คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #143 : พิชิตเสาหลัก (3)
ยี่ฟงไม่ได้ตอบกลับในทันที เขายกไหสุราขึ้นกรอกปากตัวเองก่อนถึงค่อยกล่าวว่า
“ถ่วงเวลาไว้หน่อย แขนขวาฉันเกือบจะใช้การได้แล้ว”
ไม่ต้องรอให้บอกซ้ำอีกเป็นครั้งที่สอง สามมารเฒ่าก็ลงมือเข้าไปถ่วงรั้งบอสเอาไว้ให้ตามคำขอ ส่วนยี่ฟงคลายฝ่ามือซ้ายออกจากแขนขวาที่กำลังฟื้นฟูบิดกลับเข้ารูปอย่างเชื่องช้า ซึ่งความจริงแล้วขั้นตอนรักษาคืนสภาพมันควรที่จะเร็วกว่านี้ แต่เป็นเพราะจี้สร้อยคอพยัคฆ์มังกรที่ยี่ฟงสวมใส่อยู่ คุณสมบัติของเครื่องประดับชิ้นนี้คอยกดข่มอัตราความเร็วการฟื้นฟูไว้เท่าตัว แลกมาด้วยประโยชน์ใช้สอยที่ค่อนข้างคุ้มค่า เมื่อยี่ฟงแตะสัมผัสจี้สร้อยคอ เขาสามารถที่จะปลดปล่อยสถานะร่างแดงได้อย่างบอสเป็นเวลา 30 วินาที หมายความว่าค่าความผิดปกติทั้งหมดที่ได้รับจะไม่แสดงผล ค่าความเสียหายจากพลังโจมตีของศัตรูเองก็จะลดน้อยเบาลงอีกด้วย
จี้สร้อยคอพยัคฆ์มังกรยังเพิ่มค่าพลังชีวิตสูงสุด ค่าพลังป้องกัน และอัตราฟื้นฟูพลังชีวิตให้อีกเล็กน้อย
หากไม่ใช่เพราะตัวละครยี่ฟงมีอันตราการฟื้นฟูรักษาสูงและความรู้สึกเจ็บปวดที่เกิดขึ้นยังได้อานิสงส์ร่างอมตะกับกระบวนท่าหน้าด้านไร้ยางอายคอยช่วยลดทอนลงล่ะก็ เครื่องประดับชิ้นนี้จะกลายเป็นห่วยแตกสำหรับเขารวมถึงเพลเยอร์ทั่ว
ๆ ไปที่ไม่ค่อยได้สวมใส่ไอเท็มที่เน้นสำคัญในค่าพลังการฟื้นฟูรักษาทันที
ยี่ฟงยังมีแหวนอีกสองวงสวมใส่อยู่ที่นิ้วนางทั้งสองข้าง ซึ่งเป็นเครื่องประดับอย่างเดียวกันที่ช่วยเพิ่มพลังชีวิตสูงสุด ค่าพลังป้องกัน และอัตราฟื้นฟูพลังชีวิตให้กับตัวละครไม่ต่างกัน ยี่ฟงจงใจเลือกมาเพื่อใช้ลดผลเสียของจี้สร้อยคอพยัคฆ์มังกรโดยเฉพาะ นั่นรวมถึงรัดเกล้าเงินบนศีรษะด้วย เพียงแต่รัดเกล้าชิ้นนี้ยังมีคุณสมบัติเพิ่มเติมอีกอย่างหนึ่งคือ ไอเท็มทั้งหมดที่สวมใส่อยู่บนร่างหลังจากเปิดใช้งานแล้วจะได้รับค่าลดคูลดาวน์
10%
ยามนี้สถานะร่างแดงที่ต้องเปิดใช้งานผ่านจี้สร้อยคอพยัคฆ์มังกรจึงคูลดาวน์เร็วขึ้นกว่าพื้นฐานเดิมเป็น
2.7 นาที
นอกจากจี้สร้อยคอที่เป็นถึงไอเท็มเครื่องประดับคลาส
A แล้ว แหวนกับรัดเกล้าก็ล้วนเป็นคลาส B ทั้งสิ้น
ซึ่งการจะหาเสื้อผ้าเครื่องประดับที่มีการบวกเพิ่มพลังกายอยู่แล้วถือว่ายากมาก เช่นก่อนหน้านี้ที่ชายหนุ่มคัดกรองไอเท็มจากขุมสมบัติแห่งฉางอาน ก็แทบจะไม่พบเห็นเลยด้วยซ้ำ ที่เจอก็บวกเพิ่มพลังกายเพียงแค่อย่างเดียว อีกทั้งยังบวกขึ้นมาไม่มากไปกว่า 2% ที่ถือเป็นค่าสถานะที่ต่ำเตี้ย
ระหว่างสามมารเฒ่ากำลังปะทะพัวพันอยู่กับบอสแม่ทัพเทพมังกร ยี่ฟงก็ไม่คิดจะยืนรอเฉย ๆ ถึงได้นำเอากระบี่คลาส
A ออกมาเตรียมลอบโจมตีบอส รอคอยไม่นานโอกาสของเขาก็มาถึง พลังวิชาปราณเก้ากระบี่เวหาจึงปรากฏขึ้นมารอบกายและโหมทะยานเข้าใส่บอสที่อยู่ในสถานะร่างแดง เป็นจังหวะที่พวกชายชราทิ้งระยะถอยห่างออกไปพอดี จากนั้นยี่ฟงยังเรียกใช้คุณสมบัติแฝงของตัวกระบี่ ปลดปล่อยวิชาปราณเก้ากระบี่เวหาโจมตีซ้ำเข้าไปอย่างต่อเนื่องจนเกิดการระเบิดเสียงดังถี่ยิบ
บอสย่อมไม่อ่อนแอ มันรีบฟาดกระบี่ยักษ์ผ่ามวลอากาศเฉียงกลับมาทางผู้ลอบโจมตีในพริบตา ส่งคลื่นพลังอันแหลมคมฉีกกระชากพื้นห้องจนแตกออกเป็นเส้นตรงยาวพุ่งเข้าหายี่ฟง แน่นอนว่ายี่ฟงไม่มีทางตั้งรับอีกเป็นหนที่สองจึงรีบกระโดดหลบหลีกไปด้านข้างอย่างว่องไว ในขณะคลื่นพลังจากคมกระบี่ยักษ์ยังคงลากทำลายไปจรดผนังห้องอีกฟากและระเบิดออกส่งแรงสั่นสะเทือนไปทั้งชั้น
บอสไม่หยุดลงเพียงการโจมตีเดียว มันถีบเท้าทะยานเข้าหาสามมารเฒ่าต่อเนื่อง เมื่ออยู่ในระยะหวังผลก็ตวัดกระบี่แทงขึ้นฟ้าแฝงกระบวนท่าระบำกระบี่มังกรทะยาน มารตะกละที่ค่อนข้างเคลื่อนไหวช้ากว่าเพื่อนจึงพลาดพลั้งหลบออกมาจากระยะการโจมตีของบอสไม่ทัน สุดท้ายถูกเกี่ยวงัดติดขึ้นไปกลางอากาศพร้อมกับบอส โลหิตพุ่งสาดกระจายร่วงหล่นเป็นหยาดฝน ทว่าบอสยังคงสร้างค่าความเสียหายใส่อย่างไม่หยุดยั้ง มันฟาดกระบี่ยักษ์ที่มีร่างของมารตะกละติดอยู่จนหลุดร่วงกลับลงมา และปลดปล่อยคลื่นปราณมังกรฟ้าไล่ล่าตามกระชั้นชิด พวกมารเฒ่ามีหรือจะยินยอมให้เพื่อนตกอยู่ในสถานะลำบาก ยามนี้จึงรีบร้อนโจมตีสกัดกั้นใส่พลังปราณมังกรฟ้าเอาไว้เต็มกำลัง แต่ก็เพียงช่วยลดทอนค่าความเสียหายได้ไม่มากก่อนที่ร่างของมารตะกละจะตกถึงพื้นและโดนระเบิดจากปราณมังกรฟ้าถล่มซ้ำจนบริเวณนั้นยุบเป็นหลุมลึก เศษหินน้อยใหญ่ปลิวฟุ้งไปทั่ว
“ไอ้อ้วน!” เฒ่าทารกเรียกอย่างเป็นกังวล ภูผาเพลิงเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันนัก
แต่พริบตาต่อมาบอสแม่ทัพเทพมังกรที่ทุกคนละสายตาไปก็พลันโถมทะยานดิ่งตามกลับลงมาอีกอย่างรวดเร็ว สร้างความตกใจให้ทางฝ่ายเพลเยอร์ทุกคนที่ยังรอด กระบี่ยักษ์ถูกง้างไปข้างหลังสุดแขนเตรียมพร้อมจะผ่าแยกฟ้าดิน! กลายเป็นการบุกโจมตีเพื่อทำฮิตคอมโบเพิ่มค่าความเสียหายต่อเป้าหมายในจำนวนมหาศาลรวดเดียว
ทางด้านยี่ฟงซึ่งอยู่ในตำแหน่งดีกว่าใคร รีบเร่งผลักกระแทกหนึ่งฝ่ามือสามลักษณ์โจมตีขัดขวางดักเส้นทางบอสเอาไว้ พลังปราณพยัคฆ์เหล็กก่อตัวม้วนขึ้นมาเหินทะยานไปข้างหน้าดุจพายุคลั่ง และทันเวลาหวุดหวิดพอดีก่อนที่กระบี่แยกฟ้าดินของบอสจะพิพากษามารตะกละ ทำให้ร่างของบอสถูกปราณพยัคฆ์เหล็กโหม่งปะทะอย่างถนัดถนี่และลากติดออกไปกระแทกใส่ผนังห้องดังตูม
“เยี่ยมมาก!” เฒ่าทารกกล่าวชมเชย ในขณะภูผาเพลิงกระโดดลงไปในหลุมเพื่อช่วยพยุงมารตะกละถอยห่างออกมาจากจุดอันตราย
“เกือบไปเกิดใหม่แล้วไหมล่ะไอ้อ้วน ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ภูผาเพลิงเอ่ยหยอกล้อเพื่อคลายแรงกดดัน
ส่วนยี่ฟงเวลานี้กำลังสะบัดแขนขวาไปมาให้เข้าที่เข้าทาง จากนั้นเปิดใช้หมัดพายุเหล็กพุ่งทะยานฟ้าเป็นเส้นแสงเงาเลือนรางเข้าปะทะบอสแม่ทัพเทพมังกรอย่างอุกอาจดุดัน บอสที่ยังยืนเกาะชิดผนังอยู่เกือบมุมห้องส่งเสียงหัวเราะเย้ยหยัน กระบี่ยักษ์พลันถูกยกขึ้นตวัดผ่าขวางลำตัวออกไปแสดงให้เห็นว่ามันสามารถตามทันความเร็วได้ไม่ยากทั้งที่ยังเสียหลักอยู่ก็ตาม กระนั้นยี่ฟงไม่เผยอาการหวาดหวั่นใด ๆ
ทั้งสิ้น หลังจากเอื้อมไปแตะจี้สร้อยคอพยัคฆ์มังกรเพื่อเข้าสู่สถานะร่างแดงเรียบร้อยแล้วก็ไม่มีชะลอช้าลง ตามร่างปรากฏไอพลังสีแดงลอยวนรอบกายไม่ต่างกับบอสนัก กระทั่งคมกระบี่ปะทะเข้ากับหมัดเพลิงเสียงดังกระหึ่ม คลื่นพลังจากการประสานครั้งนี้กระจายออกเป็นวงพร้อมสายลมโหมกระโชก ซึ่งเป็นฝ่ายบอสที่เซถลาถอยไปติดผนังห้องดังตึง
“พวกข้าจะแลกชีวิตเพื่อสยบเจ้าลงให้ได้!” ยี่ฟงคำรามลั่นเผยเจตจำนงอันแน่วแน่มั่นคง
ภายในระยะเวลาสามสิบวินาที ชายหนุ่มระดมหมัดเข้าโจมตีไม่หยุดยั้ง แม้จะถูกบอสสวนกลับมาบ้างแต่ก็ฝืนหลบหลีกรอดไปได้เสียส่วนใหญ่ ซึ่งที่โดนก็ไม่อาจผลักดันให้เขาต้องล่าถอยกลับไปได้ ภาพที่เห็นอยู่นี้ได้สร้างความประหลาดใจให้สามมารเฒ่าชั่วขณะหนึ่งเลยทีเดียว
“สถานะร่างแดง!” เฒ่าทารกอุทานเมื่อสังเกตพบ
“เฮ้ย ๆ
มันถือเป็นคุณสมบัติที่หายากมากเชียวนะ
แถมข้อจำกัดก็ยุ่งยากอีก
ไม่ใช่ใครก็จะนำมาใช้งานให้เกิดประโยชน์ได้ง่าย ๆ” ภูผาเพลิงกล่าวเสริมด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่อึ้งอยู่บ้าง
ขณะมารตะตละขอร่วมวงด้วยการฝืนเอ่ยขึ้นว่า “ไอ้เด็กนั่นอาจจะได้มาจากขุมสมบัติแห่งฉางอาน แต่คิดไม่ถึง ว่ามันจะเลือกไอเท็มยาก ๆ มาเสริมความแข็งแกร่งให้ตัวละครนะเนี่ย”
“เอ็งอย่าเพิ่งพูดมาก! รีบ ๆ ฟื้นฟูไปก่อนไอ้อ้วน” ภูผาเพลิงหันกลับมาดุมารตะกละ
ในจุดปะทะ ยี่ฟงปลดปล่อยทุกกระบวนท่าพลังวิชาอัดกระแทกใส่บอสเพื่อหวังจะสร้างค่าความเสียหายจนมันต้องเสียศูนย์ กระทั่งสถานะร่างแดงสิ้นสุดลง ส่วนบอสทรุดลงคุกเข่าไปรอบหนึ่งแต่หลังจากหยัดยืนลุกขึ้นมามันก็ส่งเสียงหัวเราะเยาะเย้ยโหมบุกกลับอย่างบ้าคลั่งไม่มีอ่อนกำลังลงให้ได้เห็นสักเศษเสี้ยว!
ยี่ฟงไม่มีทางเลือกจำต้องยื้อเอาไว้โดยมีเฒ่าทารกกับภูผาเพลิงคอยสนับสนุนอยู่ไม่ห่าง ส่วนมารตะกละยังคงหลบออกไปพักฟื้นฟูอีกด้านหนึ่ง
การปะทะดำเนินไปจนเกือบสามนาที สถานะร่างแดงของยี่ฟงจึงกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง เขาย่อมเป็นหลักให้พวกชายชราโดยการฝืนเข้าไปหวดกับบอสตรง ๆ หากไม่ใช่ยี่ฟงล่ะก็มีหวังร่างกายฟื้นฟูรักษาไม่ทันไปแล้ว จำนวนพลังชีวิตสูงสุดที่มีในตอนนี้ก็เป็นอีกหนึ่งแรงที่ช่วยยื้อไม่ให้ชายหนุ่มวูบล้มตายไปแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว เมื่อยามที่พลาดถูกการโจมตีของบอสเข้าอย่างจนปัญญาที่จะหลบเลี่ยง
สถานการณ์ระหว่างฝ่ายเพลเยอร์กับบอสแม่ทัพเทพมังกรที่เผชิญหน้าห้ำหั่นกันอย่างดุเดือดเลือดพล่าน เกิดการวนลูปอยู่อย่างนี้อีกสองสามรอบ ฝ่ายเพลเยอร์ค่อย ๆ
ชินกับความเร็วและกระบวนท่าอันตรายของบอสขึ้นเรื่อย ๆ จนสามารถหลบหลีกได้มากขึ้นก่อนที่สุดท้ายสถานะข้ามเลเวลจากเคล็ดวิหคอหังการครั้งแรกของยี่ฟง ใกล้จะสิ้นสุดลง แสดงว่าพวกเขาอยู่ในห้องบอสมาจะครบสิบนาทีแล้วก็ยังไม่อาจล้มมันลงได้!
“ถอยหน่อย!” ยี่ฟงเอ่ยปากสั่งการ ซึ่งมารตะกละที่กลับเข้ามาร่วมวงด้วยแล้วพลันถอยออกไปเป็นคนแรกตามด้วยเฒ่าทารกกับภูผาเพลิง โดยไม่จำเป็นต้องให้เสียเวลาอธิบายสักคำ
ยี่ฟงไม่รอช้า ก่อนเลเวลจะลดกลับลงมาเหลือ 65 เขาตั้งใจจะปลดปล่อยกระบวนท่าโจมตีที่รุนแรงที่สุดของตัวเองออกไป และต้องอยู่ภายใต้สถานะที่ตัวละครแข็งแกร่งที่สุดด้วย พริบตาที่สามมารเฒ่าอยู่นอกระยะ พวกเขายังหันกลับมาปลดปล่อยคลื่นปราณมังกรดำเข้ากดดันใส่บอสให้อีกแรง ขณะที่บอสกวัดแกว่งกระบี่ทำลายปราณมังกรดำทั้งสามสายทิ้ง ร่างของยี่ฟงก็พลันปรากฏเข้ามาใกล้อย่างกะทันหันโดยที่บอสไม่ทันได้ตั้งตัว เป็นเพราะเขาอาศัยจังหวะที่ปราณมังกรดำปกปิดมุมมองสายตาของบอสเอาไว้ในเสี้ยววินาทีนั้นเหินทะยานเข้ามา กว่าจะรู้ตัว หมัดขวาที่สว่างเรืองจากยี่ฟงก็เหวี่ยงออกไปจนแนบปะทะลงยังสันจมูกบนใบหน้าที่คลุ้มคลั่งของบอสเรียบร้อยแล้ว
มวลพลังอันมหาศาลส่องสว่างเป็นสีทอง กระบวนท่าพิโรธคลั่งในยามนี้ดูจะรุนแรงกว่าทุกทีเมื่อมันถูกใช้ออกโดยตัวละครที่มีพื้นฐานเลเวล
70
แรงกระทบจากการโจมตีก่อให้เกิดเสียงระเบิดที่ดังสนั่นกึกก้อง ห้องบอสบนชั้นสูงสุดของวิหารว่างเปล่ากลับกลายเป็นสว่างเจิดจ้าเต็มไปด้วยแสงสีทองส่องทะลุบานกระจกตามจุดต่าง
ๆ ออกไปด้านนอกได้เลยทีเดียว ยังมีการสั่นสะเทือนราวกับแผ่นดินไหวที่แทบจะโยกคลอนตัววิหารทั้งหมด สุดท้ายเสียงแตกหักนับไม่ถ้วนพลันอุบัติขึ้นพร้อมกัน ส่งเศษกระจกและเศษหินให้สาดกระจายออกไปจากจุดศูนย์กลางการระเบิดในครั้งนี้
แต่ทว่า เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างกลับคืนสู่ความสงบ ภาพที่สามมารเฒ่าเห็นดันเป็นตัวกระบี่ยักษ์ที่เสียบแทงทะลุร่างของยี่ฟงเอาไว้! นี่ย่อมไม่ใช่ภาพที่พวกเขาวาดฝันจะได้เห็นโดยสิ้นเชิง ส่วนเจ้าของกระบี่เล่มนี้อย่างบอสแม่ทัพเทพมังกรกลับยังคงสามารถยืนปักหลักยกกระบี่ที่โดยมีร่างของยี่ฟงค้างคาอยู่ขึ้นมาเบื้องหน้าของตัวเองได้สบาย
ๆ ราวกับเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มที่เหนือกว่าอย่างไม่เปลี่ยนแปลง!?
ความคิดเห็น