ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทะลุฟ้า ป่วนยุทธภพ (สถานะ จบไตรภาคแรก)

    ลำดับตอนที่ #31 : ชิงเคลื่อนไหว

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 24.16K
      1.19K
      3 ม.ค. 61

    ก่อนหน้านี้หลายชั่วโมง

    ค่ำคืนที่สงบเงียบจำเจถูกทำลายลงด้วยเสียงประกาศของระบบ               พอดีกับที่เพลเยอร์ส่วนหนึ่งมากองอยู่ระหว่างเขตจงหยางและเมืองดาบมังกร  เมื่อพบเป้าหมายใหม่ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลทั้งยังเป็นที่ชัดเจนกว่าเพราะระบบเกมไม่มีทางหลอกลวง             พวกเขาจึงตาลีตาเหลือกพากันเปลี่ยนทิศทางหวังจะเป็นกลุ่มแรกที่ไปถึงดันเจี้ยนใหม่เพื่อกอบโกยผลประโยชน์ให้ได้มากเข้าไว้

    เป็นเรื่องที่เกมเมอร์ทุกคนทราบดี              สถานที่ซึ่งยังไม่มีใครบุกเบิกย่อมเปี่ยมล้นไปด้วยทรัพยากรล้ำค่ายากประเมินราคา

    แม้ท้องฟ้าจะมืดเข้าสู่ช่วงเวลาพักผ่อนแล้วก็ตาม     แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับเพลเยอร์สายฮาร์ดคอร์ทั้งหลาย  ในความคิดของพวกเขาขณะนี้แค่ให้บรรลุถึงเป้าหมายและได้ทดสอบระดับความโหดภายในพื้นที่ใหม่ก่อนใครก็พึงพอใจกันแล้ว   หากโชคดีไม่เกินความสามารถก็จะมีโอกาสได้รับผลประโยชน์มากกว่าอีกด้วย  ทว่าเมื่อพวกเขาย้อนกลับไปเริ่มต้นที่เมืองดาบมังกรกลับต้องพบเจอเจ้าถิ่นขัดขวางไว้ไม่ให้ไปต่อ

    มาขวางทำไมวะ

    ข้าจำเอ็งได้!  หนวดพยัคฆ์ประมุขพรรคประตูนรก

    เธอคนนั้นเองก็เป็นถึงประมุขพรรคเหมือนกันนี่  จางเหมยแห่งพรรควิถีเซียนกระบี่

    ส่วนชายสองคนนั้นก็ไม่ต่างกัน  อินทรีเหินและศัสตราเทพ  พวกนายมีปัญหาอะไรถึงได้ยกพลมาขวางเส้นทางไว้เช่นนี้!?

    ชาวยุทธ์มากมายตะโกนถามอย่างไม่พอใจ หนวดพยัคฆ์จึงยกฝ่ามือห้ามปรามแต่เนิ่น ๆ เพื่อไม่ให้สถานการณ์ย่ำแย่ลงไปกว่านี้  และท่าทางชายหนุ่มคล้ายมีบางสิ่งจะบอกกล่าว  ชาวยุทธ์ทั้งหลายจึงหุบปากรอฟังคำชี้แจงอย่างอดทน  ตอนนี้ทุกฝ่ายต่างก็ไม่อยากปะทะกันเองให้ต้องเจ็บตัวเสียเปล่า

    ฉันอยากจะขอความร่วมมือจากทุกคน  ช่วยรับฟังข้อเสนอของพวกเราก่อน

    หนวดพยัคฆ์เกริ่นนำ

    ไม่จำเป็นต้องมากพิธี  มีอะไรก็รีบว่ามาสิโว้ย!

    ชาวยุทธ์คนหนึ่งตะโกนสวน  คนอื่น ๆ เองก็เห็นชอบด้วย

    เอาล่ะ เอาล่ะ  ฉันเข้าใจแล้ว

    หนวดพยัคฆ์ที่เป็นตัวแทนยิ้มแห้งก่อนจะรีบกล่าวต่อว่า

    ทุกคนต่างก็มีเป้าหมายเดียวกันถูกต้องไหม     ถ้าแบบนั้นทำไมพวกเราไม่จับมือเป็นพันธมิตรชั่วคราวล่ะ  การแตกแยกตัวใครตัวมันย่อมไม่เป็นผลดี  สุดท้ายก็จะถูกไอ้พวกกิลด์ใหญ่กอบโกยไปฝ่ายเดียวอย่างทุกทีอีกงั้นหรือ!?

    หนวดพยัคฆ์เป็นคนเก่ง  พอเริ่มสังเกตเห็นชาวยุทธ์มีสีหน้าคล้อยตามจึงรีบกล่าวชักนำทันที  หากพวกเราร่วมมือกัน  การจะฝ่าเข้าไปยังตัวมหานครฉางอานก่อนที่ไอ้พวกกิลด์ใหญ่จะมาถึงย่อมมีความเป็นไปได้สูง     เมื่อสำเร็จแล้วพวกเราจะแยกย้ายทางใครทางมันก็ไม่นับว่าเสียหายอะไร  หรือจะรอให้สายไปแล้วได้แต่เก็บเกี่ยวของเหลือที่ไอ้พวกกิลด์ใหญ่มันไม่เอาล่ะ  พวกนายลองคิดและตัดสินใจกันดู

    กล่าวมาถึงตรงนี้  จางเหมยที่หุบปากเงียบมาตลอดพลันก้าวขึ้นหน้าตะโกนหนุนเสริมอีกแรงว่า

    ใครไม่พอใจหรืออยากจะแยกไปเป็นกลุ่มของตัวเองก็จงไสหัวไปซะเดี๋ยวนี้!

    คนของพรรคประตูนรกและพรรควิถีเซียนกระบี่ต่างพากันแยกออกเป็นสองฝั่ง      เปิดทางให้เหล่าคนที่ไม่เห็นดีด้วยได้แยกไป  ซึ่งก็เป็นส่วนน้อยเท่านั้นที่ขอเลือกทางลำบากไปกับกลุ่มเล็ก ๆ ของพวกเขาเอง     ส่วนกลุ่มใหญ่ก็ได้หนวดพยัคฆ์ จางเหมย อินทรีเหิน และศัสตราเทพเป็นผู้นำชั่วคราว

    ด้วยจำนวนคนมากขนาดนี้พวกเราจะไปถึงเป้าหมายก่อนแน่ ๆ

    หนวดพยัคฆ์เอ่ยอย่างมั่นใจ

    ถ้างั้นก็ออกเดินทางกันเลยเถอะ!

    จางเหมยกล่าวพร้อมให้สัญญาณสมาชิกในกิลด์ตัวเอง

    คนทั้งหมดเคลื่อนพลตรงไปยังประตูเมืองทิศตะวันตก  ก่อนจะก้าวออกไปพวกเขาก็ถูกสั่งให้จัดขบวนตามแผนจนคล้ายรูปสี่เหลี่ยม  แน่นอนว่ากลุ่มที่มาด้วยกันจะต้องรับโซโล่เพลเยอร์ประมาณสามหรือสี่คนเข้าไปด้วยเพื่อจะได้ไม่ต้องกระจายคำสั่งหลายครั้งให้เสียเวลา    แม้จะวุ่นวายอยู่บ้างในช่วงแรกแต่เพลเยอร์ในเกมนี้ล้วนโต ๆ กันแล้วจึงจัดการทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางได้โดยใช้เวลาไม่นานนัก

    เนื่องจากเป็นช่วงกลางคืน  มอนสเตอร์ประเภทนักล่าจึงค่อนข้างเป็นอุปสรรค             แต่ด้วยขบวนทัพที่เอื้อต่อสมาชิกทุกคนทำให้การรับมือง่ายขึ้นอย่างมาก     ขอเพียงพวกเขาไม่แตกแถวและคอยรับมือกับมอนสเตอร์เฉพาะในตำแหน่งของตัวเองไปเรื่อย ๆ  การเดินทางสู่มหานครฉางอานก็จะอยู่ใกล้แค่เอื้อม

    แม้จะมีหลายคนไม่เห็นด้วยที่ผู้นำกลุ่มอาศัยเนียนอยู่ใจกลางขบวน      แต่เมื่อผลลัพธ์ออกมาดีกว่าที่คิดและได้เห็นหน้าที่ของผู้นำทั้งสี่ซึ่งต้องคอยสั่งการอยู่ตลอดเวลาแล้วจึงไม่มีใครรู้สึกขัดใจอีก

    ความจริงหนวดพยัคฆ์กับจางเหมยทราบถึงการมีอยู่ของเมืองโบราณมาก่อนหน้านี้สักพักแล้ว    เพียงแต่คนทั้งสองยังไม่มีโอกาสลงมือ  เมื่อแผนที่วางไว้ผิดพลาดเพราะมีไอ้เวรตัวไหนไม่รู้ชุบมือเปิบไป      พวกเขาจึงรู้สึกเสียหน้าอยู่บ้าง       แต่มาถึงขั้นนี้หนวดพยัคฆ์กับจางเหมยก็ไม่มีทางเลือกนอกจากตัดสินใจพึ่งพาเพลเยอร์จำนวนมากโดยมีเป้าหมายอยู่ที่การบรรลุถึงเมืองโบราณให้รวดเร็วที่สุดภายใต้เวลาอันจำกัด   เพราะหากช้าไปกว่านี้เกรงว่ากิลด์ใหญ่คงมากวาดทรัพยากรจนเหี้ยนไปเสียก่อนเป็นแน่

    จวบกระทั่งเกือบเที่ยงคืน

    ขบวนทัพพันธมิตรชั่วคราวก็เดินทางเข้าสู่อาณาเขตชั้นนอกของมหานครฉางอานได้ในที่สุด    สิ่งแรกที่พวกเขาสัมผัสได้ก็คือบรรยากาศเย็นยะเยือกวังเวง  ยังมีเสียงคำรามชวนสยองดังมาให้ได้ยินจากทุกทิศทาง   เส้นทางสัญจรหลักที่ยี่ฟงเคยใช้ผ่านตรงสู่ตัวเมืองง่าย ๆ บัดนี้ปรากฏกลไกกำแพงสูงโผล่ขึ้นมากั้นขวางไว้     ต้นไม้บางส่วนหักโค่นทับถมกันมั่วไปหมด  ยิ่งเป็นอุปสรรคในการเลือกเส้นทางไปต่อและยังทำให้ยากจะคาดเดาว่ามอนสเตอร์จะจู่โจมมาจากทางไหนบ้าง  หรือบางทีหลังจากนี้พวกเขาอาจจะหัวร้อนเพราะเจอทางตันได้เลยด้วยซ้ำ

    แยกออกเป็นกลุ่มย่อยเล็ก ๆ และตั้งขบวนเป็นวงกลมไว้ กลุ่มไหนถูกโจมตีให้กลุ่มที่อยู่ใกล้คอยสนับสนุนด้วย

    หนวดพยัคฆ์เอ่ยปากสั่งการ

    จากนั้นไม่นานขบวนทัพพันธมิตรก็ออกเดินทางต่อ    การแยกเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ทำให้การเดินหน้าเข้าไปในป่าที่มีพื้นที่ค่อนข้างจำกัดสะดวกขึ้น

    ครึ่งชั่วโมงต่อมา

    เฮ้ย!  หัวคน

    กรี๊ด!  ที่นี่มันสุสานงั้นหรือ

    เหล่าหนุ่มสาวพากันหัวใจเต้นถี่รัว  พวกเขาเผชิญหน้ากับสุสานที่มีการเสียบศีรษะประจานทั้งยังสังเกตเห็นพื้นดินยุบตัวเป็นหลุมนับไม่ถ้วนคล้ายเป็นการบอกใบ้ให้ทราบว่าพวกเขาจะต้องปะทะกับอะไร

    จะวี้ดว้ายกันทำไมวะ  อยู่กันตั้งเยอะขนาดนี้

    นั่นสิ  ต่อให้ต้องสู้กับผีดิบหรือซอมบี้ก็ไม่เห็นเป็นอะไร  ฉันว่าไอ้พวกมนุษย์หินยังน่ากลัวกว่าอีก

    แน่นอนว่ามีคนกลัวก็ต้องมีคนที่ขวัญกล้าไม่กลัวอะไรเช่นกัน        แต่ความสงบคงอยู่ได้ไม่นานนักก็บังเกิดเสียงฝีเท้าไล่กวดใกล้เข้ามาพร้อมเสียงคำรามโหยหวนราวภูตผีปีศาจ    เพลเยอร์ส่วนหนึ่งขวัญกระเจิงไปก่อนแล้วทั้งที่ยังไม่เห็นเงาของตัวอะไรเลย      กระทั่งห่างออกไปสิบเมตรท่ามกลางความมืดยามราตรีพลันปรากฏดวงตาคู่แดงเถือก  เมื่อแสงจันทร์อาบไล้ช่วยแสดงตัวตนศัตรูทำให้เหล่าเพลเยอร์พากันหน้าซีด      กลุ่มชายหญิงบางส่วนถึงกับเผลอตัวอุทานถ้อยคำสบถอย่างแตกตื่นตระหนก

    ผีลืมหลุม เลเวล 35 โจมตี

    เสียงระบบแจ้งถี่รัวยากจะนับคำนวณ

    เหล่าผีลืมหลุมแท้จริงคือประชาชนแห่งฉางอาน  ณ เวลานี้กลับกลายเป็นผีตายซากเปื่อยยุ่ย    เสื้อผ้าที่สวมอยู่เก่าทึบและปรากฏร่องรอยคมอาวุธสังหาร  สิ่งที่ขับเคลื่อนพวกมันก็คือความคั่งแค้น     ไม่ว่าอะไรที่ล่วงล้ำอาณาเขตเข้ามาในช่วงกลางคืนพวกมันจะทราบถึงตำแหน่งของสิ่งนั้นได้ในทันที

    ซึ่งนั่นนับเป็นหายนะของเพลเยอร์

    ผีลืมหลุมนับร้อยตัวในอาณาเขตชั้นนอกจะยกทัพเข้าโจมตีอย่างพร้อมเพรียง!   และแน่นอนว่าพวกมันทั้งหมดมีความสามารถเดียวกันกับทหารองครักษ์แห่งฉางอาน       เพลเยอร์คนไหนที่เลเวลต่ำกว่า 35 จะถูกบดขยี้ด้วยพลังกายล้วน ๆ ในพริบตาเดียวหากพวกเขาเผลอเข้ารับการปะทะตรง ๆ

    นี่มันบ้าไปแล้ว!!

    พวกมันแห่กันเข้ามาไม่หยุดเลย!

    การปะทะแรกเริ่มขึ้น  เหล่าเพลเยอร์ที่เลเวลต่ำกว่า 35 ล้วนถูกบดขยี้จนกระดูกหัก       ร่างปลิวกระเด็นจนเสียขบวน  เสียงร้องเจ็บปวดดังวุ่นวายไปทั่วบริเวณ       ขณะเดียวกันระบบก็ยังคงแจ้งสถานะของมอนสเตอร์ที่เข้าโจมตีกระหน่ำราวกับห่าฝน

    หากพวกเขาทราบเสียก่อนว่าการบุกรุกเข้ามาในยามวิกาลจะเกิดอะไรขึ้นบ้างก็คงไม่ต้องพบกับการสูญเสียเช่นนี้

    ถอย!  ถอย!

    หนวดพยัคฆ์ตะโกนสั่งการสุดเสียง

    แบบนี้ใครจะฝ่าเข้าไปได้กันวะ!

    ฉันจะไปร้องเรียนเอาเรื่องกับจีเอ็มแน่!

    ดันเจี้ยนใหม่มันบั๊กหรือเปล่าเนี่ย  เวรเอ๊ย!

    ขบวนทัพพันธมิตรตะเกียกตะกายหลบหนีออกจากอาณาเขตชั้นนอกของมหานครฉางอานอย่างหมดท่า  เสียงโอดโอยคร่ำครวญไม่ยอมรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังไปทั่วทุกมุม  พริบตาพวกเขาก็สูญเสียไปนับร้อย ยังมีเพลเยอร์ที่ติดอยู่ข้างในอีกครึ่งร้อยด้วยซ้ำไป  เหล่าผู้นำทั้งสี่กลับกลายเป็นใบ้ พวกเขาไม่ทราบจะเอ่ยวาจาอย่างไรดีในเวลานี้

     

    เช้าวันใหม่ภายใต้ดันเจี้ยนลับใต้ดินของมหานครฉางอาน

    ยี่ฟงกว่าจะรู้สึกตัวก็ล่วงเลยเข้าไปเก้าโมงกว่าแล้ว  เขาลุกขึ้นนั่งกินอาหารเช้าเป็นลำดับแรก     หลังนอนพักจนเต็มอิ่มชายหนุ่มจึงรู้สึกสดชื่นกว่าเมื่อคืนมากนัก        เมื่อจัดการกับกิจวัตรประจำวันในทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมาภายในเกมเรียบร้อยแล้วยี่ฟงก็เริ่มต้นปลุกทหารองครักษ์ขึ้นมาบ้างเพื่อทำการฟาร์มเลเวลต่อเนื่อง

    ดูเหมือนเมื่อเวลาผ่านไปมอนสเตอร์พวกนี้จะพากันมาเกิดใหม่ในโลงศพเช่นเดิม    ยี่ฟงจึงไม่ต้องถลำลึกเข้าไปเสี่ยงอันตรายแต่อย่างใด

    ชีวิตวนลูปของยี่ฟงดำเนินต่อไปเช่นนี้โดยที่ไม่มีทางทราบได้เลยว่าเบื้องบนเกิดอะไรวุ่นวายขึ้นบ้าง

    สี่วันต่อมา

    เพลเยอร์ยี่ฟงสำเร็จในการเลื่อนเลเวลขึ้นเป็น 39

    เพลเยอร์ยี่ฟงรวบรวมชิ้นส่วนย่อยคัมภีร์ร่างอมตะครบ 50/50 ส่วนแล้ว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×