ตอนนี้ฉันอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ฉันไม่ได้ป่วยหรืออะไรนะ ฉันเป็นนางพยาบาล ฉันรู้สึกทุกข์ทรมานมากเมื่อจะต้องคอยดูแลคนไข้ เช็ดอ้วก เข็นรถ และปั้นหน้ายิ้มแย้มอย่างเสแสร้ง ที่ฉันเกลียดที่สุดคือการเป็นเบ๊ให้หมอหน้าโง่นั่นอีก วันนี้ จะเป็นวันสุดท้ายที่ฉันจะเจอหมอคนนั้น เพราะวันนี้ ฉันจะหนี! หนีออกจากโรงพยาบาลที่เหมือนกับคุก เพราะพนักงานทุกคนห้ามออกจากโรงพยาบาลแห่งนี้
ฉันกำลังนั่งขัดส้วมข้างๆกับคุณหมอที่จู้จี้ขี้บ่น คอยจับผิดฉันทุกฝีก้าว
“ฉันขอตัวไปหยิบผ้าขี้ริ้วนะคะ”ฉันกล่าว ก่อนจะเดินไปที่บานหน้าต่าง แล้วก็โดด!! ไม่มีโอกาสไหนที่ดีกว่านี้อีกแล้วที่ฉันจะได้ออจจากหน้าต่างซึงมีเพียง10บานในโรงพยาบาล และประตูบานเดียวซึ่งมียามเฝ้าอย่างแน่นหนา
ฉันลอยละล่องไปลงที่พื้นหลังโรงพยาบาลอย่างสวยงาม
‘ที่นี่ที่ไหน’คำถามก้องในใจฉันเมื่อรอบข้างแตกต่างจากเมื่อ20ปีที่แล้วที่ฉันก้าวเข้ามาที่นี่ ฉันมองกลับไปที่โรงพยาบาลแต่กลับเห็นเป็นเพียงตึกร้าง รอบข้างข้องฉันมีเถาองุ่นหน้าตาแปลกประหลาดเต็มไปหมด ฉันหยิบองุ่นมาหนึ่งเม็ด นึกสงสัยว่าเหตุใดมันถึงต่างกับองุ่นที่ฉันเคยเห็นเป็นประจำในของเยี่ยมคนไข้
“มันเป็นองุ่นย้อนเวลาน่ะ ถ้าเจ้ากินเข้าไป หนึ่งเม็ด จะเท่ากับย้อนเวลไปหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้”เด็กสาวเส้นผมสีดำสวยโผล่ออกมาจากด้านหลังของฉัน
“ข..ขอบคุณค่ะ คุณชื่อ...?”
“ข้าชื่อแอนนา”ฉันพยักหน้าเข้าใจก่อนจะยัดองุ่นทั้งพวกเข้าปากเพื่อย้อนเวลาไปตอนที่คุณหมอ ยังไม่รู้ว่าฉันหนีออกมา
“เธอพอจะรู้ทางกลับไปที่ กรุงเทพ บ้านของฉันรึเปล่า”ฉันกล่าวขอความช่วยเหลือ
“กรุงเทพ? อันนี้ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันนะ ไม่คุ้นชื่อเลย”เด็กสาวกล่าว
ทันใดนั้น ท้องฟ้าก็มืดครึ้มขึ้น เถาองุ่นต้นหนึ่งลุกขึ้นมา มันกลายร่างเป็นป้าแก่ๆตัวใหญ่ยักษ์คนหนึ่ง ผมของเธอเป็นสีม่วงแซมหงอก ขาของเธอนั้นเป็นเถาไม้สีทึบน่ากลัว แขนทั้งสองข้างของเธอเป็นไม้เบสบอล!! ฉันตกใจกลัวหันไปหาแอนนาแต่เธอกลับหายไปแล้ว ฉันยืนตั่วสั่นด้วยความกลัว เถาองุ่นต้นอื่นเริ่มลุกขึ้นมาเรื่อยๆ แล้วร่วมใจกันยิ่งองุ่นลูกยักษ์ฉันราวกับฉันเป็นโกลด์ ฉันใช้เทคนิคส่วนตัวรับลูกองุ่นได้ทุกลูก
เวลาผ่านไปเรื่อยๆจนฉันเริ่มล้า ความหวังของฉันเริ่มทอแสงเมื่อองุ่นในมือของป้าเถาองุ่นเหลือเพียงลูกเดียวแต่ทว่า
‘แผละ’
ฉันรับลูกองุ่นลูกนั้นไม่ได้ มันหล่นลงไปที่พื้น เถาองุ่นทั้งหลายเดินย่างสามขุมมาหาฉัน ฉันเหงื่อแตกพลั่ก ก่อนจะทำใจดีสู้เสือ กล่าวไป
“เอ่อ... คุณคะ คุณพอจะรู้ทางกลับไปกรุงเทพรึเปล่าคะ”
“อ้าว นี่ไม่ใช่แอนนาหรอกเหรอ”ป้าเถาองุ่นทั้งหลายกลับเป็นเถาองุ่นตามเดิม เหลือเพียงป้าคนหนึ่ง
“ป้า หนูอยู่นี่”แอนนาวิ่งมาจากข้างหลังฉัน อาจเป็นเพราะฉันผมสีดำเหมือนกันคุณป้าเถาองุ่นจึงจำผิด
“งั้นก็ขอโทษด้วยนะจ้ะ เล่นเบสองุ่นเพลินไปหน่อย ป้าชื่อเรล่าจ้ะ เมื่อกี้หนูถามทางไปกรุงเทพงั้นหรือ?กรุงเทพนั้นน่ะนะ อยู่อีกมิติหนึ่ง ต้องนั่งพรมเดินทางไปนะ แต่พรมเดินทางจะทำงานได้ก็ต่อเมื่อคืนพระจันทร์เต็มดวง ระหว่างนั้นหนูอยู่กับป้าก่อนนะ หนูจะได้กลับบ้านของหนูแน่นอน”
“ค่ะ ขอบพระคุณมากเลยนะคะ”
ระหว่างรอตืนพระจันทร์เต็มดวง ฉันก็เที่ยวเล่นกับชาวเมืออย่างสนุกสนาน ราวกับได้เติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปในคราอยู่โรงพยาบาล ฉันรู้สึกอยากอยู่ที่นี่ตลอดไป แต่ไม่ได้ ฉันต้องกลับบ้าน
และวันพระจันทร์เต็มดวงอันรอคอยก็มาถึงคุณป้าเรล่าบอกให้ฉันไปยืนบนแท่นกับคนอีกสองคน ซึ่งป้าเรล่าบอกว่าสองคนนั้นจะไปเป็นเพื่อนกับฉันด้วย
ฉันขึ้นไปยืนบนแท่นก่อนที่มันกลายเป็นพรมผืนใหญ่ แล้วลอยขึ้นไปบนฟากฟ้า
“คุณป้าเรล่าคะ! หนูลืมถามไปว่า เมืองนี้ชื่ออะไรเหรอคะ!”ฉันถามขณะที่พรมกำลังลอยขึ้นอย่างช้าๆ
“จุลาล์น อาณาจักรจุลาล์นจ้ะ!”คุณป้าเถาองุ่นร้องกลับไป แอนนาวิ่งออกจากบ้านมาโบกมือให้ฉัน
“ค่ะ หนูจะจำอาณาจักรจุลาล์น ป้าเรล่า และแอนนาตลอดไปค่ะ!!!”ฉันร้องเสียงดังขึ้นเมื่อพรมทะยานแล่นไปอย่างรวดเร็วและห่างไกลป้าเรล่ามากแล้ว
พรมลอยละล่องไปตามแรงลม วิวทิวทัศน์สวยงามที่ฉันไม่ได้เห็นมา20ปีปรากฏต่อสายตาฉัน
“ใกล้จะถึงประตูมิติแล้วนะ กลั้นใจไว้ดีๆ แล้วเจ้าจะได้กลับบ้านเกิดของเจ้า”หนึ่งในสองคนที่มาพร้อมกับฉันกล่าวขึ้น ฉันจึงพยักหน้ารับ
“ข้ากับมุตซาพอไปถึงมิตินั่นร่างของพวกข้าจะเปลี่ยนไปนะ เมื่อไปถึงมิตินั้น ให้เจ้ารีบใช้มีดเล่มนี้ทำลายร่างของพวกข้า แล้ววิญญาณของข้าจะได้กลับไปที่จุลาล์น”อีกคนที่มาด้วยกล่าว
‘ฟาบ!’ร่างของฉันกับอีกสองคนทะยานผ่านมิติอย่างรวดเร็ว แล้วภาพที่ปรากฏต่อสายตาฉันคือกรุงเทพ! ที่ที่ฉันรอคอยที่จะกลับมากว่า20ปี
/////////ตื่น!! ตื่นได้แล้ว!!!//////////
เสียงเรียกดังขึ้นในโสตประสาทของฉัน นี่ฉันฝันอยู่หรอกเหรอ? นี่อาณาจักรจุลาล์นที่ฉันอุตส่าห์จำไปเป็นความฝันงั้นหรอกเหรอ!!
“อือ... ตื่นแล้ว แม่ไปอาบน้ำก่อนนะ”ฉันกล่าวอย่างงัวเงีย ก่อนะจะกลับไปฝันต่ออย่างไม่น่าเชื่อ
ใช่ ตอนนี้ฉันอยู่บนพรม ฉันหันกลับไปหาเพื่อนทั้งสองที่มาด้วยกัน แต่ทั้งสองกลับหายไปแล้ว เหลือเพียงตุ๊กตาหมีตัวหนึ่ง
“ข้ากับมุตซาพอไปถึงมิตินั่นร่างของพวกข้าจะเปลี่ยนไปนะ เมื่อไปถึงมิตินั้น ให้เจ้ารีบใช้มีดเล่มนี้ทำลายร่างของพวกข้า แล้ววิญญาณของข้าจะได้กลับไปที่จุลาล์น”
ใช่แล้ว ฉันจำได้ ฟีกัสกล่าวอย่างนั้น
“มุตซา! ฟีกัส! ได้ยิ่นฉันรึเปล่า!”ฉันเขย่าตุ๊กตาหมีตัวนั้นสุดแรง
“โอยๆ ได้ยินๆ ใจเย็นๆ อย่าเขย่าพวกฉันแรงขนาดนั้น...”ฉันจำเสียงได้ เป็นเสียงของมุตซา ฉันยิ้มอย่างปลื้มปิติ
“ตอนนี้ รีบนำมีดแทงพวกเข้าเร็วก่อนที่พวกข้าจะไม่ได้กลับจุลาล์น”เสียงของฟีกัสดูเหนื่อยอ่อน ลมหายใจแผ่วเบา ราวกับใกล้หมดลมหายใจ ฉันจึงกลั้นใจรีบแทงตุ๊กตาหมีตัวนั้นโดยเร็ว จั้งแต่ซอกคอด้านซ้ายจนทะลุถึงขาด้านขวา
“มุตซา...ฟีกัส... ข้าจะไม่ลืมเจ้า”
แล้วทุกอย่างก็จางหายไป
“ตื่นได้แล้ว!!!! ตื่นสิ!!!!!”ฉันลืมตาตื่นขึ้นมามองห้องนอนของฉันอย่างเคยชิน ก่อนจะสะดุ้งกับน้ำเสียงหวีดร้องของแม่ ฉันจึงรีบอาบน้ำและไปโรงเรียนโดยเร็ว
ฉันรู้แล้วล่ะว่ามันเป็นความฝัน แต่ยังไงฉันก็กล่าวไปแล้วว่าจะไม่ลืม ฉันก็จะจดจำไปถึงที่สุด ลาก่อน จุลาล์น
ฝันเมื่อคืนวันที่29สิงหาคม2550
บันทึกไว้เพื่อจดจำ...
จะมีใครเคยฝันแนวเดียวกับฉันรึเปล่าเนี่ย...
Sheepy-bell
เป็นเรื่องที่แปลกๆดีมั้ยเจ้าคะ ตอนที่ข้าน้อยตื่นขึ้นมา ก็จำได้แต่ชื่อคุณป้าเรล่า แอนนา แต่มุตซานั้นข้าน้อยจำไม่ได้ เป็นมุๆอะไรซักอย่าง อาณาจักรจุลาล์นข้าน้อยจำขึ้นใจ แต่ข้าน้อยได้ยินเพียงคำว่า อาณาจักรจุลาๆๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าสะกดอย่างไร ส่วนฟีกัสนั้น ในฝันข้าน้อยจำได้ว่า ชื่อ มักนีฟีกัส ไม่ทราบว่าเกี่ยวข้องอะไรกับนักบุญหรืออะไรสักอย่างกับศาสนาคริสต์ จึงตั้งเป็นฟีกัสแทน
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ข้าน้อยฝันจริง จริงๆก็แทบไม่ได้ใส่สีใส่ไข่อะไรเลย แต่เพียงปะติปะต่อเรื่องในตอนที่คุณป้าเรล่ากับแอนนาเล่นเบสองุ่น ที่เหลือ ฝันทั้งหมด
จบการเล่าของเด็กช่างฝันคนหนึ่งค่ะ
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น