ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fanfic knb by shiko

    ลำดับตอนที่ #128 : [MidoFuri] 精霊

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.37K
      27
      27 พ.ย. 58

    Title : 精霊

    Fandom : Kuroko no Basket

    Paring : Midorima x Furihata

    Notes : s // มาเลี้ยวจ้า อันดับ 17 ของการโหวดในครั้งนี้ได้แก่...มิโดริมะจ้า!!! แล้วถืออะไรมาน่ะ?

    มิโดริมะ // ลักกี้ไอเทมของวันนี้...ลูกแก้วไง ยังไงไอ้นี่เธอก็จะใช้ในฟิคนี้ด้วยนิ? ถือมาด้วยคงไม่มีปัญหาอะไรหรอก

    S // ก็จริง...งั้นนายลงไปแสดงเลย (เสกสไลเดอร์ให้)

    มิโดริมะ // หื้อ? วันนี้ยอมให้ลงฟิคง่ายจังนะ?

    S // หรืออยากให้แกล้งล่ะ? (แสยะยิ้ม)

    มิโดริมะ // ไม่... (รีบวิ่งลงสไลเดอร์ไปในทันที)

    ................................................................

    精霊

     

    "ชินจางงงงง วันนี้เลิกซ้อมได้แล้วมางงงงง" เสียงอันกวนสมาธิคนที่กำลังชูตลูกบาสลงห่วงอย่างสวยงาม พร้อมกับคำเรียกอันเป็นเอกลักษณ์...ซึ่งจะเป็นใครอื่นไม่ได้นอกจากทาคาโอะ คาซึนาริคู่หูของคนหัวเขียวที่ยังซ้อมอยู่คนเดียวภายในโรงยิมนี่แหละ

    "นายจะกลับก็กลับคนเดียวสิ" คำอันแสนเย็นชาออกมาจากปากมิโดริมะ ชินทาโร่ที่กำลังซ้อมอย่างขมักเขม่น

    "ไม่ได้หรอกนะ จะให้ทิ้งชินจังไว้ได้ไงล่ะ...อีกอย่างถ้าไม่รีบเก็บของกลับจะโดนมิยาจิซังกินหัวเอานะ วันนี้รุ่นพี่เป็นเวรปิดโรงยิมน่ะ" ทาคาโอะเอ่ยพร้อมมองซ้ายมองขวาเพื่อดูว่าคนที่พูดถึงมาถึงหรือยัง

    "...นายควรบอกเรื่องนี่เป็นอันดับแรกสุดมากกว่านะ" มิโดริมะถอนหายใจพร้อมกับรีบเก็บลูกบาสโดยว่อง เพราะยังไม่อยากลองฤทธิ์กับรุ่นพี่จอมโหดสักเท่าไหร่นัก

    "น่าๆ" ทาคาโอะเอ่ยอย่างชิวท์ๆ ก่อนที่จะปล่อยให้มิโดริมะเดินไปเปลี่ยนชุด

    สิบนาทีต่อมามิโดริมะก็กลับมาพร้อมกับกระเป๋าเตรียมกลับบ้าน โดยในมือถือลูกแก้วขนาดเท่าฝ่ามือคนถือสีน้ำตาลสวยไว้ลูกหนึ่ง

    "ชินจัง...ว่าจะถามแต่เช้าแล้ว นายเอาลูกแก้วนี่มาจากไหนเหรอ? สวยดีจัง" ทาคาโอะมองลูกแก้วลูกงามในมือเพื่อนตน...ดูยังไงก็ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีคนสร้างสิ่งสวยงามขนาดนี้ขึ้นมาได้...

    ...ที่จริงเขาเห็นเพื่อนตนพกไอ้ลูกนี่ไว้ทุกวันนั้นแหละ ปกติไม่เอามาโชว์แบบนี้หรอก แต่เพราะวันนี้ลักกี้ไอเทมของเจ้าตัวเป็นลูกแก้วก็เลยเอาออกมาให้เห็นกันจะๆ นี่แหละ

    "...ฉันจำไม่ได้" มิโดริมะขมวดคิ้วคล้ายครุ่นคิด พร้อมลงมือปิดไฟปิดประตูโรงยิมให้รุ่นพี่กลับมาล็อกเตรียมไว้ ก่อนที่จะนำลูกแก้วของตนเก็บเข้ากระเป๋า "เหมือนจะได้มาจากใครนี่แหละ แต่นึกไม่ออกว่าใคร...รู้แค่เหมือนจะสำคัญมาก แต่ทำไมนึกไม่ออกเลยนะ?"

    "เอาน่าๆ ค่อยๆ คิดไป เดี๋ยวก็นึกออก" ทาคาโอะที่เห็นว่าเพื่อนตนขมวดคิ้วจนกลายเป็นปมเอ่ยขึ้นมา

    "ถ้าคิดออกจริงๆ ก็ดีน่ะสิ..." มิโดริมะถอนหายใจ...เขาเคยพยายามคิดมาหลายรอบแล้ว แต่เขาไม่เคยนึกออกเลยว่ามันมายังไงนอกจาก...

    ...ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนโยนจากคนที่ให้สิ่งนี่กับเขามาเท่านั้น...

    "โว้ย!!! นี่มันบ้าอะไรกัน!?" เสียงโวยวายที่จู่ๆ ดังขึ้นทำให้สองคู่หูตัวจริงแห่งทีมบาสชูโตกุสะดุ้งโหยงพร้อมหันไปมองทางต้นเสียงและ...ใส่เกียร์แมววิ่งทันที!

    "ม...มิยาจิซางงงง! นี่มันอารายกานานนนน!!!" ทาคาโอะตะโกนถามด้วยอาการน้ำตาแตกพร่านเมื่อเห็นสิ่งที่รุ่นพี่ตนวิ่งหนีมา...

    ...สิ่งที่วิ่งตามหลังรุ่นพี่ผมสีน้ำผึ้งของตนมันคือ...ผู้หญิงผมยาวสยายอย่างน่ากลัว ดวงตาทอประกายสีแดงอย่างดุร้าย แลบลิ้นทีทมีสองแฉกออกมายาวถึงหน้าอก ที่สำคัญคือท่อนล่างหญิงคนนี้เป็นงู!!!

    ...ไม่ว่าตีลังกามองยังไงก็ไม่มีทางใช่มนุษย์แน่ล่ะ!!!...

    "จะไปตรัสรู้เหรอ!? แค่เดินผ่านสวนหย่อมข้างตึกมาจู่ๆ มันก็มาไล่เนี่ย!!!" มิยาจิ คิโยชิตัวจริงปีสามแห่งทีมบาสชูโตกุแว๊ดใส่รุ่นน้องตน...ว่าตามจริงไอ้การมาเจอเรื่องแบบนี้เขาก็แทบสติแตกเหมือนกัน!!!

    "ม...มันคงไม่ได้มาจับเรากินหรอกนะ!?" มิโดริมะกลืนน้ำลายอย่างฝืนคอ...นี่มันบ้าอะไรเนี่ย!? ทำไมรู้สึกว่าสายตามันเปลี่ยนจากมิยาจิซังมาเป็นเขาได้!?

    "อย่าพูดเป็นลางดิวะ!" มิยาจิแว๊ดใส่พร้อมวิ่งไปยังทางออกสุดแรงเกิดเช่นเดียวกับอีกสองคนที่วิ่งตามมา "รีบๆ วิ่งเร็ว! ใกล้ถึงทางออกแล้ว!!! ห้ามผ่อนแรงเด็ดขาด!!!"

    "ครับ!!!" เด็กหนุ่มทั้งสองขานรับและวิ่งสุดแรงเกิด

    "เหวอ!" เสียงที่หลุดร้องออกมาจากปากคนผมสีเขียวขณะที่ทั้งสามกำลังจากถึงทางออก ทำให้อีกสองชีวิตหันไปมองยังต้นเสียง...

    ...ที่บัดนี้ถูกเส้นผมของครึ่งผีครึ่งงูมัดขาและลากไป!!!

    "ชินจัง! / มิโดริมะ!" ทาคาโอะและมิยาจิที่เห็นอย่างนี้ก็รีบจับแขนคนผมเขียวไว้ในทันที

    "ปล่อย...ข้าต้องการเลือด...ต้องการเนื้อ..." เสียงอันน่าสะพรึงดังออกมาจากปากผีสาว

    "ม...มันพูดได้ด้วย!" ทาคาโอะแม้อยู่ในอาการตื่นตกใจ แต่มือก็ไม่ปล่อยจากคู่หูตนเลย

    "พูดได้ไม่ได้จะสนหาอะไรล่ะ!? ช่วยมิโดริมะมันก่อน!" มิยาจิยังคงพยายามดึงตัวรุ่นน้องผมเขียว

    "ครับ!" ทาคาโอะขานรับพร้อมออกแรงดึงต่อ...

    ...แต่เมื่อดึงไปนานๆ แรงของผีสาวดูท่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มิยาจิในที่สุดก็ตัดสินใจ...

    ฉับ!

    ...เอากรรไกรจากไหนไม่รู้มาตัดผมผีสาวและลากมิโดริมะกับทาคาโอะวิ่งออกไปในทันที ปล่อยให้ผีสาวคำรามอย่างเจ็บใจไว้ด้านหลัง

     

     

     

     

     

    'นี่ๆ พี่ชาย...พี่ชายชื่ออะไรเหรอ? ไม่เคยเห็นหน้าเลย...'

    'พี่ชื่อครับ เพิ่งย้ายมาอยู่แถวนี้ไม่นาน...แล้วหนูล่ะ?'

    'ผมชินทาโร่ครับ บ้านอยู่ไม่ไกลจากนี่เอง'

    'เฮ้! คุยกับใครอยู่น่ะ! มาช่วยกันหน่อย! แว๊ด! จะโดนทับแล้ว!'

    'พี่ฮะ! อย่าเอากล่องซ้อนกันสูงขนาดนั้นสิฮะ!'

    '...พวกพี่ทำไมรู้สึกจะสลับบทกันเนี่ย?'

    'ฮะๆ คงงั้นแหละ'

    'น้องเลิฟ อย่ายอมรับง่ายๆ สิ พี่ใจแป่วนะ'

    'ครับๆ'

    ครืน...

    'วันนี้มาอีกแล้วเหรอครับ? ชินทาโร่คุง?'

    'ดูท่าเขาจะชอบนายนะ ว่าแต่ไหงไม่เข้าใกล้ฉันเลยล่ะ?'

    'ก็พี่ชายดูท่าถ้าอยู่ใกล้มีหวังเรื่องเจ็บตัวจะลอยหานิ'

    'อูย~ โดนเด็กอนุบาลว่าเจ็บวุ้ย'

    'ขอโทษครับ...พี่ชายอย่าห่อเหี่ยวเหมือนจะเฉียวตายแบบนั้นสิ'

    'งั้นเรียกพี่ว่าพี่ให้ชื่นใจหน่อยสิ'

    '...พี่ของพี่นี่เต็มเปล่าครับเนี่ย?'

    'เต็มร้อยดีครับ พี่เขาแค่ชอบเล่นกับเด็กน่ะ'

    'ใครบอกล่ะ...ถ้าอยากเล่นกับพี่จะคลุกอยู่ด้วยทั้งวันเลย'

    'เอาเวลาเล่นไปทำงานเถอะพี่'

    'ใจร้ายอ่ะ!'

    ครืน...

    'ชินทาโร่คุง...วันนี้วันเกิดชินทาโร่คุงใช่ไหม?'

    'ใช่ครับ'

    'ดูนี่...พี่มีของขวัญมาให้ด้วยล่ะ'

    'อะไรครับเนี่ย? สวยจัง'

    'ลูกแก้วครับ...พี่ทำเองเลยนะ'

    'ผมไม่เคยเห็นลูกแก้วที่ไหนสวยขนาดนี้เลย พี่ทำได้ไงครับ?'

    'ความลับครับ'

    'พี่อ่ะ!'

    'ฮะๆ'

    ครืน...

    'พี่ฮะ!'

    'ครับ? มีอะไรเหรอ? ชินทาโร่คุง?'

    'นี่! ผมให้ฮะ!'

    'หื้อ? แหวนดอกไม้?'

    'ครับ!'

    'ขอบคุณนะครับ...ว่าแต่เอามาให้พี่ทำไมครับเนี่ย?'

    'เอามาหมั้นพี่ครับ!'

    'อ่ะ! เอ๊ะ?'

    'โตขึ้นเมื่อไหร่ผมจะแต่งงานกับพี่นะครับ'

    'ครับๆ โตขึ้นเมื่อไหร่ถ้าชินทาโร่คุงยังจำได้พี่จะแต่งด้วยแล้วกัน'

    'ผมจำได้แน่นอน!'

    ครืน...

    'ที่นี่มัน...ที่ไหน?'

    'บ้าน่า! ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้!?'

    'พี่ พี่ น...นั่นมัน...อะไร?'

    'ชินทาโร่คุง! อันตราย!'

    '!'

    'พี่...โกหกน่า ไม่จริง'

    'ใจเย็นชินทาโร่!'

    'พี่ อึก! ลืมตาขึ้นมาสิ! พี่...'

    ..........

    .........

    ........

    .......

    ......

    .....

    ....

    ...

    ..

    .

    "เฮือก!!!" ร่างสูงสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากความฝันด้วยสภาพเหงื่อท่วมไปทั้งตัวอย่างที่ตนไม่เคยเป็นมาก่อน ดวงตาเหลือบมองไปรอบๆ ห้องของตัวเองก่อนค่อยๆ ดันกายลุกขึ้นนั่งและหยิบนาฬิกามาดู...ซึ่งมันบ่งบอกว่าเขาได้หลับไปเพียงสองชั่วโมงเท่านั้น

    "ฝัน...งั้นเหรอ?" เด็กหนุ่มถอนหายใจเบาๆ กับความฝันเมื่อครู่...ที่ฝันถึงตนเองในยามเด็กที่พูดคุยกับชายสองคนที่เขาไม่เห็นหน้าและไม่ได้ยินชื่อที่ตัวของเขาในสมัยเด็กเรียกเลย...

    เขารู้เพียงว่าหนึ่งในสองคนนั้นสำคัญกับเขามาก แต่ตัวเขากลับไม่อาจจดจำใบหน้าหรือชื่อของคนคนนั้นได้เลย...

    ...ตกลง...คุณคือใครกันแน่?...

     

     

     

     

     

    "มิยาจิทำไมเมื่อวานนายไม่ปิด...อ้าว! ไหงตาเป็นหมีแพนด้าแบบนั้นล่ะ!?" นี่คือเสียงทักที่ดังขึ้นมาจากคิมุระ ชินสึเกะเมื่อเห็นเพื่อนสนิกเดินโซซัดโซเซเข้ามาภายในโรงยิม

    "!!!" เจ้าของชื่อสะดุ้งโหยงเมื่อถูกเรียก ก่อนที่จะถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าคนทักเป็นเพื่อนตน "อ...อรุณสวัสดิคิมุระ"

    "เฮ้ๆ นายโอเคเปล่าเนี่ย? ดูแปลกๆ" คิมุระมองเพื่อนตนที่ดูแปลกไปมาก

    "พี่! วันนี้ผมบอกให้นอนอยู่บ้านทำไมถึงยังมาอีกล่ะ!?" เสียงอันดังของเด็กหนุ่มผมสีน้ำผึ้งที่เพิ่งเดินเข้ามาทำให้มิยาจิสะดุ้งอีกรอบ

    "..." มิยาจิรอบนี้ดูท่าจะสติหลุดนิดหน่อย

    "...พี่...ไหวป่ะเนี่ย?" มิยาจิ ยูยะจิ้มๆ แก้มพี่ตัวเอง

    "ไหว..." มิยาจิตอบกลับพร้อมเรียกสติเข้าร่าง...ไอ้เรื่องเมื่อคืนดันทำให้เขาระแวงไปซะทุกอย่างเลยวุ้ย! ที่จริงเขาจะไม่มาก็ได้แต่เขาห่วงไอ้สองหน้อนั้นนี่หว่า!

    "แน่ใจ? พี่ทำท่ายังกะกลัวอะไรอยู่งั้นแหละ" ยูยะที่สังเกตได้พี่ตนแปลกไปมากเอ่ยถาม

    "..." มิยาจิอึ้งเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่ายูยะจะดูออกและขณะที่จะตอบกลับไปนั้นก็...

    "อรุณสวัสดิ์ครับ" ...เสียงของสองตัวจริงปีหนึ่งของทีมดังขึ้นขัดเสียก่อน

    "อรุ...เอ้ย! นายไปโดนอะไรมา!? มิโดริมะ!!!" คิมุระถึงกับแว๊ดลานเมื่อเห็นว่าตอนนี้รุ่นน้องผมเขียวของตนมีผ้าสีขาวพันที่รอบเท้าจนต้องใช้ไม้เท้าพยุยตัวเอง

    "เกิดอะไรขึ้น!?" เสียงอันดังของคิมุระเรียกให้โอสึโบะ ไทสุเกะผู้เป็นกัปตันทีมรีบเดินเข้ามาดูทันที "นายไปโดนอะไรมา!? มิโดริมะ!"

    "..." มิโดริมะมองไปที่มิยาจิ "ควรบอกเรื่องเมื่อคืนไหมครับ?"

    "ไม่รู้...รู้แค่ไอ้เรื่องบ้านี่ทำเอาฉันไม่ได้นอนทั้งคืนเลย" มิยาจินวดขมับเบาๆ เพื่อคลายอาการปวดหัวจากการอดนอนของตน

    "คิดว่าพวกผมไม่เป็น?" ทาคาโอะที่ขอบตาคล้ำเป็นหมีแพนด้าเหมือนกันเอ่ยพร้อมหาวออกมา

    "ใครเจอก็เป็นกันหมดแหละ" มิโดริมะที่สภาพไม่ต่างกันหาวขึ้นมาอีกคน

    "เดี๋ยวๆ นี่มันเรื่องอะไรกัน!? อธิบายด่วน!" ยูยะถามขึ้นมาอย่างงุนงง

    "นั้นสิ..." เสียงหนึ่งที่ดังขึ้นทำเอาทุกคนสะดุ้งโหยงและมองที่ต้นเสียง "...ตกลงเกิดรื่องอะไรขึ้น?"

    "กรุณาให้ซุ่มให้เสียงบ้างครับ...หัวใจจะวาย..." มิยาจิที่หวิดซ็อกตายไปนิดเดียวเอ่ยขึ้นมา

    "พี่...ยาดมไหม?" ยูยะยื่นยาดมให้พี่ตนที่ดูท่าจะน็อกได้ทุกเมื่อ

    "เออ" มิยาจิคว้ายาดมจากน้องชายตนมา

    "โทษทีแล้วกันที่เกือบทำให้หัวใจวายตาย..." นากาทานิ มาซาอากิผู้เป็นโค้ชมองลูกทีมตนที่ดูจะขี้ตื่นกว่าปกติมาก "...ตกลงมันเรื่องอะไรกัน? คงเรื่องใหญ่มากสินะถึงทำเอาพวกนายดูจิตตกเนี่ย?"

    "ไอ้เรื่องนี้จิตแข็งขนาดไหนก็พนันได้เลยว่า...จิตตกจนซ็อกตายได้เลยล่ะครับ" ทาคาโอะถอนหายใจ

    "จะให้เล่าจริงๆ ?" มิยาจิถามขึ้นมา ซึ่งสิ่งที่ได้กลับมาคือการพยักหน้าแทบพร้อมกันจากคนที่ไม่อยู่ในเหตุการณ์เมื่อคืน

    "จะเชื่อกันเหรอเนี่ย?" มิโดริมะไม่คิดว่าถ้าเล่าไปจะมีใครเขาเชื่อ...ขนาดเขาเจอมากับตัวยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อเลย!

    "ก็ลองดู..." มิยาจิหยักไหล่แบบคนขี้เกียจคิด "...คือว่าเมื่อคืนพวกฉันโดนผีไล่น่ะ"

    "ห๊า!?" คำพูดของมิยาจิทำเอาเครื่องหมายคำถามปรากฏขึ้นบนหน้าทุกคน

    "จริงๆ นะครับ ไอ้ตัวเมื่อคืนโคตรน่ากลัวเลย! ครึ่งหนึ่งเป็นคนครึ่งหนึ่งเป็นงู! แถมตายังวาวสีแดงด้วย!" ทาคาโอะเอ่ยช่วยยืนยัน

    "แถมผมยังเกือบไม่รอดอีก" มิโดริมะเอ่ยยืนยันอีกคน

    "พี่ไปทำอีกท่าไหนโดนผีไล่เนี่ย!?" ยูยะที่รู้นิสัยพี่ตนดีว่าที่พูดเนี่ยไม่ใช่ล้อเล่นชัวท์เอ่ยถามขึ้นมา

    "ไม่รู้เฟ้ย! แค่เดินผ่านมันก็ไล่มาเนี่ย!..." มิยาจิเอ่ยอย่างขนลุกนิดๆ "...ว่าแต่ฉันรู้สึกไปเองหรือเปล่าไม่รู้นะ รู้สึกว่าพอมันเห็นมิโดริมะมันก็เปลี่ยนเป้าหมายไปที่มิโดริมะแทนเนี่ย?"

    "ไม่รู้สึกไปเองหรอกครับ...สายตาเจ๊ผีเมื่อคือเปลี่ยนเป้าหมายจากมิยาจิซังเป็นชินจังจริงๆ" ทาคาโอะที่สายตาดีกว่าชาวบ้านชาวช่องเอ่ย

    "ว่าแต่ทำไมเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นฉันกันนะ?" มิโดริมะไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมาจ้องเล่นงานที่ตนแทน

    "แถมยังพูดเหมือนจะจับชินจังกินให้ได้อีกต่างหาก" ทาคาโอะเอ่ยเสริม

    "เท่าที่พูดมาเนี่ย...ดูท่าคนที่จะอันตรายที่สุดคือมิโดริมะสินะ? ยิ่งตอนนี้วิ่งหนีไม่ได้แล้วด้วย..." มาซาอากิพยายามครุ่นคิดเรียบเรียงเหตุการณ์ "...มิโดริมะห้ามอยู่คนเดียวเด็ดขาด จะไปไหนก็ให้มีกันสามคนขึ้นเท่าใจไหม?"

    "เอ๊ะ? โค้ชเชื่อ?" มิยาจิดูแปลกใจนิดๆ ที่โค้ชตนเชื่อ

    "จะไม่เชื่อได้ไง...ในเมื่อมันเคยเกิดมาแล้ว..." มาซาอากิเอ่ยด้วยท่าทางกลุ้มนิดๆ เหมือนกับว่ากำลังคิดว่าพูดไปจะทำเอาคนในทีมตนกลัวหรือเปล่า? "คนที่อยู่ด้วยกับคนที่โดนนั้นเล่าเรื่องคล้ายๆ แบบนี้แหละ มีคนหนึ่งหายสาปสูญไปเห็นบอกว่าโดนผีครึ่งคนครึ่งงูกินไป...จากนั้นคนที่เห็นเหตุการณ์แต่ละคนก็ค่อยๆ ตายตามกันอย่างไร้สาเหตุด้วย"

    "ห๊า!?" ทุกคนเหวอล่ะงานนี้ "แสดงว่า...โครตอันตรายเลยสิครับ!!!"

    "อื้ม..." มาซาอากิพยักหน้ารับ

    "ท...ทำไมไม่เคยเห็นเคยได้ยินเรื่องนี้เลยล่ะโค้ช!" ยูยะถามกลับ

    "เรื่องนั่นมันเกิดเมื่อสิบปีกว่าก่อนนู้น ในตอนนั้นมีอนเมียวจิที่เด็กมากคนหนึ่งมาช่วยจัดการไปน่ะ แต่รู้สึกว่างานนั่นมันจะหนีไปได้" มาซาอามิเล่าเรื่องในคราวนั้นให้ฟัง

    "งั้นลองตามคนคนนั้นมาดูไหมครับ?" ทาคาโอะถาม

    "ไม่ได้หรอก...คนคนนั้นตายไปแล้ว เห็นว่าเพราะไปปกป้องเด็กที่หลงเข้ามาระหว่างปราบปีศาจจนตัวตายน่ะ" มาซาอากิถอนหายใจ

    "ดูท่าจะเป็นคนดีน่าดู..." มิโดริมะเอ่ยพร้อมทำท่าครุ่นคิด "...ทำไมเรื่องมัน...คุ้นๆ หว่า?"

    ปัง!!!

    ระหว่างที่กำลังคุยกันอยู่นั้น อยู่ดีๆ ประตูห้องที่ถูกเปิดทิ้งไว้ก็ปิดอย่างแรงพร้อมกับไฟภายในห้องก็ดับไป

    "อะไรเนี่ย!?" คิมุระมองไปรอบๆ ก่อนที่จะตัวแข็งทื่อไป "ม...มิยาจิอ...ไอ้ที่ไล่พวกนายเมื่อวานช...ใช่ไอ้นี้หรือเปล่า?"

    "..." มิยาจิหันไปมองไปทางทิศที่เพื่อนตนมองไปก็ถึงกับอยากเป็นลมหนีความจริงเสีย  "เป๊ะเลย..."

    เมื่อทุกคนได้ยินคำของมิยาจิก็ต่างหันไปมองเป็นทิศเดียวกันก็พบกับ...ผีสาวครึ่งงูที่ขดอยู่ที่มุมห้องและจ้องมาทางพวกตนอย่างดุร้าย

    "ช้าอยู่ใย...เผ่นดิ!" คนแก่ที่สุดในที่นี้ไม่รอช้ารีบถีบประตูพังพร้อมกับลากเหล่าลูกศิษท์ตนวิ่งหนีทันที ซึ่งผีสาวก็ไล่ตามมาเช่นกัน

    "ผ...ผีโผล่มาตอนกลางวันได้ด้วยเหรอ!?" โอสึโบะถามขึ้นอย่างคนใกล้สติแตก ขณะที่บนบ่าตอนนี้มีคนผมเขียวที่วิ่งไม่ได้พาดอยู่

    "ม...ไม่รู้เฟ้ย!" มิยาจิวิ่งไม่คิดชีวิตล่ะงานนี้

    "อะไรก็ช่างมันเถอะ! รีบหาทางหนีเร็วๆ!" มาซาอากิโวยอย่างลืมแก่กันเลยทีเดียว

    "แล้วจะไปไหนดีล่ะ!?" ยูยะไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตนต้องมาหนีผีกันกับในหนังเนี่ย!!!

    "อย่าหนีน้า~" เสียงหลอนๆ อันเย็นจับจิตลอยตามหลังมา

    "เรื่องสิฟะ!!!" เสียงที่ประสานกันของคนหนีตายดังขึ้นพร้อมกับฝีเท้าที่วิ่งเร็วขึ้น เพื่อหนีจากผีสาวให้ได้

    "จะตามไปถึงไหนฟะ!?" ยูยะเอ่ยอย่างหัวเสีย

    "จะไปรู้เหรอ!?" มิยาติแว๊ดกลับใส่น้องชายตน

    "เมื่อวานมันเลิกตามพวกนายตอนไหนล่ะ!?" โอสึโบะถาม

    "ตอนพ้นรั้วโรงเรียนไปครับ!" ทาคาโอะตอบ

    "งั้นรีบออกจากโรงเรียนเถอะ!" คิมุระเสนอ

    "ถ้าทำได้ทำไปแล้ว! พวกเธออย่าลืมสิว่าตอนนี้คนตรงรั้วโรงเรียนมันเยอะขนาดไหน!? ถ้าไปทางนั้นแล้วคนอื่นโดนไล่ล่ากันหมดล่ะก็ขำไม่ออกนะ!!!" มาซาอากิเอ่ยเตือนสติ

    "งั้นควรท...อึก!" ระหว่างที่มิโดริมะกำลังจะเอ่ยถาม ก็มีบางอย่างมารัดคอและลากร่างของตนลงจากโอสึโบะ

    "เฮ้ย! มิโดริมะ!!!" โอสึโบะที่รู้สึกได้ว่ารุ่นน้องตนถูกลากไปรีบหยุดวิ่งและไปยืกยุกฉุดกระชากเส้นผมที่พันรอบคอคนผมเขียวอยู่ "ปล่อยรุ่นน้องฉันนะโว้ย!"

    "เวรเอ้ย! นี่มันกะฆ่ามิโดริมะก่อนคนอื่นเหรอ!?" มิยาจิดึงเส้นผมที่รัดคอรุ่นน้องตนเช่นเดียวกับโอสึโบะ เหมือนกับคนที่เหลือที่เมื่อเห็นแบบนี้ก็รีบมาช่วยเด็กหนุ่มผเขียวเช่นกัน

    "ใครมีอะไรคมๆ มาตัดผมนี่บ้าง!?" คิมุระเอ่ยถามอย่างร้อนรน

    "จะไปหามาจากไหนฟะ!?" มิยาจิตอกกลับไป...ที่จริงในกระเป๋าเขามี แต่มันดันอยู่ที่ห้องชมรมนี่สิ!

    "จ...จะทำไงดี!?" ทาคาโอะเริ่มน้ำตาแตกอย่างหาชมได้ยากยิ่ง

    "อย่า...มา..ขวาง..." เสียงของผีสาวดังขึ้นพร้อมกับเส้นผมที่เป็นดังแส่ฟาดใส่เหล่าเด็กหนุ่มทั้งห้าคนแก่หนึ่งจนกระเด็นไป

    "มิโดริมะ!" มิยาจิมองรุ่นน้องตนที่ถูกลากไปใกล้ผีสาวมากขึ้นเรื่อยๆ และพอจะพยายามเข้าไปช่วยก็ถูกเส้นผมผีมาขวางไว้อย่างน่ารำคาญที่สุด! "บ้าเอ้ย!!!"

    "..." มิโดริมะที่ถูกลากมาทำได้เพียงดิ้นรนอย่างไร้ทางสู้พร้อมมองพวกคนอื่นๆ ที่พยายามเข้ามาช่วยตนสุดชีวิต แต่ก็ไม่อาจมาถึงได้...

    ...อา...นี่เขากำลังจะถูกฆ่าเหรอ?...

    มิโดริมะคิดอย่างเสียดายชีวิต...พูดตนตามตรงเขายังอยากเล่นบาสอยู่ ยังอยากอยู่กับทุกคน ยังอยากที่จะมีชีวิตอยู่และ...อยากจำเรื่องที่เขาลืมไปนั้นให้ได้ เรื่องของคนที่เอาลูกแก้วลูกนั้นให้เขา

    ...แต่มันเป็นไปไม่ได้แล้วสินะ?...

    เด็กหนุ่มค่อยๆ หลับตาลงอย่างยอมแพ้ให้แก่ผีสาวที่มองตนราวกับเป็นเหยื่ออันโอชะ...แต่ในขณะนั้นเอง...

    'อย่ายอมแพ้สิ! มิโดริมะ!!!'

    "ใคร?" เสียงอันแหบแห้งเอ่ยออกมาจากริมฝีปาก ดวงตาสีเขียวใสที่ถูกปิดเมื่ครุ่นลืมขึ้นมามองสิ่งต่างๆ อีกครั้ง...กับเสียงที่แสนคุ้นเคยนี้...

    ...ราวกับเคยได้ยินเมื่อนานมาแล้ว

    'ตอนนี่มันใช่เรื่องที่ควรสนใจไหมเนี่ย!?'

    "ก็จริง..." มิโดริมะตอบเสียงที่ตนไม่เห็นต้นเสียงนั้นไป "...แต่ในตอนนี้...ฉันจะทำอะไรได้ล่ะ? สุดท้ายฉันก็จะถูกฆ่าอยู่ดีนิ?"

    'แล้วนายจะยอมตายแล้วปล่อยให้เพื่อนนายถูกฆ่าต่อเหรอ!?'

    "ไม่..." มิโดริมะตอบอย่างเต็มปากเลย...เขาไม่อยากให้คนอื่นๆ ถูกฆ่าไปด้วยหรอกแต่ว่าเขาไม่รู้จะทำไงดีกับเหตุการณ์นี่ "...แล้วฉันจะทำไงเพื่อช่วยพวกนั้นล่ะ?"

    'โอเค ฟังฉันดีๆ นะ...ฉันพอมีวิธี'

    "อื้ม..." มิโดริมะขานรับไป...ถึงแม้ว่าไม่รู้ว่าเสียงนี้มีเจตนาดีหรือร้ายกับตัวเขา แต่ในใจเขามันบอกว่าให้เชื่อเสียงเสียงนี้ซะ ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่

    'งั้นเอาง่ายๆ สั้นๆ นะ...นายขว้างลูกแก้วในกระเป๋านายใส่ผีตนนั้นเร็ว!'

    "ห๊า!?" เด็กหนุ่มหลุดเสียงร้องอย่างงงๆ ไป...มันจะช่วยอะไรได้ล่ะนั้น!? ทำให้ผีหัวแตกเหรอ!?

    'เร็ว!'

    "ก็ได้ๆ" มิโดริมะเมื่อถูกเร่งก็รีบรื้อๆ เอาลูกแก้วออกมาจากกระเป๋าและชูต (?) ใส่ผีสาวทันที...ผลที่ตามมาคือ...

    "กริ๊ดดดดดดดด!!!" ...เสียงกริ๊ดดังสนั่นพร้อมกับเส้นผมที่พันรอบคอมิโดริมะนั้นได้หายไป เช่นเดียวกับทางพวกทาคาโอะ

    "ชินจัง! ปลอยภัยดีนะ!?" ทาคาโอะรีบวิ่งมาตรวจสอบร่างกายคู่หูตนทันที

    "ปลอดภัยดี...แต่เกือบไปเหมือนกัน" มิโดริมะตอบพร้อมมองผีสาวที่ถอยห่างจากลูกแก้วที่ตนโยนไป

    "ว่าแต่...ทำไมมันปล่อยพวกเราเนี่ย?" มิยาจิที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ถามขึ้นมาพร้อมมองไปทางผีสาวที่ยังจ้องอาฆาตพวกตนอยู่

    "เพราะลูกแก้วลูกนั้นครับ" มิโดริมะชี้ไปยังลูกแก้วที่อยู่ใกล้ๆ ผีสาว

    "มันกลัวลูกแก้ว?" ยูยะมองลูกแก้วที่ว่านั้น

    "ไม่ครับ...ผมว่าไม่ใช่แค่นั้น..." มิโดริมะที่จ้องไปที่ลูกแก้วนั้นเหมือนคาใจบางอย่างก่อนที่จะถึงกับหลุดร้องออกมา...เมื่อมีควันลอยออกมาจากลูกแก้วและก่อเป็นรูปร่างของมนุษย์!!!

    ร่างนั้นเป็นเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลที่ดูท่าทางอายุเท่าๆ กับมิโดริมะ ที่ยืนประเชิญหน้ากับผีสาวด้วยท่าทางสั่นนิดๆ ...แต่น่าแปลกที่ร่างนั้นชัดเจนจนไม่เหมือนผีเลย ถ้าไม่เห็นว่าอีกฝ่ายออกมาจากลูกแก้วล่ะก็คงคิดว่าเป็นคนธรรมดาแน่

    "ผ...ผีอีกตัวเหรอ!?" มิยาจิโดดเกาะน้องชายตนอย่างไม่อายใครทันที

    "นั่นมัน..." มาซาอากิมองร่างนั่นตาค้าง "...อนเมียวจิเมื่อตอนนั้นนิ!!!"

    "ห๊า!?" ทุกคนหันมามองผู้เป็นโค้ช "จริงเหรอครับ!?"

    "จะโกหกให้ได้อะไรล่ะ!?" มาซาอากิถามกลับ

    "เออ...ขอโทษนะครับ!" เสียงตะโกนที่ดังขึ้นมาจากร่างที่เพิ่งออกจากลูกแก้วมาหมาดๆ ทำเอาทุกคนสะดุ้ง "ช่วยหลบไปก่อนได้ไหมครับ!? ผมกลัวว่าจะโดนลูกหลงกันน่ะครับ!"

    "..." ไม่มีคำตอบใดหลุดออกมา แต่ทุกคนก็รีบหาที่กำบังพร้อมกับแอบยื่นหน้ามาดูนิดๆ ด้วย

    "ดูไม่น่าเป็นผีที่เลวร้ายอะไรนะ?" ทาคาโอะพูดขึ้นมา

    "ขอไม่ออกความเห็นวะ" มิยาจิเอ่ย

    "เงียบหน่อย...จะเริ่มแล้ว" มิโดริมะที่แอบมองด้วยเห็นร่างของผีเด็กหนุ่มกำลังร่ายบางอย่างออกมา...

    ...และเพียงไม่นานหลังจากนั้นก็มีแสงสีน้ำตาลทองท่อประกายขึ้นมาก่อขึ้นมาเป็นรูปดาบเล่มบางเล่มหนึ่ง ก่อนที่จะเริ่มลงมือฟัดกับผีสาวทันที

    ทางผีสาวเองเมื่อเห็นว่าตนจะถูกจู่โจมก็สะบับหางฟาดใส่เด็กหนุ่ม แต่เพียงร่างนั่นหลบได้ทันและพลิกตัวพร้อมตวัดดาบใส่ผีสาวอย่างง่ายดาย

    เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บของผีสาวดังขึ้นก่อนที่จะอ้าปากกว้างหมายงับร่างเด็กหนุ่ม ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่หลบแต่กลับเอาดาบมากั้นไว้พร้อมร่ายบางอย่างออกมาจากริมฝีปากบางนั้น...เป็นเสียงที่ฟังอ่อนโยนจนคนฟังแทบเคลิ้มเลยล่ะ

    เมื่อเด็กหนุ่มร่ายคำพวกนั้นออกมาจนจบประโยคก็ได้มีสิ่งที่เหมือนกับรากไม้จำนวนมากค่อยๆ คืบคลานขึ้นมาพันร่างผีสาวราวมัมมี่และรัดร่างนั้นแน่นขึ้นเรื่อยๆ เสียงกรีดร้องของผีสาวดังขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะถูกรากไม้เหล่านั้นรัดแน่นจนเลือดสีแดงสาดกระเซ็นไปทั่ว

    "ขอโทษด้วยนะครับ...แต่ผมให้โอกาสคุณครั้งหนึ่งแล้วคงปล่อยไปไม่ได้แล้ว..." เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้านิดๆ "...อโหสิกรรมให้ด้วยนะครับ"

    พอจัดการผีสาวลงไปได้เหล่ารากไม้ที่หมดหน้าที่ก็ค่อยๆ คืบคลานกลับสู่ที่เดิมของมัน

    "ส...สุดยอด" ทาคาโอะที่แอบดูแบบตาไม่กระพริบเอ่ยออกมาอย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น

    "นั้น...คงไม่คิดร้ายกับเรานะ?" ยูยะที่ถูกผีไล่ก่อนหน้านี้ออกอาการจิตตก

    "คงไม่...มั้ง" มิยาจิเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน

    "..." มิโดริมะไม่พูดอะไร แต่ดันเดินไปหาร่างเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลนั้นเลย

    "เฮ้! มิโดริมะ!" เมื่อเห็นคนผมเขียวเดินไปหาร่างนั้นอย่างทุลักทุเล ทุกคนก็ได้แต่ทำใจเดินตามคนผมเขียวไป

    "นี่นาย..." มิโดริมะเรียกคนผมสีน้ำตาล

    "ครับ?" คนที่ถูกเรียกหันกลับมามองพร้อมจ้องด้วยดวงตาสีน้ำตาลใสแจ๋วราวลูกหมาตัวน้อย

    "นายเป็นผีเหรอ?" ทาคาโอะที่แอบหลังมิโดริมะถาม

    "ครับ" เด็กหนุ่มพยักหน้าอย่างง่ายดาย

    "แล้วนายเป็นอนเมียวจิด้วย?" มิยาจิถามขึ้นมาอีกคน...ดูๆ ไปเจ้านี่ไม่น่ากลัวเลยแฮะ

    "ครับ" เด็กหนุ่มพยักหน้ารับอีกครั้ง

    "แล้วไหงนายเหมือนคนปกติจังหว่า?" ทาคาโอะถามขึ้นมาอย่างคนเริ่มกลับสู่โหมดเดิม

    "คือ...อยู่ในลูกแก้วนานไปหน่อย มันเบื่อเลยฝึกเล่นๆ ไปจนกลายเป็นภูตแทนวิญญาณไปแล้วล่ะครับ" เด็กหนุ่มเอ่ยเหมือนอายนิดๆ

    "มีเลื่อนระดับยังกะเกมเลยวุ่ย!" คิมุระบ่นขึ้นมาเบาๆ

    "นาย..." มิโดริมะเอ่ยขึ้นพร้อมเก็บลูกแก้วที่พื้นขึ้นมา "...เป็นคนให้ลูกแก้วนี่กับฉัน...ใช่ไหม?"

    "ครับ" เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ

    "งั้น...คนที่ทำให้นายตาย...ก็เพราะฉัน?" มิโดริมะเริ่มนึกออกขึ้นมาได้หน่อยนึงว่า...เขาเคยเห็นร่างของคนตรงหน้านี้นอนแน่นิ่งกับพื้นพร้อมเลือดสีแดงฉานเปื้อนเขาไปทั้งตัว...

    ...เป็นภาพที่ช่างน่ากลัวและหดหู่ที่สุดในชีวิตของเขา กับการเห็นคนคนหนึ่งตายไปต่อหน้าต่อตา

    "ไม่ใช่..." เด็กหนุ่มตอบพร้อมยิ้มบางๆ ให้คนผมเขียว "...ตอนนั้นฉันพลาดเอง ไม่ใช่เพราะใครหรอกนะ"

    "น่าๆ อย่าทำท่าทางหดหู่แบบนั้นสิ! ว่าแต่...นายรู้ไหมว่าทำไมผีตัวเมื่อกี้มันหันมาเล่นงานชินจังแทนมิยาจิซังล่ะ? ก็ตอนแรกมันไล่ตามมิยาจิซังนิ?" ทาคาโอะถามขึ้นเพื่อแก้บรรยากาศชวนอึดอัด

    "เพราะมิโดริมะมีพลังวิญญาณมากว่าคนผมสีน้ำผึ้งคนนั้นน่ะ...พวกนี่ถ้าเจอคนที่มีพลังวิญญาณเยอะกว่าก็จะไปเล่นงานคนนั้นแทนเพราะถ้ากินคนที่มีพลังวิญญาณมากเท่าไหร่ก็จะมีพลังมากขึ้นเท่านั้นแหละ" เด็กหนุ่มตอบทาคาโอะที่บัดนี้...ขยี้หัวตนเล่นแล้ว

    "...ขอถามหน่อยนะ...ทำไมนายถึงสิงในลูกแก้วได้?" มาซาอากิถามขึ้นหลังจากดันสมองให้กลับเข้าที่เข้าทางได้แล้ว

    "ไม่ทราบครับ" เด็กหนุ่มส่ายหน้าทันที "ตอนผมตายเนี่ยรู้ตัวขึ้นมาก็อยู่ในลูกแก้วแล้ว จะออกมาก็ไม่ได้จนวันนี้นี่แหละที่เผลอติดต่อมิโดริมะได้เนี่ย"

    "สรุปคือ...นายรู้จักมิโดริมะมาก่อน พอตายก็ดันมาอยู่ในลูกแก้วที่ให้มิโดริมะได้ไงไม่รู้และเพิ่งออกมาได้วันนี้สินะ?" โอสึโบะสรุปเรื่องทั้งหมด

    "ครับ" เด็กหนุ่มตอบ

    "แล้วนาย...จะเอาไงต่อ?" ยูยะถามขึ้นอย่างคนไมเกรนขึ้น...ตอนนี้สติสตางค์เขาหล่นหายไปไหนบ้างหรือเปล่าเนี่ย!?

    "...ผมไม่รู้ครับ" เด็กหนุ่มทำหน้าหงอย

    "...ผมว่าเราไปคุยที่อื่นกันเถอะ...คนเขามองแล้ว" คิมุระเอ่ยพร้อมกับชี้ไปทางคนที่เริ่มมองมาที่พวกตน

    "โอเค..." มิยาจิเอ่ยพร้อมกับ...แบกตัวคนผมสีน้ำตาลขึ้นบ่า "...ตัวนายเบากว่าทาคาโอะอีกแฮะ"

    "เหวอ!" เด็กหนุ่มหลุดร้องออกมาและคว้าเสื้อคนผมสีน้ำผึ้งไว้ด้วยความกลัวตก

    "ไปคุยที่ห้องวิดีทัศษ์เถอะ ไม่ค่อยมีคนไปดี" โอสึโบะเสนอพร้อมแบกมิโดริมะขึ้น

    "ตามนั้น..." นี่คือเสียงที่เอ่ยรับก่อนที่จะ...เผ่นจากจุดจุดนี้ทันที

     

     

     

     

     

    "มาเริ่มสอบถามกันดีกว่า..." มิยาจิเอ่ยพร้อมทิ้งตัวลงบนเก้าอี้พร้อมมองเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลที่...สั่นปานชิวาว่า "...ไหงสั่นขนาดนั้นล่ะ?"

    "ก...ก็..." เด็กหนุ่มหลบสายตาคนผมสีน้ำผึ้ง

    "นายก็อย่าจ้องหมอนี่สิมิยาจิ...ถ้าจำไม่ผิดหมอนี่นอกจากงานของอนเมียวจิโคตรขี้กลัวเลย" มาซาอามิเอ่ย

    "ค...คุณรู้ได้ไงครับ?" เด็กหนุ่มถามขึ้นมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ

    "ก็ตอนนายมาไล่ไอ้ตัวที่นายเก็บไปเมื่อกี้เมื่อสิบปีก่อนฉันก็อยู่ด้วยนิ" มาซาอากิเอ่ย...เขาไม่แปลกใจหรอกว่าทำไมอีกฝ่ายจำตนไม่ได้ ก็เล่นขี้กลัวซะเคยเกร็งจนเดินชนต้นไม้นิ!

    "ร...เหรอครับ" เด็กหนุ่มเอ่ยพร้อมกับ...ท่าทางเหมือนอยากมุดดินหนี

    "น่าๆ ไม่ต้องกลัวหรอกน่า...มิยาจิซังไม่เชือดนายหรอก!" ทาคาโอะตบบ่าเด็กหนุ่มป้าบๆ

    "แต่ฉันเริ่มอยากเชือดนายมากกว่าวะ ทาคาโอะ" มิยาจิค้อนใส่ทาคาโอะ

    "เย็นไว้ๆ พี่กำลังทำให้หมอนี่กลายร่างเป็นชิวาว่าแล้ว..." ยูยะเอ่ยพร้อมหันมองคนที่ตนว่าเป็นชิวาว่าเมื่อครู่ "...นายชื่ออะไรล่ะ?"

    "ฟ...ฟุริฮาตะ โคกิครับ" ฟุริฮาตะตอบก่อนที่จะ...ไปแอบหลังทาคาโอะ

    "ขี้กลัวสุดๆ..." โอสึโบะมองฟุริฮาตะ "...ต่างจากเมื่อกี้ลิบลับ"

    "อย่างที่บอก...หมอนี่ขี้กลัวกับคนอื่นสุดๆ" มาซาอากิถอนหายใจเบาๆ "แล้วนายจะเอาไงฟุริฮาตะ? ดูท่าตอนนี้ไม่รู้จะไปไหนนิ?"

    "ผมคงร่อนไปเรื่อยมั้งครับ หรือก็เดินไปให้พวกอนเมียวจิคนอื่นกำจัดล่ะมั้ง" ฟุริฮาตะเอ่ยเหมือนเป็นเรื่องปกติ

    "กำจัด?" ทุกสายตามองที่คนผมน้ำตาล "ทำไมนายถึงต้องถูกกำจัดล่ะ? นายไม่ได้เป็นผีร้ายแบบเมื่อกี้สักหน่อย?"

    "ครับ ไม่ได้เป็นแบบนั้น...แต่สำหรับพวกอนเมียวจิเนี่ยพวกภูตินี่เรียกได้ว่าอันตรายเลยล่ะครับ เพราะจะมีพลังเยอะมากส่วนใหญ่เขาจะกำจัดทิ้งน่ะครับ เว้นแต่เป็นภูติที่มีคนทำสัญญาไว้เท่านั้นครับ" ฟุริฮาตะอธิบาย

    "แสดงว่าตอนนี้ถ้านายเพ่นพร่านแถวไหนก็มีโอกาสโดนเก็บน่ะสิ!?" ความจริงข้อนี่ทำให้ทุกคนตกใจพอสมควร

    "แล้วไอ้การทำสัญญานี่...มันทำไงเหรอ?" มิโดริมะที่ทำหน้านิ่งเหมือนปกติเอ่ยถามขึ้นมา

    "เอ๋?" ฟุริฮาตะทำหน้างงเล็กน้อยที่ถูกถามแบบนี้ แต่ก็ยอมตอบแต่โดยดี "ก็ปกติก็จะใช้เลือดผู้เป็นนายวาดวงเวทและทำสัญญากันน่ะครับ หรืออีกวิธีก็...ขอบอกเลยนะว่าง่ายกว่าก็จริงแต่ไม่มีใครเขาทำกันเท่าไหร่หรอก..."

    "ก็ลองบอกมาสิ" มิโดริมะเอ่ย

    "...อีกวิธีคือให้ผู้เป็นนายเอ่ยถามว่า 'ยินดีที่จะรับข้าเป็นนายหรือไม่?' แล้วให้ภูติตนนั้นตอบรับเป็นเชิงยอมรับจากนั้นก็...ให้จูบกันน่ะ" ฟุริฮาตะเอ่ยเหมือนอายในสิ่งที่พูดนิดๆ

    "ยินดีรับข้าเป็นนายหรือไม่?" มิโดริมะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นเชิงถามว่าให้พูดแบบนี้ใช่ไหม?

    "อื้ม ใช่ล...อื้อ!?" ฟุริฮาตะที่ตอบรับไปพูดไม่ทันจบ อยู่คนผมเขียวก็ดึงตัวเด็กหนุ่มที่แอบหลังทาคาโอะมาประทับจูบลงที่ริมฝีปากอย่างรวดเร็ว

    "แค่นี้ใช่ไหม?..." มิโดริมะที่ผละริมฝีปากออกถามขึ้น ในขณะนั้นเอง...ก็มีรอยสีทองรูปดอกซากุระเล็กๆ ปรากฏขึ้นมาที่ข้อมือคนผมเขียว เช่นเดียวกับคนผมน้ำตาลที่ดูท่าสมองจะหยุดทำงานไปแล้วก็ปรากฏรอยเดียวกันขึ้นที่จุดเดียวกัน "...ดูท่าจะใช่แฮะ"

    "น...นาย..." ฟุริฮาตะที่เริ่มดึงสติกลับมาได้ชี้นิ้วสั่นๆ ไปที่มิโดริมะ "...ท...ทำแบบนี้ทำมายยยยยย!?"

    ...ฮือ...จูบแรกของเขาตั้งแต่ตอนเป็นคนยันผี (?) เลยนะ!!!...

    "ก็ทำแบบนี้นายก็จะได้ไม่ถูกกำจัดไง" มิโดริมะเอ่ยหน้าตาย ขณะที่ฟุริฮาตะกะดึบไปหลบหลังโอสึโบะที่อยู่ห่างจากมิโดริมะที่สุดแทน

    ...เออ ดีแฮะ อย่างน้อยหมอนี่ก็ไม่ถูกกำจัด...ไม่งั้นพวกเขาคงรู้สึกแย่น่าดูที่หมอนี่ต้องถูกล่าเพียงเพราะออกมาช่วยพวกเขาเนี่ย...

    ทุกคนคิดในใจอย่างเห็นด้วยในการกระทำของมิโดริมะที่กล้าเหลือหลายโดยไม่แสดงออกมา

    "ไม่อายบ้างหรือไง!?" ฟุริฮาตะแว๊ดใส่...ซึ่งดูไม่น่ากลัวสักนิด

    "ไม่..." ...ว่าตามจริงรู้สึกดีอีกต่างหาก แต่เขาไม่พูดให้หมอนี่สติแตกหรอกนะ

    "ทำใจเถอะ...มิโดริมะก็แปลกๆ แบบนี้แหละ" คิมุระที่อยู่ข้างๆ ตบไหล่ปลอบใจคนผมสีน้ำตาล...ถึงจะเห็นใจที่อีกฝ่ายถูกผู้ชายด้วยกันขโมยจูบ แต่เขาคิดว่าสิ่งที่มิโดริมะทำก็ดีเหมือนกันเพราะแบบนี้แสดงว่าอีกฝ่ายจะไม่ถูกกำจัดไปนั้นเอง

    "ทำใจไว้...ดูท่านายต้องอยู่กับหมอนี่อีกนาน" มิยาจิเอ่ยแบบ...เหมือนไม่ใช่ปลอบแต่เป็นปลงคนผมเขียวมากกว่า

    "ครับ..." ฟุริฮาตะเอ่ยคล้ายปลงขึ้นมาได้นิดๆ

    "ว่าแต่พอทำสัญญานี่แล้ว...นายต้องไปอยู่บ้านชินจัง?" ทาคาโอะถามขึ้นมาหลังจากกลั้นขำอยู่นานกับสีหน้าเหวอๆ ของฟุริฮาตะ

    "ก็ไม่จำเป็นเสมอไปหรอกครับ แค่ผมจะอยู่ห่างจากมิโดริมะได้แค่ในจังหวัดน่ะครับ จะอยู่กันห่างข้ามจังหวัดไม่ได้แค่นั้นเอง" ฟุริฮาตะเอ่ยขึ้นมาหลังจากทำใจขึ้นมาได้มากแล้ว

    "อื้ม...ง่ายดี" ทาคาโอะพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนที่จะหันมาหาคู่หูตน "ว่าแต่...ชินจังนายต้องไปสู่ขอฟุริที่บ้านไหมอ่ะ? เล่นขโมยจูบลูกชายชาวบ้านเนี่ย? www"

    "วะฮ่าฮา! นั้นมุขเหรอ!?" มิยาจิหัวเราะลั่นเมื่อได้ยินมุขนี่ เช่นเดียวกับคนอื่นๆ ที่กลั้นขำอยู่อย่างยากลำบาก จะเว้นก็มีแต่ฟุริฮาตะที่อึ้งมุขนี่กับมิโดริมะที่ทำหน้าตายเท่านั้น

    "ก็ดี..." มิโดริมะตอบ

    "เฮ้ย! เอาจริงดิ!?" ทาคาโอะถามกลับด้วยน้ำตาคลอจากการขำมากไป

    "ไม่ได้สู่ขออย่างที่นายว่าแล้วกัน" ดวงตาสีเขียวหลังกรอบแว่นค้อนใส่คนที่หัวเราะไม่หยุด...มิยาจิซังเขาเว้นไว้ แต่นายเดี๋ยวเจอเอาคืนแน่ไอ้เหม่งเอ้ย!

    "แล้วนายจะไปบ้านหมอนี่ทำไมล่ะ?" มิยาจิที่หยุดหัวเราะได้แล้วถามขึ้น...ยังไงการที่มิโดริมะคิดจะไปบ้านฟุริฮาตะนี่มันแปลกๆ นะ

    "แค่มีเรื่องอยากรู้น่ะครับ..." มิโดริมะเอ่ย...ใช่ เขาอยากรู้ตกลงในตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่? และทำไมเขาถึงลืมไปหมดปานเอายางลบมาลบแบบนี้?

    "งั้นขอไปด้วยดิ! อยากรู้อ่ะว่าบ้านฟุริจะเป็นไง!" ทาคาโอะมองฟุริฮาตะตาแป๋วเชิงอ้อน

    "ท...ทำไมต้องบ้านฉันอ่ะ? เอาที่อื่นไม่ได้เหรอ?" ฟุริฮาตะเริ่มอยากร้องไห้แล้วสิ...จะไปบ้านเขาทำอะไร!?

    "ไม่..." มิโดริมะตอบทันที "...ฉันอยากไปดูที่บ้านนายหน่อยน่ะ...เอาที่นายอยู่ช่วงก่อนจะตายนะ"

    "จ...จะไปทำไมเนี่ย?" ฟุริฮาตะไม่เข้าใจเหตุผลของคนผมเขียวเลย

    "เพราะฉันอยากรู้...เกี่ยวกับนาย" มิโดริมะพูดอย่างกำกวมยิ่งนัก

    "อยากรู้เหมือนกัน!" ทาคาโอะพูดแทรกขึ้นมา

    "เหมือนกัน..." พวกที่เหลือเริ่มส่งสายตาให้ฟุริฮาตะ...แบบพยายามอ้อนสุดฤทธิ์ เพราะต่อมอยากรู้อยากเห็นเริ่มทำงานนั้นเอง

    "ครับ..." สุดท้ายฟุริฮาตะก็ทนสายตาอ้อนจำนวนหลายคู่ไม่ไหว และตอบตกลงไปในที่สุด

     

     

     

     

     

    หลังจากนั้นเป็นเวลาสี่วันเหล่าเด็กหนุ่มแห่งทีมบาสชูโตกุทั้งหกก็ได้มารวมตัวยังลานน้ำพุแห่งหนึ่ง เพื่อที่จะไปยังบ้านของฟุริฮาตะ โคกิซึ่งตอนนี้เป็นภูติภายใต้พันธะสัญญาของมิโดริมะ ชินทาโร่นั้นเอง

    ตลอดสี่วันที่ผ่านมาแม้จะเป็นเวลาเพียงไม่นานแต่ทั้งหกก็สนิกกับฟุริฮาตะได้อย่างรวดเร็ว เพราะฟุริฮาตะนั้นเป็นคนที่ทั้งใจดี อ่อนโยน ขี้กลัวหน่อยๆและซื่อบื้ออีกต่างหาก เลยทำให้คนเข้าหาได้ง่าย...ซึ่งนั้นเป็นเรื่องดี...

    ...เนื่องจากเหตุนี้ฟุริฮาตะจึงสามารถมานั่งดูการซ้อมของทีมบาสชูโตกุได้อย่างไม่มีใครว่าอะไร แถมยังคอยทำแผลให้คนเจ็บอีกต่างหาก จนกลายเป็นว่าฟุริฮาตะโดนรับเข้ามาเป็นสมาชิกในทีมแบบเจ้าตัวไม่รู้ตัวเลยสักนิด

    ...ส่วนเรื่องที่อยู่นั้น...เนื่องจากฟุริฮาตะไม่รู้วิธีหายเข้าตราแบบภูติปกติก็เลยไปอาศัยที่บ้านทาคาโอะโดยอ้างว่าพอดีเกิดเรื่องที่บ้านฟุริฮาตะก็เลยมาขอพักด้วยสักพัก ซึ่งแน่ล่ะว่าแม่ของทาคาโอะก็อนุญาต...แถมอยู่ไปอยู่มายัง...

    'แหม เป็นเด็กดีจังนะ...คาซึนาริเอาอย่างบ้างก็ดีนะ'

    ...ได้คำพูดแบบนี้ตอบกลับมาซะงั้น กลายเป็นว่าแม่ของทาคาโอะแทบอยากเอาฟุริฮาตะมาเป็นลูกชายบ้านตนเลยทีเดียว

    "โคจังๆ บ้านโคจังไปทางไหนล่ะ?" ทาคาโอะที่สนิกกับฟุริฮาตะมากขึ้นเอ่ยพร้อมเกาะคออีกฝ่าย หลังจากเดินกันมาได้พักหนึ่ง

    "ทาคาโอะ...หนัก..." ฟุริฮาตะที่ทำท่าจะหงายเงิบเอ่ยขึ้น ทำให้ทาคาโอะจำต้องปล่อยมือออก "...ไม่ไกลจากนี้นักหรอก...แต่ฉันคงเข้าไปด้วยไม่ได้หรอกนะ เดี๋ยวจะแตกตื่นกันเอา"

    "อื้ม..." ทุกคนพยักหน้าอย่างเข้าใจดี...เพราะถ้าเห็นคนที่ตายไปแล้วมายืนต่อหน้าเนี่ยคงเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ

    "ที่บ้านนายมีใครบางล่ะ?" มิยาจิถามเผื่อ...จะได้ตีหน้าถูกหน่อย

    "มีแค่พี่ชายน่ะ" ฟุริฮาตะตอบ

    "แล้วพ่อแม่นาย?" มิยาจิถามต่อ

    "โดนพวกผีร้ายจับกินไปแล้ว" ฟุริฮาตะตอบพร้อมรอยยิ้ม...เหมือนกำลังหัวเราะเยาะตัวเองอยู่

    "โทษทีที่ถามแล้วกัน" มิยาจิขยี้เรือนผมสีน้ำตาลของอีกฝ่ายเบาๆ

    "ฟุริ..." มิโดริมะเรียกคนผมสีน้ำตาล "...อย่าเศร้าไปเลย...ตอนนี้นายไม่ได้อยู่คนเดียวเสียหน่อย"

    ...หน้านายไม่เหมาะกับหน้าเศร้าๆ แบบนั้นเฟ้ย!...

    มิโดริมะโวยใจใน...ยอมรับเลยว่าตอนนี้ฟุริฮาตะ โคกิเนี่ยมีอิธิพลกับเขามาก ยิ่งเมื่อนึกออกขึ้นมากเท่าไหนเกี่ยวกับคนคนนี้ เขาก็ยิ่ง 'หวง' คนคนนี้มากขึ้นเท่านั้น!

    "ใช่!" ทาคาโอะตบบ่าฟุริฮาตะเบาๆ "ตอนนี้นายมีพวกเรานะ!"

    "อย่างที่ทาคาโอะบอกนั้นแหละ" มิยาจิยังคงขยี้เส้นผมสีน้ำตาลนั้นอย่างมันส์มือ...จนมิโดริมะเริ่มอิจฉาขึ้นมานิดๆ

    "อ...อื้ม..." ฟุริฮาตะพยักหน้ารับพร้อมกับเริ่มเผยยิ้มบางๆ ออกมา "...ขอบคุณนะ"

    "จะขอบคุณบ้าอะไรล่ะ? แค่นี้จะเป็นไร?" มิยาจิเอ่ย

    "...มิโดริมะ...เลิกค้อนพี่แบบนั้นได้แล้ว แบบนั้นเดี๋ยวพี่ก็ยิ่งสนุกกับที่ได้แกล้งนายหรอก" ยูยะโบกหัวมิโดริมะไปทีหนึ่ง

    "ผมเปล่านะ!" มิโดริมะปฏิเสธแต่...

    "ไม่ต้องมาปฏิเสธเลย"

    "นายทำ"

    "อย่างชัดเจนด้วย"

    "ชินจังแสดงออกมาสุดๆ เลย"

    "จนน่าแกล้งเลย...ยูยะนายไม่น่าบอกมิโดริมะมันเลย"

    ...ทุกคนดันยืนยันเป็นเสียงเดียวนี่สิ!

    "..." มิโดริมะเงียบไป...เขาไม่คิดเลยว่าตัวเองจะเผยแสดงออกทางสีหน้าขนาดนั้น...

    "พูดเรื่องอะไรกันเหรอ?" ...แต่ยังดีคนที่มิโดริมะไม่อยากให้รู้เรื่องมากที่สุดดูท่าจะตามไม่ทัน

    "เปล่า...ไม่มีอะไร..." มิโดริมะปฏิเสธหน้าตายทันทีก่อนที่จะรีบเปลี่ยนเรื่อง "...ใกล้ถึงบ้านายหรือยัง?"

    "ไม่ใกล้ล่ะ...แต่ถึงแล้วต่างหาก" ฟุริฮาตะเอ่ยพร้อมกับชี้ไปที่อาคารแห่งหนึ่งซึ่งทำจากไม้

    "..." ทุกคนมองยังอาคารที่ฟุริฮาตะชี้และมองไปรอบข้างอย่างอึ้งนิดๆ ...นี่มันใกล้ๆ บ้านมิโดริมะเองนี่หว่า!

    "พี่นายไม่ได้ทำงานแบบเดียวกับนายเหรอ?" คิมุระถามขณะที่มองป้ายหน้าอาคารที่เขียนไว้ว่า 'รับสอนการต่อสู้และป้องกันตัว'

    "ทำครับ แต่งานอนเมียวจิเป็นงานที่ทำให้ฟรีครับ เลยต้องทำงานควบคู่กันแบบนี้แหละครับ" ฟุริฮาตะตอบก่อนที่จะชี้ไปที่ร้านกาแฟที่อยู่ฝั่งตรงข้าม "ผมไปรอทางนู้นนะครับ...ถ้าเสร็จแล้วเรียกด้วยนะครับ"

    "อื้ม" เด็กหนุ่มทั้งหลายพยักหน้ารับ ก่อนให้ฟุริฮาตะไปได้ตามสะดวกและเมื่อฟุริฮาตะเดินจากไปแล้วมิโดริมะก็ทำการเปิดประตูอาคารออกเป็นคนแรก...และเดินนำทุกคนเข้ามาด้านใน

    "คนเยอะแฮะ" มิยาจิมองไปรอบๆ ที่มีคนฝึกซ้อมกันประปนกันไป มีแทบครบทุกช่วงอายุเลยก็ว่าได้

    "ทำได้สวยดีนะที่นี่" คิมุระมองอาคารที่สวยงามทำให้ดูขลังพอดู

    "คนนั้นดูท่าจะเป็นพี่ฟุรินะ..." โอสึโบะชี้ไปยังชายหนุ่มผมสีน้ำตาลผู้มีใบหน้าละม้ายคล้ายฟุริฮาตะ โคกิคนหนึ่งที่มีกิ๊บสีเหลืองสดติดไว้บนปอยผมด้านซ้าย ซึ่งกำลังซ้อมให้กับเด็กหนุ่มผมดำคนหนึ่งอยู่

    "เก่งน่าดูเลย" ยูยะมองชายผมสีน้ำตาลที่ล้มเด็กหนุ่มผมดำได้อย่างง่ายดาย ทั้งที่เด็กหนุ่มผมดำดูท่าจะเก่งพอสมควรก็เถอะ

    "นั้นสิครับ..." ทาคาโอะพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ก่อนที่จะหันมองคู่หูตนที่อยู่ๆ ก็แข็งเป็นหินไปแล้ว "...ชินจังเป็นอะไรไปน่ะ?"

    "ท...ทำไม..." คำพูดของทาคาโอะไม่เข้าหัวมิโดริมะเลย เด็กหนุ่มผมเขียวขยี้ตาหลายรอบแต่ภาพที่เห็นก็ยังเหมือนเดิม "...ทำไมถึงมาอยู่นี่ได้ล่ะครับ!? รุ่นพี่นิจิมุระ!!!"

    "อ้าว? มาไงเนี่ย?" เด็กหนุ่มผมดำที่เพิ่งแพ้ให้แก่ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลไปถาม

    "นั้นมันคำถามของผมต่างหาก! รุ่นพี่กลับมาตอนไหนเนี่ย!?" มิโดริมะอยากเป็นลมสักที...ไหงต้องมาเจอกันวันนี้ด้วยเนี่ย!? ถ้ารุ่นพี่จะชวนไปไหนเขาจะปฏิเสธไงดีเนี่ย!

    "กลับมาเมื่อวานนี้น่ะ พอดีไหนๆ ก็กลับมาแล้วเลยมาทักฟุริฮาตะซังที่เป็นคนสอนต่อสู้ให้น่ะ" นิจิมุระอธิบายให้อดีตรุ่นน้องตนฟัง "แล้วนายล่ะ?"

    "คือพวกผมมีธุระกับฟุริฮาตะซังนิดหน่อย...ขอตัวฟุริฮาตะซังสักนิดได้ไหมครับ?" มิโดริมะเอ่ยขึ้นมา

    "นี่นาย..." ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลมองมิโดริมะอย่างพินิพิจารณา "...มิโดริมะ ชินทาโร่?"

    "ครับ..." มิโดริมะตอบพร้อมกลืนน้ำลายอย่างฝืนคอ...ยังไงเขาก็เป็นต้นเหตุให้น้องชายอีกฝ่ายต้องตายก็คงโกธรเขาบ้างล่ะ

    "ว้าว! โตขึ้นเยอะเลยแฮะ! สูงกว่าฉันอีก!" สิ่งที่มิโดริมะกลัวกลับไม่เกิดขึ้น เมื่อชายหนุ่มดูดี๊ด๊ามากที่ได้เจอมิโดริมะ "แต่ทำไมเรียกซะทางการแบบนั้นล่ะ? เรียกฉันว่าพี่เคียวแบบเมื่อก่อนก็ได้!"

    "เออ...เดี๋ยวนะ คุณรู้จักมิโดริมะ?" นิจิมุระที่ดูจะตามไม่ทันเอ่ยถาม

    "ใช่เลย~ เมื่อก่อนตอนเด็กๆ หมอนี่ชอบมาเล่นกับโคกิน่ะ" เคียวทำหน้าเศร้าแวบหนึ่งก่อนที่จะกลับมาตีหน้ายิ้มอีกครั้ง "ว่าแต่มาทำอะไรที่นี่ล่ะ? ชินทาโร่? หรืออยากลองเรียนต่อสู้ดู?"

    "คุณ..." มิโดริมะมองเคียวด้วยสายตาแปลกใจ "...ไม่โกธรผมเหรอ?"

    "โกธร? เรื่องอะไรล่ะ?" เคียวตีหน้างงใส่

    "เรื่องเมื่อตอนนั้น..." มิโดริมะหลบตาเล็กน้อย

    "อ๋อ เรื่องนั้นล่ะนะ?..." เคียวที่พอเดาออกว่าอีกฝ่ายพูดถึงเรื่องอะไรขยี้เรือนผมสีเขียวเบาๆ "...นั้นไม่ใช่ความผิดนายสักหน่อย จะกลัวไปทำไมล่ะ? โคกิเองถ้ารู้ว่าฉันโกธรนายเรื่องแค่นี้มีหวังโดนโวยหูชาแหง"

    "..." มิโดริมะทำได้เพียงเงียบเท่านั้น...ยิ่งไม่มีใครว่าเขายิ่งรู้สึกผิด รู้สึกผิดที่ลืมเรื่องราวของฟุริฮาตะ โคกิในอดีตไป

    "ชินจัง...โอเคนะ?" ทาคาโอะถามคู่หูตน

    "อื้ม" มิโดริมะทำเพียงตอบสั้นๆ

    "น่าๆ อย่าคิดอะไรมากเลย! เดี๋ยวแก่เร็วหรอก!" เคียวยิ้มแฉ่งให้มิโดริมะ ก่อนที่จะหันไปมองนาฬิกา "ที่จริงอยากอยู่คุยกับนายนานกว่านี่นะ แต่วันนี้ฉันเปิดที่นี่แค่ครึ่งวันน่ะ...พอดีอาเจ๊มาหาน่ะ"

    "แฟนเหรอครับ?" นิจิมุระถามขึ้นขัดบรรยากาศชวนให้ตบหัวรุ่นน้องให้หายเศร้าเสียทีสองทีนั้นไป

    "ครูคนที่สอนต่อสู้ฉันเฟ้ย!" เคียวแยกเขี้ยวใส่นิจิมุระ "ขอนินทาหน่อยนะ เจ๊แกน่ะโคตรโหด ถึก แรงควาย แถมยังใช้ศาตร์การต่อสู้เป็นทุกแขนงอีก...ไม่รู้มีคนหลงแต่งกับเจ๊เขาได้ไง"

    โป๊ก!!!

    เสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับที่ร่างของฟุริฮาตะเคียวหงายเงิบกับวัตถุคล้ายแปรงลบกระดานลอยเข้ามาที่หัวอย่างจัง

    "นินทากันมันส์เชียวนะ! ไอ้เคียว!!!" เสียงดังปานฟ้าผ่าทำเอาทุกคนในที่นี่ที่แอบฟังเคียวพูดสะดุ้งเฮือก และมองไปยังต้นเสียง "อยากตายใช่ไหมห๊า!?!"

    "แว๊ดดดด!!! ไหงบอกว่าจะมาตอนเที่ยงไงอาเจ๊!?" เคียวรีบเอามิโดริมะเป็นโล่ทันที พร้อมกับคนนอกในที่นี่ที่รู้ได้ในทันทีว่า...หญิงสาวคนนี้คือคนที่ฟุริฮาตะ เคียวบอกว่าถ้ามาถึงให้ทุกคนรีบกลับบ้านใครบ้านมันทันที...

    ...และด้วยเหตุนี้ทำให้คนนอกทั้งหมดเผ่นหายไปจนหมดในพริบตา

    "..." มิโดริมะถึงกับสมองหยุดทำงานสนิกเมื่อเห็นว่าชาวบ้านพากันหนีกันหมด โดยตรงหน้ามีหญิงสาวผมสีน้ำผึ้งคนหนึ่งยืนแยกเขี้ยวอยู่...ทำไมรู้สึกคุ้นๆ หว่า?

    "ม...ม..." สองพี่น้องมิยาจิถึงกับมองหญิงสาวอย่างไม่อยากเชื่อสายตา "...ม...แม่!!!"

    "หื้อ?" หญิงสาวเมื่อได้ยินเสียงอันคุ้นเคยจึงละความสนใจจากเคียวไปมองยังเด็กหนุ่มผมสีน้ำผึ้งทั้งสอง "อ้าว? มาไงคิโยชิ ยูยะ...ถ้าอยากเรียนต่อสู้แม่สอนให้ก็ได้ ไม่ต้องมาพึงไอ้นี่หรอก"

    "ใช่ที่ไหนล่ะแม่!" ยูยะอยากบ้า...นี่แม่คิดว่าพวกเขาจะมาฝึกต่อสู้? จะฝึกทำเผือกอะไรล่ะครับ! แค่หลบลูกหลงตอนพ่อกับแม่ตีกันก็เทพได้แล้ว!

    "...ยูยะเอายาดมมาไหม? รู้สึกหน้ามืดชอบกล" มิยาจิส่ายหน้าแบบคนไม่อยากยอมรับความจริงนัก...ไหงบังเอิญขนาดนี้ฟะ!?

    "เออ...มิยาจิ...นั่นแม่นาย?" โอสึโบะถามขึ้นมา...สยองนะนั่น เข้าใจเลยว่าทำไมมิยาจิโหดนัก

    "เออ...เคียวซัง...กรุณาเลิกหลบหลังผมเถอะครับ รายนี่เอามิยาจิซังกันน่าจะอยู่กว่า" มิโดริมะเอ่ยอย่างเสียวส้นหลังนิดๆ ...คงไม่โยนอะไรมาใส่หัวเขานะ?

    "อย่ามาเชียวนะ!!!" มิยาจิกับยูยะค้อนไปที่เคียวทันที...อย่ามาหลบจริงๆ นะเว้ย! ใช่ว่าพวกเขาหลบได้ทุกดอกที่ไหนล่ะ!!!

    "ความคิดดี...แต่จะชื่นใจกว่านี้ถ้านายเรียกฉันแบบเมื่อก่อนล่ะนะ" เคียวบ่นนิดๆ ก่อนที่จะแว่บไปหลบหลังมิยาจิทันที

    "เฮ้ย! ไปไกลไกล้!!!" มิยาจิรีบพยายามดันเคียวออกเสียแต่เคียวดันมีมือตุ๊กแกเลยเกาะแน่นเลย

    "เฮ้ย! ไอ้บ้า! อย่าเอาลูกฉันมาเป็นโล่สิฟะ!!!" หญิงสาวโวยลั่น

    "งั้นคิโยมิซังก็สัญญาก่อนดิว่าจะไม่เขวี้ยงอะไรใส่น่ะ!!!" เคียวเถียงกลับ...อูย โยนมาแต่ล่ะอย่างแทบเลือดอาบทุกรอบสิน่า!

    "เออๆ ก็ได้ๆ" คิโยมิถอนหายใจกับไอ้คนจอมแถในที่นี่ "เมื่อไหร่นายจะเลิกเอาคนอื่นเป็นโล่เมื่อเจอฉันสักที!? แล้วไอ้โชจิมันไปไหน!?"

    "ปานนี้มันยังนอนอยู่เจ๊! อย่าลืมสิมันทำงานตอนกลางคืนนะ!" เคียวเอ่ยพร้อมกับปล่อยตัวมิยาจิ ซึ่งมิยาจิก็ขยับออกห่างทันที "ว่าแต่ไหงวันนี้มาก่อนเวลาเนี่ย? ปกติมาตรงเวลานิ?"

    "พอดีเจอนี่เลยลากมาให้นายดู..." คิโยมิหิ้วสิ่งที่ตนเองมาด้วยให้เคียวดู "...ดูคุ้นๆ เนอะ?"

    "เฮ้ย!!!" ทุกคนถึงกับอุทานลั่นเมื่อสิ่งที่หญิงสาวหิ้วอยู่คือ...

    "แฮะๆ สวัสดี..." ...ฟุริฮาตะ โคกินั้นเอง

    "โคกิ!?!" เคียววิ่งไปคว้าร่างเด็กหนุ่มจากครูฝึกตนทันที "โคกิ! ทำไมไม่กลับมาหาพี่บ้างเลย!? พี่คิดว่าน้องไปเกิดแล้วซะอีก! แง~~~~"

    "พ...พี่ฮะ อย่าร้องสิ...อายคนอื่นเขา" ฟุริฮาตะรีบปลอบพี่ตน...เพราะแบบนี้ไงเขาถึงไม่อยากโผล่มา

    "ใครก็ได้...อธิบายทีนี้เรื่องอะไร!?" มิยาจิชักอยากเอาหัวโข่งพื้นสักทีจริงๆ!

    "...อธิบายให้ฉันด้วย...นี่มันอะไรกัน? มิโดริมะ?" นิจิมุระถามรุ่นน้องตน

    "จะให้อธิบายเรื่องไหนก่อนดีล่ะครับ" ในตอนนี้มิโดริมะก็สับสนไปต่างจากคนอื่นนัก

    "เดี๋ยวไอ้เคียวมันหยุดติดน้องเมื่อไหร่ค่อยคุยกันแล้วกัน..." คิโยมิถอนหายใจพร้อมทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นเพื่อรอให้ลูกศิษย์คนนี้ของตนงอแงใส่น้องตัวเองให้เสร็จ ทางเด็กหนุ่มที่จับต้นชนปลายไม่ถูกก็นั่งตามคิโยมิไปด้วย

    สามสิบนาทีผ่านไปในที่สุดเคียวก็หยุดร้องไห้และมานั่งล้อมวงฟังการพูดคุยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากเหล่านักบาสทีมชูโตกุ

    "สรุปคือเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาพวกนายโดนผีไล่ และรอดมาได้เพราะหมอนี่ที่สิงในลูกแก้วช่วยไว้สินะ?" คิโยมิสรุปสั้นๆ หลังจากที่ฟังเรื่องราวทั้งหมด "แถมนายหัวเขียวนี่ก็ทำสัญญากับน้องไอ้เคียวที่ดันทำตัวเองกลายเป็นภูติไปอีกสินะ?"

    "ครับ..." เด็กหนุ่มทั้งหลายยอมรับโดยละม่อม โดยมีนิจิมุระที่ถูกอธิบายเรื่องต่างให้ฟังคุมขมับอยู่ข้างๆ

    "เรื่องนี่...สุดๆ" นิจิมุระไม่เคยคิดเลยว่าสมัยนี้ยังมีเรื่องแบบนี้อีก ทั้งอนเมียวจิเอยทั้งภูติผีปีศาจเอย...เกินรับทั้งนั้น! ดีนะที่เขาเคยอยู่กับพวกไม่ปกติมาก่อนเลยไม่สติแตกไปน่ะ! "นี่แสดงว่านี้คือน้องคุณที่ตายไปคนนั้นสินะครับ?"

    "ใช่" เคียวตอบพร้อม...กอดฟุริฮาตะไม่ปล่อย

    "เคียว...เลิกติดน้องสักสามวิได้ไหม!?" คิโยมิที่มีเส้นเลือดปูดที่ขมับเอ่ยขึ้น...ยอมรับว่าน้องมันน่ารัก แต่แกทำท่าแบบนี้แล้วมันขัดตาโว้ย!

    "คิโยมิซังผมขอกอดโคกินานๆ หน่อยไม่ได้เหรอ? ไม่ได้เจอกันมาตั้งสิบปีคิดถึงอ่ะ" เคียวยังคงอ้อนน้องตัวเองต่อไป

    "เฮ้อ..." คิโยมิถอนหายใจแบบปลงกะมัน ก่อนที่จะถามเรื่องที่ตนคาใจออกมา "...แต่จากที่เล่ามาทั้งหมด...ฉันก็ไม่เข้าใจว่าพวกนายมาหาเคียวทำไม?"

    "คือเพราะผมอยากรู้ครับ..." มิโดริมะเอ่ยขึ้นมา "...อยากรู้ว่า...ในตอนนั้นตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่"

    "ฉันว่านายอย่ารู้ดีกว่านะ..." เคียวพูดขึ้นมา "...ขนาดนายจำไม่ได้ยังกังวลขนาดนี้ แล้วถ้าจำได้นายไม่โทษตัวเองตลอดชีวิตเลยหรือไง?"

    "คุณรู้? ว่าผมจำไม่ได้?" มิโดริมะถามอย่างงุนงง

    "รู้สิ...ก็ตอนนั้นฉันอยู่ด้วยนิ..." เคียวยิ้มเศร้าๆ ให้ "...ตอนนั้นตอนที่นายฟื้นขึ้นมาแล้วถามว่าฉันเป็นใคร ฉันก็พอเดาได้ว่านายคงลืมเรื่องทุกอย่างไปแล้ว...ว่าตามจริงนะ ฉันโคตรตกใจเลยที่นายมาที่นี่เพื่อพูดเรื่องเมื่อตอนนั่นได้"

    "เออ...โทษนะ...บรรยากาศโคตรอึมครึมเลย คล้ายเครียดหน่อยดีไหม?"

    "คงจะ...เอ๊ะ? เมื่อกี้ใครพูดน่ะ?" เคียวที่กำลังจะเอ่ยตอบฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าไม่ใช่เสียงคนในกลุ่มตน ต่างจากคิโยมิที่เริ่มยิ้มเหี้ยมกับสองพี่น้องมิยาจิที่เริ่มถอยห่างจากผู้เป็นแม่ตน

    "หึหึ..." คิโยมิหัวเราะเสียงเย็น พร้อมคว้าถังไม้ใกล้ๆ โยนใส่บางอย่างที่อยู่เบื้องหลัง "...แอบตามมาอีกแล้วเหรอยะ!?!"

    "แหม...นิดๆ หน่อยๆ เองคุณ อย่าอารมณ์เสียดิ" เสียงนั้นดังขึ้นพร้อมกับปรากฏร่างชายหนุ่มผมสีดำโผล่ออกมาโดยมีลูกมะนาวบนหัว

    "นิดหน่อยกะแมวสิ!" คิโยมิโวยพร้อมกับ...ตะลุมบอนใส่ชายหนุ่มทันที

    "เอาอีกแล้ว..." ยูยะส่ายหัวอย่างคนไมเกรนขึ้น

    "พ่อเละอีกแน่" มิยาจิหันไปมองฟุริฮาตะ "นายเตรียมทำแผลให้พ่อฉันก็ดีนะ...งานนี้ไม่รู้จะเละขนาดไหน"

    "อ่ะ! ครับ!" ฟุริฮาตะตอบรับขณะลุกออกจากพี่ตน (ที่เกาะหนึบ) ไปเอากล่องยามา

    "แล้วนายไม่ช่วยพ่อนาย?" คิมุระถามขึ้นมา

    "ไม่ล่ะ...เดี๋ยวโดนลูกหลง" มิยาจิหยักไหล่

    "แต่บางครั้งผมก็สงสัยนะ...ว่าทำไมพ่อยังรอดมาได้จนปานนี้เนี่ย?" ยูยะมองภาพการต่อสู้ (?) ของพ่อแม่ตนไปพลางๆ

    "...เออ...น่าสงสัยจริงๆ" เคียวก็อดคิดแบบนั้นไม่ได้...ปกติคนคนนี้โคตรโหด! ไม่เคยมีใครรอดจากเจ๊สักคน! ไหงรายนี่ยังมีชีวิตรอดโดยไม่ผวาไปก่อนวะ!?

    "ช่างมันก่อนเถอะ...มาคุยกันต่อดีกว่า" มิยาจิละความสนใจจากพ่อแม่ตนมาคุยเรื่องเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลกันต่อ

    "...เรื่องนั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของชินทาโร่อ่ะนะ ว่าจะเอาไงกับโคกิต่อ เพราะยังไงตอนนี้ชินทาโร่ก็เป็นนายของโคกิล่ะนะ" เคียวเอ่ยขึ้นมา "และฉันมั่นใจว่านายจะดูแลน้องฉันได้"

    "แต่..." มิโดริมะเม้มปากแน่น...เขาไม่มั่นใจสักนิดว่าจะดูแลฟุริฮาตะ โคกิได้แต่เขารู้เพียงว่าไม่อยากเห็นคนคนนี้หายไปเป็นครั้งที่สอง

    "มั่นใจในตัวเองหน่อยสิ" คราวนี้คนพูดเป็นฟุริฮาตะเอง "ทางเลือกทุกทาง...ล้วนอยู่ที่นายตัดสินใจเองนะ"

    "ฉัน..." สายตาสีเขียวเริ่มแสดงถึงความแน่วแน่และเอื้อยเอ่ยคำพูดออกมา

     

     

     

     

     

    "ทำไม...สุดท้ายมาลงเอ่ยแบบนี้ล่ะเนี่ย?" เสียงบ่นดังขึ้นพร้อมกับร่างคนผมสีน้ำตาลเอาหน้าแปะลงกับโต๊ะพร้อมเยียดแขนออกไปสุดแขน

    "ก็นายให้ฉันตัดสินใจเองนิ" มิโดริมะยิ้มแป้นอย่างหาชมได้ยาก เล่นเอาสาวๆ พากันกริ๊ดกันเป็นแถว

    "นี่ชินจัง...เดี๋ยวนี้นายสร้างเสียงกริ๊ดบ่อยจังนะ" ทาคาโอะแซวคนผมเขียวเล่น "แต่...สุดท้ายลงเอ่ยแบบนี้ก็ดีนะ ได้อยู่ด้วยกันด้วย เนอะ! โคจัง!"

    "มันก็ดีหรอก...แต่นายทำอีกท่าไหนให้ฉันเข้าเรียนได้เนี่ย!?" ฟุริฮาตะไม่เข้าใจเลยในเมื่อตามกฏหมายเขาตายแล้ว ไหงถึงเอาเขามาลงเรียนได้เนี่ย!?

    "ใช้อำนาจมืดของใครบางคนน่ะ" มิโดริมะเอ่ยพลางขยับแว่น...ดีจริงๆ ที่เขาเลือกเส้นทางนี่ในตอนนั้น...

    'ผมขอเลือกที่จะจำทุกอย่างและปกป้องฟุริฮาตะนับจากนี่ไปครับ!'

    ...นี่คือคำตอบของเขา และพอได้คำตอบนี้เคียวซ...เออ พี่เคียวเขาก็ยิ้มรับก่อนที่จะยื่นสิ่งหนึ่งให้กับตัวเขา

    'รับนี่ไป มันช่วยให้ความจำนายกลับคืนมาได้...เพราะที่นายความจำหายเนี่ยเพราะมนต์ของโคกิน่ะ' นี่คือคำที่พี่เคียวบอกเขา...เล่นซะเขาไปไม่ถูกเลย

    'ทำไม...' เขานั้นไม่ค่อยเข้าใจนักว่าทำไม...ทำไมถึงลบความทรงจำเขาล่ะ!?

    'เพราะไม่อยากให้นายเสียใจใน...นายน่ะสนิกกับโคกิมากเลยนะ' พี่เคียวตอบกลับมาอย่างรู้ทัน 'อยู่กับโคกิมาหนึ่งสัปดารห์น่าจะรู้แล้วนิ'

    '...' ใช่ เขารู้ว่ารายนั้นเป็นพวกที่ห่วงคนอื่นจนลืมตัวเองเลยล่ะ

    'ข...ขโทษนะ' ฟุริฮาตะ...ไม่สิ โคกิทำท่าเหมือนสำนึกผิด เล่นซะเขาโกรธไม่ลงทีเดียว

    'เฮ้อ...' สุดท้ายเขาก็ทำได้เพียงถอนหายใจเท่านั้น '...แล้วเรื่องที่ฟุริฮาตะไปอยู่ในลูกแก้วล่ะครับ?'

    'อื้ม...จะว่าไงดีล่ะ? เอาง่ายๆ คือความรู้สึกของนายตอนที่โคกิตายคืออยากให้โคกิอยู่กับตนเลยเผลอผูกวิญญาณโคกิเข้ากับลูกแก้วที่โคกิให้โดยไม่รู้ตัวน่ะ' พี่เคียวอธิบายแบบให้พอเข้าใจได้

    '...' ใบ้กินสิ เขาไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะเผลอทำแบบนั้นได้ด้วย

    ...จนสรุปสุดท้ายเขาก็ได้ความจำในวัยเด็กคืน ซึ่งนั้นเล่นซะทำเอาเขาแทบกอดโคกิไม่ปล่อยเลยเพราะภาพความทรงจำต่างๆ นั้น...ช่างสุขสัตน์เหลือเกิน เสียจนเขานึกดีใจจริงๆ ที่เขาได้เจอกับฟุริฮาตะ โคกิอีกครั้งหนึ่ง

    ...แต่ก็อดบ่นนิดๆ ไม่ได้ว่า...พี่เคียวเขาดันเล่นเอาแบบให้จำได้รวดเดียวจบมาให้น่ะสิ! เล่นซะสมองชาและมึนไปหลายนาทีเลย!

    ...ถึงบ่นไปก็เท่านั้นสุดท้ายเขาก็ได้เพียงกัดฟันทนจนภาพเหล่านั้นหลั่นไหลออกมาจนหมด จนสุดท้ายเขาก็ได้ความทรงจำคืนมาทั้งหมด

    ...แถมด้วยอะไรดลใจไม่รู้เขากลับไปเรียกฟุริฮาตะ เคียวว่าพี่เคียวเหมือนเดิมและเรียกฟุริฮาตะ โคกิว่าโคกิ...ที่จริงเมื่อก่อนเขาเรียกว่าพี่โคกิแต่ด้วยอายุที่ดูเท่ากันเนี่ยคงไม่เหมาะเท่าไหร่นัก

    'อ๋อ! จริงสิ! นายอย่าลืมเด็ดขาดนะว่านายกับโคกิชีวิตเชื่อมต่อกันน่ะ ดังนั้นถ้านายแก่โคกิก็จะแก่ตามและถ้าตายโคกิก็จะตาย (อีกรอบหรือก็คือถูกถีบส่งไปเกิดใหม่ทันที) ด้วย...ดังนั้นรักษาชีวิตตัวเองดีๆ ล่ะ' นี่คือสิ่งที่พี่เคียวพูดครั้งสุดท้ายก่อนที่จะโดนหางเลขจากสองสามีภรรยามิยาจิโยนอะไรใส่หัวไม่รู้จนน็อกไปในทันที

    ...สุดท้ายก็กลายเป็นว่าพวกเขาต้องอพยมหนีลูกหลงกันทั่วหน้า ก่อนที่จะจบลงด้วยรุ่นพี่มิยาจิทั้งสองไปห้าม...ถ้าห้ามได้ทำไมไม่ห้ามแต่แรก เมื่อถามไปอย่างนี้ก็ได้คำตอบกลับมาว่า

    'หาทางเข้าใกล้ไม่ได้นี่หว่า!'

    ...พอเรื่องนี่จบลง พี่เคียวเมื่อฟื้นมาก็บอกหน้าตาเฉยเลยว่าให้หาทางหาที่เรียนให้โคกิก็ดีนะ ความรู้โคกิมีถึงม.ปลายปีหนึ่งเองซะงั้น! ...แต่เขาก็ยินช่วยล่ะนะ

    ...และก็มาเป็นดั่งปัจจุบันนี้แหละ

    "ให้อาคาชิช่วยล่ะสิ" ทาคาโอะเอ่ยขึ้นมาอย่างรู้ทัน

    "ถูก..." มิโดริมะตอบ...ว่าตามจริงคือเขาไม่คิดเลยว่าอาคาชิจะรู้เรื่องแบบนี้กะเขาด้วย! แถมยังบอกอีกว่าตะกูลของอาคาชิเป็นตะกูลที่รับทำหลักฐานและเอกสารตัวตนให้ภูติของชาวบ้านมาหลายรุ่นแล้ว! และยังรับผนึกพลังภูติให้สำหรับคนที่อยากให้ภูติตนเป็นแบบคนปกติ! ที่สำคัญแม่ของอาคาชิยังเคยเป็นอนเมียวจิมาก่อนอีก! โอ้ย! อยากบ้า!

    มิโดริมะคิดอย่างปลงๆ ก่อนที่จะหันไปหาฟุริฮาตะ "...ตอนนี้เลิกเรื่องแล้วรีบไปที่ชมรมดีกว่า...จะได้พาโคกิไปสมัครชมรมด้วย"

    "โอเคๆ" ทาคาโอะลุกขึ้นยืน ก่อนที่ฟุริฮาตะจะลุกขึ้นตามอีกคน...และจากนั้นทั้งสามก็พากันไปยังห้องชมรมบาสตามปกติ ต่างเพียงวันนี้นั้นฟุริฮาตะจะมาสมัครเป็นสมาชิกชมรมอย่างเต็มตัวแทที่จะมานั่งดูเฉยๆ อย่างปกติ

    "ไง...มากันแล้วเหรอ?" ร่างของคนผมสีน้ำผึ้งที่ยืนตรงหน้าประตูโรงยิมเอ่ยทัก

    "สวัสดีครับมิยาจิซัง..." ทั้งสามเอ่ยทัก "...ที่ว่าไปถามพ่อแม่มิยาจิซังมาเนี่ยเป็นไงครับ?"

    "สุดๆ ..." มิยาจิตอบด้วยสีหน้าปวดจิตนิดๆ "...ของแม่ที่รู้เพราะเป็นคนรับฝึกสอนการต่อสู้แล้วดันจับผิดพี่ของฟุริได้น่ะไม่เท่าไหร่ แต่พ่อนี่สิ...ดันเป็นอนเมียวจิเลย! ให้ตายเถอะ! คนบ๊องๆ บวมๆ แบบนั้นไปทำงานอย่างนั้นได้ไงฟะ!?"

    "ขนาดโคกิยังเป็นได้...คุณพ่อของมิยาจิซังคงไม่เท่าไหร่หรอกครับ" มิโดริมะเอ่ยพร้อมชี้ที่ฟุริฮาตะอย่างเจาะจง

    "..." มิยาจิจ้องฟุริฮาตะสักพักก่อนที่จะถอนหายใจออกมา "ก็จริง"

    "เฮ้! มาแล้วเหรอฟุริ?!" โอสึโบะเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นคนผมน้ำตาลและเดินมาพร้อมกระดาษแผ่นหนึ่ง "เอ้า! นี่ใบสมัคร! เขียนให้ครบแล้วฉันจะเอาไปส่งให้"

    "ครับ..." ฟุริฮาตะพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย และรีบกรอดใบสมัครอย่างรวดเร็ว "...นี่ครับ"

    "อื้ม..." โอสึโบะตรวจดูใบสมัครสักพักก่อนที่จะพยักหน้าให้เป็นเชิงว่ากรอดครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว "...มิยาจิช่วยพาฟุริไปแนะนำคนอื่นหน่อยแล้วกันนะ"

    "ได้เลย..." มิยาจิขานรับ...ที่จริงเขาว่าไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นก็ได้ เพราะทั้งชมรมต่างรู้จักฟุริฮาตะกันหมดแล้ว แต่ไอ้ที่ให้ทำเนี่ยคงแค่พอเป็นพิธีแค่นั้นแหละ "...ฟุริ...นายตามฉันมานี่"

    "ครับ" ฟุริฮาตะเอ่ยก่อนที่จะถูกมิยาจิลากไปอย่างง่ายดาย

    "เฮ้! ทุกคนฟังทางนี้! ...บอกให้ฟังไงฟะ! เดี๋ยวปั๊ดฆ่าซะนิ!!!" มิยาจิตะโกนเสียงดังลั่นทำเอาทุกคนหยุดกิจกรรมทุกอย่างและหันไปมองยังต้นเสียงทันที "นับแต่วันนี้ไปหมอนี่จะมาอยู่ในชมรมด้วย! เข้าใจนะ!?"

    "ฟุริคุงเข้าชมรม? แต่เขาไม่ได้เรียนที่นี่ไม่ใช่เหรอ?" เด็กหนุ่มปีสองคนหนึ่งถามขึ้นมา

    "หมอนี่สมัครเรียนแล้ว และมาเรียนวันนี้เป็นวันแรกน่ะ" มิยาจิอธิบายพร้อมกับรู้สึกหนาวนิดๆ กับรังสีความหวงจากมิโดริมะ

    "แสดงว่าตอนนี้ฟุริฮาตะเป็นสมาชิกในชมรมแล้ว?"

    "อื้ม"

    "ไชโย!" สิ้นเสียงตอบของมิยาจิทุกคนก็เฮ้ลั่น อย่างยินดีต้อนรับฟุริฮาตะอย่างมาก...ช่างเป็นคนที่ดึงดูดมิตรมาได้มากเสียจริง

    และด้วยเหตุนี้เลยทำให้ฟุริฮาตะสามารถอยู่ได้อย่างปกติสุขอย่างที่ควรจะเป็นในโรงเรียนแห่งนี้ได้...อย่างไม่มีคนแกล้งแน่นอน ถ้าไม่อยากเจอสหบาทา

     

     

     

     

     

    "โชคดีจังนะโคกิ...ที่ได้กลับมาเนี่ย" ชายหนุ่มที่นั่งแอบบนต้นไม้ใกล้ๆ เอ่ยขึ้นพร้อมยิ้มบางๆ ออกมา

    "แกนี่...ติดน้องได้โล่จริงๆ ไอ้เคียว" ชายหนุ่มผมดำข้างๆ เอ่ยขึ้นมาพร้อมเขกหัวคนติดน้องไปทีหนึ่ง

    "ว่าแต่ฉัน...นายก็พอกันแหละโชจิ" เคียวเอ่ยขึ้น "จะว่าไป...เมื่อวานเห็นว่านิจิมุระไปจีบน้องนายนี่นา...เป็นไงบ้างล่ะ?"

    "ฉันไม่มีวันรับมันเป็นน้องเขยแน่ล่ะ..." โชจิทำหน้ามุ่ย "...ช่างเรื่องโชโงะมันก่อน...ยังไงก็ยินดีด้วยแล้วกันที่ได้น้องนายคืน แม้จะแถมน้องเขยมาด้วยก็เถอะ"

    "ได้ชินทาโร่มาเป็นน้องเขยก็ไม่เลวนะ" เคียวหัวเราะน้อยๆ ก่อนที่จะลุกขึ้นยืน "ไปทำงานกันเถอะโชจิ"

    "เออ" โชจิขานรับห้วนๆ ก่อนที่ร่างทั้งสองจะห่างไปจากต้นไม้พร้อมสายลมที่พัดผ่าน ทิ้งเสียงเฮฮาของเหล่าทีมบาสชูโตกุไว้เบื้องหลัง

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    End

     

     

     Cr. あつみ
    http://www.pixiv.net/member_illust.php?id=910907

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×