ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic BTS] Sungnumja Game (KookV)

    ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 7 : คิมแทฮยองคนหื่น (141117)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.9K
      59
      3 พ.ย. 59

    Fanclub เกือบ 100 คนแล้ว ขอบคุณมากๆนะคะ

    .........................................................................................


    Chapter 7

    คิมแทฮยองคนหื่น



    ได้โปรดหยุดตั้งชื่อตอนแบบส่อๆซะทีเถอะ – น้องวี

    ตั้งแต่เปิดเรื่องมายังไม่มีตอนไหนที่ผมไม่ชอบเลย – จอนจองกุก


    …………………………………………



    ว่ากันว่าเมื่อคนเรามาถึงจุดตกต่ำของชีวิต ไม่ว่ายังไงก็คงจะมีสักวันที่ลืมตาอ้าปากขึ้นมาได้หากว่าใจยังสู้ แต่ทำไมครับ!ทั้งๆที่ผมใจสู้ขนาดนี้ ทำไมชีวิตมันถึงยิ่งต่ำลง ต่ำลงจนแทบจะจมกองเสื้อผ้าเหม็นเน่าของจีมิน



      ที่เป็นอยู่เหมือนชีวิตน้องแทจะยังซวยไม่พอรึไง คนเขียนถึงได้เพิ่มตัวละครที่เหลือเข้ามาเป็นเซตสุดคุ้มแบบนี้



    บอกเลยคิมแทรับไม่ทัน!!!



    รับไม่ทันและไม่รู้จะทำอะไรจริงๆ ระหว่างฆ่าตัวตายกับลุกออกไปจากตักของจองกุกที่แม่งโคตรจะไม่ทุกข์ร้อน จากที่เคยอยู่ท่าไหน มักเน่มันก็อยู่ท่าเดิม ไม่รู้ว่าหน้าด้านหรือช็อกเพราะพวกฮยองเห็นความหื่นของมันก็ไม่รู้ (น่าจะเป็นเหตุผลแรกมากกว่า)



    “อะแฮ่ม อะแฮ่มมม”



    เสียงกระแอมไอที่ดังมาจากนัมจุนฮยองทำให้ผมได้สติ พอจองกุกละมือจากเอวมาผลักอกผมเบาๆผมก็ลุกพรวดออกจากตักมักเน่ทันที รู้สึกหน้าร้อนจนไม่ต้องมีกระจกก็รู้ว่าแก้มสองข้างของผมคงแดงก่ำเป็นมะเขือเทศ ได้แต่ยืนบิดไปมาต่อหน้าพวกฮยอง วันนี้ทั้งวันผมอับอายมากี่รอบแล้วนับบ้างมั้ย



    “แหม แทแท หื่นนะแก”



    ไอ้จีมิน!! มันตัดสินใจทำลายบรรยากาศความอายของผมด้วยการเอ่ยปากแซว จะมีสักตอนมั้ยที่ปากมันหุบเฉยๆแบบคนปกติน่ะห๊ะ 



    “ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ แทแท ถ้าไม่เห็นนี่พี่ไม่รู้เลยนะเนี่ยว่าเราเป็นคนแบบนี้” 



    ..........จินฮยองก็เป็นไปกับเค้าด้วย เฮียแกโบกภาพของจองกุกกับผมไปมาด้วยท่าทางร่าเริงเสมือนว่าจะเอาไปแบล็กเมล์ โคตรจะน่าเอาไปเผาทำลาย



    “แท เกรงใจคนอื่นบ้างนิดนึง” นัมจุนฮยองสั่งสอนตามประสาลีดเดอร์ที่ดี



    “ไวไฟนะเรา” โฮซอกฮยองพูดพลางเดินเข้ามาโอบไหล่ผมแน่น



    “แทแท พี่บอกให้ดูแลจองกุก ทำไมไปล่อล่วงน้องแบบนี้” บทพูดนี้เป็นของชูก้าฮยอง แต่เดี๋ยว ว่าไงนะ!!!



    แทแท ทำไมไปล่อลวงน้องแบบนี้



    แทแท ทำไมไปล่อลวงน้องแบบนี้



    แทแท ทำไมไปล่อลวงน้องแบบนี้



    ไม่จริง!!!!! นี่พวกฮยองคิดว่าผมเป็นคนอ่อยและล่อลวงจองกุกเหรอเนี่ย แม่เจ้า พระเจ้า พระแม่เจ้า!!! หักมุมมาก ผมมองพวกบังทันที่เหลืออย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา พอจบประโยคนั้นแต่ละคนนี่มองจองกุกด้วยความสงสารสุดๆ



    ทั้งๆที่เรื่องนี้ผมเป็นคนโดนกระทำนะ!!!!



    จีมินเลิกสนใจผมแล้วเดินเข้าไปหาจองกุกทันที (ไอ้เพื่อนทรยศ) มันยกมือขึ้นลูบหัวน้อง แถมยังพูดปลอบใจด้วยถ้อยคำประมาณว่า เป็นอะไรมั้ย คงตกใจมากสินะ ไอ้แทก็งี้แหละ หื่นจะตาย ถ้าให้ดีก็ควรระวังไว้ บลา บลา บลา



    ขณะที่จินฮยองก็เข้าไปเทศนาจองกุกถึงความไม่เหมาะสม และวิธีปฏิบัติตัวหากโดนล่อลวงอีกรอบ เช่น ไอ้แทเห็นแบบนั้นแต่มันก็ร้ายนะ ถ้ามันเข้ามาฉวยโอกาสอีก ก็ควรจะ… จุด จุด จุด



    ส่วนนัมจุนฮยองกับยุนกิฮยองก็เอาแต่พึมพำว่า เด็กสมัยนี้ไวไฟมาก ถ้าเป็นเมื่อก่อนนะ…..รู้แล้วว่าแก่ แต่ช่วยเลิกตอกย้ำซ้ำเติมจะได้มั้ย  T^T



    น้องวีอยากจะบ้า น้องวีอยากจะเป็นลม



    “โฮซอกฮยอง คือมันไม่ใช่แบบนั้นนะ…..”



    ผมหันไปทำเสียงเหมือนจะร้องไห้ใส่โฮซอกฮยองที่ยังเป็นคนเดียวที่ยืนอยู่ข้างผม มีแค่พี่เท่านั้นที่เข้าใจ ใช่มั้ย? หรือไม่ใช่วะ? เฮียแกไม่ไปหาจองกุกก็จริงแต่มองผมด้วยแววตาขำขันมาก ไม่มีท่าทีจะเชื่อเลยสักกะนิด



    “ใจเย็นนะแทแท” เฮียแกพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน



    “พี่รู้ว่าช่วงนี้จองกุกมันหล่อ นายก็เก็บอาการนิดนึง ไม่ต้องน้ำลายไหลยืดตอนมองน้องมันขนาดนั้นก็ได้ แล้วจะนั่งตักน่ะไปนั่งในห้องนอนดีมั้ย ยังไงก็อย่าไปยั่วน้องมันมากละกัน จองกุกยังเด็กอยู่แรงยังมีอีกเยอะ เดี๋ยวไม่ได้นอนนะ หวังดีกลัวเดินไม่ไหวเลยเตือน อิอิอิ”



    เจโฮปฮยองงงงง พี่ชายเฮงซวย!!!!


    ผมอ้าปากเหวอ มองพี่ชายที่ไว้ใจที่สุดพูดเรื่องหื่นๆได้หน้าตาเฉย 



    “แต่ฮยอง….แทแมนนะ เมะด้วย” ผมทำปากคว่ำโวยวายใส่เจโฮปฮยองด้วยน้ำเสียงไร้ความหวังสุดๆ



    “อย่าปฏิเสธความจริงเลยแทแท”



    อย่าปฏิเสธความจริงเลยแทแท



    อย่าปฏิเสธความจริงเลยแทแท



    อย่าปฏิเสธความจริงเลยแทแท



    อ๊อกกกกกก!!!! แอทแทคซ้ำซ้อนเข้าตรงหัวใจเสมือนเบงเบงที่โดนหัก คนอย่างแทฮยองมันทำไม ทำไมถึงเมะไม่ได้ ทั้งๆที่สาวๆบอกว่าผมแมนมากนะ ทำไม…ทำไมไม่มีใครเข้าข้างผมเลย



    ผมหันไปมองจินฮยองกับจีมินที่ยังคงรุมเทศนาจองกุก มองเจโฮปฮยองที่ตบบ่าผมเบาๆแล้วเดินไปรวมกลุ่มกับคนแก่ มองจองกุกที่ทำหน้าตาเจี๋ยมเจี้ยมเชื่อฟัง



    แม่ง มีแต่คนสปอยน้อง ทำไมไม่มีใครเหลียวแลแทฮยองบ้าง 



    เมฆดำแห่งความโศกเศร้ากำลังเคลื่อนตัวลอยอยู่บนหัวผมช้าๆ



    หรือว่าผมต้องแพ้จองกุกจริงๆเนี่ย T^T เศร้า



    “อ้าว แทแท แกเป็นไรอีกเนี่ย จองกุกไปดูมันหน่อยดิ”



    เป็นไอ้จีมิน ที่สังเกตเห็นว่าผมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เพื่อนผมแม่งหวังดีหรือหวังร้ายไม่รู้ ผลักไอ้กุกให้เข้ามาหาผมเฉยเลย (เมื่อกี๊ใครมันหาว่าผมหลอกน้องวะ แล้วตัวมันที่ผลักมักเน่เข้ามานี่เรียกอะไร? ผู้สมรู้ร่วมคิด?)



    จองกุกที่โดนผลักเซเข้ามาชนผมเบาๆ แต่ ณ จุดนี้น้องวีเศร้ามาก ไม่สนอะไรแล้ว ผมได้แต่ทำหน้าเศร้า จนไม่ได้สังเกตเลยว่าพวกที่เหลือวิ่งลงทะเลไปหมดแล้ว มีแค่ผมกับจองกุกที่ยังยืนอยู่บนชายหาด



    วงผมแม่งโคตรดี เข้ามาขัดคอ สร้างปัญหาเสร็จก็หนีไป ซึ้งมาก



    “เป็นอะไรอีกน่ะหืม?” จองกุกเชยคางผมให้มองสบตาเบาๆ



    “เปล่า”



    “เปล่าอะไร งอนผมเหรอ” ใครงอน คนแมนเค้าไม่งอนนะไม่รู้รึไง



    “ไม่ได้งอน”



    “ครับ ครับ เข้าใจแล้ว….ผมจะทำไงให้พี่หายดีนะ ไปซื้อไอติมกันมั้ย”



    “นี่นายเห็นพี่อายุ 5 ขวบรึไงถึงเอาไอติมมาล่อ -_-“



    “ไปซื้อไอติมกันเถอะครับ”



    พูดจบมันก็ลากข้อมือผมเดินไปทางชายหาดสาธารณะที่ขายไอติมทันที แม่ม มันไม่ฟังผมเลยอ่ะ บอกว่าไม่งอนก็ไม่งอนสิ ยังจะพาไปกินไอติมอีก ผมทำหน้าบึ้งแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินตามมันไป วันนี้ทั้งวันมีแต่เดินไปเดินมา ฟิคเรื่องนี้โคตรไร้สาระเลย (อ้าวงอนแล้วพาล)



    ยังไงก็ถือโอกาสนี้เล่าให้ฟังเลยแล้วกันว่าความสัมพันธ์ของผมกับจองกุกเป็นยังไง ทำไมผมถึงยอมไอ้เด็กนี่ขนาดนี้ ตั้งแต่เปิดเรื่องมามีแต่หื่นตลอด ขอพื้นที่ให้สาระบ้าง



    ที่ผมยอมขนาดนี้ เหตุผลง่ายๆเลยคือเพราะจอนจองกุกคือจุดอ่อนของผม ใครที่ใกล้ชิดกับเราหรือแม้แต่แฟนคลับรู้ดี



    ผมกับจองกุกเราสนิทกันมาก อยู่ด้วยกัน ตัวติดกันแทบจะตลอดเวลา 



    ถ้าเทียบแล้วในบรรดาเมมเบอร์ทั้งหมดผมชอบจองกุกมากที่สุด ใครจะทำใจไม่ชอบมันได้ ถึงมันจะดูง้องแง้งน่ารำคาญไปบ้างบางเวลา บางทีก็ชอบเอาอะไรไร้สาระมาเล่าให้ฟัง ก่อกวน กวนตีนหรือล้อเลียน ทุกคนก็ยังเอ็นดูมัน 



    ยิ่งไอ้จีมินนี่โคตรจะชอบเข้าไปป้วนเปี้ยนเกาะแกะและสปอยไอ้เด็กนั่นจนแฟนคลับชอบเอาไปล้อเลียนว่ามันหลงรักจองกุกข้างเดียว 5555 สม



    เพราะฉะนั้นผมที่เอ็นดูจองกุกมากๆก็ยิ่งต้องชอบเข้าไปคลอเคลียนัวเนียมากขึ้นเป็นธรรมดา ถึงจะโดนผลักออกอยู่บ่อยๆช่วงแรกที่เดบิวท์เพราะน้องมันเขินกล้อง แต่ถ้าไม่มีกล้องก็ปกตินะไม่ได้ผลักอะไร บางทีก็ชอบมากอดผมเองด้วยซ้ำ



    สำหรับผมจองกุกคือเด็กน้อยน่ารัก ขี้อาย และใสซื่อ (ตอนเข้าวงมาใหม่ๆขี้อายจริงๆ แต่พออยู่กับผมไปนานๆก็เริ่มด้านขึ้นเรื่อยๆ =[]= พอไปอยู่กับชูก้าฮยองความใสก็เริ่มจะถดถอยลงทุกที)  



    ผมรักจองกุกมากๆในฐานะน้องชายคนหนึ่ง แต่ผมคงจะลืมไปว่าคนเราเปลี่ยนแปลงกันได้…



    เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เลยด้วย



    เรื่องมันเริ่มขึ้นตอนช่วงคัมแบคเพลงซังนัมจา ผมไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง ตอนที่เห็นจองกุกในคอนเซปใหม่ครั้งแรก อยู่ดีๆก็รู้สึกว่ามักเน่ดูโตขึ้นมากและหล่อขึ้นมากๆ ผมคิดแบบนั้นไปตลอดช่วงเวลาที่เราโปรโมท จนถึงตอนนี้ที่เรากำลังพักผ่อนก่อนจะเริ่มฝึกซ้อมเพลงคัมแบคครั้งใหม่



    ตามมาด้วยอาการที่อยู่ดีๆก็รู้สึกแปลกๆเวลาอยู่ใกล้จองกุกมากเกินไป อาทิเช่นอยู่ดีๆก็ใจสั่นเวลาเราจับมือกัน บางทีหน้าก็ร้อนๆเวลาไอ้เด็กนั่นมองมาจนผมคิดว่าตัวเองต้องเป็นบ้าแน่ๆ จนไม่กล้าเข้าไปกอดเหมือนช่วงแรกที่เดบิวท์



    ผมเคยเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาเฮียก้าแต่ดันได้รอยยิ้มแปลกๆกลับมาซะงั้น แถมยังโดนด่าว่าโง่อีกต่างหาก =[]=



    ผมเลยเอาไปบอกทุกคนในวง (ยกเว้นจองกุก) แต่แม่มไม่มีใครไยดีผมเลยอ่ะเอาแต่หัวเราะ พอผมงอแงที่ไม่มีใครช่วย สุดท้ายหมูจีก็บอกว่าผมเป็นโรคแพ้พัฒนาการความเป็นผู้ใหญ่ของมักเน่  หรือที่เรียกย่อๆว่า โรคแพ้มักเน่ (โรคบ้าอะไรเนี่ย) ไม่ต้องตกใจไป ทำตัวเฉยๆก็พอ



    ผมเชื่อมันเลยทำตัวเฉยๆ เอเลี่ยนไปเรื่อยตามปกติ และพยายามอยู่ห่างจากตัวต้นเหตุ 



    แต่ไอ้เด็กจอนดันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นด้วยการเข้ามาสกินชิพกับผมมากกว่าเดิม! พอผมพยายามหนี ไอ้เด็กนี่ก็พยายามตาม เข้ามากอด จับมือ ออดอ้อน จนลามไปถึงหอมแก้ม และจูบเบาๆที่ริมฝีปากจนผมอ่อนใจกับมัน 



    มันทำจริงๆครับ! ไอ้จูบต้นเรื่องนั่นไม่ใช่จูบแรกของเรา ไอดอลวงอื่นยังจุ๊บกันเลย ที่นี่ถือเป็นเรื่องปกติมาก แฟนเซอร์วิสไง



    แต่ไอ้ที่ไม่ปกติน่ะ คือจูบเมื่อคืนต่างหาก!



    เพราะผมมั่นใจว่าไอ้แฟนเซอร์วิสเนี่ย ไม่มีจูบดูดดื่มกระชากวิญญาณรวมอยู่ในนั้นด้วยแน่ๆ



    จองกุกอาจจะทำไปเพราะความรู้สึกอยากเอาชนะปนอารมณ์อยากรู้อยากลอง ทุกคนในวงรู้ดีว่าผมไม่เคยปฏิเสธจองกุกได้ และเขาก็ไม่เคยทำอะไรให้ผมรู้สึกไม่ดี ถ้าผมรู้สึกแย่ผมก็จะบอกออกไปตรงๆ  



    แต่ปัญหาคือตอนที่จองกุกจูบ ผมกลับรู้สึกดีกับจูบนั้นทั้งๆที่ไม่ควร ทั้งที่ผมน่าจะผลัก ด่า หรือโมโหใส่ แต่ผมกลับจูบตอบ ปล่อยให้เขาทำอะไรเกินเลยตามใจชอบ



    ผมกลัว…กลัวว่าจะเผลอคิดอะไรเกินเลยกับอีกฝ่ายทั้งที่จองกุกก็แค่เล่นๆ ไม่ได้จริงจังอะไร 



    เห็นผมไร้สาระแบบนี้ แต่ผมก็แคร์จองกุกมากนะ ไม่งั้นไม่มานั่งสับสนงุนงงแบบนี้หรอก



    “เหม่อลอยอีกแล้ว” 



    อยู่ดีๆเด็กนั่นก็พูดขึ้นมาจนผมสะดุ้ง เพิ่งรู้ตัวว่าเราเดินมาถึงรถเข็นขายไอติมแล้วและกำลังต่อแถวอยู่ ผมมองจองกุกที่จับมือผมไว้แน่นเพราะคนเยอะ ไม่เหมือนตอนที่เราเดินมาครั้งแรกที่ต่างคนต่างเดิน



    “คิดอะไรไปเรื่อยน่ะ ว่าแต่นายอยากกินรสอะไร พี่อยากกินสตรอเบอร์รี่ วันนี้คนเยอะจังเนอะ ไม่รู้จะมีใครเข้ามาจีบนายอีกรึเปล่า” 



    “จีบผม? พี่พูดเรื่องอะไร?” จองกุกขมวดคิ้วทำหน้างง 



    “ก็นายน่ะแหละตัวต้นเหตุ” ผมได้ทีรีบโทษมันเลย 



    “เพราะนายหล่อเกินไปแต่ดันทำหน้าบูดไม่สมกับหน้าตา ตอนที่เรามาเดินเล่นที่หาดสาธารณะ คนที่อยากจีบนายก็มาคุยกับพี่แทนน่ะซิ เซ็งเป็นบ้า ทำไมไม่รู้จักทำหน้าตาให้มันดีๆก็ไม่รู้ เดือดร้อนเลยเนี่ย”



    ผมบ่นใส่มันเป็นชุด 



    ก็จริงนี่ครับ ตอนเดินมาที่นี่ครั้งแรก มีแต่คนมาถามผมว่ามันชื่ออะไร มีแฟนรึยัง มาเที่ยวเหรอ ที่หนักๆก็เป็นแฟนกันรึเปล่า ผมต้องตอบคำถามสารพัด แต่ไอ้เด็กกุกกลับยืนเว้นระยะห่างจากผมยังกับไม่ได้มาด้วยกัน หน้าตาเย็นชาสุดๆจนผมเกือบจะคิดว่ามันอิจฉาที่มีผู้หญิงมาคุยกับผม



    แต่นี่จองกุกดันทำหน้าไม่พอใจใส่ทั้งผู้หญิงทั้งผู้ชาย (ที่แม่มชอบเข้ามาขอเป็นเพื่อนกับผมกันจัง หน้าตาผมคงเฟรนลี่มากมั้ง) จนผมได้ข้อสรุปอย่างเดียวว่า



    จองกุกหิวข้าว (เอ๊อะ)



    “ใครอยากจีบผม มีแต่พี่น่ะแหละที่เดินหว่านเสน่ห์ไปทั่ว”



    อ้าว มันโทษผมกลับซะงั้น 



    แล้วจองกุกก็จ้องคิมแทคนนี้ ไล่ตั้งแต่เส้นผมสีน้ำตาลที่ยังคงชื้นนิดหน่อยจากน้ำทะเล ใบหน้าแบบเมคอัพจัดเต็ม (ผมไม่ได้ลบออก เปลี่ยนแค่เสื้อ ดีที่เป็นแบบกันน้ำ) สายตาของเขาไม่พอใจมากขึ้นตอนมองเสื้อกล้ามสีดำของผม อะไรของมันวะ?



    “ชิ!”



    จองกุกจิ๊ปากขัดใจ ก่อนจะทำสิ่งที่ผมคาดไม่ถึงด้วยการถอดเสื้อนอกลายดอกสีแดงของตัวเองออก จนเหลือแค่เสื้อกล้ามสีขาวที่แนบไปกับอกกว้าง อวดผิวขาวกับกล้ามแขนล่ำจนผู้หญิงแถวนั้นหันมามองตาเป็นมัน บางคนถึงขั้นกรี๊ดเบาๆด้วย 



    แล้วยังมีหน้ามาหาว่าผมหว่านเสน่ห์ ดูมันทำซะก่อน! 



    แต่ก่อนที่ผมจะได้ด่าอะไร จองกุกกลับเอาเสื้อสีแดงแจ๊ดนั่นมาคลุมไหล่ผมพร้อมกับรอยยิ้มหวานที่โคตรน่ากลัว ผมอยู่กับมันมานาน ยิ้มแบบนี้เนี่ยแหละคือสัญญาณว่าห้ามปฏิเสธแบบเด็ดขาด ไม่งั้นศพไม่สวยแน่



    ผมเอื้อมมือไปจับเสื้อสีแดงลายดอกด้วยความงง (ใครเลือกลายวะทุเรศมาก) เอามาให้กุเพื่อ? ร้อนจะตายห่านอยู่แล้ว



    “เอามาให้ทำไม ไม่ได้หนาว” ผมถาม ทำท่าจะถอดออกแต่เจอสายตาบังคับซะก่อน



    “ใส่ไป ไม่ต้องถาม”



    “ห๊ะ”



    จองกุกสั่งผมแค่นั้นก็หันไปคุยกับคนขายไอติมทันทีเพราะถึงคิวเราแล้ว และน้องวีจะทำอะไรได้ล่ะนอกจากยอมใส่ เกิดเป็นคิมวีโคตรน่าสงสารเลยอ่า



    “จองกุกอ่า พี่ถอดไม่ได้เหรอ สีแดงอันนี้มันไม่เข้ากับพี่เลยอ่า ใส่แล้วดับสุดๆ”



    ผมกระตุกแขนจองกุกเป็นรอบที่ร้อยพร้อมกับทำปากยู่ไปด้วย ตอนนี้เราสองคนกำลังเดินเล่นอยู่ที่ชายหาดที่เดิมเนี่ยแหละ แต่บรรยากาศต่างจากตอนแรกลิบลับ



    หน้าจองกุกนี่ร่าเริงลั้นล้าสุดๆ เลียไอติมโคนในมือเหมือนว่าโลกนี้ช่างสดใส ต่างจากหน้าผมที่อยากจะร้องไห้ ตั้งแต่ซื้อไอติมเสร็จ ไอ้เด็กนี่ก็ดูมีความสุขมาก หลังจากที่มองสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้าของน้องวีจนพอใจ มันก็บังคับให้ผมเกาะแขนแล้วพาไปเดินเล่นที่ชายหาด



    “ดับไปนั่นแหละดีแล้ว”



    จองกุกหันมาตอบด้วยสีหน้ามีความสุขสุดๆที่เห็นว่า สีแดงมันโคตรไม่เข้ากับผิวของคิมแทฮยอง คนผิวคล้ำนะ ใส่สีนี้แม่งไม่เกิดอ่า



    “นี่ รู้ว่าอิจฉาที่พี่หล่อกว่า แต่มันร้อนนะ เอาคืนไปเลย”



    ผมพยายามถอดเสื้อออก แต่จองกุกกลับจ้องผมเขม็งพร้อมกับแยกเขี้ยว (ผมสาบานว่าเห็นเขาปีศาจกับรังสีความชั่วร้ายแผ่ออกมาจริงๆนะ) เลยเผลอชะงักมือที่จะถอดเสื้อแบบไม่รู้ตัว 



    เฮือกกก โคตรน่ากลัวเลยอ่า พอขัดใจทีไรเข้าโหมดปีศาจทุกที นี่น้องวีแก่กว่ามัน 2 ปีนะ ทำไมต้องกลัวจนหัวหดกับแค่เรื่องถอดเสื้อด้วย ไม่เข้าใจตัวเอง ฮือๆๆ 



    “ผมไม่ได้อิจฉา ใครๆก็รู้ว่าผมหล่อกว่าพี่ ขาวกว่าด้วย ละเมออยู่รึไง คิมแทฮยอง”



    “น…นี่ ไอ้เด็กนี่ พี่แก่กว่านายนะ มาเรียกคิมแทฮยองเฉยๆได้ไง -_-“



    “ทำไมจะเรียกไม่ได้ ตอนนี้ผมอยากเรียกว่า แทฮยอง ผมก็จะเรียก ไว้ตอนไหนอยากเรียกว่าพี่วีจะบอกล่ะกัน”



    “อ…ไอ้….”



    “จะกินมั้ยน่ะไอติม จะละลายหมดแล้วนะ”



    มันไม่สนใจผมที่อ้าปากพะงาบๆ พยักหน้าไปทางไอติมที่อยู่ในมือผม โอ๊ย ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่ากับความเอาแต่ใจขั้นเทพของมัน ทำได้แค่มองไอติมที่ไหลเยิ้มจนเกือบจะเปื้อนมือ ผมรีบอ้าปากเลียไอติมเร็วๆทันที 



    ผมเอาแต่กินกินกินจนไอติมในมือหมดด้วยความรวดเร็ว หันไปมองไอ้เด็กกุกมันยังกินไม่ถึงครึ่งเลยอ่ะ มัวแต่จ้องอยู่ได้



    “กินยังไงเนี่ย เลอะหมดแล้ว” จองกุกหัวเราะแล้วยกมือขึ้นเช็ดแก้มผมเบาๆ “หิวขนาดนี้เอาของผมไปกินด้วยอีกโคนเลยดีมั้ย”



    “นี่นายเห็นพี่ตะกละมากรึไง”



    ผมแอบงอนมันเบาๆ พูดยังกับผมกินเยอะมาก จริงๆก็ไม่เท่าไหร่นะ แค่แพนเค้ก 7 ชิ้น แซนวิส 5 อัน ของหวานเป็นไอติม ไม่เห็นจะเยอะเท่าไหร่เลยยยย



    “ฮ่ะฮ่ะ ไม่เอาใช่ป่ะ งั้นผมกิน…”



    จองกุกพูดจบก็กินไอติมในมือตัวเอง พอเห็นมันกินผมก็เริ่มน้ำลายไหล ไอติมรสช็อกโกแลต มีเกล็ดช็อกโกแลตเล็กๆเป็น Topping ด้วย โคตรน่ากินเลย



    “อ๊ะ”



    อยู่ดีๆผมก็รู้สึกว่าอะไรเย็นๆมาโดนแก้ม ไอ้เด็กกุกมันแกล้งผมอีกแล้วด้วยการเอาไอติมมาจิ้มแก้มผมแล้วหัวเราะสะใจอยู่คนเดียว



    “ทำอะไรอ่ะ เอาไอติมมาแกล้งพี่ทำไม มันเสียของนะ” 



    ผมโวยวายใส่มันเพราะความเสียดาย ไม่อยากกินก็เอามาให้ผมนี่ ผมยินดีกินให้ อิอิ (ไม่ค่อยจะตะกละจริงๆ)



    “ไม่เสียของหรอก”



    พูดจบริมฝีปากเย็นๆก็ประทับลงมาบนแก้มผม เลียไอติมออกไปต่อหน้าคนทั้งชายหาด ความหน้าด้านของมันทำผมอึ้งเป็นครั้งที่ร้อยของวัน จองกุกมองไปรอบๆด้วยสีหน้าพอใจก่อนจะมาหยุดสายตาไว้ที่ใบหน้าเหวอๆของผม



    “แค่นี้ก็ไม่มีใครมาจีบผมแล้วนะ” เขาพูดเสียงหวาน “แต่เพื่อความชัวร์ ผมว่าเราไปหาที่กินไอติมเงียบๆกันสองคนดีกว่า”



    พูดจบก็ลากข้อมือผมออกไปทันที



    ไปกินไอติมกันเงียบๆ



    ไปกินไอติมกันเงียบๆ



    แค่กินไอติมทำไมต้องหาที่เงียบๆ ไอ้เด็กบ้า มันจะกินไอติมหรือมันจะทำอะไร 



    อ๊ากกกก ใครก็ได้ ช่วยน้องวีด้วยยยยยยย



    …………………………………………

    ที่เงียบๆของมันก็คือบ้านพักตักอากาศที่เรามาพักกันนั่นแหละครับ เงียบเพราะพวกบังทันที่เหลือไม่อยู่ ไปเล่นน้ำกันหมดแล้ว ผมมองจองกุกที่ยังคงถือไอติมที่เริ่มละลายนิดๆไว้ในมือ มันเดินเร็วมากตอนกลับมา แถมยังลากข้อมือผมให้เดินตามมาอีก



    ลากไปมาอยู่ได้ โคตรเอาแต่ใจเลย



    พอเข้ามาถึงจองกุกก็ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวใหญ่ทันทีพร้อมกับเปิดแอร์ อากาศร้อนมากๆแต่ความร้อนก็ทำอะไรความหื่นของไอ้เด็กนี่ไม่ได้ เพราะมันกดสะโพกผมให้นั่งลงบนตักมันทันที



    “กินสิ”



    พอจัดที่นั่งผมจนพอใจ มือใหญ่ก็ยื่นไอติมมาจ่อตรงปากผมด้วยแววตาเจ้าเล่ห์จนผมมองไอติมด้วยความระแวง มันแอบใส่ยาปลุกเซ็กส์ตอนผมไม่เห็นป่ะวะ (คิดได้ไง =[]=)



    “-_-ทำไมมองแบบนั้น พี่เห็นผมชั่วร้ายขนาดนั้นรึไง ไม่ไว้ใจจองกุกแล้วเหรอ” 



    จองกุกกัดริมฝีปาก หลบตาผมด้วยใบหน้าเศร้าๆจนผมใจอ่อนยวบยาบ รู้นะว่ามันมารยา รู้แต่ก็ทำไม่ได้ T^T เคยได้ยินป่ะ เพลงนี้ผมชอบมากเลย (ไปโฆษณาให้เขาอีก)



    ทำได้แค่อ้าปากไปกัดไอติมที่จองกุกป้อนให้ งื้ออออ อร่อยจัง 



    จริงๆแล้วเด็กนี่ก็นิสัยดี……



    จุ๊บ



    อ๊ากกกกกก



    ผมผงะออกจากไอติมด้วยความเร็วสูง อ…ไอ้เด็กบ้า ไอ้เด็กจอนมันจุ๊บปากผม!!! เกือบจะดีแล้วนะ เกือบจะนิสัยดีแล้ว…



    “นายหลอกพี่ อ…ไอ้คนฉวยโอกาส” 



    ผมด่ามัน ทำท่าจะลุกขึ้นออกจากตักแต่จองกุกไม่ยอม กอดเอวผมเอาไว้แน่นจนแทบขยับไปไหนไม่ได้



    “ใครฉวยโอกาส ผมแค่กินไอติมของผม ปากพี่บังเอิญไปอยู่ตรงนั้นเอง มาหาว่าผมฉวยโอกาสได้ยังไง พี่ต่างหากที่เอาปากไปไว้บนไอติมผมเอง”



    อะไรนะ =[]= พูดจาเข้าใจยากอีกแล้ว มันจะด่าว่าผมเสล่อเอาปากไปอยู่บนไอติมเองใช่ป่ะ โอเค น้องวีซึ้งมาก



    “ฮึ้ยยย พี่ผิดเองก็ได้ งั้นนายกินไปเลย พี่ไม่กินแล้ว”



    ผมแกล้งทำเป็นโกรธ จองกุกใจดีจะตาย เห็นผมงอนแบบนี้ เดี๋ยวสักพักมันต้องให้ผมกินจนหมดแบบไม่ก่อกวนแน่ๆ แผนผมนี่โคตรจะล้ำ (ล้ำตรงไหน)



    “แน่ใจนะครับ?” จองกุกเลิกคิ้วถาม



    “ไม่แน่ใจ”



    พูดจบผมก็ฉวยไอติมในมือมันมากินแม่งเลย ด้านมาก็ด้านกลับ ฮ่าฮ่าฮ่า ไอติมโคนนี้ต้องเป็นของแทฮยองเท่านั้น ผมเลียไอติมในมืออย่างเมามันส์ กะเอาให้เลอะน้ำลายมันจะได้อี๋ไม่กล้ากินต่อ (โคตรซกมก)



    “พี่วี นั่นมันไอติมผมนะ -_-“



    จองกุกโวยวายออกมา แต่ผมไม่สนใจ ยังคงกินกินแล้วก็กิน และจะกินไปทุกตอนจนกว่าจะจบฟิค มักเน่ที่เห็นท่าไม่ดีรีบคว้าข้อมือผมให้ออกห่างจากไอติม แต่ผมไม่ยอมเลยกลายเป็นสงครามยื้อแย่งไอติมกันไปมา



    “พี่วี นั่นมันไอติมผม” จองกุกย้ำอีกรอบ ผมเลยยั่วโมโหมันด้วยการแลบลิ้นปลิ้นตาใส่



    “คิดว่ากินได้ก็ลองดู”



    ผมพูดพลางโยกไอติมหลบไปมาจนจองกุกยื้อแย่งด้วยความยากลำบาก เพราะมือนึงต้องคอยประคองเอวผมไม่ให้หล่นจากตักไปด้วย แต่แล้วอยู่ดีๆมักเน่ก็คลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา



    “พี่พูดเองนะ”



    “อ๊ะ อื้ออออออ”



    ริมฝีปากบางสวยที่เย็นนิดๆเพราะไอศครีมบดขยี้ลงมาที่ริมฝีปากผมทันทีที่จบประโยคนั้น มือใหญ่บีบแก้มผมเบาๆจนผมต้องเผยอปากออกให้ลิ้นของอีกฝ่ายกวาดต้อนไปทั่วตามใจชอบ แลกเปลี่ยนรสชาติหอมหวานของไอติมช็อกโกแลตจากปากของผม



    มือที่ถือไอติมของผมสั่นเพราะความรู้สึกดีจนไอติมหล่นลงกับพื้นห้องนั่งเล่น เผลอยกแขนโอบรอบคอจองกุกโดยไม่รู้ตัว หัวใจผมเต้นแรงไปหมดตอนที่โดนขบเม้มริมฝีปากล่างเบาๆ จองกุกผละออกเล็กๆเพื่อให้ผมหายใจก่อนจะจูบซ้ำๆแบบคนไม่รู้จักพอ



    “อ๊ะ จองกุก”



    ผมครางออกมาเมื่อมักเน่ไล่จูบลงมาที่ซอกคอของผม ริมฝีปากเย็นจูบเบาๆตรงจุดที่มีรอยแดงเมื่อคืน และก่อนที่ผมจะห้าม เขาก็จูบหนักๆซ้ำลงบนรอยนั้นอีกครั้ง 



    ความเอาแต่ใจของจองกุกยังไม่หมดแค่นี้ เมื่อเขาเริ่มดูดดุนไปตามลำคอของผม ทิ้งรอยสีกุหลาบไว้ทุกๆจุดที่ริมฝีปากลากผ่าน 



    มือใหญ่ดึงรั้งเสื้อสีแดงและสายเสื้อกล้ามสีดำของผมให้หลุดออกไปจากไหล่ ตามมาด้วยริมฝีปากร้ายกาจคู่นั้นที่จูบไปทั่วหัวไหล่อย่างนึกสนุก ตีตราจองไปทั่วจนทั้งคอและลาดไหล่ของผมเต็มไปด้วยรอยจูบประทับความเป็นเจ้าของ



    ผมได้แต่ด่าตัวเองที่ใจง่ายจนยอมให้เขาเล่นสนุกมากขนาดนี้ แต่ผมทำอะไรไม่ได้ ขัดขืนอะไรไม่ได้ นอกจากครางเสียงแผ่วหวานซึ่งมีแต่จะทำให้เขาพอใจมากขึ้น



    “อย่า….”



    ผมห้ามด้วยน้ำเสียงสั่นพร่าเมื่อเขาสอดมือเข้ามาในเสื้อกล้ามลูบไล้ไปทั่วหน้าท้องและแผ่นหลังของผม มืออีกข้างของจองกุกกดสะโพกของผมให้แนบชิดกับส่วนนั้น มันทำให้ผมรู้ว่าจองกุกมีอารมณ์มากขนาดไหน



    มากจนผมรู้สึกว่านี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆอีกต่อไป 



    “อย่า...จองกุก พอแล้ว อย่าทำพี่เลย”



    น้ำเสียงของผมที่เหมือนจะร้องไห้ทำให้มักเน่ได้สติในที่สุด เขาละมือออกจากตัวผมแทบจะทันที เราสองคนหอบหายใจแรง มือข้างหนึ่งของผมเกาะบ่าจองกุกไว้แน่น



    “ผมขอโทษ” เสียงทุ้มพูดออกมา นิ้วโป้งเกลี่ยแก้มผมเบาๆด้วยความอ่อนโยน “ผมจะไม่ทำอะไรที่พี่ไม่ชอบอีกแล้ว” 



    ใบหน้าสำนึกผิดของเขาทำให้ผมรู้สึกแย่ จองกุกยกสะโพกผมออกจากตักเปลี่ยนให้มานั่งบนโซฟา เขาถอนหายใจ ลุกขึ้นทำท่าจะเดินออกไปจังหวะเดียวกับที่ผมฉวยข้อมือเขาไว้แบบไม่รู้ตัว ดวงตาคู่นั้นมองสบผมด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย แววตาที่ผมไม่เคยอ่านออกว่าเขารู้สึกยังไง



    ผมรู้แค่ว่าตอนนี้เขากำลังรู้สึกไม่ดีและผมก็ไม่อยากให้จองกุกรู้สึกแบบนั้น



    “จองกุกไม่ได้ทำให้พี่รู้สึกไม่ดี” ผมพึมพำแผ่วเบา “เพราะฉะนั้นอย่าเดินหนีพี่ไปเลยนะ”



    ถ้านี่เป็นนิยาย คิมแทคนนี้ก็คงน้ำเน่าสุดๆ แต่มันก็คุ้มเพราะจองกุกถอนหายใจก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้า มือใหญ่สองข้างประคองแก้มผมเบาๆ สัมผัสของเขาอ่อนโยนขัดกับแววตาสับสน



    “รู้ตัวบ้างมั้ยว่าพูดอะไรออกมา”



    ไม่รู้สิ ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น รู้แค่ไม่อยากให้เขาเดินหนีไป พอรู้ตัวอีกทีก็เผลอยื่นมือออกไปรั้ง



    “ทำไมต้องยอมขนาดนี้ นี่หมายความว่าพี่ยอมให้ผมทุกอย่างเลยใช่รึเปล่า”



    “…………...”



    “พี่วีไม่ต้องตอบก็ได้ พี่ไม่ให้ผมเดินหนีไป งั้นผมก็จะขอทำตามใจตัวเองเหมือนกัน”



    จบประโยคนั้น ริมฝีปากบางสวยก็จูบประทับเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า



    มันไม่สมควร…



    ผมยกมือขึ้นโอบรอบคอจองกุกดึงรั้งให้เข้ามาใกล้ๆ



    จูบๆนี้ไม่ควรเกิดขึ้น….



    รสจูบร้อนแรงเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน เขาขบเม้มริมฝีปากผม อ่อนโยนทะนุถนอมจนแทบอยากร้องไห้



    จองกุกผละออกก่อนจะจูบหน้าผากผมเบาๆ ริมฝีปากยังคงคลอเคลียไม่ห่าง




    ผมรู้ตัวดี…



    ถ้าเราไม่หยุดตอนนี้ บางทีเราสองคนอาจจะไม่สามารถถอนตัวได้อีกต่อไป


    ...........................................


    #กุกวีซังนัมจา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×