ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fanfic knb by shiko

    ลำดับตอนที่ #124 : [KagaFuri] タイガー

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.23K
      29
      31 ต.ค. 58

    Title :  タイガ

    Fandom : Kuroko no Basket

    Paring : Kagami x Furihata

    Notes : s // มาแล้วจ้า อันดับ 13 ของการโหวดในครั้งนี้ได้แก่...คางามิ ไทกะจ้า!!! ขอเชิญลงฟิคไปเลยจ้า!!!

    คางามิ // ...วันนี้ไม่ป่วนแฮะ (มองด้วยสายตาแปลกใจ)

    S // พอดีวันนี้ขี้เกียจอ่ะ (เสกประตูเชื่อมไปยังฟิคให้)

    คางามิ // บางทีเธอขี้เกียจนี่ก็ดีแฮะ (เดินลงฟิคไปอย่างสบายใจ)

    S // ...คิดผิดที่ไม่แกล้งหรือเปล่าเนี่ย? (ถอนหายใจ)

    ................................................................

    タイガー

     

    "ใครก็ได้! จับมันเร็ว!!!" เสียงตะโกนโหวเหวงดังไปทั่วทั้งบริเวณ เพื่อไล่ตามร่างเล็กๆ ที่ใช้ขาทั้งสี่เพื่อวิ่งหนีผู้ที่ไล่ตามมา

    เจ้าลูกเสือตัวน้อยวิ่งสุดชีวิตเพื่อหนีพวกที่ไล่ล่าเพื่อสังหารตน ก่อนที่จะวิ่งไปเจอบ้านหลังหนึ่งเข้า

    เสือน้อยที่เหนื่อยใจจะขาดตัดสินใจเข้าไปแอบภายในบ้านหลังนั้นโดยหวังว่าจะไม่มีใครมาพบเข้าเสียก่อน...

    "เอ๊ะ!?"

    ...แต่ดูเหมือนโชคจะไม่เข้าข้างเมื่อดันเข้ามาเจอกับคนในบ้านเต็มๆ!

    "เสือ? มาทำอะไรเนี่ย?" เด็กน้อยวัยเจ็ดขวบผู้มีเรือนผมสีน้ำตาลอุ้มเจ้าเสือน้อยขึ้นมา ดวงตาสีน้ำตาลใสมองสิ่งที่อุ้มอย่างแปลกใจ "ไปโดนอะไรมาเนี่ย? แผลเต็มตัวเลย..."

    "โดนไล่มา...อุ๊บ!" เสียงที่เป็นภาษามนุษย์หลุดออกมาจากปากลูกเสือก่อนที่เจ้าเสือน้อยจะยกข้างหน้าปิดปากตนเอง

    "เสือ...พูดได้?" เด็กน้อยดูท่าจะถึงกับเอ๋อกินเมื่อได้ยินเสือพูดได้ครั้งแรกในชีวิต "ปกติเสือพูดได้ด้วยเหรอ?"

    "ปกติไม่ แต่ข้าถือว่ายกเว้น" เจ้าเสือตอบเด็กชายตรงหน้า...อย่างไรเขานึกข้อที่จะแถไม่ออกนิ

    "เอ๋ เหรอ..." เด็กน้อยวางเสือตัวน้อยลงบนโต๊ะและหยิบยาสารพัดออกมาจากกล่องไม้ "...แล้วไปทำอีท่าไหนโดนไล่มาล่ะ?"

    "เผลอหลุดพูดแบบนี้ไง" ...ที่จริงก็ไม่อยากจะยอมรับหรอก แต่เขาดันปากสว่างเผลอหลุดพูดออกมาเองนี่น่า!!!

    "เกี่ยวเหรอ?" เด็กชายถาม

    "เกี่ยวสิ...เกี่ยวมากด้วย..." ดวงตาสัตว์สีเพลิงมองที่เด็กชายตรงหน้า "...สัตว์พูดได้ใครๆ ก็คิดว่าเป็นปีศาจทั้งนั้นแหละ"

    "ปีศาจ? ไม่เห็นเหมือนเลย...เจ้าดูน่ารักดีออก" เด็กน้อยเอ่ยพลางทำแผลเจ้าแมวใหญ่ตรงหน้า

    "เหมือนไม่เหมือนไม่รู้ แต่รู้แน่ๆ คือข้าไม่ได้น่ารัก!" เจ้าเสือทำหน้ามุ่ย "ข้าหล่อต่างหากล่ะ!"

    "ครับๆ หล่อก็หล่อ" เด็กน้อยเอ่ยแบบขี้เกียจเถียง "ว่าแต่...ตกลงเจ้าเป็นอะไรเหรอ? เมื่อกี้เท่าที่ฟังดูเหมือนเจ้าจะไม่ได้เป็นปีศาจนิ?"

    "ข้าเป็น...เทพน่ะ" เจ้าเสือตอบเสียงแผ่ว "ไม่ต้องงง...ถ้าเป็นเทพจริงๆ เป็นเทพแห่งไฟน่ะ"

    "เทพเขาอยู่ในร่างเสือกันเหรอ?" เด็กน้อยถาม

    "ปกติอยู่ในร่างมนุษย์นั้นแหละ แต่กรณีข้าถูกถีบลงมาเลยโดนให้อยู่ในร่างสัตว์น่ะ...แถมไอ้บ้านั้นยังให้ข้าอยู่ในร่างเสือเพราะมันเข้ากับชื่อข้าดีอีก!" เจ้าเสือบ่นเป็นหมีกินผึ้ง "ยังดีที่บอกว่าถ้าจะกลับร่างมนุษย์ก็กลับได้ แค่มีหูมีหางเพิ่มเท่านั้น...ถึงพลังของเทพจะถูกผนึกไว้ส่วนใหญ่ก็เถอะ"

    "เหรอ ว่าแต่...แล้วเขาไล่เจ้าลงมาทำไมล่ะ?" เด็กน้อยถามต่อ

    "เห็นบอกว่าคำทำนายอะไรสักอย่างนี่แหละ บอกว่าหน้าที่ข้าต้องเป็นการทำลายล้างอะไรสักอย่างก่อนถึงจะเหมาะสมกับตำแหน่ง และเพื่อการนั้นจึงถีบข้ามานี่เพื่อรู้จักความแค้นน่ะ...แค้นชนิดทำลายทุกสิ่งโดยไม่สนอะไรด้วย" เสือน้อยเอาขาหน้าเกาหัวเบาๆ

    "แค่นั้นเหรอ?" เด็กน้อยเอียงคอถามอย่างน่ารัก

    "นี่มันไม่เรียกว่าแค่หรอกนะ..." เจ้าเสือถอนหายใจเฮือกใหญ่ "...เจ้านี่แปลกคนเสียจริง"

    "ฮาๆ คงงั้นแหละ" เด็กน้อยกล่าวยอมรับอย่างไม่คิดปฏิเสธเลยสักนิด "เอ้า! เสร็จแล้ว!"

    "ขอบคุณมาก..." เสือน้อยเอ่ยออกมา "...ข้า...ควรทำไงต่อดีเนี่ย?"

    "ไม่รู้สิ..." เด็กน้อยหยักไหล่ "...เอางี้ไหม? ถ้าเจ้ายังไม่รู้จะทำไงต่อไปก็มาพักกับข้าก่อนสิ...จนกว่าเจ้าจะคิดออกว่าอยากจะทำอะไรต่อ"

    "แล้วแบบนี้พ่อแม่เจ้าจะไม่ว่าเหรอ?" เจ้าเสือถาม...ต่อให้เด็กน้อยไม่คิดอะไรกับที่เขาอยู่ด้วย แต่พ่อแม่อีกฝ่ายจะยอมรับง่ายๆ เหรอ?

    "ข้าไม่มีพ่อแม่หรอก..." เด็กน้อยเอ่ยด้วยสายตาที่ดูเศร้าเล็กน้อย "...พ่อแม่ข้าเสียตั้งแต่ข้าเกิดน่ะ ยายที่เป็นผู้เลี้ยงดูข้าก็เสียไปเมื่อสองปีก่อน"

    "ขอโทษ...ข้าไม่รู้" เจ้าเสือรู้สึกผิดที่ดันเผลอไพูดจี้ปมตรงนั้นซะได้

    "ไม่เป็นไรหรอก" เด็กน้อยเอ่ยด้วยสีหน้าที่กลับมายิ้มแย้มคล้ายกับ...เคยชิน "ตกลงเจ้าจะมาอยู่กับข้าไหม?"

    "อื้ม รบกวนด้วย" เสือน้อยตอบรับ...อย่างไรเสียเขาก็ไม่มีที่ไปอยู่แล้ว

    "เช่นกัน..." เด็กน้อยลูบหัวเสือน้อยเบาๆ "...เจ้าชื่อว่าอะไรล่ะ?"

    "ข้า...คางามิ ไทกะเป็นเทพแห่งไฟ ยินดีที่ได้รู้จัก"

    "ข้าฟุริฮาตะ โคกิ...ผู้ได้รับฉายานามว่าผู้ต้องสาป ยินดีที่ได้รู้จักนะ"

     

     

     

     

     

    "ไอ้คนหมู่บ้านนี้ไม่มีเหตุผลเลยโว้ย!!!" เสียงโวยวายดังออกมาจากเด็กน้อยวัยห้าขวบผมสีเพลิง ซึ่งมีหูกับหางเสือปรากฏบนร่างกาย "แกล้งเจ้าและหาว่าเจ้าเป็นตัวอัปมงคลเนี่ยนะ!? สมองมันทำด้วยฟองน้ำหรือไง!?"

    "ใจเย็นๆ สิคางามิ..." ฟุริฮาตะนั่งลงข้างๆ คนที่โวยวายไม่หยุด "...โวยไปก็ใช่ว่าเปลี่ยนความคิดคนอื่นได้นิ"

    "เจ้าก็น่าจะเถียงกลับบ้างสิ! ไม่ใช่ยิ้มรับอย่างเดียว!" คางามิทำหน้ามุ่ย...ตั้งแต่เขามาอยู่กับฟุริฮาตะ ตอนนี้ก็ผ่านมาสองสัปดาห์แล้วและตลอดเวลานี้เขาได้ยินคำนินทาว่าร้ายฟุริฮาตะมันทุกวี่ทุกวันจนน่าโมโหเลย! ฟุริฮาตะก็เป็นคนดีเกิน! ไม่เถียงกลับมันบ้างเลย!

    "เถียงไปสุดท้ายก็เหมือนเดิมแหละ ช่างเขาเถอะ" ฟุริฮาตะยิ้มแห้งๆ ให้กับคนอารมณ์ร้อน "เอาดังโงะไหม?"

    "เอา!" คางามิคว้าดังโงะในมือฟุริฮาตะไปกินทันที

    "หึๆ" ฟุริฮาตะขำเบาๆ กับคางามิที่เห็นแก่กินเหลือหลาย

    "นี่ๆ ฟุริ..." ดวงตาสีเพลิงจ้องมองฟุริฮาตะ "...เจ้าไม่คิดจะออกจากหมู่บ้านนี่บ้างเหรอ? ถ้าไม่ที่อื่นอาจไม่มีคนแกล้งเจ้าก็ได้"

    "ไม่หรอก...อยู่ที่นี่น่ะดีแล้ว..." ฟุริฮาตะลูบเรือนผมสีเพลิงอย่างเอ็นดู "...ที่นี่เป็นที่ที่ข้าเกิด ข้าไม่อยากทิ้งมันไปหรอก...อีกอย่างสักวันผู้คนคงเข้าใจข้าเองล่ะมั้ง"

    "ไม่อยากตัดกำลังหรอกนะ แต่ข้าว่ามันเป็นไปได้ยากวะ" คางามิทำหน้ามุ่ย "แต่ไม่เป็นไร ข้าจะปกป้องฟุริเอง!"

    "ไม่คิดจะหาทางกลับแดนตัวเองเหรอ?" ฟุริฮาตะถาม

    "ไอ้นั้นไว้คิดทีหลังก็ได้! ฟุริสำคัญกว่า!" คางามิพูดอย่างใสซื่อด้วยใจบริสุทธิ์

    "งั้นเหรอ?" ฟุริฮาตะยิ้มบางๆ ออกมา "ขอบใจนะ คางามิ"

    "อื้อ! ไม่เป็นไรหรอก!" คางามิยิ้มสว่างไสวมาให้ "ฟุริ! เราเข้าป่าไปหาอาหารเย็นกันเถอะ!"

    "อื้ม นั้นสินะ...ไปกันเถอะ..." ฟุริฮาตะจูงคางามิออกจากไปในป่าเพื่อล่าหาอาหารเย็น...ที่จริงถ้าเป็นคนอื่นน่ะแค่ไปซื้อในตลาดก็ได้แล้ว แต่ตัวเขาเป็นที่รังเกียจของคนในหมู่บ้านเลยทำให้ต้องหากินเอง

    ฟุริฮาตะกับคางามิไปหาของในป่าจนเย็นถึงค่อยกลับมาที่บ้านอีกครั้ง และเมื่อเปิดประตูเข้าไปในบ้านทั้งสองก็ถึงกับนิ่งอึ้งในสิ่งที่เห็น...

    ...สภาพบ้านถูกรื้อกระจัดกระจายไปหมด ข้าวของล้มระเนระนาดไปหมด ราวกับมีพายุเข้าอย่างไรอย่างนั้น...ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นฝีมือใครสักคนในหมู่บ้านแน่

    "ฟุริ..." คางามิเรียกฟุริฮาตะเบาๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งไป "...อยากให้ข้าไปจัดการคนที่ทำแบบนี้ไหม? ข้าตามกลิ่นได้นะ"

    "ไม่ต้องหรอกคางามิ...ไม่ต้อง" ฟุริฮาตะยิ้มบางๆ ให้เด็กน้อยผมสีเพลิง "ช่วยถือของรอแป๊บนะ เดี๋ยวข้าจัดข้าวของแป๊บ"

    "อื้ม" คางามิขานรับขณะที่มือทั้งสองกำแน่น...เขาจับสัมพัสความรู้สึกของสิ่งมีชีวิตต่างๆ ได้ และเขารู้ดีว่าฟุริฮาตะเศร้าแค่ไหน แต่เมื่อเจ้าตัวไม่ยิ่นดีแสดงออกมาเขาก็ไม่อย่างบังคับ เขาไม่อยากเห็นน้ำตาของคนคนนี้

    เวลาผ่านไปสักพักฟุริฮาตะก็จัดบ้านจนอยู่ในสภาพอยู่ได้ และพากันทำข้าวเย็นกันตามปกติ

    พอกินเสร็จฟุริฮาตะก็พาคางามินอนตามปกติโดยที่เจ้าตัวบอกว่าจะนอนทีหลังตอนนี้ขอเก็บกวาดของก่อนเลยปล่อยให้คางามินอนคนเดียว เวลาผ่านไปคางามิก็ตื่นขึ้นมากลางดึกและเห็นแสงเทียนลอดผ่านประตูมา...

    ...เด็กน้อยผมสีเพลิงมองลอดผ่านประตูไป ภายในห้องคางามิเห็นฟุริฮาตะนั่งอยู่หน้าแสงเทียน ดูรูปถ่ายใบหนึ่งพร้อมกับ...น้ำตาที่ไหลอาบแก้ม

    คางามิมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกเจ็บปวดในใจ...เขาไม่อยากเห็นน้ำตานั้นจากฟุริฮาตะ ไม่อยากเห็นความเศร้าจากคนคนนี้เลย ตัวตนของฟุริฮาตะ โคกิเหมาะกับรอยยิ้มมากกว่าน้ำตาแบบนี้

    และในเวลานั้นเองเทพแห่งไฟคางามิ ไทกะก็ได้ตัดสินใจว่า...จะต้องแกร่งขึ้นกว่านี้และปกป้องฟุริฮาตะให้ได้!

     

     

     

     

     

    เวลาล่วงเลยไปนานนับปี จนบัดนี้เด็กน้อยทั้งสองได้แปรเปลี่ยนเป็นเด็กหนุ่มตามอายุที่เพิ่มขึ้นและมีหลายๆ อย่างเปลี่ยนไปมากโดยเฉพาะ...เรื่องคนที่มาแกล้งฟุริฮาตะ โคกิที่ไม่ค่อยจะมีแล้ว

    "ไปมีเรื่องกับใครมาอีกล่ะ? คางามิ?" เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลถอนหายใจเบาๆ ผผมยาวสรวยที่ถูกมัดเป็นเปียหลวมๆ พริ้วไหวตามการขยับของร่างกายเมื่อเห็นคนผมสีเพลิงที่เดินเข้ามาในบ้านสภาพสะบับสะบอมเชกเช่นทุกวัน...

    ...ตั้งแต่คางามิ ไทกะมาอยู่กับเขาก็ผ่านมาสิบกว่าปีแล้ว ซึ่งทุกๆ วันคางามิมักจะกลับมาพร้อมบาดแผลเพราะไปทะเลาะกับคนอื่นมา...ถึงนานๆ เข้าคางามิจะมีแผลน้อยลงแต่เขาก็ยังไม่ค่อยอยากให้คางามิทะเลาะกับใครอยู่ดี

    ...คนที่ถูกเกลียดน่ะ....

    ...มีแค่เขาคนเดียวก็พอแล้ว...

    "ข้าเปล่านะ! พวกนั้นมันมาเอง!" เด็กหนุ่มผมสีเพลิงเอ่ยแก้ตัว พลางเอามือใหญ่ๆ เกาหัวที่ยาวและยุ่งเหยิงไปหมด ซึ่งเจ้าตัวก็หาได้ใส่ใจนัก

    "ไม่ต้องมาแก้ตัวเลย" ฟุริฮาตะเงยหน้ามองอีกฝ่าย...ตอนนี้คางามินั้นสูงกว่าฟุริฮาตะมาก จนบางครั้งฟุริฮาตะก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมอีกฝ่ายตัวสูงกว่าเขามากขนาดนี้ได้ "มา! นั่งลงเลย! อย่าดื้อไม่ยอมทำแผลเชียว!"

    "ก็ได้..." คางามิทำหน้ามุ่ยและนั่งลงบนเก้าอี้ตามที่อีกฝ่ายบอก "...วันนี้มีอะไรกินล่ะ?"

    "เจ้านี่ห่วงกินจริงๆ เลย" ฟุริฮาตะส่ายหน้าอย่างขำๆ ขณะทำแผลให้คางามิ "วันนี้เป็นโคโรเกะน่ะ"

    "ไก่อีกแล้วววว" คางามิลากเสียงยาว "เดี๋ยวพรุ่งนี้ข้าจะไปล่าอย่างอื่นมาให้ดีกว่า"

    "ไม่ต้องลำบากก็ได้คางามิ" ฟุริฮาตะเอ่ย

    "ไม่เห็นลำบากเลย..." คางามิทำหน้าเครียดขึ้นมาหน่อยนึง "...คนที่ลำบากมาตลอด...คือเจ้าต่างหาก"

    "เมื่อกี้ว่าไงนะ?" ฟุริฮาตะที่ได้ยินเสียงพึมพำแว่วๆ เอ่ยถาม

    "เปล่า" คางามิปฏิเสธหน้าตาย

    "เหรอ..." ฟุริฮาตะก็ไม่ใส่ใจอะไรนัก "...อ่ะ เสร็จแล้ว"

    "ขอบใจ" คางามิขยับร่างกายไปมาอย่างเมื่อยๆ "เออ จริงสิ...เจ้ามาด้วยกันหน่อยได้ไหมฟุริ? ข้ามีอะไรจะให้ดูแหน่ะ"

    "ได้สิ...จะให้ดูอะไรเหรอ?" ฟุริฮาตะพยักหน้าอย่างงงๆ

    "เดี๋ยวก็รู้" ใบหน้าหล่อเหล่าของคนผมสีเพลิงเผยยิ้มออกมาบางๆ ก่อนที่จะยกตัวคนผมสีน้ำตาลแบกขึ้นบ่า

    "เหวอ!" ฟุริฮาตะเกาะไหล่คางามิไว้ "วางข้าลงเถอะ! ข้าเดินเองได้!"

    "แบกเจ้านี่แหละดีแล้ว พอดีทางที่จะพาไปคนปกติเดินไปไม่ค่อยได้หรอก" คางามิเอ่นพร้อมเดินออกจากบ้านหลังน้อย

    "แล้วแบกข้าเดินไปเนี่ยไม่หนักหรือไง?" ฟุริฮาตะถามอย่างปลงๆ เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายค่อนข้างหัวดื้อ...เขาบ่นให้ตายยังไงคางามิ ไทกะคนนี้ก็ไม่ปล่อยเขาลงหรอก

    "ไม่นิ..." ...ก็ตัวเจ้าเล่นเบาซะจนน่าแปลกเลย หรือว่าข้าแรงเยอะเองหว่า?

    คางามิแบกฟุริฮาตะเลาะเข้าไปในป่าอันกว้างใหญ่ไพรศาลอย่างมั่นคง แม้ทางจะลาดชันขนาดไหนก็ตาม คางามิเดินไปเรื่อยๆ จนเวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงถึงหยุดเดินที่จุดจุดหนึ่ง

    "อ่ะ! ถึงแล้ว!" คางามิค่อยๆ วางฟุริฮาตะลงกับพื้น

    "ว้าว!" ฟุริฮาตะตาวาวเป็นประกายเมื่อได้เห็นสถานที่ที่คางามิพาตนมาชัดๆ ...

    ...ภาพตรงหน้าเป็นทุ่งหญ้ากว้างที่มีดอกไม้นานาพันธุ์เบงบานไปทั่วทั้งบริเวณ ใกล้ๆมีน้ำตกสายเล็กๆ ไหลเอื่อยๆ น้ำก็ใสจนเห็นตัวปลาที่แหวกว่ายใต้พื้นน้ำอย่างชัดเจน สายลมเย็นๆ พัดมาเบาๆ ทำให้ความรู้สึกสดชื่นเสริมให้ที่นี่ให้ความรู้สึกว่าราวกับกำลังอยู่ในความฝันเลยทีเดียว

    "เป็นไง? ชอบไหม?" คางามิถาม

    "ชอบสิ...ชอบมากเลย..." ฟุริฮาตะส่งยิ้มให้คางามิอย่างไร้เดียงสา "...ขอบคุณนะ"

    "อ...อื้ม" คางามิถึงกับใจกระตุกเมื่อเห็นรอยยิ้มนั้น ดวงหน้าขึ้นสีแดงนิดๆ "ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้เอง"

    ...ใช่ ไม่ว่าอะไรก็ตาม...

    ...ถ้าทำให้เจ้ายิ้มได้ข้าก็ยินดี...

    ...ขอเพียงเจ้าอยู่ข้างข้า...

    ...ขอเพียงเจ้ามีความสุข...

    ...ข้าก็ไม่ต้องการอะไรแล้ว...

    ...แค่นั้นก็พอแล้วจริงๆ...

    ...ฟุริฮาตะ โคกิ...

    ...ผู้เป็นดวงใจของข้าเอ๋ย...

     

     

     

     

     

    ถึงแม้ต้องการที่จะอยู่อย่างสงบสุขอย่างไรก็ตาม...ความสุขนั้นก็ไม่ยั่นยืนนัก เมื่ออยู่มาวันหนึ่งข่าวร้ายได้จู่โจมเข้าเด็กหนุ่มผมสีเพลิงอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว

    "เจ้าว่าไงนะ!?" คางามิ ไทกะเอามือกระแทกโต๊ะอย่างแรงจนน่ากลัวว่าโต๊ะจะหักเอา "ไอ้พวกบัดซบในหมู่บ้านนั้นจะเอาเจ้าเป็นเครื่องบูชายัน!?!"

    "อื้ม...ใช่แล้วล่ะ" ฟุริฮาตะกำมือแน่น...แน่นอน เขาก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ย่อมหวาดกลัวความตายเป็นธรรมดาอยู่แล้ว แต่ว่า... "อย่างที่บอก...ปีนี้มีความแห้งแล้งมากที่สุดในรอบห้าสิบปี ดังนั้นพวกผู้เฒ่าในหมู่บ้านเลยลงมติว่าจะต้องมีการบูชายันแลกกับความอุดมสมบูรณ์น่ะ...แน่นอนไม่มีใครยอมให้คนในครอบครัวตัวเองเป็นเครื่องบูชายันเลยมาลงที่ข้าซึ่งไม่มีครอบครัวนี่แหละ"

    "ยังจะมาอื้มอีก! ทำไมเพิ่งมาบอกตอนนี้!?" คางามิตะคอกใส่ฟุริฮาตะ...บูชายันบ้าบออะไรฟะ!? ไอ้ของพรรค์นั่นมีใครอยากได้กัน! ไอ้เขียวแว่นที่เป็นเทพแห่งผืนป่าและความอุดมสมบูรณ์ไม่ยักเห็นมันสน! นอกจากเทนงูหัวเหม่ง (?) ที่มันเก็บได้น่ะ! "ไอ้พิธีบ้านั้นมันจะเริ่มในอีกไม่กี่ชั่วโมงนี่แล้วนะ! เรารีบหนีกันเถอะ!!!"

    "ไม่ได้หรอกนะ..." ฟุริฮาตะยิ้มเศร้าๆ ให้คางามิ "...ข้า...ทิ้งคนพวกนั่นไปไม่ได้หรอก"

    "พวกนั้นไม่เคยสนใจเจ้าเลยด้วยซ้ำ! แล้วจะไปสนใจมันทำไมล่ะ!?" คางามิโวยลั่น

    "ถึงอย่างนั้นก็ตาม...แต่ข้าทิ้งใครไปไม่ได้หรอกนะ ถ้าทุกคนต้องการชีวิตข้ามันก็ช่วยไม่ได้หรอก" ฟุริฮาตะเอ่ยอย่างอ่อนโยน "ข้าไม่อยากให้ใครเดือดร้อนเพราะข้าหรอกนะ"

    "ถึงขนาดยอมทิ้งชีวิตตัวเองเนี่ยนะ!?" น้ำตาเริ่มหลั่นไหลออกมาจากดวงตาสีเพลิง "ขอร้องล่ะ...หนีไปกับข้าเถอะ อย่าทิ้งข้าไว้คนเดียวนะ"

    "คางามิ..." ฟุริฮาตะยกมือลูบเรือนผมสีเพลิง "...ขอโทษทีนะ แต่คงไม่ได้หรอก...ข้าทิ้งคนทั้งหมู่บ้านไปไม่ได้ เข้าใจข้าเถอะนะ"

    "ฟุริ..." คางามิมองฟุริฮาตะที่ส่งสายตาเศร้าสร้อยมาที่ตน "...ข้าไม่เข้าใจ...ทำไมกัน...ทำไมต้องยอมทิ้งชีวิตเพื่อคนพวกนั้นด้วย!"

    "เพราะข้ารู้ไง...ว่าความลำบากเป็นไง" ฟุริฮาตะเอ่ย "รู้ว่าทุกคนต้องการที่จะอยู่รอด ไม่มีใครอยากลำบากหรือตายหรอก"

    "แต่พวกนั้นก็ไม่เคยมองชีวิตหรือความลำบากของผู้อื่นหรอก!" คางามิถ้าเป็นไปได้เขาอยากจับฟุริฮาตะมัดแล้วพาหนีไปด้วยกันเลย...เสียแต่เขากลัว กลัวว่าถ้าทำเช่นนั้นฟุริฮาตะจะเกลียดเขา ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ...

    ...ตัวเขานั้นคงทนไม่ได้แน่

    "ถึงแบบนั้นก็ตาม..." ฟุริฮาตะยิ้มบางๆ "...ทุกคน...ก็ไม่สมควรที่จะต้องตายจากภัยพิบัตรครั้งนี้หรอก ตายเพียงหนึ่งแทนกับชีวิตคนจำนวนมากข้าก็ว่ามันก็น่าลองเสี่ยงดูนะ"

    "..." คางามิทำได้เพียงกัดฟันแน่นอย่างไม่รู้จะทำเช่นไรต่อไป และขณะที่กำลังจะเอ่ยต่อนั้นเอง...

    ปัง!

    ...เสียงประตูที่ถูกเปิดอย่างแรงพร้อมกับคนจำนวนมากที่ยืนอยู่หน้าบ้าน

    "ใกล้ถึงเวลาแล้วสินะครับ..." ฟุริฮาตะมองผู้คนทั้งหลายนิ่งๆ ก่อนที่จะลุกขึ้นยืนและเดินตามคนในชุดนักบวชสองคนไป "...ข้าพร้อม...สำหรับทุกอย่างแล้วครับ"

    "เดี๋ยว! ฟุริ!" คางามิลุกขึ้นพรวดหมายจะไไปคว้าตัวอีกฝ่ายมา แต่กลับถูกชาวบ้านจำนวนมากจำตัวเอาไว้...ซึ่งแน่นอนในร่างมนุษย์คางามิไม่มีทางสู้แรงคนมากขนาดนี้ได้เลย

    "นี่...คางามิ..." ฟุริฮาตะหยุดเดิน แต่ไม่ได้หันกลับมามองที่เด็กหนุ่มผมสีเพลิง "...ช่วยอย่าทำร้ายใครเลย พวกเขาทำเพราะความจำเป็นจริงๆ"

    "แต่!" ดวงตาสีเพลิงมองภาพผู้ที่หันหลังให้ตน เส้นผมสีน้ำตาลยาวที่ถูกผูกเป็นเปียโบกสะบับตามแรงลม...ช่างเป็นภาพที่ทำให้คางามิรู้สึกใจโหว่ๆ แปลกๆ

    "ขอร้องล่ะ..." ฟุริฮาตะเอ่ยก่อนที่จะก้าวเดินต่อไปอย่างไม่ลังเล

    "ฟุริ!" คางามิส่งเสียงออกมาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ร่างของฟึริฮาตะโคกิจะถูกพาไป

    หลังจากนั้นคางามินั้นถูกมัดเป็นดักแด้เพื่อกันไม่ให้ไปขังขวางพิธีกรรมนี้ โดยที่เด็กหนุ่มผมสีเพลิงก็ไม่สามารถดิ้นให้หลุดไปได้ ทำให้ได้เพียงแต่ถาวนาเท่านั้นว่าเวลาเริ่มพิธีจะไม่มาถึง...

    ...แต่กาลเวลานั้นไม่หยุดให้ใครแม้จะเป็นคางามิผู้เป็นเทพแห่งไฟก็ตาม เมื่อถึงเวลาร่างของฟุริฮาตะ โคกิก็ถูกนำมาบนแท่นพิธีที่ถูกสร้างขึ้นมายามเย็นของวันนี้

    ในตอนนี้ฟุริฮาตะอยู่ในชุดยูคาตะสีขาว เท้าไม่ได้สวมใส่สิ่งใด มือทั้งสองข้างถูกมัดไขว่หลังเอาไว้ ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ดูสงบนิ่งอย่างน่าประหลาด ผมที่เคยถูกมัดเป็นเปียถูกปล่อยสยายจนดูราวจะเป็นผู้หญิงเสียมากกว่าผู้ชายอีก

    และเมื่อจับฟุริฮาตะนั่งบนแท่นพิธีเรียบร้อยแล้ว นักบวชทั้งหลายในหมู่บ้านนี้ก็เริ่มที่สวดอะไรสักอย่างที่คางามิฟังไม่รู้เรื่องออกมายาวพรึบ ทุกคนในหมู่บ้านก็มองพิธีกรรมนี่อย่างเงียบๆ มีเพียงคางามิเพียงคนเดียวที่ดิ้นพล่านๆ เสียยิ่งกว่าคนที่จะถูกฆ่าเสียอีก พอนักบวชร่ายบทสวดเสร็จแล้วก็หยิบดาบออกมาและชักออกมาจากฝัก

    "ฟุริ!!!" คางามิร้องลั่นเมื่อเห็นว่าดาบนั้นกำลังจะปลิดชีพเพื่อนของตน...เพื่อนที่เขาตกหลุมรัก

    ฟุริฮาตะมองตามเสียงเรียกของคางามิและเผยยิ้มบางๆ ออกมาก่อนที่จะเอ่ยคำคำหนึ่งออกมา...แม้มนุษย์ธรรมดาจะไม่สามารถได้ยิน แต่สำหรับคางามิที่แปรเป็นสัตว์ได้ ถ้าตั้งใจที่จะฟังก็จะสามารถได้ยินอย่างชัดเจน...

    ...คำพูดสุดท้ายของฟุริฮาตะ โคกิ

    "ขอโทษนะ คางามิและขอบคุณสำหรับทุกอย่าง...รักเจ้าที่สุดเลย"

    "ฟุริ!!!"

    ฉึก!!!

    ราวกับหัวใจหยุดเต้นเมื่อเห็นดาบสีเงินเป็นประกายแทงทะลุร่างของฟุริฮาตะจนทะลุไปด้านหลัง ก่อนที่ดาบจะค่อยๆ ถูกดึงออกจากร่างนั่นพร้อมกับเลือดที่สาดกระเซ็นไปทั่ว กลิ่นสนิมเหล็กคละครุ่นจนอยากอาเจียน...ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภายใต้ประสาทสัมพัสของคางามิ ไทกะที่รู้สึกราววิญญาณออกจากร่างไปแล้ว

    ...ฟุริ...ตายแล้ว...

    น้ำนัยน์ตาหลั่นไหลออกมาอย่างไม่อาจห้ามได้ เมื่อมองร่างเพื่อนที่อยู้ด้วยมาสิบกว่าปีจบชีวิตลงด้วยเรื่องแบบนี้และยิ่งไม่เข้าใจว่าการเสียสละของฟุริฮาตะนี่มันถูกต้องแล้วแน่เหรอ? เมื่อได้ยินเสียงชาวบ้านที่พูดคุยกัน...

    "ในที่สุดหมู่บ้านเราก็รอดแล้ว!"

    "เด็กแบบนี้ตายๆ ไปก็ดี!"

    "อยู่ไปก็รกโลก"

    "ตัวอัปมงคลหายๆ ไปซะนี่สิดี"

    "คนต้องสาปแบบนั้นไม่ควรหายใจอยู่หรอก"

    "โล่งใจจริงๆ ที่ไม่ต้องอยู่กับคนแบบนั้น"

    "ฯลฯ"

    ...แบบนี้สมควรที่เจ้าจะตายแทนเหรอ? กับไอ้พวกเลือดเย็นแบบนี้?

    คางามิคิดอย่างเหม่อลอยก่อนที่จะได้สติขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงของคนบางคน...คนบางคนที่ยังมีความเป็น 'มนุษย์' อยู่

    "เขาอุตสาห์สละชีวิตเพื่อพวกท่านทำไมพูดแบบนั้นล่ะครับ!?" เด็กๆ ทั้งหลายในหมู่บ้านประท้วงขึ้นมา...แต่มีหรือที่ผู้ใหญ่จะฟังคำพูดของเด็ก?

    "หุบปากไปเลย! เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าทำตัวอวดดี!"

    "พวกท่านนั้นแหละ! ที่ทำเหมือนตัวเองถูกทุกอย่าง!!!" หนึ่งในเหล่าเด็กๆ เอ่ยพร้อมวิ่งมาแก้มัดเชือดให้คางามิ

    "พี่ชายเป็นอะไรหรือเปล่าค่ะ?" เด็กคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมา

    "ไม่เป็นไร..." คางามิลูบหัวเด็กน้อยเบาๆ ...เหล่าเด็กๆ ที่ไม่โสมมเหมือนผู้ใหญ่ในหมู่บ้านนี้ "...พวกเจ้าช่วยไปที่บ้านบนเขา...บ้านของพวกข้าทีได้ไหม?"

    "ทำไมค่ะ?" เด็กน้อยถาม

    "ขอร้องล่ะ" คางามิเอ่ย...เพราะเขาไม่อยากให้เด็กพวกนี่แปลกเปื้อนไปเหมือนคนพวกนี่ อย่างน้อยคงชะลอการถูกนำไปในทางที่ผิดได้

    "เข้าใจแล้วค่ะ" เด็กน้อยเอ่ยก่อนที่จะค่อยๆ พากันไปตามที่คางามิบอก จนเมื่อเด็กๆ ไปกันหมดแล้วคางามิจึงหันไปประเชิญหน้ากับเหล่าคนในหมู่บ้านคนอื่นๆ

    "พวกเจ้า...ไม่ได้ตายดีแน่" คางามิเอ่ยเสียงเย็นก่อนที่จะหันไปเดินหาร่างไร้วิญญาณของฟุริฮาตะท่ามกลางเสียงนินทาว่าร้ายของคนในหมู่บ้านแต่คางามิก็ไม่สนใจหรอก จนคำๆ หนึ่งที่ดังเข้ามาในหู...

    "พวกเจ้ามันก็สวะเหมือนกันแหละ...คนที่ไร้ค่าไม่ควรมีชีวิตอยู่หรอก!"

    "ใครกันแน่ที่ไร้ค่า?" คางามิเอ่ยขึ้นขณะที่กอดร่างของฟุริฮาตะเอาไว้ "คนที่มาว่าร้ายคนที่ยอมเสียสละเนี่ย...ไร้ค่ากว่าอีก"

    "เสียสละอะไรมิทราบ? ก็แค่อยากให้คนยอมรับไม่ใช่เหรอ!? การกระทำนี่มันไร้ค่าที่สุด! ถึงแม้มันไม่มาพวกข้านี่ก็จะจับมันมาเอง!"

    "พวกนายแค่...อยากจำกัดฟุริสินะ? ไอ้พิธีกรรมบ้านี่แค่ข้ออ้างสินะ?" คางามิพยายามอย่างมากที่จะอดทนไม่ทำร้ายพวกนี่ตามที่ฟุริฮาตะขอเอาไว้

    "ไอ้พิธีกรรมนี่ต่างหากคือของจริง! ไอ้จำกัดเจ้าหนูนี่น่ะแค่ของแถมเท่านั้นแหละ!"

    "พวกเจ้า...ยอมสละชีวิตคนอื่นเพื่อเรื่องนี้เลยเหรอ?" คางามิเอ่ยถาม

    "แน่ล่ะก็เจ้านั่นน่ะ...ข้าไม่เคยมองเป็นมนุษย์ด้วยซ้ำ!!! แต่ตัวที่นำหายนะมาสู่หมูบ้านเท่านั้น! ตัวอัปมงคล! ไม่สมควรมีชีวิตอยู่หรอก!!!"

    "คนที่ไม่สมควรมีชีวิตอยู่คือพวกเจ้าต่างหาก!!! ขี้ขลาดตาขาว!!! ที่จริงแค่กลัวฟุริเลยหาข้ออ้างมาเท่านั้นแหละ!!!" ในที่สุดคางามิก็ทนไม่ได้...ถ้าว่าเขาว่าอะไรเขาไม่สนเลย แต่มาว่าร้ายฟุริที่ยอมสละชีวิตตัวเองเพื่อคนพวกนี่นั้นเขายอมไม่ได้!!!

    ตอนนี้คางามิไม่สนแล้วว่าจะผิดต่อฟุริฮาตะในเมื่อ...ฟุริฮาตะไม่สามารถฟื้นขึ้นมาได้อีกแล้ว ฉะนั้นเขาจะทำลายมันทุกอย่างที่พรากฟุริฮาตะ โคกิไปจากเขา!

    "ถ้าไอ้คำทำนายบ้านั้นเป็นจริงล่ะก็! ข้าจะทำลายไอ้หมู่บ้านบัดสบนี้ไปให้สิ้นซากไปเลย!!!" คางามิร้องคำรามราวสัตว์ป่า และทันใดนั้นเองเปลวเพลิงก็ลุกไหม้ขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุที่รอบตัวคางามิก่อนที่จะแตกกระจายออกไปทั่ว อาคารสิ่งก่อสร้างต่างลุกเป็นทะเลเพลิง เสียงกรีดร้องจากผู้หวาดกลัวความตายดังไปทั่ว แต่...สิ่งเหล่านั้นก็ไม่ได้ดึงความสนใจของคางามิ ไทกะเลยแม้แต่น้อย มีเพียงร่างที่นอนสงบนิ่งในอ้อมแขนเท่านั้นที่เจ้าตัวให้ความสนใจ...

    "ฟุริ...ขอโทษนะ..." เสียงอันสั่นเครือดังออกมาจากปากเด็กหนุ่มผมสีเพลิง น้ำตาไหลไม่ขาดสายจากดวงตาสีเพลิง "...ข้าทนทำตามที่เจ้าขอไม่ได้...ข้าปกป้องเจ้าไม่ได้"

    ...ข้ามันอ่อนแอ...

    ...มัวแต่กลัว ก็เลย...

    ...ปกป้องเจ้าไม่ได้...

    "ข้ารักเจ้า ข้ารักเจ้า...ฟุริ..." คางามิร้องไห้คร่ำครวญ แม้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่มีทางได้ยินแล้วก็ตาม "...ได้โปรด...ฟื้นขึ้นมาทีได้ไหม?"

    คางามิรู้...รู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ แม้แต่เทพเจ้ายังไม่สามารถชุบชีวิตคนตายขึ้นมาได้ แต่ก็ยังคงวอนขออย่างไร้ความหมายไป

    ...มันเป็นสิ่งเดียว...

    ...ที่เขาทำให้กับคนที่เขารักได้...

    "ฟุริ..." คางามิยิ่งร้องไห้คร่ำครวญเท่าไหร่ไฟก็ยิ่งโหมกระหน่ำแรงเท่านั้น เผาพลาญทุกอย่างให้กลายเป็นธุลีไป ดับทุกชีวิตลงไปอย่างง่ายดาย

    เปลวเพลิงนั้นลุกโชกราวกับไม่มีวันดับไปชั่วนิรันดร จนกระทั่งยามเช้ามาถึง...

    "หยุดร้องเถอะครับ...เขาไม่มีทางฟื้นขึ้นมาแล้วล่ะครับ" เสียงนิ่งๆ ดังขึ้นมาพร้อมกับสายน้ำสาดไปดับอัคคีภัยทั้งหมดที่มีจนเหลือเพียงเถ้าถ่านสีดำ กับเด็กหนุ่มผมสีเพลิงที่กอดร่างไร้ชีวิตไว้เท่านั้น

    "ข้ารู้...แต่มัน..." คางามิกอดร่างคนที่ตนรักไว้แน่น พลางเงยหน้ามองคนผมสีฟ้าข้างๆ "...ข้าควรทำยังไงดี...คุโรโกะ"

    "ทำใจและนำร่างเขาคืนสู่ปฐพีครับ" คุโระโกะ เท็ตสึยะผู้เป็นเทพแห่งสายน้ำเอ่ย "นั่นคือสิ่งที่คุณทำได้ในตอนนี้ครับ"

    "อื้ม...เข้าใจแล้ว" คางามิอุ้มร่างของฟุริฮาตะขึ้นเพื่อนำไปที่ที่หนึ่ง...ที่ที่ซึ่งฟุริฮาตะชอบมาก เป็นสถานที่ที่ผู้คนไปไม่ถึงและเขาเป็นคนไปพบเจอเข้าโดยบังเอิญ

    เมื่อนำร่างของฟุริฮาตะฝังและทำป้ายหลุมศพให้แล้ว คางามิก็ไปคุยกับเหล่าเด็กที่รอดชีวิตเพราะคางามิให้ไปอยู่ที่บ้านของฟุริฮาตะถึงเรื่องที่เกิดขึ้น

    เหล่าเด็กๆ ไม่ได้โกรธแค้นอะไรตัวคางามิที่เป็นผู้ทำลายหมู่บ้านเลย แต่กลับสงสารคางามิเสียด้วยซ้ำ...แต่อย่างไรเสียคางามิก็รู้ดีว่าที่ตนทำถือว่าผิดก็เลยขอให้คุโรโกะว่าถ้าว่างๆ ช่วยสอนเด็กพวกนี่ด้วยกันหน่อยเพราะรู้ว่าตนสอนนี่คงไม่ได้เรื่องแน่ และคำตอบคือ...

    "ได้ครับ ข้าชอบเด็ก"

    ...เป็นอันหมดปัญหาเรื่องการเรื่องรู้ของเหล่าเด็กๆ ไป จากนั้นคางามิกับคุโรโกะก็พากันกลับแดนเทพกันไปเนื่องจากคางามิได้บรรลุเป้าหมายแล้วนั้นเอง

     

     

     

     

     

    "น่าเบื่อจริง..." เสียงบ่นดังขึ้นมาจากคนผมสีเพลิง "...อยากลงไปโลกมนุษย์จัง~~~"

    "บ่นอะไรครับ? คางามิคุง" ชายหนุ่มผมฟ้าเดินมาข้างๆ คนผมสีเพลิง

    "เบื่อ...อยากลงไปโลกมนุษย์..." คางามิตอบทันที "...ตั้งแต่เด็กพวกนั้นโตพอที่จะหาเลี้ยงตัวเองได้เนี่ย ไม่มีข้ออ้างไปโลกมนุษย์เลย"

    ตั้งแต่ตอนที่ฟุริฮาตะ โคกิตายจนถึงบัดนี้ผ่านมาสิบปีกว่าแล้ว เหล่าเด็กๆ ที่รอดชีวิตจากเพลิงอัคคีของคางามิก็ต่างโตเป็นผู้ใหญ่กันหมดและพากันสร้างหมู่บ้านกันขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ซึ่งคราวนี้ในหมู่บ้านสงบสุขมากแบบไม่มีการแบ่งแยกเลยเพราะได้เห็นบทเรียนจากรุ่นก่อนไปแล้วทำให้คางามิหาข้ออ้างลงไปโลกมนุษย์ไม่ได้เลย

    "จะไปเยี่ยมหลุมศพของคนคนนั้นสินะครับ?" คุโรโกะถามขึ้นมาอย่างรู้ดี...ที่จริงจากธาตุของพวกเขาแล้วสมควรที่จะไม่ถูกกันอย่างรุ่นก่อนๆ แต่ด้วยนิสัยพวกเขาไม่รู้ยังไงถึงสนิกกันได้

    "ใช่...ข้าอยากไปเยี่ยมฟุริ..." คางามิถอนหายใจเบาๆ ...ถึงมันจะผ่านมานานมากแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยเลยที่เขาจะรักฟุริฮาตะ โคกิน้อยลง

    ...ราวกับคำสาปที่จะติดตัวเขาตลอดไป...

    ...เป็นคำสาปที่เขายินดีน้อมรับด้วยความเต็มใจ...

    "คุณก็ทำงานให้เสร็จสิครับ จะได้ไม่โดนอาคาชิคุงห้าม" คุโรโกะเอ่ยด้วยท่าทางนิ่งๆ ตามปกติ

    "ปัญหาคือ...เสร็จแต่ล่ะทีไอ้เบอร์สองก็คาบไปหมดนี่สิ! แถมเอาไปทิ้งลงน้ำจนข้าต้องทำใหม่ด้วย!" คางามิโวย...ไอ้เบอร์สองหรือนิโกะที่เป็นสัตว์เทพที่คุโรโกะเก็บมาจากไหนไม่รู้ แถมเอามาแหย่เขาเล่นบ่อยๆ ทั้งที่รู้ว่าเขากลัวหมา!!!

    "มันก็แค่อยากเล่นด้วยน่ะครับ" คุโรโกะเอ่ยพร้อมกับอุ้มหมาน้อยสีขาวดำมาจากไหนไม่รู้มาไว้หน้าคางามิ

    "แว๊กกกกก!!! เอามันออกปายยยยยย!!!" คางามิโดดไปหลบหลังเก้าอี้ทันที

    "เลิกกลัวนิโกะสักทีเถอะครับ" คุโรโกะเอ่ยพร้อมกับเอานิโกะออกไปไว้ด้านนอก "เอ้าๆ ข้าเอานิโกะออกไปแล้วครับ ออกมาได้แล้ว"

    "กะให้ข้าหัวใจวายตายเข้าสักวันใช่ไหมเนี่ย?" คางามิแยกเขี้ยวใส่คุโรโกะ

    "เปล่าสักหน่อยครับ..." คุโรโกะปฏิเสธหน้าตาย "...คางามิคุง ถ้าเบื่อช่วยมากับข้าหน่อยครับ...ข้ามีอะไรจะให้ดูน่ะครับ"

    "ไม่จับไปกลางดงหมาเป็นได้" คางามิลุกขึ้นมาก่อนจะเดินตามคุโรโกะไผ "จะพาไปไหนเหรอ?"

    "ลาดจุติครับ..." คำตอบของคุโรโกะทำให้คางามิเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเล็กน้อย "...คราวนี้อายุเยอะสุดจากที่เคยมีมาด้วยครับ"

    "มีคนมาใหม่เหรอ?" คางามิถามอย่างอยากรู้

    "ครับ ตามนั้นแหละครับ" คุโรโกะเอ่ยหน้าตายตามปกติ พร้อมก้าวยาวๆ ไปยังลาดจุติเหมือนกลัวว่าจะไปไม่ทันอย่างไรอย่างนั่น

    ลาดจุติคือลาดที่เหล่าดวงวิญญาญคนตายจะลงมาจุติเพื่อใช้ชีวิตใหม่ในฐานะเทพ ส่วนใหญ่วิญญาญที่จะลงมาจุติจะเป็นเด็กที่อายุไม่เกินสิบขวบ เพราะช่วงวัยเด็กนั้นจะไม่มีกิเลสมากเท่าพวกคนที่เป็นผู้ใหญ่แล้วนั้นเอง...

    ...ดวงวิญญาณที่ได้รับได้เลือกให้มาจุติเป็นเทพนั้นจะมียะระเวลาในการมาแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าวิญญาณด้วยนั้นรู้สึกตัวยามที่ 'ตายแล้ว' เมื่อไหร่เท่านั้น...บ้างดวงอาจทันทีเลย บ้างดวงอาจจะสัปดารห์หนึ่ง บ้างดวงก็เป็นปีตามแต่วิญญาณแต่ละดวง

    ...ซึ่งลาดจุตินี่มีอยู่ทั่วในแดนเทพ ซึ่งจะลงที่จุดไหนก็จะต้องทำงานที่นั้นตามที่จุติลงมานั้นเอง และที่สำคัญเทพทุกองค์นั้นจะจดจำเรื่องเมื่อคราวเป็นมนุษย์ได้ต่างจากเหล่าวิญญาณที่มักจะค่อยๆ หลงลืมเรื่องราวตอนที่มีชีวิตอยู่อย่างช้าๆ นั้นเอง

    "ไง มาช้านะเฟ้ย!" ทันทีที่เทพหนุ่มทั้งสองเดินเข้ามา ณ ลาดจุติก็มีชายหนุ่มผมสีน้ำเงินคนหนึ่งเอ่ยทักขึ้นมา

    "ช้าแล้วหนักหัวแกเหรอฟะ!? อาโฮ่มิเนะเอ้ย!!!" คางามิแยกเขี้ยวใส่อีกฝ่าย

    "เรียกใครว่าอาโฮ่ฟะ!? ไอ้บ้างามิ!!!" คนผมสีน้ำเงินแว๊ดใส่คนผมสีเพลิง

    "หนวกหูนะครับคางามิคุง อาโอมิเนะคุง" คุโรโกะแทงเข้าสีข้างของชายหนุ่มทั้งสองอย่างแรง ย้ำ! อย่างแรง! เล่นทำเอาคนตัวใหญ่กว่าทั้งสองแทบทรุดเลยทีเดียว

    "เจ็บนะโว้ย! เท็ตสึ!" อาโอมิเนะ ไดกิผู้เป็นเทพแห่งความดำ เอ้ย! เทพแห่งพละกำลังโวยใส่คนร่างเล็ก

    "ก็อยากชวนคางามิคุงทะเลาะทำไมล่ะครับ?" คุโรโกะแทบเรียกได้ว่าเมินอีกฝ่ายไปเลย ก่อนที่จะแทบล้มเมื่อมีบางอย่างพุ่งเข้าใส่ตน

    "เท็ตสึคุงงงงง!" หญิงสาวผมสีชมพูกอดคนผมฟ้าแน่น

    "คุโรโกจจิ!!!" เด็กหนุ่มผมเหลืองก็พุ่งกอดคนผมฟ้าด้วยอีกคน

    "เฮ้ยๆ กอดแรงเดียวเท็ตสึมันตายหรอก! ซัทสึกิ!" อาโอมิเนะรีบจับสาวเจ้าผมชมพูแยกกับคนผมฟ้าทันที...ก็เป็นเทพใช่ว่าตายไม่ได้นี่หว่า แค่ตายแล้วต้องไปเกิดบนโลกมนุษย์ต่อแค่นั้นเอง

    "ไดจังคนบ้าาาาา" โมโมอิ ซัทสึกิเทพแห่งการถือกำเนิดทำแก้มป่องใส่อาโอมิเนะ

    "คิเสะคุงไปไกลๆ เลยครับ...ขยะแขยะ" คุโรโกะดันหน้าเด็กหนุ่มผมฟ้าออก

    "คุโรโกจจิใจร้ายอ่าาาาาาา" คิเสะ เรียวตะผู้เป็นเทพแห่งความสนุกสนานรื่นเริงงอแงใส่ผู้เป็นเทพแห่งสายน้ำปานเด็กๆ

    "มาถึงก็เสียงดังกันเชียว" คนผมเขียวขยับแว่นพลางมองอย่างหน่ายๆ

    "เอาน่าๆ อย่าบ่นเลยชินจัง" คนผมดำซึ่งตัวเล็กกว่าข้างๆ ตบหลังอีกฝ่ายอย่างอารมณ์ดี

    "เงียบไปเลยทาคาโอะ" มิโดริมะ ชินทาโร่ผู้เป็นเทพแห่งผืนป่าและความอุดมสมบูรณ์ค้อนใส่คนข้างๆ

    "น่าๆ อย่ารมเสียดิ" ทาคาโอะ คาซึนาริผู้เป็นคนเดียวที่ไม่เป็นเทพใน ณ ที่นี่หัวเราะเบาๆ ...แต่ด้วยปีกสีดำที่กลางหลัง และหน้ากากที่เจ้าตัวคาดเอาไว้ที่หัวนั้นคือบ่งบอกว่าทาคาโอะเป็นเท็นงู

    "เฮฮากันดีเนอะ" ชายหนุ่มผมดำหน้าหวานมองภาพความวุ่นวายที่เกิดเป็นกิจวัตร (?) อย่างอารมณ์ดี

    "คงงั้น..." ชายหนุ่มผมม่วงที่ยืนข้างๆ เอ่ย "...มุโระจิน...มีขนมไหมอ่ะ?"

    "หมดแล้วล่ะอัตสึชิ" ฮิมุโระ ทัตสึยะเทพแห่งความหนาวเย็นยิ้มบางๆ ให้เด็กโข่งข้างๆ

    "ว้าาาา น่าเบื่อจังงงง" มุราซากิบาระ อัตสึชิเทพแห่งความรู้ (โดยเฉพาะเรื่องขนม) เอาคางวางลงหัวสีดำของฮิมุโระ

    "เงียบกันหน่อย..." เสียงอันทรงอำนาจจากคนผมแดงทำให้ทุกอย่างสงบลงทันที "...เทพที่มาจุติใหม่จะมาแล้ว"

    "ครับท่าน!" ทุกคนขานรับพร้อมไปยืนรอที่มุมของลาดเพื่อรอเทพที่จะมาอยู่ที่นี่เพิ่มอีกคน

    "คราวนี้ได้ยินว่าอายุมากกว่าทุกครั้งเหรอ? อาคาชิ?" คางามิถามขึ้นมา

    "อื้ม..." อาคาชิ เซย์จูโร่ผู้เป็นเทพสูงสุดของแดนเทพเอ่ย

    "คราวนี่เท่าไหร่ล่ะ? สิบสองเหรอ?" อาโอมิเนะถามต่อ

    "สิบแปด" อาคาชิตอบพร้อมอุดหูเตรียมรับ...

    "ห๊า!?" ...เสียงตะโกนถล่มโลกาของแต่ละหน่อในที่นี่

    "จริงเหรออาคาจิน?" มุราซากิบาระดูจะไม่ค่อยเชื่อยัก แม้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่พวกที่ชอบล้อเล่นก็ตาม

    "จริง" อาคาชิถอนหายใจเบาๆ เมื่อเห็นว่าตนรอดจากการหูแตกมาแล้ว

    "อายุมากที่สุดเท่าที่มีการบันทึกมาเลยนะเฟ้ย!" มิโดริมะก็แทบสติแตก...นี่มันแปลกไปแล้วนะ!

    "ข้าก็ว่างั้น..." อาคาชิมองไปยังกลางลาดที่เริ่มส่องแสงเรืองรองออกมา "...ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อล่ะ...เพราะเทพใหม่นั้นมาแล้ว"

    วาบ!!!

    แสงทอประกายสว่างจ้าแต่ก็หาได้แสบตาเลยแม้แต่น้อยกลับดูนุ่มสบายตาด้วยซ้ำ ภายในแสงนั้นค่อยๆ ก่อตัวเป็นรูปร่างมนุษย์ จากนั้นสักพักแสงสว่างนั้นก็ได้หายไป พร้อมเยให้ทุกคนได้เห็นผู้มาใหม่อย่างชัดเจน...

    ...เทพผู้ที่มาใหม่มองไปโดยรอบอย่างงงๆ ก่อนที่จะสะดุ้งเมื่อเห็นเทพบวกหนึ่งเทนงูเดินเข้าไปทักทายอย่างสนใจ

    "อาโอมิเนะ..." คางามิมองไปที่กลางลาดอย่างเหม่อลอย

    "อะไร?" อาโอมิเนะที่มองเทพที่มาจุติด้วยอายุมากที่สุดอยู่ถาม

    "ต่อยข้าที..." ...ให้ตายเถอะ! นี่เขาฝันอยู่หรือเปล่า!?

    "ห๊า!?" อาโอมิเนะหันมามองคนผมสีเพลิงอย่างงงงวย

    "ต่อยข้าที จะถีบ จะชกก็ได้!" คางามิเอ่ย

    "เจ้าบ้าไปแล้วหรือไง!" อาโอมิเนะแว๊ดใส่คนที่อยู่ๆ ให้ทำร้ายตัวเองซะงั้น

    ปั๊ด!

    "โอ๊ย! เจ็บ!" คางามิหลุดร้องออกมาเมื่อถูกคนผมฟ้าแทงสีข้างอย่างแรง

    "เลิกเพี้ยนได้แล้วครับ...นี่คุณไม่ได้ฝันอยู่นะครับ..." คุโรโกะยิ้มบ้างๆ ออกมา "...ไปสิครับ...รอมานานแล้วนิครับ"

    "อ...อื้ม!" คางามิพยักหน้าก่อนที่จะแหวกเหล่าเทพมุง (?) ทั้งหลายไปหาตัวเทพองค์ใหม่นั้น...

    ...ดวงตาสีน้ำตาลของเทพใหม่ก็เงยขึ้นมองคางามิอย่างแปลกใจ เส้นผมสีน้ำตาลไหวไปตามการขยับตัว ดวงหน้าดูธรรมดาแต่แลดูอ่อนโยนเผยยิ้มบางๆ พร้อมเอื้อยเอ่ยคำพูดหนึ่งออกมา "ไง...คางามิ"

    "อึก..." เพียงคำพูดเดียวก็ทำให้น้ำตาเริ่มคลอที่ดวงตาสีเพลิง ก่อนที่ร่างของคางามิจะโผกอดอีกฝ่ายแน่น "...ฟุริ...นายกลับมาแล้ว"

    "คางามิ?" ฟุริฮาตะ โคกิผู้ได้มาจุติใหม่ในฐานะเทพตบหลังเพื่อนยามเป็นมนุษย์ของตนเบาๆ ท่ามกลางสายตางุนงงของเหล่าเทพทั้งหลาย "โอ้ๆ ไม่เป็นไรนะ...ฉันกลับมาแล้ว"

    "อื้ม..." คางามิค่อยๆ แย้มยิ้มออกมาอย่างสดใสที่สุดในรอบสิบปีที่ผ่านมา "...ยินดีต้อนรับกลับมา...แสงสว่างของข้า"

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    End



    Cr. Risu writer

    https://www.facebook.com/Risu-writer-1688848054681783/?ref=hl

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×