ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทะลุฟ้า ป่วนยุทธภพ (สถานะ จบไตรภาคแรก)

    ลำดับตอนที่ #26 : ปะทะหยั่งเชิง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 25.7K
      1.21K
      26 ธ.ค. 60

    อินทรีเหิน  แกถอยไปซะ!!  ฉันจะสั่งสอนไอ้เด็กใหม่หน้าโง่นี่สักที

    ศัสตราเทพเตือนเป็นครั้งสุดท้าย

    แม้จะถูกรุมล้อมในถิ่นของศัตรูทว่าคนทั้งสามไม่ได้แสดงความกลัวออกมาแต่อย่างใด  เพียงศัสตราเทพก็มีเลเวลสูงถึง 39 แล้ว  ส่วนสมุนสองคนก็มีเลเวลอยู่ที่ 34 ไม่ด้อยกว่ากันเท่าไรนัก  เรื่องนี้อินทรีเหินทราบดี  พอได้ยินยี่ฟงกวนตีนกลับเมื่อครู่นี้แล้วมันก็เผลอตัวขมวดคิ้วกุมขมับเลยทีเดียว  หากยี่ฟงหุบปากเงียบและอยู่เฉย ๆ อินทรีเหินมันยังพอสะสางให้ได้  แต่มาถึงขั้นนี้แล้วก็ยากที่มันจะห้ามปรามอะไรได้อีก

    อย่าต้องให้ถึงตายล่ะ  ก็แค่คนไม่รู้ความเท่านั้น

    อินทรีเหินช่วยได้เท่านี้ก่อนจะหลีกทางให้แต่โดยดี  สมุนโดยรอบของมันก็พากันเก็บอาวุธและนั่งชมอยู่เฉย ๆ

    ดี!  ดูสิแกยังจะปากดีได้อีกหรือเปล่า  จัดการมัน!

    ศัสตราเทพสั่งการลูกสมุนทั้งสอง

    ยี่ฟงปล่อยให้อีกฝ่ายพุ่งเข้าหาอย่างไม่ใส่ใจ  ตอนนี้เขามีลมปราณโคจรอยู่ทั่วร่าง  แม้เลเวล 32 ก็ยังแข็งแกร่งกว่าพวกเลเวล 34 อยู่หลายช่วงตัว  ยิ่งมีความเร็วจากท่าเท้าเมฆาซ่อนมังกรหนุนเสริมด้วยแล้วชายหนุ่มยิ่งไม่มีทางเสียเปรียบ

    ทว่าศัตรูทั้งสองประเมินยี่ฟงแวบเดียวก็ตัดสินว่าเขากากแล้ว  เพราะเสื้อผ้าที่ยี่ฟงสวมใส่อยู่ดูไม่ต่างอะไรจากชุดเริ่มต้นนัก  เพียงมีปลอกแขนและปลอกขาประหลาดปกป้องไว้เท่านั้น  พวกมันจึงเลือกที่จะไม่ชักอาวุธออกมาและใช้หมัดเท้าเปล่า ๆ คล้ายเป็นการดูถูกเพื่ออัดเด็กใหม่ให้อับอายขายขี้หน้าแทน  กระทั่งคนทั้งสองลดระยะเกือบจะเข้าประชิดแล้วก็ยังไม่เห็นยี่ฟงชักอาวุธออกมาเช่นกัน  จึงคาดเดากันไปเองว่าชายหนุ่มคงกลัวจนทำอะไรไม่ถูก

    มาสำนึกผิดตอนนี้ก็สายไปแล้วไอ้โง่

    หนึ่งในสองกล่าวข่มขวัญ

    ชายคนแรกเมื่อบรรลุถึงก็ฟาดฝ่ามือหวังกระแทกหัวไหล่ซ้ายของยี่ฟงทันที  แต่ยี่ฟงรวดเร็วมาก  พริบตาเขาก็เข้ารวบแขนอีกฝ่ายพร้อมหมุนร่างตัวเองเพื่อใช้หลังกระแทกค้ำไว้  ยี่ฟงอาศัยแรงที่มันพุ่งเข้ามาบิดร่างตัวเองโค้งลงและกระชากมันหวังทุ่มกับพื้น  ก่อนหน้านี้เขาถีบฝ่าเท้าที่เป็นฐานยืนจนอีกฝ่ายเสียหลักไปแล้วส่งให้ร่างของมันลอยข้ามไปโดยง่ายก่อนกระแทกลงกับพื้นดังอั้ก

    พอเหลือบเห็นชายอีกคนชะงักงัน  ยี่ฟงก็ชิงเหวี่ยงหมัดซ้ำไปที่ใบหน้าของชายคนแรกต่อเนื่องไม่มียั้ง

    เร็วมาก!

    อินทรีเหินอุทาน

    มันไม่ใช่เด็กใหม่ธรรมดา!

    ศัสตราเทพขมวดคิ้วกล่าวขึ้น

    ระหว่างนั้นยี่ฟงก็อัดใบหน้าของชายคนแรกจนเละเทะอย่างอำมหิต  ชายที่ชะงักอยู่ไม่ไกลถึงกับกลืนน้ำลายฝืดคอ  แต่มันก็ไม่มีทางเลือกจึงรีบทะยานร่างเข้าขัดขวาง  ยี่ฟงหยุดมือและรีบกระโดดหมุนตัวเตะสวนสกัดชายอีกคนเอาไว้ก่อน  พอกลับลงมาเหยียบพื้นอีกครั้งยี่ฟงก็ใช้ฝ่าเท้างัดร่างชายคนแรกจนลอยขึ้นมาเบื้องหน้า  จากนั้นผลักฝ่ามือปะทะส่งร่างมันกระเด็นย้อนกลับไปกองอยู่แทบเท้าชายอีกคน

    การต่อสู้เพิ่งดำเนินไปได้ไม่ถึงนาทีผลลัพธ์ก็ปรากฏแล้ว

    อินทรีเหินรู้สึกเหมือนคนโง่ที่ยุ่งไม่เข้าเรื่อง  ส่วนศัสตราเทพกล่าวโทษตัวเองที่ประเมินยี่ฟงต่ำเกินไป

    แบกเพื่อนของแกไปรักษาซะ  เดี๋ยวฉันจะสั่งสอนมันเอง

    ศัสตราเทพสั่งการเสียงเข้ม

    นายอยากจะขายขี้หน้าอีกคนหรือ

    ยี่ฟงกล่าวแทรกขึ้นด้วยรอยยิ้มไม่ยี่หระ

    มีปัญญาทำได้ก็ลองดู!

    ศัสตราเทพท้าทาย  มันพุ่งทะยานเข้าหาด้วยความเร็วที่มากกว่าสมุนทั้งสองอยู่เท่าตัว

    ในขณะที่ยี่ฟงประเมินแล้วจึงทราบว่าอีกฝ่ายไม่ง่ายอย่างที่คิด  การยืนรับมืออยู่เฉย ๆ อาจทำให้เสียเปรียบได้  เขาจึงถีบเท้าทะยานเข้าปะทะตรง ๆ เพื่อหยั่งวัดพลังกายของศัสตราเทพเป็นลำดำแรก

    คิดจะวัดกำลังกับฉันคนนี้หรือ  อวดดีนัก!!

    ศัสตราเทพคำราม

    จวบกระทั่งหมัดกระแทกหมัดดังตูม  บังเกิดคลื่นลมพลิ้วกระจายออกเป็นวงรอบตัวคนทั้งสอง  ยี่ฟงที่อ่อนกว่าถูกอัดกระเด็นถอยหลังไปอย่างไม่อาจต่อต้าน  แต่มันก็ช่วยให้เขาทราบถึงความต่างของพลังได้ชัดเจนมากขึ้น  กลับกัน  ศัสตราเทพถึงกับถอยหลังไปสามก้าวอย่างไม่คาดคิด  ผู้ชมโดยรอบยังต้องประหลาดใจจนบางคนเผลอสะดุ้งตัวลุกขึ้นยืน

    ผลลัพธ์เช่นนี้เกิดจากน้ำหนักของแรงหมัดที่ปะทะกัน

    ศัสตราเทพโชคดีที่เลเวลสูงกว่าแต่มันยังออกหมัดได้ไม่แรงพอ

    ผิดกับยี่ฟงซึ่งบิดตัวตั้งแต่เอวจนไปถึงหัวไหล่เพื่อเสริมแรงก่อนกระแทกหมัดออกไป

    ความต่างเพียงเล็กน้อยก็สามารถเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ได้เหมือนกัน  ศัสตราเทพที่คิดว่าจะบดขยี้แขนของยี่ฟงให้หักในครั้งเดียวจำต้องรู้สึกเสียหน้าอย่างช่วยไม่ได้

    นายมีดีแค่เลเวลสูงกว่าหรือไง

    ยี่ฟงเอ่ยยั่วโทสะ

    แกมันพวกนักสู้!

    ศัสตราเทพกล่าวขึ้น

    พวกนักสู้ที่ว่าก็คือกลุ่มคนซึ่งร่ำเรียนศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวจากโลกจริงมา  แต่สำหรับยี่ฟงแล้วเขาเพียงได้ฝึกเทคนิคมาไม่กี่อย่างเท่านั้น  หากให้เปรียบเทียบกับพวกนักสู้ของจริงยี่ฟงก็ยังห่างชั้นอยู่มากนัก

    ฉันจะไปเที่ยวชมเมืองต่อแล้ว  พวกนายก็เลิกวุ่นวายสักที

    ยี่ฟงพยายามจบเรื่อง

    นี่มันเป็นเกมโว้ยไม่ใช่โลกจริง!

    ศัสตราเทพตะโกนและพุ่งเข้าโจมตีอีกครั้ง

    ฝ่ามือสะบั้นเหล็ก!

    หลังเรียกใช้วิชายุทธ์  ฝ่ามือข้างขวาของศัสตราเทพก็เปล่งแสง  ยี่ฟงหรี่ตาขมวดคิ้วเคร่งเครียด  เขารีบใช้ความเร็วที่มีเพื่อหลบหลีกไม่ต้านรับโดยสัญชาตญาณ  แม้ไม่ต้องปะทะตรง ๆ ก็ทราบได้ทันทีว่าฝ่ามือนั้นอันตรายมาก  ตูม!  ศัสตราเทพโจมตีพลาด  พื้นหินที่ฝ่ามือของมันกวาดไปโดนถึงกับยุบเป็นรอยแตกลึก  ทว่ายังคงไม่ได้สัมผัสยี่ฟงสักครั้งเดียว  ผู้ชมล้วนจ้องตาไม่กะพริบ  การเคลื่อนไหวของยี่ฟงรวดเร็วกว่าศัสตราเทพอย่างเห็นได้ชัด  กระทั่งอินทรีเหินยังอ้าปากค้าง

    ชายคนนั้นได้ร่ำเรียนวิชาตัวเบามาด้วยงั้นหรือ!?

    หนึ่งในผู้ชมกล่าวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

    หากกล่าวว่าคัมภีร์วิชายุทธ์ทั่วไปหายากแล้ววิชาตัวเบากลับหายากยิ่งกว่า!

    ขณะเดียวกันการต่อสู้ที่ฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ไล่โจมตีอย่างบ้าคลั่งกับอีกฝ่ายที่หลบหลีกเพียงอย่างเดียวก็สิ้นสุดลง  ยี่ฟงดีดเท้าทะยานถอยหลังออกห่างไปไกล  จากนั้นกระโดดเหยียบเสาคานโรงเตี๊ยมพุ่งขึ้นไปยืนอยู่บนหลังคา  ศัสตราเทพได้แต่เงยหน้ามองตามและกัดฟันกรอดอย่างเจ็บใจ

    แกจะหนีหรือ  ลงมาสู้กันสิวะ

    ศัสตราเทพตะโกนราวเสียสติ

    ไม่ล่ะ  พลังกายฉันอ่อนกว่าส่วนนายก็กากในด้านความเร็ว  ถือซะว่าเสมอกันไปก่อนเป็นไง!?

    ยี่ฟงตอบและถามกลับหน้านิ่ง

    เสมอ!?  ฉันเนี่ยนะเสมอกับเด็กใหม่  อย่ามาสรุปเอาเองนะโว้ย

    นั่นไม่ใช่ปัญหาของฉัน  ลาก่อน

    ยี่ฟงไม่สนใจ  พอกล่าวจบเขาก็ทะยานร่างไปตามหลังคา  ศัสตราเทพเห็นดังนั้นก็รีบกระโดดขึ้นไปบนหลังคาโรงเตี๊ยมและตั้งท่าจะไล่ตามไป  แต่พอได้เห็นความเร็วของยี่ฟงแล้วมันก็ได้แต่ชกลมอย่างท้อแท้

    เจอกันอีกครั้งเมื่อไร  ฉันจะอัดแกให้ได้

     

    เนื่องจากเมืองดาบมังกรค่อนข้างกว้างใหญ่  จุดที่เกิดการปะทะกันเมื่อครู่นี้ก็เป็นเพียงมุมหนึ่งภายในเมืองเท่านั้น  ยี่ฟงจึงเลือกพุ่งหนีไปอีกทางโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก  ก่อนกระโดดกลับลงไปเดินบนถนนเพื่อไม่ให้สะดุดตาใครเข้าอีก

    บริเวณที่ยี่ฟงอยู่ปัจจุบันพลุกพล่านไปด้วยเหล่าเพลเยอร์ยอดฝีมือ  จากสายตาแล้วคนพวกนี้กำลังเตรียมตัวเพื่อเดินทางกลับไปยังเขตจงหยาง

    เร่เข้ามา!  ทางเราต้องการมือดีช่วยในการคุ้มกันขบวนรถขนสินค้า  ผู้ใดกำลังจะเดินทางไปเมืองจิตมังกรสามารถหารายได้พิเศษโดยการคุ้มกันพวกเราไปส่งที่เมืองจิตมังกรด้วยก็ได้ขอรับ!

    เสียงประกาศโหวกเหวกคล้ายเป็นจุดเด่นท่ามกลางความวุ่นวาย  ยี่ฟงเพียงเข้าไปอ่านรายละเอียดแต่ไม่ได้สนใจจะร่วมขบวนไปด้วยแต่อย่างใด  จากข้อมูลแล้วมันมีความยากง่ายให้เลือกด้วย  หากคุ้มกันขบวนสินค้าไปส่งยังเมืองจิตมังกรก็จะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงิน 3000 ตำลึงทอง  อยู่ในเกณฑ์ง่าย  ส่วนในระดับยากนั้นเพลเยอร์ต้องคุ้มกันขบวนรถสินค้าไปส่งยังเมืองเศียรมังกรในเส้นทางทิศเหนือที่ไม่มีจุดเซฟโซนใด ๆ ทั้งสิ้น  แต่หากคุ้มกันสำเร็จโดยไม่มีสินค้าเสียหายจะได้รับเงินมากถึง 10,000 ตำลึงทองเลยทีเดียว!

    นายสนใจจะร่วมขบวนไปด้วยกันไหม

    ชายคนหนึ่งท่าทางมีประสบการณ์เดินมาถามยี่ฟง

    ไม่ล่ะ  ฉันเพิ่งจะมาถึงเมืองนี้เอง

    ยี่ฟงตอบไปตามมารยาท

    อ้อ!  ถ้าสนใจเมื่อไรมาติดต่อฉันได้นะ  ฉันชื่อฉี่ไกลพันลี้  แต่กลุ่มเพื่อนจะเรียกกันสั้น ๆ ว่า ชีกอ  ฮ่า ฮ่า ฮ่า

    ชายหนุ่มอารมณ์ดีแนะนำตัวเอง

    ชื่อนี้คิดนานไหมชีกอ

    ยี่ฟงถามกลับยิ้ม ๆ

    นายก็น่าจะรู้นี่  ชื่อที่คิดมาดี ๆ ดันมีคนตัดหน้าใช้ไปหมดแล้ว

    ฉี่ไกลพันลี้ตอบตามตรงพลางหัวเราะขำตัวเอง

    พินิจอีกฝ่ายแล้วยี่ฟงก็รู้สึกว่าชายคนนี้น่าจะมีอายุไล่เลี่ยกับเขา  จึงแนะนำตัวเองกลับไปบ้าง

    ฉันยี่ฟง

    ยินดีที่ได้รู้จักเพื่อน!

    ฉี่ไกลพันลี้ดูเป็นคนง่าย ๆ  ครู่เดียวก็มีท่าทางสนิทสนมอย่างออกนอกหน้า  แต่ยี่ฟงก็ไม่ได้เกลียดอะไรคนประเภทนี้

    พอแอดเฟรนด์ลิสกันไว้แล้วยี่ฟงก็เดินแยกไปยังอาคารนักผจญภัยประจำเมืองดาบมังกร  สภาพทุกอย่างไม่มีใดต่างจากที่เมืองจงหยางแม้แต่น้อย  ตั้งแต่ประตูทางเข้าตลอดจนการตกแต่งภายใน  ทว่าคนที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์บาร์กลับเป็นหญิงสาวรูปร่างเซ็กซี่  ไฟหน้าใหญ่โตแทบจะทิ่มตา  ใบหน้าเรียวผิวเข้ม  จะมีอย่างเดียวที่คล้ายกับตาลุงมู่เฟิงที่จงหยางก็แค่ดวงตาแข็งกล้าดุดันเท่านั้น

    เจ้าเพิ่งเดินทางมาจากจงหยางสินะ

    หญิงสาวกล่าวทักทายขึ้น

    ยี่ฟงเดินเข้าใกล้พลางพยักหน้าตอบรับก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ยกสูง

    คิดว่าจะเป็นตาลุงหน้าโหดเครายาวรุงรังคล้ายมู่เฟิงเสียอีก

    มู่เฟิง!?  โฮ่  บิดาข้าแนะนำตัวกับเจ้าด้วยหรือ

    หญิงสาวมีสีหน้าประหลาดใจ

    ใช่  ว่าแต่เจ้าเป็นลูกของตาลุงนั่นจริงหรือ  ดูไม่มีส่วนไหนคล้ายอ้อ ไม่สิ  ดวงตาของพวกเจ้าเหมือนกันมาก

    ยี่ฟงตอบและสบจ้องพินิจดวงตาของหญิงสาว

    นางเมินคำถามของยี่ฟงแต่เลือกจะกล่าวขึ้นแทนว่า

    เช่นนั้นเจ้าก็มีคุณสมบัติที่จะได้ครอบครองข้าภายใต้ฐานะสามีภรรยาแล้ว

    วอทดาฟัก…!?

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×