คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : เข้าใจผิด
ยี่ฟงมุ่ยหน้าไม่พอใจ เพราะหากเขาเริ่มต้นด้วยเลเวลหนึ่งล่ะก็คงได้ถูกอีกฝ่ายซัดกลิ้งไปกับพื้นอย่างไม่ต้องสงสัย
‘เราตอบสนองได้ไวขึ้นจริง ๆ แฮะ สมแล้วที่ทางเกมโฆษนาเกี่ยวกับระบบเพิ่มความถี่คลื่นสมองเอาไว้ขณะออนไลน์ รู้สึกตัวเองได้เป็นยอดฝีมือขึ้นมาจริง ๆ เลย สุดยอดโคตร’
ชายหนุ่มคิดในใจก่อนเพิ่งตระหนักว่าเหตุการณ์เมื่อครู่มีเหล่าเพลเยอร์ภายในอาคารเฝ้ามองอยู่ด้วย
‘ฉิบหาย! ดันแสดงอภินิหารออกไปซะได้ อ๊ากกก สภาพตรูถ้าบอกเป็นยาจกให้ร้อยคนฟังก็คงไม่มีใครปฏิเสธแน่ ๆ’
ยี่ฟงไม่อยากรั้งอยู่ที่นี่นานนักเนื่องจากอับอาย ในช่วงที่คนอื่น ๆ ยังตะลึงไม่หาย เขาจึงเร่งกล่าวกับตาลุงมู่เฟิงขึ้นว่า
“จัดภารกิจมาให้ฉันด่วนเลยลุง อะไรก็ได้!”
“นับถือ นับถือ
สมแล้วที่ท่านเป็นถึงยอดฝีมือ
ถ้าเช่นนั้น…”
ยี่ฟงกุมขมับก่อนจะทำได้เพียงแยกเขี้ยวใส่ตาลุงมู่เฟิง
“นี่ขอรับ!
ภารกิจของท่าน” มู่เฟิงกล่าวพร้อมหยิบยื่นม้วนกระดาษมาให้
แน่นอนว่าชายหนุ่มคว้ามันมาอย่างไม่ไตร่ตรองใด
ๆ ทั้งสิ้น ก่อนจะเร่งฝีเท้าเพื่อออกไปจากอาคารนักผจญภัยแทบจะทันที แต่ระหว่างก้าวไปได้ครึ่งทางเหล่าเพลเยอร์ก็เริ่มจะดึงสติกลับมากันได้แล้ว
“เขาเป็นยอดฝีมือ!?”
“ใช่เหรอ ดูชุดเขาสิวะ”
“ไอ้โง่ ยอดยุทธ์ขอทานไงเล่า!”
“ไม่เห็นมีไม้ตีหมาเลยวะ”
ความคิดเห็นจากชาวยุทธ์ถาโถมเข้าใส่ ยี่ฟงถึงกับใบหน้าแดงก่ำร้องตะโกนขึ้นว่า “ฉันไม่ใช่ขอทานโว้ย!!”
หลังจากประกาศเสียงดังลั่น ชายหนุ่มก็ออกตัววิ่ง ทว่าเพียงดีดเท้าครั้งเดียวร่างกลับทะยานไกลเทียบเท่าการเดินห้าก้าว!
พริบตาเขาก็พ้นออกไปด้านนอกได้สำเร็จ
ก่อนจะเนียนหายไปกับฝูงชน
“ว…วิชาตัวเบา!”
“ชัดเจนแล้ว
เขาคือยอดฝีมือ”
“ในเขตเมืองจงหยางเนี่ยนะ”
เมื่อหนีออกมาได้แล้วยี่ฟงจึงมุ่งหน้าไปยังทางออกของเมืองทันที ระหว่างทางเสื้อผ้าของเขาก็ได้รับการซ่อมแซมจนคืนสภาพดีดังเดิมในที่สุด ส่วนเรื่องวิชาตัวเบายี่ฟงทราบอยู่ก่อนแล้ว สำหรับเพลเยอร์ที่มีเลเวล 30 พวกเขาจะได้รับการปลดล็อควิชาตัวเบาขั้นพื้นฐาน ยิ่งถ้าใครได้เรียนรู้คัมภีร์วิชายุทธ์ในด้านนี้เพิ่มเติม ก็จะช่วยส่งเสริมความสามารถของวิชาตัวเบายิ่งขึ้นไปอีก
กระทั่งชายหนุ่มคลี่ม้วนภารกิจออกเพื่อตรวจสอบเป้าหมายของตัวเอง
“คำร้องขอจากหลันอี้ ใครวะ”
ยี่ฟงเบรกเท้าจนแทบหัวทิ่ม เนื่องจากเนื้อหาด้านในบอกให้เขาต้องไปพบกับหลันอี้เสียก่อน ภารกิจจึงจะสามารถดำเนินต่อไปได้
ใช่!
เนื้อหามันมีแค่นั้นจริง ๆ และไม่ได้ระบุข้อมูลที่อยู่ของหลันอี้มาให้แม้แต่ตัวอักษรเดียว
“เอาวะ อย่างน้อยก็จะได้ชมเมืองไปด้วย”
ยี่ฟงไม่พูดเปล่า แต่ออกเดินอีกครั้งตรงไปยังร้านขายน้ำยาเพิ่มเลือดเป็นที่แรก เป้าหมายคือการรวบรวมข้อมูล
“ป้า! รู้จักหลันอี้หรือเปล่า เขาอาศัยอยู่ตรงไหนในจงหยางกัน” ชายหนุ่มกล่าวถามเข้าเรื่องทันที
“หยาบคายเสียจริง! หลันอี้นางเป็นสตรีทั้งยังอาวุโสกว่าเจ้ามากมายนัก ไปซะ ข้าไม่บอกอะไรแก่เจ้าหรอก”
ยี่ฟงใบหน้าชาไปชั่วครู่ เป็นอีกครั้งที่เขาไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นได้…โดนเอไอขับไล่เนี่ยนะ!?
ชายหนุ่มไม่มีทางเลือกจึงเดินออกไปด้วยอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ ด้วยการเข้าไปถามเรื่องราวจากร้านอาหารที่ตั้งอยู่ข้างกันอย่างต่อเนื่อง
“เถ้าแก่ หลันอี้นางอาศัยอยู่ในจงหยางแห่งนี้หรือเปล่า” รอบนี้ยี่ฟงค่อนข้างระวังคำพูดของตัวเอง
“ใช่ ผู้อาวุโสปักหลักอยู่ที่จงหยางนี่เอง”
ยี่ฟงเผยยิ้มก่อนจะถามต่อว่า “งั้นนางอยู่ตรงไหนกัน”
“หุบปาก!” เถ้าแก่ร้านอาหารคำราม “ครั้งแรกข้ายังพอปล่อยผ่าน แต่ดูเหมือนเจ้าจะไม่รู้จักเคารพผู้อาวุโสแม้แต่น้อย ไสหัวไปซะ!”
ชายหนุ่มอ้าปากหวอ ได้แต่มองตามหลังของอีกฝ่ายที่เดินจากไปจนลับตา
‘นี่ฉันต้องสวมบทเนียนไปกับตัวละครเอไอในยุทธภพนี้ด้วยสินะ’ ยี่ฟงคิดในใจ
“ก็ได้วะ”
เมื่อตัดสินใจแล้วยี่ฟงจึงเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง รอบนี้เขาเลือกเดินไปยังร้านขายอาวุธที่ห่างออกไปหนึ่งช่วงตึก ภายในเต็มไปด้วยศัสตราหลายประเภท ยี่ฟงกวาดมองไปทั่วจนพบชายแก่ผู้หนึ่ง
“เถ้าแก่
รู้จักผู้อาวุโสนามว่าหลันอี้หรือไม่”
ชายหนุ่มเดินเข้าไปถาม เรียกสายตาของอีกฝ่ายให้สบจ้องมาได้ในที่สุด
“ผู้อาวุโสหลันอี้!?
แน่นอนข้ารู้จัก” ชายแก่ตอบเสียงเนิบ
“โอ้
ท่านช่างกว้างขวางนัก
หากไม่รบกวนจนเกินไปช่วยชี้ทางให้ข้าได้หรือไม่ว่าผู้อาวุโสหลันอี้อาศัยอยู่ที่ใด”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้าเองก็จะไปหานางอยู่พอดี จะไปด้วยกันก็ได้แต่รอข้าแปปหนึ่งแล้วกัน”
ชายแก่ตอบด้วยท่าทางขบขัน
ในขณะที่ยี่ฟงชะงักค้าง ดูเหมือนเขาจะเข้าใจบางอย่างผิดไป และไม่นานสิ่งที่ยี่ฟงคิดก็เกิดขึ้น
“ขออภัยที่ให้รอ นี่ขอรับรางวัลของท่าน”
ชายร่างท้วมวิ่งออกมาจากหลังร้านพร้อมยื่นกระบี่เล่มหนึ่งให้ชายแก่ตรงหน้าอย่างนอบน้อม
“ไม่เป็นไรเถ้าแก่ ข้าไม่เร่งรีบอยู่แล้ว”
เมื่อชายแก่รับกระบี่มาแล้วจึงค่อยหันมาสนใจยี่ฟงอีกครั้ง “ไอ้หนุ่ม เอ็งคงรับภารกิจของหลันอี้มาเหมือนกันสินะ”
ยี่ฟงรู้ตัวแล้วว่าอีกฝ่ายเป็นเพลเยอร์ไม่ใช่เอไอ แม้จะหน้าแตกและรู้สึกเขินแต่เขาก็ตีเนียนรักษาสีหน้าได้อย่างดีเยี่ยม
“ใช่แล้วลุง! แต่ในภารกิจไม่ได้ระบุอะไรไว้ให้เลยนอกจากต้องไปพบหลันอี้”
“อ้าว เอ็งไม่เรียกผู้อาวุโสหลันอี้แล้วหรือวะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
ชายแก่ถามจี้ด้วยน้ำเสียงล้อเลียนทั้งยังเงยหน้าหัวเราะลั่น
“โอ๊ย! พอแล้วลุง ถ้าไม่ใช่เถ้าแก่ร้านก็หัดบอกกันเร็ว ๆ
กว่านี้ไม่ได้เรอะ นี่ฉันโดนไล่ตะเพิดมาหลายที่แล้วเพราะไม่แสดงความเคารพต่อหลันอี้เนี่ย”
ชายแก่คล้ายกับเข้าใจในสิ่งที่ยี่ฟงอธิบาย แต่ก็อดที่จะขำออกมาไม่ได้
“เออ เออ แต่ถึงจะเห็นเด็กใหม่แบบเอ็งมาไม่รู้กี่ครั้งแล้วข้าก็ยังตลกทุกทีเลยว่ะ” ชายแก่เห็นสีหน้าบึ้งตึงของชายหนุ่มแล้วจึงยื่นฝ่ามือไปตบบ่า ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องด้วยการแนะนำตัวเองขึ้นว่า “ข้ามังกรเฒ่า เราเดินไปคุยไปก็แล้วกัน”
ชายหนุ่มพ่นลมหายใจก่อนจะตอบกลับไปว่า
“ฉันยี่ฟง
ลุงอย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใครให้ฉันต้องขายขี้หน้าไปมากกว่านี้ล่ะ”
มังกรเฒ่าพยักหน้ายิ้ม ๆ พลางลูบเครายาวของตัวเอง หลังจากนั้นคนทั้งสองจึงพากันเดินออกไปจากร้านขายอาวุธ แน่นอนว่ามังกรเฒ่าเป็นผู้นำทางได้อย่างชำนาญ พริบตาเขาก็พายี่ฟงเดินออกจากจัตุรัสของเมืองตรงไปยังเส้นทางโล่งเส้นหนึ่ง
“ว่าแต่เอ็งไปรับภารกิจจากมู่เฟิงมาได้ยังไงวะ” มังกรเฒ่าเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“โธ่!
ลุงกำลังดูถูกยอดฝีมืออย่างฉัน”
“สารรูปอย่างเอ็งเนี่ยนะเป็นยอดฝีมือ!? งั้นข้าก็เทพยุทธ์แล้วโว้ย”
มังกรเฒ่าเกทับด้วยสีหน้าขบขัน ไม่ว่าจะดูอย่างไรยี่ฟงก็ไม่ต่างจากเพลเยอร์หน้าใหม่ทั่วไปตรงไหน
“ไหนอาวุธของเอ็ง
เสื้อผ้าก็มือใหม่ชัด ๆ แต่เอาเถอะ ในเมื่อมู่เฟิงยอมรับก็แสดงว่าเอ็งพอจะมีดีอยู่บ้าง”
ได้ฟังคำจากชายแก่แล้ว ยี่ฟงแทบไม่อาจเถียงอะไรได้ ในตัวเขาตอนนี้นอกจากเสื้อผ้ากาก ๆ ของเพลเยอร์เริ่มต้นแล้วก็ไม่มีอะไรติดตัวอยู่เลย ด้วยเหตุนี้ช่วงแรกของเกมจึงเป็นความยากลำบากที่เหล่าเพลเยอร์หน้าใหม่ต้องดิ้นรนกันเอาเอง
แต่คงไม่สามารถนับรวมยี่ฟงเข้าไปด้วยได้อย่างชาวบ้านเขา
มังกรเฒ่าเดินนำออกมาไกลจากจัตุรัสของเมืองพอสมควร กระทั่งสายตาของคนทั้งสองมองเห็นบ้านหลังหนึ่งที่ตั้งอย่างโดดเด่นเป็นสง่าอยู่หลังเดียวในบริเวณนั้น รอบข้างปรากฏสวนดอกไม้หลากสีสันชวนผ่อนคลาย จุดหนึ่งมีบ่อปลาอยู่อีกด้วย
“ถึงแล้ว
หลันอี้นางอาศัยอยู่ที่นี่แหละ”
ฟังจากน้ำเสียงอีกฝ่าย ยี่ฟงก็พอจะทราบว่ามังกรเฒ่าคงแวะเวียนมาที่นี่อยู่บ่อยครั้ง
“ไม่ต้องมองข้ายังงั้น ความจริงแล้วข้าก็ช่วยรับภารกิจของนางมาทำอยู่บ่อย
ๆ เพียงแต่ครั้งนี้แตกต่างออกไป”
“ต่างยังไง” ยี่ฟงถาม
“ภารกิจส่วนใหญ่ของหลันอี้ไม่ยากอะไร รางวัลก็เลยต่ำไปด้วยจึงไม่ค่อยมีใครอยากจะทำกัน แต่มีภารกิจหนึ่งที่ค่อนข้างยากลำบากทีเดียว”
“ไอ้ม้วนกระดาษที่ระบุแค่ว่าให้มาพบหลันอี้สินะ” ยี่ฟงเอ่ยอย่างมั่นใจ
“ใช่ แรก
ๆ ก็มีคนสนใจอยู่หรอก
แต่พอรู้ว่ารางวัลที่ได้ไม่คุ้มค่ากับความลำบาก สุดท้ายภารกิจของนางก็เลยค้างคาอยู่แบบนี้มาหลายปีแล้ว”
ยี่ฟงขมวดคิ้วสงสัย แต่เหมือนว่ามังกรเฒ่าจะอ่านใจได้ถึงกล่าวขึ้นมาก่อนว่า
“ตามข้ามา เดี๋ยวนางจะเป็นผู้อธิบายรายละเอียดให้พวกเราฟังเอง”
ชายหนุ่มเพียงพยักหน้าตอบรับก่อนจะก้าวตามมังกรเฒ่าไป
“หลันอี้ ข้าเอง” ชายแก่กล่าวอย่างสนิทสนมเมื่อมายืนอยู่หน้าประตูบ้าน
“มังกรเฒ่ารึ ข้าอยู่ที่สวนหลังบ้าน”
เสียงของสตรีที่สมควรอยู่ในวัยเดียวกับชายแก่ข้าง ๆ ยี่ฟงดังขึ้น คนทั้งสองจึงมองหน้ากันครู่หนึ่งก่อนจะเป็นมังกรเฒ่าที่ก้าวนำออกไปอีกครั้ง ไม่นานพวกเขาก็อ้อมตัวบ้านจนมาถึงด้านหลังที่ประดับประดาไปด้วยดอกไม้
“นางคือหลันอี้!?”
ยี่ฟงอุทานออกมาเมื่อสายตาของเขาสะท้อนภาพของหญิงชราซึ่งนั่งอยู่บนวีลแชร์ เส้นผมยาวสีเทาของนางถูกรวบเอาไว้ ใบหน้าเหี่ยวย่นตามวัยกำลังแสดงออกถึงความประหลาดใจเมื่อพบเห็นชายหนุ่มแปลกหน้า
“ข้าพาไอ้หนุ่มนี่มาด้วย เพราะเห็นว่ามันรับภารกิจของเจ้ามาอย่างไรล่ะ” มังกรเฒ่าบอกกล่าว
หลันอี้เผยยิ้มอ่อนโยน จากสายตาของยี่ฟงแล้วแม้นางจะแก่ชราทว่ายังคงดูสง่างามได้อย่างน่าประหลาด
“ขอบใจมากนะจ๊ะ
เธอคงกำลังสงสัยเกี่ยวกับรายละเอียดของภารกิจอยู่สินะ”
เป็นอีกครั้งที่ยี่ฟงต้องอึ้ง เขารีบหันไปถามมังกรเฒ่าทันทีว่า “เธอไม่ใช่เอไอหรือ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า
อย่าเพิ่งตกใจไป จริง ๆ แล้วนางก็เป็นเอไอนั่นล่ะ แต่หลันอี้พิเศษกว่าตรงที่นางสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้”
คำตอบของมังกรเฒ่าเล่นเอายี่ฟงเบิ่งตากว้าง แสดงว่าการที่หลันอี้ใช้คำในการสนทนาเมื่อครู่นี้ได้อย่างกับเป็นคนจริง
ๆ ก็เพราะนางเรียนรู้มาจากเพลเยอร์งั้นหรือ!?
“ดูมันซับซ้อนเหลือเกินนะครับ เอาเป็นว่าขอข้ามเรื่องนี้ไปแล้วกัน เรามาว่ากันเรื่องภารกิจดีกว่า”
ยี่ฟงกล่าวด้วยรอยยิ้มแห้ง กระทั่งเขาถูกหัวเราะจากคนแก่ทั้งสอง
“ถ้าเช่นนั้นเชิญนั่งก่อนเถิด รายละเอียดภารกิจมันค่อนข้างจะหนักหนาพอสมควร”
หลันอี้เอ่ยพร้อมผายมือเชื้อเชิญคนทั้งสองไปยังเก้าอี้ไม้ด้านหนึ่งด้วยรอยยิ้ม
ความคิดเห็น