คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : การทดสอบ
ได้ฟังที่หอกหักบรรยายแล้วคู่หูนรกยิ่งไม่อาจเก็บซ่อนสีหน้าโลภเอาไว้ได้อีก
แต่จอมทัพกระบี่ดำไม่ใช่คนประมาท มันจึงถามยืนยันให้แน่ชัดอีกครั้งว่า
“แกได้พบหัวหน้ากองโจรมาแล้วใช่ไหม
งั้นตอนนี้มันแข็งแกร่งกว่าที่ข้อมูลภารกิจระบุไว้มากเท่าไร”
มอนสเตอร์ในเกมนี้หากยังไม่ถูกสังหาร
ความสามารถมันก็จะพัฒนาขึ้นได้เรื่อย ๆ ไม่ต่างจากเพลเยอร์นัก
ดังเช่นหัวหน้ากองโจรที่แรกเริ่มมาเลเวลของมันอยู่ที่ 22 แต่จนถึงบัดนี้มันยังไม่เคยถูกสังหารจึงไม่อาจทราบได้เลยว่าแท้จริงแล้วเลเวลของมันเท่าไรกันแน่!
“ฮ่า ฮ่า
ไม่มีใครจะมาหยุดเราได้หรอกจอมทัพ แค่ฉันกับพวกแกสองคนก็พอจะกำราบกองโจรภูเขากาก ๆ
ทั้งหมดได้แล้ว”
หอกหักตอบอย่างมั่นใจ
“ฮึ! แกพูดมาขนาดนี้แล้วฉันก็เบาใจ
จะได้ออกไปจากเขตจงหยางนี่สักที”
จอมทัพกระบี่ดำเริ่มจะผ่อนคลายได้บ้าง
ก่อนที่คนทั้งสามจะส่งเสียงหัวเราะสะใจกันออกมา
จันทรากลมโตแขวนเด่นอยู่กลางท้องฟ้า
เปรียบเทียบกับโลกจริงแล้วมันดูใหญ่และชัดเจนกว่ามากนัก หลังแยกจากชาวบ้านมาได้แล้วยี่ฟงก็อาศัยต้นไม้ที่มีกิ่งก้านมั่นคงเป็นที่พักพิงชั่วคราว
สายตาทอดมองลงไปเบื้องล่างซึ่งชาวบ้านกลุ่มหนึ่งกำลังวางค่ายกลลวงตาเสริมความปลอดภัยเข้าไปใหม่
เพียงแค่เส้นทางที่ชายหนุ่มใช้เดินทางมายังที่นี่
“บังเอิญจริง ๆ”
ยี่ฟงพึมพำกับตัวเอง
ความจริงแล้วพื้นที่แถบนี้ค่อนข้างเข้าถึงลำบาก
ทั้งหญ้าสูงและต้นไม้หนาแน่น
หากไม่ใช่ยี่ฟงเพลิดเพลินจนเดินลึกเข้ามาโดยไม่รู้ตัวก็ไม่มีทางเลยที่เขาจะพบเจอที่นี่
ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องมองหาสถานที่สำหรับตั้งค่ายพักแรม
และแน่นอนว่าพวกเขาจะไม่ดื้อรั้นฝ่าเข้ามายังพื้นที่รอบภูเขาแห่งนี้เด็ดขาด
หลังจากได้เผชิญหน้ากับต้นไม้ปีศาจสังหารมาแล้วย่อมไม่มีใครอยากจะเสี่ยงเดินทางในที่ที่เต็มไปด้วยต้นไม้แออัดหรอก
คิดดูแล้วมันก็เหมือนเป็นจิตวิทยาอย่างหนึ่งที่เล่นกับสัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิตอยู่บ้าง
“ท่านจอมยุทธ์”
ชายร่างใหญ่ผู้นำชั่วคราวของกลุ่มลี้ภัยส่งเสียงเรียกมาจากโคนต้นไม้
“มีอะไรลู่เหวิน”
ยี่ฟงชำเลืองสายตาลงมองพลางถามกลับไป
“ข้ามีบางสิ่งจะให้ท่านลองทดสอบดูขอรับ”
ลู่เหวินกล่าว
“ทดสอบ!?”
ยี่ฟงเลิกคิ้วเอ่ยอย่างสงสัย เมื่อทะยานร่างกลับลงมาแล้ว
“โปรดตามข้ามา
แล้วท่านจะทราบเอง”
ลู่เหวินตัดบทก่อนจะก้าวนำออกไปทันที
ลู่เหวินนำยี่ฟงเดินเข้าไปตามช่องเขาลึกขึ้นเรื่อย ๆ
พอถึงระยะหนึ่งมันก็มีหน้าผาสูงชันกั้นขวางไว้
พื้นผิวบางส่วนเหลื่อมล้ำออกมาเป็นแง่งหินอยู่ประปราย
ช่วงแรกยังพอให้คนผู้หนึ่งเหยียบยืนอยู่ได้ แต่ยิ่งสูงชันขึ้นไปเท่าไรพื้นที่ยึดจับก็ยิ่งลดน้อยถอยลง
กระทั่งหลงเหลือพื้นที่ให้เพียงแค่ฝ่ามือเดียวในการปีนป่ายเท่านั้น
“ที่นี่คือผาเทวะวิญญาณ
เมื่อครั้งที่เราหลบหนีอย่างไร้หนทางพลันปรากฏเศษเสี้ยวดวงจิตวิหคเทวะสาดประกายอยู่เหนือยอดผาแห่งนี้
ท่านเทพช่วยชี้นำเหล่าชาวบ้านที่จมอยู่ในความสิ้นหวังให้กลับมาดิ้นรนได้อีกครั้ง…กระทั่งผาเทวะวิญญาณกลับกลายเป็นที่มั่นสุดท้ายของพวกเราในที่สุด”
ลู่เหวินเงยหน้าอธิบายมองขึ้นไปด้วยแววตาซาบซึ้งขอบคุณ
จากนั้นหันกลับลงมาสบจ้องยี่ฟงพลางกล่าวต่อว่า
“ไม่เคยมีชาวบ้านคนใดสามารถปีนป่ายจนถึงยอดผาแห่งนี้ได้มาก่อน
ข้าเพียงหวังว่าบนนั้นจะมีสิ่งตอบแทนให้สำหรับน้ำใจอันล้นฟ้าของท่านจอมยุทธ์ได้”
“การทดสอบที่ว่าคือไต่หน้าผานี่หรอกรึ”
ยี่ฟงไล่สายตามองขึ้นไปจนถึงยอดผา
สำหรับเพลเยอร์ในเขตจงหยางนับเป็นเรื่องยากหรืออาจเป็นไปไม่ได้เลยที่จะปีนป่ายจนถึงยอด
หากพลาดร่วงลงมายังยากจะรักษาชีวิตตัวเองไว้ได้
“ข้าทราบดีว่ามันเสี่ยงยิ่ง
แต่นี่เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ทางเราสามารถทดแทนให้ท่านจอมยุทธ์ได้”
ลู่เหวินก้มหน้ากล่าว
“ไม่ต้องรู้สึกผิดไป
เดิมทีข้าไม่ได้หวังผลอะไรจากพวกชาวบ้านที่ลี้ภัยอยู่แล้ว”
ยี่ฟงรีบเอ่ยปากอย่างจริงใจ
“จากนี้ปล่อยให้ข้าเป็นผู้ตัดสินเอง
ส่วนเจ้ากลับไปพักผ่อนเถิด”
ลู่เหวินมีท่าทางเคารพชายหนุ่มมากยิ่งขึ้น
เขาไม่มีความเห็นแย้งจึงโค้งตัวประสานฝ่ามือกล่าวลา
ยี่ฟงเป่าปากผ่อนคลายอารมณ์ สายตาจับจ้องผาชันตรงหน้าอย่างใคร่ครวญ
“ฟังจากคำบอกเล่าของลู่เหวินแล้วไม่มีทางเป็นเรื่องเหลวไหลไปได้”
ยี่ฟงกล่าวเสียงเบา
ในความคิดเขานี่ย่อมเป็นเหตุการณ์พิเศษหลังจากเพลเยอร์พบเจอชาวบ้านที่นี่
หากให้ความช่วยเหลือก็จะได้ทราบถึงข้อมูลอันมีค่าดังเช่นการทดสอบผาเทวะวิญญาณ
แต่เพลเยอร์ที่เลเวลยังไม่ถึง 30 คงไม่มีทางปีนป่ายขึ้นไปได้ พวกเขาย่อมไม่มีทางเลือกนักนอกจากรีบไปพัฒนาตัวละครให้เก่งขึ้นและย้อนกลับมาเพื่อทำการทดสอบในภายหลัง
“คงไม่ง่ายอย่างที่คิดมั้ง”
ยี่ฟงกล่าวปนหัวเราะ
เขาเดาได้เลยว่ามันต้องมีเงื่อนไขผูกมัดไม่ธรรมดาแน่นอน
แต่เมื่อไม่มีอะไรเสียหาย ชายหนุ่มจึงกระโดดขึ้นไปเหยียบบนขั้นแรกของผาเทวะวิญญาณ
จากนั้นสูดลมหายใจเข้าลึกและกระโดดออกไปสุดกำลัง
พริบตาเดียวยี่ฟงก็ลอยสูงเกือบห้าเมตร
พอเห็นท่าจะร่วงกลับลงไปยี่ฟงก็รีบนำกระบี่คลาส F กาก ๆ ออกมาแทงไปที่ผาชัน ฉึก!
คมกระบี่เสียบเข้าไปอย่างแน่นหนา ง่ายกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้มากนัก
ทว่าอึดใจต่อมาตัวกระบี่กลับแตกหักเสียหาย
ยี่ฟงจึงต้องรีบคว้าแง่งหินเอาไว้ไม่ให้ร่วงลงไป
“เฮอ
จากนี้ต้องปีนป่ายขึ้นไปเองหรือเนี่ย”
ยี่ฟงคราง
นอกจากแง่งหินที่ยื่นออกมาเล็กน้อยแล้วยังมีร่องหินพอให้ฝ่ามือยึดเอาไว้ได้
แม้จะลำบากอยู่บ้างแต่ยี่ฟงก็ตัดสินใจปีนผาเทวะวิญญาณขึ้นไป ด้วยพลังกายในเลเวล 31 หรือคลาสยอดฝีมือระดับต่ำ
ยี่ฟงจึงปีนขึ้นไปได้รวดเร็วมากอย่างไม่น่าเชื่อ
พอมีความมั่นใจในตัวเองแล้วเขาก็ทดลองเหวี่ยงร่างพุ่งขึ้นไปเพื่อลดทอนระยะทางให้เหลือน้อยลงเท่าที่จะทำได้
กระทั่งจู่ ๆ ท้องฟ้าก็เกิดปั่นป่วนร้องคำราม
เส้นแสงอัสนีแล่นแปลบปลาบพร้อมเสียงดังกระหึ่ม
ผาเทวะวิญญาณมีความสูงเกือบเท่าตึกสิบชั้นหรืออาจจะมากกว่า
พอผ่านไปได้สองในสามของระยะทาง ยี่ฟงก็จำต้องฝืนตะปบฝ่ามือเพื่อยึดจับผาชันไว้
นิ้วทั้งสิบจิกลึกลงไปในผิวอันแข็งแกร่งของหินผา
ความเจ็บปวดเริ่มปรากฏจนชายหนุ่มต้องครางออกมา เขาไม่คิดว่ามันจะลำบากถึงเพียงนี้
บางทีหากมีวิชาตัวเบาไต่กำแพงหรืออะไรก็ตามแต่คอยสนับสนุนอาจจะทำให้เขาผ่านการทดสอบได้ง่ายและรวดเร็วกว่านี้ไปแล้ว
“อะไรอีกวะนั่น!” ยี่ฟงพยายามไม่สนใจเสียงฟ้าร้องสะท้านจิต
ทว่าเมื่อสายตากวาดไปเห็นบางสิ่งกำลังเหินลงมา สีหน้าแววตาจึงเครียดขึ้ง
ไม่ช้าระบบก็แจ้งให้ทราบว่า
‘นกกระจอกยักษ์เลเวล 15 โจมตี’
ม่านตาของยี่ฟงขยายกว้างสะท้อนภาพกรงเล็บของศัตรูที่กางออกเตรียมพร้อมจู่โจม
มันมีร่างกายใหญ่โต กว่าที่ควรจะเป็นถึงสามเท่า ท่าทางดุร้ายอีกต่างหาก
“ปีนผาก็ลำบากอยู่แล้วนะโว้ย!”
ยี่ฟงกัดฟัน เขากะจังหวะคลายฝ่ามือซ้ายออกจากหินผา
จากนั้นตวัดสวนเข้าใส่ร่างนกกระจอกยักษ์ก่อนอัดมันเข้ากับหินผาเต็มแรงจนระเบิดแหลกเหลว
โลหิตเครื่องในกระจาย ระบบจึงรายงานข้อมูลที่ได้รับจากการสังหาร
แต่ดูเหมือนยี่ฟงจะไม่มีเวลาว่างฟัง
‘นกกระจอกยักษ์เลเวล 15 โจมตี’
‘นกกระจอกยักษ์เลเวล 15 โจมตี’
‘นกกระจอกยักษ์เลเวล 15 โจมตี’
ยี่ฟงรีบเหวี่ยงร่างตัวเองขึ้นไปเร็วกว่าเดิม
เขาไม่คิดรั้งรอปะทะกับพวกมันทั้งที่ยังปีนผาอยู่เด็ดขาดเพราะหากพลาดพลั้งร่วงลงไปมีหวังศพไม่สวย
ไม่ช้าความเจ็บปวดคล้ายจบลงแต่ความจริงฝ่ามือทั้งสองของยี่ฟงกลายเป็นด้านชาไปแล้ว
เขาไม่สนใจโลหิตที่หลั่งไหลทั้งยังเมินเฉยนกกระจอกยักษ์
สิ่งเดียวที่ยี่ฟงกระทำคือการปีนผาส่งตัวเองขึ้นสู่จุดสูงสุดให้ได้โดยเร็วเท่านั้น
ท้ายที่สุดแล้วยี่ฟงก็ประสบความสำเร็จ
เขานำพาตัวเองขึ้นไปนอนแผ่หลาอยู่บนยอดได้ตามที่หวัง
นกกระจอกยักษ์เองก็พากันบินหายไม่ได้โจมตีเข้ามาอีกเมื่อการทดสอบจบลง
เสียงคร่ำครวญจากท้องฟ้าค่อยสงบลงไปอย่างเชื่องช้าเช่นกัน
หลงเหลือแต่เพียงเสียงหอบหายใจหนักหน่วงของชายหนุ่ม
โชคดีเท่าไรแล้วที่มันไม่ได้มีเส้นแสงสายฟ้าฟาดผ่าลงใส่หน้าผาเทวะวิญญาณแห่งนี้...
ใช้เวลาอยู่พอสมควรกว่ายี่ฟงจะลุกขึ้นมานั่งได้
เขารีบนำน้ำยาเพิ่มเลือดออกมาดื่มเพื่อฟื้นฟูร่างกายทันที
สายตาก็กวาดมองไปทั่วคอยระวังภัย แต่ใจกลางยอดผาเทวะวิญญาณกลับปรากฏดวงแสงสีทองวูบไหว
“นี่คือเศษเสี้ยวดวงจิตวิหคเทวะที่ว่าหรอกหรือ”
ยี่ฟงกล่าวพลางดันตัวเองลุกขึ้นยืน
“ยินดีด้วย เจ้าผ่านการทดสอบของผาเทวะวิญญาณแล้ว”
ดวงจิตสีทองพลันมีเสียงเปล่งออกมา
ยี่ฟงสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ข่มใจถามกลับไปว่า
“ฉันจะได้อะไรจากที่นี่เมื่อผ่านการทดสอบหรือ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ถามได้ตรงประเด็นดี…นี่คือรางวัลของเจ้าอย่างไรล่ะ”
ดวงจิตสีทองตอบและเผยให้เห็นคัมภีร์วิชายุทธ์ที่ลอยคว้างอยู่ในใจกลางแสงสีทอง
“มันเป็นของฉันแล้วใช่ไหม!?”
ยี่ฟงดวงตาลุกวาว นี่อาจจะเป็นวิชายุทธ์แรกของเขาภายในเกมนี้ก็ได้
“แน่นอน
เจ้าสามารถนำมันไปเรียนรู้ได้ทันที”
ดวงจิตสีทองตอบ
ยี่ฟงไม่รอช้ารีบก้าวเดินเข้าไปใกล้พร้อมคว้าจับไปที่ตัวคัมภีร์
‘เพลเยอร์ยี่ฟงจะได้รับคัมภีร์วิชายุทธ์คลาส
S วิหคอหังการ เมื่อยินยอมรับเงื่อนไขผูกมัดบางประการ’
‘หากยอมรับเงื่อนไขแล้วเพลเยอร์ยี่ฟงจะไม่สามารถออกจากเขตจงหยางได้จนกว่าจะกำจัดกองโจรภูเขาสำเร็จ’
ชายหนุ่มเผยยิ้มแห้ง ไม่ผิดไปจากที่เขาคาดเดาไว้เท่าไรนัก
“ฉันยอมรับ”
ยี่ฟงตอบรับสั้น ๆ โดยไม่ต้องเสียเวลาคิด
เขาไม่ได้ฝืนสังขารขึ้นมาถึงที่นี่เพื่อจะกลับลงไปมือเปล่าหรอกนะ
‘เงื่อนไขบรรลุ…เพลเยอร์ยี่ฟงได้รับคัมภีร์วิชายุทธ์คลาส
S วิหคอหังการ เรียบร้อยแล้วค่ะ’
ยี่ฟงในที่สุดก็ดึงตัวคัมภีร์ออกมาจากดวงจิตสีทองได้
หลังจากนั้นดวงจิตที่ว่าก็ค่อย ๆ จางหายไปอย่างช้า ๆ ทว่าก่อนมันจะดับสูญพลันได้ถ่ายทอดข้อความเสียงให้แก่ผู้รับสืบทอดเอาไว้ว่า
“จงหมั่นฝึกฝนให้แข็งแกร่ง
เตรียมพร้อมในยามที่ยุทธภพคลั่ง โลหิตนองแผ่นดิน…!”
ยี่ฟงได้แต่เกาหัวและพยายามจดจำให้มั่น
บางทีอนาคตเขาอาจเข้าใจได้มากกว่านี้
แต่ก่อนหน้านั้นเขาขอเปิดดูวิชายุทธ์ที่มีชื่อสุดเท่ก่อนเป็นลำดำแรกแล้วกัน
ยี่ฟงนั่งลงและพลิกเปิดหน้าคัมภีร์ออก
สายตาไล่อ่านข้อมูลทั้งหมดอย่างละเอียดรอบคอบ
วิชายุทธ์คลาส S วิหคอหังการ
เพลเยอร์เลเวล 30 เมื่อเรียกใช้วิชานี้จะทะลวงขีดจำกัด
เลเวลเพิ่มขึ้น 3 ระดับ ชั่วคราวเป็นเวลา 5 นาที
เพลเยอร์เลเวล 40 เมื่อเรียกใช้วิชานี้จะทะลวงขีดจำกัด
เลเวลเพิ่มขึ้น 4 ระดับ ชั่วคราวเป็นเวลา 7 นาที
เพลเยอร์เลเวล 50 เมื่อเรียกใช้วิชานี้จะทะลวงขีดจำกัด
เลเวลเพิ่มขึ้น 5 ระดับ ชั่วคราวเป็นเวลา 10 นาที
เพลเยอร์เลเวล 65 เมื่อเรียกใช้วิชานี้จะทะลวงขีดจำกัด เลเวลเพิ่มขึ้น 5 ระดับ ชั่วคราวเป็นเวลา 15 นาที
ความคิดเห็น