ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทะลุฟ้า ป่วนยุทธภพ (สถานะ จบไตรภาคแรก)

    ลำดับตอนที่ #138 : ปัญหาจากอดีต

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10.78K
      1.06K
      11 ก.ย. 61

    ยี่ฟงเปลี่ยนไปให้ความสนใจพื้นดินแตกระแหงแทน  สายตากวาดมองไปทั่วอย่างละเอียดอีกรอบคล้ายกำลังค้นหาบางสิ่ง

    เอ็งมองหาอะไรอยู่วะมังกรเฒ่าสังเกตเห็นพอดีเลยถามขึ้น  จะได้ช่วยหาให้อีกแรง

    วัตถุดิบสำหรับปรุงยาเซียนน่ะลุงยี่ฟงตอบโดยไม่หันไปมอง

    ก่อนหน้านี้ภายในอาคารนักพเนจร  ระหว่างรอคอยเก้ากับสองนั้น  ยี่ฟงได้นำเอาตำรามารอสรพิษสามสีขึ้นมาศึกษาดูผ่าน ๆ จึงพบว่ามันถูกจัดเรียงหน้ากระดาษใหม่ตามตัวอักษรแล้ว ทำให้ง่ายที่จะหาข้อมูล  ซึ่งยี่ฟงก็ไม่พลาดที่จะลองหาเกี่ยวกับวัตถุดิบเซียนดูก่อน  เริ่มจากของที่เขาต้องใช้ในการปรุงยาโลหิตเทพวิบัติ  กระทั่งพบข้อมูลอันมีค่ามหาศาล  หนึ่งคือดอกลั่วเสินฮวา (เทพยดาร่วงโรย) และอีกหนึ่งก็พุทธชาดนววิบัติ (บุปผาก่อเกิดเก้าวิบัติ)

    ที่คาดคิดไม่ถึงมาก่อนก็คือสถานที่ลับแห่งนี้มีสภาพแวดล้อมเหมาะสมแก่การเติบโตของดอกลั่วเสินฮวาตามที่ข้อมูลในตำราอธิบายไว้  ยี่ฟงถึงได้กลอกตามองหาไปทั่วมาตั้งแต่แรก

    พื้นที่แห้งแล้งแบบนี้จะไปมีวัตถุดิบอะไรได้วะ  ต้นหญ้าสักต้นยังไม่มีด้วยซ้ำ”  มังกรเฒ่ากล่าวในสิ่งที่ตาเห็น

    มันเป็นวัตถุดิบชั้นสูง  จะพบเจอบนพื้นที่ธรรมดาทั่วไปได้ไงล่ะลุงยี่ฟงหัวเราะขำ

    แล้วที่นายมองหาอยู่คืออะไร  พอจะบอกคร่าว ๆ ได้ไหมเก้าเอ่ยถามขึ้นมาบ้าง

    ยี่ฟงพยักหน้ายิ้ม ๆ โดยไม่คิดปฏิเสธ  มีคนช่วยตรวจสอบย่อมดีกว่าอยู่แล้ว ฉันกำลังหาดอกลั่วเสินฮวา  จากที่รู้มันจะเติบโตบนพื้นดินแห้งแล้ง  มีจุดสังเกตใหญ่ ๆ คือแอ่งน้ำเล็ก ๆ ที่ยังไม่เหือดแห้งหายไป พวกเราจะหาเจอได้จากบริเวณนั้น  ฉันคิดว่านะประโยคท้ายยี่ฟงเผยน้ำเสียงไม่มั่นใจ

    วัตถุดิบบ้าอะไร  ทำไมมันอยู่ในสภาพแวดล้อมที่หายากขนาดนั้นวะ”  มังกรเฒ่าโวยเมื่อตระหนักได้ถึงความยากแท้จริงของข้อจำกัดที่ว่านี้

    พื้นที่แห้งแล้งจะไปมีแอ่งน้ำเหลืออยู่อีกหรือ มันไม่ต่างจากงมเข็มในมหาสมุทรเลยนะ” เก้าเองก็คิดไม่ตกเช่นกัน  จนปัญญาที่จะช่วยเหลือ

    ยี่ฟงหัวเราะพลางกล่าวว่า ไม่ต้องคิดมากหรอก  ฉันมาที่นี่เพื่อพิชิตวิหารว่างเปล่า ส่วนเรื่องอื่นยังไม่สำคัญในตอนนี้

    ความจริงยี่ฟงเองก็จนปัญญาเช่นเดียวกัน  เขาคิดว่าต่อให้มันยังคงเหลือแอ่งน้ำบนพื้นดินแห้งแล้งจริง  ทว่าในช่วงเวลาอันสั้นแอ่งน้ำจะต้องระเหยแห้งจนสิ้นซากไปก่อนที่จะพบเจอแน่ ๆ

    ทันใดนั้น  ชาวบ้านเริ่มจะกลับเป็นปกติกันแล้ว  ความหวาดกลัวลดทอนเบาลงตามเวลาที่ผ่านไป กระทั่งหลายคนเดินเข้ามาใกล้กลุ่มของยี่ฟงและขอความช่วยเหลือในเรื่องต่าง ๆ ตั้งแต่เรื่องเล็กไปจนเรื่องใหญ่โต  ซึ่งพวกยี่ฟงล้วนไม่ปฏิเสธงานใด ๆ ทั้งสิ้น  สุดท้ายต้องช่วยกันทำภารกิจที่ได้รับเพื่อไม่ให้เสียเวลามากจนเกินไป  โดยที่เก้าอาสาไปจัดการมอนสเตอร์ตามเส้นทางที่เชื่อมไปสู่หมู่บ้าน  ขณะมังกรเฒ่ารับหน้าที่คุ้มกันชาวบ้านไล่ตามเก้าไปทีหลัง  และยี่ฟงจำต้องเร่งรุดไปอีกทิศทางหนึ่งเพื่อค้นหาผู้คนที่ตกหล่นระหว่างทางตามคำบอกเล่าของชาวบ้าน เขาไม่ลืมที่จะฉวยโอกาสนี้ตรวจสอบหาพื้นที่แหล่งน้ำไปด้วยพร้อม ๆ กัน

    สาเหตุที่ชาวบ้านกลุ่มนี้ออกมาข้างนอก  เพราะต้องการค้นหาแหล่งน้ำกับอาหาร  แต่จนท้ายที่สุดก็ไม่พบอะไรบนแผ่นดินรกร้างทั้งนั้นแถมยังพลัดหลงกันอีกต่างหาก  ตอกย้ำให้ทุกคนรู้สึกสิ้นหวังลงเรื่อย ๆ

    ทางกลุ่มเหนือฟ้าและกลุ่มของสามมารเฒ่า  บัดนี้ก็กำลังทำภารกิจที่ได้รับมาจากชาวบ้านอยู่เช่นกัน เวลานี้จึงวุ่นวายไม่น้อยเพราะทางเหนือฟ้าต้องปกป้องหมู่บ้านจากมอนสเตอร์กลุ่มใหญ่ที่ดุร้ายหิวกระหาย  ส่วนทางสามมารเฒ่ารับหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกันพอดีคือการบุกเข้าไปหารังสัตว์ร้ายและทำลายทิ้งกำจัดต้นตอปัญหา

    เคลียร์ภารกิจช่วยเหลือหมู่บ้านหนึ่งจบ  ก็ได้รับคำขอให้ไปช่วยเหลืออีกหมู่บ้านถัดไปทันที  กว่าจะรู้ตัว  คนทั้งสามกลุ่มก็วนครบรอบจนมาบรรจบกัน ณ หมู่บ้านสุดท้ายแล้ว วันเวลาก็เดินผ่านไปรวดเร็วไม่แพ้กัน กระทั่งเหลืออีกเพียงครึ่งวันโลกจริงเท่านั้นก่อนงานแข่งขันประจำปีจะเริ่มขึ้นในวันรุ่งยามบ่ายแก่

    เวลาน้อยลงเรื่อย ๆ แล้วนะไอ้ตัวแสบ แต่พวกเรายังไม่ได้เริ่มสำรวจวิหารนั่นเลยด้วยซ้ำ” มังกรเฒ่าเตือนเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วไม่ทราบ  กระนั้นยี่ฟงก็นิ่งสงบได้อย่างเหลือเชื่อ

    เอาน่า  รอเหนือฟ้ากับเก้ากลับมาก่อน  บางทีภารกิจครั้งนี้อาจจะเชื่อมโยงกลับไปยังเสาหลักให้เลยก็ได้

    เพื่อน ๆ ต่างส่ายหน้าอ่อนใจ  ผิดกับยี่ฟงที่ยังนิ่งเฉยอยู่ได้ เนื่องจากการกลับมารวมกลุ่มกันอีกครั้ง ทำให้ข้อมูลที่สืบหามาได้ทั้งหมดถูกบอกเล่าต่อยี่ฟงอย่างครบถ้วนไม่มีตกหล่น  ถึงมีก็คงไม่สำคัญเท่าไรนัก  ยี่งจึงค่อนข้างมั่นใจว่ามันจะต้องเกิดประโยชน์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

    โดยสรุปแล้ว  อาณาจักรแห่งนี้มีนามว่าเทียนหลง (อาณาจักรมังกรฟ้า)  ทุกหมู่บ้านต่างเล่าตรงกันว่าแผ่นดินนี้ถูกกลุ่มคนจากทวีปลึกลับผลาญทำลายสิ้น  สิ่งที่ยังเหลือรอดมาจากยุคอดีตได้ก็มีเพียงแค่วิหารใจกลางอาณาจักรที่ล่มสลายเท่านั้น  กาลเวลายิ่งผ่านไปเท่าไรแผ่นดินแห่งนี้ยิ่งเสื่อมถอยแห้งแล้งลงราวกับโดนคำสาป  ไม่ว่าจะเพาะปลูกพืชหรือพันธุ์ไม้อย่างไรก็ไม่เป็นผล  ที่นี่ถูกกำหนดไว้ให้ต้องล่มสลายโดยไม่อาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงอะไรได้อย่างสิ้นเชิง  แต่ทว่า  มีบางสิ่งที่ทำให้ยี่ฟงไม่เข้าใจหลังจากได้ฟังข้อมูลทั้งหมด  ทั้ง ๆ ที่อาณาจักรก็พินาศย่อยยับไปแล้ว  รวมถึงแผ่นดินเองก็กำลังตายลงไปเรื่อย ๆ ไร้ซึ่งหนทางเยียวยารักษา  ฉะนั้นสิ่งที่เหล่าชาวบ้านควรกระทำก็คือการอพยพออกไปไม่ใช่หรอกหรือ  แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือพวกเขาทุกหมู่บ้านกลับยังคงปักหลักกัดฟันสู้ชีวิตอยู่บนแผ่นดินที่ไร้ความหวังแทนเสียอย่างนั้น

    ยี่ฟงยังคิดไม่ตก  ทางเหนือฟ้ากับเก้าก็นำพาชายชราคนหนึ่งเดินเข้ามาหาทุกคนก่อนแล้ว

    ตัวแทนชาวบ้านคนนี้มีบางเรื่องต้องการจะบอกพวกเราครับเหนือฟ้าอธิบาย

    ท่านมีเรื่องสำคัญอะไร  ลองว่ามาก่อนสิ  หากช่วยได้มีหรือพวกข้าจะปฏิเสธยี่ฟงกล่าวเชิงจิตวิทยา  วิธีนี้มีโอกาสทำให้อีกฝ่ายเปิดใจมากขึ้นเพราะเห็นว่ายี่ฟงให้ความสำคัญถึงกับออกปากด้วยตัวเอง  อีกทั้งยังกล่าวยืนยันพร้อมที่จะช่วยเหลืออย่างตรงไปตรงมา  สำคัญอย่างที่สุดก็คือการให้เกียรติ  จะเห็นได้ว่ายี่ฟงเรียกแทนตัวชายชราคนนี้ว่าท่าน

    กลับกัน  คนในกลุ่มของยี่ฟงต่างคิดในใจว่ามีแต่จะเป็นการสร้างภาระเพิ่มสิไม่ว่า

    ทะพวกท่านคงจะสงสัยอยู่สินะขอรับ ว่าเหตุใดเหล่าชาวบ้านถึงไม่อพยพออกไป” ตัวแทนชาวบ้านเกริ่นขึ้นมาด้วยน้ำเสียงมั่นใจกว่าเดิม

    ถูกต้องแล้ว  ข้ากำลังทบทวนถึงเรื่องนี้อยู่พอดี  เช่นนั้นท่านช่วยอธิบายหน่อยได้หรือไม่” ยี่ฟงไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอย  ชิงถามขึ้นอย่างรวดเร็ว  ส่วนคนอื่น ๆ เพิ่งจะนึกได้เดี๋ยวนี้เอง

    ตัวแทนชาวบ้านผงกศีรษะตอบรับเล็กน้อยค่อยบอกเล่าออกมาว่า

    เป็นเพราะเมื่อในอดีต บรรพชนของพวกข้าเห็นแก่ตัว ก่อความผิดบาปและหันหลังให้พระจักรพรรดิ บีบบังคับให้พระองค์ต้องสละจิตวิญญาณตัวเองเพื่อสร้างค่ายกลหมู่ดาราแห่งชีวิตปกป้องประชาชนที่หลบหนีมาอยู่ใต้ชายคาวิหารเพียงลำพัง  ครานั้นไม่มีผู้ใดเลยที่จะยินยอมแบ่งจิตสละวิญญาณอายุขัยเพื่อสนับสนุนพระจักรพรรดิ  อ้อไม่สิ  ยังมีท่านแม่ทัพเทพมังกรที่ยินดีสละทุกอย่างเพียงเพื่อจะยื้อชีวิตพระจักรพรรดิเอาไว้ให้ได้นานที่สุด กระทั่งยามวาระสุดท้ายของการสิ้นพระชนม์มาถึง  ท่านแม่ทัพเทพมังกรจึงต้องสืบทอดค่ายกลหมู่ดาราแห่งชีวิตต่อไป  โดยไม่ทราบแม้แต่น้อยว่าศัตรูได้ล่าถอยกลับทวีปของพวกมันไปแล้ว กลายเป็นว่าท่านจำต้องมีชีวิตอยู่ภายในวิหารไปชั่วนิรันดร์  ไม่สามารถก้าวออกไปได้จนกว่าจะถึงวาระสุดท้ายของอายุขัย

    ฟังมาถึงตรงนี้ยี่ฟงค่อนข้างจะเดาเรื่องราวออกหลายส่วนแล้ว

    หลังจากหนึ่งปีผ่านไป  เหล่าชาวบ้านเริ่มล้มตายเพราะอดอยากหิวโหย  สุดท้ายทานทนต่อไปไม่ไหวอีก  ยอมเสี่ยงพุ่งออกมาจากวิหารและนั่นทำให้ตระหนักว่าศัตรูได้เลิกราไปแล้ว ทว่าท่านแม่ทัพเทพมังกรพิโรธโกรธายิ่ง  ท่านไม่ประสงค์ให้ใครก้าวออกไปนอกตัววิหาร  จึงได้ลงมือสลักจิตวิญญาณของตนแฝงใส่ชาวบ้านทุกชีวิต  สะกดข่มจิตวิญญาณบาปทุกดวงเอาไว้ราวกับคำสาป  ไม่ว่าผู้ใดที่ก้าวล้ำออกไปนอกเขตแดนอาณาจักรเทียนหลง  ร่างกายจะระเบิดกระจุยไม่เหลือซากศพสมบูรณ์ให้กลบฝัง  แน่นอนว่าพวกข้าที่เป็นรุ่นต่อมาก็ยังคงติดคำสาปไม่จบสิ้น  ไม่มีโอกาสได้อพยพหนีความแห้งแล้งและต้องทนใช้ชีวิตอยู่บนอาณาจักรที่ล่มสลายมาจนบัดนี้  พยายามทุกวิถีทางเพื่อฟื้นฟูรักษา  แต่แผ่นดินนี้ไม่มีลมหายใจแห่งชีวิตอีกต่อไปแล้ว

    นี่จึงเป็นสาเหตุที่ยี่ฟงสงสัยมาตลอด  ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นเรื่องราวที่หนักหนาถึงเพียงนี้

    มีวิธีใดบ้างที่พวกข้าจะสามารถปลดปล่อยชาวบ้านทุกคนออกจากคำสาปยี่ฟงถาม

    พวกเจ้าที่เป็นรุ่นลูกรุ่นหลานไม่สมควรรับเคราะห์กรรมไปด้วยเลยจริง ๆมังกรเฒ่าเห็นใจทุกฝ่าย

    ตัวแทนชาวบ้านรู้สึกซาบซึ้งจนทรุดลงคุกเข่ากับพื้น ก้มลงโขกศีรษะพลางกล่าวขอร้องอ้อนวอนว่า ท่านแม่ทัพเทพมังกรยังคงประทับอยู่ภายในวิหาร  หากเป็นไปได้  ข้าก็อยากจะให้พวกท่านลองพยายามไปเปลี่ยนความคิดอันตั้งมั่นของท่านแม่ทัพเทพมังกรดูสักครั้ง  จะสำเร็จหรือไม่นั้นไม่สำคัญ  ขอเพียงพวกท่านได้ลองดูก่อนอย่างเต็มที่สักครั้ง  พวกข้าชาวบ้านล้วนไร้ข้อกังขาและรู้สึกขอบพระคุณอย่างสูงแล้ว

    ยี่ฟงผู้รั้งตำแหน่งจ้าวสมาพันธ์ เวลานี้พลันได้รับภารกิจสุดท้ายเชื่อมโยงไปสู่ตัววิหารว่างเปล่าตามที่คาดหวังไว้เสียที!  พวกเพื่อน ๆ ที่สังเกตเห็นดังนั้นต่างเผยสีหน้าตื่นเต้นยินดีขึ้นมา

    พอใจเอ็งแล้วสินะไอ้เด็กแสบเฒ่าทารกเอ่ยประชดด้วยรอยยิ้ม

    กลุ่มอื่น ๆ ก็เคยเดินมาถึงจุดนี้เหมือนกัน คงต้องไปตัดสินผลกันที่วิหารเท่านั้นแล้ว” ภูผาเพลิงก็มีท่าทางผ่อนคลายลงบ้าง  อย่างน้อยก็สำเร็จไปแล้วขั้นตอนหนึ่ง

    ทางด้านยี่ฟงแสดงสีหน้ามั่นใจเต็มที่ ส่งยิ้มไปให้ตัวแทนชาวบ้านพลางกล่าวอำลาเพื่อจะเดินทางไปเยือนวิหารตามคำขอของอีกฝ่าย  ซึ่งใช้เวลาไปเกือบชั่วโมง กลุ่มของยี่ฟงก็เข้าใกล้ตัววิหารกันแล้ว  ในระยะห่างเพียงไม่ถึงยี่สิบเมตรนี้ทุกคนแทบจะรู้สึกเหมือนกำลังถูกสิ่งก่อสร้างตรงหน้าล้มทับใส่ได้อยู่ตลอดเวลา  บรรยากาศก็อึดอัดกดดันแผ่ขยายกลืนกินไปทุกอณู  และทันใดนั้น  ยี่ฟงที่มีประสาทสัมผัสดีเยี่ยมกว่าทุกคนในกลุ่มพลันหูผึ่ง

    เสียงการต่อสู้!ยี่ฟงอุทานเสียงดัง  เตรียมตัวจะเร่งความเร็วตามเข้าไปภายในวิหารว่างเปล่า

    มั่วเปล่าไอ้ตัวแสบ  ข้าไม่เห็นได้ยินเสียงอะไรเลยมังกรเฒ่ายกฝ่ามือป้องใบหู  ซึ่งก็มีแต่ความเงียบสงัด

    ยี่ฟง!  นั่นมันแหล่งน้ำขณะเดียวกัน  เก้าที่ตรวจสอบพื้นที่อยู่ก็ร้องขัดจังหวะออกมาน้ำเสียงตื่นเต้นยินดี

    แหล่งน้ำมันทำไมวะ?  ว่าแต่เสียงต่อสู้ที่เอ็งได้ยินมันดังมาจากไหนกันไอ้เด็กแสบเฒ่าทารกเริ่มจะสับสน

    ทุกคนตามฉันมา  เราจะไปตรวจสอบแหล่งน้ำกันก่อน”  ยี่ฟงสั่งการและเหินทะยานนำออกไปด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่จะทำได้ในทันที  โดยไม่สนใจสักนิดว่าจะมีใครฟังหรือไม่   ตอนนี้เขากังวลว่าแหล่งน้ำมันจะซึมซ่านหายไปหมดเสียก่อนหากไม่รีบลงมือคว้าโอกาสไว้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×