังขึ้นมาบ้าง “อาหารเสร็จแล้ว พี่ยกไปให้แทเหอะ”



    พี่จิมินหัวเราะก่อนจะเดินมาที่เตาแล้วตักรามยอนใส่ชาม ผมถอนหายใจก่อนจะเดินผละออกไป แต่จีมินก็ยังไม่เลิกทำให้ผมสับสน



    “แน่ใจเหรอจองกุกว่านายจะเป็นแค่พี่น้อง”



    ผมหันกลับไปเพียงเพื่อจะพบว่าพี่จีมินไม่ได้มองผม มือพี่เขากำลังวุ่นวายกับการจัดถ้วย ฮยองเงยหน้าขึ้นมาสบตาผมพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเอื่อยๆเหมือนไม่ใส่ใจ



    ผมได้แต่ยืนนิ่ง มองจีมินเดินถือชามรามยอนผ่านหน้าไป ทำได้แค่พ่นลมหายใจออกมา เป็นอีกครั้งที่ผมโดนปาร์คจีมินพูดจามีเหตุผลใส่แล้วเดินหนีไป ได้แต่ทึ้งหัวตัวเองด้วยความสับสน



    “ตอนนี้แค่เรียก แทฮยอง ว่า พี่ นายยังทำไม่ได้เลย”


    ………………………………………… 



    “สรุปว่านายจะขอยกเลิกเกมส์ซังนัมจา งั้นสินะ.....”



    นัมจุนฮยองพูดออกมาพร้อมกับขมวดคิ้ว พวกฮยองที่เหลือมองหน้ากันก่อนจะส่งสายตากันไปมาจนผมได้แต่ถอนหายใจ นี่คงรู้เห็นเรื่องนี้กันหมด รวมไปถึงพนันอะไรนั่นด้วย



    “เกิดอะไรขึ้น นายจะบอกว่านายทำสำเร็จแล้ว”



    ยุนกิฮยองพูดจาด้วยน้ำเสียงเรื่อยเฉื่อยตามสไตล์ แต่จินฮยองกลับไม่เป็นแบบนั้น หน้าฮยองเหมือนกับกำลังจะร้องไห้ สายตามองผมเหมือนกับผมเป็นตัวชั่วร้าย ใครๆก็รู้ว่าพี่จินหวงแทแทยิ่งกว่าอะไร



    ผมหลบตา พูดออกมาแผ่วเบา



    “เปล่าครับ ผมทำไม่สำเร็จ”



    “ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงยกเลิกล่ะ”



    เจโฮปฮยองขมวดคิ้วก่อนที่ยุนกิฮยองจะตบโต๊ะ



    “เลิกเล่นได้แล้ว จองกุก แกเลิกโกหกแล้วเล่าออกมาเลยดีกว่าว่ามันเกิดอะไรขึ้น”



    ท่าทางโมโหเอาจริงของฮยองทำให้เราทั้งหมดสะดุ้ง ผมหลบตาพวกฮยองด้วยความรู้สึกผิด ผมไม่อยากจะเล่าเพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของผมกับแท และผมก็ไม่มั่นใจว่าแทฮยองอยากให้คนอื่นรู้รึเปล่า



    ตั้งแต่กลับบ้านมาผมยังไม่ได้คุยกับคนตัวเล็กเลยด้วยซ้ำ ผมยังเรียบเรียงคำพูดไม่ได้ ผมไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไง และแทฮยองก็มีจีมินคอยดูแลอยู่แล้ว ความคิดนั้นทำให้ผมรู้สึกผิด 



    ผมต่างหากที่ควรต้องเป็นคนคอยดูแลแท แต่เขาคงไม่อยากเห็นหน้าผมตอนนี้



    และเมื่อพวกฮยองกลับมาบ้าน พวกพี่เขาก็กรูกันเข้ามาถามเรื่องเมื่อคืนที่ผมหายไปทั้งคืนกับแทแท ท่าทางไม่สบายใจของผมกับจีมินที่เดินออกมาบอกว่าแทไม่สบาย กำลังหลับอยู่หลังจากกินข้าวเย็น (ที่ผมเป็นคนทำให้อีกครั้ง) ทำให้พวกฮยองเดาเรื่องได้หมดทันที



    “นายกับแทแท.....”



    นัมจุนฮยองพูดแค่นั้นก็เงียบไป ผมพยักหน้ารับ ก่อนที่ความเงียบจะเข้าปกคลุมโต๊ะอาหารที่เรากำลังนั่งคุยกัน



    ผมไม่รู้จะพูดอะไรต่อ และพวกฮยองเองก็กำลังทำใจยอมรับ



    “เอาเหอะ ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นไปแล้ว” จินฮยองพูดทำลายบรรยากาศน่าอึดอัดขึ้นมา “ไม่ว่านายกับแทฮยองจะตัดสินใจทำอะไร พวกฮยองก็ได้แต่มองอยู่ห่างๆยังไงมันก็เป็นเรื่องของนายสองคน”



    ผมพยักหน้ารับ แล้วลุกขึ้นยืนเพื่อจะไปดูทีวีที่ห้องนั่งเล่น แต่พวกฮยองไม่มีใครลุกตามออกมาสักคน



    ช่างเหอะ ผมคิด พวกฮยองอาจจะมีเรื่องที่ต้องคุยกัน


    ………………………………………… 


    แทฮยองตื่นนอนแล้ว



    ผมที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่นสังเกตเห็นทันทีที่แทเข้ามาพร้อมกับท่าทางการเดินที่ดูแปลกๆ 



    จะกินยารึยังนะ



    คิดแล้วก็ส่ายหัว เมื่อคืนผมทำซะขนาดนั้น คนตัวเล็กคงจะเจ็บ ถอนหายใจพลางลุกขึ้นเดินไปทางห้องครัวเพื่อหายาแก้ปวดในตู้ยา ระหว่างที่ผมกำลังค้นยาในตู้เก็บยาเล็กๆ แทฮยองกลับเดินเข้ามาในครัวจนผมตกใจเกือบจะทำขวดยาหล่น



    แต่ดวงตากลมโตที่เกือบจะปรือปิดกลับจับจ้องไปที่ตู้เย็นหลังใหญ่กลางครัว ไม่มีท่าทางจะสังเกตเห็นผม มือเรียวเอื้อมไปหยิบขวดน้ำก่อนจะกรอกเข้าปากด้วยท่าทางแมนๆที่แทบไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคนเดียวกับที่ออดอ้อนบนเตียง



    “แทฮยอง”



    ผมเรียกชื่อเขาออกไปแผ่วเบา แต่แทฮยองกลับสำลักน้ำพ่นออกมาจนเลอะพื้นห้อง เปียกไปถึงเสื้อสีขาวที่เจ้าตัวใส่อยู่จนมันลู่ลงแนบกับยอดอก



    “อ่ะ....เอ่อ มีไร” 



    ผมไม่ตอบ ผมไม่รู้จะพูดอะไร ในเมื่อสายตามันคอยแต่จะจ้องไปที่ยอดอกเม็ดเล็กท้าทายสายตา รู้สึกเหมือนกับคิดอะไรไม่ออกมากขึ้นเมื่อคนตัวเล็กไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำอะไรผม เอาแต่จ้องมาด้วยดวงตากลมโตพร้อมกับเอียงคอเล็กๆเหมือนแมวน้อย



    “อ...เอ่อ กินข้าวผัดกิมจิมั้ย”



    แทแทเสมองไปทางอื่นพร้อมกับเปิดตู้เย็นเหมือนกับพยายามจะหลบเลี่ยง ผมก้าวเท้าเข้าไปอยู่ข้างหลังร่างบางที่เอาแต่ยืนจ้องกิมจิอยู่อย่างนั้น



    “หิวเหรอ”



    ผมถามแท แต่เพราะความใกล้ชิดทำให้คนตัวเล็กตกใจผงะมาชนอกผม ก่อนจะเสียหลักล้มหงายหลัง ถ้าไม่ใช่เพราะมือของผมที่เกี่ยวรั้งเอวบางเอาไว้ 



    “ป....ปล่อย” 



    แทฮยองพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ เพราะความใกล้ชิดของเราสองคน 



    “หิวมั้ย”  ผมรู้สึกได้ว่าเสียงของตัวเองอ่อนโยนจนตัวเองยังแปลกใจ “ยังเจ็บอยู่รึเปล่า ไม่ต้องทำหรอก เดี๋ยวผมทำให้กินแล้วพี่ค่อยกินยานะครับ”



    “จอนจองกุก.....”



    ร่างบางเอ่ยเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง ผมรู้ดีว่าต้องปล่อยแทฮยองออกจากอ้อมกอด แต่หัวใจกลับสั่งให้กอดเนื้อตัวนิ่มๆแน่นขึ้นตามความต้องการ กลิ่นหอมละมุนทำให้ผมก้มหน้าลงไปคลอเคลียมากกว่าเดิม



    กดจูบแผ่วเบาไปตามรอยแสดงความเป็นเจ้าของที่ตัดกับผิวสีน้ำผึ้ง ถึงผมจะบอกว่าเราเป็นพี่น้อง แต่ยังไงความจริงก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า แทฮยองเป็นของผมแล้ว 



    “ปล่อยเถอะจองกุก นี่มันในครัวนะ”



    แทฮยองพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบจนผมชะงักจากการจูบ เปลี่ยนเป็นกอดเอวบางไว้แน่น เกยคางกับหัวไหล่มนด้วยความรู้สึกใจหายเมื่อร่างบางพยายามดันตัวออกห่างจากผม



    “ถ้าผมบอกว่าผมไม่อยากปล่อย พี่จะว่ายังไง”



    ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงพูดออกไปแบบนั้น ผมรู้แค่ว่าผมไม่อยากปล่อยแทฮยองไปตอนนี้ ผมอยากจะปรับความเข้าใจ อยากอยู่ใกล้ๆ อยากดูแล อยากกอดแทฮยองที่กำลังตัวสั่นเอาไว้แน่นๆ



    หยาดน้ำตาหยดหนึ่งหยดลงมาบนแขนของผม ผมตกใจหมุนตัวแทฮยองมาตรงหน้า



    ร่างบางกำลังร้องไห้ น้ำตาเม็ดโตไหลออกมาจากดวงตาคู่สวยเปรอะเปื้อนไปทั่วแก้มเนียนจนผมทำอะไรไม่ถูก



    “จ...จองกุก ทำไมนายถึงเป็นแบบนี้”



    “ผ...ผม แท ผมขอ....."



    “พี่ไม่อยากได้คำขอโทษ!”



    ผมเผลอปล่อยมือออกจากเอวบางด้วยความตกใจ แทฮยองไม่เคยตะโกนใส่ผมมาก่อน ผมชะงักนึกขึ้นได้ว่าเผลอปล่อยมือแล้วร่างบางอาจจะหนีไปก่อนที่เราจะได้คุยกัน



    แต่แทฮยองไม่ได้ทำแบบนั้น ตรงกันข้ามกลับตรงเข้ามาทุบหน้าอกผมพร้อมกับถ้อยคำที่พรั่งพรูออกมาไม่หยุด



    “นายมันคนเลว ไอ้บ้าเอาแต่ใจ คนเห็นแก่ตัว ตั้งแต่ไหนแต่ไรพี่ให้นายได้ทุกอย่าง ทั้งจูบแรก ทั้งความบริสุทธิ์ นายได้ทั้งหมดไปจากพี่แล้ว แล้วนายยังจะเอาอะไรอีก แม้แต่หัวใจ พี่ก็ให้นายได้ ทำไมจองกุกถึงไม่ปล่อยพี่......ขอแค่ปล่อยพี่ไป”



    แทฮยองร้องไห้จนเสียงแหบพร่า มือเรียวบางกำอกเสื้อของผมไว้แน่น ผมได้แต่ยืนนิ่งปล่อยให้ร่างบางทุบตีอยู่อย่างนั้น 



    “หัวใจงั้นเหรอ” คำพูดของผมทำให้ร่างบางหยุดมือ แทฮยองไม่มองสบตาแต่กลับหลุบตาต่ำมองพื้น



    “พี่หมายความว่ายังไง หัวใจ? เรื่องระหว่างเรา มันก็เป็นแค่ความต้องการทางร่างกายไม่ใช่เหรอ พี่ต้องการแบบนั้น พี่เป็นคนบอกผม”



    รู้สึกร่างกายเหมือนไร้เรี่ยวแรง แทฮยองเงยหน้าขึ้นมาสบตาผม ดวงตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าเมื่อครู่แฝงไปด้วยความโกรธที่เข้ามาแทนที่ ร่างบางผลักอกผมออกไปอย่างแรงจนเกือบล้ม



    “นี่นายกำลังว่าพี่ใจง่ายงั้นเหรอ จอนจองกุก แค่เรื่องทางร่างกาย เหอะ! นี่นายคิดมาตลอดว่าพี่เป็นคนอย่างนั้นใช่มั้ย ที่ยอมมีอะไรกับนาย ที่ยอมให้นายจูบกอดตามใจชอบเพราะแค่อยากได้เรื่องอย่างว่า นายเห็นพี่เป็นคนแบบนั้นรึไง พี่เป็นอะไรของนายกันแน่ แค่ที่ระบายอารมณ์เวลาที่นายอยากใช่มั้ย”



    “แท เดี๋ยวก่อนสิ ผมไม่ได้คิดแบบนั้น ผมไม่เคยคิดแบบนั้น”



    ผมปฏิเสธทันที แต่แทฮยองกลับโมโหมากขึ้นกว่าเดิม ลึกๆแล้วผมรู้ว่าทุกอย่างที่ร่างบางพูดเป็นความจริง ผมเป็นคนเลวเห็นแก่ตัวที่หลอกใช้ความใจอ่อนของแทฮยอง ตักตวงเอากำไรจากเรือนร่างบอบบาง



    แต่ก็ใช่ว่าผมจะไม่มีความรู้สึก



    ไม่ใช่ว่าผมจะต้องการแทฮยองแค่เรื่องทางเพศ



    “ไม่ใช่แบบนั้นแล้วแบบไหน นายนึกอยากจะกอดนายก็ทำ นึกอยากจะจูบนายก็เอาแต่ใจตัวเองทุกครั้ง พี่ทนไม่ไหวแล้วนะจองกุก ครั้งนี้พี่ยอมนายถึงนายจะบอกให้เป็นแค่พี่น้อง แต่นายกลับ......”



    แทฮยองหยุดคำพูดก่อนจะก้มหน้ามองพื้น ร่างบางเม้มริมฝีปากตัวเองแน่น บรรยากาศตึงเครียด เสียงทะเลาะ หยาดน้ำตาของแทฮยองทำให้ผมเหนื่อยล้าไปหมด



    “งั้นก็บอกมาสิว่าทำไม” ผมพูดขึ้นมา “พูดออกมาสิว่าทำไมพี่ถึงยอมผมขนาดนี้ พี่พร่ำบอกผมซ้ำๆว่ามันเป็นแค่เกมส์ ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ผมถามว่าเราจริงจังกับเรื่องนี้แค่ไหน พี่กลับบอกว่ามันเป็นแค่เกมส์ ผม.....”



    พี่บอกว่ามันเป็นแค่เกมส์...และทำร้ายหัวใจผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า 



    แทฮยองแค่นหัวเราะออกมาด้วยความสมเพชตัวเอง



    “ขนาดนี้แล้วนายยังดูไม่ออกอีกรึไง”



    .



    .



    .



    “คำตอบมันอยู่ตรงหน้ามาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” 



    .



    .



    .



    “ทั้งเกมส์ซังนัมจา ทั้งการพนันบ้าๆของจีมิน”



    .



    .



    .



    “ทั้งหมดก็เพราะพี่รักนายแค่คนเดียว จอนจองกุก”




    #กุกวีซังนัมจา



    ใกล้จบแล้วค่ะ ถ้าใครตามอ่านมาแต่แรกจะสังเกตเห็นว่าเรื่องมันเริ่มจริงจังขึ้นเรื่อยๆ อย่าว่าน้องกุกเลย น้องแค่สับสน 


    เจอกันตอนหน้า (ที่ไม่รู้ว่าจะมาเมื่อไหร่) นะจ๊ะ ~O~



    .................................



    รู้สึกว่าไม่ค่อยมีคนเม้น TOT เสียใจ เค้าแต่งดราม่าไม่ค่อยเก่ง ยังไงก็คอมเม้นบอกกันได้นะคะว่ามีอะไรต้องปรับปรุงตรงไหน เช่น คำผิด ภาษาที่ใช้ หรือรูปประโยคแปลกๆที่อาจพบเจอได้บางเวลา 5555555



    ใครไปคอนบังทันโซนยืนด้านขวาบ้างคะ เจอกันได้น้า อิอิอิอิ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×