ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic BTS] Sungnumja Game (KookV)

    ลำดับตอนที่ #21 : Happy New Year SF : My C(K)OOKIE

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.83K
      49
      1 ม.ค. 61

    Happy New Year 2018 ค่ะ ฉลองวันปีใหม่ด้วยการอัพฟิคคริสมาสต์ที่ลบไปนานแล้วให้ทุกคนได้อ่านกันค่ะ ขอให้มีความสุขไปทั้งปีเลยนะคะ


    เม้ามอยกับเราได้ที่ทวิต @seulkiniii ค่ะ


    อย่าลืมเม้นเป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะ


    Enjoyyyy



    ...................................................................



    MY C(K)OOKIE



    ‘เทศกาลคริสมาสต์’ ถูกกล่าวขานได้ว่าเป็นวันแห่งคู่รักของประเทศเกาหลีใต้ โดยเฉพาะในวันคริสมาสต์อีฟ หน้าหนาวที่หิมะตกลงปกคลุมทั่วทั้งกรุงโซลจนกลายเป็นสีขาวโพลน เมืองทั้งเมืองประดับประดาไปด้วยแสงไฟตามรายทางและต้นคริสมาสต์สวยๆ พร้อมทั้งเสียงเพลงเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุข





    เหล่าคู่รักต่างพากันจับจูงมือเดินฝ่าลมหนาว เพลิดเพลินไปกับแสงสีและร้านค้าที่พากันประดับไฟสีทองเสริมให้บรรยากาศดูอบอุ่นคึกคัก




    ‘ชินชน’ หนึ่งในย่านช๊อปปิ้งชื่อดัง ด้วยว่าเป็นย่านมหาวิทยาลัยยอนเซ ถนนชื่อดังที่เรียกกันว่า ยอนเซโร เป็นหนึ่งในถนนที่มีการประดับประดาต้นคริสมาสต์ใหญ่โต ร้านค้า ร้านกาแฟและร้านขนมที่ตั้งวางอยู่ริมสองข้างทางสว่างจ้าเกิดเป็นแสงนวลๆสีเงินสลับทอง ท้องถนนเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่ต่างพากันเก็บภาพบรรยากาศวันคริสมาสต์อีฟ




    ในช่วงเทศกาลแบบนี้ ประเทศที่ได้ขึ้นชื่อว่า มีการสกินชิพและคู่รักที่รักกันได้โรแมนติกที่สุดเป็นอันดับต้นๆของโลก แน่นอนว่าบรรดาคู่รักที่มาเดินก็ต้องเพิ่มมากขึ้นเป็นธรรมดา จนทุกหนแห่งเต็มไปด้วยหนุ่มสาวเดินจับมือแสดงความรักกันอย่างน่ารัก




    น่ารักบ้าอะไร น่าหมั่นไส้ล่ะสิไม่ว่า




    คิมแทฮยองเบะปาก จิกตามองคู่หนุ่มสาวที่เดินผ่านไปมาด้วยความอิจฉาริษยา ทั่วทั้งเมืองที่เต็มไปด้วยคู่รัก ต้องใช้ความสตรองขนาดไหนถึงมาเดินในย่านนี้คนเดียวได้ ลองคิดดู!




    ท่ามกลางคนมีคู่ มีเพียงแค่คนหล่อคนนี้ที่เดินคนเดียว -=-




    โอเคครับ! อย่างน้อยคิมแทฮยองคนหล่อคนนี้ก็ทำให้หญิงสาวทุกคนที่เดินผ่านเหลียวหลังมองตามจนคอแทบหักลืมเลือนผู้ชายหน้าปลวกที่จับมืออยู่ข้างๆได้ก็แล้วกัน สถิติทำให้คู่รักทะเลาะกันตอนนี้อยู่ที่ 50 คู่พอดิบพอดี 




    เกิดมาหล่อก็เป็นบาป




    ถ้าถามว่าทำไมช่วงเทศกาลแบบนี้ คิมแทฮยอง ที่มีใบหน้าหล่อเหลามองเพลินๆก็ดูสวยหวานถึงมาเดินคนเดียว ทั้งที่จะหาคนควงสักคนไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลย




    ใช่ครับ คำตอบอันน่ารันทดก็คือ ‘โดนเพื่อนทิ้ง!!’ 




    นอกจากทั้งชินชนจะมีเพียงแค่แทฮยองที่โสด ในกลุ่มก็ยังมีแค่เขาอีกนั่นแหละที่โสด แม้แต่ ‘ปาร์คจีมิน’ เพื่อนสนิทก็ทรยศหนีไปเที่ยวกับแฟนที่ขาวยังกับไฟแต่งต้นไม้ เห็นไฟข้างทางทีไรก็นึกไปถึงมินยุนกิทุกที ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นใจ อุตส่าห์ไม่กลับบ้านเพราะอยากอยู่เที่ยว แต่เพื่อนตัวดีกลับหนีไปอยู่กับแฟนทั้งที่รับปากซะดิบดี 




    “แม่งเอ๊ย!”




    เสียงสบถที่ไม่เข้ากับหน้าตาดังขึ้น เมื่อชายหนุ่มคนหนึ่งเดินผ่านมายักคิ้วให้พร้อมกับหอมแก้มแฟนสาวคนสวยโชว์ เดินคนเดียวไม่พอยังต้องมาโดนไอ้หน้าหล่อนี่เยาะเย้ย แว่วๆว่าแฟนเรียกว่า ‘โฮซอก’ อย่าให้เจออีกนะ จะร้องไห้โชว์แม่ม T~T




    ในขณะที่กำลังแช่งให้โฮซอกอะไรนั่นเดินตกท่อตาย ขาเรียวที่เดินไปเรื่อยเปื่อยไร้จุดหมายก็ต้องหยุดชะงักเมื่อกลิ่นหอมหวานของขนมลอยเข้ามาแตะจมูกโดยบังเอิญ 




    ร่างโปร่งบางทำจมูกฟุดฟิดล่องลอยไปจนไปถึงที่มาของกลิ่นหอมๆ มือเรียวเกาะกระจกใสหน้าร้านพร้อมกับทำปากเป็นรูปตัว ‘O’ เมื่อมองผ่านเข้าไปเห็นขนมที่ตั้งเรียงราย แต่อะไรก็ไม่น่าดึงดูดใจเท่าคุกกี้คริสมาสต์อันยักษ์รสช็อกโกแลตชิป ป้ายโฆษณาอันใหญ่บ่งบอกว่า คุกกี้มีขายแค่วันนี้เท่านั้น!!!!




    แม้แต่วันแย่ๆก็ยังมีอะไรดีๆอยู่บ้าง




    ร่างบางฮัมเพลงระหว่างที่ยืนจ้องคุกกี้ตาเป็นมัน ยิ่งได้ยินเสียงเด็กน้อยข้างๆกัดคุกกี้ดังกร๊อบๆ เคี้ยวไปก็ทำหน้าฟินไป แค่นี้คิมแทฮยองก็สุขใจแล้ว




    แต่เอ๊ะ! ทำไมคุกกี้ที่วางเมื่อกี๊ถึงลดจำนวนลงเร็วขนาดนี้ ร่างบางอ้าปากเหวอมองคุกกี้ที่ตอนนี้เหลือแค่ชิ้นสุดท้าย 




    “คุกกี้คริสมาสต์สเปเชี่ยลชิ้นสุดท้ายแล้วนะคะ ลูกค้าท่านใดสนใจจะรับ.....”




    “ผมเอาครับ”




    ยังไม่ทันจะได้อ้าปากพูด เสียงทุ้มต่ำจากชายหนุ่มข้างกายกลับดังขึ้น พนักงานสาวส่งยิ้มหวานพลางเอื้อมไปคีบคุกกี้...




    ไม่นะ!!




    “หยุดนะ! ผมก็จะเอา! ผมจะเอาคุกกี้ชิ้นนั้น!!”




    ร่างบางตะโกนขึ้นบ้าง ยืนเล็งมาตั้งนาน อยู่ดีๆจะให้ไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้เอาไปได้ไง เสียงเยื้องไปข้างหลังแสดงว่าโจรขโมยคุกกี้ คนหน้าด้านเจ้าของเสียงทุ้มหวานชวนให้ใจละลายต้องมาทีหลังเขาแน่นอน!




    พนักงานสาวหยุดชะงัก มองชายหนุ่มสองคนที่กำลังยื้อแย่งคุกกี้ชิ้นสุดท้ายกันด้วยท่าทางเลิ่กลั่ก หญิงสาวทำตัวไม่ถูกมากขึ้นเมื่อพบว่าเจ้าของเสียงที่มาทีหลังกำลังทำปากยู่ลงด้วยความไม่พอใจ แต่มันกลับยิ่งเสริมให้ร่างบางแลดูน่ารักจนเธออยากจะยื่นคุกกี้ให้เขา แต่ว่าชายหนุ่มที่มาคนแรก....




    “ผมบอกไปแล้วว่าผมจะเอาชิ้นนั้น คุณไม่ได้ยินรึไง”




    เสียงทุ้มนั่นเรียบเฉยแต่ปลายเสียงติดจะรำคาญเล็กๆ เพราะเหตุการณ์ที่ผู้ชายตัวใหญ่สองคนแย่งคุกกี้กันนี่มันเด่นน้อยซะที่ไหน




    คิมแทฮยองทำปากคว่ำหันหลังกลับเตรียมจะด่าคนหน้าด้านให้มันลืมบ้าน แต่แล้วคำด่าที่เตรียมจะพ่นใส่กลับติดอยู่ในลำคอ เมื่อหันหลังกลับไปเจอใบหน้าของโจรขโมยคุกกี้ในระยะประชิด




    คำๆเดียวที่คิดออกในหัวคือ หล่อ...หล่อมากๆ




    โจรขโมยคุกกี้เจ้าของเสียงทุ้มหวาน นอกจากจะมีน้ำเสียงที่ชวนให้ระทวยแล้ว ใบหน้าคมเข้มนั่นก็ยังหาที่ติไม่ได้ แทฮยองไล่สายตามองตั้งแต่แนวกรามสวยได้รูป จมูกโด่งคมที่รับกับริมฝีปากอิ่มอมชมพู ผิวของเขาขาวผ่องและดูดีภายใต้เสื้อโค้ทราคาแพงสีดำสนิท เรือนผมสีดำตัดสั้นระปรกลงมาตามหน้าผากได้รูป สั้นขึ้นจนเหนือแนวใบหูที่มีจิวสีดำสลับเงินเป็นแนว




    ชายหนุ่มที่ดูราวกับหลุดมาจากปกนิตยาสารสูงโปร่งดูดีราวกับนายแบบ สายตาของร่างบางอ้อยอิ่งไปตามแผงอกกว้าง ยังคงตั้งรับไม่ทันที่เจอชายหนุ่มที่หล่อเหลาขนาดนี้มาเดินในย่านธรรมดาๆอย่างชินชน เขาเหมาะกับการเดินในย่านคนรวยอย่างเช่นอัพกูจองหรือกาโรซูกิลเสียมากกว่า




    และคิมแทฮยองที่จ้องมองคนอื่นอย่างเสียมารยาทมานานเกินไปตั้งแต่ทรงผมไปจนถึงรองเท้าแบรนด์เนม ในที่สุดก็เงยหน้าขึ้นสบตากับชายหนุ่มที่สูงกว่าราว 1-2 เซ็นต์ ดวงตาคมสีดำสนิทมองมาด้วยแววตาเย็นชาปนไม่พอใจจนดูโหดร้ายขึ้นเป็นกอง




    “จะจ้องอีกนานมั้ย คนอื่นเค้ารออยู่ จะเอาไงก็ว่ามา เสียมารยาท”




    เจ้าของเสียงทุ้มและใบหน้าหล่อดุเข้าให้ เมื่อร่างบางเอาแต่จ้องเขาด้วยแววตาเคลิบเคลิ้มยังกับคนบ้าดวงตาคมเหยียดมองใบหน้าหวานเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเอื้อมไปฉวยคุกกี้เข้ามาไว้เอง ทิ้งคิมแทฮยองให้ยืนโง่คนเดียวอยู่ตรงนั้น




    ซะที่ไหนกันล่ะ!




    ใบหน้าหล่อเหลาที่เย็นชาอยู่แล้วยิ่งดูน่ากลัวมากกว่าเดิม เมื่อเจ้าของใบหน้าหวานยังคงเดินตามเขามาต่อแถวซื้อน้ำ! 




    แล้วเหตุการณ์ที่ต่อจากนั้นแทบไม่ต้องคาดเดาเลยว่าเกิดอะไร




    “โกโก้ปั่นแก้วนึงครับ”




    เสียงทุ้มที่ไม่เข้ากับใบหน้าหวานและตัวเล็กๆแต่กลับกลายเป็นสเน่ห์อย่างนึง ชายหนุ่มหน้าหล่อแอบลอบมองร่างบางตอนที่ตัวเองกำลังรอเครื่องดื่มที่สั่งไปแล้วก่อนจะถอนหายใจเมื่อพนักงานหน้าเคาเตอร์คิดเงินส่งยิ้มจืดเจื่อนให้คนตัวเล็ก




    “ขอโทษด้วยนะคะคุณลูกค้า ทางเราเพิ่งขายโกโก้ปั่นแก้วสุดท้ายหมดพอดี”




    ใบหน้าสวยเม้มปากแน่นด้วยท่าทางเหมือนจะร้องไห้ ดวงตาสองคู่มองสบกันเพียงชั่วครู่ก่อนที่เสียงบาริสต้าหนุ่มจะดังขึ้นราวกับกำลังประกาศสงครามในคืนคริสมาสต์




    “โก้โก้ปั่นของคุณจอนจองกุกได้แล้วครับ”




    .




    .




    .




    โจรขโมยคุกกี้!โจรขโมยโกโก้! ดวงตากลมโตเหมือนลูกแมวน้อยบ่งบอกแบบนั้นแต่จอนจองกุกก็ไม่คิดจะสนใจ ของแบบนี้ใครดีใครได้ อีกฝ่ายดวงซวยเองที่คิดมาแย่งของของเขา ถึงหน้าตาน่ารักจะชวนให้ยอมแพ้มากแค่ไหน แต่ไม่ได้ก็คือไม่ได้




    เรื่องมันควรจะจบเพียงแค่นั้น ค่ำคืนวันคริสมาสต์อีฟแสนธรรมดาที่มีเพียงเขานั่งกินคุกกี้กับโกโก้คนเดียวเหมือนเช่นทุกๆปี แต่ปีนี้กลับดูท่าว่าจะไม่เป็นแบบนั้น เมื่อคนสวยผมสีน้ำตาลเข้มหน้าม้ากลับเดินตรงมาด้วยท่าทางเอาเรื่อง




    เฮ้! อย่าบอกนะว่าจะเข้ามาต่อยเพราะคุกกี้นี่น่ะ




    จอนจองกุกเลิกคิ้วสูงเมื่อคนน่ารักเดินมาหยุดตรงหน้า ถ้าสู้กันคนตัวเล็กกว่ายังไงก็แพ้เห็นๆ ถึงจะดูเด็กไปหน่อยที่ชกต่อยกันเพราะแย่งคุกกี้กับโกโก้ แต่อีกฝ่ายอาจจะถือคติหยามไม่ได้ละมั้ง




    “ชื่อ คิมแทฮยอง”




    หือ?




    “คุกกี้กับโกโก้น่ะ...."




    .




    .




    .




    "ขอกินด้วยคนสิ”



    เล่นขอกันง่ายๆแบบนี้เนี่ยนะ จองกุกนั่งจ้องหน้าคนตรงข้ามโต๊ะที่เอาศอกวางเท้าโต๊ะ คางวางบนมือตัวเองด้วยท่าดอกไม้บานพร้อมกับส่งรอยยิ้มหวาน ดวงตากลมกระพริบปริบๆติดต่อกันหลายครั้งมองสบตาคมด้วยแววตาหยาดเยิ้ม จนชักจะเริ่มไม่แน่ใจเสียแล้วว่าร่างบางอยากกินคุกกี้หรืออยากกินจอนจองกุกกันแน่




    เกิดมาไม่เคยพบเจอ




    “ไม่รู้จักกันซะหน่อย จะมาขอกินง่ายๆได้ไง”




    ร่างสูงเล่นไปตามน้ำ ถึงจะไม่ได้แคร์อะไรที่ต้องแบ่งคุกกี้ชิ้นยักษ์กับโกโก้ให้คนน่ารักได้ลองชิมบ้าง แต่เขาก็ไม่เห็นเหตุผลอะไรที่ต้องเสียเงินเลี้ยงคิมแทฮยอง ใครๆก็รู้ว่าจอนจองกุกน่ะนิสัยไม่ดีระดับประเทศเลยทีเดียว ธุรกิจเคยเสียผลประโยชน์ที่ไหน ถึงจะเป็นแค่คุกกี้กับโกโก้ก็เหอะ บรรยายแบบนี้แล้วดูเด็กเป็นบ้า




    “ไม่รู้จักอะไรกัน ฉันคิมแทฮยอง แล้วนายก็จอนจองกุก”




    ร่างบางชี้ตัวเองก่อนจะชี้เขาแล้วส่งยิ้มหวานเยิ้มมาอีกครั้ง ไม่ใช่ว่าจองกุกจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายแอบมองแอบชอบหน้าตาของเขา แต่ไอ้วิธีการเข้าหาแบบพิลึกนี่ก็เพิ่งเคยเจอครั้งแรก 




    ชอบเราหรือว่าชอบคุกกี้กันแน่เนี่ย...




    คนหล่อรู้สึกปวดหัวมากขึ้นเมื่อได้ยินอีกฝ่ายเล่าเรื่องชีวิตของตัวเอง ริมฝีปากสวยๆนั่นไม่หยุดพูดสักวินาทีและมันช่วยไม่ได้ที่คนความทรงจำยอดเยี่ยมแบบเขาจะรับเรื่องของอีกฝ่ายเข้ามาในสมองโดยไม่รู้ตัว




    ชื่อ คิมแทฮยอง เพื่อนชอบเรียกว่า แทแท บ้านอยู่แดกู มีพี่น้องสามคน มีหมาหนึ่งตัว อพาร์ทเม้นอยู่แถวนี้ อายุ 24 ทำงานเป็นครูสอนเด็กอนุบาล ทำอาหารเป็น ชอบกินสตรอเบอร์รี่กับโกโก้ (พูดแล้วก็จ้องแก้วโกโก้ของเขาด้วยแววตาอาลัยอาวรณ์) ตอนนี้ยังโสด เพื่อนทิ้งให้อยู่คนเดียวในวันคริสมาสต์




    “แล้วนายล่ะ”




    อยู่ดีๆอีกฝ่ายก็ถามขึ้นมา ไม่รู้ว่าแทฮยองทึกทักเอาเองรึไงว่ารู้จักกันแล้วถึงได้พูดแบบสบายๆอย่างนี้ ถึงในความเป็นจริงจะอายุเท่ากันก็เหอะ จอนจองกุกถอนหายใจ วันๆขลุกอยู่กับเด็กตัวเล็กๆสินะเลยไม่เคยรู้เรื่องราวอะไรกับคนอื่นเขา 




    “อยากรู้ก็หาเองสิ”




    .




    .




    .




    “ถ้าพิมพ์ชื่อหาในกูเกิ้ลจะขึ้นมั้ยอ่ะ”




    บางทีจอนจองกุกก็สงสัยว่าคนๆนี้มีชีวิตรอดมาจนถึงป่านนี้ได้ไง




    -MY C(K)OOKIE-



    สุดท้ายก็ต้องแบ่งคุกกี้งี่เง่าให้อีกฝ่ายกินด้วยจนได้ สิบนาทีผ่านไปที่พูดส่งๆว่าไม่รู้จักคิมแทฮยอง ตอนนี้แม้กระทั่งแนวเสื้อผ้า แนวเพลง หรือแม้กระทั่งอาหารที่ร่างบางชอบกลับเข้ามาแย่งพื้นที่ความทรงจำอันล้ำค่าในสมอง แทฮยองไม่หยุดพูดเลยแม้แต่นาทีเดียว จนเขาตัดสินใจได้ว่าทางเดียวที่อีกคนจะหยุดคือยัดคุกกี้เข้าไปในปากสวยๆนั่น




    “อะ-หย่อย”




    ริมฝีปากนุ่มหยุ่นสีชมพูอ่อนเคี้ยวหนุบหนับไปมาหลังจากชายหนุ่มหน้าหล่อทนความอนาถไม่ไหวจนต้องหักแบ่งคุกกี้ให้ครึ่งหนึ่ง ร่างบางละเมียดละไมกินวิปครีมในแก้วโกโก้ปั่นของเขา ที่ยึดไปเป็นของตัวเองด้วยข้ออ้างว่าคอแห้ง!




    ท่ามกลางสายตาสนใจใคร่รู้ของคนทั้งร้าน ผู้ชายสองคนที่แย่งคุกกี้ดันมาแบ่งกันกิน คุยกระหนุงกระหนิง สายตาเคลิบเคลิ้มของพนักงานสาวไม่ได้ทำให้จองกุกใส่ใจ เขาชินกับการถูกมองซะแล้ว 




    แม้จะมีคุกกี้อยู่เต็มปาก แต่คิมแทฮยองก็ยังไม่หยุดพูด ถึงจะรำคาญนิดหน่อยแต่เสียงทุ้มหวานก็ฟังเพลินหูจนไม่ได้รู้สึกแย่อย่างที่ควรจะเป็น ร่างบางช่างสรรหาสารพัดเรื่องแปลกๆมาเล่า พอรู้ตัวอีกทีก็นั่งฟังคิมแทฮยองพูดโน่นนี่อยู่ได้ตั้งครึ่งชั่วโมง




    คุกกี้คำสุดท้ายและโกโก้อึกสุดท้ายหมดลงแล้ว จอนจองกุกคิดว่าเขาควรจะไปจากคนน่ารักที่แสนหน้าด้านคนนี้ซะที ร่างสูงผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้โดยไม่คิดจะบอกลา แต่ก็ไม่ทันมือนิ่มที่ฉวยข้อมือเขาไว้ทันควัน




    "ไปไหนอ่ะ ขอแทแทไปด้วยคนสิ ^o^?"




    ไม่มีทาง!




    จำได้ว่าพูดตัดเยื่อใยอีกฝ่ายไปแบบนั้น ดวงตาเว้าวอนเหมือนกับลูกหมาน้อยไม่ได้ทำให้ผู้ชายใจร้ายใจอ่อนลงเลยสักนิด จองกุกแกะมือบางออกด้วยสีหน้าเฉยชาก่อนจะเดินหนีออกไปนอกร้าน แต่เขาคงจะประเมินความหน้าด้านของแทฮยองผิดไป!




    ตึกตึกตึก ตึกตึกตึก




    เสียงรองเท้าบู้ทราคาแพงย่ำกับพื้นถนนเป็นจังหวะกับความรู้สึกที่ว่ากำลังโดนจับตามอง




    ขวับ!




    ร่างสูงหันขวับไปมองด้านหลัง คนประหลาดเรือนผมสีน้ำตาลคนหนึ่งกำลังเอาหนังสือพิมพ์ปิดหน้า




    ขวับ!




    คนประหลาดผมสีน้ำตาลกำลังหลบวูบแอบข้างหลังเสา




    ขวับ!




    คนประหลาดผมสีน้ำตาลกำลังนั่งยองๆข้างถังขยะ




    ขวับ!




    ขวับ!!!




    ขวับ!!!!!!




    "ออกมาได้แล้วจะหลบอีกนานมั้ย!?"




    เสียงทุ้มพูดขึ้นมาลอยๆจนรอบข้างหันมามองก่อนจะหันไปสนใจอย่างอื่น ใครที่อยู่แถวนั้นก็เห็นหมดนั่นแหละผู้ชายหล่อสองคนที่เดินตามกันยังกับซีรีย์รักแนวงอนง้อ




    จองกุกยืนกอดอกหน้านิ่ง ขาเรียวสวยข้างหนึ่งก้าวออกมาจากมุมตึกก่อนที่คนสวยจะมายืนยิ้มแป้นอยู่ตรงหน้าไร้ความสำนึกผิดใดๆทั้งสิ้น ริมฝีปากช่างจ้อยิ้มกว้างจนเป็นรูปสีเหลี่ยมกับตากลมๆชวนให้มีความรู้สึกเหมือนกำลังถูกหมาน้อยเดินตาม




    เป็นกรรมของเขารึไงที่ต้องมาประสบพบเจอแย่งคุกกี้กับเด็กประหลาดนี่




    ถึงจะอายุเท่ากันแต่การกระทำของอีกฝ่ายนี่มันเด็กชัดๆ




    "เรียกออกมาหมายความว่าให้แทแทไปด้วยได้แล้วใช่มั้ยอ่า"




    เอาเหอะ!




    "อยากตามก็ตามไป"




    ถึงจะพูดแบบนั้นแต่คนหน้าหล่อนี่ก็เอาแต่เดินไปเดินมารอบๆนี่นา แทฮยองเอียงคอมองสำรวจไปทั่วตัวร่างสูงที่หยุดเป็นระยะเพื่อถ่ายภาพบรรยากาศที่เจ้าตัวเห็นว่าควรค่ากับการจดจำ ในคาเฟ่เมื่อกี๊เขามัวแต่มองหน้าหล่อๆก็เลยไม่ทันสังเกตเห็นกล้องถ่ายรูปที่จอนจองกุกพกมาด้วย




    อ่อ งานอดิเรกยามว่างของคนรวย




    แทฮยองพยักหน้าเออออเข้าใจอยู่คนเดียว ตากลมจดจ้องไปที่กล้องถ่ายรูปขนาดกลางที่ราคาคงจะแพงไม่น้อย เพราะจองกุกดูดีมีออร่ามากรึไงไม่รู้ เดินไปทางไหนเพียงแค่ยกกล้องขึ้นมารอบด้านก็หันมาสนใจโดยอัตโนมัติ ท่าทางการจับกล้องที่ดูเชี่ยวชาญกับใบหน้าเคร่งขรึมยามมองผ่านเลนส์




    รอยยิ้มมุมปากที่แสดงถึงความพึงพอใจเมื่อได้รูปออกมาอย่างที่ตัวเองต้องการชวนให้ใจเต้นตึกตัก ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนที่เขาเดินตามมามีเสน่ห์มาก และเพราะเดินตามจองกุกเนี่ยแหละแทฮยองเลยได้โอกาสเดินเที่ยวถนนใหญ่ๆแบบนี้โดยไม่รู้สึกโดดเดี่ยว




    อย่างน้อยก็มากับคนหล่อล่ะ ถึงจะเย็นชาจนเหมือนก้อนน้ำแข็งยักษ์เดินได้ แต่ก็ไม่ด้านเท่าหน้าแทฮยองหรอก!




    "ขอดูบ้างสิ" 




    เมื่อเห็นว่าร่างสูงดูจะเก็บภาพจนครบแล้วระหว่างที่เขาไปซื้อซอฟครีม แทฮยองที่ถือซอฟครีมรสช็อกโกแลตมาสองอันก็ยื่นอันหนึ่งให้กับคนหล่อ




    "อ่ะแลกกัน กินซอฟครีมแล้วแทแทขอดูรูปหน่อยนะ ^o^"




    คนใจร้าย




    ริมฝีปากอิ่มเบะออกจิกตาใส่แผ่นหลังกว้างที่เดินนำอยู่ด้านหน้า ตอนแรกจองกุกก็รับซอฟครีมไปกินแถมยังใจดีให้ดูภาพที่ถ่ายเอาไว้ ภาพในกล้องส่วนใหญ่เป็นวิวท้องถนนในกรุงโซลและผู้คนที่น่าสนใจ แม้จะถ่ายรูปเป็นงานอดิเรกแต่รูปภาพเหล่านั้นก็สวยราวกับมืออาชีพทีเดียว




    ดูไปสักพักจนเกือบจะถึงภาพที่จองกุกถ่ายตอนมาเดินด้วยกัน โจรขโมยคุกกี้(ที่แบ่งคืนมาให้ครึ่งหนึ่ง)ดันเกิดอินดี้อะไรขึ้นมาไม่รู้ แย่งกล้องคืนไปแถมยังไล่ให้เขาไปทิ้งกระดาษห่อโคนไอติมอีก




    "ไปโซลพลาซ่ามาแล้วรึยัง"




    เสียงทุ้มที่พูดขึ้นกระทันหันทำให้ร่างบางตกใจจนเผลอเดินชนแผ่นหลังกว้าง จองกุกหันมาสบตาคนน่ารักดวงตาคมเรียบเฉยกับสีหน้าที่นิ่งพอกัน 




    "ต้นคริสมาสต์ยักษ์ที่ใหญ่สุดในโซลน่ะ"




    เมื่อเห็นแทฮยองยังคงเอียงคองุนงงเหมือนลูกแมวน้อยร่างสูงก็ต้องถอนหายใจ




    "ช่างเหอะ แค่เดินตามมาก็พอ"



    -MY C(K)OOKIE-



    สาบานได้ว่าเขาก็แค่อยากจะถ่ายภาพต้นคริสมาสต์ยักษ์ความสูง 20 เมตรกับกวางเรนเดียร์และเลื่อนซานต้า ไม่ได้อยากจะเอาใจคิมแทฮยองเลยสักนิด




    รอยยิ้มประหลาดรูปสี่เหลี่ยมที่กว้างจนแทบจะฉีกไปถึงหูกับดวงตายิ้มหยีระหว่างที่ทั้งสองพากันไปขึ้นรถไฟใต้ดิน จากชินชนไปจนถึงสถานี City Hall อันเป็นที่ตั้งของโซลพลาซ่า ถ้าหากใช้รถไฟใต้ดินสายสีเขียวจะห่างกันเพียงแค่ 4 สถานี ใช้เวลาเดินทางราวๆ 6-7 นาทีเท่านั้น




    แทฮยองแตะบัตร T-money ที่ทางเข้ารถไฟด้วยรอยยิ้มประหลาดนั่น ระหว่างที่ฟังจองกุกอธิบายถีงโซลพลาซ่า นอกจากจะมีต้นคริสมาสต์แล้วที่นั่นยังมีลานไอซ์สเก็ตกลางแจ้งอีกด้วย



    เสียงเพลงระหว่างที่ประตูรถไฟกำลังจะปิดดังขึ้น แทฮยองฉวยข้อมือร่างสูงวิ่งเข้าไปในรถไฟด้วยกัน เบียดตัวเข้าไปทันประตูที่งับปิดพอดี  ทั้งสองคนหอบหายใจก่อนที่แทฮยองจะหันไปยิ้มกว้างให้จองกุก




    "จริงๆแล้วรอคันต่อไปก็ได้...นายจะพูดงี้ใช่ป่ะ" 




    คนสวยใช้ข้อศอกดันสีข้างอีกฝ่ายเบาๆเป็นเชิงล้อเลียน เพราะช่วงนี้เป็นช่วงเทศกาลจำนวนคนที่ใช้รถไฟใต้ดินจึงเยอะกว่าปกติจนถึงขั้นเบียดแน่น ระยะห่างระหว่างทั้งสองคนจึงแทบจะเรียกได้ว่าตัวติดกัน 




    "ยังไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย..."




    ปลายเสียงที่เคยเรียบเฉยติดจะกลั้วหัวเราะนิดๆ รู้จักกันแค่ชั่วโมงกว่าแต่ร่างบางก็ทำท่ายังกับรู้จักเขามาเป็นปี ถึงจะไม่ได้รบกวนตอนถ่ายภาพแต่พอเขาวางกล้องเมื่อไหร่คนตัวเล็กนี่ก็เข้ามาพันแข้งพันขาถามโน่นนี่นั่น นอกจากชื่อแล้วแทฮยองไม่รู้เรื่องส่วนตัวของเขาเลยสักอย่าง ซึ่งจองกุกเองก็พอใจให้เป็นแบบนั้น  




    ‘นายคิดว่าซานต้าครอสส่งนายมาเป็นของขวัญให้แทแทรึเปล่า’ 




    ถามเสร็จก็หัวเราะคิกคักคนเดียวแล้วบอกว่า แค่คิดภาพจองกุกนั่งกอดเข่าอยู่ในถุงของขวัญบนเลื่อนที่ลากด้วยกวางเรนเดียร์จมูกแดงที่คุณซานต้าขับเพื่อส่งมาเป็นของขวัญให้แทแทก็ตลกแล้ว (?)




    'ซานต้าส่งฉันให้มาเป็นของขวัญนาย แต่ซาตานน่าจะส่งนายมาเป็นของขวัญฉัน'




    จองกุกพูดขึ้นมาตอนที่จ่ายเงินค่าขนมสายไหมให้คนตัวเล็กที่ดูทุลักทุเลกับการกินไปหยิบกระเป๋าตังค์ไป เมินสายตาตื้นตันที่ได้กินฟรี เมินสายตากรุ้มกริ่มจากกลุ่มหญิงสาวที่ต่ออยู่ด้านหลัง ถึงที่ทำอยู่จะเหมือนเป็นการตามใจแฟนที่มาเดทกัน แต่เขาก็แค่สงเคราะห์คนบ้า(?)ก็แค่นั้น




    กว่าชั่วโมงที่อยู่ด้วยกันทำให้รู้ว่าแทฮยองเป็นแค่คนหน้าด้านที่ไม่ได้มีพิษภัยอะไรจนจองกุกเผลอผ่อนคลาย อยู่กับแทฮยองก็ไม่ได้อึดอัดอะไร แถมยังน่าร...




    'คิก! งั้นจองกุกก็เป็นเด็กไม่ดีน่ะสิ'




    น่าลักไปฆ่าทิ้ง!




    "โอ๊ะ!"




    รถไฟที่เบรกอย่างกระทันหันทำให้แทฮยองที่ไม่ได้จับเสาเพราะคนแน่นกระแทกไปชนกับจองกุก




    "เป็นอะไรมั้ย"




    เสียงทุ้มเอ่ยถามชิดริมหู ลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดผิวแก้มทำให้แทฮยองสะดุ้งเฮือก แทบจะผละออกจากอกกว้างที่เผลอซุกหน้าลงไป แต่กลิ่นน้ำหอมราคาแพงกับอกอุ่นก็ชวนให้รู้สึกดีจนอยากจะซุกไปนานๆ 




    จองกุกเลิกคิ้วมองคนน่ารักที่ส่ายหัวกลมๆไปมาจนผมสีน้ำตาลยุ่งเหยิง แทนที่จะถอยห่างคนหน้าด้านก็ยังเป็นคนหน้าด้านที่เอาตัวเข้ามาเบียดซุกโดยไม่ขออนุญาต กลิ่นหอมจากแชมพูกลิ่นสตรอเบอร์รี่ลอยมาแตะจมูกพร้อมกับเนื้อตัวนุ่มนิ่มที่ถือวิสาสะเข้ามาแนบ...จนอะไรๆแทบจะชิดกันขนาดนี้




    “อ๊ะ!”




    รถไฟเบรกอีกครั้งอย่างแรงจนแทฮยองเกือบจะหัวทิ่มถ้าไม่ใช่เพราะมือใหญ่ที่ประคองเอว ดีงเข้าหาจนแนบชิดมากกว่าเดิม ร่างบางเงยหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาที่ก้มลงมาประชิดจนจมูกโด่งแทบจะกดลงบนแก้มใส รู้สึกอายขึ้นมาเป็นครั้งแรกเมื่อดวงตาคมคู่นั้นมองมาด้วยประกายตารู้ทัน




    แทฮยองก้มลงซุกอกกว้างพร้อมกับจองกุกที่ยังคงโอบเอวบางเอาไว้แบบนั้นจนกระทั่งถึงสถานีปลายทาง...




    “ว้าววว”




    คนน่ารักวิ่งเข้าหาต้นคริสมาสต์ยักษ์หน้าลานกว้างจนเกือบจะกลืนหายไปกับฝูงชน ถ้าไม่ได้จองกุกที่ตามมาฉวยข้อมือเล็กเอาไว้ แทฮยองเอียงคอมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างมึนงง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างเมื่อเห็นจองกุกยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมา ชูสองนิ้วให้กล้องยิ้มหวานจนตาปิดเป็นท่าโพสประจำตัว




    “ทำอะไรน่ะ บังต้นคริสมาสต์”




    อ่ะอ้าว =[]= คนน่ารักทำปากยู่เมื่อจองกุกปล่อยมือจากข้อมือเรียวทั้งที่จับได้ไม่ถึงสามวิ แถมยังหาว่าแทแทคนนี้เกะกะ สิบนาทีแล้วที่จอนจองกุกเอาแต่สนใจต้นคริสมาสต์จนแทฮยองเริ่มจะอิจฉาต้นไม้!




    “อ่ะ ที่คาดผมกวางเรนเดียร์!”




    เสียงหวานร้องออกมาอย่างตื่นเต้นจนจองกุกต้องละความสนใจออกจากเลนส์กล้อง เขาไม่ได้ลืมคนน่ารักที่มาด้วยกัน(?)ก็แค่ไม่ได้สนใจ 




    ไม่ได้สนใจ...แต่ก็เดินตามแทฮยองที่วิ่งไปหาป้าคนขาย




    กลัวว่าอีกคนจะเดินตามหาไม่เจอหรอกนะ...ก็แค่สงสารเด็กที่อยู่คนเดียวในวันคริสมาสต์




    “ป้าครับ ขอที่คาดผมกวางเรนเดียร์อันหนึ่ง เอ๊ะ! มีหมวกซานต้าด้วย! ซื้อไปให้กุกกี้ดีกว่า"




    กุกกี้? ใคร? จอนจองกุกเนี่ยนะจะใส่หมวกติงต๊องนั่น?




    “ไม่ต้องครับ ขอที่คาดผมกวางเรนเดียร์แค่อันเดียวพอ"




    "เอ๊ะ! ยุ่งอะไรด้ว......อ้าว จองกุกกี้ไม่ถ่ายรูปต่อแล้วเหรอ"




    ถึงจะพูดแบบนั้นแต่มือบางก็ถือวิสาสะเข้ามาควงแขน แถมยังซุกหน้าลงกับไหล่กว้างเป็นเชิงออดอ้อน




    "ถ้ากุกกี้ไม่เอาหมวกซานต้างั้นใส่ที่คาดผมกวางเรนเดียร์ด้วยกันดีกว่า...."




    แทฮยองช้อนตามองคนหล่อที่ก้มลงมามองคนน่ารักที่ซบอยู่กับไหล่




    "นะ...จะได้คู่กันไง"




    วันนี้คงต้องเป็นวันที่จารึกในประวัติศาสตร์กรุงโซลแน่ๆที่คนอย่างจอนจองกุกยอมมาทำอะไรแบบนี้! 




    ท่ามกลางสายตาและเสียงซุบซิบจากคนรอบกาย แน่นอนว่าคิมแทฮยองคนหน้าด้านไม่รู้สึกรู้สาอะไรอยู่แล้ว ซ้ำยังเอาแต่อ่อยเขาด้วยการกระทำเช่น เข้ามาเบียดมาซบ ส่งยิ้มหวานเยิ้มมาให้ จนความคิดแรกที่อยากจะถ่ายภาพกลับโดนคิมแทฮยองเข้ามาแย่งความสนใจไปจนหมด




    จากที่เคยเดินตามหลังก็เปลี่ยนมาเดินข้างๆกัน เผลอแปปเดียวก็โดนเอาแขนไปควง ผ่านไปอีกสักพักก็อ้างว่าหนาวแล้วขอจับมือ(?)




    เมื่อเห็นว่าคนหน้าหล่อแสนเย็นชาไม่ว่าอะไร แทฮยองก็ยิ่งได้ใจ ถ้าควงเขาอวดไปทั่วโซลได้คนตัวเล็กนี่คงทำไปแล้ว 




    "นั้นร้านขายเสื้อผ้า" จองกุกชี้มือไปด้วยใบหน้าเรียบเฉย "หนาวก็ไปซื้อผ้าพันคอกับถุงมือมาสิ"




    แทฮยองกระพริบตาปริบๆมองแผ่นหลังกว้างที่เดินนำเข้าไปก่อน เมื่อเห็นร่างบางยังคงยืนเอ๋ออยู่กับที่หลังจากโดนปฏิเสธการจับมือ(?)แล้วไล่ให้ไปซื้อถุงมือแทน




    "ยืนโง่ทำไม ตามมาสิ"




    "จองกุกกี้"




    เสียงหวานๆที่เอ่ยเรียกชื่อกับความอบอุ่นรอบลำคอทำให้ร่างสูงชะงัก มือหนายกขึ้นจับผ้าพันคอผืนนุ่มสีแดงสดที่แทฮยองเพิ่งเอามาพันรอบคอ




    สีแดงเป็นสีโปรดของเขา...ท่ามกลางผ้าพันคอมากมายแทฮยองกลับเลือกผืนนี้...




    "รู้เหรอว่าฉันชอบสีแดง"




    เสียงทุ้มที่เคยเรียบเฉย อาจจะเป็นเพราะความอบอุ่นในร้าน แทฮยองคิดไปเองใช่มั้ยว่ามันฟังดูอ่อนโยนขึ้นนิดหน่อยต่างจากตอนแรก จองกุกฉวยผ้าพันคอหนานุ่มสีขาวอีกผืนมาพันรอบคอคนน่ารัก ผ้าผืนใหญ่ที่หนาจนแทบจะปิดจมูกกลับทำให้แทฮยองดูน่ารักน่าเอ็นดูมากยิ่งขึ้น 




    น่าเอ็นดู...จนมือหนาเผลอเอื้อมไปลูบแก้มใสที่แดงก่ำเพราะอากาศหนาว สัมผัสจากผิวแก้มเย็นๆยิ่งทำให้อยากใช้ไออุ่นจากริมฝีปากของเขาทำให้มันอบอุ่น




    ดวงตากลมที่ช้อนมองมาดึงดูดให้โน้มใบหน้าลงไปใกล้ ลมหายใจอุ่นร้อนคลอเคลีย เพียงชั่วขณะที่แทฮยองหลับตาพริ้มรอรับ 




    ปึ้ง!




    "โอ๊ย"




    เจ็บจนน้ำตาเล็ดเมื่อโดนคนใจร้ายดีดหน้าผากลงโทษ แทฮยองเตรียมจะต่อว่าถ้าหากไม่ได้เห็นรอยยิ้มแรกจากจอนจองกุก อ่อนโยนจนใจเต้นตึกตัก คนใจร้ายแสนเย็นชาคนนั้นยิ้มให้แทฮยอง ร่างบางยังคงอยู่ในห้วงแห่งการเพ้อฝันถึงคนหล่อ ยืนใจละลายคนเดียวต่อไปถ้าหากเสียงทุ้มไม่กระชากกลับมาโลกความจริง




    "จะอ่อยฉันยังเร็วไปล้านปี คิมแทฮยอง"



    -MY C(K)OOKIE-



    นอกจากจะเย็นชาแล้วยังกามตายด้าน แทฮยองแอบด่าคนที่เดินเคียงข้างในใจ ใบหน้าหวานบูดบึ้ง ยอมรับแบบหน้าด้านๆเลยก็ได้ว่าอ่อย ก็อีกฝ่ายดูดีแถมยังหล่อเหลาถูกใจก็เลยหน้าด้านเดินตาม แทฮยองมั่นใจมาตลอดในรูปร่างหน้าตาของตัวเอง พอมาโดนทำแบบนี้ก็อดรู้สึกเฟลปนน้อยใจไม่ได้ จองกุกไม่เคยว่าอะไรแถมยังตามใจทุกอย่างจนมีความหวังขึ้นมา แต่แล้วนี่อะไร




    หลอกให้อยาก(?)แล้วจากไปชัดๆ




    "อยากจูบฉันมากขนาดนั้นเลยเหรอ?"




    มองคนน่ารักที่ไม่พูดไม่จาเอาแต่ก้มหลบหน้าอยู่กับผ้าพันคอผืนโตที่เขาซื้อให้ ถึงแม้จะพาขึ้นรถไฟใต้ดินจากโซลพลาซ่า แถมด้วยการเอาใจโอบเอวบางตลอดทาง 15 นาทีจนมาถึงสวนสาธารณะยออีโดริมแม่น้ำฮันชื่อดัง แทฮยองเอาแต่ซุกหน้าลงกับแผ่นอกกว้างตลอดทางไม่พูดอะไรสักคำจนจองกุกสรุปได้คำเดียวคืองอน




    "บ้า! ใครจะไปอยากจูบ!!"




    แทฮยองกอดอกสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง เพราะจองกุกบอกว่าเขาจอดรถเอาไว้แถวนี้และอยากกลับมาเอาเพื่อขับกลับบ้าน (ทั้งที่ตอนนี้เพิ่งจะสามทุ่มกว่าๆเท่านั้น) เกือบจะสามชั่วโมงที่เดินเล่นด้วยกัน ถึงจะดูไม่เย็นชาแบบตอนแรกแต่ก็ยังใจร้ายอยู่ดี แถมยังหวงตัวไม่ให้แทแทจับมือ หวงตัวไม่ให้จูบ




    จะเล่นตัวไปถึงไหนก็ไม่รู้!!




    "ไหนอ่ะรถนาย เดินมาตั้งนานแล้วนะ"




    เพราะอากาศหนาวเย็นของช่วงคริสมาสต์ประกอบกับอยู่ริมแม่น้ำ ช่วยไม่ได้ที่จะตัวสั่นเพราะลมหนาว ถ้าหากเป็นฤดูใบไม้ร่วงที่นี่คงโรแมนติกมากทีเดียวหรือถ้าฤดูใบไม้ผลิที่นี่ก็มีแนวต้นซากุระให้ชม ตอนนี้มันออกจะหนาวไปสักหน่อย 




    "อีกแปปเดียวก็จะถึงแล้ว"




    จองกุกเดินนำร่างบางเลียบไปตามริมแม่น้ำฮัน เพราะว่าออกผิดทางออกพวกเขาก็เลยต้องเดินไกลขึ้น แม้ว่าริมแม่น้ำฮันจะโรแมนติก...แต่ว่าคนตายด้านนี่...




    "อ๊ะ!"




    เผลออุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อถูกมือใหญ่ฉวยเข้าไปกุมทั้งสองข้าง จองกุกยกมือเรียวบางที่มีกลิ่นหอมจากครีมขึ้นแนบริมฝีปากก่อนจะเป่าลมหายใจ ความอบอุ่นที่มือชวนให้พวงแก้มทั้งสองข้างอบอุ่นจนร้อน ผิวเนื้อที่โดนริมฝีปากของร่างสูงสัมผัสร้อน...ร้อนจนอุ่นไปทั้งตัว




    "ท...ทำอะไรน่ะ" เขาไม่ตอบแต่กลับเปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่น "ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ตอนนี้เร็วไปที่จะกลับบ้านและช่วงนี้หนังที่ฉันอยากดูกำลังจะฉาย อยากตามไปดูด้วยกันรึเปล่า"




    บอกแล้วไงว่าไม่ชอบก็อย่ามาให้ความหวัง ไหนว่าเร็วไปล้านปีไง!!




    ที่นั่งคู่แบบสวีทฮันนีมูนที่แพงที่สุดถูกจองโดยร่างสูง ยออีโดเป็นย่านธุรกิจที่มีแต่ตึกสำนักงานเป็นส่วนใหญ่ ด้วยความที่ติดแม่น้ำฮันที่ดินจึงแพงตามไปด้วย จองกุกบอกแทฮยองว่าเขามีนัดที่นี่ในช่วงบ่ายจึงจอดรถไว้แถวนี้และเลือกจะใช้รถไฟใต้ดินเพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรที่คับคั่งในช่วงเทศกาล




    หากแต่สิ่งที่จองกุกไม่ได้บอกก็คือนัดที่ว่าคือนัดประชุมกับหุ้นส่วนทางธุรกิจ 




    'จอนจองกุก' นักธุรกิจหนุ่มเจ้าของกิจการมากมาย ติดอันดับนักธุรกิจอายุน้อยที่ประสบความสำเร็จสืบทอดกิจการของครอบครัวได้อย่างดีเยี่ยม ผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่เขาเข้ามาบริหารเป็นตัวบ่งบอกถึงความสามารถของชายหนุ่มในตลาดการลงทุน




    ใครๆก็รู้จักจอนจองกุก จะมีก็แค่คนที่นั่งกินป๊อปคอร์นดูดโคล่านั่งดูหนังตัวอย่างข้างกายนี่เท่านั้นละมั้งที่ไม่รู้จัก บอกแล้วว่าคนตัวเล็กวันๆคงเอาแต่ขลุกอยู่กับเด็ก ยิ่งนิสัยแบบนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเรื่องยากๆอย่างตลาดหุ้นหรืออะไรคงไม่เคยเข้าไปอยู่ในสมองคิมแทฮยอง




    แทฮยองมีบุคลิกแบบที่ว่าทำให้คนที่อยู่ใกล้ๆสบายใจ รู้ตัวอีกทีก็เผลอตามใจโดยไม่รู้ตัว แม้จะไม่อยากยอมรับแต่ไม่ว่าใครก็คงอยากอยู่ใกล้คนสวยที่มีบุคลิกน่าเอ็นดูคนนี้




    Star Wars ภาค 7 ที่กำลังโด่งดัง ไม่นึกเลยว่าจะได้มาดูกับคนที่รู้จักกันได้ไม่ถึงวัน




    แสงไฟสลัวจากโรงหนังกระทบกับใบหน้าหวาน จองกุกลอบมองจมูกโด่งรั้นกับตากลมที่เบิกกว้างขึ้นเมื่อถึงฉากตื่นเต้น บางทีการมาดูหนังกับแทฮยองอาจจะไม่ใช่ความคิดที่ดีเมื่อคนตัวเล็กเอาแต่สนใจหนังจนลืมไปว่าใครอยู่ข้างๆ...




    ดูฟรี กินฟรี แถมยังไม่สนใจคนเลี้ยงอีก




    มือใหญ่เอื้อมไปข้ามหวังจะหยิบป๊อปคอร์นที่วางอยู่บนตักร่างบาง แต่แทฮยองกลับเอาถังป๊อปคอร์นไปอีกด้านหนีมือเขาซะงั้น




    “ทำอะไรอ่ะ นี่ป๊อปคอร์นของแทแทนะ” หวงขนมซะด้วย




    “แต่ว่าฉันเป็นคนซื้อ”




    “ไม่รู้แหละ เมื่อกี๊แทแทถามจองกุกแล้วว่าจะกินมั้ย จองกุกบอกว่าไม่กินเองนี่นา” 




    นอกจากจะเป็นโจรขโมยคุกกี้ โจรขโมยโกโก้ ตอนนี้ยังจะเป็นโจรขโมยป๊อปคอร์นอีก สายตารั้นๆของแทฮยองบอกแบบนั้น แต่ลืมไปรึเปล่าว่าทั้งหมดน่ะมันเงินเขา 




    จองกุกเลิกคิ้ว สายตาดื้อรั้นนั่นอ่อนลงแทบจะทันทีเมื่อมองสบดวงตาคมกับเสียงทุ้มที่กดต่ำลงจนน่าขนลุก




    “จะให้ดีๆหรือจะให้ทั้งน้ำตา”




    หิวข้าวใช่มั้ยถึงขู่กันแบบนี้ เสียงดุๆทำให้คนน่ารักสลดลงยอมยื่นขนมให้อีกฝ่ายแต่โดยดี แทฮยองเบ้ปากหันเหความสนใจไปที่จอภาพหลังจากพลาดฉากสำคัญ แต่ก็ไม่วายมือปลาหมึกนั่นจะเอื้อมไปวางแปะไว้บนต้นขาแข็งแรง เรียกได้ว่าว่างเมื่อไหร่เป็นต้องลวนลาม แถมท้ายด้วยการลูบวนไปมาแผ่วเบา




    ไหนๆก็ดูไม่รู้เรื่องแล้ว ไม่ต้องดูมันเลยล่ะกัน!




    แอบใช้หางตาจ้องหน้าหล่อๆด้วยแววตาเคลิบเคลิ้ม มือก็ลูบต้นขาแข็งแรงอย่างเพลิดเพลิน ท่ามกลางความมืด ใบหน้าเฉยเมยและเสียงเคี้ยวป๊อปคอร์นของจองกุก จนไม่รู้จะดีใจที่อีกฝ่ายปล่อยให้ลูบโน่นนี่หรือเสียใจที่จอนจองกุกช่างใจแข็งจนแม้แต่ขนคิ้วยังไม่กระตุก




    นี่คนกำลังอ่อยนะ! ลูบคนหรือลูบต้นคริสมาสต์อยู่เนี่ย ไร้ปฏิกิริยาโดยสิ้นเชิง!




    แต่ยอมแพ้แค่นี้ก็ไม่ใช่คิมแทฮยอง อุตส่าห์อ่อยคนหล่อมาตั้งสี่ชั่วโมง แถมอีกฝ่ายก็ดูจะใจอ่อนขึ้นกว่าตอนเจอกันแรกๆ แทฮยองคิดเข้าข้างตัวเองในใจ ตัดสินใจเพิ่มเลเวลการเต๊าะด้วยการใช้ฝ่ามือเรียวบางลูบสูงขึ้น สูงขึ้นเรื่อยๆจนถึงโคนขาอ่อนด้านใน




    ตอนนั้นเองที่จอนจองกุกหันมาสบตา ประกายตาอันตรายทำให้คนสวยเผลอชะงัก ริมฝีปากสีชมพูอ่อนเปิดปากเป็นครั้งแรกหลังจากปล่อยให้แทฮยองลูบขาไปมาเป็นสิบๆนาที




    “ถ้าไม่อยากโดนปล้ำในโรงหนังก็เอามือออกไป”




    !!!!!




    ร่างบางอ้าปากเหวอจ้องคนหล่อตาค้าง มือที่ลูบต้นขาก็ยังคงวางไว้อย่างนั้นห่างจากจุดอันตรายเพียงไม่กี่เซ็นต์ จองกุกเลิกคิ้วส่งสายตาท้าทายร่างบาง ถ้ายังเอาแต่กวนเขาอีกล่ะก็คิมแทฮยองได้โดนดีแน่ๆ




    “ต...ต...แต่ว่า” แทฮยองละล่ำละลักพยายามแก้ตัว “จองกุกเอาแต่สนใจหนัง แล้วก็ไม่ว่าอะไร แทแทก็เลยนึกว่ากามตายด้าน”




    “กามตายด้าน...” 




    พลาดไปแล้ว! อยากจะตบปากไม่รักดีสักร้อยครั้ง! แววตาเยือกเย็นกับความมืดในโรงหนังทำให้จอนจองกุกดูน่ากลัวยังกับพวกฆาตกรต่อเนื่อง ตากลมเผลอมองต่ำลงไปที่กระเป๋าเสื้อโค้ทอีกฝ่าย  เตรียมการไว้เผื่ออีกฝ่ายชักมีด(?)ออกมาเขาจะได้หนีทัน




    “อยากลองดูมั้ยว่าตายด้านจริงรึเปล่า ตอนนี้เลยก็ได้”




    “อ๊ะ! อ๊ะ! เดี๋ยวสิ!!”




    คนน่ารักเกือบจะหวีดร้องให้อายคนทั้งโรงหนังเมื่อโดนกระชากข้อมือบางเข้ามาใกล้ ตาที่โตอยู่แล้วยิ่งแทบจะทะลุออกมานอกเบ้า รู้ตัวอีกทีก็โดนยกขึ้นจนตัวลอยขึ้นมาคร่อมตักที่ตัวเองเพิ่งลูบไล้ แทฮยองเกาะบ่ากว้างเพื่อเป็นหลักยึด ตาก็มองหลุกหลิกซ้ายขวาไม่หยุด




    “ถ้าไม่อยากให้คนอื่นรู้ก็เงียบๆไว้”




    เสียงทุ้มที่เขาเคยคิดว่าเย็นชากลับแหบพร่าและแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ ก็พอรู้อยู่หรอกว่าจอนจองกุกไม่ใช่ผู้ชายอ่อนโยนอะไร แต่ใครจะคิดว่าร้ายขนาดนี้




    “ป...ปล่อย...”




    โดนเมินอย่างสิ้นเชิงเมื่อใบหน้าหล่อเหลาที่ทำให้เขาปั่นป่วนเคลื่อนเข้ามาใกล้ขึ้น ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ แทฮยองกลั้นหายใจด้วยความตื่นเต้น มือไม้สั่นไปหมด




    “ไงล่ะคนเก่ง ไม่ยั่วต่อแล้วเหรอ”




    แทฮยองเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อโดนหยอกล้อ เขาจะไม่อายเลยถ้าหากริมฝีปากคู่นั้นจะไม่มาพูดใกล้ๆคลอเคลียริมฝีปากเขาอยู่แบบนี้ ลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดผิวแก้มก็ยิ่งทำให้ทำอะไรไม่ถูก




    จองกุกอาจจะแกล้งเล่นๆแต่คิมแทฮยองคิดจริงนะ




    “อย่าแกล้งแทแทนะ...”




    น้ำเสียงทุ้มหวานเบาหวิว แก้มเนียนสวยแดงก่ำดูน่ารักในแสงไฟสลัวของโรงหนัง 




    “ใครบอกว่าฉันแกล้ง ฉันเอาจริง”




    จบคำนั้น จอนจองกุกกดจูบลงบนกลีบปากสวยที่ยั่วยวนเขาตั้งแต่แรกเห็น แทฮยองเผลอเปิดริมฝีปากออกด้วยความตกใจ ลิ้นร้อนสอดแทรกกวาดต้อนหาความหอมหวาน รสชาติจากป๊อปคอร์นคาราเมลยังคงติดปลายลิ้นผสมไปกับกลิ่นหอมอ่อนจากเรือนร่างบอบบาง




    จองกุกกอดกระชับเอวเล็กเข้าหาตัวมากขึ้น เนื้อตัวแทฮยองนุ่มนิ่มแถมรสชาติริมฝีปากก็หวานจนแทบจะหลอมละลายหัวใจที่เย็นชาของเขาให้ทำตามใจตัวเองด้วยการบดขยี้กลีบปากนุ่มๆนั่นแรงขึ้น ขบเม้มเบาๆเป็นเชิงหยอกล้อร่างบางที่พยายามจะจูบตาม




    แทฮยองไม่ใช่คนใสซื่อ...เพียงแค่ไม่มีประสบการณ์เพราะโสดมาหลายปี ไม่ใช่ว่าไม่มีคนจีบแต่เขาไม่เคยชอบใคร จอนจองกุกเป็นคนแรกที่อยากลองจีบ




    ตอนแรกก็แค่คิดเล่นๆเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายหล่อดี แต่หลายชั่วโมงที่อยู่ด้วยกันมาทำให้จากที่แค่ชอบหน้าตา แทฮยองก็เริ่มจะชอบความอ่อนโยนใส่ใจเรื่องเล็กน้อยของอีกฝ่ายจนอยากจะลองจริงจังขึ้นมา




    และแอบหวังว่าจะไม่ใช่แค่แทฮยองที่คิดแบบนั้นฝ่ายเดียว




    “อ่ะอื้อ....จองกุก”




    เสียงครางหวานเริ่มดังมากขึ้นเมื่อจองกุกผละออกจากริมฝีปาก จมูกโด่งไล่สูดดมความหอมไปตามแก้มใสมาจนถึงใบหู ผ้าพันคอที่ร่างบางถอดออกเพราะอากาศในโรงหนังไม่ได้หนาวเท่าภายนอกยิ่งทำให้ร่างสูงยิ้มกริ่มตอนที่ประทับจูบแผ่วเบาที่ซอกคอสีน้ำผึ้ง




    “เด็กนิสัยไม่ดี”




    จอนจองกุกพูดขึ้น ริมฝีปากร้อนจูบลงบนกลีบปากอิ่มแรงๆก่อนจะย้ายไปจูบหน้าผากมน




    “ออกไปกันเถอะ ฉันมีที่สุดท้ายที่อยากให้นายตามไป”




    -MY C(K)OOKIE-



    จอนจองกุกไม่ได้กามตายด้าน...เขาก็แค่หลอกให้ตายใจแล้วค่อยจับกินทีหลัง




    สองชั่วโมงที่แล้ว ร่างสูงเปิดประตูรถ AUDI R8 สีดำให้ร่างบาง เขายอมให้ควงแขน ยอมให้จับมือ หลอกล่อด้วยความอ่อนโยนให้ขึ้นรถ 




    ฉันคิดว่านายต้องชอบที่นั่นแน่ๆ 




    รอยยิ้มหวานทำให้ตายใจพาเข้าไปในเพ้นเฮ้าส์สุดหรูย่านอัพกูจอง พอรู้ตัวอีกครั้งคิมแทฮยองก็โดนหว่านล้อมด้วยคุกกี้ยี่ห้อดังที่จอนจองกุกเพิ่งได้มาเป็นของฝากจากฝรั่งเศส




    ไม่เข้าไปชิมก่อนเหรอ




    คนหล่อพูดแบบนั้นด้วยใบหน้าเรียบเฉยไม่แฝงแววเจตนาร้ายใดๆ แต่เพียงแค่ประตูห้องปิดลง...




    “อ่ะอื้อ ไอ้บ้า!! หยุด หยุดนะ”




    มือเรียวบางปัดป่ายไปทั่วอกกว้างฝากรอยเล็บเป็นทางยาวทั้งแผ่นหลังทั้งหน้าอกขาว จอนจองกุกเหยียดยิ้มร้าย สะโพกที่ขยับก็ทำหน้าที่อย่างดีเยี่ยมจนแทฮยองทั้งครางทั้งด่า




    “บอกให้หยุดแต่เสร็จไปสองรอบ...ยังไม่รวมก่อนหน้านั้น แน่ใจเหรอว่าอยากให้หยุด”




    เสียงทุ้มที่เขาเคยคิดว่ามันฟังดูมีเสน่ห์แต่ตอนนี้มันกลับดูชั่วร้าย เมื่อโดนคนที่เคยด่าว่ากามตายด้านทั้งจูบทั้งกัด ฝากรอยไว้ทั่วร่างจนผิวสีน้ำผึ้งมีแต่รอยจูบรอยรัก




    แค่หนึ่งวินาทีที่ประตูปิดลง ชั่วขณะเดียวแค่นั้นที่ร่างบางถูกยกขึ้นจนตัวลอยเข้าไปในห้องนอน หลังจากนั้นคงไม่ต้องบอกว่าเกิดอะไร จอนจองกุกเอากำไรครบทั้งต้นทั้งดอกที่โดนยั่วโดนกลั่นแกล้ง ที่เห็นว่าเฉยๆนั่นเป็นเพียงแค่ละครตบตาของนักธุรกิจที่กำลังหลอกล่อเหยื่อโง่ๆ เช่น คิมแทฮยอง ให้มาติดกับ




    ร่างสูงที่ทาบทับอยู่ด้านบน ด้านหลังเป็นเตียงนุ่ม คิมแทฮยองหนีไปไหนไม่ได้อีกแล้ว




    “คุกกี้น่ะไม่มีหรอก”




    มือใหญ่ยกเรือนร่างบอบบางเปลือยเปล่าที่กำลังนอนอ่อนเปลี้ยเพลียหลังจากกิจกรรมรักหลายๆครั้ง ร่างบางถูกยกขึ้นมานั่งคุกเข่าข้างเตียงตรงหว่างขาร่างสูง จอนจองกุกลูบเรือนผมนิ่มสีน้ำตาลแผ่วเบา




    “จะมีก็แต่ กุกกี้ ของนาย”




    มือเรียววางทาบทับต้นขาแกร่งเพื่อพยุงตัว จองกุกกดหัวกลมๆนั่นให้ก้มต่ำลงจนริมฝีปากอิ่มแดงเป่าลมหายใจอุ่นร้อนรดบางสิ่งบางอย่างที่ทั้งอุ่นร้อนและแข็งขืน




    “ลองชิมดูสิ...กุกกี้ชิ้นนี้อร่อยนะ...”



    -MY C(K)OOKIE-




    คริสมาสต์อีฟสามปีต่อมา




    ขาเรียวกำลังเดินไปมารอบเพ้นเฮ้าสุดหรูระหว่างรอจอนจองกุกกลับมาจากประชุมเพื่อไปเที่ยวด้วยกันเดินรำลึกความหลังเหมือนเช่นทุกๆปี แทฮยองที่ไม่มีอะไรทำ ตัดสินใจถือวิสาสะเปิดดูรูปภาพในคอมของจอนจองกุก ยิ้มให้กับภาพคู่ที่มีเต็มเครื่อง คลิกเปิดย้อนหลังไปเรื่อยๆจนถึงรูปเมื่อสามปีที่แล้ว




    ร่างบางเผยรอยยิ้มชั่วร้าย ยังจำได้ดีถึงท่าทางของร่างสูงที่ไม่อยากให้เขาเห็นรูป หรือจะแอบถ่ายใต้กระโปรงผู้หญิง? เดี๋ยวสิ นี่แฟนนะไม่ใช่คนโรคจิต




    สามปีผ่านไปไม่ได้ทำให้ความคิดประหลาดลดน้อยลง ยังคงหาเรื่องแปลกๆชวนปวดหัวมาให้จองกุกได้ตลอดเวลา เพราะอินกับการพยายามแอบดูความลับของแฟนหนุ่ม แทฮยองจึงไม่ทันสังเกตเห็นประตูเพ้นเฮ้าที่เปิดออก




    “สงสัยจังเลยน้า~”




    ร่างบางหัวเราะคิกคัก มือเรียวกดไปที่รูปเก่าที่ดูค้างไว้ก่อนจะโดนแย่งไป คลิ๊กไปเรื่อยๆ ร้านกาแฟ ร้านขายเสื้อผ้า แสงไฟบนถนน และ...




    คิมแทฮยองที่กำลังเกาะกระจกหน้าร้านมองคุกกี้ยักษ์พร้อมกับทำปากรูปตัว O




    “เอ๋...”




    คิมแทฮยองที่กำลังมองเด็กตัวเล็กๆกินคุกกี้พร้อมกับรอยยิ้ม




    “อ่าหืม...”




    คิมแทฮยองที่กำลังทำท่าเหมือนกับน้ำลายไหลตอนจ้องไปที่คุกกี้ชิ้นสุดท้าย




    ชัดเลย!




    “คิก! นอกจากจะเป็นโจรขโมยคุกกี้แล้วยังเป็นโรคจิตชอบแอบถ่ายจริงๆด้วย”




    “ว่าใคร”




    เสียงทุ้มที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้ร่างบางสะดุ้งโหยงเกือบตกเก้าอี้ จองกุกที่มาหยุดยืนมองคนน่ารักอยู่นานแล้วส่งสายตาดุๆเข้าใส่ แทฮยองผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้โผเข้ากอดคนหล่อเข้าเต็มเปา




    “กุกกี้ คิดถึงจังเลย~”




    “ไม่ต้องมาอ้อน เพิ่งเจอกันเมื่อเช้า”




    อันที่จริงก็เจอกันทุกวันเพราะแทฮยองย้ายมาอยู่ที่นี่ได้สองปีกว่าแล้ว




    “ก็แทแทคิดถึงจริงๆนี่นา ไหนคุกกี้คริสมาสต์ที่ฝากซื้ออ่ะ”




    “ไม่มี”




    จองกุกยักไหล่ซ่อนถุงกระดาษไว้ด้านหลัง มาหาว่าเขาโรคจิตแบบนี้ต้องโดนลงโทษ



    “อ่ะอ้าว =[]= แล้วแทจะกินอะไร ไม่ยอมๆๆ จะเอาคุกกี้!”




    มือใหญ่เชยคางมนขึ้น ใบหน้าหวานบึ้งตึง ริมฝีปากอิ่มยื่นออกมาจนจองกุกอดใจไม่ไหวที่จะจุ๊บแรงๆ




    “คุกกี้ไม่มี”




    เสียงทุ้มเอ่ยออกมาเรียบๆ แทฮยองช้อนดวงตากลมโตขึ้นมองร่างสูง ประกายตาคมชวนให้ใจเต้นตึกตัก




    “แต่ถ้ากุกกี้ล่ะก็...มีให้ตลอดชีวิตเลย”




    The End



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×