ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทะลุฟ้า ป่วนยุทธภพ (สถานะ จบไตรภาคแรก)

    ลำดับตอนที่ #123 : หมู่มารอาละวาด หัวโจวหวนไห้ (3)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 16.8K
      1.43K
      5 ก.ค. 61

    เป็นเวลานานพอดูที่ยุทธภพถูกปกคลุมไว้ด้วยไอหมอกและพายุฝน   อากาศเหน็บหนาวพร่างพรายชอนไชเนื้อหนังสร้างความลำบากให้แก่ทุกชีวิต  ซึ่งหลังอัปเดตแพตช์เสริมเกี่ยวข้องกับสภาพอากาศเข้ามา  เหล่าเพลเยอร์ก็จำต้องปรับตัวให้คุ้นชินตามไปด้วยอย่างไม่มีทางเลือก  จนเมื่อค่ำคืนแรกมาเยือนภายใต้ฤดูฝนปลายเดือนกรกฎาคม  ความโหดร้ายแท้จริงพลันแสดงออกมาในยามนี้  สายฝนเทกระหน่ำต่อเนื่องไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยกระทั่งอุณหภูมิลดต่ำลงมากยิ่งกว่าช่วงกลางวัน  เพียงกระแสลมเอื่อยพัดผ่านผิวกาย  ผู้คนยังอดรู้สึกสั่นสะท้านขึ้นมาไม่ได้ราวกับถูกคมมีดนับพันเล่มกรีดแทงเข้าสู่จิตวิญญาณโดยตรง   แม้ภายนอกไม่ปรากฏบาดแผลแต่ภายในบอบช้ำเจ็บปวดแสนสาหัส

    ถึงอย่างนั้น  สำหรับเหล่าจอมยุทธ์แล้วสภาพอากาศเยี่ยงนี้ช่างเหมาะแก่การเข้าฌานฝึกตนฝึกจิตใจยิ่ง

    เพียงแต่ในตอนนี้ ณ ลานกว้างตะวันตกของเมืองหังโจว น่านฟ้ากระจ่างใสประดับไปด้วยหมู่ดาวอย่างผิดแผก  เมฆฝนดำทะมึนหอบใหญ่เพิ่งถูกเคล็ดกระบี่เหินหาวท่องเทวโลกปัดเป่าหายไป  ทั้งยังแทนที่ด้วยอุณหภูมิสูงจนอากาศโดยรอบกลายเป็นร้อนรุ่มระอุเดือด  สายฝนนอกอาณาเขตลานกว้างตะวันตกถึงกับส่งเสียงดังชี่ระเหยเป็นไอหมอกไม่หยุดยั้ง  ซึ่งทุกสายตาเพ่งพินิจเลยผ่านสามมารเฒ่าไป  ภาพดวงไฟที่ลอยขึ้นมาเหนือศีรษะชายหนุ่มดึงดูดความสนใจยิ่ง  ก่อนมันจะแตกกระจายขยายออกเป็นปีกขนาดใหญ่ที่ก่อร่างมาจากเปลวเพลิง ตามด้วยเสียงคำรามหวีดแหลมของวิหคอัคคีสะท้อนก้องออกไปไกล  สะกดข่มทุกจิตวิญญาณไว้แทบเท้าในพริบตา

    สามมารเฒ่าสะดุ้งเฮือกกระโดดขึ้นหน้าถอยห่าง  แต่เมื่อตวัดสายตามองกลับไปเห็นเป็นฝ่ายตนที่แสดงพลังอำนาจก็รู้สึกผ่อนคลายลงไปได้บ้าง  ส่วนมังกรเฒ่ายังสามารถนิ่งเฉยอยู่ได้เพราะกระบวนท่าทะลวงขีดจำกัดด้านเลเวลของยี่ฟง  เขาประสบมาแล้วหลายครั้งจึงไม่ตื่นเต้นหรือตระหนกตกใจซ้ำซากอีก

    ฮ่า ฮ่า  เอ็งดูสิวะ  ทำเป็นกระต่ายตื่นตูมไปได้มังกรเฒ่าเอ่ยปนหัวเราะพลางชี้นิ้วไปที่สามมารเฒ่า

    หน็อย  ชักจะเอาใหญ่แล้วนะไอ้นี่ภูผาเพลิงโต้กลับตามนิสัย  ขณะคนอื่นไม่คิดเก็บมาใส่ใจ

    วิชาคลาส S สินะ  เอ็งมันมาพร้อมกับดวงซะจริงเฒ่าทารกกล่าว  เขาที่ได้ฟังเรื่องราวของยี่ฟงมาบ้างจากปากมังกรเฒ่า  จึงค่อนข้างรู้สึกทึ่ง  ไม่คิดไม่ฝันว่าเขตจงหยางจะยังมีพลังวิชาระดับนี้เหลือซุกซ่อนไว้อยู่อีกทั้งที่เกมเปิดให้บริการมานานสี่ปีกว่าแล้ว

    มีปริศนาการทดสอบทั้งเก่าและใหม่ให้บุกเบิกไม่สิ้นสุดจริง ๆ

    ลงมือเถอะ  ว่าแต่แผนของพวกเราคือจะฝ่าออกไปจากเมืองหังโจวสินะ?ยี่ฟงไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะสนทนาเรื่อยเปื่อย  รีบดึงทุกคนกลับเข้าประเด็นหลักพลางถามยืนยันให้แน่ใจ

    หึ  ชาวหังโจวแทบทั้งหมดถึงกับเร่งรีบเพื่อมาจัดพิธีเลี้ยงส่งให้ขนาดนี้  ก็ต้องสนองตอบให้หนำใจก่อนสิวะไอ้หนุ่มมารตะกละตอบโดยมีเพื่อนวัยชราอีกสองคนพยักหน้าสนับสนุน

    เฮ้ย ๆ  พวกเอ็งคงไม่คิดจะปักหลักชนกับอีกฝ่ายจนตายกันไปข้างอยู่ตรงนี้หรอกใช่ไหมมังกรเฒ่าไม่ค่อยเห็นด้วยนัก  มีแต่คนโง่หรือบ้าเท่านั้นแหละที่จะตัดสินกันด้วยกำลังอย่างเดียว

    งานเลี้ยงเริ่มแล้ว!  พวกเรามาปูพรมแดงตรงไปให้ถึงประตูเมืองกันเถอะเฒ่าทารกเอ่ยเตือนพลางกล่าวในสิ่งที่มีแค่สามมารเฒ่าจึงจะเข้าใจความหมาย  ส่วนมังกรเฒ่ากับยี่ฟงไม่มีเวลาให้ไปตีความอะไรมากเพราะการต่อสู้ได้เริ่มขึ้นอีกครั้งรวดเร็วกว่าที่คาด

    ช่วงที่กลุ่มมารร้ายในสายตาของชาวเมืองหังโจวมัวแต่ก้มหน้าสนทนา  ฝ่ายพวกเขาก็จัดทัพปิดล้อมจนกระทั่งส่งหน่วยแรกตัวแทนของแต่ละสำนักเปิดฉากเข้าโจมตีอย่างไม่รีรอ  เกรงว่ากลุ่มมารร้ายจะถือโอกาสนี้วางแผนตีฝ่าพวกเขาออกไปได้สำเร็จ  จึงชิงลงมือกะทันหันแม้ยังระดมพลได้ไม่ครบถ้วนตามเป้า

    ด้วยจำนวนคนมากมายถึงเพียงนี้  ชาวเมืองหังโจวไม่มีคำว่าพ่ายแพ้อยู่ในหัวเลยสักนิด!

    ขณะทางกลุ่มยี่ฟง  มีมังกรเฒ่าคนเดียวที่ค่อนข้างกดดันสุด  ชายชรารู้ตัวเองดีว่ายังไม่เก่งพอจะเข้าร่วมสงครามในรูปแบบที่ฝ่ายตนจำนวนน้อยกว่าน้อยถึงขนาดอายที่จะนำมาเทียบ

    ไอ้กร  คอยหาโอกาสเข้าตี  สนับสนุนทุกคนเท่าที่จะทำได้ภูผาเพลิงสั่งการขึ้นมาอย่างเข้าใจดียิ่งกว่า

    ส่วนเฒ่าทารกกับมารตะกละเวลานี้พุ่งทะยานนำออกไปก่อนตั้งแต่เอ่ยปากเตือนแล้ว

    หน่วยแรกของฝ่ายศัตรูรวมกันแล้วจำนวนเกินครึ่งร้อย ใช้แผนง่าย ๆ เช่นระดมปล่อยวิชาโจมตีระยะไกลเพื่อลดพลังชีวิตและตามด้วยกลุ่มจู่โจมประชิดผลัดกันเข้าปะทะเป็นระลอกคลื่น  นี่ก็เพื่อป้องกันไม่ให้โดนลูกหลงทำร้ายกันเอง  ถึงแม้พวกเขาจะมีจำนวนมากกว่าหลายเท่าก็ยังต้องรู้จักทำสงครามอย่างมีแบบแผน   จะลุยมั่วซั่ววุ่นวายไม่ได้เพราะเกมนี้ไม่มีระบบปาร์ตี้  ทุกการโจมตีอันก่อให้เกิดค่าความเสียหายล้วนอันตรายต่อทุกฝ่ายโดยเท่าเทียม

    จุดปะทะ  มารตะกละง้างขวานสองคมสะบัดผ่าลงเบื้องหน้า  ซึ่งขนาดใหญ่โตของศัสตราเล่มนี้บ่งบอกเป็นนัยแล้วว่ามันไม่ธรรมดา  ทั้งยังแฝงมาพร้อมพลังวิชาที่รุนแรง : ปฐพีพลิกตลบ

    เมื่อคมขวานกระแทกพื้น  เสียงหนัก ๆ ก็ดังลั่นสะท้านกาย ผู้ที่ยืนอยู่ไกลสัมผัสได้ถึงแรงสะเทือนจากใต้ฝ่าเท้า  ขณะกลุ่มกองกำลังหน่วยแรกที่อยู่ประชิดในรัศมีพลังพลันตัวลอยขึ้นฟ้า  แผ่นดินส่วนหนึ่งถูกคมขวานพลิกตลบจนแตกหักเอียงตามขึ้นไป  มารตะกละก็ไม่ใจดี   รีบฉกฉวยโอกาสที่ศัตรูทางฝั่งตนเสียสมดุลด้วยการเข้าโจมตีต่อเนื่อง  ร่างอ้วนท้วมลงพุงได้ย่อขากระโดดหมุนตัวควงสว่านเข้าใส่ศัตรูกลางอากาศ   ขวานสองคมถูกยื่นเหยียดออกไปสุดแขนจนมองเห็นคล้ายเป็นเครื่องจักรสังหารเมื่อมันถูกหมุนควงเป็นวงด้วยความเร็วสูงไปพร้อมเจ้าของ

    เกลียวคลื่นมังกรคู่

    กองกำลังพันธมิตรหังโจวหน่วยแรกไม่ทันได้ป้องกันอะไรทั้งสิ้น   พวกเขาส่วนหนึ่งถูกอาวุธหนักเหวี่ยงกระแทกอย่างไร้หนทางตอบโต้  นี่เรียกได้ว่าเป็นเทคนิคการจู่โจมแบบคอมโบต่อเนื่องโดยอาศัยความเข้าใจในพลังวิชาที่มีในครอบครอง   มารตะกละยกศัตรูขึ้นฟ้าจนเสียสมดุลด้วยวิชาแรก   จากนั้นเข้ากระทำสร้างค่าความเสียหายต่อทันที  ไม่มีเสียเวลาหยุดคิด  กระทั่งศัตรูกลุ่มหนึ่งดวงซวยร่างปลิวกระเด็นเข้าไปสู่เส้นทางทำลายล้างของฝั่งเฒ่าทารกพอดิบพอดี

    ระหว่างที่มารตะกละซัดกระบวนท่าแรกออกไป  นั่นเป็นเวลาเดียวกันกับที่เฒ่าทารกเพิ่งใช้เคล็ดวิชาดาบพิชิตภัยกระบวนท่าที่หนึ่ง ดาบในมือของตาเฒ่าเปล่งประกายคมวาว เมื่อฟันใส่มวลอากาศเบื้องหน้าด้วยการจับสองมือ  เสียงแหวกอากาศก็ดังสนั่นแสดงถึงพละกำลังที่ทุ่มลงไป  แน่นอนว่าปลายคมดาบที่ชี้ลงสู่พื้นพลันปลดปล่อยคลื่นพลังปราณเจาะทะลวง  พื้นหินจึงระเบิดแตกหักเป็นร่องลึกลากยาวออกไปเป็นเส้นตรงถึงห้าสายคล้ายฝ่ามือที่กางออก  ตัดการเชื่อมโยงของศัตรูกลุ่มใหญ่แยกออกจากกันให้ชุลมุนวุ่นวาย  คนที่โชคร้ายไม่ทันสังเกตให้ดีเมื่อหลบไปด้านข้างก็เผลอก้าวล้ำเข้าสู่รัศมีพลังของมารตะกละโดยไม่ตั้งใจจนร่างถูกกระแทกลอยขึ้นฟ้าตาม ๆ กัน

    ราวกับตาเฒ่ามารทั้งสองนัดแนะกันไว้ก่อน  การจู่โจมถึงได้เกื้อหนุนเสริมส่งกันเองเช่นนี้!

    กล่าวถึงเคล็ดดาบพิชิตภัย มันคือวิชายุทธ์คลาส S อย่างไม่ต้องสงสัย และเคล็ดวิชานี้แบ่งเป็นสามกระบวนท่าใหญ่ แต่ในปัจจุบันเฒ่าทารกครอบครองอยู่แค่สองกระบวนท่าเท่านั้น ถึงอย่างไรก็ตาม เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับคนอื่นแล้วถือว่าเป็นที่น่ายกย่องอย่างที่สุด  คนส่วนใหญ่ค้นหามาร่ำเรียนได้แค่กระบวนท่าที่หนึ่งของเคล็ดวิชา  จากนั้นก็ไม่เคยใส่ใจกับวิชานี้อีก  นั่นเพราะแนวทางของเคล็ดดาบพิชิตภัยเพียงเป็นวิชาสายสนับสนุน  เพลเยอร์ร้อยละเก้าสิบไม่ต้องการวิชาประเภทนี้ถึงแม้มันจะเป็นคลาส S อันไร้เทียมทานในสายตาสำหรับพวกเขา

    ถึงอยากจะครอบครองก็ใช่ว่าจะค้นหาร่องรอยของเคล็ดวิชาพบง่าย ๆ

    เพียงกระบวนท่าแรก : แยกจากไร้บรรจบ ที่พอจะเรียกได้ว่าเป็นวิชาสายโจมตี คนถึงได้หยุดที่กระบวนท่านี้ แต่เฒ่าทารกยังคงไม่สนใจและเลือกที่จะค้นหาร่องรอยของเคล็ดวิชาต่อ  กระทั่งพบเจอกับกระบวนท่าที่สองตามที่วาดหวังไว้ในที่สุด แลกมาด้วยเวลาและความพยายามอันมหาศาล กระนั้นมันก็ยังไม่ใช่จุดหมายปลายทาง ยังหลงเหลืออีกหนึ่งกระบวนท่า  เคล็ดดาบพิชิตภัยจึงจะบรรลุสมบูรณ์

    หลังจากเฒ่าทารกกดดันศัตรูจนกระจัดกระจายไปทั่วไม่เป็นกระบวน  บางส่วนยังพลาดไปโดนการโจมตีของมารตะกละอีกต่างหาก จนกระทั่งพวกเขาถูกเกลียวคลื่นมังกรคู่อัดกระแทกปลิวย้อนกลับมา ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นรวดเร็วมาก  และเฒ่าทารกก็ได้จัดการต้อนรับรอไว้อยู่ก่อนเรียบร้อยแล้ว  เคล็ดดาบพิชิตภัยกระบวนท่าที่สองจึงสำแดงเดชเป็นคอมโบเชื่อมต่อไม่มีเว้นจังหวะช่องว่างให้ศัตรูได้ฉกฉวยหนีรอดไปง่าย ๆ

    พื้นที่โดยรอบกายของเฒ่าทารก  ปรากกฎศัสตรานับสิบนับร้อยเล่มร่วงหล่นทิ่มแทงปักลงกับพื้นล้อมเป็นวง  ศัตรูที่กลิ้งตกเข้าสู่อาณาเขตพลันเคลื่อนไหวเชื่องช้าลงอย่างเห็นได้ชัด  พลังป้องกันของเสื้อผ้าหรืออุปกรณ์สวมใส่ถูกหักลบน้อยลงตามระยะเวลาที่ยืนอยู่ท่ามกลางดงศัสตรา  ขณะเดียวกัน  ภูผาเพลิงก็เหมือนกับรอคอยจังหวะนี้มาตลอดถึงเพิ่งจะออกทะยานเข้าไปร่วมวง

    กางสุสานนักรบได้เยี่ยม!ภูผาเพลิงตะโกนชมเชยเมื่อตามมาทันถึงจุดปะทะ

    มองดูการต่อสู้ของสามมารเฒ่าในช่วงเวลาสั้น ๆ แล้ว  ยี่ฟงรู้สึกพึงพอใจมาก พวกเขาสู้กันอย่างเข้าขารู้ใจ เชื่อว่าคนทั้งสามนี้ไม่ได้นัดแนะตกลงอะไรกันมาก่อนล่วงหน้า  แต่อาศัยประสบการณ์และสัญชาตญาณล้วน ๆ  ไม่น่าแปลกใจหากพวกเขาจะสามารถต้านทานทัพศัตรูได้นับร้อยพัน  แม้ไม่ถึงกับเก่งฉกาจเทียบเท่านักสู้  แต่ในระดับคนธรรมดาทั่ว ๆ ไปแล้วถือได้ว่าเป็นกลุ่มคนอันตรายน่าหวาดหวั่นในระดับสูงแล้ว

    มาไม่เสียเที่ยวจริง ๆ  แบบนี้ฉันก็คงต้องแสดงศักยภาพให้เห็นบ้างแล้วยี่ฟงพึมพำกับตัวเอง  สายตาแหลมคมจดจ้องภาพตรงหน้า  ประมวลผลหาช่องว่างเพื่อสอดแทรกตัวเองเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของทีมเวิร์กอย่างไม่รีบร้อน


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×