ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fanfic knb by shiko

    ลำดับตอนที่ #111 : [AkaFuri] piece

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.35K
      58
      7 ส.ค. 58

    Title : piece

    Fandom : Kuroko no Basket

    Paring : Akashi x Furihata

    Notes : s // มาแล้วจ้า อันดับหนึ่งของการโหวดในครั้งนี้ได้แก่...อาคาชิ เซย์จูโร่นั้นเองจ้า!!!

    อาคาชิ // หึ...ในที่สุดฉันก็ได้อันดับหนึ่งมาครอบครอง

    S // ...ที่พูดเนี่ย...เหมือนกับว่ายังเจ็บใจที่คราวก่อนคาซามัตสึเอาอันดับหนึ่งจากนายไปสินะ?

    อาคาชิ // แน่นอน

    S // ตอบตรงจริงนะนาย แต่เอาเถอะ...ตอนนี้เราว่านายรีบๆ ลงไปแสดงได้แล้ว เดี๋ยวฟุริรอนานนะ

    อาคาชิ // อื้ม #เดินลงฟิคด้วยมาดราชา

    ................................................................

    piece

     

    ...ตัวของผมนั้นไม่ว่าอะไรก็ตาม...

    ...ถ้าต้องการก็ต้องทำให้สำเร็จ...

    ...ไม่ว่าจะทำไง ใช้วิธีการยังไง...

    ...หรือว่าต้องใช้ใครก็ตาม...

    ...ทุกอย่างล้วนเป็นดั่ง 'ตัวหมาก' สำหรับผม...

    ...แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อ...

    ...ผมนั้นได้หลงรัก 'หมาก' ตัวหนึ่งเข้า...

    ...แถมเป็นรักแบบถอนตัวไม่ขึ้นอีก...

     

     

     

     

     

    "เซย์จางงงงงง" เสียงเรียกยาวๆ ดังขึ้นมาทำให้คนที่ถูกเรียกต้องหันกลับไปมองยังตัวคนเรียก "โค้ชเรียกจ้า~~"

    "อื้ม เข้าใจแล้ว" เด็กหนุ่มผมแดงตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย "แล้วรีบไปซ้อมด้วยล่ะ เรโอะ...อย่าอู้"

    "งั้นฉันไปซ้อมก่อนนะ...อีกอย่างฉันไม่ใช่เอย์คิจินะถึงจะได้อู้น่ะ" พอทำหน้าที่ของตนเสร็จก็โบกมือลาคนเป็นกัปตันทีมตนก่อนที่จะรีบไปซ้อมตามปกติ

    เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไปซ้อมแล้วเจ้าตัวก็เดินไปหาผู้เป็นโค้ชของตนตามที่ถูกเรียกไป

    "มีอะไรหรือครับโค้ช?" อาคาชิ เซย์จูโร่กัปตันทีมคนปัจจุบันของราคุซันเอ่ยถามคนอายุมากกว่าตรงหน้า

    "จะคุยเรื่องการแข่งในปีนี้หน่อยน่ะ..." โค้ชของราคุซันเอ่ยนำก่อนที่จะร่ายคำพูดออกมายาวเฟือยชนิดที่ถ้าเป็นคนอื่นคนมีเอาอะไรมาจดบ้างล่ะ แต่สำหรับรายนี้ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นก็จำได้ทุกรายละเอียดอยู่แล้ว "...คิดว่าพอทำได้ไหม?"

    "ครับ ไม่มีปัญหาครับ" อาคาชิตอบกลับเช่นนี้ ก่อนที่จะโค้งลาผู้อาวุโสกว่าและเดินกลับไปซ้อมตามปกติ

    ทุกอย่างในการซ้อมนั่นเป็นไปตามปกติเช่นทุกวัน ไม่มีสิ่งใดต่างจากเดิมเลย จมีก็แค่การฝึกซ้อมที่โหดกว่าปีก่อนกับ...กิจวัตรประจำวันของคนเป็นกัปตันทีมที่เพิ่มขึ้นมาหนึ่งอย่างนั่นเอง

    หลังจากที่ซ้อมเสร็จและเดินทางกลับมาถึงยังคอนโดที่ตนพักแล้ว เด็กหนุ่มผมแดงก็ทำการทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาพลางกดมือถือโทรหาคนคนหนึ่งทันที...

    'โมชิโมชิ? อาคาชิ?' ...เสียงรอสายดังขึ้นเพียงไม่นานปลายสายก็รับสาย

    "ไง โคกิ..." อาคาขิเอ่ยด้วยรอยยิ้ม...ใช่ คนที่เขาโทรหาคือฟุริฮาตะ โคกิตัวสำรองของทีมเซย์รินนั้นเอง "...ซ้อมวันนี้เป็นไงบ้าง?"

    'ก็ดีนะ...ถ้าโค้ชไม่คิดเอาอาหารที่ทำมาให้กินล่ะนะ'

    "รอดกันไหมล่ะ?" อาคาชิเอ่ยถามเพราะรู้ดีว่าฝีมือการทำอาหารของโค้ชแห่งเซย์รินนั่น...พอๆ กับโมโมอิ ซัทสึกิที่เป็นผู้จัดการทีมสมัยม.ต้นของเขาเลย

    'ครบสามสิบสองทุกคน ที่รอดแบบร้อยเปอร์เซ็นมีแต่คุโรโกะเพราะจางหายไปไหนไม่รู้น่ะ'

    "รู้ทันสมเป็นเท็ตสึยะจริงๆ..." อาคาชิหัวเราะน้อยๆ "...ทางนายก็คงซ้อมหนักกันน่าดูนะ...สำหรับอินเตอร์ไฮท์ที่จะถึงนี่เนี่ย"

    'ใช่เลย ส่วนใหญ่ที่โดนซ้อมหนักๆ มากๆ มีแต่พวกตัวจริงอ่ะนะ'

    "งั้นเหรอ ทางนายคงเน้นพวกตัวจริงไว้ก่อนสินะ...ทางฉันคือเอามาตราฐานเดียวกันหมดเลย" อาคาชิเอ่ย

    'ก็ไม่เชิงเน้นพวกตัวจริงหรอก แค่จะเข้มกับพวกตัวจริงมากหน่อยเท่านั้นแหละ'

    "นั้นเหรอ..." หลังจากนั้นทั้งสองก็คุยกันตามประสากันไปเรื่อยๆ ก่อนที่จบบทสนทนาลงเมื่อเห็นว่าเวลาล่วงเลยมามากแล้วนั้นเอง

    เด็กหนุ่มวางโทรศัพท์มือถือตนลงเมื่ออีกฝ่ายวางสายไปพร้อมถอนหายใจเบาๆ เหมือนกำลังกังวลบวกกลุ้มใจนิดๆ ...จากเรื่องที่เขากระทำลงไป...

    ...ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มขึ้นเมื่อตอนที่เพิ่งการแข่งวินเทอร์คัพได้ไม่นานนั้นเอง

     

     

     

     

     

    ยามเช้าอันสดใสหลังจากการแข่งวินเทอร์คัพจบลงไปเพียงไม่นานนั้น ตัวเขา...อาคาชิ เซย์จูโร่เดินย้ำไปบนหิมะขาวปุยบนพื้นอย่างมั่นคงแบบไม่มีทางไปโชว์วัดพื้นแบบใครบางคนแน่

    หลังจากที่ทีมราคุซันพ่ายแพ้ให้แก่ทีมเซย์รินอย่างเหนือความคาดหมาย อาคาชินั้นก็ไม่ได้คิดมากอะไร...พ่อเขาไม่ได่ว่าอะไรแค่บอกว่าเก็บไว้เป็นประสบการณ์ ทางทีมก็แค่บอกว่าให้มาพยายามมากขึ้นกว่าเดิมกันเถอะแค่นั้น

    สำหรับอาคาชิมันถือว่าเป็นเรื่องปกติและไม่มีอะไรพิเศษนัก แต่ว่า...เขารู้สึกหงุดหงิดน้อยๆ เพราะตัวเขานั้นไม่ต้องการที่จะแพ้

    ถึงแม้เรื่องนั่นจะผ่านไปแล้วและตอนนี้เขาจะเดินเรื่อยเปื่อยไปตามทางก็ตาม แต่ในหัวนั้นยังคงคิดวิธีซึ่งทำให้ตนไม่แพ้เซย์รินเป็นครั้งที่สอง...ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีอะไรก็ตาม

    เมื่อก่อนอาคาชิ เซย์จูโร่คนนี้ไม่เคยมีความคิดอะไรแบบนี้หรอกแต่ว่าด้วยการที่ถูก 'ตัวเอง' อีกคนครอบนำนานเกินไปหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ อาคาชิคนนี้ถึงติดนิสัยเดียวกันจากอาคาชิอีกคนมาด้วย...ต่างแค่เจ้าตัวไม่ถึงขั้นเอากรรไกรกระซวกใครก็เท่านั้นแหละ

    "เหวอ!!!" ระหว่างที่อาคาชิกำลังคิดเรื่อยเปื่อยไปนั้นเอง หูก็ได้ยินเสียงที่ฟังดูคุ้นๆ หูจึงหันไปมองยังต้นเสียง...และเมื่อเห็นภาพนั้นอาคาชิแทบหลุดหัวเราะออกมา...

    ...ภาพที่ปรากฏเข้ามาสู่นัยน์ตาสีแดงคือภาพเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลคนหนึ่งที่กำลังลื่นล้มบนทางเดิน...ซึ่งจะไม่ขำเท่าไหร่นัก ถ้าไม่ใช่ว่ารายนั้นลุกแล้วลุกอีกแต่ก็ล้มแบบเดิมตลอดจนน่าขัน

    อาคาชิเมื่อเห็นแบบนั่นก็อดนึกไม่ได้ว่า...ยังอุตสาห์มีคนลื่นล้มแบบลุกไม่ขึ้นแบบนั้นอีกนะ ส่วนใหญ่คงหาทางลุกขึ้นหรือออกจากจุดนั้นได้นานแล้ว

    เด็กหนุ่มผมแดงมองเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่ร่อมร่อ ก่อนที่จะเดินเข้าไปหา

    "นี่นาย..." อาคาชิเรียกอีกฝ่าย "...ไหวไหม?"

    "เหวอ!" เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลสะดุ้งโหยงก่อนที่จะ...มองคนเรียกด้วยตัวที่สั่นเท่าราวลูกนกตกน้ำ "ค...ครับ?"

    "..." อาคาชิคิ้วกระตุกนิดๆ เมื่อเห็นท่าทางแบบนี้...ทำยังกะเขาจะมาเชือดงั้นแหละ "...ลุกไหวไหมเนี่ย?"

    "ว...ไหวครับ" เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลพยายามลุกขึ้นอีกรอบ...ก่อนที่จะลื่นล้มอีกรอบเช่นเดิม

    "เฮ้อ..." อาคาชิถอนหายใจเบาๆ ก่อนที่จะดึงตัวคนที่ล้มมาหลายรอบแล้วออกจากจุดนั้น ซึ่งเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลออกอาการขืนตัวเล็กน้อย "...อย่าดื้อ ตามมาดีๆ"

    "ครับ..." เด็กหนุ่มที่ถูกดุตอบเสียงหง่อยๆ และเดินตามอาคาชิไปอย่างว่าง่าย "...ขอบคุณที่ช่วยนะครับ"

    ...ดูคล้ายๆ กับ...ลูกหมาดีแฮะ...

    ...เดี๋ยวนะ...ลูกหมา?...

    เมื่อคิดมาถึงตรงจุดนี้อาคาชิก็นึกออกว่ารายนี่คือ...คนที่อยู่ทีมเดียวกับคุโรโกะ เท็ตสึยะเพื่อนสมัยม.ต้นของเขานั้นเอง

    ...ถึงว่าทำไมดูกลัวเขา ที่แท้คนที่เคยเจอกับ 'ตัวเขา' อีกคนนั้นเอง...

    "ไม่เป็นไร ว่าแต่นี่นาย...เพื่อนของเท็ตสึยะสินะ?" อาคาชิลองถามย้ำเพื่อความแน่ใจของตนเอง

    "ค...ครับ!" เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลพยักหน้ารับ

    "ชื่ออะไรล่ะ?" อาคาชิถาม...ที่จริงเขาไม่จำเป็นต้องสนใจอีกฝ่ายก็ได้ แต่ตอนนี้ดูท่าแล้วหมอนี่เหมาะเป็น 'หมาก' ให้เขามากที่สุดในการหาวิธีชนะเซย์รินมากที่สุด...

    ...เพราะคงไม่มีใครคิดว่าเขาจะใช้คนในทีมอีกฝ่ายมาหาข้อมูลของทีมนั้นให้หรอกนะ

    "ฟ...ฟุริฮาตะ โคกิครับ!" ฟุริฮาตะตอบก่อนที่จะ...ลื่นล้มอีกรอบ

    "รู้สึกว่าล้มบ่อยเหลือเกินนะ" อาคาชิคิ้วขมวด...เขาไม่เคยเจอใครที่ล้มแล้วล้มอีกราวกับลื่นน้ำมันตลอดแบบนี้มาก่อน และไม่กี่นาทีต่อมาอาคาชิก็ได้คำตอบถึงสาเหตุที่อีกฝ่ายล้มบ่อยๆ เมื่อก้มมองที่เท้าอีกฝ่าย "คิดไงใส่รองเท้าแบบนี้ออกมาเดินบนหิมะเนี่ย?"

    ...มันใช่รองเท้าไว้เดินบนหิมะไหมเนี่ย!? มิน่าถึงล้มเป็นว่าเล่น...

    "พอดีรองเท้าที่บ้านผมเพิ่งขาดน่ะครับ เหลือแค่คู่นี้คู่เดียวที่พอใส่ได้น่ะครับ" เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลตอบพร้อมยิ้มแห้งๆ ให้

    "ฉันว่านายไปหาซื้อรองเท้าใหม่ก่อนดีกว่า..." อาคาชิทำการลากฟุริฮาตะไปร้านรองเท้าที่ใกล้ที่สุดเพื่อกันอีกฝ่ายล้มหัวฟาดพื้นตายไปเสียก่อน

    หลังจากคือจุดเริ่มต้นของทุกสิ่งอาคาชิทำการหลอกล่อให้ฟุริฮาตะวางใจโดยการเริ่มเป็นเพื่อนกันก่อน และค่อยๆ ขยับฐานะขึ้นมาเป็นคนรัก...อ่านไม่ผิดหรอก อาคาชิ เซย์จูโร่ยอมขนาดเป็นคนรักกับผู้ชายด้วยกันและที่แน่นอนคืออาคาชิเป็นฝ่ายเริ่มก่อนแหงล่ะ

    ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่อาคาชิวางไว้ทุกอย่าง แต่มีอย่างเดียวที่อาคาชิ เซย์จูโร่คนนี้พลาดคือ...การที่ดันไปตกหลุมรักฟุริฮาตะ โคกิเข้าจริงๆ นั้นเอง!!!

    ในตอนแรกๆ อาคาชิก็ทำตามแผนได้โดยไม่มีข้อผิดพลาดอะไรทั้งสิ้น แต่พอได้รู้จักฟุริฮาตะ โคกิมากขึ้นเท่าไหร่อาคาชิก็ยิ่งตกหลุมรักอีกฝ่ายไปอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นนิสัย น้ำเสียง รอยยิ้มหรือแม้แต่สัมพัสที่ได้รับเมื่อยามอยู่ข้างเคียงกันนั้นเรียกได้ว่า...อาคาชินั้นต้องการอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเลยล่ะ

    และเพราะสาเหตุนี้จึงทำให้อาคาชิต้องมากลุ้มใจในภายหลัง ทั้งกลุ้มใจ ทั้งกังวล ทั้งกลัวไปต่างๆ นาๆ ว่า...ถ้าอีกฝ่ายรู้ความจริงว่าตอนแรกเขากะใช้อีกฝ่ายเป็น 'หมาก' ในเกมของเขาขึ้นมา อีกฝ่ายจะทิ้งเขาไป จะต้องเห็นน้ำตาของอีกฝ่ายและเขาจะถูกเกลียด

    ...ถ้าเป็นแบบนั้นขึ้นมาจริงๆ เขาคงทนไม่ได้แน่!!!

    ...พูดตามตรงเขาไม่เครียดเท่านี้มาก่อนในชีวิตเลย!!!...

    อาคาชิรู้ดีว่าเครียดไปมันก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นมาแต่...พอมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคนที่เขารักมากที่สุดนั้นกลับทำให้เขาไม่อาจคลายความกังวลลงได้เลย

    ...เขาควรทำไงดี? ทำไงนายถึงจะไม่รู้ความจริง? ทำไงนายถึงจะไม่จากฉันไป? บอกฉันที...โคกิ...

     

     

     

    "ฉันว่านายควรจะเลิกถามถึงเรื่องที่ชมรมแล้วคุยเรื่องอื่นไปและแสดงความจริงใจไปเรื่อยๆ นะ" เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นมาขณะที่โซ๊ดข้าวเข้าปากไม่หยุด

    ในตอนนี้เหล่าตัวจริงทีมราคุซันทั้งสามบวกกับอดีตตัวจริงอีกหนึ่งมานั่งในร้านอาหารแห่งหนึ่งเนื่องจากถูกขอให้มาเป็นที่ปรึษาให้แก่กัปตันทีมของทีมบาสราคุซัน...อาคาชิ เซย์จูโร่นั้นเอง และเพราะรายนี้เป็นคนขอร้อง แถมยังเป็นเรื่องความรักอีกต่อมเสื...เอ้ย! ต่อมอยากรู้อยากเห็นถึงได้ทำงาน

    ...ก็มันหายากนะ! ที่คนอย่างอาคาชิจะขอร้องใครสักคนให้ช่วยน่ะ!!!...

    "แต่มันจะง่ายขนาดนั้นเหรอ? และอย่าพูดตอนที่กินอยู่สิยะ!!!" เด็กหนุ่มหน้าสวยเอ่ยพวกตบหลังคนที่กินข้าวไม่หยุด

    "นั้นสิ...ฉันว่าคงไม่ง่ายอย่างที่เนบุยะบอกแน่" เด็กหนุ่มผมเงินเอ่ยพร้อมมองคนที่โดนตบเสียจนสำลักข้าว แล้วยื่นน้ำให้ก่อนมีคนข้าวติดคอตายบนโต๊ะ

    "แต่ก็อาจได้ผลนะ" เด็กหนุ่มผมสีคาราเมลเอ่ยอย่างเริงร่า

    "อื้ม ก็จริง...ว่าแต่เมื่อกี้นายจะฆ่าฉันหรือไง!? เรโอะ!" คนที่สำลักข้าวเมื่อครู่เอ่ยก่อนโวยใส่คนที่เกือบฆาตกรรมตน (?)

    "นายไม่ตายง่ายๆ หรอกนะ" มิบุจิ เรโอะที่เกือบทำเพื่อนตนไปพบยมบาลเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ

    "ช่วยอย่าเพิ่งเถียงกัน แล้วมาช่วยฉันกันก่อนได้ไหม?" เด็กหนุ่มผมแดงที่นั่งหัวโต๊ะเอ่ยด้วยท่าทางเหมือนเหนื่อยใจ

    ...คิดถูกหรือคิดผิดเนี่ย? ที่ให้เจ้าพวกนี้ช่วยเนี่ย!?...

    "แต่ไม่คิดเลยนะว่าอาคาชิจะไปหลงชอบชิวาว่าคุงได้น่ะ!" ฮายามะ โคทาโร่เอ่ยด้วยท่าทางที่คนมองแล้วรู้สึกเหมือนเห็นหูเห็นหางหมาโผล่ออกมาด้วย

    "อื้อ ไม่คิดเลยจริงๆ ...ว่าอย่างนายจะชอบหมอนั่น" มายุสุมิ จิฮิโระอดีตตัวจริงทีมบาสราคุซันที่อุตสาห์เดินทางจากโตเกียวมาเกียวโตด้วยสาเหตุนี้...บวกกับโดนมิบุจิตามตื้อให้มานั่นเอ่ยออกมา

    "ชอบเข้าไปอีท่าไหนล่ะ?" เนบุยะ เอย์คิจิผู้ข้าวติดคอ (?) ถามขึ้น

    "อย่างที่บอกไป...ว่ารู้ตัวก็ชอบไปแล้ว" อาคาชิเอ่ยพร้อมยกถ้วยชาขึ้นจิบ

    "แต่...จากจุดประสงค์ตอนแรกที่เซย์จังบอกนี่...ถ้าโคจังรู้เข้าคงโกธรน่าดูเลย" มิบุจิที่ดูเป็นคนเดียวที่คิดช่วยรุ่นน้องตนอย่างจริงจังทำหน้าเหมือนกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก "ถ้าไม่บอกตอนนี้แล้วโคจังไปรู้ภายหลังก็คงจะแย่ แต่ถ้ารู้เข้าตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าโคจังจะมีท่าทียังไง...ไม่ว่าทางไหนก็เสี่ยงทั้งคู่เลย"

    "อื้อ เสี่ยงมาก...ถ้าพลาดอาจโดนทิ้งเลยล่ะ" มายุสุมิเอ่ยออกมา

    "พูดแบบนั้นได้ไงเล่า! มายุซัง!" มิบุจิแว๊ดใส่ "กริ๊ด! เซย์จัง! อย่าเพิ่งเฉาตายนะ!!!"

    "เฮ้อๆ" เสียงหัวเราะเบาๆ ราวคนจิตหลุดกับไอทะมึนที่ลอยออกมาจากอาคาชิแสดงถึงอารมณ์เจ้าตัวได้อย่างดี

    "นาย...จริงจังขนาดนี้เลยเหรอ?" มายุสุมิถึงกับคุมขมับ...เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นถึงขนาดนี้! นี่แค่พูดเฉยๆ ยังเป็นขนาดนี้แล้วถ้าโดนทิ้งจริงๆ หวังว่าคงไม่ไปโดดน้ำตายหรอกนะ!!!

    "ตายๆ ใครมีผ้าเย็นบ้างเนี่ย!?" เนบุยะมองซ้ายมองขวาหาอะไรสักอย่างที่จะทำให้กัปตันทีมตนหัวเย็นลง ก่อนที่จะเครียดจนเส้นเลือดในสมองแตกตายเสียก่อน

    "ฉันมีๆ" ฮายามะรีบเอาผ้าเย็นยื่นให้เพื่อนตน

    "ถึงไม่รู้ว่าเอามาจากไหน แต่ขอบใจวะ!" เนบุยะเอ่ยพร้อมเอาผ้าเย็นแปะหัวรุ่นน้องผมแดงของตน

    หลังจากเรื่องวุ่นๆ ผ่านไปได้สักพักใหญ่ๆ อาคาชิก็ดึงสติกลับมาได้และเริ่มคุยเรื่องเดิมกันต่อ

    "เมื่อกี้โทษทีนะที่ทำให้วุ่ยวายกันน่ะ" อาคาชิเอ่ยขึ้นหลังปรับอารมณ์มาให้เป็นปกติได้

    "ไม่เป็นไรๆ" ทั้งสี่เอ่ยพร้อมนึกหาคำพูดที่จะไม่ไปจี้จุดรุ่นน้องตนให้ไปสร้างห้องเย็นอีก (?)

    "ว่าแต่เซย์จัง ถามหน่อยนะ...โคจังเขามีท่าทีจะรู้เรื่องนี้ไหม?" มิบุจิเอ่ยถามขึ้น

    "ไม่มี" อาคาชิตอบกลับไป

    "งั้นมีแววว่า...เออ...หมอนั่นกลุ้มอะไรหรือเปล่า?" มายุสุมิเอ่ยโดยเลี่ยงคำว่าโกรธออกไปเพื่อกันรุ่นน้องตนจะมีอาการอย่างเมื่อครู่

    "ก็มีบ้างเล็กน้อย" อาคาชิที่ทำท่าเหมือนครุ่นคิดสักพักตอบ

    "งั้นอาคาชิ...ลองอ้อนบ่อยๆ ไหม? เผื่อมีเรื่องทะ...อุ๊บ!" ฮายามะที่เสนอความเห็น พูดไม่ทันจบก็ถูกมือคนสามคนตะปบไว้ก่อน

    "หื้อ?" อาคาชิมองฮายามะที่ถูกปิดปากด้วยสายตางงๆ "...เล่นปิดปากปิดจมูกแบบนั้นเดียวโคทาโร่ก็ตายหรอก"

    "อ่ะ! โทษทีๆ" เนบุยะที่รู้ตัวว่าเป็นคนปิดจมูกเพื่อนตนรีบปล่อยมือออกเช่นเดียวกับอีกสองคนที่เหลือ

    "จะฆ่ากันหรือไง!? เอย์จัง!" ฮายามะแยกเขี้ยวใส่เนบุยะ

    "จะโทษพวกฉันไม่ได้นะ นายเกือบพูดคำอันตรายออกมาเองนิ" มายุสุมิเอ่ยหน้าตาย

    "อันตรายยังไงอ่ะ!?" ฮายามะถามกลับ

    "เพราะนายจะไปจี้จุดเซย์จังไงยะ!" มิบุจิเอ่ย "สำหรับเซย์จังถ้าเป็นเรื่องโคจังคำว่าเลิก โดนทิ้ง ทะเลาะหรืออะไรก็แล้วแต่ที่เป็นในแง่ลบห้ามพูดเด็ดขาด! เข้าใจไหม?!...ถ้าไม่เข้าใจอีก ฉันจะโทรฟ้องมิยาจิซังว่านายก่อเรื่อง..."

    "เข้าใจแล้วฮ๊าฟ!!! ห้ามฟ้องมิยาจิซังเด็ดขาดเลยนะ!!!" ฮายามะที่เป็นคนกลัวเมีย (แอ๊อ! #โดนถีบ // s) รีบตอบรับทันที

    "คุยกันเสร็จหรือยัง?" อาคาชิที่เห็นทั้งสี่ซุบซิบกันอยู่เอ่ยถามขึ้น...กันเขาออกจากวงคนเดียวเลยนะ

    "เสร็จแล้วจ้า" มิบุจิตอบพร้อมกลับมานั่งดั่งเดิม หลังจากกระโจนไปปิดปากเพื่อนตนเองด้วยความเร็วแสง

    "งั้นก็ดี...ตกลงเมื่อกี้นายจะพูดอะไรนะ? โคทาโร่?" อาคาชิเอ่ยถามขึ้นมา

    "เมื่อกี้บอกว่าให้ลองอ้อนชิวาว่าคุงบ่อยๆ เผื่อมีอะไรชิวาว่าคุงจะได้ใจอ่อนไง" ฮายามะเอ่ยขึ้น

    "...เอาความคิดนี้มาจากไหนเนี่ย?" อาคาชิคิ้วกระตุกน้อยๆ ...มันฟังดูแปลกๆ นะ

    "เอาจากที่เคยใช้ง้อมิยาจิซังน่ะ!" คำตอบของฮายามะแสดงอย่างชัดเจนว่า...โดนบ่อย

    "ความคิดอาจจะดี...แต่มีปัญหาเดียว..." อาคาชิยิ้มแห้งๆ

    "อะไรล่ะ? หมอนั่นยังกลัวนายอยู่หรือไง?" มายุสุมิมองอีกฝ่ายที่ยิ้มแบบที่ไม่ค่อยได้เห็นนัก...เสียดายที่เขาจบแล้ว ไม่งั้นได้เห็นสีหน้าแปลกๆ ของอาคาชิเพราะฟุริฮาตะอีกบานตะไทแน่

    "นั้นมันก็อย่างหนึ่ง อีกอย่างคือ..." อาคาชิหน้าขึ้นสีนิดๆ "...ฉันไม่กล้าท่าอ้อนๆ แบบโคทาโร่หรอก...มัน...โคตรอายเลย!"

    "..." คำตอบที่ได้รับนี้ทำให้กินจุดกันเป็นแถวเลยครับท่าน

    "ไม่เคยคิดเลยว่าหน้าหนาอย่างนายจะอายกับคนที่ชอบเนี่ย..." มายุสุมิเอ่ยปนกัดเล็กน้อย

    "ว่าใครหน้าหนามิทราบครับ?" อาคาชิค้อนเล็กน้อย

    "นายไง..." มายุสุมิตอบกลับ "...หรือไม่จริง?"

    "..." คราวนี้อาคาชิเป็นฝ่ายเงียบเสียเองเพราะว่ามันจริง...เขาเคยทำสิ่งต่างๆ แบบคนรักกับคนอื่นกับคนที่ 'เคย' เป็นหมากให้เขามาก่อนและไม่มีครั้งไหนรู้สึกอายเลย

    ...จะมีรู้สึกอายก็ครั้งนี้แหละ...

    "เกินคาดแฮะ" มิบุจิไม่คิดว่ากัปตันทีมตนจะถึงขั้นนี้

    "อื้ม แบบนี้หรือเปล่าที่เรียกว่าแบบถอนตัวไม่ขึ้นน่ะ?" ฮายามะเอ่ยถาม

    "คงแบบนั้นแหละ" เนบุยะถอนหายใจอย่างหน่ายๆ

    "แบบนี้ควรทำไงดีวะ?" มายุสุมิรู้สึกหมดหนทางจริงๆ กับเรื่องนี้

    "คงต้องพยายามคิดกันล่ะนะ" มิบุจิเอ่ยก่อนที่จะเริ่มรวมหัวคิดทางแก้ปัญหาให้อาคาชิแบบจริงๆ จังๆ กะเขาสักที

     

     

     

     

     

    ขณะเดียวกัน ที่โรงยิมโรงเรียนมัธยมปลายเซย์ริน เวลา 13.00 น.

    "ฮัดชิ้ว! ฮัดชิ้ว!" เสียงจามสองครั้งติดๆ กันดังออกมาจากปากเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาล

    "เป็นหวัดเหรอครับ? ฟุริฮาตะคุง?" เด็กหนุ่มผมฟ้าเอ่ยถามเพื่อนของตน

    "คงไม่มั้ง น่าจะมีคนพูดถึงมากกว่า" ฟุริฮาตะเอ่ย

    "แน่ใจนะ?" เด็กหนุ่มผมสีเพลิงที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เอ่ยถามต่อจากคู่หูตน

    "แน่สิ" ฟุริฮาตะตอบพร้อมส่งยิ้มให้

    "ว่าแต่...ฟุริฮาตะคุง ผมถามอะไรหน่อยสิครับ" คุโรโกะถามด้วยหน้าตายๆ

    "หื้อ? อะไรล่ะ?" ฟุริฮาตะถามกลับ

    "คุณกับอาคาชิคุงแน่ใจนะครับ ว่าแค่เพื่อนกัน?" คุโรโกะถามอย่างตรงไปตรงมา

    "แค่ก!" พอเจอคำถามแบบนี้ฟุริฮาตะก็สำลักลมหายใจตนเองทันที "นายถามอะไรของนายเนี่ย!?"

    "ก็ถามตามที่ผมอยากรู้แค่นั้นแหละครับ" คุโรโกะตอบ

    "นายคิดยังไงถามงี้เนี่ย!? หัวไปกระแทกอะไรหรือเปล่า!?" คางามิมองคู่หูตนด้วยความรู้สึกอยากเอาอีกฝ่ายไปเซ็คสมองชอบกล "อย่างฟุริกับอาคาชิไม่มีทางเกินเพื่อนได้หรอก!!!"

    "ก็ไม่แน่เสมอไปนะครับ" คุโรโกะตอบกลับอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร ก่อนที่จะลงท้ายด้วยการทะเลาะกันของคู่นี้คือเดิมและฟุริฮาตะก็ได้เพียงยิ้มแห้งๆ กับเพื่อนทั้งสองของตนตามปกติ

    "เอ้า! พวกเราฟังทางนี้!!!" เสียงหวานๆ ของเด็กสาวดังขึ้นทำให้ทุกคนในโรงยิมเงียบลงและหันไปมองยังต้นเสียง "อีกสามวันเรามีนัดซ้อมแข่งกับโอโทวนะ! ดังนั้นวันนี้กลับไปพักผ่อนกันซะ! แล้วพรุ่งนี้ซ้อมเพิ่มสี่เท่า! เข้าใจไหม!?!"

    "ครับ!!!" ทุกคนขานรับขณะที่ในใจคิดว่า...ตายแหงงานนี้

    เมื่อโดนสั่งให้ไปทางใครทางมันตามที่ผู้เป็นโค้ชสั่งก็พากันไปเปลี่ยนชุดเพื่อเดินทางกลับบ้านกลับช่องหรือไปเที่ยวตามอัธยาสัยของตนนั้นเอง และขณะที่เปลี่ยนชุดนั้นเอง...

    เพล้ง!

    "อ่ะ!" เสียงอุทานดังออกมาจากปากของเด็กหนุ่มผมสีฟ้า พร้อมกับเจ้าตัวมองยังกรอบรูปที่ใส่รูปตอนที่ชนะเลิศวินเทอร์คัพปีก่อนของตนซึ่งตอนนี้ตกอยู่กับพื้น

    "เป็นอะไรหรือเปล่า!? คุโรโกะ!" ฟุริฮาตะรีบถามเพื่อนตนทันที

    "ไม่เป็นไรครับ" คุโรโกะขานตอบพร้อมกับเก็บกรอบรูปขึ้นมา "แปลกนะครับที่มันหล่นลงมาได้ ทั้งๆ ที่อยู่ด้านในสุดของตู้แท้ๆ"

    "นายคงเผลอทำมันเคลื่อนออกมาตอนหยิบของมั้ง" ฟุริฮาตะเอ่ย

    "คงงั้นล่ะครับ" คุโรโกะเอ่ยตอบพร้อมมองรูปถ่ายในมือของตน

    "ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว...งั้นฉันกลับก่อนนะ" ฟุริฮาตะที่เห็นว่าเพื่อนตนไม่เป็นอะไรจึงเอ่ยออกมาพร้อมกับเดินไปที่ประตู

    "ไม่กลับด้วยกันเหรอ? ฟุริ?" คาวาฮาระถาม

    "พอดีวันนี้รู้สึกเหนื่อยๆ เลยว่าจะรีบกลับน่ะ" ฟุริฮาตะตอบ

    "อ๋อ งั้นกลับดีๆ ล่ะ" คาวาฮาระเอ่ยให้กับเพื่อนตน ก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินออกจากห้องไป

    "เสียดายกรอบรูปหรือไง? จ้องซะ..." คางามิมองคนจืดจางข้างๆ ตนที่ยืนจ้องกรอบรูปที่ทำตกเมื่อครู่ไม่วางตาเลย "...ไม่เป็นไรหรอกน่า เดี๋ยววันหลังฉันพาไปซื้อใหม่น่า"

    "ไม่ต้องหรอกครับ ผมไม่ได้เสียดายกรอบรูปหรอกครับแต่..." คุโรโกะมองยังรูปถ่ายในมองภายในกรอบรูป "...ผมแปลกใจที่กระจกมันแตกแค่ตรงจุดที่เป็นรูปฟุริฮาตะคุงเท่านั้นแหละครับ"

    "เอ๋?" คางามิคว้ากรอบรูปในมืออีกฝ่ายมาดู และพบว่ามันแตกเฉพาะตรงที่เป็นรูปของฟุริฮาตะจริงๆ "แปลกแฮะ ไหงแตกแค่ตรงรูปฟุริเนี่ย?"

    "ไหนดูสิ" เหล่าคนในทีมคนอื่นๆ ที่ได้ยินทั้งสองพูดก็พากันมามุงดูกัน "จริงด้วย แปลกแฮะ"

    "แบบนี้บางคนเขาว่าเป็นลางร้ายนะ" คิโยชิเอ่ยขึ้น "เขาว่ากันว่าจะเกิดเรื่องร้ายกับคนในรูปล่ะ"

    "อย่าพูดเป็นลางสิวะ!" ฮิวงะศอกใส่คิโยชิ

    "แต่มันก็น่าคิดนะ" อิสึกิมองภาพในมือรุ่นน้องตน "ยังไงมันก็เป็นไปได้ยากนะที่กระจกในกรอบมันจะแตกแค่ตรงจุดๆ เดียว แถมเป็นแบบไม่ร้าวไปยังรูปคนอื่นเลยเนี่ย"

    "อย่าเอากะคิโยชิมันสิวะ! อิสึกิ!" ฮิวงะแว๊ดใส่อิสึกิ

    "เอ่อ ผมว่าผมตามฟุริไปดีกว่า" คาวาฮาระที่เริ่มรู้สึกสังหรณ์ไม่ดีเอ่ยก่อนที่จะเริ่มวิ่งออกจากห้องไปด้วยความห่วงเพื่อนตน

    "ผมก็ขอไปตามฟุริด้วยดีกว่า" ฟุคุดะที่ดูท่าจะห่วงเพื่อนตนไม่แพ้กันวิ่งออกไปเป็นคนที่สอง

    "นายคิดว่าที่รุ่นพี่คิโยชิพูดเนี่ยจริงไหม?" คางามิที่มองเพื่อนรุ่นเดียวกันทั้งสองที่วิ่งออกไปถามคุโรโกะ

    "อาจจะครับ" คุโรโกะเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วๆ

    ...รู้สึกไม่ดีเลยแฮะ ยังกับ...เขาจะเสียอะไรสักอย่างไปอย่างนั้นแหละ...หวังว่าเขาคงแค่คิดไปเองนะ...

     

     

     

     

     

    "สรุป...เซย์จังควรบอกโคจังไปตรงๆ สินะ" มิบุจิเอ่ยขึ้นมา

    "คงต้องอย่างนั้นแหละ...วิธีที่ดีกว่านี้ฉันนึกไม่ออกแล้ว" มายุสุมิบอกพร้อมกับหยิบน้ำขึ้นดื่ม

    "ถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาดก็พยายามอ้อนแบบที่โคทาโร่มันอ้อนมิยาจิซังแล้วกัน" เนบุยะชี้ไปยังคนผมสีคาราเมล

    "หรือไม่ถ้าชิวาว่าคุงไม่ใจอ่อนก็อ้อนไปเรื่อยๆ เลยนะ!" ฮายามะเอ่ยอย่างผู้มีประสบการณ์โดนแฟนงอน (?)

    "ยังไงฉันควรบอกโคกิให้เร็วที่สุดสินะ?" อาคาชิถอนหายใจอย่างปลงนิดๆ หลังจากที่พวกเขาถกเถียงกันอยู่หลายชั่วโมง...หลายชั่วโมงมากเพราะตอนนี้ปาไปจนฟ้ามืดสนิกแล้ว...

    ...ข้อสรุปสุดท้ายที่อาคาชิได้รับก็ไม่พ้นการบอกความจริงกับคนรักของตนไป...หวังว่าโคกิจะไม่โกธรเขามากนักนะ

    "ใช่!" ทั้งสี่ตอบรุ่นน้องผมแดงของตนทันที

    "...เตี๊ยมกันมาก่อนหรือเปล่าเนี่ย?" อาคาชิเริ่มคิ้วกระตุก...เล่นตอบพร้อมเพรียงกันเลยนะ

    "เปล่าสักหน่อย" มายุสุมิเอ่ย "แค่พวกฉันคิดว่าวิธีนี่ดีที่สุดแล้วแค่นั้นแหละ"

    "ใช่ๆ" สามราชาไร้มงกุฏรีบสนับสนุนคนผมเงินทันที

    "ขอเวลาทำใจก่อนได้ไหมเนี่ย?" อาคาชิเริ่มยิ้มแห้งๆ

    "นั้นมันแล้วแต่นาย แต่ทางที่ดีอย่านานนักดีกว่า" มายุสุมิชักเหนื่อยใจยังไงไม่รู้...ทีเรื่องอื่นยังไม่ย้ำแล้วย้ำอีกขนาดนี้เลย! ปกติคือแค่บอกว่าทำอะไรแค่นั้นจบ!

    "เฮ้อ..." อาคาชิถอนหายใจยาวๆ อย่างกลุ้มๆ

    กริ้งงงงงงงง

    เสียงที่จู่ๆ ดังขึ้นมาทำให้ทุกคนสะดุ้งรวมถึงอาคาชิด้วย เล่นซะคนที่เห็นอยากเอากล้องมาถ่ายไว้จริงๆ...มันหายากนะ! ที่อาคาชิ เซย์จูโร่จะทำท่าทางแบบคนปกติเขาน่ะ! (ฟังยังไงๆ อยู่แฮะ // s)

    เด็กหนุ่มผมแดงมองยังต้นเสียง...ซึ่งก็คือมือถือของเขาเอง เจ้าตัวถอนหายใจน้อยๆ และหยิบมือถือตนขึ้นมาก่อนที่จะชะงักเมื่อเห็นเบอร์คนที่โทรมา...

    ...ฟุริฮาตะ โคกิ

    "โคจังโทรมาเหรอ?" มิบุจิยื่นหน้ามาดู "ไม่รับสายเหรอ?"

    "แปลก..." อาคาชิมองมือถือตนอย่างมึนงง "...โคกิไม่เคยเป็นฝ่ายโทรหาฉันก่อนเลย แต่ทำไมคราวนี้ถึง..."

    "รีบๆ รับสายเถอะ อาจมีเรื่องอะไรก็ได้..." มายุสุมิเอ่ย...อย่าหาว่าเขาปากเสียเลย แต่เขารู้สึกว่ากำลังจะเกิดเรื่องชอบกล แถมเป็นเรื่องใหญ่ด้วย

    "..." อาคาชิไม่ตอบอะไรกลับมายุสุมิ ทำเพียงรีบกดรับสายคนรักตนทันที "เกิดอะไรขึ้น...โคกิ..."

    'อาคาชิ...' เสียงที่ตอบกลับมาของอีกฝ่ายช่างแหบแห้งจนคนผมแดงรู้สึกใจหาย '...ขอโทษนะ ขอโทษ'

    "เดี๋ยวๆ เกิดอะไรขึ้น? ขอโทษทำไม?" อาคาชิที่ตอนนี้งุนงงไปหมดพยายามตั้งสติของตนเอาไว้

    'ขอโทษนะ...ฉัน...ฮือ...'

    "โคกิใจเย็นๆ สิ..." ในตอนนี้อาคาชิรู้สึกราวกับมีมีดมากรีดตรงกลางใจ เมื่อตนนั้นได้ยินเสียงร้องไห้ของคนที่เขารักที่สุด

    'ขอโทษ...อึก...ขอโทษนะอาคาชิ...แต่ว่าฉัน...คงจะเป็น 'หมาก' ให้นายไม่ได้แล้วล่ะ...'

    "โคกิ..." คำพูดของอีกฝ่ายที่ได้รับทำให้อาคาชินิ่งอึ้งไป...

    ...โคกิรู้...รู้อยู่แล้วแต่ไม่ได้บอกเขา...

    ...บ้าจริง! ตลอดมาเขาเผลอทำร้ายโคกิโดนไม่รู้ตัวเลยเหรอ!?...

    'ขอโทษนะอาคาชิ...ลาก่อน...'

    "เดี๋ยวก่อน! โคกิ!!!" ในเวลานี้อาคาชิไม่สนใจอะไรทั้งนั้นว่าใครจะมองตนเองยังไง เพียงแค่ขอรั้งคนปลายสายได้สักนิด...

    ...แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทัน เพราะฟุริฮาตะได้วางสายไปเป็นที่เรียบร้อย

    "บ้าจริง!!!" อาคาชิสบลออกมาอย่างที่ไม่เคยมีใครคิดว่าจะได้เห็น ก่อนที่จะรีบวิ่งออกจากร้านทันที

    "เฮ้ย! เดี๋ยวสิ! รอด้วย!" ทั้งสี่ที่มองปฏิกริยาของคนผมแดงอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูกรีบวิ่งตามไป โดยค่าอาหารต่างๆ มิบุจิยัดค่าอาหารให้พนักงานที่ผ่านมาก่อนที่วิ่งตามกัปตันทีมตนไปอีกคน

    "จะไปไหนของนายห๊า! อาคาชิ!" มายุสุมิที่วิ่งช้าที่สุดเพราะเป็นสายบุ๋น (ว่าใครห๊า!? // มายุสุมิ) ตะโกนถามคนผมแดง

    "ไปโตเกียว!!!" อาคาชิตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความกังวลอย่างชัดเจน หลังจากที่พยายามโทรหาอีกฝ่ายเป็นสิบๆ สายแต่กลับถูกตัดสายทิ้งทั้งหมดแถมยังปิดเครื่องหนีอีกต่างหาก

    "ตอนนี้เนี่ยนะ!? ตกลงมันเรื่องอะไรกันเนี่ย?!" เนบุยะเอ่ยถามขณะที่ยกตัวมายุสุมิที่ดูจะวิ่งตามไม่ไหวแล้วขึ้นบ่า

    "ห้ามลวงลามมายุซังล่ะ!" มิบุจิแยกเขี้ยวใส่เพื่อนตนเป็นการขู่

    "ใครมันจะทำฟะ?!" เนบุยะชักเหนื่อยกับคนหวงแฟนคนนี้

    "อย่าเพิ่งเถียงกันเลย! อาคาชิไปนู้นแล้ว!" ฮายามะชี้ไปยังคนผมแดงที่เริ่มทิ้งห่างออกไป และพอเห็นดังนั้นทั้งสามจึงรีบเร่งฝีเท้าทันที

    และสุดท้ายทุกคนก็มาทันชินคันเซ็นเที่ยวสุดท้ายอย่างฉิวเฉียด

    "แฮ่กๆ ตกลงนี่มันเรื่องอะไรกัน?" เนุยะถามพลางหอบหายใจ

    "เอาน้ำไหม?" มายุสุมิที่ถูกแบกมาตลอดทางถามพร้อมหยิบน้ำออกมาจากกระเป๋าตน

    "เอา!" ทั้งสามราชันย์ไร้มงกุฏตอบรับ ก่อนที่จะมีคนคว้าขวดน้ำไปคนแรก...ซึ่งคือมิบุจินั้นเอง

    "ตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่? อาคาชิ?" มายุสุมิมองคนผมแดงที่ทำหน้าเคร่งเครียด...ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเกี่ยวกับฟุริฮาตะ โคกิโดยตรงชัวท์

    "โคกิ...รู้เรื่องนั่นอยู่แล้ว..." อาคาชิเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบาหวิว

    "เรื่องที่นายคิดจะใช้หมอนั่นเป็นหมากในเกมของนายอ่ะนะ?" เนบุยะที่หายหอบแล้วถาม

    "อื้ม..." อาคาชิมองที่นอกรถไฟราวกับอยากให้รถไฟไปถึงที่หมายเร็วๆ

    "แล้วเกิดอะไรขึ้นต่อล่ะ?" ฮายามะถามต่อจากเพื่อนร่างยักษ์ของตน

    "โคกิบอกว่า...ขอโทษและ..." อาคาชิกำมือแน่น "...ลาก่อน"

    "เอ๋!" ทั้งสี่ดูท่าจะไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่ได้ยินนัก "หมายความว่าไงล่ะนั้น!?"

    "ฉันไม่รู้..." อาคาชิเอ่ย "...แต่ฉันรู้สึกว่า...ถ้าฉันไม่ไปหาโคกิตอนนี้แล้ว ฉันจะไม่ได้พบโคกิอีกเลย"

    "...งั้นหวังว่านายจะแค่รู้สึกไปเองนะ...อย่าให้เกิดเรื่องเลย" มายุสุมิเอ่ยพลางแงะมือของคนผมแดงที่กำแน่นจนจิกเข้าไปเนื้อของเจ้าตัวเองออก

    "ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น..." อาคาชิมองมือตนที่ขึ้นรอบจิกลึกอย่างเห็นได้ชัดหลังจากถูกมายุสุมิแงะออก

    หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกเลย จนสร้างบรรยากาศอึกอัดให้แก่ขบวนรถไฟเที่ยวนี้ได้อย่างมากมาย จนกระทั่งเด็กหนุ่มทั้งห้ามาถึงที่หมาย...ที่โตเกียวนี้เอง

    "เซย์จัง...รู้เหรอว่าตอนนี้โคจังอยู่ไหน?" เมื่อเดินลงรถไฟมามิบุจิก็เอ่ยถามขึ้น

    "ม..." ขณะที่อาคาชิจะตอบมิบุจิว่าตนนั้นไม่รู้ เสียงมือถือก็ดังขึ้นมาเสียก่อน ทำให้เจ้าตัวต้องหยิบมือถือขึ้นมารับสาย...และด้วยความเครียดทำให้เจ้าตัวไม่ทันดูว่าสายที่เรียกเข้านั้นเป็นเบอร์ใคร "โมชิโมชิ..."

    'อาคาชิคุง!' เสียงอันตื่นตนกจากคนคุ้นเคยทำให้อาคาชิคิ้วขมวด

    "เท็ตสึยะ?" อาคาชิเอ่ยเรียกอีกฝ่ายแบบงงเต็มที่

    'อาคาชิคุง!!! ฟุริฮาตะคุงโทรหาคุณเรื่องอะไรครับ!!? แล้วฟุริฮาตะคุงอยู่กับคุงหรือเปล่าครับ!?!'

    "เอ๋?" อาคาชิที่หลุดเสียงเอ๋อๆ แบบที่เจ้าตัวไม่ค่อยทำนักออกมา...เท็ตสึยะรู้ได้ไงว่าโคกิโทรหาเขา

    อาคาชิงุนงงเล็กน้อยก่อนที่จะได้คำตอบเมื่อยกมือถือออกห่างและดูว่าเบอร์ที่เข้ามานั้นมันเป็นเบอร์ของฟุริฮาตะ โคกิ "นายเอามือถือโคกิมาโทรได้ไง?"

    'ผมเจอมันวางทิ้งไว้ครับ...ไม่สิ นั้นไม่ใช่ปัญหาครับ! ปัญหาคือตอนนี้ฟุริฮาตะคุงหายตัวไปครับ!!!'

    "ว่าไงนะ!!!" สภาพอาคาชิในตอนนี้บอกได้เลยว่าไม่เหลือคนที่เย็นชาเหลือแสนเลยสักนิด "ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!? อธิบายมาเดี๋ยวนี้เลย!!!"

    '...ผมไม่เคยเห็นคุณตกใจขณะนี้มาก่อนเลยนะครับ'

    "พูดไม่ดูตัวเองเลย!" อาคาชิอยากบอกใจจะขาดว่าอีกฝ่ายก็พอกันนั้นแหละ! "รีบๆ บอกเรื่องทั้งหมดมาได้แล้ว! ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!?"

    'ครับๆ' คุโรโกะขานรับเหมือนกำลังงงว่านี้คือเพื่อนตนตัวจริงหรือเปล่า '...ตกลงฟุริฮาตะคุงไม่ได้อยู่กับคุณสินะครับ?'

    "เออดิ!" วินาทีนี่อาคาชิรู้สึกว่าอยากเอาคุโรโกะไปล่อเสือ (?) จริงๆ ให้ตายเถอะ! มันใช่เวลาเล่นไหมเนี่ย!?

    'งั้นเหรอครับ...ถ้างั้นแค่นี้น...'

    "ห้ามวางสายเชียวนะ! เท็ตสึยะ!" อาคาชิรีบเอ่ยดักไว้ก่อน "และบอกเรื่องที่เกิดขึ้นเสียที!"

    'ถึงผมบอกไปคุณก็มาช่วยพวกผมหาฟุริฮาตะคุงไม่ได้อยู่ดีนิครับ?' น้ำเสียงของคุโรโกะบ่งบอกเลยว่าไม่อยากเสียเวลาในการตอบคำถาม แทนที่จะไปตามหาเพื่อนตนมากนัก

    "ใครว่าล่ะ! ตอนนี้ฉันอยู่โตเกียวแล้ว!" อาคาชิเอ่ย

    'งั้นคุณช่วยมาที่โรงพยาบาล★★★ทีครับ ตอนนี้พวกผมกำลังหาตัวฟุริฮาตะคุงในนี้อยู่ครับ'

    ...โรงพยาบาล!? ไปทำอะไรที่นั้นกัน!?...

    "จะไปเดี๋ยวนี้แหละ!" อาคาชิแม้จะสงสัยแต่ก็ขานรับก่อนตัดสายและวิ่งไปยังจุดหมายต่อไปโดยไม่คิดที่จะอธิบายให้คนที่มาด้วยกันฟังเลย...จนสุดท้ายอาคาชิก็ทำการวิ่งมาจนถึงที่หมายแบบใช่เท้าล้วนๆ พลอยทำให้อีกสี่คนที่ตามมาเหนื่อยไปด้วยเลย~~~

    "มาเร็วจังนะครับ อาคาชิคุง" เด็กหนุ่มผมฟ้าที่ทั้งตัวชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อจากการวิ่งหาคนคนหนึ่งอยู่นานเอ่ยทักคนผมแดงทันทีที่ก้าวเข้าในโรงพยาบาล

    "เรื่องนั้นช่างมันเถอะ! แล้วโคกิล่ะ!? เรื่องทั้งหมดมันเกิดอะไรขึ้น! แล้วไหงถึงมาหากันในโรงพยาบาลเนี่ย!?" อาคาชิถามรวดแบบไม่คิดรักษามาดสักนิด

    "ให้ฟุคุดะคุงเป็นคนเล่าเถอะครับ รายละเอียดส่วนใหญ่ฟุคุดะคุงกับคาวาฮาระคุงเป็นคนรู้ครับ" คุโรโกะพายมือไปยังคนที่สะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินชื่อตน

    "เล่ามา...เดี๋ยวนี้..." เสียงเย็นๆ ดังออกมาจากปากของอาคาชิ ดวงตาสีแดงคู่สวยจับจ้องที่ฟุคุดะอย่างคาดคั้น

    "รีบๆ บอกมาเถอะ...อาจทำให้พอนึกออกก็ได้ว่าเพื่อนนายหายไปไหนน่ะ" มายุสุมิเอ่ยพลางมองคนผมแดงนิดๆ ก่อนที่จะส่งสายตาให้ฟุคุดะว่า 'รีบๆ เล่าเถอะ! ฉันขนลุกกับอาคาชิจะตายแล้ว!'

    "อ...อื้ม" ฟุคุดะกลืนน้ำลายอย่างฝืนคอ "คือเรื่องมันเกิดเมื่อช่วงบ่ายวันนี้..."

     

     

     

     

     

    ย้อนไปเมื่อตอนเวลา 13.30 น.

    "เฮ้! ฟุริ!" คาวาฮาระเอ่ยเรียกเพื่อนสนิกของตน

    "อ้าว? มีอะไรเหรอ? คาวาฮาระ? ฟุคุดะ? ถ้าชวนเที่ยวล่ะก็ฉันไม่ไปนะ..." เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลนามฟุริฮาตะ โคกิมองเพื่อนสนิกทั้งสองอย่างงงๆ ...เขาจำได้ว่าวันนี้เขาบอกแล้วนะว่าอยากพักน่ะ

    "เปล่าๆ ไม่ได้จะชวนเที่ยวแค่..." ฟุคุดะยิ้มแห้งๆ พร้อมลากเพื่อนตนเดินไปคุยไปราวกับอยากให้อีกฝ่ายถึงบ้านตัวเองให้เร็วที่สุด "...ได้ยินเรื่องที่รุ่นพี่คิโยชิเล่าแล้วมันสังหรณ์แปลกๆ ชอบกลน่ะ"

    "รุ่นพี่คิโยชิเล่าอะไรเหรอ? อย่าบอกนะว่ารุ่นพี่เล่าว่าถ้าเดินกลับพร้อมกันสามคนจะโชคดี?" ฟุริฮาตะถามเหมือนแหย่เล่น

    "ถ้าแบบนั้นสู้หาทางให้โค้ชไม่สั่งซ้อมเพิ่มยังดีซะกว่า" สิ่งที่คาวาฮาระพูดเป็นตัวบ่งบอกว่าโชคดีที่สุดสำหรับตนคือการไม่โดนสั่งซ้อมเพิ่มนั้นเอง

    "เห็นด้วยเลย!" ฟุริฮาตะกับฟุคุดะเอ่ยพร้อมกันอย่างเห็นด้วยอย่างยิ่ง...ก็เพิ่มซ้อมแต่ล่ะทีมันโหดจะตายชัก!!!

    "กริ๊ดดดดดดด!!!" เสียงกรีดร้องดึงทั้งสามออกจากบทสนทนาก่อนที่จะหันไปมองยังต้นเสียง...ซึ่งคือรถคันหนึ่งเกิดเสียหลักและส่ายไปส่ายมาบนถนนอย่างน่าหวาดเสียวนั้นเอง

    "เหวอ!" ทั้งสามกระโดดหลบรถที่พุ่งเบนไปเบนมาจนขึ้นมาบนฟุตบาทและเฉียดพวกตนไป

    "ฟู่...เกือบไปๆ" ฟุริฮาตะบ่นเบาๆ เหมือนใจหายนิดๆ

    "ฟุริ...ฉันว่านายรีบวิ่งกลับบ้านเลยดีกว่านะ" ฟุคุดะเอ่ยด้วยความรู้สึกเหมือนใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม ยิ่งเมื่อนึกถึงเรื่องที่รุ่นพี่ตนเล่าให้ฟังแล้วยิ่งกลุ้ม

    "เอ๋?" ฟุริฮาตะเอียงคอน้อยๆ ราวกับไม่เข้าใจคำพูดของเพื่อนตน

    "ใช่ๆ! รีบกลับเถอะ! เดี๋ยวพวกฉันไปส่ง!" คาวาฮาระที่ดูจะไม่ต่างจากฟุคุดะเท่าไหร่นักเริ่มดึงมือเพื่อนตนออกวิ่ง

    "เดี๋ยวๆ พวกนายจะรีบพาฉันไปไหนเนี่ย?!" ฟุริฮาตะที่จับต้นชนปลายไม่ถูกเอ่ยถาม แต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไรเจ้าตัวจึงได้แต่วิ่งตามเพื่อนตนไปเท่านั้น...กระทั่งวิ่งมาพักหนึ่งจนฟุริฮาตะเริ่มที่จะเหนื่อย "พอก่อนเถอะ! ฉันเหนื่อยนะ!"

    "แต่ว่า..." ฟุคุดะทำท่าเหมือนลำบากใจแต่เมื่อเห็นว่าเพื่อนตนเหนื่อยเป็นหมาหอบแดดจริงๆ จึงจำใจต้องหยุดให้อีกฝ่าย "...พวกฉันอยากให้นายกลับไปถึงบ้านให้เร็วๆ นิ"

    "เดินสักนิดบ้านฉันมันก็ไม่หนีไปหรอกน่า" ฟุริฮาตะที่ไม่เข้าใจสีหน้าลำบากใจของเพื่อนตนเอ่ยแบบติดตลกเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่าย

    "กลัวนายไปไม่ถึงบ้านมากกว่า..." คาวาฮาระบ่นพึมพำเบาๆ

    "เมื่อกี้นายว่าไงนะ?" ฟุริฮาตะที่ได้ยินเสียงแว่วๆ มาเอ่ยถาม

    "เปล๊า!" คาวาฮาระรีบปฏิเสธทันที

    "แน่ใจน..." ฟุริฮาตะที่กำลังจะถามย้ำเบิกตากว้างเหมือนกำลังตื่นตนก "อันตราย!!!"

    "เอ๋?" โดยที่ไม่มีใครทันเข้าใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ร่างของฟุคุดะและคาวาฮาระก็ถูกผลักออกจากจุดเดิมก่อนที่จะมีบางอย่างเฉียดเส้นผมของทั้งสองไปเพียงนิดเดียว

    โครม!!!

    เสียงอันดังสนั่นดังขึ้นพร้อมกับแผ่นป้ายอันใหญ่อันหนึ่งที่ตกลงมาอยู่เบื้องหน้าเด็กหนุ่มทั้งสองที่ถูกผลักหลบเมื่อครู่ น้ำสีแดงไหลนองบนพื้นอย่างช้าๆ กลิ่นคาวชวนคลื่นไส้ลอยออกมาจางๆ

    "ฟุริ?" เสียงอันแผ่วเบาเอ่ยออกมาจากปากทั้งสองอย่างซ็อกกับเหตุการณ์เบื้องหน้า "ฟุริ!!!"

    เมื่อได้สติทั้งสองก็พยายามยกป้ายอันหนักอึ้งเกินที่กำลังคนสองคนจะยกขึ้นได้ออกจากร่างเพื่อนของตน...ที่ไม่รู้ว่าตอนนี้ยังมีลมหายใจหรือเปล่า แต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลยก็แล้วกัน!!!

    และพอคนรอบข้างเห็นว่ามีคนติดด้านใต้แผ่นป้ายก็พากันมาช่วยกันยกแผ่นป้ายขึ้นกับเด็กหนุ่มทั้งสองด้วย

    จนในที่สุดแผ่นป้ายก็ถูกยกออกได้สำเร็จ แต่สภาพของฟุริฮาตะ โคกิที่เข้ามาสู้สายตานั้นแทบทำให้ใครหลายๆ คนอยากจะเป็นลม...

    ...กับสภาพที่แขนข้างซ้ายที่ห้อยต๋อแต่งจะขาดแหล่ไม่ขาดแหล่ เช่นเดียวกับขาข้างขวาที่มีสภาพเดียวกัน ดวงตาข้างซ้ายถูกอะไรสักอย่างจิ้มเข้าไปจนเลือดไหลอาบไปทั่วใบหน้า...ถึงแม้ว่ายังโชคดีที่ป้ายที่หล่นลงเป็นแบบโคร่งก็เลยทำให้เจ้าตัวไม่ถึงกับเสียชีวิตทันที แต่สภาพร่อแร่ใกล้ตายแบบนี้ก็ชวนใจหายวาบเหมือนกัน!!!

    แต่ถือว่าโชคดีซ้ำสองที่รถพยาบาลที่ใครสักคนโทรเรียกมา มาถึงพอดีและนำตัวฟุริฮาตะไปส่งโรงพยาบาลอย่างทันทวนที

    หลังจากรถพยาบาลนำร่างของฟุริฮาตะไป ฟุคุดะกับคาวาฮาระก็อยู่ให้การกับตำรวจเล็กน้อยก่อนที่จะรีบตามเพื่อนตนไปที่โรงพยาบาลทันทีพร้อมกับโทรหาทางครอบครับของฟุริฮาตะกับคนในทีมตนระหว่างทางไปโรงพยาบาลด้วย โดยที่คาวาฮาระโทรหาทางครอบครับฟุริฮาตะ ส่วนฟุคุดะโทรหาคนในทีมตน

    'มีอะไรเหรอ? ฟุคุดะคุง?'

    "โค้ชครับ! แย่แล้ว!" ฟุคุดะรีบเล่าสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้โค้ชสาวฟังแบบไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะตามตนทันไหมเลย

    'ว่าไงนะ! ตอนนี้อยู่โรงพยาบาลไหนกันเนี่ย!?'

    "โรงพยาบาล★★★ครับ!"

    'โอเค! เดี๋ยวบอกคนอื่นให้!' เด็กสาวพูดแค่นี้ก่อนที่จะตัดสายไปในทันที ส่วนทางคาวาฮาระที่ดูจะโดนแว๊ดพอสมควรเมื่อวางสายก็ทำหน้าเจื่อนๆ ให้ฟุคุดะ

    พอทั้งสองมาถึงโรงพยาบาลก็รีบพากันไปรอที่หน้าห้องผ่าตัดที่เพื่อนตนอยู่ทันทีเลย และจากนั้นไม่ถึงยี่สิบนาทีเหล่าคนที่ได้รับข่าวเรื่องนี้ก็พากันมาถึงกันหมด

    ทุกคนพากันนิ่งเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักอย่างเดียวจนเวลาผ่านไปเกือบๆ  สามชั่วโมงหมอที่ทำการผ่าตัดก็เดินออกมา

    "หมอ!!! เป็นไงบ้าง!?!" ทุกคนพากันตะคุบคนเป็นหมอปานซอมบี้

    "อย่าทำท่าจะกินหัวหมอสิครับ หมอกลัว" คนเป็นหมอที่ดูจากการพูดไม่น่าเป็นหมอได้สักนิดยกมือทำท่าแบบว่ายอมแพ้ เมื่อโดนดวงตาหลายสีจับจ้องมา "ไม่ต้องห่วงครับ ยังไม่ตายแค่โคตรโชคร้ายเพราะมันอาจมีผลกระทบตามมาด้วยครับ"

    ...ใครรับมันมาเป็นหมอฟะ!?...

    ทุกคนเริ่มคิ้วกระตุกเมื่อฟังคำพูดของคนเป็นหมอ...คำพูดมันทำให้อยากถีบสักทีเหลือหลายแท้

    "แล้วตกลงผลกระทบนั้นคืออะไรครับ?" คุโรโกะที่ทำหน้านิ่งพยายามกดอารมณ์ลงถามขึ้น

    "เฮ้ย! มาตอนไหน!?" คนเป็นหมอสะดุ้งเฮือก

    "ตั้งแต่แรกแล้วครับ" คุโรโกะชักปวดหัวกับรายนี้ชอบกล...ถ้าเป็นท่าเหมือนคนปกติจะไม่ว่าเลย แต่ไหงโดดไปหลบหลังคางามิคุงล่ะครับ!!!

    "โคตรจืดอ่ะ!!!" คนเป็นหมอบ่นก่อนที่จะสะดุ้งเมื่อได้รับรังสีอาฆาตจากหลายๆ คน "โอเคๆ ไม่เล่นแล้ว...คือคนไข้ถ้าร้ายแรงสุดอาจไม่สามารถใช้แขนขาได้อีก ถ้าแบบดีที่สุดคือแค่ไม่สามารถออกกำลังกายหนักได้อีกแล้วเท่านั้น ส่วนเรื่องดวงตาหมอบอกเลยว่ารักษาไม่ได้ครับ"

    "..." พอได้ยินดังนี้ทุกคนก็ถึงกับเงียบ...ไอ้แบบที่ดีที่สุดที่หมอว่ามานั้นมันถือว่าแย่สำหรับฟุริฮาตะมาก เพราะนั้นหมายความว่าอีกฝ่ายไม่สามารถเล่นบาสได้อีกแล้วนั้น

    หลังจากได้รับฟังข่าวร้ายนี้แล้ว ขณะเดียวพยาบาลก็พาฟุริฮาตะไปที่ห้องพักผู้ป่วยโดยทุกคนเดินตามนางพยาบาลไปเป็นขบวนพร้อมกับคนเป็นหมอ

    พอมาถึงห้องพักผู้ป่วยได้สักสองชั่วโมงกว่าๆ ฟุริฮาตะก็ฟื้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว...แบบที่ทำให้พวกคุโรโกะเริ่มเชื่อนิดๆ ว่าหมอคนที่ผ่าตัดให้เพื่อนตนเป็นคนที่เก่งที่สุดในโรงพยาบาลอย่างที่นางพยาบาลว่าจริงๆ

    ...และคงน่าเชื่อถือกว่านี้ถ้าพูดจาดีกว่านี้หน่อย

    เมื่อฟุริฮาตะฟื้นปุ๊บ นายหมอคนเดิมก็ทำการตรวจปั๊บและจดๆ เขียนๆ อะไรในแผ่นซาทร์ก็ไม่รู้ก่อนที่จะบอกข่าวร้ายแต่ฟุริฮาตะทันทีแบบไม่ให้เจ้าตัวเตรียมตัวเลย

    ซึ่งตอนแรกทุกคนคิดว่าฟุริฮาตะคงซ็อกมาก แต่เปล่าเลย...ฟุริฮาตะทำเพียงยิ้มเศร้าๆ ออกมาเท่านั้น

    แต่คนที่คลั่งกลับเป็นคาวาฮาระกับฟุคุดะเสียเอง เพราะถ้าตอนนั้นตนไม่อยู่ด้วยฟุริฮาตะคงหลบป้ายนั้นไปได้แท้ๆ จนไปๆ มาๆ กลายเป็นน้ำตาแตกกันทั้งห้องเป็นเหตุให้คนป่วยต้องปลอบชาวบ้านแทน

    และหลังจากนั้นหมอนายเดิมก็เชิญทุกคนไปคุยเรื่องการกายภาพบำบัดที่ดูน่าจะใช่เวลานาน ก็เลยว่ากะให้ทั้งทางบ้านและเพื่อนที่โรงเรียนช่วยกัน...ซึ่งแน่นอนทุกคนเต็มใจช่วยอยู่แล้ว...

                    ...เพราะทิ้งฟุริฮาตะไว้คนเดียวนั้นแหละ ทำให้เมื่อกลับมายังห้องพักนั้นร่างของฟุริฮาตะ โคกิก็หายไปเสียแล้ว

     

     

     

     

     

    "...สรุปเรื่องทั้งหมดก็แบบนี้แหละ" ฟุคุดะทำเสียงแผ่วเหมือนกำลังนึกโทษตัวเองที่ทิ้งเพื่อนตนเองไว้...ทั้งๆ ที่รู้ว่าหลังจากเจอเรื่องแบบนี้อีกฝ่ายไม่มีทางไม่คิดอะไรได้เลยแท้ๆ

    "..." อาคาชินิ่งเงียบสนิก...ราวตุ๊กตาไร้ชีวิต

    "เซย์จัง..." มิบุจิเอ่ยเรียกกัปตันทีมตนที่ตนรู้ดีว่ากำลังซ็อกอยู่ แต่ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ... "...ไปตามหาโคจังเถอะ จากที่ฟังมาเนี่ย...สภาพโคจังน่าจะอยู่ในโรงพยาบาลนี่แหละ"

    "เงียบก่อนเรโอะ ฉันกำลังนึกว่าโคกิน่าจะไปจุดไหน..." อาคาชิเอ่ยเสียงเครียดพลางพยายามนึกเรียงเหตุการณ์ต่างๆ ในหัว...

    ...เริ่มแรกคือโคกิประสบอุบัติเหตุ

    ...ข้อสองคือโคกิไม่สามารถเล่นบาสได้อีกแล้ว

    ...ข้อสาม...โคกิโทรมาบอกลาเขา

    ...ข้อสี่...คาดว่าหลังจากนั้นโคกิเดินไปที่ไหนสักแห่ง

    ...ข้อห้า...เมื่อลองๆ คิดๆ ไปแล้วสรุปได้ว่าโคกิเมื่อรู้ว่าตนไม่สามารถเล่นบาสได้แล้วจึงโทรมาลาเขา...เพราะคิดว่าเขาจะทิ้งตัวเองหรือเปล่า?

    ...ถ้าเป็นแบบนั้น...หรือว่า...

    "...ล้อเล่นน้า" อาคาชิรีบวิ่งไปดูผังของโรงพยาบาลทันที

    "อาคาชิคุง! พอนึกอะไรออกเหรอครับ!?" คุโรโกะถามโดยตั้งความหวังว่ามีโอกาสที่จะหาเพื่อตนพบ

    "พอเดาออกแล้วล่ะว่าโคกิจะไปไหน!" อาคาชิมองแผนที่ตรงหน้าก่อนเดาะลิ้นอย่างขัดใจ "บ้าชะมัด! มีจุดที่โคกิน่าจะไปเยอะเกิน!"

    "ที่ไหนบ้างล่ะครับ!? เดี๋ยวพวกผมจะได้ไปดู!" คุโรโกะเอ่ยเร่ง

    "ทุกที่ที่เห็นท้องฟ้า!" อาคาชิตอบ

    "ห๊า!?" ดูทุกคนจะไม่เข้าความหมายนักแต่...มันก็น่าเสี่ยงล่ะ!

    "ไม่ต้องห๊า! เท็ตสึยะนายไป..." อาคาชิเริ่มจัดแจงให้แต่ล่ะคนไปยังจุดที่คาดว่าจะเจอตัวฟุริฮาตะ ซึ่งทุกคนก็ยอมทำตามแต่โดนดี เพราะทุกคนหามาหลายชั่วโมงแล้วปานนี้ยังไม่เจอตัวเลย!

    เมื่อทุกคนที่ตนจัดแจงให้ไปตามสถานที่ต่างๆ ไปหมดแล้ว อาคาชิก็รีบไปจุดหมายของตนเหมือนกัน...แม้มันจะเป็นสถานที่ที่ค่อนข้างกว้างเกินกว่าจะหาคนเดียวก็เถอะ แต่เขามั่นใจว่าฟุริฮาตะ โคกิต้องอยู่นั้น

    ...บ้าจริง! ทำไมเขาไม่นึกออกให้เร็วกว่านี้กัน!!!...

    ...อย่าทำอะไรบ้าๆ อย่างที่เขานึกกลัวล่ะ!!! โคกิ!!!...

    ปัง!

    เสียงเปิดประตูดังสนั่นพร้อมกับร่างผมแดงที่มายืนหอบอยู่ พร้อมมีลมเย็นๆ พัดผ่านเข้ามา...ดาดฟ้านั่นเอง

    "โคกิ!!!" อาคาชิตะโกนเสียงดังพลางมองหาเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลให้เจอ บนดาดอันมืดมิดที่มีเพียงแสงไฟจากภายในอาคารเท่านั้นที่ช่วยส่อทางให้อาคาชิ

    "อาคาชิ?" เสียงแผ่วๆ ดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงเหมือนคนชนอะไรสักอย่างเข้า

    "โคกิอยู่ไหน!?" อาคาชิเรียกอีกฝ่ายพร้อมพยายามเดินหาท่ามกลางความมืด แต่...ดันสะดุดไม้อะไรสักอย่างจนล้มหน้าทิ่ม =_=

    "อ...อาคาชิ! เป็นอะไรหรือเปล่า!?" เสียงอันตกใจของฟุริฮาตะดังขึ้นเมื่อเห็นคนผมแดงแน่นิ่งไปแล้ว มือเรียวเริ่มยื่นมาเขย่าตัวคนผมแดง "อาคาชิ! อาคาชิ! เฮ้! อย่าแกล้งกันนะ! อึก! ขยับสิ!"

    หมับ!

    "เหวอ!" ระหว่างที่ฟุริฮาตะหลุดร้องออกมาเมื่อมือคนที่นอนนิ่งราวศพเมื่อครู่คว้สมือตนเข้าหมับ

    "จับได้แล้ว" ร่างอาคาชิค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งพร้อมเอาไฟฉายมาส่อ...บ่งบอกว่าความจริงเจ้าตัวสามารถส่องทางเดินของตนได้ง่ายๆ ไม่ต้องมาเดินให้ชนให้สะดุดอะไรแบบเมื้อครู่เลยสักนิด

    "แกล้งกันเหรอ!?" ฟุริฮาตะทำแก้มป่องเมื่อรู้ว่าตนโดนหลอกเข้าแล้ว ยิ่งเห็นรอยยิ้มกว้างจากอาคาชินั้นบ่งบอกว่าวางแผนมาแต่ต้นแล้ว "เป็นห่วงแทบตาย!"

    "ก็ถ้าไม่ทำงี้ โคกิก็หนีฉันสิ..." อาคาชิเอ่ยด้วยสีหน้าน้อยใจ "...อีกอย่างตอนคุโรโกะบอกว่านายหายตัวไปฉันแทบหัวใจวายตายแหน่ะ ขอเอาคืนสักนิดจะเป็นไร"

    "...ถ้าหัวฟาดอะไรจริงๆ ขึ้นมามันขำไม่ออกนะ อาคาชิ" ฟุริฮาตะเอ่ยพร้อมกวาดตามองไปรอบๆ

    "อย่าคิดหนีเชียวนะ โคกิ..." อาคาชิเอ่ยดักเมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่าย พร้อมมองร่างคนรักตนด้วยสายตาเศร้านิดๆ "...ทำไมโคกิถึงโทรไปลาฉันแบบนั้นล่ะ? นายเกลียดฉันแล้วเหรอ?"

    "ป...เปล่า...ก็..." ฟุริฮาตะหลบสายตาที่จ้องมา...ฮือ อย่าจ้องอย่างอ้อนๆ แบบนั้นสิ! มันทำตัวไม่ถูกนะ! "...ฉัน...ไม่..."

    "โคกิ..." อาคาชิจับใบหน้าอีกฝ่ายให้สบตากันตรงๆ "...โคกิอยากไปจากฉันเหรอ?"

    "อ...เออ..." ฟุริฮาตะมองดวงตาสีแดงที่ดูเศร้าสร้อยนั้นแล้วถึงกับใจอ่อนยวบ "...ไม่ใช่หรอก แค่ฉัน...ไม่อยากให้อาคาชิเดือดร้อนและอีกอย่าง...ฉันก็ไม่มีประโยชน์กับนายแล้วนิ"

    "อย่าพูดแบบนั้นสิโคกิ ฉันไม่ได้เดือดร้อนอะไรสักหน่อย..." อาคาชิเอ่ยด้วยน้ำสียงจริงจัง "...ฉันยอมรับว่าตอนแรกฉันกะใช้ประโยชน์จากนายจริงๆ"

    "..." ดวงตาสีน้ำตาลมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจว่าต้องการจะสื่ออะไรออกมากันแน่ แต่ที่รู้แน่ๆ คือตอนนี้ตัวของอาคาชิกำลังสั่นอยู่ราวกับ...กำลังกลัว? "อาคาชิ?"

    "แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้วนะโคกิ..." อาคาชิลดมือลงมากุ่มมือข้างที่ไม่ได้บาดเจ็บของฟุริฮาตะแน่น "...ฉันรักนาย...รักที่สุด...ดังนั้น...อย่าไปจากฉันนะ โคกิ"

    "อาคาชิ..." ฟุริฮาตะมองดวงหน้าหล่อเหล่าของอีกฝ่าย "...นายร้องไห้เหรอ?"

    "โคกิ..." อาคาชิไม่เคยคิดว่าตนจะแสดงความอ่อนแอต่อหน้าคนอื่นได้มาก่อน...สำหรับเรื่องของคนคนนี้แล้วมันเกินที่เขาจะรับไหวจริงๆ "...ขอร้อง...จะให้ฉันทำอะไรก็ได้...อย่าทิ้งฉันไปนะ"

    "ไม่เป็นไรนะ..." ฟุริฮาตะเอ่ย "...ไม่เป็นไรหรอก เพราะว่าฉัน...อึก! ก็กลัวนายทิ้งฉันไปเหมือน...ก็เลยชิงบอกลานายก่อน...ก่อนที่นายจะทิ้งฉันไป"

    "โคกิ..." อาคาชิรู้สึกได้ถึงหยาดน้ำอุ่นๆ ที่ร่วงหล่นลงมามามือตน "...ฉันขอโทษ...ที่ทำให้นายทุกข์ใจขนาดนี้..."

    "ไม่หรอก" ฟุริฮาตะเริ่มยิ้มบางๆ ออกมา "แค่อาคาชิบอกว่าจะยังอยู่กับฉันก็พอแล้วล่ะ"

    "อื้ม ฉันก็เหมือนกัน...แค่โคกิอยู่กับฉันก็พอ" อาคาชิก็เริ่มยิ้มออกมาได้อีกคน

    "ฮาๆ" พอพูดจบทั้งคู่ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกัน...การที่ได้พูดความจริงกันออกมา ทำให้เด็กหนุ่มทั้งสองคลายความกังวลในใจไปเสียจนหมด

    "บ้าจังเนอะ ที่เราดันมากลุ้มเรื่องเดียวกันซะตั้งนานแหน่ะ" ฟุริฮาตะส่งยิ้มสดใสให้คนผมแดง

    "นั้นสินะ...ถ้าเราพูดกันแต่แรกคงไม่มาเครียดจนหัวแทบหงอกแบบนี้หรอก" อาคาชิขยี้เรือนผมอีกฝ่ายเบาๆ

    "อยากเห็นเหมือนกันแฮะ อาคาชิหัวหงอกน่ะ" ฟุริฮาตะเอ่ยขึ้นอย่างนึกสนุก

    "รับรองหล่อเหมือนเดิมแน่ แต่ฉันยังไม่คิดอยากหัวงอกตอนนี้หรอกนะ..." อาคาชิส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนที่จะพยุยคนรักตน...ไม่สิ ต้องเรียกว่าอุ้มต่างหากล่ะขึ้นมา แถมอุ้มท่าเจ้าสาวเสียด้วย "เราลงไปข้างล่างกันเถอะ ปานนี้ทุกคนหากันแย่แล้ว"

    "เหวอ! อาคาชิ! ฉันเดินเองได้น่า!" ฟุริฮาตะคว้าคออาคาชิหมับแบบคนกลัวตก

    "ต่อให้เดินได้ แต่ฉันอยากอุ้มนิ" อาคาชิตอบหน้าตาย

    "ง่ะ! อาคาชิขี้แกล้งอ่ะ!" ฟุริฮาตะโวยเล็กน้อย ก่อนที่จะถามเรื่องที่ตนติดใจเรื่องหนึ่ง "ว่าแต่...อาคาชิรู้ได้ไงว่าฉันอยู่บนดาดฟ้า? มีอาคาชิคนเดียวเลยนะที่ขึ้นไปหาน่ะ"

    "ก็เดาจากเรื่องที่ฟังมาทั้งหมดจากเพื่อนนายกับที่นานโทรมาน่ะ..." อาคาชิอธิบาย "...ฉันเลยเดาว่านายน่าจะไปในที่ๆ เหมือนกับที่ฉันขอคบนายครั้งแรก...ซึ่งก็คือที่ที่เห็นท้องฟ้าชัดเจนที่สุดหรือก็คือดาดฟ้านั่นแหละ"

    "อาคาชิคาดเดาเหมือนนักสืบในการ์ตูนเลยนะ" ฟุริฮาตะเอ่ยขึ้นมา

    "ถ้าฉันเป็นนักสืบนายก็กลายเป็นแฟนนักสืบดิ?" อาคาชิยิ้มบางๆ

    "ใช่ที่ไหนล่ะ! ต้องเป็นคู่หูสิ!" ฟุริฮาตะโวยวายราวเด็กๆ

    "ครับๆ" อาคาชิเอ่ยเหมือนกำลังแกล้งคน และก่อนที่ฟุริฮาตะจะได้พูดอะไรต่อก็...

    "ฟุริ!!! หายไปไหนมา~~~~!!!" สองหน่อเพื่อนสนิกของฟุริฮาตะก็พุ่งเข้ามาหาราวซอมบี้...และคงชนกันเต็มๆ ถ้าอาคาชิหลบไม่ทัน

    "เฮ้! เจอแล้วเหรอ!?" เด็กหนุ่มผมสีเพลิงวิ่งตามเสียงมา

    "จริงดิ!?" เสียงดังขึ้นต่อเป็นทอดๆ จนกระทั่งทุกคนในการร่วมตามหาตัวฟุริฮาตะนั้นมายืนอัดอยู่ในจุดๆ เดียว

    "นายหายไปไหนมาเนี่ย!?" ฮิวงะถามทันทีที่มาถึง...เป็นคนสุดท้าย

    "แฮะๆ คือว่า..." ฟุริฮาตะยิ้มแห้งๆ แบบหาข้อแก้ตัวไม่ออก

    "โคกิเดินไปดูดาวบนดาดฟ้าแล้วเผลอหลับไปน่ะ" อาคาชิที่เห็นว่าคนรักตนนึกจ้อแก้ตัวไม่ออกจึงเอ่ยแก้ต่างให้แทน

    "...จะยังไงก็ช่างเถอะ...กรุณากลับห้องผู้ป่วยด้วยครับ..." เสียงที่ไม่คุ้นหูอาคาชิดังขึ้นพร้อมกับร่างคนในชุดหมอคนหนึ่งโผล่มา "...หมอจะโดนพวกบุรุษพยาบาลกับนางพยาบาลงับหัวอยู่แล้ว"

    "...นี่หมอแน่นะ?" อาคาชิถามอย่างอดไม่ได้...

    ...ก็นะ หมอที่ไหนหัวสีเขียวสะท้อนแสงแสบตาแบบนี้ล่ะ! สีแสบตาชนิดที่ว่าไม่คิดว่าจะมีใครกล้าทำเลย! แต่ตาดันเป็นสีส้มตัดกันอีก! การพูดการจาก็ดูไม่น่าเชื่อถือ แถมยังสวมรองเท้าแตะ...ไม่มีมาดให้เป็นหมอสักนิด!

    "ก็อย่างที่เล่าไปนั้นแหละ" ฟุคุดะเอ่ยพร้อมยิ้มแห้งๆ ...นี่เขาคงคิดผิดสินะที่ไม่ได้เล่ารายละเอียดของหมอคนนี้ลงไปด้วย

    "ครับๆ กระผมเป็นหมอครับ กรุณารีบๆ กลับห้องพักเถอะครับ มันขวางทางชาวบ้านนะ" คนเป็นหมอเดินไปดันหลังอาคาชิเป็นเชิงว่าให้เดินไป

    "...นี่มันหมอโลกไหนเนี่ย?" อาคาชิพึมพำเบาๆ

    "หมอโลกนี่แหละ..." นายหมอคนเดิมดันหูผีได้ยินอีกแหน่ะ "...แค่อยากแหว่งแนวกว้างชาวบ้านแค่นั้น อีกอย่างขอบอกเลยนะ สีผมนี่เป็นสีธรรมชาติไม่ได้ย้อม อย่าคิดว่าฉันกล้ายอมสีพิลึกแบบนี้เด็ดขาด...ถ้าไม่ติดว่าขี้เกียจปานนี้ไปย้อมนานแล้ว"

    "ถามจริง..." ทุกคนเริ่มทำหน้าตายขึ้นมาทันที...นี่สีธรรมชาติจริงดิ!?

    "งั้นวันหลังกรุณาไปย้อมเถอะครับ...ชาวบ้านเขาจะได้เชื่อถือ..." ฮิวงะพูดอย่างอดไม่ได้

    "ควรเปลี่ยนรองเท้าที่ใส่ด้วย" คิโยชิเอ่ยต่อ

    "ไปฝึกการพูดด้วยยิ่งดี" มายุสุมิเอ่ยอย่างคิ้วกระตุกนิด...ตอนที่ฟังคนอื่นเล่าเขาไม่คิดว่าจะดูไม่น่าเชื่อถือขนาดนี้!

    "ได้ที่เอาเชียว" คุณหมอคนเดิมบ่นน้อยๆ

    "มันก็สมควรล่ะฟะ!" เสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับแผ่นชาตท์อันหนึ่งสับลงบนหัวเขียวๆ ของคนที่ดันหลังอาคาชิอยู่ "มักแอบโดดงาน หนีไปเที่ยวเล่นตอนเวลางาน แอบเอาขนมมากินในห้องพัก แต่งตัวไม่ถูกระเบียบ แถมเมื่อกี้ได้ยินว่าทำคนไข้หายนิ?"

    "เจ็บนะครับไอ้คุณหัวแมว!" คนโดนตีหัวแยกเขี้ยวใส่คนที่ทำร้ายตน "แล้วนายดีกว่าฉันสักแค่ไหนเชียว?!"

    "...ใครอีกล่ะเนี่ย?" อาคาชิชักอยากให้คนรักตนเปลี่ยนโรงพยาบาลชอบกล...ทำไมแต่ละคนทำไมดูมาดไม่ให้จังวะ!? คนนี้ก็ผมเขียวตาส้ม คนที่มาใหม่นี่ดันผมแดงสดตาเขียว! แถมทรงผมยังชี้ขึ้นตรงข้างๆ เป็นรูปหูแมวพอดีอีก!

    "สวัสดีครับ ผมเป็นหมอในโรงพยาบาลนี้และเป็นเพื่อนไอ้บ้านี้ครับ" คนผมแดงเอ่ยด้วยท่าทางต่างจากเมื่อครู่ราวฟ้ากะเหว...เอาเถอะ อย่างน้อยก็ให้ความรู้สึกเป็นหมออยู่ล่ะนะ

    "เออ...สวัสดีครับ" ทุกคนเอ่ยทักกลับอย่างเอ๋อๆ

    "...โรงบาลนี้...มันอะไรกัน..." อาคาชิบ่นกับตัวเองเบาๆ ก่อนที่จะถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆ

    หลังจากที่นายแพทย์สุดต่างขั่วทั้งสองพาฟุริฮาตะและทุกคนกลับมาถึงห้องพัก ก็ทำการตรวจอะไรต่างๆ ตามแบบฉบับคนเป็นหมอก่อนที่จะจบความวุ่นวายในวันนี้ด้วยการที่ได้ดูหมอสองคนเถียงกันนั้นเอง

     

     

     

     

     

    สามเดือนต่อมา

    "ฟุริ! ไปกินข้าวด้วยกันไหม?!" ฟุคุดะตบไหล่เพื่อนตนเบาๆ ในยามเลิกซ้อมของทีมตามปกติ...

    ...นับแต่วันที่ฟุริฮาตะออกจากโรงพยาบาลมาถึงยังปัจจุบันนี้ บาลแผลทั้งหลายแหลยของฟุริฮาตะก็หายเป็นปกติดีจนหมด สามารถเดินไปไหนมาไหนเองได้โดนที่ไม่ต้องมีคนช่วยแบบตอนแรกๆ จะมีก็แค่รอยแผลเป็นจากการผ่าตัดกับดวงตาที่มืดบอดข้างหนึ่งที่ถูกปกปิดใต้ผ้าปิดตาสีขาวตลอดเวลาเท่านั้นที่เป็นเครื่องบ่งบอกว่าเจ้าตัวเคยเฉียดตายมาขนาดไหน...

    ...ทุกอย่างยังคงเป็นปกติดีทุกอย่างไม่ต่างจากยามก่อนประสบอุบัติเหตุในครั้งนั้นมากนัก ที่จะต่างก็มีเพียงตัวฟุริฮาตะนั้นไม่สามารถเล่นบาสได้อีก...แต่ด้วยความที่ว่าไอดะ ริโกะที่เป็นโค้ชของทีมเสนอว่าให้ฟุริฮาตะมารับตำแหน่งผู้จัดการที่รกร้างจนใยแมงมุมขึ้น ทำให้ฟุริฮาตะยังคงอยู่ในทีมบาสเซย์รินได้ดั่งเดิม

    "ไม่ล่ะ พอดีนัดอาคาชิไว้น่ะ" ฟุริฮาตะยิ้มแห้งๆ พร้อมส่งสายตาที่ไม่มีผ้าปิดตาข้างเดียวเป็นเชิงขอโทษให้เพื่อนตน

    "อ๋อ~" ฟุคุดะพยักหน้าอย่างเข้าใจ "หวานกันจริงๆ น้าพวกนายเนี่ย~"

    "นั่นสิน้า~~~" คาวาฮาระแหย่เพื่อนตนอีกคน

    "โธ่! อย่าล้อกันสิ!" ฟุริฮาตะเอ่ยด้วยหน้าที่ขึ้นสีแดงระเรื่อนิดๆ...

    ...สิ่งที่ต่างไปอีกอย่างหลังจากอุบัติเหตุครั้งนั้นคือ...อาคาชิ เซย์จูโร่ดันประกาศในวันที่เขาออกจากโรงพยาบาลว่า...

    'ฟุริฮาตะซัง ผมขอโคกิเป็นภรรยานะครับ!!!'

    ...ออกมาท่ามกลางทุกคนน่ะสิ!!! ...ว่าตามจริงวันนั้นเล่นเอาทุกคนซ็อก

    'ไม่น้าาาา!!! น้องฉานนนน!!!' นี่คือคำพูดของพี่เขา

    'เอาจริงดิ?' นี่คือคำบ่นพร้อมกุ้มหัวอย่างคนไมเกรนขึ้นจากพ่อเขา

    'ดีจัง ได้ลูกเขยแล้ว^^' นี่คือคำพูดของแม่...ที่ดูท่าจะติดเชื้อสาววายมาซะแล้ว

    'เจ๋งเลย เซย์จัง' นี่จากมิบุจิซังที่สีหน้าดูปลื้มมาก

    'ฉันควรดีใจให้ใช่ไหมเนี่ย?' สีหน้าเหมือนจะแสดงอารมณ์ไม่ถูกจากมายุสุมิซัง

    'ดีใจด้วยนะ!' สีหน้าร้นๆ จากฮายามะซัง

    'ง่ำๆ' และเสียงกินแหลกแบบไม่สนใจใครจากเนบุยะซัง

    'พวกนายเอาจริง?' นี่คือเสียงจากคนอื่นที่เหลือพร้อมสีหน้าเหมือนกินยาขม...ทั้งหมดนี่ยังไม่เท่าไหร่...

    'แต่งกันเมื่อไหร่อย่าลืมชวนหมอไปล่ะ...เดี๋ยวคิดค้นยาทำให้ผู้ชายท้องไปให้'

    'ใครให้นายเอาคนอื่นเป็นหนูทดลองกันห๊า!?'

    'ใครบอกล่ะ นายต่างหากที่ต้องเป็นคนลองก่อนน่ะ...ไม่ต้องห่วง ระหว่างที่ทำกันฉันจะพยายามไม่ให้นายเจ็บนะ'

    'ไปตายซะ! ไอ้แมลงวันหัวเขียวเอ้ย!!!'

    ...ไม่มีอะไรน่าปวดหัวเท่ากับคุณหมอทั้งสองที่เถียงกันเลยสักนิด!!!

    ...เฮ้อ คิดแล้วก็ปลง แต่ช่างมันเถอะ เรื่องมันผ่านๆ มาแล้วก็ให้ผ่านๆ ไปเถอะ...และหวังว่าคุณหมอหัวเขียวนั้นจะลืมเรื่องที่พูดไปนะ ไม่งั้นเขาสงสารคุณหมอหัวแดงตายเลย

    "ฟุริฮาตะคุง..." เสียงที่ดังแผ่วขึ้นมาทำให้เด็กหนุ่มทั้งสามสะดุ้ง โดยเฉพาะฟุริฮาตะที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ สะดุ้งหนักกว่าชาวบ้านนิดหน่อย

    "โธ่! โผล่มาแบบดีๆ บ้างเถอะ! คุโรโกะ!" ฟุริฮาตะโวยใส่เพื่อนตนนิดๆ

    "ขอโทษครับ..." ดวงตาสีฟ้ามองคนผมสีน้ำตาลนิ่งๆ "...ฟุริฮาตะคุง ถ้าโดนอาคาชิคุงแกล้งให้รีบบอกผมเลยนะครับ"

    "อื้มๆ เข้าใจแล้ว..." ฟุริฮาตะพยักหน้าตอบไป "...ฉันรีบไปก่อนนะปานนี้อาคาชิรอนานแล้ว"

    "โชคดีนะ / ครับ และอย่าคิดวิ่งไปเชียวนะเฟ้ย! / ครับ!" ฟุคุดะ คาวาฮาระ คุโรโกะโบกมือลาให้ฟุริฮาตะที่เริ่มวิ่งจากไป

    "โทษทีๆ ลืม" ฟุริฮาตะเอ่ยก่อนที่จะหันไปเรียกแท็กซี่มาแทน และจากนั้นฟุริฮาตะก็มาถึงจุดหมายอย่างรวดเร็ว

    เด็กหนุ่มรีบจ่ายค่าแท็กซี่ก่อนที่จะวิ่งไปหาคนผมแดงที่ยืนรออยู่...

    "ขอโทษนะ อาคาชิ...รอนานไหม?" ฟุริฮาตะเอ่ยถาม

    "ไม่หรอก สำหรับโคกิรอกี่ชั่วโมงก็ได้อยู่แล้ว" อาคาชิเอ่ยเชิงแหย่น้อยๆ

    "อาคาชิอ่ะ!" ฟุริฮาตะหน้าแดงขึ้นเล็กน้อย

    "หึๆ" อาคาชิยกมือขยี้เรือนผมสีน้ำตาลอย่างเอ็นดู "เราไปกันเถอะ เดี๋ยวร้านเต็มซะก่อน"

    ...พูดไปงั้นแหละ เขาโทรจองไว้ก่อนแล้ว...

    "อื้ม! ไปกันเถอะ!" ฟุริฮาตะจับมือคนผมแดงอย่างเริงร่า อาคาชิก็ยิ้มให้น้อยก่อนที่จะเริ่มจับมืออีกฝ่ายอย่างแนบแน่น...

    ...สำหรับอาคาชิ เซย์จูโร่ที่ไม่ว่าใครๆ ก็บอกว่าสมบูรณ์แบบนั้นในเวลานี้รู้สึกสุขใจที่สุดในชีวิต...อย่างไม่เคยคิดว่าตนจะสุขใจได้ถึงเพียงนี้

    ...และหวังว่าฟุริฮาตะ โคกิ...ผู้เป็นดั่งแสงตะวันที่ส่องนำทางสู่วันใหม่ของเขาคนนี้จะไม่จางหายไปไหน

    ...เหมือนดั่งความรักของพวกเราที่จะไม่มีวันจางหายไปไหน

    ...ตลอดไป...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    End

     




    Cr. かお
    http://www.pixiv.net/member_illust.php?mode=manga&illust_id=46623143

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×