คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #146 : หงส์ท่องราตรี
ตั้งแต่พิชิตเสาหลักลงได้สำเร็จ วังฟีนิกซ์เยือกแข็งก็สามารถเข้ารับตำแหน่งพันธมิตรร่วมได้อย่างสมศักดิ์ศรีแล้ว เพียงแต่ตอนนี้เซียนหิมะยังไม่ได้กดตอบรับคำเชิญของยี่ฟงในทันที เนื่องจากเธอยังคิดไม่ตกเรื่องชื่อใหม่ของวิหารว่างเปล่า โชคยังดีที่ในปัจจุบันวงการอีสปอร์ตอยู่ในช่วงกำลังเติบโต ทีมต่าง ๆ ที่สมัครเข้าแข่งขันในงานประจำปีจึงค่อนข้างมีความอิสระต่อการตัดสินใจ ลำบากก็ตรงเรื่องที่ต้องวิ่งเต้นหาสปอนเซอร์มาช่วยซับพอร์ตด้วยตัวเอง หากไม่เด่นดังเป็นแนวหน้าเทียบเท่าทีมใหญ่ก็คงยากที่จะมีสปอนเซอร์วิ่งเข้าหา
เซียนหิมะจึงถือเป็นผู้ที่มีสิทธิ์ขาดในการตัดสินใจเรื่องต่าง
ๆ ภายในกิลด์ที่ตนเป็นคนริเริ่มก่อตั้ง ทีมฟีนิกซ์เยือกแข็งของเธอเองก็เช่นเดียวกัน ในส่วนการแข่งขัน Survival war นั้นทุกคนภายใต้สังกัดกิลด์สามารถเข้ามาช่วยเหลือสนับสนุนนักกีฬาตัวหลักได้ แต่การแข่งขันส่วนอื่นเช่นทีม 5 vs 5 หรือ 1 vs 1 หัวหน้ากิลด์ต่าง ๆ ที่คะแนนผ่านเกณฑ์จนได้มีสิทธิ์เข้าร่วมจะต้องทำการคัดเลือกตัวแทนขึ้นมาจำนวนไม่เกิน
6 คน
รวมตัวเองด้วยก็จะเป็น 7 คนต่อหนึ่งทีม และทีมที่คัดกรองมาอย่างดีแล้วถึงจะได้เข้าไปแข่งขันต่อในการแข่งทีม
5 vs 5 และ 1 vs 1 ภายหลัง
ฉะนั้น Survival war ที่เป็นการแข่งขันภายในเซิร์ฟเวอร์จึงเป็นตัวกำหนดว่ากิลด์หรือทีมไหนจะได้ไปต่อในการแข่งขันระดับภูมิภาคและระดับโลก…
ขณะที่เซียนหิมะเพิ่งตัดการติดต่อกับยี่ฟง เธอก็เปิดหน้าต่างระบบเช็กลิสรายชื่อเพื่อนต่อในทันที ไม่นานก็พบชื่อหงส์รำพึงออนไลน์อยู่ตามที่คิดพลันติดต่อไปหาอย่างไม่สนสายตาของเมฆาอัสนีที่ยืนอยู่ใกล้
ๆ สักนิด
“มีอะไรด่วนหรือคะ” ปลายสายถามขึ้นมาก่อน
“เธอก็ได้ยินระบบประกาศแล้วนี่ ใช่มั้ย?” เซียนหิมะย้อนถามกลับไปแทนด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ใช่ค่ะ แต่ความสำเร็จของคนคนนั้นเกี่ยวอะไรกับพวกเราหรือคะคุณจ้าววัง” หงส์รำพึงไม่ปฏิเสธทว่าน้ำเสียงของเธอดูจืดชืดไม่ให้ความสนใจเลยแม้แต่น้อย
“อ้อเธอยังไม่รู้นี่เอง ฉันก็ลืมไป…ความจริงแล้วกิลด์ของเรากำลังจะเข้ารับตำแหน่งเสาหลักที่นายยี่ฟงสามารถพิชิตมาได้ไงล่ะ ฉันถึงได้โทรมาหาเธอเพื่อจะขอยืมสถานที่จัดงานเลี้ยงฉลองสักหน่อย”
“ถ้าเรื่องนี้ล่ะก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกนะคะ เพียงแต่คุณฟ้ากับเพื่อน ๆ ของเธอกำลังจะมาเลี้ยงฉลองกันที่ร้านของคุณพ่อฉันด้วยเหมือนกันค่ะ” หงส์รำพึงยังคงใช้น้ำเสียงเรียบ ๆ ช้า ๆ ไม่เปลี่ยน ดูจะเป็นสุภาพสตรีเรียบร้อยทุกกระเบียดนิ้ว ไม่กระโตกกระตากตื่นตระหนกแม้ในใจอาจสวนทางกับพฤติกรรมที่แสดงออกอยู่ก็ตาม
“อะไรกัน! นี่ยัยฟ้าแอบไปฉลองเรื่องอะไร เธอพอจะรู้หรือเปล่าหงส์” เซียนหิมะถาม
“ดูเหมือนคุณฟ้าจะเลื่อนระดับเลเวลขึ้นเป็น 86 ได้สำเร็จแล้วน่ะค่ะ คุณจ้าววังลองเช็กดูจากทำเนียบยอดยุทธ์เอาสิคะ” หงส์รำพึงตอบตามตรง
จากนั้นกล่าวต่อไปว่า “ถ้ายังไงแค่นี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวทางฉันจะออฟไลน์ออกไปเตรียมตัวต้อนรับพวกคุณทั้งสองกลุ่มสักหน่อย”
“จ้ะ
ขอบคุณมากนะ” เซียนหิมะไม่รั้งอีกฝ่ายให้เสียมารยาท หลังจากเอ่ยขอบคุณก็ตัดการติดต่อลงทันที
ความจริงแล้วเมื่อเพลเยอร์ระดับเลเวลสูงสุดเลื่อนระดับขึ้นก็จะมีข้อความประกาศลงทางช่องสนทนาโลกเสมอ เรียกว่าเป็นการปลดล็อคความสำเร็จอย่างหนึ่งก็ได้อยู่เหมือนกัน แต่ยามนี้ช่องสนทนาโลกแทบไม่ว่างเว้นข้อความเลยสักวินาทีเดียว สมควรทำให้ประกาศการเลื่อนระดับเลเวลของนภาหรือเพลเยอร์อันดับหนึ่งของเซิร์ฟเวอร์ถูกดันหายไปโดยที่ยังไม่มีใครทันได้มองเห็น
“คิกคิก ครั้งนี้ความสำเร็จทางฝ่ายฉันถือเป็นเรื่องน่ายินดีกว่าของพวกเธอเยอะ” เซียนหิมะกำลังเพ้อพกเตรียมจะเกทับใส่เพื่อนสาวเต็มที่
เมฆาอัสนีเอือมระอาจนต้องรีบเอ่ยเตือนขึ้นว่า “พวกน้อง ๆ ของเธอออฟไลน์ออกไปกันหมดแล้วนะ มีแต่เธอเนี่ยที่ยังชักช้าลีลา ฉันเองก็ว่าจะออฟไลน์แล้วเหมือนกัน เดี๋ยวไว้เจอกันที่ร้าน” จบคำ
ชายหนุ่มก็ร่างแตกเป็นแสงหายไปทันที
เซียนหิมะจึงต้องรีบออฟไลน์บ้างเช่นกัน
เกือบ
ๆ ตีสี่ครึ่ง บริเวณย่านท่องเที่ยวชื่อดังแห่งหนึ่ง
นายวาดขับเมอร์เซเดสเบนซ์มาจอดลงข้าง ๆ ร้านที่ชื่อหงส์ท่องราตรีตามที่นัดแนะกับพวกเหนือฟ้าเอาไว้ มันเป็นร้านอาหารกึ่งร้านเหล้าที่กว้างขวางใหญ่โตไม่น้อย พื้นที่ร้านสร้างหลบเข้ามาในซอยเพียงนิดเดียว ซึ่งมีลานจอดรถอยู่ข้าง ๆ คอยอำนวยความสะดวก แต่วันนี้ร้านปิด ยี่ฟงถึงได้กล้าจอดรถแนบไปกับรั้วกั้นของร้าน ซอยตันแห่งนี้นอกจากร้านหงส์ท่องราตรีแล้วก็ไม่มีชุนชนหมู่บ้านอะไรอยู่อีก ถ้าหากมีรถคันอื่นขับเข้ามาก็ยังสามารถผ่านตรงไปที่ลานจอดรถได้สบาย ๆ เพราะมันเป็นซอยกว้างที่ทำเอาไว้ให้รถยนต์เข้าออกง่าย
วาดเปิดประตูลงจากรถที่ดับสนิท พอเดินตรงไปหน้าทางเข้าร้านก็พบเห็นแก๊งวัยชรากลุ่มหนึ่งยืนสนทนากันอยู่
“สวัสดีครับลุงกร” วาดจู่โจมเข้าไปหาคนรู้จักก่อน สายตาเหลือบมองไปทางชายชราอีกสามคนพลางกล่าวต่อไปว่า “พวกลุงก็คงจะเป็นลุงเจ๋ง
ลุงอ้วนและลุงหิน”
“หน้าตากวนตีนแบบนี้ เอ็งคือยี่ฟงสินะ” ภูผาเพลิงหรือลุงหินเอ่ยทักทายกลับ
“เหอะ ๆ ลุงมองยังไงเนี่ย หน้าตาฉันออกจะหล่อแถมยังเท่อีกต่างหาก” วาดไม่ยอมรับความจริง
รีบคุยเขื่องอวยตัวเองอย่างเป็นธรรมชาติ
“เออเอ็งมันหล่อ
แต่หน้าหล่อแบบกวนตีนน่ะเข้าใจไหม” เฒ่าทารกหรือลุงเจ๋งสวนกลับตามความรู้สึกจริง
ๆ
“โชคดีแล้วที่ทางร้านปิด ไม่อย่างนั้นใบหน้าหล่อ ๆ
ของไอ้เด็กนี่ได้ลากตีนเข้ามาแน่ ๆ” มารตะกละหรือลุงอ้วนกล่าวประชด
“พวกลุงก็พูดซะเวอร์ ร้านนี้เขามีคลาสจะตาย ไม่มีทางเจอคนนิสัยเพี้ยนเหมือนตามผับบาร์ทั่ว ๆ ไปได้ง่าย ๆ หรอกน่า” ยี่ฟงกล่าวแก้ตัวให้ทางร้านน้ำเสียงขบขัน
ชายชราทั้งสี่คนนี้มองดูแล้วอายุไม่น่าเกินหกสิบเจ็ดสิบ แต่บุคลิกท่าทางและรูปลักษณ์ยังดูแข็งแรงอ่อนวัยไม่ต่างกับคนอายุห้าสิบต้น
ๆ เลย
“มายืนรออะไรกันตรงนี้ล่ะ เข้าไปข้างในสิ” หยกรฐาที่เพิ่งเดินย้อนออกมาจากร้าน บอกกล่าวด้วยสีหน้างุนงงสงสัย
“ดูเหมือนพวกลุง ๆ เขาจะอายกันน่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” วาดตอบกลับตามการคาดเดา
“เฮอะ! เอ็งนี่พูดไปเรื่อย
ไหนคนเก่งเดินนำพวกข้าเข้าไปสิวะ” ลุงหินยอกย้อนเสียงเข้ม หลอกให้ชายหนุ่มเป็นผู้นำขบวนได้อย่างเนียน ๆ
นายวาดส่ายหน้ายิ้ม
ๆ แต่ก็ยอมเดินนำแก๊งวัยชราตามหยกรฐาเข้าไปข้างใน ตัวร้านหงส์ท่องราตรีแห่งนี้แบ่งออกเป็นสองส่วน
คือลานเปิดกับห้องปิดที่เพิ่มความเป็นส่วนตัว ซึ่งบริเวณที่จัดงานเลี้ยงคือส่วนลานเปิดทางด้านหลัง พอเดินมาถึงวาดก็พบเจอคนรู้จักที่มารออยู่ก่อนไม่น้อย ทั้งเก้า
สอง และเท็น ยังมีหญิงสาวหน้าตาสวยสง่าอยู่อีกสองคน คนหนึ่งนายวาดพลันรู้สึกคุ้น ๆ
เหมือนเคยเห็นที่ไหน
ส่วนอีกคนเค้าโครงหน้าเหมือนเซียนหิมะ
จากนั้นก็มีมุกฑิตา ที่ยังไม่เห็นคือเหนือฟ้าอีกเช่นเคย
แต่พอเดินใกล้เข้าไปอีกหน่อย วาดจึงค่อย ๆ จดจำหญิงสาวหน้าคุ้น ๆ คนนั้นได้ทีละนิด
“อ้าว
เธอเองหรือเนี่ย เจอกันอีกแล้วนะ”
“นาย?
หรือจะเป็นยี่ฟง” หญิงสาวเองก็ขมวดคิ้วอย่างไม่ค่อยเชื่อถือ
“ใช่
เขาก็คือยี่ฟงนั่นแหละ
ว่าแต่พวกเธอไปรู้จักกันตอนไหนน่ะยัยฟ้า?” เซียนหิมะหรือลิลลี่แนะนำชายหนุ่มพลางกล่าวถามคาดคั้นเพื่อนสาว เพื่อนคนอื่น ๆ เองก็มีท่าทางสนอกสนใจกันไม่น้อย
“รู้จักกันได้ไงเหรอ ก็ตอนนั้นเธอเข้ามาจี…” วาดกำลังจะตอบกลับไปตามที่จำได้ แต่หญิงสาวคู่กรณีพลันเอ่ยแทรกตัดบทขึ้นมาก่อนว่า
“นายอย่าพูดอะไรมั่ว ๆ นะ
ก็แค่เจอกันที่โรงอาหารของสถาบันการศึกษาเท่านั้น”
“แบบนั้นเองเหรอ
งั้นขอโทษด้วยนะครับ ผมคงจะจำผิดไปหน่อย” วาดตามน้ำไปยิ้ม ๆ
เห็นบรรยากาศขมุกขมัวไม่สู้ดีนัก ลิลลี่จึงรีบลุกขึ้นมาแนะนำเพื่อนสาวของตนบ้างอย่างภาคภูมิใจ
“เธอคนนี้คือนภา
เพลเยอร์อันดับหนึ่งในตอนนี้ไงล่ะคะ
นอกเกมเธอชื่อฟ้าเป็นเพื่อนสนิทของฉันเอง”
“โฮ่
งั้นเรอะ
เป็นสาวสวยไม่น้อยหน้าตัวละครในเกมเลยจริง ๆ นะ” เฒ่าทารกเอ่ยชื่นชม
วาดได้โอกาสจึงกล่าวแนะนำคนของทางฝ่ายตัวเองขึ้นมาบ้างทีละคน กระทั่งปรากฏหญิงสาวอีกสามคนเดินกลับเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย สองในสามคนคือลวงภพกับเพลิงพิษ ผู้มีตำแหน่งองครักษ์แห่งวังวิหคเพลิงฟ้า พวกเธอสองคน ความจริงนัดกันมาเลี้ยงฉลองให้กับความสำเร็จของฟ้าที่เลื่อนระดับเลเวลขึ้นเป็น
86 ได้เสียที แต่คาดไม่ถึงว่าลิลลี่เองก็มีนัดมาฉลองที่นี่ด้วยเหมือนกัน คนเลยเยอะวุ่นวายกันไปหมดอย่างที่เป็นอยู่
และที่จะขาดไปไม่ได้เลยก็คือเจ้าของสถานที่!
“ดิฉันชื่อหงส์ค่ะ ยินดีที่ได้มารู้จักกับพวกคุณทุกคนในวันนี้นะคะ เชิญตามสบายเลย”
หญิงสาวคนนี้อายุประมาณ
22 หน้าตาไม่ถือว่าสวยเฉิดฉายอะไรมาก ทว่ากลับมีลักษณะเด่นเป็นเอกลักษณ์ ผิวแทนเรียบเนียนดูสวยแบบลูกครึ่ง และยิ่งสีหน้าท่าทางอันสงบเรียบร้อยของเธอกับน้ำเสียงเฉื่อยช้านุ่มนวล กลายเป็นว่าหญิงสาวชื่อหงส์คนนี้กลับโดดเด่นขึ้นมายิ่งกว่าสาว
ๆ ทุกคนที่นี่ได้อย่างเหลือเชื่อ
สะกดให้หนุ่ม ๆ จ้องเธอไม่วางตาเลยทีเดียว
“ในเกมเธอใช้ชื่อว่าหงส์รำพึง เป็นหนึ่งในคนสำคัญของวังฟีนิกซ์เยือกแข็งเชียวนะ” ลิลลี่เอ่ยแนะนำตัวตนในเกมของหงส์ให้ทุกคนฟังเพิ่มเติม ซึ่งหงส์ก็ผงกศีรษะตอบรับเพียงเล็กน้อย
“เหล้าหงส์รำพึงก็เป็นเธอที่ผลิตออกมาขายใช่หรือเปล่า ฉันชอบมันมากเลยนะ” วาดกล่าวชมเชย ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้มาพบเจอเจ้าของแบรนด์ผู้โด่งดังคนนั้นโดยบังเอิญ
“…”
หงส์จ้องชายหนุ่มตอบกลับไปอย่างพินิจพิจารณา
จนลืมเอ่ยขอบคุณ
“ใช่ไหมล่ะ
เหล้าที่เธอผลิตขึ้นมา ขายดีสุด ๆ
อย่าบอกใคร กิลด์ของฉันถึงได้มีอำนาจทางการเงินที่แข็งแกร่งไม่น้อยหน้ากิลด์ใหญ่อื่น
ๆ มาจนถึงตอนนี้ไง” ลิลลี่อวดคนของตัวเองเต็มที่ ไม่สนใจสายตาเอือมระอาของฝ่ายวังวิหคเพลิงฟ้าที่ยิ่งใหญ่กว่าทั้งการคลังและอำนาจพลังเลยสักนิด ดันเป็นพวกเก้าที่รู้สึกเขินแทน ไม่คิดเลยว่าจ้าววังของพวกตนจะมาสายคุยโวข่มศัตรูระยะเผาขนแบบนี้ ซึ่งจริง ๆ แล้วลิลลี่เธอปล่อยตัวตามสบายเฉพาะเวลาอยู่กับเพื่อนฝูงเท่านั้น
ระหว่างพวกวาดหาที่นั่งลงกันได้แล้ว การสนทนาก็ยังดำเนินต่อไป ทว่าสายตาส่วนใหญ่จะลอบมองประเมินนายวาดเป็นระยะ
จะอย่างไรเขาก็คือยี่ฟงผู้สั่นสะเทือนโลกได้ทั้งใบมาครั้งแล้วครั้งเล่า
“พี่หงส์
ยัยดาวไปหลบอยู่ตรงไหนน่ะ” หยกรฐาฉวยโอกาสแอบเข้าไปถามไถ่เสียงเบา
“ดาวน่ะเหรอ
อยู่แถวห้องน้ำหรือเปล่าคะ…มีปัญหาอะไรกัน?” หงส์ตอบและถามกลับ
“ก็ยัยดาวน่ะสิ
ยังไม่ได้บอกใครเลยว่าตัวเองเป็นผู้หญิง
กลัวจะถูกโกรธเอาล่ะมั้ง” หยกรฐาอธิบายพลางเกาศีรษะแสดงความรำคาญอยู่นิด
ๆ
“ไม่ไปดูเธอหน่อยจะดีหรือคะ” หงส์แนะนำ
“กำลังจะไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ ฝากทางนี้ด้วยนะพี่หงส์” หยกรฐาเอ่ยจบก็ลุกขึ้นขอตัวไปห้องน้ำทันที
หยกรฐาเดินห่างออกมาจากกลุ่มเพื่อน ไม่นานก็ถึงหน้าห้องน้ำหญิงและพบกับดาวพอดี
“เธอมาแอบอยู่ทำไมตรงนี้เนี่ย” หยกรฐาถามขึ้น
“ฉันคิดว่าจะกลับไปรอพี่ลี่ที่รถน่ะ” ดาวตอบเสียงเบาพลางก้มหน้าหลบสายตา
“ไม่ได้!
งานเลี้ยงเพิ่งเริ่มเองนะ
คงเช้านั่นล่ะกว่าจะแยกย้ายกันกลับ” หยกราตรีปฏิเสธไม่รับฟัง “นี่เธอคิดจะปิดบังพวกยี่ฟงไปถึงไหนกัน เฉลยความจริงไปตรง ๆ ซะตั้งแต่ตอนนี้เลยแหละดีแล้ว”
ดาวชะงักกึก เงยหน้าขึ้นมายิ้มแหยพลางตอบว่า “ฉันกลัวพวกเขาจะโกรธน่ะ
เอาไว้วันหลังดีกว่ามั้ง เดี๋ยวงานเลี้ยงจะกร่อยเปล่า
ๆ”
“พวกนั้นจะโกรธจริง ๆ
ก็เพราะเธอไม่รีบไปเฉลยนี่ล่ะยัยบ้า!” หยกรฐาเริ่มหงุดหงิด รีบจับแขนเพื่อนสาวเอาไว้แน่นและกล่าวต่อไปว่า “มันจะอะไรกันนักหนากับอีแค่เรื่องเล็กน้อย เธอมีเหตุผลที่ต้องเล่นตัวละครชายอยู่แล้วด้วยไม่ใช่หรือไง กลับไปที่งานเลี้ยงกันเถอะ”
ขณะที่สองสาวกำลังถกเถียงกันอยู่นั้นไอ้ตัวแสบก็โผล่พรวดมาจากหัวมุมเข้าพอดีอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว
“เธออยู่นี่เองเหรอ อ้าว! คุยกับใครอยู่น่ะ” วาดเดินเลี้ยวมาเผชิญหน้าสองสาว
เมื่อครู่เขาถามทุกคนถึงเหนือฟ้า
หงส์ที่พอจะรู้เรื่องเลยถือวิสาสะบอกมาว่าเหนือฟ้าอยู่แถวห้องน้ำและหยกรฐากำลังไปตามให้ ทว่าชายหนุ่มดันปวดฉี่อยู่สักพักใหญ่แล้วจึงอาสาเดินออกมาตามให้อีกคน
“เหนือฟ้ายังอยู่ในห้องน้ำหรือเปล่า เดี๋ยวฉันลองเข้าไปดูให้แล้วกันนะ” วาดคิดว่าตัวเองคงจะเข้ามาขัดจังหวะรบกวนคนทั้งสอง เลยจะรีบชิ่งเดินหนีเข้าห้องน้ำชายที่อยู่อีกด้านไปแทน
ทว่าหยกรฐาดันคว้าหมับเข้าที่แขนชายหนุ่มซะก่อนและรีบเอ่ยขึ้นว่า
“เดี๋ยว! นายรอก่อน”
“มีอะไร? ไว้ทีหลังก็ได้นะ” วาดหันมากล่าว คิ้วขมวดเป็นปม
“นี่มันเรื่องสำคัญเลยนะ อยู่ฟังก่อน” หยกรฐาเอ่ยบังคับเสียงเรียบแสดงความจริงจัง ขณะดาวหน้าซีดเผือด
“สำคัญแค่ไหนก็ต้องไว้ทีหลังเพราะฉันปวดฉี่จนจะราดแล้ว ถ้าเรื่องสำคัญจริงพวกเธอก็ต้องรอฉันก่อนหรือจะตามเข้ามาคุยระหว่างฉันกำลังฉี่ไปด้วยเลยก็ไม่ว่าหรอกนะ” นายวาดตอบกลับน้ำเสียงจริงจังมาก ไม่น้อยหน้าไปกว่ากันเท่าไร
ความคิดเห็น