ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic BTS] Sungnumja Game (KookV)

    ลำดับตอนที่ #20 : [SF] Shy Boy (20+)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.58K
      74
      3 พ.ย. 59

    กรี๊ดดด ขอโทษที่หายไปนานค่ะ วันนี้เพื่อเฉลิมฉลองโมเม้นกุกวีนอนกอดกัน


    เราเลยปั่นไฟแลบ 5555555


    เห็นเค้ามีแท็กฟิคในทวิตอยากเล่นบ้าง เอาเป็น


    #กุกวีซังนัมจา


    อย่าลืมไปสกรีมกันนะคะ เพราะเราคิดจะแต่งภาคสองแหละ


    ถ้ายังมีคนอยากอ่านขอเสียงด้วยค่ะ 5555


    ......................................



    SHY BOY 

    เด็กน้อยจองกุก



    “ปีนี้นายก็อายุ 20 แล้วนะ”



    แทฮยองพูดออกหน้ากล้องเมื่อโดนสัมภาษณ์ในช่วงปีใหม่พร้อมกับจิ้มไปที่อกล่ำๆของมักเน่ ยักคิ้วส่งสายตาเชิญชวนด้วยรอยยิ้มแฝงความนัยน์ ร่างสูงในชุดเสื้อคลุมสีฟ้าสดใสยกยิ้มน่ารักจนเห็นฟันกระต่าย มือใหญ่โอบเข้าที่ไหล่บางพร้อมกับยักคิ้วกลับด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ไม่แพ้กัน



    จอนจองกุกเป็นคนขี้อาย...



    “นี่ จอนจองกุก มักเน่ของนาย ทำความรู้จักกันไว้สิ”



    บังพีดีนิม ที่เป็นเสมือนทั้งอาจารย์และพ่อคนที่สองของพวกเขาพูดขึ้น มือใหญ่ดันเจ้าของร่างขาวๆให้ออกมายืนด้านหน้า เด็กหนุ่มหน้าตาน่ารัก ผิวขาวผ่อง จมูกโด่งและดวงตากลมโตแป๋วแหววจ้องมองสมาชิกใหม่ที่จะร่วมเดบิวท์ด้วยกันในอีกหลายเดือนข้างหน้าด้วยแววตาไม่มั่นใจ



    เมื่อเห็นอย่างนั้นแทฮยองที่เรียกได้ว่าเป็นสมาชิกใหม่หน้าด้าน(?)จึงไม่รอช้าที่จะยื่นหน้าไปหาน้องก่อน ใกล้จนจมูกโด่งๆของคนผิวแทนแทบจะกดลงบนแก้มเนียนใส



    “พี่ชื่อ แทฮยอง”



    คนตัวผอมผิวสีแทนที่ดูราวกับว่าจะสูงกว่ามักเน่สักหนึ่งหรือสองเซ็นพูดขึ้น มองเมินอาการผงะออกอย่างหวาดๆของคนเป็นน้อง จอนจองกุกไม่คุ้นชินนักกับการมีคนเข้ามาอยู่ใกล้ๆ แต่พี่ชายที่กำลังจะมาเป็นเพื่อนร่วมวงร่วมจมหัวจมท้ายกลับไม่รู้สึกรู้สา ซ้ำยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้กว่าเดิม



    ใกล้...จนเห็นแก้มใสและแพขนตาหนา ใกล้...จนเห็นไฝเม็ดเล็กๆที่ปลายจมูกรั้น ใกล้...จนพวงแก้มขาวๆของมักเน่แดงก่ำด้วยความรู้สึกเขินอาย มันร้อนจนแทบจะละลาย 



    จอนจองกุกหลุบตาต่ำหลบสายตาไร้เดียงสาของคนเป็นพี่ ได้แต่นึกโทษความขี้อายของตัวเองที่ทำให้ไม่กล้าเข้าหาคนอื่นมากนัก อีกไม่นานฮยองต้องคิดว่าจองกุกเป็นคนน่าเบื่อแน่ๆที่ไม่ยอมพูดจา



    “ผม...”



    “อ๊า......นายนี่น่ารักชะมัด”



    ยังไม่ทันพูดจบก็โดนกอดซะเต็มเปาจากคนตัวบางที่ทนความน่ารักน่าฟัดของเด็กน้อยตัวขาวไม่ไหว แก้มแดงๆนี่ก็น่าเอ็นดู...แทฮยองเอื้อมมือไปหยิกแก้มนิ่มๆอย่างถือวิสาสะ ใบหน้าน่ารักถูไถแก้มตัวเองกับแก้มของจองกุกไปมา แขนเล็กๆโอบอีกฝ่ายเข้าใกล้ 



    เนื้อตัวขาวๆนี่ก็ทั้งหอมทั้งนิ่ม...ฟัดตัวนิ่มๆของน้องจนหนำใจ ปล่อยให้คนโดนลวนลามยืนนิ่งจนเหมือนวิญญาณหลุดอยู่ตรงนั้น



    อย่างน้อยตอนที่กำลังจะตาย...ก็ตายอยู่ในอ้อมกอดของฮยองคนสวยก็แล้วกัน



    นั่นคือความคิดของจอนจองกุกในวัย 15 ปี



    “งานไซน์วันนี้ เรียงลำดับที่นั่งตามนี้นะ”



    ผู้จัดการหนุ่มเอ่ยบรีฟงานกับเด็กๆบังทันโซนยอนดันที่เพิ่งเดบิ้วมาสดๆร้อนๆและเริ่มมีกิจกรรมแฟนไซน์อัลบั้ม No More Dream เหล่าแฟนคลับตามมาถ่ายรูปให้กำลังใจอย่างล้นหลาม 



    ท่ามกลางกระแสของเหล่าบอยแบนด์ ทำไมเขาจะไม่รู้ล่ะว่าพวกอาร์มี่ต้องการอะไร ถึงจัดให้แทฮยองมานั่งตรงกลางระหว่างจอนจองกุกและปาร์คจีมินแบบนี้ ยิ่งเจ้าตัวดื้อเป็นพวกชอบสกินชิพ ไม่ต้องเดาก็รู้เลยว่าใครจะกลายเป็นเหยื่ออารมณ์ของคิมแทฮยอง



    “จองกุกกี้”



    ไม่ทันขาดคำ มือเรียวบางที่ว่างเว้นจากการไซน์ก็กระชากคอมักเน่เข้ามาใกล้ แนบแก้มตัวเองลงกับแก้มนิ่มของจองกุกที่เอเลี่ยนของวงดูจะติดใจจนต้องถูไถลวนลามทุกครั้งที่มีโอกาส จองกุกหน้าแดงวาบเขาพยายามแกะมือนิ่มของคนเป็นพี่ที่คล้องคออยู่ออกไป



    แต่คนหน้าด้านก็ไม่ยอมแพ้ยื่นจมูกเข้าไปใกล้แก้มขาวๆจนอีกฝ่ายเผลอผงะ



    วันนี้ไอ้แทมันจะหอมแก้มนายโชว์อาร์มี่...



    คำพูดของฮยองผิวขาวจัดดังขึ้นมาในหัว



    เสียงกรีดร้องของแฟนคลับดังขึ้นรัวๆจนเด็กน้อยขี้อายที่พยายามฝึกหัดความหน้าด้านยิ่งอายมากขึ้น กลั้นใจยื่นหน้าเข้าไปใกล้ แต่แทนที่แทแทฮยองจะถอยหนี คนน่ารักกลับเอียงแก้มเนียนๆเข้ามาหา



    หน้าด้านอะไรแบบนี้...



    จองกุกหน้ามุ่ยค่อนขอดพี่ชายร่วมวงอยู่ในใจ แต่มักเน่จะรู้มั้ยนะว่ากล้องน่ะจับภาพได้หมดนั่นแหละ ตอนที่เจ้าตัวกำลังยกยิ้มพอใจคนเดียวตอนที่โดนฮยองคนน่ารักโอบรอบคอ



    “อ่อนอ่ะ อ่อนมากๆ”



    น้ำเสียงเหยียดๆกับดวงตาเรียวเล็กที่ตวัดมามองยิ่งทำให้เด็กน้อยหน้างอ มินยุนกินั่งไขว้ห้างอยู่บนโซฟาตัวเดียวในห้องนั่งเล่น 



    “ฮยองอย่าว่าน้องสิ กุกมันไม่ได้อ่อนซะหน่อย ผมว่าออกจะ...แข็ง”



    จอนจองกุกส่งสายตาเขียวปั๊ดเข้าใส่ปาร์คจีมินกับมุกทะลึ่งไม่ดูเวลา คนกำลังเครียด! สงสารเฮียมีเมียลามก แถมยังชอบลวนลามเด็ก



    นั่นไง! ว่างก็มาโอบไหล่อีกแล้ว แฟนตัวเองนั่งอยู่ตรงหน้าแท้ๆ คิดแล้วก็ปัดมือออกแม่ม



    “โห ทีอย่างนี้ละทำเป็นกล้า กับไอ้แทนะอ่อนยังกับเต้าหู้ โดนแตะนิดแตะหน่อยก็หน้าแดงเป็นตูดลิง จะทำท่าอะไรก็ให้เกียรติกล้ามตัวเองบ้าง”



    นอกจากลามกแล้วยังปากหมาอีก ไอ้ที่แสดงออกว่ารักเขานักหนาต่อหน้าแฟนนั่นสร้างภาพทั้งนั้น 



    “เอายังงี้มั้ย” จองโฮซอกผู้ร่วมขบวนการเริ่มจะสงสารมักเน่ขึ้นมา “ถ้าการเริ่มสกินชิพกับแทฮยองต่อหน้ากล้องมันยาก ลองจากง่ายๆเช่นจับมือก่อนดีมั้ย”



    “แต่ว่าฮยอง...นี่ไม่ใช่อนุบาลหมีน้อยนะ จับมืออะไรกัน” ปาร์คจีมินหน้ามุ่ย “ระดับนี้มันต้องจูจุ๊บ”



    “ขนาดจับมือยังไม่มีปัญญา จูจุ๊บนี่คงโลกหน้า”



    “ทำไมฮยองดูถูกความสามารถ(?)น้อง”



    “เอ้า ก็เห็นมั้ยเนี่ยว่าไอ้กุกมันอ่อน ก็ต้องเริ่มบำบัด(?)จากสเต็ปง่ายๆ”



    “โว้ย หยุดเถียงได้แล้ว!!!” มินยุนกิขัดขึ้นเพราะทนความลำไยไม่ไหว คนแสว็กประจำวงจิ๊ปากขัดใจ



    “อายมากนักก็ไปหาที่มืดๆทำสิวะ”



    อายมากนักก็ไปหาที่มืดๆทำสิวะ



    อายมากนักก็ไปหาที่มืดๆทำสิวะ



    อายมากนักก็ไปหาที่มืดๆทำสิวะ



    มืดๆอย่างเช่นห้องเก็บของนี่พอไหวมั้ย?




    SHY BOY 




    จอนจองกุกเด็กน้อยผู้น่าสงสารได้แต่ยืนเอ๋ออยู่ในห้องเก็บของมืดๆในหอบังทัน ทันทีที่ฝึกซ้อมประจำวันเสร็จปุ๊ป สองคู่หู โฮซอกจีมินที่รอจังหวะนี้อยู่แล้ว สองแขนแกร่งรีบล็อกตัวมักเน่ออกจากรถจับยัดเข้าใส่ห้องเก็บของรกๆที่เอาไว้เก็บของขวัญจากแฟนๆ



    ยังไม่ทันจะได้อ้าปากประท้วง ดวงหน้ามนที่กำลังตกใจสุดขีดกับดวงตากลมโตเบิกกว้างจนแทบถลนก็เข้ามาแทนที่ ร่างบางของแทฮยองโดนฝ่าเท้าหนักๆจากมินยุนกิยันโครมเข้าที่ก้นจนถลาเข้าเต็มอ้อมอก ประตูถูกปิดล็อกจากด้านนอก



    มีเพียงเนื้อตัวนุ่มนิ่มของคนในอ้อมกอดกับความมืดมิดที่รายล้อม ลมหายใจอุ่นปะทะเข้าที่อกล่ำของจองกุกแผ่วเบาจนมักเน่ใจเต้นตึ้กตั้ก กลิ่นกายหอมละมุนจากแทฮยองยิ่งทำให้เด็กหนุ่มอายุ 15 ทำตัวไม่ถูก มือไม้ก็พาลเกะกะไม่รู้จะเอาไปวางตรงไหน สุดท้ายก็แปะมันเข้าที่สะโพกกลม 



    แต่ว่า...



    “นี่นายจับก้นพี่เหรอ จองกุก”



    เฮ้ย! 



    “ป...เปล่า ผมเปล่า”



    “แล้วไอ้ที่บีบก้นพี่อยู่นี่มันอะไร”



    “!!!!...ตุ๊กตากระต่าย...ตุ๊กตากระต่ายของขวัญจากแฟนคลับกำลังบีบก้นพี่...”



    พูดไปก็หน้าร้อนจนอยากจะยกมือขึ้นมาพัด มักเน่หน้าหล่อก้มหน้างุดๆด้วยความอับอายแต่ก็ไม่กล้าปล่อยมือออกจากเนื้อนิ่มที่กำลังขยำเต็มไม้เต็มมือ ก็คนมันไม่รู้จะเอามือวางไว้ตรงไหนก็จับไว้ที่เดิมก่อนละกัน



    บีบไปบีบมาก็เพลินมือดี...



    ทำแล้วก็รู้สึกหน้าร้อนกว่าเดิมจนแก้มขาวๆขึ้นสีแดงก่ำไปหมด อาการเขินอายของมักเน่ทำให้ร่างบางยกยิ้มเอ็นดู มือเรียวเอื้อมไปด้านหลังแผ่นหลังกว้างไปทางผนังด้านหลัง กะจะควานหาสวิตซ์เปิดไฟ



    “ห้ามเปิดไฟนะ!!”



    จองกุกร้องเสียงหลง ยื้อยุดข้อมือบางจนแทฮยองชะงัก



    “แต่ว่าพี่อยากมองหน้านาย เวลาเขินต้องน่ารักมากแน่ๆ ในนี้มันมืดจะตายมองอะไรไม่เห็นเลยอ่า”



    “ผมไม่ได้น่ารัก!!” 



    เสียงทุ้มตะโกนออกมาด้วยความไม่พอใจ คิ้วเข้มขมวดมุ่นขึ้นจนแทบลืมความเขินอาย จอนจองกุกไม่ได้อยากน่ารัก เพราะเห็นเขาไม่สู้ใช่มั้ย แทฮยองก็เลยแกล้งแหย่อยู่อย่างนี้



    ความกรุ่นโกรธที่โดนแกล้งทำให้สองมือใหญ่ขยำก้นนิ่มแรงขึ้น กระชากเข้ามาจนแนบชิด



    “อ๊ะ!”



    แทฮยองวางมือลงบนอกกว้าง คนน่ารักเลิ่กลั่กหลุบตามองต่ำด้วยความประหม่า เด็กบ้า รู้มั้ยว่าข้างล่างอะไรกำลังถูกันอยู่ ถึงเขาจะหน้าด้านก็ไม่ได้ด้านขนาดไม่รู้สึกอะไรตอนที่อะไรๆมันแนบกันอยู่แบบนี้นะ!



    “จ...จองกุกคือ...มันใกล้ไปแล้ว”



    “ใกล้ๆแบบนี้สิครับดี โฮซอกฮยองบอกว่ามันเป็นการบำบัด”



    ไม่พูดเปล่า จมูกโด่งของน้องก็โน้มมาคลอเคลียแนบชิด ถูไถไปมาที่แก้มเนียนแผ่วเบา



    “ฮยองก็รู้ว่าผมขี้อายต่อหน้ากล้อง...”



    ตอนนี้ก็ยังอาย...ทั้งๆที่กำลังเป็นฝ่ายกดจมูกลงบนแก้มใสๆนี่เองแท้ๆ แต่ใจของเขาก็เต้นแรงจนรู้สึกเหมือนเสียง ตึกตัก ดังอยู่รอบตัว หรืออาจจะเป็นเสียงหัวใจของแทฮยองที่กำลังเม้มริมฝีปากตัวเองเพราะมันเริ่มจะสั่นเพราะความประหม่าขึ้นมา



    “แล้วทำไมไม่ทำต่อหน้ากล้อง”



    ถ้ามีคนเยอะๆมันคงไม่น่าอายมากขนาดนี้แน่ๆ



    “ก็บอกแล้วไงว่าเขินกล้อง ยุนกิฮยองก็เลยบอกให้เริ่มจากมืดๆ...” จองกุกเว้นจังหวะไปชั่วขณะนึง 



    “เพราะฉะนั้นเพื่อผมจะได้หายอาย ฮยองต้องช่วยผมนะครับ”




    SHY BOY 



    ผิดพลาด! ผิดพลาดมากๆ!!



    หลังจากวันนั้นในห้องเก็บของมาจนถึงวันนี้ก็ผ่านมาเป็นปีแล้ว หลังจากที่ตัดสินใจจะช่วยน้องเพราะแพ้ทางความน่ารักกับลูกอ้อน (ถ้าการเอาคางมาเกยไหล่ถือว่าเป็นการอ้อนอ่ะนะ) พอจองกุกขอร้องน้องก็เปิดไฟ เปิด..เพราะจะได้ใช้ดวงตากลมๆใสแป๋วเกลี้ยกล่อม



    แก้มแดงๆนั่นช่างน่ารัก ท่าทีกัดริมฝีปากเพราะความประหม่ากับเนื้อตัวขาวๆที่แดงเถือกทำให้แทฮยองกรีดร้อง คำว่า น่ารัก น่ารัก น่ารัก ลอยวนเต็มไปหมด อดใจไม่ไหวก้มหน้าลงไปถูไถฟัดแก้มนิ่มๆจนหนำใจ ลืมความเขินอายไปจนหมด



    น้องพูดอะไรก็ยอมตกลงตามใจแบบไม่รู้ตัว



    ไม่รู้เลยว่ากำลังก้าวขาเข้าสู่นรก!!



    จอนจองกุกคิดจะบำบัดความเขินอายจริงอย่างที่ว่า และการบำบัดนั่นก็เริ่มจากเวลาว่าง พอสบโอกาสจองกุกก็จะลากแทฮยองเข้ามุมมืดตามสถานที่ต่างๆ ห้องนอนมืดๆบ้างล่ะ ระเบียงมืดๆ ถนนมืดๆ แม้กระทั่งหลังเวทีมืดๆตอนที่ทุกคนไม่อยู่เพื่อฝึกสกินชิพ มักเน่ที่แสนดื้อดึงเชื่อฟังคำของยุนกิฮยองเกินคาด



    แทฮยองก็ไม่ได้อะไรหรอกนะที่จะโดนเด็กโข่งฉุดกระชากลากเข้ามุมมืด ไอ้ที่มีปัญหาน่ะคือวิธีการสกินชิพของน้องต่างหาก!!



    “คืนนี้จองกุกมันบอกพี่ว่าไม่กลับหอนะ”



    นัมจุนฮยองที่มีเส้นรามยอนอยู่เต็มปากพูดขึ้นมา ตอนนี้พวกเมมเบอร์กำลังล้อมวงนั่งกินอาหารเย็นอยู่ในห้องครัว ขาดก็แต่จองกุกที่ออกไปสตูดิโอเพื่อไปอัดเพลง



    “แล้วน้องกินข้าวรึยัง”



    ซอกจินถามขึ้นมาเพราะช่วงนี้จองกุกกำลังลดน้ำหนักและยิ่งทำงานแบบนั้นอาจจะลืมกินข้าวเย็นก็ได้ ไม่พูดเปล่าเจ้าตัวยังลุกขึ้นไปตักข้าวเตรียมทำเป็นข้าวกล่อง



    “แทแท” 



    “ห่ะหือ”



    คนน่ารักเงยหน้าขึ้นมองจากสงครามแย่งชิงเนื้อกับเพื่อนรัก ข้าวเต็มปาก แก้มกลมบวมตุ่ยจนคนรอบข้างหัวเราะเอ็นดู



    “นายเอาข้าวไปให้มักเน่ที่บริษัทหน่อยสิ”



    ทำไมต้องแทฮยองวะ!



    ร่างบางหน้ามุ่ยเบ้ปากตลอดทางที่เดินมา ถึงอากาศจะไม่ร้อนแต่เขาก็อยากจะนอนผึ่งพุงอยู่บ้านมากกว่าการออกมาเดินตอนกลางคืนแบบนี้ จองกุกไม่รับโทรศัพท์ เจ้าตัวคงกำลังยุ่งอยู่กับการอัดเพลงแล้วก็ไม่ได้กินข้าวตามเคย 



    ถึงจะเป็นห่วง แต่แค่คิดถึงการอยู่กับมักเน่สองต่อสองในความมืด...



    มันเริ่มจากการสัมผัสเบาๆเช่นการจับมือในครั้งแรก จองกุกเป็นเด็กผู้ชายขี้อายที่ไม่ชินกับการสกินชิพ ตอนที่เริ่มรู้จักไม่ว่าใครมาจับก็ปัดออกทุกครั้ง แต่แทฮยองก็อาศัยความหน้าด้านเข้าหาจนน้องเหนื่อยใจจะขัดขืน 



    การเป็นไอดอลกับสกินชิพเซอร์วิสแฟนยังไงก็เป็นของคู่กัน ยังไงก็ต้องทำให้น้องชิน ให้น้องกล้าขึ้นให้ได้ ทั้งวงตัดสินใจแบบนั้น แล้วความซวยจะตกมาอยู่ที่ใครถ้าไม่ใช่คิมแทฮยอง คู่จิ้นอันดับหนึ่ง...



    Taekook อ่ะรู้จักมั้ย



    แรกๆมันก็ดีอยู่หรอกที่ได้ใกล้ชิดน้องน้อยคนน่ารัก



    แทแทฮยอง



    เวลาโดนเรียกด้วยน้ำเสียงหวานชวนเคลิ้มจนคนฟังฟินไปไหนต่อไหน รอบด้านที่มืดสลัว จองกุกที่กำลังกอบกุมมือเรียวสวยของแทฮยองเอาไว้ด้วยมือขาวๆที่เล็กกว่าแต่แฝงความอบอุ่น ผ่านมาสองสามครั้งน้องดูกล้ามากขึ้นกว่าเดิม ฝ่ามือที่เริ่มหยาบนิดๆเพราะออกกำลังกายเลื่อนมาแตะแก้มเนียนของคนพี่



    ลากไล้นิ้วมือไปตามผิวเนียนๆตั้งแต่พวงแก้ม ลำคอ ลาดไหล่บาง มีเพียงแสงไฟสลัวจากห้องนั่งเล่นที่ลอดผ่านเข้ามาจากช่องประตู ทำให้ห้องนอนในหอบังทันพอจะมองเห็นได้เลือนราง

    หน้าของจองกุกนิ่งมาก จนแทฮยองดูไม่ออกว่าน้องกำลังคิดอะไร



    กำลังเขินอายหรือว่าเริ่มชิน



    แขนแข็งแรงโอบรอบเอวเล็กเอาไว้หลวมๆ พัฒนาการการสกินชิพที่แทฮยองควรจะดีใจที่น้องเริ่มจะแตะต้องพี่ชายร่วมวงขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ว่าทำไมมันถึงรู้สึกแปลกๆซะได้ตอนที่โดนโอบกอด ทั้งที่เมมเบอร์คนอื่นก็กอดแทฮยองอย่างนี้เหมือนกัน



    จองกุกกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นจนใบหน้าหวานซุกลงกับไหล่หนา แผ่นอกตัวเองที่แนบชิดไปกับอกของน้องจนได้ยินเสียงหัวใจของมักเน่เต้น ตึกตัก อยู่ข้างหู



    เด็กน้อยก็ยังคงประหม่ากับการสกินชิพ แค่เริ่มเรียนรู้ที่จะเก็บสีหน้าท่าทางให้นิ่งเฉย ทั้งที่แทฮยองควรจะล้อเลียนน้องที่ทำเป็นเข้มทั้งที่อายจะตายอยู่แล้วเหมือนทุกที แต่กลับใจเต้นโครมครามเขินตามน้องไปซะได้...



    โว้ยยยย



    ร่างโปร่งบางยกมือข้างที่ว่างทึ้งหัวตัวเองอย่างแรง เมื่อความทรงจำปีที่แล้วย้อนเข้าหัวสมองมาเป็นฉากๆ




    SHY BOY 



    ดึกมากแล้ว ไฟทุกดวงในบริษัทถูกดับลงจนเหลือเพียงแค่ไฟจากทางเดิน ร่างโปร่งบางก้าวเท้าอย่างเชื่องช้าไปตามทางเดินที่คุ้นชินเพราะเดินมานับไม่ถ้วน ประตูห้องอัดเสียงที่เห็นอยู่ด้านหน้าพาให้ใจหนักอึ้งเมื่อนึกว่าต้องอยู่สองต่อสองกับมักเน่ที่ตอนนี้ชักจะเริ่มไม่น่ารัก 



    ภาพของจอนจองกุกที่กำลังใจจดจ่ออยู่กับหน้าจอคอม ริมฝีปากอิ่มที่เม้มแน่นเหมือนเช่นทุกครั้งที่เจ้าตัวกำลังคิดเรื่องอะไรบางอย่างทำให้แทฮยองใจอ่อนยวบยาบ ความคิดที่ว่าจะรีบเอาข้าววางไว้ให้แล้วหนีกลับหอไปนอนหายไปจนหมด



    “ทำไรอยู่อ่ะ”



    ทักเสียงดังจนมักเน่สะดุ้ง ใบหน้าน่ารักของจองกุกหันขวับมามอง แทฮยองขยับตัวไปมาด้วยความประหม่า เมื่อดวงตากลมๆที่นับวันยิ่งจะแฝงแววดุเอาไว้เมื่อไม่ได้อยู่ต่อหน้ากล้องจ้องมองมา มือไม้ก็พาลเกะกะไปหมดแต่ก็ทำใจกล้าเดินเข้าไปหา



    นับตั้งแต่จบโปรโมทเพลงซังนัมจา จองกุกก็ดูจะเริ่มเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นอย่างเต็มตัวจนแทบจะลืมภาพเด็กน้อยคนน่ารักขี้อายต่อหน้ากล้อง แสงไฟสลัวๆจากห้องมิกซ์เสียงเล็กๆไล้ไปตามสันกรามคมกับวงหน้าน่ารักที่นับวันจะยิ่งหล่อเหลาขึ้น



    “มาทำอะไร”



    ไม่ได้อยู่ต่อหน้ากล้องก็ไม่มีแล้วล่ะความเกรงใจ จองกุกเลิกคิ้ว ติดจะรำคาญนิดๆที่มีคนมาขัดจังหวะ ไม่ได้อ่อนหวานเหมือนช่วงรู้จักกันแรกๆเลยสักนิด ทำไมถึงโตมาเป็นเด็กแบบนี้นะ



    “เอาข้าวมาให้”



    ชูถุงใส่ทับเปอร์แวร์ที่ข้างในเต็มไปด้วยกับข้าวต่างให้ดู สีหน้าดุๆของมักเน่ดูอ่อนลงนิดหน่อยเมื่อเห็นว่าเขาแค่มาส่งข้าว ไม่ได้มากวนเหมือนอย่างทุกที



    “งานยุ่งมากเลยเหรอ”



    เอ่ยถามเมื่อเห็นใบหน้าเหนื่อยๆของน้องหลังจากรับเอาข้าวไปวางเอาไว้แล้วหันกลับไปสนใจเพลงที่กำลังทำอยู่ต่อ



    “ครับ พอดีว่าอัดเสียงแล้วไม่ค่อยดีเลยอัดใหม่อยู่หลายรอบ”



    จองกุกพูดโดยไม่หันมามอง มือไม้ก็คลิกอะไรรัวๆเต็มไปหมด แทฮยองถึงได้เห็นว่าจองกุกกำลังมิกซ์เพลงที่เพิ่งอัดเสียงไป



    “งั้นพี่ไม่กวนล่ะ กลับนะ”



    รีบฉวยโอกาสตอนที่น้องกำลังสนใจงานมากกว่าเตรียมกลับบ้านไปนั่งดูทีวี แต่ไม่ทันมือใหญ่ที่เอื้อมมาฉวยข้อมือเล็กเอาไว้ทันควัน



    “อย่าเพิ่งไปสิครับ ผมเกือบจะเสร็จแล้ว ไว้รอกลับบ้านพร้อมกัน...นะ”



    แล้วแทฮยองคนใจง่ายก็แพ้ลูกอ้อนดวงตากระต่ายน้อยอีกครั้งเผลอพยักหน้าตกลงโดยไม่รู้ตัว แต่มันก็คุ้มค่าเมื่อน้องน้อยคนน่ารักเผยรอยยิ้มกว้างจนเห็นฟันกระต่ายน่าเอ็นดูจนแทฮยองแอบกรีดร้องในใจ 



    น่ารักระดับร้อยแบบนี้ แทแทจะไปไหนรอด



    ไปไม่รอดเพราะมือใหญ่ซุกซนเลื้อยมาโอบรอบสะโพก ก่อนจะกดกระชากลงมาให้นั่งลงบนตักตัวเองเต็มแรง



    “โอ๊ยยย”



    คนน่ารักเผลอร้องลั่นเมื่อก้นกระแทกลงกับตักแข็งๆจนใบหน้าห่างกันแค่เพียงลมหายใจกั้น



    “ห..ไหนว่าจะทำงานไง”



    น้ำเสียงสั่นๆกับท่าทางกระวนกระวายของคนบนตักไม่ได้ทำให้จองกุกหลุดจากสีหน้าเรียบเฉย รอยยิ้มน่ารักเมื่อครู่หายไปอบ่างรวดเร็วยังกับไม่เคยเกิด 



    ปัญหาที่สำคัญที่สุดที่แทฮยองเพิ่งมาค้นพบหลังจากโดนน้องฉุดเข้าที่มืดไปได้สองสามครั้ง



    ถ้าหากว่าความมืดกำลังหล่อหลอมให้จอนจองกุกกลายเป็นเด็กไร้ความเขินอาย ตรงกันข้าม ความมืดกลับทำให้แทฮยองประหม่าจนทำอะไรไม่ถูกเลยสักครั้งเมื่ออยู่กันแค่สองคน



    “ก็กำลังทำอยู่นี่ไง”



    จมูกโด่งคมคลอเคลียกับปลายจมูกมนของพี่ชายตัวเล็ก จองกุกรั้งเอวบางให้เข้ามาแนบชิดกว่าเดิม



    “ฝึกสกินชิพก็ถือเป็นงานอย่างนึงนะครับ”



    “..แต่ว่าวันนี้...อื้อออ”



    เสียงทุ้มหวานครางต่ำเมื่อจองกุกตัดสินใจจะพัฒนาเลเวลการสกินชิพที่เพิ่งฝึกมาเมื่อเร็วๆนี้ด้วยการสอดฝ่ามืออุ่นร้อนเข้าไปในเสื้อยืดตัวบางสีขาว ลากวนไปตามแผ่นหลังเนียน



    “ปีนี้ผมอายุ 18 แล้วนะ ผ่านมาปีกว่าแล้วที่เราฝึกสกินชิพ”



    นิ้วมือหยาบลากไล้จากแผ่นหลังบางมาที่หน้าท้องนุ่มนิ่ม บีบมันนิดๆอย่างหมั่นเขี้ยวไปที่พุงน้อยๆที่ป่องขึ้นมาเพราะฮยองตัวยุ่งเพิ่งกินข้าว



    “อ่ะอื้อออ”



    ไต่ขึ้นสูงเรื่อยๆจนร่างบางรู้สึกเสียววาบ มักเน่คนน่ารักกระตุกยิ้มมุมปาก สบตาในอ้อมกอดพร้อมกับกดนิ้วลงบนเม็ดเล็กๆสีน้ำตาลอ่อนจนคนโดนทำครางฮือกับความรู้สึกแปลกใหม่



    รู้สึกว่ามันมากเกินไป แต่กลับทำอะไรไม่ได้ ได้แต่นั่งนิ่งรับสัมผัสจากปลายนิ้วที่ทั้งบดขยี้ ไล้วนเป็นวงกลมสลับกับดึงรั้ง 



    “ผมคิดว่าจะรอให้ฮยองคิดได้เอง แต่มามัวรอแบบนี้ฮยองคงไม่รู้ งั้นผมขอถามตรงๆ”



    ใบหน้าสวยที่แดงก่ำจนเห็นได้ชัดในความมืดสลัว แทฮยองที่หอบเล็กน้อย ปรือตามองมาพร้อมกับริมฝีปากอิ่มบวมช้ำเพราะเจ้าตัวกัดริมฝีปากตัวเองข่มกลั้นอารมณ์



    “ผมอยากลองมีอะไรกับฮยอง พูดไปแล้วงั้นถือว่า...”



    .



    .



    .



    “ผมขอนะ...”



    ขอบ้าอะไรกัน นี่มันบังคับกันชัดๆ!



    แทฮยองกัดริมฝีปาก เงยหน้าขึ้นหอบหายใจ มือเรียวบางจิกลงไปบนแผงควบคุมในห้องมิกซ์เสียงจนรู้สึกเจ็บ แต่ก็ไม่มากเท่าช่องทางอ่อนนุ่มด้านหลังที่กำลังโดนรุกล้ำด้วยจังหวะร้อนผ่าว



    จอนจองกุกกระแทกกายเข้าหาเอวบางจนเกิดเป็นเสียงเนื้อกระทบกันหยาบโลน ทั้งเสียวทั้งอับอาย 



    มือใหญ่บีบขยำสะโพกกลมมน แผ่นอกกว้างแนบลงกับแผ่นหลังบอบบางที่โค้งแอ่นจนก้นสวยโก่งขึ้นมารับกับความใหญ่โตที่กำลังขยับเข้าออก



    แสงไฟสลัวในห้องมิกซ์เสียงตกกระทบกับวงหน้าหล่อเหลาที่เชิดขึ้นเพราะความเสียวซ่านจากช่องทางคับแคบ แทฮยองเห็นมันทั้งหมดผ่านทางกระจกห้องมิกซ์เสียงที่อีกด้านเป็นห้องอัดเพลง และยิ่งเห็นใบหน้าของตัวเองในแสงไฟสลัวที่กำลังทรมานเพราะความเจ็บปนสุขสมที่มักเน่มอบให้ก็ยิ่งอับอาย



    “อ่ะ อื้อออ แรงไปแล้วว”



    นี่มันเป็นเซ็กส์ครั้งแรกที่น่าอายและร้อนแรงที่สุด เมื่อคิดได้ว่าคนที่กำลังครางเสียงต่ำแนบหูคือมักเน่น้อยที่ตัวเองแอบชอบมาตั้งแต่เจอครั้งแรก ยังไม่ทันสารภาพรักกลับโดนข้ามขั้นมาทำแบบนี้



    “อื้มมม ไม่อยากให้แรงก็อย่ารัดแน่นสิ ซี๊ดด เสียวชิบ”



    จอนจองกุกคนดีสบถเมื่อช่องทางร้อนดูจะรัดแน่นเกิน รู้สึกดีจนต้องเพิ่มจังหวะจนร่างบางกว่าเนื้อตัวสั่นคลอน นิ้วมือปัดป่ายไปทั่วเพราะความเสียว จนมือใหญ่ต้องเอื้อมไปตีก้นนิ่มเป็นการลงโทษ



    “ทำอะไรน่ะ อืม...เกือบจะโดนปุ่มอัดเสียงแล้วนะ อยากให้คนทั้งบริษัทรู้เหรอว่าเราแอบมีอะไรกันในนี้”



    เอ่ยเสียงดุแต่ก็ไม่หยุดซอยสะโพกเข้าออกเลยสักนิด



    “หรือว่าฮยองอยากเปลี่ยนที่”



    ไม่รอฟังคำตอบ มักเน่ตัวร้ายก็ผละออกจากช่องทางนิ่มจนแทฮยองครางฮือขัดใจ เขาเกือบจะเสร็จแล้วนะ ทำไมจองกุกทำอย่างนี้ 



    เกือบจะเอื้อมมือไปตีแผ่นอกกว้างอยู่แล้วถ้าหากไม่โดนยกจนตัวลอย เรียวขาสีแทนรีบเกาะเกี่ยวเอวของคนน้องเมื่อจองกุกเริ่มเดินไปทางห้องอัดเสียงที่กว้างกว่าห้องนี้มาก แต่ยังไม่ทันไปได้ถึงกลางห้อง ร่างของคนสวยกลับโดนเบียดชิดไปกับกำแพงเย็นเฉียบ



    “อ๊ะ จอง...”



    ริมฝีปากอุ่นร้อนบดขยี้ลงมาที่กลีบปากเล็กแดงฉ่ำ อ่อนหวาน...ผิดกับส่วนแข็งขืนที่เริ่มรุกล้ำเข้ามาในร่างกายอีกครั้ง ร้อนแรงกว่าเดิมเมื่อมือใหญ่กดสะโพกกลมลงมารับแรงกระแทกจนคนสวยทั้งเสียวซ่านทั้งจุกเพราะแรงกระแทก



    เกลียวลิ้นร้อนเกี่ยวพันกันอย่างไม่มีใครยอมใคร แทฮยองบีบรัดอีกฝ่ายจนจองกุกครางหอบ กัดฟันแน่นเพราะความรู้สึกดีจนแทบจะเสร็จอยู่รอมร่อ



    “อื้อ จองกุก จะ...จะเสร็จ”



    เสียงทุ้มครางกระท่อนกระแท่น ทั้งแท่งเนื้อร้อนที่กระแทกเข้ามาชนจุดอ่อนไหว ทั้งหยดเหงื่อที่ไหลไปตามกรอบหน้าคมเซกซี่ของจองกุก แทฮยองโอบรอบคอน้องชายเอาไว้แน่น กัดริมฝีปากลงบนหัวไหล่ขาวเมื่อถึงจุดสุดยอด



    รู้สึกได้ถึงของเหลวอุ่นร้อนที่ไหลเปรอะไปตามช่องทางรักที่ร้อนผ่าวจากการโดนเสียดสี ลงมาถึงหว่างขาเรียว 



    จอนจองกุกวางร่างบางลงกับพื้น จูบหน้าผากกลมเบาๆพร้อมกับคำพูดที่ทำให้แทฮยองอยากจะต่อยไอ้เด็กหน้ากระต่ายให้สมความแค้น



    “ไว้วันหลังมาฝึกสกินชิพกันใหม่นะฮยอง...”




    SHY BOY 




    จำได้ว่าตอนนั้นเหนื่อยจนแทบสลบต้องขี่หลังน้องกลับหอทั้งที่ยังกรุ่นโกรธที่โดนทำแบบนี้ แต่เขาไม่โง่พอจะทำเป็นนางเอกนิยายลงไปเดินเองทั้งที่เจ็บก้นหรอก



    ตื่นเช้าวันถัดมาก็ตั้งใจจะเรียกจองกุกไปด่าให้หายแค้น ถ้าไม่ติดว่าเจอโพสอิสสีชมพูหวานแหววแปะอยู่ที่แขนพร้อมกับคำว่า



    ‘จองกุกรักแทฮยองนะครับ’



    คิดว่าทำอย่างนี้จะหายโกรธเหรอ!! โอเค!! ยอมรับว่าหายครึ่งนึง!! แต่พอตั้งตัวได้แล้วแทฮยองก็ไม่รอช้าที่จะลากแขนเด็กเลวมาด่ากลางห้องนั่งเล่น



    “นายเป็นบ้าเหรอ! ใครที่ไหนเขียนโพสอิสมาสารภาพรักหลังเอาพี่ไปขนาดนั้นห๊ะ! ปากน่ะมีทำไมไม่พูด!!!”



    แต่จอนจองกุกก็ยังเป็นจอนจองกุก และเพราะตอนนี้เป็นตอนกลางวันแสกๆที่มีฮยองที่เหลือร่วมหูผึ่งเผือกอยากจะฟังแต่แกล้งทำเป็นไม่สนใจ



    และดูเหมือนคนสวยจะประเมินน้องผิดไปเมื่อจองกุกกัดริมฝีปากทำท่าจะร้องไห้



    “โกรธเหรอ..ไม่รักผมแล้ว?”



    จองกุกใช้มือขาวๆถูจมูกแดงก่ำของตัวเองไปมา แค่นั้นแทฮยองก็แทบทิ้งทุกอย่าง วิ่งเข้าไปดึงน้องเข้ามากอดมาโอ๋แนบอก



    “รักสิ รักมากๆ ทำไมจะไม่รัก ถ้าไม่รักจะยอมขนาดนั้นเหรอ”



    ถึงขนาดยอมโดนน้องเสียบเลยนะ



    “แล้วพี่จะดุผมทำไม ดูสิ ผมอุตส่าห์ทำกับข้าว เตรียมยาแก้ปวดให้พี่กินเลยนะ”



    จองกุกชี้มือไปทางถาดอาหารที่มีข้าวผัดกับยาสองเม็ดเตรียมเอาไว้จนแทฮยองรู้สึกผิด เดี๋ยวนะ! ทำไมคนโดนทำต้องรู้สึกผิดด้วยล่ะ ยิ่งโดนมองก็ยิ่งละล่ำละลัก



    “ก...ก็นายไม่ยอมบอกดีๆ มาเขียนแบบนี้...”



    มักเน่เพียงแค่ช้อนดวงตากลมโตใสแจ๋วมองสบตา กัดริมฝีปากอีกนิด เพิ่มแก้มขาวๆที่เป็นสีชมพูเข้าไปหน่อย ปิดท้ายด้วยน้ำเสียงหวานๆที่บอกแค่เพียงว่า



    “ผมอาย...” 



    คิมแทฮยอง Knock out!!




    -Bonus-



    “ถ้าผมอยากจะฝึกสกินชิพแบบใช้ของเล่น...”



    “อ...เอ่อ ถ้าอย่างนั้นก็รอให้ 20 ก่อนนะค่อยใช้”




    จอนจองกุกขี้อายจริงๆ(?)นะ




    The End


    ......................



    ถ้าอ่านแล้วสะดุดต้องขออภัยค่ะ 5555 ที่ญี่ปุ่นตี 1 ครึ่งแล้ว พรุ่งนี้มีสอบแต่อยากมาปั่น ชอบก็เม้นบอกนะคะ ไม่ชอบก็บอกได้ 5555 เราจะเอาไปปรับปรุงค่ะ ช่วงหลังแต่ไม่ลื่นไหลเลยไม่ค่อยมั่นใจ ที่หายไปส่วนนึงเพราะแบบนี้ด้วยแหละค่ะ //ถอนหายใจ


    twitter : @seulkinii


    อย่าลืมเล่นแท็ก #กุกวีซังนัมจา นะคะ จะหวีดตั้งแต่ตอนแรกเลยก็ได้ 5555








    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×