ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทะลุฟ้า ป่วนยุทธภพ (สถานะ จบไตรภาคแรก)

    ลำดับตอนที่ #16 : การทดสอบ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 25.86K
      1.25K
      10 เม.ย. 61

     

    ได้ฟังที่หอกหักบรรยายแล้วคู่หูนรกยิ่งไม่อาจเก็บซ่อนสีหน้าโลภเอาไว้ได้อีก แต่จอมทัพกระบี่ดำไม่ใช่คนประมาท มันจึงถามยืนยันให้แน่ชัดอีกครั้งว่า

    แกได้พบหัวหน้ากองโจรมาแล้วใช่ไหม งั้นตอนนี้มันแข็งแกร่งกว่าที่ข้อมูลภารกิจระบุไว้มากเท่าไร

    มอนสเตอร์ในเกมนี้หากยังไม่ถูกสังหาร ความสามารถมันก็จะพัฒนาขึ้นได้เรื่อย ๆ ไม่ต่างจากเพลเยอร์นัก ดังเช่นหัวหน้ากองโจรที่แรกเริ่มมาเลเวลของมันอยู่ที่ 22 แต่จนถึงบัดนี้มันยังไม่เคยถูกสังหารจึงไม่อาจทราบได้เลยว่าแท้จริงแล้วเลเวลของมันเท่าไรกันแน่!

    ฮ่า ฮ่า ไม่มีใครจะมาหยุดเราได้หรอกจอมทัพ แค่ฉันกับพวกแกสองคนก็พอจะกำราบกองโจรภูเขากาก ๆ ทั้งหมดได้แล้ว

    หอกหักตอบอย่างมั่นใจ

    ฮึ! แกพูดมาขนาดนี้แล้วฉันก็เบาใจ จะได้ออกไปจากเขตจงหยางนี่สักที

    จอมทัพกระบี่ดำเริ่มจะผ่อนคลายได้บ้าง ก่อนที่คนทั้งสามจะส่งเสียงหัวเราะสะใจกันออกมา

    จันทรากลมโตแขวนเด่นอยู่กลางท้องฟ้า เปรียบเทียบกับโลกจริงแล้วมันดูใหญ่และชัดเจนกว่ามากนัก หลังแยกจากชาวบ้านมาได้แล้วยี่ฟงก็อาศัยต้นไม้ที่มีกิ่งก้านมั่นคงเป็นที่พักพิงชั่วคราว สายตาทอดมองลงไปเบื้องล่างซึ่งชาวบ้านกลุ่มหนึ่งกำลังวางค่ายกลลวงตาเสริมความปลอดภัยเข้าไปใหม่ เพียงแค่เส้นทางที่ชายหนุ่มใช้เดินทางมายังที่นี่

    บังเอิญจริง ๆ

    ยี่ฟงพึมพำกับตัวเอง

    ความจริงแล้วพื้นที่แถบนี้ค่อนข้างเข้าถึงลำบาก ทั้งหญ้าสูงและต้นไม้หนาแน่น หากไม่ใช่ยี่ฟงเพลิดเพลินจนเดินลึกเข้ามาโดยไม่รู้ตัวก็ไม่มีทางเลยที่เขาจะพบเจอที่นี่

    ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องมองหาสถานที่สำหรับตั้งค่ายพักแรม และแน่นอนว่าพวกเขาจะไม่ดื้อรั้นฝ่าเข้ามายังพื้นที่รอบภูเขาแห่งนี้เด็ดขาด หลังจากได้เผชิญหน้ากับต้นไม้ปีศาจสังหารมาแล้วย่อมไม่มีใครอยากจะเสี่ยงเดินทางในที่ที่เต็มไปด้วยต้นไม้แออัดหรอก

    คิดดูแล้วมันก็เหมือนเป็นจิตวิทยาอย่างหนึ่งที่เล่นกับสัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิตอยู่บ้าง

    ท่านจอมยุทธ์

    ชายร่างใหญ่ผู้นำชั่วคราวของกลุ่มลี้ภัยส่งเสียงเรียกมาจากโคนต้นไม้

    มีอะไรลู่เหวิน

    ยี่ฟงชำเลืองสายตาลงมองพลางถามกลับไป

    ข้ามีบางสิ่งจะให้ท่านลองทดสอบดูขอรับ

    ลู่เหวินกล่าว

    ทดสอบ!?

    ยี่ฟงเลิกคิ้วเอ่ยอย่างสงสัย เมื่อทะยานร่างกลับลงมาแล้ว

    โปรดตามข้ามา แล้วท่านจะทราบเอง

    ลู่เหวินตัดบทก่อนจะก้าวนำออกไปทันที

    ลู่เหวินนำยี่ฟงเดินเข้าไปตามช่องเขาลึกขึ้นเรื่อย ๆ พอถึงระยะหนึ่งมันก็มีหน้าผาสูงชันกั้นขวางไว้ พื้นผิวบางส่วนเหลื่อมล้ำออกมาเป็นแง่งหินอยู่ประปราย ช่วงแรกยังพอให้คนผู้หนึ่งเหยียบยืนอยู่ได้ แต่ยิ่งสูงชันขึ้นไปเท่าไรพื้นที่ยึดจับก็ยิ่งลดน้อยถอยลง กระทั่งหลงเหลือพื้นที่ให้เพียงแค่ฝ่ามือเดียวในการปีนป่ายเท่านั้น

    ที่นี่คือผาเทวะวิญญาณ เมื่อครั้งที่เราหลบหนีอย่างไร้หนทางพลันปรากฏเศษเสี้ยวดวงจิตวิหคเทวะสาดประกายอยู่เหนือยอดผาแห่งนี้ ท่านเทพช่วยชี้นำเหล่าชาวบ้านที่จมอยู่ในความสิ้นหวังให้กลับมาดิ้นรนได้อีกครั้งกระทั่งผาเทวะวิญญาณกลับกลายเป็นที่มั่นสุดท้ายของพวกเราในที่สุด

    ลู่เหวินเงยหน้าอธิบายมองขึ้นไปด้วยแววตาซาบซึ้งขอบคุณ จากนั้นหันกลับลงมาสบจ้องยี่ฟงพลางกล่าวต่อว่า

    ไม่เคยมีชาวบ้านคนใดสามารถปีนป่ายจนถึงยอดผาแห่งนี้ได้มาก่อน ข้าเพียงหวังว่าบนนั้นจะมีสิ่งตอบแทนให้สำหรับน้ำใจอันล้นฟ้าของท่านจอมยุทธ์ได้

    การทดสอบที่ว่าคือไต่หน้าผานี่หรอกรึ

    ยี่ฟงไล่สายตามองขึ้นไปจนถึงยอดผา สำหรับเพลเยอร์ในเขตจงหยางนับเป็นเรื่องยากหรืออาจเป็นไปไม่ได้เลยที่จะปีนป่ายจนถึงยอด หากพลาดร่วงลงมายังยากจะรักษาชีวิตตัวเองไว้ได้

    ข้าทราบดีว่ามันเสี่ยงยิ่ง แต่นี่เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ทางเราสามารถทดแทนให้ท่านจอมยุทธ์ได้

    ลู่เหวินก้มหน้ากล่าว

    ไม่ต้องรู้สึกผิดไป เดิมทีข้าไม่ได้หวังผลอะไรจากพวกชาวบ้านที่ลี้ภัยอยู่แล้ว

    ยี่ฟงรีบเอ่ยปากอย่างจริงใจ

    จากนี้ปล่อยให้ข้าเป็นผู้ตัดสินเอง ส่วนเจ้ากลับไปพักผ่อนเถิด

    ลู่เหวินมีท่าทางเคารพชายหนุ่มมากยิ่งขึ้น เขาไม่มีความเห็นแย้งจึงโค้งตัวประสานฝ่ามือกล่าวลา

    ยี่ฟงเป่าปากผ่อนคลายอารมณ์ สายตาจับจ้องผาชันตรงหน้าอย่างใคร่ครวญ

    ฟังจากคำบอกเล่าของลู่เหวินแล้วไม่มีทางเป็นเรื่องเหลวไหลไปได้

    ยี่ฟงกล่าวเสียงเบา ในความคิดเขานี่ย่อมเป็นเหตุการณ์พิเศษหลังจากเพลเยอร์พบเจอชาวบ้านที่นี่ หากให้ความช่วยเหลือก็จะได้ทราบถึงข้อมูลอันมีค่าดังเช่นการทดสอบผาเทวะวิญญาณ แต่เพลเยอร์ที่เลเวลยังไม่ถึง 30 คงไม่มีทางปีนป่ายขึ้นไปได้ พวกเขาย่อมไม่มีทางเลือกนักนอกจากรีบไปพัฒนาตัวละครให้เก่งขึ้นและย้อนกลับมาเพื่อทำการทดสอบในภายหลัง

    คงไม่ง่ายอย่างที่คิดมั้ง

    ยี่ฟงกล่าวปนหัวเราะ เขาเดาได้เลยว่ามันต้องมีเงื่อนไขผูกมัดไม่ธรรมดาแน่นอน

    แต่เมื่อไม่มีอะไรเสียหาย ชายหนุ่มจึงกระโดดขึ้นไปเหยียบบนขั้นแรกของผาเทวะวิญญาณ จากนั้นสูดลมหายใจเข้าลึกและกระโดดออกไปสุดกำลัง พริบตาเดียวยี่ฟงก็ลอยสูงเกือบห้าเมตร พอเห็นท่าจะร่วงกลับลงไปยี่ฟงก็รีบนำกระบี่คลาส F กาก ๆ ออกมาแทงไปที่ผาชัน ฉึก! คมกระบี่เสียบเข้าไปอย่างแน่นหนา ง่ายกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้มากนัก ทว่าอึดใจต่อมาตัวกระบี่กลับแตกหักเสียหาย ยี่ฟงจึงต้องรีบคว้าแง่งหินเอาไว้ไม่ให้ร่วงลงไป

    เฮอ จากนี้ต้องปีนป่ายขึ้นไปเองหรือเนี่ย

    ยี่ฟงคราง

    นอกจากแง่งหินที่ยื่นออกมาเล็กน้อยแล้วยังมีร่องหินพอให้ฝ่ามือยึดเอาไว้ได้ แม้จะลำบากอยู่บ้างแต่ยี่ฟงก็ตัดสินใจปีนผาเทวะวิญญาณขึ้นไป ด้วยพลังกายในเลเวล 31 หรือคลาสยอดฝีมือระดับต่ำ ยี่ฟงจึงปีนขึ้นไปได้รวดเร็วมากอย่างไม่น่าเชื่อ พอมีความมั่นใจในตัวเองแล้วเขาก็ทดลองเหวี่ยงร่างพุ่งขึ้นไปเพื่อลดทอนระยะทางให้เหลือน้อยลงเท่าที่จะทำได้

    กระทั่งจู่ ๆ ท้องฟ้าก็เกิดปั่นป่วนร้องคำราม เส้นแสงอัสนีแล่นแปลบปลาบพร้อมเสียงดังกระหึ่ม

    ผาเทวะวิญญาณมีความสูงเกือบเท่าตึกสิบชั้นหรืออาจจะมากกว่า พอผ่านไปได้สองในสามของระยะทาง ยี่ฟงก็จำต้องฝืนตะปบฝ่ามือเพื่อยึดจับผาชันไว้ นิ้วทั้งสิบจิกลึกลงไปในผิวอันแข็งแกร่งของหินผา ความเจ็บปวดเริ่มปรากฏจนชายหนุ่มต้องครางออกมา เขาไม่คิดว่ามันจะลำบากถึงเพียงนี้ บางทีหากมีวิชาตัวเบาไต่กำแพงหรืออะไรก็ตามแต่คอยสนับสนุนอาจจะทำให้เขาผ่านการทดสอบได้ง่ายและรวดเร็วกว่านี้ไปแล้ว

    อะไรอีกวะนั่น!ยี่ฟงพยายามไม่สนใจเสียงฟ้าร้องสะท้านจิต ทว่าเมื่อสายตากวาดไปเห็นบางสิ่งกำลังเหินลงมา สีหน้าแววตาจึงเครียดขึ้ง

    ไม่ช้าระบบก็แจ้งให้ทราบว่า

    นกกระจอกยักษ์เลเวล 15 โจมตี

    ม่านตาของยี่ฟงขยายกว้างสะท้อนภาพกรงเล็บของศัตรูที่กางออกเตรียมพร้อมจู่โจม มันมีร่างกายใหญ่โต กว่าที่ควรจะเป็นถึงสามเท่า ท่าทางดุร้ายอีกต่างหาก

    ปีนผาก็ลำบากอยู่แล้วนะโว้ย!

    ยี่ฟงกัดฟัน เขากะจังหวะคลายฝ่ามือซ้ายออกจากหินผา จากนั้นตวัดสวนเข้าใส่ร่างนกกระจอกยักษ์ก่อนอัดมันเข้ากับหินผาเต็มแรงจนระเบิดแหลกเหลว โลหิตเครื่องในกระจาย ระบบจึงรายงานข้อมูลที่ได้รับจากการสังหาร แต่ดูเหมือนยี่ฟงจะไม่มีเวลาว่างฟัง

    นกกระจอกยักษ์เลเวล 15 โจมตี

    นกกระจอกยักษ์เลเวล 15 โจมตี

    นกกระจอกยักษ์เลเวล 15 โจมตี

    ยี่ฟงรีบเหวี่ยงร่างตัวเองขึ้นไปเร็วกว่าเดิม เขาไม่คิดรั้งรอปะทะกับพวกมันทั้งที่ยังปีนผาอยู่เด็ดขาดเพราะหากพลาดพลั้งร่วงลงไปมีหวังศพไม่สวย ไม่ช้าความเจ็บปวดคล้ายจบลงแต่ความจริงฝ่ามือทั้งสองของยี่ฟงกลายเป็นด้านชาไปแล้ว เขาไม่สนใจโลหิตที่หลั่งไหลทั้งยังเมินเฉยนกกระจอกยักษ์ สิ่งเดียวที่ยี่ฟงกระทำคือการปีนผาส่งตัวเองขึ้นสู่จุดสูงสุดให้ได้โดยเร็วเท่านั้น

    ท้ายที่สุดแล้วยี่ฟงก็ประสบความสำเร็จ เขานำพาตัวเองขึ้นไปนอนแผ่หลาอยู่บนยอดได้ตามที่หวัง นกกระจอกยักษ์เองก็พากันบินหายไม่ได้โจมตีเข้ามาอีกเมื่อการทดสอบจบลง เสียงคร่ำครวญจากท้องฟ้าค่อยสงบลงไปอย่างเชื่องช้าเช่นกัน หลงเหลือแต่เพียงเสียงหอบหายใจหนักหน่วงของชายหนุ่ม

    โชคดีเท่าไรแล้วที่มันไม่ได้มีเส้นแสงสายฟ้าฟาดผ่าลงใส่หน้าผาเทวะวิญญาณแห่งนี้...

    ใช้เวลาอยู่พอสมควรกว่ายี่ฟงจะลุกขึ้นมานั่งได้ เขารีบนำน้ำยาเพิ่มเลือดออกมาดื่มเพื่อฟื้นฟูร่างกายทันที สายตาก็กวาดมองไปทั่วคอยระวังภัย แต่ใจกลางยอดผาเทวะวิญญาณกลับปรากฏดวงแสงสีทองวูบไหว

    นี่คือเศษเสี้ยวดวงจิตวิหคเทวะที่ว่าหรอกหรือ

    ยี่ฟงกล่าวพลางดันตัวเองลุกขึ้นยืน

    ยินดีด้วย เจ้าผ่านการทดสอบของผาเทวะวิญญาณแล้ว

    ดวงจิตสีทองพลันมีเสียงเปล่งออกมา ยี่ฟงสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ข่มใจถามกลับไปว่า

    ฉันจะได้อะไรจากที่นี่เมื่อผ่านการทดสอบหรือ

    ฮ่า ฮ่า ฮ่า ถามได้ตรงประเด็นดีนี่คือรางวัลของเจ้าอย่างไรล่ะ

    ดวงจิตสีทองตอบและเผยให้เห็นคัมภีร์วิชายุทธ์ที่ลอยคว้างอยู่ในใจกลางแสงสีทอง

    มันเป็นของฉันแล้วใช่ไหม!?

    ยี่ฟงดวงตาลุกวาว นี่อาจจะเป็นวิชายุทธ์แรกของเขาภายในเกมนี้ก็ได้

    แน่นอน เจ้าสามารถนำมันไปเรียนรู้ได้ทันที

    ดวงจิตสีทองตอบ

    ยี่ฟงไม่รอช้ารีบก้าวเดินเข้าไปใกล้พร้อมคว้าจับไปที่ตัวคัมภีร์

    เพลเยอร์ยี่ฟงจะได้รับคัมภีร์วิชายุทธ์คลาส S วิหคอหังการ เมื่อยินยอมรับเงื่อนไขผูกมัดบางประการ

    หากยอมรับเงื่อนไขแล้วเพลเยอร์ยี่ฟงจะไม่สามารถออกจากเขตจงหยางได้จนกว่าจะกำจัดกองโจรภูเขาสำเร็จ

    ชายหนุ่มเผยยิ้มแห้ง ไม่ผิดไปจากที่เขาคาดเดาไว้เท่าไรนัก

    ฉันยอมรับ

    ยี่ฟงตอบรับสั้น ๆ โดยไม่ต้องเสียเวลาคิด เขาไม่ได้ฝืนสังขารขึ้นมาถึงที่นี่เพื่อจะกลับลงไปมือเปล่าหรอกนะ

    เงื่อนไขบรรลุเพลเยอร์ยี่ฟงได้รับคัมภีร์วิชายุทธ์คลาส S วิหคอหังการ เรียบร้อยแล้วค่ะ

    ยี่ฟงในที่สุดก็ดึงตัวคัมภีร์ออกมาจากดวงจิตสีทองได้ หลังจากนั้นดวงจิตที่ว่าก็ค่อย ๆ จางหายไปอย่างช้า ๆ ทว่าก่อนมันจะดับสูญพลันได้ถ่ายทอดข้อความเสียงให้แก่ผู้รับสืบทอดเอาไว้ว่า

    จงหมั่นฝึกฝนให้แข็งแกร่ง เตรียมพร้อมในยามที่ยุทธภพคลั่ง โลหิตนองแผ่นดิน…!

    ยี่ฟงได้แต่เกาหัวและพยายามจดจำให้มั่น บางทีอนาคตเขาอาจเข้าใจได้มากกว่านี้

    แต่ก่อนหน้านั้นเขาขอเปิดดูวิชายุทธ์ที่มีชื่อสุดเท่ก่อนเป็นลำดำแรกแล้วกัน ยี่ฟงนั่งลงและพลิกเปิดหน้าคัมภีร์ออก สายตาไล่อ่านข้อมูลทั้งหมดอย่างละเอียดรอบคอบ

     

    วิชายุทธ์คลาส S วิหคอหังการ

    เพลเยอร์เลเวล 30 เมื่อเรียกใช้วิชานี้จะทะลวงขีดจำกัด เลเวลเพิ่มขึ้น 3 ระดับ ชั่วคราวเป็นเวลา 5 นาที

    เพลเยอร์เลเวล 40 เมื่อเรียกใช้วิชานี้จะทะลวงขีดจำกัด เลเวลเพิ่มขึ้น 4 ระดับ ชั่วคราวเป็นเวลา 7 นาที

    เพลเยอร์เลเวล 50 เมื่อเรียกใช้วิชานี้จะทะลวงขีดจำกัด เลเวลเพิ่มขึ้น 5 ระดับ ชั่วคราวเป็นเวลา 10 นาที

    เพลเยอร์เลเวล 65 เมื่อเรียกใช้วิชานี้จะทะลวงขีดจำกัด เลเวลเพิ่มขึ้น 5 ระดับ ชั่วคราวเป็นเวลา 15 นาที

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×