ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทะลุฟ้า ป่วนยุทธภพ (สถานะ จบไตรภาคแรก)

    ลำดับตอนที่ #125 : หมู่มารอาละวาด หังโจวหวนไห้ (5)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.74K
      1K
      30 ส.ค. 61

    เหตุการณ์เกิดขึ้นเพียงชั่วกะพริบตา  กว่าฝูงชนจะตระหนักรับรู้  ยี่ฟงก็ถูกเปลวเพลิงกักขังไว้เรียบร้อยไปแล้ว  เห็นความได้เปรียบเสียเปรียบของคนทั้งสองเบื้องบนท้องฟ้า  ฝ่ายพันธมิตรหังโจวพลันโห่ร้องตะโกนกึกก้องเพื่อปลดปล่อยอารมณ์ตึงเครียดที่ก่อตัวมาตั้งแต่แรกเริ่มปะทะ  ครั้งนี้พวกเขาสามารถคร่ากุมตัดกำลังคนของทางฝ่ายมารเอาไว้ได้ขึ้นมาจริง ๆ แบบไม่คาดฝัน  จึงทำให้ความมั่นใจหวนคืนหลั่งไหลกลับมาจนแสดงออกทางสีหน้าไปตาม ๆ กัน

    กลับกลายเป็นฝ่ายสามมารเฒ่าที่ต้องคิดหนัก  กระทั่งคนสนิทอย่างมังกรเฒ่าเองยังเผยร่องรอยตื่นตระหนกให้ได้เห็น  การตอบสนองเหล่านี้ยิ่งถูกอกถูกใจฝ่ายพันธมิตรหังโจวเข้าไปใหญ่

    ยืนเฉยอยู่ทำไมวะ!  พวกเอ็งรีบทำลายกรงไฟนั่นและช่วยไอ้ตัวแสบออกมาเร็วสิมังกรเฒ่าทำได้เพียงตะโกนใส่แก๊งวัยชรา  เขารู้สึกหงุดหงิดที่ไม่สามารถลงมือด้วยตัวเองได้ในทันที

    ทว่าสามมารเฒ่าก็ยังไม่ตอบสนอง  ทำได้แค่แหงนเงยมองขึ้นไปอย่างอับจนหนทางอยู่กับที่โดยไม่เคลื่อนไหว  ซึ่งมังกรเฒ่าก็ไม่ได้โวยวายขึ้นมาอีก  เขาทราบดีว่าเพื่อน ๆ ต้องมีเหตุผลที่ยังไม่สามารถลงมือช่วยเหลือยี่ฟงได้  ไม่เช่นนั้นมีหรือสามมารเฒ่าที่ถูกโจษจันไปทั่วยุทธภพจะยินยอมให้ฝ่ายตนต้องเสียเปรียบไปเรื่อย ๆ อยู่แบบนี้?

    ฉะนั้นปัญหาอยู่ที่ใดมังกรเฒ่าแทบไม่ต้องเสียเวลาคิด

    กระบวนท่านี้ของมัน  อันตรายมากเลยงั้นหรือในที่สุดมังกรเฒ่าก็เอ่ยถามออกไปเสียงเครียด

    แน่สิ  เคล็ดกระบี่สุริยเทพกักขัง  เป็นหนึ่งในวิชาสายผนึกชั้นสูง  ไม่สามารถทำลายจากด้านนอก  บีบให้ผู้ตกเป็นเป้าหมายที่ถูกกักขังต้องทะลวงออกมาด้วยตัวเองจากภายในเท่านั้นภูผาเพลิงอธิบายตามข้อมูลที่เขาเชี่ยวชาญศึกษามา

    กระบวนท่าวิชาเพลิงที่กำลังแผลงฤทธิ์เดช  จะเผาผลาญพลังชีวิตของเป้าหมายลงเรื่อย ๆ จนเหลือต่ำกว่า 20% ถึงค่อยคลายพันธนาการออกด้วยตัวมันเอง  คิดจะบุกฝ่าออกมาก็จำต้องสูญพละกำลังไปไม่น้อย  ถือเป็นวิชาที่อันตรายมากอย่างแท้จริงวิชาหนึ่ง

    มังกรเฒ่าฟังเพื่อนวัยชราบอกเล่ามาถึงตรงนี้พลันต้องสูดลมหายใจเข้าลึก  สายตาตวัดมองขึ้นไปยังกรงสุริยเทพกักขังด้วยความสิ้นหวังที่จะช่วยเหลือยี่ฟงออกมา  ไม่คาดคิดเลยว่าอีกฝ่ายก็ซ่อนเขี้ยวเล็บไว้ไม่น้อยเหมือนกัน  นี่จึงเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้  การมั่นใจในตัวเองนับว่าดี  แต่ไม่ควรดูแคลนศัตรูจนพลั้งเผลอไร้การป้องกัน  บนโลกแห่งการต่อสู้แย่งชิง  คุณไม่อาจทราบได้เลยว่าคู่ต่อสู้ตรงหน้าแฝงเร้นอันตรายอะไรไว้บ้างจนกว่าจะเผชิญพบกับมันด้วยตัวเองจริง ๆ

    ฮ่า ฮ่า ฮ่า  เป็นไงล่ะมารเฒ่า  พวกแกก็พลาดกันได้ไม่ต่างจากคนอื่น ๆ สักเท่าไรสินะเทพจำแลงเลิกให้ความสนใจยี่ฟงไปแล้ว  เขาเปลี่ยนมาจับจ้องเหล่ามารเฒ่าไม่วางตาพร้อมพูดข่มอย่างเหิมเกริม  ทว่าจู่ ๆ หนึ่งในสามมารเฒ่า  ภูผาเพลิงก็เอ่ยแทรกขึ้นมาเสียงเย็น

    หมดเวลาเล่นสนุกแล้วเพื่อนเอ๋ย

    เหอะ!  คงต้องไปสั่งสอนไอ้เด็กอวดดีนั่นทีหลังเฒ่าทารกเสริมขึ้นมาอย่างรู้กัน  ส่วนมารตะกละเพียงสงบนิ่งและแผ่พุ่งสภาวะอันตรายรูปแบบหนึ่งออกมาแทน

    เหล่าเพลเยอร์ที่เลเวลสูงพลันตระหนักได้รวดเร็วก่อนใคร  เทพจำแลงถึงกับเย็นวาบไปทั้งหน้า  กระทั่งสามมารเฒ่าระเบิดพลังยุทธเต็มกำลัง  สร้างผลกระทบเช่นคลื่นลมกระโชกโหมรุนแรงไปรอบด้าน  เสื้อผ้าหน้าผมของผู้คนและประตูร้านบริเวณใกล้เคียงพลิ้วสะบัดดังอื้ออึง  หลังจากนั้นก่อเกิดรัศมีพลังไม่ธรรมดาสามขุมพากันทะยานเข้าสะกดข่มศัตรูอย่างคลุ้มคลั่ง

    นะนี่!  ผลกระทบที่เกิดจากเพลเยอร์เลเวล 75เทพจำแลงที่ยกฝ่ามือขึ้นป้องดวงตาอุทานออกมาเสียงหลง

    ไม่ใช่เรื่องยากที่จะแยกแยะระดับพลังยุทธเพราะทุกคนสามารถพบเห็นเรื่องเหล่านี้ได้ง่าย ๆ ผ่านรายการการแข่งขันประจำปี  ซึ่งทุกครั้งจะมีพิธีกรคอยอธิบายให้ข้อมูลความรู้เป็นช่วง ๆ   เช่นเดียวกันกับเทพจำแลง  เพลเยอร์โดยรอบเองก็รับรู้ได้ไปพร้อม ๆ กันจนสถานการณ์กลับสู่ความโกลาหลอีกครั้ง  เพลเยอร์ที่มีเลเวลต่ำกว่า 55 แทบจะไม่ใช่คู่มือของสามมารเฒ่าอีกต่อไป

     

    ในเวลาเดียวกัน  บนท้องฟ้าเหนือลานกว้างตะวันตก  กรงขังที่ก่อรูปขึ้นมาจากเปลวเพลิงลอยค้างอยู่ที่เดิมไม่มีการขยับเคลื่อน  เส้นสายร้อนระอุสีแดงเพลิงม้วนตลบไปมาอย่างดุดันไม่มีการโอนอ่อนแก่ผู้ใด  โดยเฉพาะกับเป้าหมายที่มันกำลังกักขังอยู่ภายใน  แต่ทว่า  สำหรับยี่ฟงแล้วถือเป็นข้อยกเว้น

    นับตั้งแต่ถูกกักขังมาจนบัดนี้  พลังชีวิตของชายหนุ่มแทบไม่ต่างจากเดิมเท่าไรนัก  ด้วยความสามารถของร่างอมตะที่ช่วยลดทอนความเจ็บปวดลง  และพลังความสามารถของดวงจิตพิสุทธิ์แห่งโลกา ธาตุอัคคี  ผลลัพธ์คือม่านเพลิงที่ครอบคลุมอยู่นี้คล้ายเหมือนแสงแดดยามเช้าอันอบอุ่นที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายไร้กังวลใด  แม้พลังชีวิตยังคงถูกเผาผลาญแต่ก็ไม่เร็วไปกว่าความเร็วในการฟื้นฟูของยี่ฟง

    เหตุผลที่ชายหนุ่มรั้งรออยู่ภายใน  เพียงต้องการเก็บงำปกปิดความสามารถสุดโกงนี้ไว้  หากทำลายกระบวนท่าของศัตรูรวดเร็วเกินไป  เกรงว่าจะไม่เป็นผลดี  แน่นอนว่านอกจากจะไม่ได้รับค่าความเสียหายอันตรายใด  ยี่ฟงยังสามารถทุบทำลายกรงขังสุริยเทพนี้ได้ง่ายดุจพลิกฝ่ามืออีกด้วย  เมื่อครั้งชายหนุ่มทดลองยื่นเหยียดฝ่ามือออกไปสัมผัสกับม่านเพลิง  ดูคล้ายมันกำลังหลบเลี่ยงเปิดทางออกให้แก่เขาแต่โดยดีด้วยซ้ำ  ยี่ฟงสันนิษฐานว่า  ธาตุอัคคีทั้งหมดล้วนถูกสยบลงให้อ่อนน้อมต่อเขา  ไม่ว่าจะมาจากเคล็ดกระบวนท่าวิชาใดก็ตาม  ถึงแม้จะยังได้รับค่าความเสียหายอยู่ตามที่ควรจะเป็นโดยทั่วไป  ก็ไม่ถือเป็นเรื่องร้ายแรงอย่างที่ใครคิด

    แต่เพียงเพิ่งผ่านไปไม่นาน  ยี่ฟงก็สัมผัสได้ถึงกลุ่มก้อนพลังสะท้านฟ้าทิ่มแทงไปทั่วทุกอณู  ประสาทรับรู้ของเขาดีเยี่ยม  พริบตาก็ตระหนักว่าพลังขุมนี้ถูกปลดปล่อยมาจากสามมารเฒ่าเอง  ความแข็งแกร่งที่ปรากฏมากมายเกินกว่าที่ชายหนุ่มจินตนาการและตั้งความหวังไว้สูงทีเดียว

    เมื่อรวบรวมสติกลับมาได้  ยี่ฟงย่อมทราบทันทีเช่นกันว่าคงไม่มีใครให้ความสนใจต่อเขาแล้ว  ฉะนั้นลงมือแหวกฝ่ากรงขังสุริยเทพออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อจะชมดูภาพการอาละวาดของสามมารเฒ่าหังโจวให้ชัด ๆ  ซึ่งเพียงแค่ยี่ฟงก้าวขา  ม่านเพลิงร้อนแรงเบื้องหน้าก็คลี่คลายเปิดออกเป็นช่องว่างให้อย่างดิบดี  กระทั่งเขาหลุดพ้นออกมาจากพันธนาการทั้งตัว  ร่างจึงค่อยร่วงหล่นกลับสู่พื้นเพราะไม่เหลือพลังสายใดคอยรั้งอุ้มชูไว้อีก  แต่ยังไม่ทันไร  ยี่ฟงก็ใช้วิชาตัวเบาเหยียบอากาศเพื่อส่งร่างตัวเองเหินทะยานไปปักหลักอยู่บนหลังคาตึกใกล้ ๆ แทน

    ซึ่งเป็นจริงดังที่คาด  เวลานี้ทุกสายตาล้วนจับจ้องมองดูอย่างวิตกกังวลไปที่สามมารเฒ่าแทบจะเป็นตาเดียว  โดยไม่มีใครทันสังเกตว่ายี่ฟงได้เป็นอิสระแล้วสักคน

    ภาพที่ทุกคนเห็นคือเส้นสายพลังปราณอันดำมืดกำลังพวยพุ่งทะลุฟ้า  กลิ่นอายชั่วร้ายไม่เป็นมิตรสร้างบรรยากาศอึดอัดกลืนกินไปแทบจะครึ่งเมือง

    แข็งแกร่งถึงขนาดนี้เลยยี่ฟงพึมพำด้วยสีหน้าอึ้ง

    บัดนี้ย่อมไม่หลงเหลือผู้ใดที่กังขาต่อพลังของสามมารเฒ่าอีกต่อไป  ในใจของพวกเขาต่างร่ำร้องเป็นเสียงเดียวกันว่า  นี่แหละพลังระดับเทพยุทธ์

    ชั่วแวบหนึ่งข้างในจิตใจ  ชาวเมืองหังโจวพลันรู้สึกเสียดายขึ้นมา  ที่หังโจวมีชื่อเสียงและยังถูกกล่าวถึงมาโดยตลอดก็เป็นเพราะตัวตนของสามมารเฒ่า  ไม่ว่าจะกำเนิดเมืองใหญ่ที่คึกคักและเข้มแข็งใหม่ ๆ ขึ้นมากี่เมืองต่อกี่เมืองก็ตามแต่  หังโจวก็ยังคงถูกนำไปเปรียบเทียบอยู่เสมอ  แต่นับจากวันนี้เป็นต้นไป  เมื่อสามมารเฒ่าลาจาก  ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมเกิดการเปลี่ยนแปลงและไม่มีวันกลับไปเหมือนเดิมได้อีกดั่งวันวานเป็นแน่แท้

    นี่  สามารถนับเป็นการสูญเสียได้หรือเปล่านะ?  ชาวเมืองหังโจวต่างพากันตั้งคำถามกับตัวเองในใจด้วยอารมณ์ความรู้สึกโหวงเหวงว่างเปล่า

    ฮ่า ฮ่า ฮ่า  ได้เป็นสักขีพยานในพลังของหมู่มาร  ก็ถึงกับจ๋อยกันเลยหรือไอ้พวกเด็กเหลือขอ

    จู่ ๆ น้ำเสียงขี้เล่นเป็นเอกลักษณ์ของเฒ่าทารกก็ดังกระหึ่มสะท้านไปทั่ว  ช่วยเรียกคืนสติให้กับฝ่ายพันธมิตรหังโจวอย่างถูกจังหวะ  หลายคนที่เผลอก้มหน้างุดเป็นหมาหงอยพลันปรับอารมณ์ไม่ทัน  กลายเป็นถมความรู้สึกโมโหโกรธเคืองเข้ามาแทน

    หน็อยตาแก่!  อย่าหวังจะจากไปได้ง่าย ๆ นัก

    พวกฉันก็จะแสดงพลังที่แท้จริงเหมือนกัน  ตายกันไปข้างเถอะโว้ยวันนี้!

    หมดยุคของสามมารเฒ่าแล้วน่า!  หังโจวจะต้องเดินหน้าต่อ

    เข้ามาเลย!  พวกฉันจะจัดให้หนักจนต้องร้องขอชีวิต

    เสียงกระแทกกระทั้นแดกดันโหมกระหน่ำออกมาจากฝั่งชาวเมืองหังโจว  นี่จึงจะสมกับเป็นบรรยากาศของสงครามที่มีการแตกหักขั้นรุนแรงจนยากจะสมานร่องรอยบาดแผล

    ซึ่งจู่ ๆ สถานการณ์ก็ถูกเร่งให้ดำเนินมาถึงจุดสุดท้ายกะทันหัน  กระทั่งแม่ทัพใหญ่เช่นเทพจำแลงยังไม่อาจแทรกแซงเข้ามาวุ่นวายได้  แต่เขาก็ไม่คิดจะขัดขวางสักนิด  ในเมื่อตัวเบี้ยมากมายพร้อมที่จะบุกเข้าไปตายกันเองย่อมส่งผลดีต่อเขาอยู่แล้ว  พลังแท้จริงของสามมารเฒ่าก็ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะรับมือได้ง่าย ๆ ณ ที่นี่เวลานี้  เทพจำแลงจึงฉวยโอกาสแอบถอยร่นไปเบื้องหลังอย่างเงียบเชียบพร้อมกับพรรคพวกของตัวมันเอง  รอคอยช่วงชิงจังหวะที่ทุกฝ่ายอ่อนแรงลงแล้วค่อยตัดสินชัยชนะมาให้ฝ่ายตนก็ยังไม่สาย

    ระหว่างถอยร่น  เทพจำแลงย่อมไม่ลืมเคล็ดกระบี่สุริยเทพกักขัง  สายตาของมันตวัดมองขึ้นไปอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง  ทว่าความว่างเปล่าบริเวณนั้นทำให้เทพจำแลงร่างหยุดชะงักกึก  สมองของเขาคำนวณเวลาเร็วจี๋  ทำให้ตระหนักว่ายี่ฟงเพิ่งถูกพันธนาการไว้ไม่นาน  พลังชีวิตไม่มีทางถูกเผาผลาญจนลดเหลือต่ำกว่า 20% ได้รวดเร็วถึงเพียงนี้แน่  หรือจะหมายความว่ามารน้อยตนนี้ทำลายกระบวนท่าของมันออกมาได้ด้วยตัวเอง

    เป็นไปไม่ได้  มันหลุดออกมาเร็วเกินไป!เทพจำแลงอุทานอย่างตื่นตระหนก  สายตาเริ่มสอดส่ายมองหาเป้าหมาย

    เป็นเวลาเดียวกันกับที่สามมารเฒ่าถีบเท้าพุ่งทะยานเข้าเปิดฉากโรมรันกับฝ่ายพันธมิตรหังโจว  ความชุลมุนวุ่นวายแผ่ขยายกว้างออกไปเรื่อย ๆ  และไม่นานจากนั้น  ขุมพลังที่ไม่น้อยหน้าสามมารเฒ่าอีกหนึ่งสายก็ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของกลุ่มเทพจำแลง  แสงสว่างเรืองรองสีทองเข้มพลันสาดส่องไปไกลท่ามกลางราตรีกาลอันมืดมิด  ซึ่งเทพจำแลงมันทำได้เพียงแหงนเงยมองขึ้นไปเท่านั้น  ไม่หลงเหลือเวลาใดให้ตอบสนองป้องกันจนสองตาพร่าเลือน

    ขอเอาคืนเน้น ๆ สักดอกเถอะไอ้เวรตะไล!เจ้าของกลุ่มแสงดุจเทพย่อมเป็นยี่ฟงเอง  กระบวนท่าวิชาสิบฝ่ามือกำหนดฟ้าถูกเรียกใช้ออกสุดกำลัง : กระบวนท่าที่เจ็ด พิโรธคลั่ง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×