คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #111 : ตำรามาร
ใช้เวลาเดินทางจากอาคารนักผจญภัยถึงหอสมุนไพรเตี๋ยเทียนบวกลบไม่เกินยี่สิบสามสิบก้าว ยี่ฟงนับจำนวนก้าวของตนมาตลอดจริง ๆ
เพื่อดูว่ามู่ฟางเหลียนฮวาให้ข้อมูลมั่วหรือเปล่า
สรุปว่ามันก็ไม่ผิดเพี้ยนไปสักเท่าไร
อาจจะเป็นเพราะยี่ฟงก้าวเดินผิดตำแหน่งจึงทำให้จำนวนก้าวคาดเคลื่อนไปก็เป็นได้ แต่ความคิดฟุ้งซ่านจำต้องหยุดลงเมื่อชายหนุ่มเดินมาถึงหน้าธรณีประตูชั้นล่างสุดของหอเตี๋ยเทียน มองจากมุมใกล้เช่นนี้ยิ่งช่วยให้เห็นความใหญ่โตของมันเด่นชัดมากขึ้น ชาวยุทธ์ร้อยละแปดสิบที่วนเวียนอยู่บริเวณโดยรอบต่างกำลังฝึกฝนพัฒนาอาชีพนักปรุงยา
เซียนยาท่านหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า ยิ่งสรรพคุณของตัวยามีระดับสูงเท่าไร
ท่านจะยิ่งร่ำรวยเท่านั้น ขอเพียงปรุงโอสถระดับสูงให้ได้สักหนึ่งในจำนวนทั้งหมด
ท่านก็ยกฐานะตนขึ้นเป็นเถ้าแก่ร้อยล้านได้แล้ว
เหตุนี้เองจึงกำเนิดกลุ่มเพลเยอร์ที่วาดหวังจะรวยทางลัดขึ้นมา พวกเขาเสี่ยงวัดดวงไปกับอาชีพนักปรุงยา แต่ความจริงแล้วทุกวิชาชีพล้วนยากลำบากและย่อมมีอุปสรรคขัดขวางให้ต้องฟันฝ่า ไม่มีทางลัดให้ใครง่าย ๆ อย่างที่คิด การจะประสบความสำเร็จอะไรได้สักอย่างคุณอาจต้องจมอยู่กับมันเป็นเวลานาน ศึกษาค้นคว้าเส้นทางที่ถูกต้องละเอียดยิบ การล้มเหลวในทุก ๆ
ครั้งนับเป็นรากฐานสั่งสมประสบการณ์เพื่อต่อยอดไปสู่ผลลัพธ์อันยอดเยี่ยมในท้ายที่สุด
คนที่ท้อถอยยอมแพ้ไปก่อนก็จะแพ้อยู่อย่างนั้น
สรุปก็คือคุณจะมาเสี่ยงวัดดวงกับเปอร์เซ็นต์น้อยนิด คาดหวังโชคสูงสุดให้ตนบังเอิญปรุงยาระดับสูงหนึ่งในหมื่นติดขึ้นมาได้จริง
ๆ นั้น
เป็นแค่เพียงเรื่องขำขันหรือฝันเฟื่อง
เกมลำนำจ้าวยุทธจักรอาจจะดูเหมือนว่าอิสรเสรี ดังเช่นถ้าคุณอยากเข้ามาท่องยุทธภพเร่ร่อนพเนจรไปเรื่อยก็ได้ อยากลองเป็นเชฟเปิดร้านอาหารของตัวเองก็ทำได้เช่นกัน ทว่าทุก ๆ อาชีพทั้งอาชีพหลักและอาชีพเสริมภายในเกมนี้ต่างต้องการค่าประสบการณ์ความชำนาญมหาศาลยิ่ง แน่นอนว่าประสบการณ์จริงก็มีส่วนช่วยผลักดันให้คุณประสบความสำเร็จในด้านนั้น
ๆ ได้รวดเร็วขึ้นด้วย ฉะนั้นมันจึงไม่มีเรื่องดวงเข้ามาเกี่ยวข้องเลยแม้แต่นิด ในเมื่อคุณมีค่าความชำนาญไม่ผ่านเกณฑ์ประจำอาชีพที่ทางระบบกำหนดไว้ก็อย่าได้คาดหวังสูงส่งอะไรนัก กล่าวถึงการปรุงยาแล้วก็เหมือนกัน โอกาสสำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์ใช่ว่าจะไม่มีทางเป็นไปได้ ขอเพียงศึกษาและทดลองทำจนเชี่ยวชาญบรรลุ โอกาสที่ว่าก็จะอยู่ในมือคุณเอง กลับกัน ถ้าเพียงมาทำเล่น ๆ หวังเสี่ยงดวง ต่อให้ลงทุนเป็นพันล้านคุณก็ไม่มีแม้กระทั่งหนึ่งเปอร์เซ็นต์ที่จะนำมาปรุงตัวยาระดับสูงให้สำเร็จสมบูรณ์ได้
ผลลัพธ์จะดีหรือแย่ขึ้นอยู่กับเทคนิคฝีมือและประสบการณ์ที่ขัดเกลามานับครั้งไม่ถ้วนแล้วเท่านั้น
ยี่ฟงเพิ่งจะเดินเข้ามาภายในหอสมุนไพรเตี๋ยเทียนชั้นล่างสุด ซึ่งระหว่างทางยังเร่งเร้าลมปราณสลายความชื้นแฉะออกจากเสื้อผ้าไปด้วย เสียงฟ้าคร่ำครวญคำรามจากด้านนอกค่อย ๆ
เบาลง หลงเหลือแต่แสงเงาวูบวาบที่เกิดจากเส้นสายอสนีบาตพาดผ่านบานหน้าต่างแต่ละมุม เพลเยอร์สองสามคนที่รั้งอยู่ก่อนเหลือบมองมาด้วยสีหน้าแววตาเคลือบแคลงสงสัย ไอ้หนุ่มประหลาดสวมใส่หน้ากากปิดบังตัวตนที่เพิ่งฝ่าสายฝนมาถึงคนนี้ท่าทางจะมีคดีติดตัว ด้วยประสบการณ์ของคนทั้งสามทำให้ตัดสินตัวละครลึกลับไปในแง่ลบเรียบร้อย
นี่ก็คือข้อเสียของการใส่หน้ากากระงับการประกาศของระบบ แม้มันช่วยปิดบังอะไรหลายอย่างให้ผู้สวมใส่ได้ แต่ก็เป็นตัวช่วยยืนยันฐานะให้ในเวลาเดียวกัน ผู้ที่ปิดบังตัวตนอาจจะเป็นตัวละครชื่อแดงหรือผู้มีค่าหัวซึ่งต้องการหลีกเลี่ยงการปะทะ
น้อยมากที่จะมีคนนึกพิเรนทร์หยิบหน้ากากมาใส่ประดับเล่นเช่นนี้เพราะมันทำให้วิสัยทัศน์การมองเห็นแคบลง
ยี่ฟงไม่สนใจสายตาเหยียดหยามกับท่าทีระแวดระวังที่ส่งมาจากบุคคลทั้งสาม เขาสืบเท้าก้าวเดินฝ่าไปตรง ๆ
พร้อมพินิจวัตถุดิบที่วางโชว์อยู่ในตู้กระจกตามโต๊ะไม้ตัวยาว บนโต๊ะยังถูกปูรองไว้ด้วยผ้าสีแดงหรูหรา หากเพลเยอร์แตะสัมผัสถูกตู้กระจกระบบจะแสดงข้อมูลวัตถุดิบขึ้นมาให้อ่านทันที ด้านในสุดของหอชั้นแรกไม่มีเคาน์เตอร์หรือจุดประชาสัมพันธ์อะไรเทือกนั้น ปรากฏว่ามีแค่ชายวัยกลางคนสีหน้าเจ้าเล่ห์มากประสบการณ์อยู่คนหนึ่ง คอยตอบคำถามและซื้อขายไอเท็มกับเพลเยอร์เท่านั้น พอชายคนที่ว่าสังเกตเห็นยี่ฟง เขาก็ปรี่เข้ามาสอบถามตามหน้าที่ของตนทันที
“ยินดีต้อนรับท่านยอดฝีมือ แวะเวียนมาที่นี่ต้องการสิ่งใดเป็นพิเศษหรือเปล่าขอรับ ข้าสามารถช่วยจัดหาทุกสิ่งที่มีอยู่ภายในชั้นนี้ให้ท่านได้อย่างรวดเร็วกว่ามาก”
“แค่ชั้นแรกเท่านั้นเอง?” ยี่ฟงถามกลับพลางสงสัยในใจว่าอีกฝ่ายเป็นมนุษย์หรือเอไอกันแน่
“ถูกต้องแล้ว ชั้นนี้ชั้นเดียวขอรับ”
“ถ้าของที่ฉันต้องการมันอยู่ชั้นอื่นจะทำไงล่ะ” ยี่ฟงตั้งคำถามเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม
“ฮ่า
ฮ่า ฮ่า
ขอเพียงท่านยอดฝีมือกระเป๋าหนักและครอบครองวัตถุดิบระดับสูงตามเกณฑ์ของแต่ละชั้น ท่านก็ถือว่ามีคุณสมบัติผ่านขึ้นไปได้แล้วขอรับ” ชายผู้ดูแลหอสมุนไพรเตี๋ยเทียนชั้นแรกตอบ
“วัตถุดิบเกี่ยวกับการปรุงยาใช่หรือเปล่า” ยี่ฟงถามต่อให้แน่ใจ ส่วนผู้ดูแลหอผงกศีรษะยืนยันให้อีกที
“ฉันมีตำราสมุนไพรเก่า
ๆ เล่มหนึ่ง นับว่าใช้ได้ไหม” ขณะกล่าวยี่ฟงก็หยิบตำราที่ว่าออกมาให้อีกฝ่ายตรวจดูไปด้วย ความหนาของตำราเล่มนี้เรียกได้ว่าใช้หนุนศีรษะแทนหมอนได้เลยทีเดียว ผู้ดูแลหอเมื่อพินิจพิเคราะห์มันอยู่ครู่หนึ่ง ทั้งปกหน้าปกหลัง ร่องรอยฉีกขาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามมุมตามขอบ ความเก่าแก่ของตำราสมุนไพรเล่มนี้กับข้อมูลมหาศาลบนหน้ากระดาษที่พลิกเปิดออกมาดูคร่าว
ๆ ทำให้ผู้ดูแลหอรู้สึกเหมือนตนกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งฝัน สีหน้าตื่นเต้นเจือความแปลกใจไม่เชื่อถือ เขาลูบคลำสลับกับการพลิกหน้ากระดาษซ้ำอีกครั้งจนยี่ฟงอดถามแทรกขึ้นมาไม่ได้ว่า
“มันใช้แทนวัตถุดิบไม่ได้หรือไง”
ผู้ดูแลหอชั้นแรกเหมือนเพิ่งสะดุ้งตื่นจากฝัน เงยหน้าสบตายี่ฟงตอบกลับมาว่า “ข้าน้อยจะพาคุณชายไปพบผู้อาวุโส โปรดตามข้าน้อยมาสักครู่นะขอรับ”
ยี่ฟงเห็นว่าไม่มีความจำเป็นอะไรต้องปฏิเสธจึงพยักหน้ายอมติดตามอีกฝ่ายไปโดยดี เริ่มรู้สึกได้ว่าตำราเล่มนี้ไม่ธรรมดา อีกฝ่ายถึงกับแสดงความเคารพด้วยการเปลี่ยนคำเรียกแทนตัวของเขาเป็นคุณชาย เพลเยอร์สามคนที่ลอบสังเกตการณ์อยู่กันคนละมุมได้แต่ทอดถอนหายใจ พวกเขางึมงำกับตัวเองออกมาเบา ๆ ว่า “เมื่อไรฉันจะผ่านเกณฑ์ได้มีโอกาสขึ้นไปชั้นอื่นกับเขาบ้างฟะ”
หากคนทั้งสามล่วงรู้ว่ายี่ฟงเพิ่งจะเคยเข้ามาที่หอเตี๋ยเทียนเป็นครั้งแรก แต่กลับผ่านเกณฑ์มีโอกาสขึ้นไปชั้นที่สูงกว่าในทันทีคงได้ริษยาหัวไหม้กันแน่
“ฉันผ่านเกณฑ์ไปได้ถึงชั้นไหนกัน” ระหว่างเดินตามขึ้นบันไดมา ยี่ฟงก็ถามขึ้น
“ชั้นสามขอรับ” ผู้ดูแลหอชั้นแรกตอบเล่นเอายี่ฟงอึ้งไปอยู่บ้าง ตำราเก่า ๆ เล่มเดียวมีค่ามากมายขนาดนั้น?
ยังไม่ทันได้คิดอะไรจนถี่ถ้วนเขาก็ถูกนำมาถึงชั้นสามแล้ว พื้นที่ของชั้นสามเปิดเป็นห้องโล่ง ๆ แต่ตามผนังทุกด้านกลับสร้างเป็นช่องสี่เหลี่ยมขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่จำนวนเหลือคณานับ ภายในช่องแต่ละช่องถูกวางไว้ด้วยวัตถุดิบและตำราที่คาดว่าคงจะเกี่ยวข้องกับสมุนไพรและการปรุงยาอย่างไม่ต้องสงสัย บริเวณมุมหนึ่งติดกับหน้าต่างมีชายชราวัยย่างเข้าเจ็ดสิบยืนหลังค่อมอยู่ ชุดคลุมตัวยาวสีเขียวลากยาวลงไปกับพื้นขณะที่ชายชรากำลังก้าวเดินตรงเข้ามาหา
“คารวะผู้อาวุโสสามหลิงซาน” ผู้ดูแลหอชั้นแรกโค้งกายเอ่ยทักขึ้นก่อน
“เอาล่ะ
เอาล่ะ ไม่ต้องมากพิธี ข้าเองไม่ได้ต้อนรับแขกมานาน เจ้ากลับลงไปประจำชั้นแรกเถิด ข้าจะรับหน้าที่ต่อให้เอง” อาวุโสสามหลิงซานกล่าวพลางยกฝ่ามือโบกปัด ผู้ดูแลหอชั้นแรกไม่พูดจาใด ๆ ต่ออีก เพียงคารวะและจากไปเงียบ ๆ
ทิ้งยี่ฟงให้ยืนเผชิญหน้ากับชายชรา
“ท่านกำลังมองหาสิ่งใดจากที่นี่อยู่ล่ะ ข้าจะรับฟังและจัดหามาให้ทันที” หลิงซานถาม
“ข้าต้องการซ่อมแซมตำราสมุนไพรเล่มนี้ มันยุ่งเหยิงยากแก่การศึกษาเกินไป” ยี่ฟงตอบพร้อมกับยื่นตำราเล่มโตออกไปอีกครั้ง อาวุโสสามหลิงซานชะงักไปเล็กน้อย
เพียงเห็นตำราในมือของชายหนุ่มแวบเดียวกลับทราบความกระจ่างไปก่อนแล้ว
“นี่มัน…ตำรามารอสรพิษสามสี!!” หลิงซานเวลานี้บนใบหน้าเต็มไปด้วยความผวา
“ตรงไหนมันเขียนบอกไว้หรือ ฉันพลิกดูสิบแปดตลบยังไม่เห็นสักคำเลย” ยี่ฟงสงสัยและกำลังพลิกซ้ายพลิกขวาค้นหาอยู่จริง
ๆ
อาวุโสสามหลิงซานเหมือนเพิ่งได้สติจึงรีบรักษามาดดังเดิม กระแอมไอทีหนึ่งพลางอธิบายให้ตัวตลกตรงหน้าฟังว่า “ตำราที่ท่านครอบครองอยู่นี้ชำรุดเก่าแก่เกินไป กล่าวคือมันเป็นตำราแรกเริ่มที่เผ่ามารอสรพิษสามสีรวบรวมสร้างขึ้นมา ภายในย่อมยุ่งเหยิงไม่ประติดประต่อ มีแต่เพียงผู้สร้างมันไว้เท่านั้นถึงจะเข้าใจ ความจริงตำรามารเล่มนี้หายสาบสูญไปเป็นพันปี ไม่มีผู้สืบทอด แม้จะถูกเลียนแบบขึ้นมาอีกมากมายก็ยังไม่สามารถทัดเทียมกับต้นฉบับแท้จริงนี้ได้”
“หอเตี๋ยเทียนแห่งนี้ซ่อมแซมมันได้หรือเปล่า” ยี่ฟงไม่บ้าน้ำลาย รีบถามเข้าประเด็น
“หึหึ ท่านมาถูกที่แล้วจริง ๆ เพียงแต่…” หลิงซานเผยยิ้มมุมปาก
“เพียงแต่อะไร?” ยี่ฟงจี้ถามต่อเนื่อง หางคิ้วกระตุกเล็กน้อย รู้สึกว่าพวกตัวละครเอไอเหล่านี้ชอบกั๊กเสียจริง ถึงเขาจะชอบดื่มด่ำไปกับบรรยากาศอันสมจริงแต่นี่มันก็จะสมจริงเกินไปไหม คงไม่คิดจะตัดจบแล้วต้องไปรอตอนต่อไปเช่นในหนังกำลังภายในหรอกนะ
“ข้ารู้สึกอับอายอยู่บ้างที่ต้องกล่าวว่าแม้ข้าจะเป็นถึงผู้ดูแลหอชั้นสามแต่ฝีมือและความเข้าใจยังไม่เพียงพอจะซ่อมแซมตำรามารอสรพิษสามสีเล่มนี้ได้ มีแต่ต้องให้ท่านผ่านเกณฑ์สูงสุดเพื่อขึ้นไปสู่ชั้นห้าของหอเตี๋ยเทียนเราแล้ว ข้ารับรองได้ว่าผู้ดูแลหอชั้นห้าจะช่วยท่านซ่อมแซมตำรามารเก่าแก่เล่มนี้ได้อย่างแน่นอน” อาวุโสสามหลิงซีอธิบายอย่างจนใจ
ยี่ฟงที่นิ่งเงียบใช้ความคิดอยู่อึดใจหนึ่งพลันคว้าเอาสมุนไพรออกมาโชว์เพิ่มเติม มันคือรากชีพจรด่านกษัตริย์
วัตถุดิบที่เขาคาดเดาว่าต้องไม่ธรรมดาอีกเช่นกัน
“ข้าผ่านเกณฑ์ของชั้นห้าแล้วหรือยัง” ยี่ฟงเอ่ยถามพลางลุ้นอยู่นิด
ๆ
“…”
ปรากฏว่าอาวุโสสามหลิงซานนิ่งค้างไปเฉย ๆ แต่หากสังเกตดูจะพบว่าฝ่ามือทั้งสองของชายชราสั่นสะท้าน แววตาเต็มไปด้วยระลอกคลื่นแห่งความตื่นตระหนกตกใจ
ความคิดเห็น