ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fanfic knb by shiko

    ลำดับตอนที่ #133 : [NebuYuu] Merry Christmas 2015

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.12K
      18
      26 ธ.ค. 58

    Title : Merry Christmas 2015

    Fandom : Kuroko no Basket

    Paring : Nebuya x Miyaji (YuuYa)

    Notes :  เราพิมพ์พวงมาจากปีก่อนน่อ ใรจำไม่ได้กรุณากลับไปอ่านปีก่อนเนอะ

    ................................................................

    Merry Christmas 2015

     

    ...อื้อ...ขี้เกียจจังแฮะ...

    ความคิดอันแสนเกียจคร้าจพลุดขึ้นมาราวดอกเห็ดในหัวเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่นอนม้วนเป็นก้อนกลมในผ้าห่ม แต่ถึงคิดอย่างนั้นในห้านาทีต่อมาเด็กหนุ่มก็ต้องจำใจลุกจากที่นอนอุ่นๆ ไปล้างหน้าล้างตา

    "ให้ตายสิ...ไม่อยากลุกเลยแฮะ..." เด็กหนุ่มบ่นพึมพำหน้ากระจกเงาอย่างงัวเงีย ดวงตาสีน้ำผึ้งที่มองสภาพตนเองในกระจกเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยของตนก่อนที่จะจับเส้นผมสีเดียวกับดวงตาของตน "...อื้อ...ผมเริ่มยาวแฮะ พรุ่งนี้ไปตัดผมหน่อยดีกว่าถ้าเกิดยาวกว่านี้แล้วโดนจำผิดกับพี่อีกล่ะยุ่งเลย"

    ครืน...ครืน...

    เสียงสั่นเบาๆ ดังขึ้นจากโทรศัพท์ขนาดพกพาทำให้เด็กหนุ่มที่ยืนหน้าง่วงอยู่จำต้องเดินออกจากห้องน้ำไปรับโทรศัพท์ของตนที่อยู่ในห้องนอน...และเมื่อมาถึงเจ้าตัวก็ไม่รอช้ากดรับสายทันทีแบบไม่ดูเลยว่าใครโทรมา

    "ครับ มิยาจิครับ"

    'ยูยะ...นี่บอกกี่ครั้งแล้วเนี่ยว่าให้ดูก่อนว่าใครโทรมาน่ะ?'

    "ชะอุ๋ย...แม่เหรอครับ?"

    'ไม่เจอกันแป๊บเดียวลืมเสียงแม่หรือไง?'

    "เปล่าครับ ผมไม่มีทางลืมแม่หรอก"

    ...เพราะทั้งโลกไม่มีใครโหดเทียบเท่าแม่อีกแล้วล่ะ...

    'งั้นก็ดี...แล้ววันนี้อย่าลืมไปเอาของให้แม่ที่เกียวโตตามที่เคยบอกไปล่ะ ถ้าทางนั้นโทรมาบอกว่าไม่มีคนไปรับคงรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้น?'

    "ครับ...รู้ครับ..."

    ...ถ้าไม่ไปมีแววโดนตัดค่าขนมสิ! แถมอาจบวกโดนตื้บด้วย!...

    'ดีมาก...'

    'คุยกับใครจ๊ะตัวเธอ?'

    'คุยกับยูยะน่ะคุณ'

    'หว่า ขี้โกงแอบโทรคุยกับลูกคนเดียว...ขอเค้าคุยกับลูกบ้างสิ'

    'ไปใช้โทรศัพท์คุณเองสิ'

    'ใจร้ายที่สุดอ่ะ'

    'เงียบไปเลย ถ้าจะป่วนไปป่วนแมวด้านนอกนู้น!'

    "เออ...ผมขอวางสายแค่นี้นะครับแม่ และอย่าเผลอตื้บพ่อเขาตายล่ะครับ"

    'ตามสบาย...และพ่อแกไม่ตายง่ายๆ หรอกน่า'

    'ว้าว! ดีใจจังยูจังเป็นห่วงกันด้วยแหละ!'

    'ช่วยหยุดปัญญาอ่อนสักสามวิเถอะ!'

    "แค่นี้นะครับ รักษาตัวเองด้วยนะครับ" มิยาจิ ยูยะรีบกดตัดสายทันทีก่อนที่จะกลายเป็นสักขีพยานในการทะเลาะกันรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ของพ่อแม่ตน...

    ...ทะเลาะกันได้ทุกวี่ทุกวันแบบนี้ทำไมยังอารมณ์ดีไปฮานีมูนกันได้บ่อยๆ เนี่ย? ไม่เข้าใจพ่อกับแม่เลยจริงๆ หรือว่าพ่อเป็นมาโซหว่า? ถึงโดนแม่ตื้บแล้วยังดี้ด้าได้เนี่ย?...

    "เฮ้อ..." ยูยะถอนหายใจออกมาเบาๆ พลางเดินกลับไปในห้องน้ำอีกรอบ "อ้าว? สบู่หมดแฮะ...ถ้าจำไม่ผิดที่ห้องน้ำด้านล่างยังมีอยู่สินะ?"

    เด็กหนุ่มบ่นกับตัวเองพร้อมเดินลงไปชั้นล่าง และเมื่อลงมาถึงชั้นล่างเจ้าตัวก็ได้ยินเสียงก๊อกแกร๊งจากในห้องครัวก็เลยโผล่หน้าไปดูด้านใน...และพบกับเด็กหนุ่มผมสีน้ำผึ้งที่กำลังทำทอดเนื้อในกระทะหรือก็คือมิยาจิ คิโยชิพี่ชายของตนที่ไหงวันนี้ตื่นเช้าได้ก็ไม่รู้ ทั้งๆ ที่วันนี้เป็นวันหยุดคริสมาสแท้ๆ แถมไม่มีซ้อมที่ชมรมด้วย...

    ...ตีลังกาคิดยังไงก็นึกไม่ออกว่าทำไมวันนี้พี่ตนถึงยอมตื่นเช้าในวันที่น่าซุกตัวในผ้าห่มตลอดวันแบบนี้เลย

    "อ้าว? วันนี้พี่ตื่นเช้าจังแฮะ" ยูยะถึงแม้จะสงสัยอยู่แต่ก็เอ่ยทักออกไปเช่นนี้

    "นายเองก็ตื่นเช้าพอกันนั่นแหละ" มิยาจิคนพี่เอ่ยพร้อมพลิกเนื้อในกระทะ "นายจะเอามื้อเช้าด้วยเลยไหม?"

    "เอาคร้าบบบบ" ยูยะตอบด้วยน้ำเสียงกวนโอ๊ยมากมาย...ขอแกล้งสักนิดเถอะ

    "ไม่ต้องทำเสียงกวนเลย ถ้าจะกินรีบไปล้างหน้าล้างตาซะไป!" มิยาจิโบกมือไล่น้องตัวเองไป

    "ครับๆ" ยูยะเกาหัวแกรดๆ ก่อนที่จะไปทำตามคำสั่งพี่ตนเนื่องจากไม่อยากโดนอะไรปาหัว

    เด็กหนุ่มรีบไปหยิบสบู่ก่อนรีบขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวทันทีก่อนที่อาหารเช้าที่พี่ตนทำไว้ด้านล่างจะเย็นเสียก่อน (ห่วงกินน่าดู // s , ก็พี่ทำอร่อยกว่าฉันนี่หว่า...และนานๆ ทีพี่จะมาทำอาหารเช้าที่เป็นเนื้อแทนที่จะเป็นเบคอนสักทีแล้วเรื่องอะไรจะพลาดล่ะ? // ยูยะ)

           หลังจากนั่นประมาณสิบถึงยี่สิบนาทีพี่น้องมิยาจิก็กินอาหารเช้าที่ห้องอาหารด้วยกันตามประสาที่อยู่บ้านกันแค่สองคน

    "วันนี้ตอนแรกคิดว่าพี่จะตื่นสายๆ ซะอีก" ยูยะเอ่ยขึ้นมาหลังจากที่พยายามปิดความสงสัยของตนมาสักพักแล้ว

    "ตอนแรกก็กะว่างั้นแหละ แต่ดันตื่นเช้าว่าจะนอนต่อก็ไม่มีอารมณ์แล้ว" มิยาจิหยักไหล่ "แล้วนายล่ะ? ทำไมตื่นเช้านักเนี่ยวันนี้?"

    "ก่อนพ่อแม่ไปฮานีมูลดันใช้ให้ผมไปเอาของที่เกียวโตวันนี้น่ะสิ" ยูยะตอบด้วยใบหน้ามุ่ยๆ บ่งบอกว่าเซ็งที่ถูกใช้งานอย่างแรง...ทั้งๆ ที่วันคริสมาสควรเป็นวันที่เขาได้นอนอยู่บ้านแท้ๆ!

    "ฮาๆ ถือว่านายซวยเองแล้วกัน" มิยาจิยืนมือข้ามโต๊ะไปตบไหล่อีกฝ่ายแปะๆ

    "ไม่ต้องมาขำเลย..." ยูยะปัดมือพี่ชายตนออกเบาๆ ก่อนที่จะแหงนหน้ามองนาฬิกา "...ผมไปก่อนนะพี่...ถ้าโชคดีหน่อยคงกลับมาก่อนมืดล่ะ"

    ...และหวังว่าจะได้กลับมาก่อนมืดโดยไม่มีเรื่องอะไรลอยมาหานะ ไปเอาของให้แม่ทีไรมีเรื่องลอยมาทุกที!...

    เด็กหนุ่มลุกขึ้นพลางคิดเช่นนี้ก่อนที่จะเริ่มออกตัววิ่งออกจากบ้านไป และระหว่างที่วิ่งไปหน้าบ้านนั้น...

    "เออๆ ไปดีมาดีล่ะ" ...เสียงของมิยาจิ คิโยชิก็ลอยมาแว่วๆดังนี้ แต่ยูยะก็ไม่คิดจะตอบอะไรกลับไปนักเพราะคิดว่าตนควรรีบไปที่สถานีรถไฟได้แล้ว จะได้รีบไปทำธุระให้เสร็จแล้วรีบกลับนั้นเอง

     

     

     

     

     

    ...วันนี้มันซวยบรมอีกแล้ว! ไหงมาเอาของให้แม่ทีไรต้องซวยแบบนี้เนี่ย!?...

    เด็กหนุ่มคิดพลางเหงื่อตกกับสถานการณ์ที่เจอเบื้องหน้า...ก็ตอนนี้มีคนร่างยักษ์หลายสิบคนกำลังยืนล่อมเขาอยู่น่ะสิ!

    ย้อนไปเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนเมื่อมิยาจิ ยูยะก้าวลงจากชินคังเซนและเดินทางไปรับกล่องไม้ดูท่าทางโบราณอันหนึ่งมาจากเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของแม่ตนเรียบร้อยแล้ว...ทุกอย่างก็ดูเหมือนไม่มีอะไรจนกระทั่ง...ตอนที่จะเดินทางกลับนั้นแหละ ดันถูกโจรวิ่งราวขโมยของในมือเขาไปเฉยเลย! จนเขาต้องเหนื่อยไปวิ่งเอาคืนมาเกือบสิบนาที! แถมยังหลงทางจนมาเจอพวกหน้าตาหมอไม่รับทำศัลยกรรม (?) พวกนี่อีก!

    ...อยากเป็นลมตายสักล้านรอบ...ทำไมต้องมาซวยตอนมาเอาของให้แม่ทุกทีวะ!? ทำไมทีโดนพ่อโดนพี่ใช้ถึงไม่ซวยบ้างเนี่ย!? อย่างน้อยถ้าเกิดของเสียหายขึ้นมาก็ไม่โดนตื้บจนเละแบบทำของแม่เสียหายแน่!!!...

    ...คิดไปก็เครียด...ตอนนี้สู้หาทางหนีจากพวกนี่ดีกว่า ขืนทำอะไรไม่คิดมีหวังทำของของแม่แตกหรือพังแน่

    "เออ...พวกคุณมีอะไรหรือเปล่าเนี่ย?" ยูยะส่งยิ้มแห้งๆ ให้คนทั้งหลายที่จ้องหน้าตนปานจะกลืนกิน...ซึ่งมันทำให้รู้สึกขยะแขยะมากมาย!

    "เปล่าหรอกน้องชาย แค่เห็นว่าเดินวนมาหลายรอบแล้วเลยเข้ามาดูน่ะ" ชายร่างยักษ์เอ่ยด้วยท่าทางเสแสร้งสุดๆ "พวกพี่เลยคิดว่าจะพาน้องไปส่ง...ส่งถึงบ้านเลยล่ะ ดีไหม?"

    "ขอบคุณที่หวังดี แต่ผมว่าผมหาทางกลับเองดีกว่า" ยูยะก้าวถอยหลังเล็กน้อยเตรียมเผ่น

    "อย่าพูดแบบนั้นสิน้องชาย..." ชายคนเดิมจับแขนยูยะไว้ "...เดินไปมาคนเดียวมันอันตรายนะ ยิ่งหน้าตาสวยๆ แบบนี้ด้วยแล้ว...ยิ่งล่อตาล่อใจชาวบ้านเขาน้าาาา"

    "สวยกับแมวดิ!" ยูยะแยกเขี้ยวใส่อย่างลืมตัว...หึ! นี่เขาสวยตรงไหน! หน้าเขาแมนกว่าพี่นะเฟ้ย!

    "โอ๊ะๆ มีดุด้วยแฮะ" ชายที่ไว้ทรงผมแปลกๆ จนเหมือนหัวสามเหลี่ยม (?) เอ่ยขึ้นมาแล้วเชยคางยูยะขึ้นมาสบตนตน "น่ารักจริงๆ"

    "...ถ้าพวกนายสายตาสั้นหรือตาเขก็รีบไปตัดแว่นเลย!" ยูยะคิ้วกระตุกเป็นจังหวะชะชะช่าอย่างหัวเสีย

    "ปากจัดจริง..." ชายคนหนึ่งที่หน้าตาดูดีและดูมีฐานะที่สุดในกลุ่มฉกกล่องไม้ในมือยูยะไป "...เห็นแล้วอยากได้เป็นของตัวเองจริงๆ"

    "เฮ้ย! เอาคืนมานะ!" ยูยะที่เห็นว่าของในมือตนโดนฉกไปก็ทำท่าจะเอาสิ่งนั้นคืน แต่ติดมือของชายคนหนึ่งที่ยังจับแขนตนอยู่จนไม่อาจขยับได้ดั่งใจ "โอ๊ย! ปล่อยดิฟะ! และเอาของฉันคืนมาด้วย!"

    "จุ๊ๆ อย่าดุนักสิน้องชาย" คนที่ฉกของชาวบ้านไปหน้าตาเฉยส่งยิ้มกวนบาทาให้เด็กหนุ่ม "พวกพี่แค่อยากให้น้องชายมาทำอะไรสนุกๆ ด้วยกันหน่อยน่ะ"

    ...คำพูดโคตรโบราณเลย ถ้าให้เดาคงจะเอาเขาไปที่ลับตาคนแล้วไถ่ตังค์แหง หรือไม่ก็ทำอะไรที่...น่าขนลุกแบบที่พี่เขาเคยเจอแหง ต่างแค่ตอนของพี่คืออัดไอ้พวกบ้านั้นได้เลยโดยไม่สนใจอะไร แต่เขาดันต้องมาระวังไม่ให้ของที่แม่ฝากให้มาเอาเสียหายนี่สิ! โว้ย! จะทำไงดีวะ!?...

    "อย่าเงียบสิน้องชาย..." ชายคนเดิมแสยะยิ้ม "...ถ้าคิดนานเดียวพี่เผลอเบื่อจนทำกล่องนี่ตกล่ะก็ช่วยไม่ได้น้า...ดูท่าของในกล่องนี่จะสำคัญกับน้องชายด้วยสิ"

    "ฉัน..." ยูยะมองตามกล่องไม้ในมืออีกฝ่ายอย่างลังเลและขณะกำลังจะเอ่ยอย่างจำยอมนั้นเอง...

    "อะไรกัน? เป็นผู้หลักผู้ใหญ่กลับมารังแกเด็กม.ปลายเนี่ยนะ? ถ่อยชะมัด..." ...ก็มีเสียงทุ้มๆ ของใครสักคนดังขึ้นมา พร้อมกับมือสีเข้มคว้ากล่องไม้ในมือชายหนุ่มอย่างง่ายดาย "...ทำตัวแบบนี้ระวังมีลูกมีหลานขึ้นมาจะไม่มีใครเชื่อฟังนะ"

    "เฮ้ย! ใครวะ!?" เหล่าคนที่โดนว่าถ่อยหันขวับไปที่ตนเสียง...และพบเด็กหนุ่มผิวเข้มที่ตัวโตเกินอายุไปสักนิด (หรือไม่นิด?) คนหนึ่งยืนอยู่

    "จะรู้ว่าฉันเป็นใครไปทำไมมิทราบ?" เด็กหนุ่มเอ่ยถามกลับด้วยน้ำเสียงปกติ...และด้วยท่าทางที่ดูจะไม่เกรงกลัวอะไรเลยนั้นทำให้เหล่าคนที่มีพวกมากกว่าคิ้วกระตุกเป็นจังหวะแท๊งโก

    "กวนเหรอไอ้เด็กบ้า!" เหล่าคนหน้าหมอไม่รับศัยกรรม (?) พากันล้อมเด็กหนุ่มร่างโตเอาไว้ แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรก็...

    โครม!

    ...เจอบาทางามๆ จากคนผมสีน้ำผึ้งเสียก่อน

    "โอ๊ย! ทำอะไรห๊าไอ้..." คนที่โดนถีบทำท่าจะโวยกลับเสียแต่ว่าไม่ทันจบประโยคก็โดนเสยปลายคางจนสติหลุดลอยไปเสียแล้ว

    "อ่อนจังแฮะ...บางทีหลบที่ปัดลูกหลงจากพ่อแม่ตีกันก็มีประโยชน์เหมือนกันนะเนี่ย" ยูยะมองคนที่ตนเพิ่งจัดการไปนิ่งๆ ก่อนที่จะหันไปมองยังเด็กหนุ่มผิวเข้มที่ช่วยเอากล่องไม้ของแม่ตนคืนจากพวกคนที่ริอาจทำตัวเป็นนักเลง "เฮ้...นายน่ะ เดี๋ยวพวกนี้ฉันจัดการเอง ส่วนนายช่วยถือกล่องนั้นให้ดีๆ อย่าให้ตก บุบ หรือแตกนะ ไม่งั้นฉันได้โดนแม่ตื้บแหง"

    "อ...อา ได้สิ..." ...เล่นตื้บคนได้ในพริบตาแบบนี้ใครจะกล้าขัดล่ะ

    "โอเค งั้น..." ยูยะกวาดตามองเหล่าชายทั้งหลายที่เริ่มหน้าซีด "...ขอสะสางเรื่องเมื่อกี้หน่อยนะ ลุงๆ ทั้งหลาย~~~"

     

     

     

     

     

    "นายนี่...บ้าดีเดือดชะมัด คิดอะไรไปสู้กับคนเยอะขนาดนั้นเนี่ย?" เสียงบ่นอุบดังออกมาจากปากเด็กหนุ่มผิวเข้มอย่างไม่ขาดสายพลางทำแผลให้อีกฝ่าย...หลังจากที่คนที่ตนกำลังทำแผลให้นั้นตีชาวบ้านสลบกันเป็นแถวไปแล้ว เขาก็ลากอีกฝ่ายซึ่งเต็มไปด้วยแผลเล็กแผลน้อยมาทำแผลที่ห้องพักของตน

    "ก็พวกมันมาหาเรื่องฉันก่อนนี่นา..." เด็กหนุ่มผมสีน้ำผึ้งเบ้หน้านิดๆ "...แถมยังเอาของที่แม่ฝากมาเอาไปเล่นอีก"

    "ถึงอย่างนั้นนายน่าจะบอกว่า 'รีบเผ่นเถอะ' มากกว่าไปถีบคนอื่นแบบนั้นนะ..." เด็กหนุ่มส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ "...แต่วิธีนี่คุ้นๆ นะ อื้อ...เหมือนมิยาจิซังเลย แถมหน้านายก็คล้ายๆ ด้วย"

    "ห๊า!?" เด็กหนุ่มผมสีน้ำผึ้งหันขวับไปที่อีกฝ่าย "นายรู้นามสกุลฉันได้ไง!?"

    "เอ๋? นามสกุลนาย? นายเป็นคนบ้านมิยาจิเหรอ?" คนที่โดนถามถึงกับทำหน้าเอ๋อ

    "เออดิ! นี่นายรู้จักคนที่บ้านฉันเหรอ?! อย่าบอกนะว่า...นายเป็นหนึ่งในคนที่เคยโดนแม่ฉันตื้บน่ะ?" เด็กหนุ่มผมสีน้ำผึ้งเอ่ยถาม

    "โทษที แต่ฉันไม่เคยโดนผู้หญิงตื้บ..." เด็กหนุ่มผิวคล้ำกรอดตาไปมา "...แถมไม่เคยโดนคนบ้านนายตื้บด้วย มีแต่เพื่อนสนิกฉันนี่แหละโดนมิยาจิซังตื้บประจำ...มิยาจิ คิโยชิน่ะ นายรู้จักหรือเปล่า?"

    "รู้...ก็นั้นพี่ฉันนิ..." เด็กหนุ่มเริ่มคิดแล้วว่าโลกกลมแท้ที่มาเจอคนรู้จักของพี่ตัวเองเนี่ย

    "ถึงว่าหน้าคล้ายๆ พี่น้องกันนี่เอง" เด็กหนุ่มพยักหน้าอย่างเข้าใจ "อ๋อ ถ้าไม่ว่าอะไรกันฉันขอถามหน่อยได้เปล่า...นายชื่ออะไรอ่ะ? ถ้าให้เรียกมิยาจิมันจะไปซ้ำไปมิยาจิซังอ่ะ"

    "ยูยะ...ฉันชื่อมิยาจิ ยูยะ จะเรียกชื่อหรือนามสกุลก็ได้ (เพราะที่โรงเรียนมีปัญหาเรื่องนี้บ่อยเลยชิน) แต่อย่าบ้าไปเติมชื่อฉันแปลกๆ ล่ะ..." ...เพราะแค่พ่อเรียกเขาว่ายูจังด้วยน้ำเสียงกวนส้นสุดๆ นั้นก็แทบแย่แล้ว "แล้วนายล่ะ?"

    "เนบุยะ เอย์คิจิส่วนจะเรียกจะเติมหรืออะไรก็แล้วแต่เลย หรือจะเรียกฉันเอย์จังแบบเพื่อนฉันก็ได้ไม่ว่า..." ...ถือว่าหาทางตีสนิกเผื่อหมอนี่จะคัดค้านตอนที่เพื่อนเขาไปสู่ขอ (?) มิยาจิซังเลย ถ้าให้เดามิยาจิซังยังไม่ได้บอกน้องตัวเองแหงยิ่งดูท่านิสัยประมาณเดียวกันด้วยแล้วนี่ร้อยเปอร์เซ็นเลย

    "เนบุยะ เอย์คิจิ? อื้อ ชื่อคุ้นๆ แฮะ...เฮ้ย! นายเป็นหนึ่งในราชันย์ไร้มงกุฏเหรอเนี่ย!?" ยูยะถึงกับอ้าปากค้างเมื่อนึกออกว่าอีกฝ่ายคือคนที่ค่อนข้างดังในวงการบาสม.ปลายนั้นเอง "ไม่น่าเชื่อ! จากที่พีเล่าตอนแข่งวินเทอร์คัพเห็นบอกว่ายังกะปีศาจเลยคิดว่าเป็นพวกหยิ่งๆ เสียอีก!"

                   "...จากที่มิยาจิซังเล่า? นี่นายไม่ได้อยู่ชมรมบาสเหรอถึงไม่ได้เห็นตอนแข่งน่ะ?" เนบุยะคิดว่าจะอยู่ชมรมเดียวกันทั้งพี่ทั้งน้องเสียอีก...ถ้านิสัยเหมือนมิยาจิซังก็ไม่น่าจะติดธุระจนไม่สามารถไปร่วมแข่งได้หรอก เพราะเดาว่าคงโดดหรือรีบมาร่วมการแข่งแหงๆ เพราะงั้นถ้าไม่ได้ดู ความเป็นไปได้ข้อหนึ่งคือไม่ได้อยู่ชมรมบาสนั้นเองหรือไม่ก็ถูกจับมัดไม่ให้ไปที่สนามแข่งล่ะนะ...

    ...แต่อย่างหลังคงไม่มีใครทำหรอกมั้ง?

    "ใครบอกล่ะ ฉันอยู่ชมรมบาสเหมือนพี่นั้นแหละ แต่วันนั้นเป็นไข้หวัดเข้าน่ะ...เลยโดนพี่ตีหัวแล้วจับไปมัดกับเตียงเลย" ยูยะเอ่ยด้วยท่าทางฉุนนิดๆ ...เฮอะ! ก็แค่จะไปรวมตัวกับคนอื่นๆ ด้วยแค่นั้นเอง! ดันโดนแว๊กกลับพร้อมกับตีหัวก่อนจับลากไปมัดกับเตียงอีก! ตอนนั้นไข้ขึ้นแค่ไม่เท่าไหร่เองทำเป็นโอเวอร์ไปได้! (40 องศาเนี่ยนะไม่เยอะ? // มิยาจิ , อย่าโผล่มาแฉสิพี่! // ยูยะ)

    "โอเค พอเข้าใจ...นายคงไข้ขึ้นสูงแล้วคิดจะไปที่สนามแข่งเลยโดนจับมัดสินะ?" เนบุยะเอ่ยอย่างเดาได้ไม่อยากนัก...เพราะวิธีนี้เพื่อนเขาก็เคยโดนเช่นกัน

    "ถ้านั้นเดาล่ะก็ ฉันขอบอกเลยว่านายเดาแม่นมาก..." ยูยะเอ่ย

    "พอดีเดานิสัยมิยาจิซังได้ไม่ยากเท่าไหร่น่ะ" เนบุยะกรอดตาไปมา และในขณะนั้นเอง...

    กริ้งงงงงงงง!!!

    ...เสียงโทรศัพท์เครื่องน้อยในกระเป๋ากางเกงของเนบุยะก็แผดเสียงดังออกมา เด็กหนุ่มหยิบเจ้าเครื่องมือสื่อสารของตนออกมาก่อนถอนหายใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าใครโมรมาแล้วกดรับสายทันที

    "โมชิโมชิ? มีอะไรโคทาโร่?"

    'เอย์จัง...'

    "?...ไหงนายทำเสียงเหมือนคนใกล้ตายแบบนั้นล่ะ?"

    'พอดี...มีเรื่องนิดหน่อยน่ะ...โอ๊ย! โครม! ปื้นๆ!'

    "เฮ้ยๆ! มีอะไรวะโคทาโร่!? เมื่อกี้เสียงรถไม่ใช่เหรอฟะ!?"

    'ไม่มีไรๆ แค่รถเฉี่ยวแล้วเซล้มไปชนเสาไฟหัวแตกน่ะ'

    "นั้นไม่เรียกว่าไม่เป็นไรแล้วเฟ้ย! รีบไปโรง'บาลเลยไป!"

    'ไม่เอา จะไปหามิยาจิซังอ่ะ!'

    "ก่อนจะไปง้อใครเอาชีวิตตัวเองให้รอดก่อนเถอะ!"

    'ฉันไม่ตายง่ายๆ หรอกน่า! ไม่อยากโดนมิยาจิโดนคนอื่นงาบกับโดนอาคาชิตามไปตื้บถึงนรกหรอก!'

    "ยังไงก็ช่างเถอะ! ไปโรงพยาบาลซะ!"

    'ก็ได้ๆ ขี้บ่นจัง ติดพี่เรโอะมาหรือไง...'

    "เล่นสร้างเรื่องได้ทุกวันไม่ต้องติดเรโอะมันก็ทำให้อยากบ่นอยู่แล้วเฟ้ย!"

    'ใจร้ายอ่ะ!'

    "ไม่ต้องมางอแงเลย! แล้วที่โทรมาเนี่ยมีอะไร? คงไม่ใช่ไปก่อเรื่องอะไรให้ตามแก้อีกนะ?"

    'เปล่าๆ แค่จะฝากให้เอย์จังช่วยบอกอาคาชิให้หน่อยน่ะ ว่าพรุ่งนี้ฉันไม่ไปซ้อมแค่นั้นแหละ'

    "ที่นายโทรมาเรื่องแค่นี้!? ทำไมไม่โทรหาอาคาชิเองฟะ!?"

    'ก็กลัวอาคาชิอ่ะ! ส่วนจะโทรหาพี่เรโอะ พี่เรโอะก็ไม่รับสายนิ!'

    "เออๆ เดี๋ยวบอกให้ ส่วนนายก็รีบไปโรงพยาบาลก่อนไป"

    'รับทราบ!' สายปลายเอ่ยเช่นนี้ก่อนที่จะตัดสายไปเสียดื้อๆ เลย

    "เฮ้อ..." เนบุยะถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายกับเพื่อนตัวนี้ (?) ของตนจริงๆ

    "มีอะไรเหรอ? ดูเหนื่อยหน่ายใจสุดๆ เลยนะนายเนี่ย" ยูยะที่นั่งฟังบทสนทนาของอีกฝ่ายกับคนที่ชื่อโคทาโร่ทั้งหมดเอ่ยถามขึ้น

    "ไม่มีอะไร...แค่กำลังอดคิดไม่ได้ว่าคงต้องทำบุญทั้งทีมบ้างแล้วแค่นั้นแหละ" เนบุยะคุมขมับอย่างเครียดๆ ก็นะ...ไหนจะมายุสุมิซังกลายเป็นผู้หญิง ไหนจะเรโอะที่เมื่อวันก่อนดันลื่นตกบันไดถึงจะยังโชคดีที่ไม่ได้เป็นอะไร ไหนจะโคทาโร่ที่โทรมาบอกเมื่อกี้ว่ารถเฉี่ยว ไหนจะตัวเขาเองที่ต้องมาซวยโทรไปแก้ตัวให้กับโคทาโร่และมีความเสี่ยงโดนมัจจุราชสีแดง (?) เอากรรไกรปักหัวในวันพรุ่งนี้อีก...

    ...คนที่ดูจะไม่โชคร้ายอะไรเท่าไหร่นักมีแต่อาคาชิคนเดียวเอง นอกนั้นพากันซวยหมดเลย!

    "...พูดยังกับเจอเรื่องซวยกันมายกทีมอย่างงั้นแหละ" ยูยะเอ่ยขึ้นมาอย่างแปลกใจนิดๆ ...ที่แปลกใจก็ไม่ใช่อะไรมาก แค่มันบังเอิญความคิดตรงกับที่พี่เขาบ่นเมื่อวันก่อนเลยหลังจากรุ่นน้องหัวเหม่งของเขาดันเดินตกท่อ ก่อนจะตามด้วยรุ่นน้องหัวเขียวที่ดันโดนลูกบอลกระแทกแว่นแตก แถมเศษกระจกยังเข้าตาจนต้องพาไปโรงพยาบาลอีก ยังไม่พอโอสึโบะซังยังเผลอทำแก้วสุดรักสุดหวงของน้องสาวตัวเองแตกเป็นเหตุให้ต้องตามง้อมาจนบัดนี้ คิมุระซังก็รถส่งของที่ร้านยางระเบิดอีก แต่ยังดีที่ไม่มีใครบาดเจ็บ...

    ...สรุปโดยรวม...ในบรรดาตัวจริงทั้งหมดเหลือแค่พี่เขาเท่านั้นที่ยังไม่ซวยเนี่ย

    "ยังไม่ยกทีม แต่เกือบแล้วล่ะ..." เนบุยะถอนหายใจออกมายาวๆ พลางกดหาเบอร์กัปตันทีมตนไป "...ให้ตายเถอะ...เบอร์อาคาชิอยู่ไหนวะ?"

    "นายก็พิมพ์หาสิ จะมั่วกดไล่อยู่ทำไมล่ะ?" ยูยะที่มองอีกฝ่ายกดไล่เบอร์อยู่สักพักแล้วเอ่ยขึ้น

    "ขอกดไล่เบอร์แบบนี้เถอะ...ให้ฉันทำใจก่อน..." เนบุยะเอ่ย "...เพราะมีแววโดนว๊ากกลับมาสูงมากเลย"

    ...และถ้าโดนอาคาชิแว๊ดกลับนี่น่ากลัวนะนั้น...

    "ห๊า?" ยูยะหลุดร้องอย่างงงๆ พลางมองใบหน้าอีกฝ่ายที่เริ่มซีด "คนที่ชื่ออาคาชิเนี่ย...กัปตันทีมนายสินะ? โหดมากหรือไงหน้าซีดซะ..."

    "ใช่ โหด...โหดมาก โหดจนไม่น่าเชื่อว่ามีคนแบบนี้บนโลกด้วย!" เนบุยะกล้ารับรองว่าคงไม่มีใครโหดเท่าแล้วล่ะ...ถึงหลังวินเทอร์คัพจะลดความจูนิเบียวลงเยอะแล้วก็เถอะ

    "พูดเวอร์เหลือเกินนะนาย" ยูยะกรอดตาไปมา...จากข้อมูลที่เขารู้มาเนี่ยคนที่ชื่ออาคาชิเนี่ยก็ดูปกติดีนี่นา? หน้าตาก็ไม่ได้น่ากลัว ออกหล่อจนน่าหมั่นไส้ด้วยซ้ำ

    "นายไม่เคยเจออาคาชิภาคจูนิเบียวไม่มีทางรู้ถึงความน่ากลัวหรอก" เนบุยะบ่นอุบ ซึ้งนั้นสร้างความงุนงงให้กับยูยะยิ่งขึ้นไปอีก และเวลานั้นเอง...

    กริ้ง!!!!

    ...เสียงโทรศัพท์ในมือเนบุยะก็ดังขึ้นอีกครั้ง เจ้าตัวจึงมองดูเบอร์ที่โทรเข้ามา...พอเห็นว่าใครโทรมาเท่านั้นแหละก็ทำหน้าเจื๋ยมเจี่ยมพร้อมกับกดรับสายทันทีราวกับว่ากลัวปลายสายรอนาน

    "ง...ไง...โทรมาได้จังหวะจังนะอาคาชิ"

    ...ได้จังหวะพอดีจนหลอนเลย! นี่คงไม่ได้ติดเครื่องดักฟังไว้ใช่ไหมเนี่ย?!...

    'หื้อ? ได้จังหวะอะไรเหรอ?'

    "เออ...คือโคทาโร่มันให้โทรไปหาพอดีน่ะ"

    'อ๋อ โคทาโร่คงกะจะไม่ไปซ้อมพรุ่งนี้สินะ?'

    "ถูก..."

    'ไม่ต้องทำเสียงเหมือนกลัวถูกเชือดก็ได้...พรุ่งนี้ไม่ต้องไปซ้อมกันก็ได้ ฉันโทรบอกที่โรงยิมตั้งแต่ไปเจอจิฮิโระในสภาพนั้นแล้วว่านับจากวันนี้ให้หยุดซ้อมได้สามวันน่ะ'

    "เอ๊ะ? นายยอมให้หยุดซ้อม? แปลกๆ นะ...หรือว่าเรื่องชิวาว่านั้น?"

    'ถูก...โคกิยอมมาหาทั้งที คิดเหรอว่าฉันจะไปพาไปทำอะไรสนุกๆ กันน่ะ?'

    "สนุกนายคนเดียวมากกว่า...เจ้าชิวาว่านั้นร้องไห้แหง"

    'ถ้าโคกิร้องไห้อยู่ใต้ฉันตอน×××กันก็น่าดูชมอยู่นะ'

                    "ช่วยอย่าพูดตรงๆ แบบนี้ได้เปล่า? อายแทนวะ"

    'ถ้าเป็นเรื่องโคกิล่ะก็ฉันไม่มีอายหรอกนะ'

    "แล้วที่ทะเลาะกันคราวก่อนจนนายต้องหาทางง้อล่ะ? ตอนนี้เห็นหน้าแดงเป็นตำลึงเชียว"

    'นั้นเขาเรียกว่าเขินต่างหาก'

    "ยังอุตสาห์ไหลได้เนอะ..."

    'ช่างฉันเถอะน่า...งั้นแต่นี้นะเอย์คิจิ เดี๋ยวโคกิรอนาน'

    "โอเค เที่ยวกันให้สนุกแล้วกัน...และอย่าเผลอคลาดกันล่ะ เจ้าชิวาว่านั้นยิ่งดึงความซวยเข้าหาตัวเองอยู่" เนบุยะเอ่ยเช่นนี้ก่อนที่จะตัดสายไป

    "ไง...สีหน้าดูดีขึ้นนิ..." ยูยะทีเห็นคนคืนชีพ (?) เอ่ยขึ้นมา "...ดูท่าจะไม่โดนกัปตันทีมตัวเองกัดสินะ?"

    "ถูก...อาคาชิให้หยุดพักพอดี เลยโชคดีไป" เนบุยะถอนหายใจก่อนที่จะหันไปมองนาฬิกาที่ติดฝาผนัง "ว่าแต่...นายจะกลับเลยไหม? ถ้ากลับตอนนี้น่าจะถึงโตเกียวก่อนมืดล่ะนะ"

    "หื้อ? ปานนี้แล้วเหรอ?" ยูยะหันไปมองนาฬิกาอีกคน พร้อมหยิบกล่องไม้ขึ้นมาอุ้ม "งั้นฉันกลับก่อนเลยดีกว่า และขอบใจที่ช่วยไว้นะเนบุยะ"

    "ไม่เป็นไรหรอกน่า..." เนบุยะเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจนักก่อนจะดันตัวลุกขึ้น "...เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันไปส่งที่สถานีแล้วกัน...อย่างน้อยเดินกันสองคนคงไม่มีนักเลงตาถั่วที่ไหนมาหาเรื่องล่ะนะ"

    "โอเค ตามนั้น" ยูยะที่ขี้เกียจคิดอะไรมากมายขานรับไป ก่อนที่ทั้งคู่จะพากันเดินออกจากห้องไป

     

     

     

     

     

    "จะบ้าตาย...นี่ฉันติดความซวยมาจากไอ้สองหน่อตัวแสบนั้นหรือเปล่าเนี่ย?" เสียงบ่นกระปอกกระแปะดังออกมาจากปากคนผมสีน้ำผึ้งที่...เปียกโชกไปทั้งตัว

    "ถ้านายติดความซวยจากรุ่นน้อง ดูท่าฉันจะโดนดึงโชคไปแหง" เด็กหนุ่มร่างโตที่สภาพเปียกโชกไม่ต่างกันเอ่ยขึ้นมาพลางพากันลากขากลับที่พักของตนอีกครั้งหลังจากออกมาได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง...

    ...ส่วนสาเหตุที่เปียกราวลูกหมาตกน้ำกันทั้งสองก็เพราะเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้เนบุยะกับยูยะพากันเดินผ่านสะพานข้ามแม่น้ำเพื่อที่จะไปให้ทันชิคันเซนในรอบบ่ายนี้ แต่แล้วดันมีโจรที่ไหนไม่รู้วิ่งหนีตำรวจมาชนยูยะตกน้ำ...ซึ่งดูจะไม่มีอะไรมากถ้าไม่ติดว่ามิยาจิ ยูยะดันว่ายน้ำไม่เป็นเนี่ย!

    ...ก็เลยร้อนถึงเนบุยะต้องโดดตามลงไปช่วย...ยังดีที่ลงไปช่วยทันก่อนที่ยูยะจะจมน้ำไป และนี่เองเป็นสาเหตุที่ชุ่มโชกกันทั้งสองคนเลย

    "สรุปคือซวย" ยูยะเอ่ยอย่างหมดแรง

    ...รู้งี้ตอนแม่ฝึกให้เขาว่ายน้ำเขาไม่หนีดีกว่า...

    "น่าๆ อย่างน้อยก็ยังโชคดีที่ของที่แม่นายให้มาเอาไม่หายหรือแตกน่ะ" เนบุยะเอ่ยปลอบ...ถือว่าโชคดีจริงๆ ที่ตอนยูยะตกน้ำกล่องไม้นั้นดันกระเด็นมาโดนหน้าเขาแทบยุบทำให้ของด้านในดูแล้วไม่มีแววจะเสียหายอะไร แถมหนึ่งในคุณตำรวจตอนเขายัดกล่องไม้ให้ก่อนที่จะโดดลงไปช่วยยูยะยังอุตสาห์ใจดีถือไว้ให้แทนโยนทิ้งอีกแหน่ะ

    "นั้นถือเป็นโชคดีจริงๆ แฮะ..." ยูยะไม่เถียงเลยว่านั้นถือว่าเป็นเรื่องโชคดีสุดๆ ของเขาแล้ว "ฮ...ฮัดเช้ย!"

    "...ดูท่าต้องรีบกลับให้ถึงห้องเร็วๆ แล้วสิ" เนบุยะเอ่ยพร้อมกับ...อุ้มตัวเด็กหนุ่มผมสีน้ำผึ้งขึ้นมาด้วยท่าเจ้าหญิง

    "เฮ้ย! ทำบ้าอะไรเนี่ย!?" ยูยะหลุดแว๊กออกมาเมื่อถูกอุ้มในแบบที่น่าอายสุดๆ

    "จะอุ้มนายวิ่งกลับห้องน่ะ...มาเดินเปียกๆ ท่ามกลางหิมะตกเนี่ยไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่นักหรอกนะ" เนบุยะเอ่ยพร้อมกับสองเท้าเริ่มออกวิ่ง

    "ให้ฉันเดินเองก็ได้เฟ้ย!" ยูยะโวย

    "รู้ว่าเดินเองได้ แต่ดูจะถึงช้ากว่าฉันอุ้มนิ" เนบุยะทำซื่อ "รับรองถึงเร็วแน่ เคยแบกโคทาโร่กับเรโอะหนีอาคาชิมาแล้วไม่ต้องห่วง"

    "ห่วงเรื่องนั้นที่ไหนวะ!? ปล่อยฉันลงน้าาาา!!!" ยูยะดิ้นพร่านๆ "โดนอุ้มแบบนี้น่าอายจะตายไป!!!

    "นายเนี่ยบ่นเหมือนเรโอะเลยแฮะ" เนบุยะกรอดตาไปมา

    "แบบนี้เป็นใครเขาก็บ่นทั้งนั้นแหละ!..." ...ยิ่งเป็นผู้ชายด้วยแล้ว

    "ทีโคทาโร่มันไม่เห็นบ่นเลย" เนบุยะจำได้ว่าเพื่อนผมสีคาราเมลของตนนั้นอุ้มแบบนี้นอกจากไม่โวยแล้วยังดี๊ด๊า แถมร้องขอให้อุ้มอีกด้วยซ้ำ

    "จะไปรู้มันเหรอ!? ฉันไม่รู้จักเพื่อนนายนี่หว่า!?" ยูยะทำหน้ามุ่ย "และเลิกอ้างชาวบ้านแล้วปล่อยฉันลงสักทีเซ่!"

    "ไม่สน...ถ้ามิยาจิซังรู้ว่าฉันปล่อยให้นายเดินเองแล้วเกิดเป็นหวัดขึ้นมาฉันก็โดนเชือดทิ้งดิ..." เนบุยะไม่คิดจะลองดีกับมิยาจิ คิโยชิให้เจ็บตัวเล่นหรอก "...อีกอย่างฉันไม่ใช่โคทาโร่มันด้วยที่โดนมิยาจิซังตื้บแล้วตื้บอีกยังไม่ตาย แถมยังไปเกาะมิยาจิซังต่อได้อีกหรอกนะ"

    "ถามจริง?" ยูยะทำหน้าไม่เชื่อ...มีคนหน้าด้านโดนพี่เขาตื้บแล้วยังมีหน้าไปเกาะหนึบได้อีกเหรอวะ!?

    "จริงดิ" เนบุยะพยักหน้ารับ

    "...เพื่อนนายเป็นแมลงสาปกลับชาติมาเกิดหรือไง!?" ยูยะไม่อยากเชื่อเลยว่ามีคนอึดขนาดนั้นด้วย...เอ๊ะ! จะว่าไปพ่อเขาก็อยู่ในระดับเดียวกับเพื่อนหมอนี้นี่หว่า!

    "ฉันว่าหมอนั้นเป็นอะมีบ้าเลยเถอะ" เนบุยะคิดว่าสำหรับเพื่อนสุดแสนร้นที่หาเรื่องใส่ตัวได้ตลอดเวลาของตนแค่แมลงสาปยังน้อยไป

    "นั้นสินะ..." ยูยะเอออ่อตามเนบุยะ...พร้อมด้วยความรู้สึกเหมือนตนลืมอะไรสักอย่างไป...

    ...และนั้นทำให้เนบุยะเริ่มที่จะจับจุดได้ว่าวิธีที่ทำให้ยูยะเลิกสนใจเรื่องที่ถูกอุ้มนั้นคือการหาเรื่องที่น่าสนใจกว่ามาเบนความสนใจนั้นเอง....จนสุดท้ายทั้งสองกลับมาถึงยังห้องพักของเนบุยะโดยไม่แข็งตายไปเสียก่อน

    "อยากจะบ้าตาย...ฉันลืมได้ไงเนี่ยว่าถูกนายอุ้มมา..." ยูยะที่เมื่อเข้ามาในห้องแห่งเดิมอีกครั้งก็ถึงกับหน้าแดงเมื่อนึกออกว่าตนนั้นถูกอีกฝ่ายอุ้มมาตลอดทาง...อา มีคนเห็นไปกี่คนล่ะเนี่ย?

    "เอาน่าๆ ไม่เลวร้ายเท่าไหร่หรอก...อย่างน้อยนายก็โดนแขนฉันบังไปเกือบครึ่งล่ะนะ..." ...เพราะนายตัวเล็กกว่าฉันค่อนข้างเยอะเลยนิ ถึงจะสูงกว่าโคทาโร่มันแต่ก็ถือว่าตัวเล็กกว่าเขาอยู่ดี

    "นั้นคือแง่ดีสินะ?" ยูยะถอนหายใจออกมาเบาๆ

    "เอาน่าๆ อย่าเครียดดิเดี๋ยวแก่เร็วนะ..." เนบุยะเอ่ย "...แทนที่จะมากังวลเรื่องแบบนี้ฉันว่านายรีบไปอาบน้ำอาบท่าดีกว่าไม่งั้นได้เป็นหวัดแหง"

    "แล้วนายล่ะ?" ยูยะเอ่ยถาม...ก็ห้องน้ำมันมีห้องเดียวนี่หว่า ถ้าเขาอาบแล้วหมอนี่ล่ะ? ให้นั่งเปียกโชกเล่นเหรอ?

    "เดี๋ยวค่อยอาบหลังจากนายก็ได้" เนบุยะเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจนัก

    "..." ยูยะมองเนบุยะที่ตอนนี้...น้ำแข็งเกาะหัวเป็นบางส่วนจากการวิ่งต้านลมหนาวบวกหิมะมาสลับกับตนเองที่แค่เปียกอย่างเดียว "ฉันว่านายอาบก่อนดีกว่ามั้ง"

    "ไม่อ่ะ นายนั้นแหละไปอาบก่อนเลย" เนบุยะส่ายหน้า

    "ไม่...นายนั้นแหละไปอาบก่อน ดูสภาพแล้วถ้านายไม่รีบไปอาบน้ำกินยามีแววเป็นหวัดแน่" ยูยะรับรองเลยว่าคนปกติได้หวัดกินในวันรุ่งขึ้นแน่

    "ฉันไม่เป็นหวัดหรอกน่า นายนั้นแหละไป"

    "ไม่! นายนั้นแหละ!"

    "นายนั้นแหละ!"

    "โว้ย! บอกว่านายนั้นแหละไปอาบก่อนเลย!"

    "เรื่องดิ! นายนั้นแหละไป!"

    "นายดิต้องไป!"

    "นายต่างหาก!"

    "โอ้ย! จะหัวดื้อไปไหนฟะ!?"

    "นายก็หัวดื้อเหมือนกันนั้นแหละ! แถมซึนด้วย!"

    "ไม่ซึนโว้ย!!! ไอ้บ้า!!!"

    สรุป...งานนี้กลายเป็นว่าทั้งสองเถียงกันเรื่องใครจะอาบน้ำก่อนและยามนี้เรื่องที่เถียงก็เริ่มออกนอกประเด็นเดิมเรียบร้อยแล้ว

     

     

     

     

     

    ...ไหงสุดท้ายกลายเป็นงี้ได้วะ!?...

    เนบุยะคิดอย่างเอ๋อกินพลางมองร่างคนผมสีน้ำผึ้งที่อยู่ใกล้ๆ ด้วยอาการกระอักกระอวยเหลือหลาย...เพราะตอนนี้พวกเขาดันอาบน้ำด้วยกันนี่สิ! อ๊ากกก!!! มีคนที่รู้จักกันวันแรกที่ไหนกล้าถึงขนาดอาบน้ำด้วยกันได้ฟะเนี่ย!? ยูยะคิดอะไรถึงสรุปผลการเถียงนานสองนานของพวกเราออกมาเป็นแบบนี้ได้ฟะ!?

    ...โคตรไม่ระวังตัวหรือคิดอะไรให้มากความเลย! ถึงจุดนี้จะคล้ายมิยาจิซังนิดๆ ก็เถอะ...

    "นี่...ยูยะ..." เนบุยะเอ่ยขึ้นมาพร้อมเหลือบตาหนีจากร่างที่บัดนี้มีเพียงผ้าขนหนูคาดเอวปกปิดส่วนสำคัญไว้เท่านั้น "...อาบน้ำสองคนแบบนี้...ไม่อายบ้างหรือไง?"

    "ไม่นิ บางวันแย่งอาบน้ำกับพี่ก็ลงเอยสุดท้ายแบบนี้แหละ" ยูยะตอบกลับไปตามตรงพร้อมเปิดน้ำล้างแชมพูออกจากผมตน

    "กรณีนั้นกับกรณีนี้ไม่เหมือนกันสักหน่อย..." เนบุยะบ่นงึมงำกับตนเอง "...นายไม่กลัวฉันเป็นไอ้บ้ากามกดนายหรือไง?"

    "ลองมาสิ พ่อจะทำให้สูญพันธ์ซะให้" ยูยะเอ่ยพร้อมหักไม้หักมือประกอบ...ถึงเขาจะไม่เก่งเท่าพี่ แต่ก็มั่นใจว่าตื้บคนคนเดียวไหวล่ะ!

    "มั่นใจตัวเองมากไปไม่ดีนะ" เนบุยะกรอดตาไปมา

    "ก็จริง..." ...แม่ก็ค่อยเตือนเขาเรื่องนี้และเรื่องอย่าประมาทบ่อยๆ ...พร้อมกับสารพัดข้าวของที่โยนมาให้เป็นตัวอย่างให้เขากับพี่คอยหลบ (?) ล่ะนะ ถ้าเผลอเมื่อไหร่ได้เลือดอาบกันแน่เพราะแม่คุณเล่นโยนมาแต่ล่ะอย่างของที่ทำให้ตายได้เลยทั้งนั้น!

    "เฮ้อ...เอาเถอะ ยังไงฉันก็ไม่คิดทำอะไรบ้าๆ แบบนั้นหรอก วางใจได้" เนบุยะถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยๆ ...ทำไมทีโคทาโร่มันป่วนจนวายวอดไปทั้งโรงยิมเขาไม่รู้สึกเหนื่อยใจแบบนี้หว่า?

    "ฉันก็ไม่คิดว่านายจะทำอะไรแบบนั้นหรอก และถ้านายคิดจะทำคงทำไปนานแล้วจริงไหม?" ยูยะเอ่ย

    "ก็จริง..." ...เล่นยั่วแบบนี้ถ้าเป็นพวกหื่นหน่อยคงตบะแตกไปนานแล้วล่ะ ถึงแม้เพิ่งเคยเจอกันครั้งแรกก็เถอะ...ก็ใครใช้ให้สวย (?) คล้ายๆมิยาจิซังล่ะ! ถึงจะหน้าเมะกว่าแต่ก็อดยอมรับว่าสวยไม่ได้อยู่ดีแหละ! (ก็เคะทั้งพี่ทั้งน้องนิ // s , ไม่เคะเฟ้ย!!! // มิยาจิ&ยูยะ) "...แต่ถึงอย่างนั้นนายก็ไม่ควรมั่นใจว่าฉันจะไม่ทำอะไรนายจริงๆ ขนาดนี้นะ"

    "น่าๆ อย่าบ่นเหมือนเป็นพ่อฉันเลย...ไม่สิ พ่อคงไม่บ่นอะไรแบบนี้หรอก คงจะมางอแงและโดดเกาะมากกว่า" ยูยะเอ่ยพลางนึกภาพพ่อของตนที่เมื่อครั้งก่อนเขาไปเลี้ยงส่งเพื่อนที่ต้องย้ายโรงเรียนกระทันหันจนดึก...จำได้ว่าตอนนั้น...

    'กลับมาแล้วครับ'

    'ยูจางงงงงง!!! ไหงกลับดึกนักล่ะลูก! มีใครทำอะไรลูกหรือเปล่า!?'

    'พอดีเลี้ยงส่งเพื่อนน่ะครับ และอย่างผมจะมีใครทำอะไรที่ไหนล่ะ?'

    'อย่ามั่นใจว่าไม่มีอะไรสิ! ลูกยิ่งสวยเหมือนแม่เขาอยู่!'

    'จะกรุณามากครับถ้าพ่อไม่พูดว่าสวยเนี่ย! และช่วยอย่าเกาะผมสิครับ! ไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะครับ!'

                   'ไม่สนอ่ะ!'

    'สนบ้างเถอะครับ! อ่ะ! อย่าปีนขึ้นหลังผมนะ! คิดว่าตัวเองเป็นด้วงที่เกาะบนต้นไม้หรือไงครับ!?'

    'ถ้าได้เกาะลูก พ่อยอมเป็นด้วงนะ:)'

    'นั้นใช่ประเด็นที่ไหนกันครับ!!! ลงจากหลังผมเถอะ! หนักนะ!!!'

    'ไม่ลงๆ! จนกว่ายูจังจะสัญญาว่าจะไม่กลับดึกๆ ดึนๆ คนเดียวอีก!'

    'โอ๊ย! สัญญาก็สัญญาครับ! แต่ตอนนี้ลงจากหลังผมสักที! ตัวพ่อก็ไม่ใช่เบาๆ นะครับ!!!'

    'เย้! ยูจังสัญญาแล้วห้ามคืนคำนะ!'

    'ครับๆ ...เฮ้ย! อย่ารัดคอผมสิ! หายใจไม่ออกนะครับพ่อ!!!'

    'ฮ้าว โวยวายอะไรเสียงดังกลางค่ำกลางคืนเนี่ย...อ้าว? ยูยะ? พ่อ? ทำอะไรกันเนี่ย?'

    'อย่าเพิ่งถามอะไรเลยพี่! ดึงพ่อออกจากผมที! อึก! อย่ารัดคอผมสิพ่อ!!!'

    'เฮ้ยๆ! เกาะยูยะแน่นไปแล้วมั้งพ่อ! ปล่อยก่อนๆ! เดี๋ยวยูยะตายหรอกครับ!'

    'บู้! คิโยจังขี้บ่น!'

    'จะไม่ให้บ่นยังไงล่ะครับ! แรงพ่อก็ใช่น้อยๆ นะจะรัดคอยูยะแบบนี้ได้ไง...อ่ะ! ตายล่ะหว่า! หน้าเริ่มเขียวแล้ว! รีบๆ ปล่อยเลยพ่อ! ไม่งั้นผมจะฟ้องแม่ว่าวันก่อนพ่อ...'

    'ปล่อยแล้วจ้า! ห้ามฟ้องแม่เขานะ!!!'

    'ครับๆ ไม่ฟ้องแล้วครับ...เฮ้! ยูยะยังอยู่ดีเปล่า?!'

    'แค่กๆ ...ยังอยู่ แต่เกือบเห็นแม่น้ำปรโลกเลยล่ะ'

    'อุ๊ย...พ่อรัดแรงขนาดนั้นเลยเหรอ? โทษทีนะ แฮะๆ'

    'เพิ่งรู้ตัวเหรอครับ! ให้ผม / ยูยะไปโลกหน้าแล้วค่อยรู้ตัวเลยไหมครับ!?'

    'ง...ง่ะ ก็พ่อไม่ได้ตั้งใจอ่ะ'

    'ไม่ได้ตั้งใจ? แต่เกือบรัดคอยูยะตายเนี่ยนะ?'

    'อะจึ๋ย! แม่มาตอนไหนครับเนี่ย!?'

    'ตั้งแต่พ่อเขาเริ่มเกาะยูยะแล้วล่ะ...และตอนพ่อเขาเริ่มรัดคอยูยะถ้าคิโยชิไม่ลงมากะจะโยนนี่ใส่หัวสักหน่อย'

    'ถึงตายนะครับนั้น!'

    'ไม่ถึงตายหรอกน่าคิโยชิ'

    'ไม่ตายหลอกๆ สิครับ! เล่นจะเอาไมโคเวฟทุ่มเนี่ย!'

    '...โชคดีจริงๆ ที่พี่ลงมาเนี่ย ไม่งั้นตายแหง'

    'ไม่ตายหรอกน่า พ่อโดนบ่อย'

    'กรุณาอยู่เงียบๆ เถอะครับ ขอร้องล่ะ'

    ...แค่คิดถึงเรื่องวันนั้นก็เพลียล่ะ และหลังจากนั้นเขาก็ไม่เคยกลับบ้านดึกๆ คนเดียวตอนพ่ออยู่อีกเลย

    "พ่อนาย...นิสัยปวดจิตหรือไง? ดูทำหน้าเหมือนอยากเอาหัวโข่งกำแพงตายเลย" เนบุยะเอ่ยทักขึ้นมาอย่างสงสัย

    "ปวดจิตหรือเปล่าไม่รู้ แต่ถ้านายเคยเจอคนที่ไฮเปอร์สุดๆ กระโดดเกาะชาวบ้านไปทั่ว ชอบงอแง อึดยิ่งกว่าอะมีบ้า แรงยังกับช้างสามเชือก แถมนิสัยเปลี่ยนได้ตามสภาพอากาศ (?) เนี่ยนายคิดว่าไง?" ยูยะถามขึ้นมา...ถึงแม้ที่ว่ามาเนี่ยไม่ใช่ทั้งหมดในความเพี้ยน (?) ของพ่อเขาก็เถอะ

    "ก็คงปวดจิตพอดู..." ...ก็โคทาโร่มันโดนไปสี่ข้อเลยนี่นา แถมลองนึกภาพว่าโคทาโร่มันเป็นตามนิสัยพ่อของยูยะก็...คงปวดจิตพอดู แต่ก็ไม่น่ามากอะไรนักนะ

    "คงงั้น..." ยูยะถอนหายใจออกมา "...เรื่องพ่อฉันช่างมันเถอะ คิดไปก็เสียสุขภาพจิตเปล่าๆ"

    "ถ้าพ่อนายมาได้ยินคงได้ไปเอ็นจอยกับหลุมดำแน่" เนบุยะหัวเราะออกมาแห้งๆ ...จากที่ยูยะบอกเขามั่นใจว่าคงประมาณเดียวกับโคทาโร่แหง

    "แค่นั้นก็ดีสิ..." ...ให้พ่อง่อยไปคนเดียวเทียบกับที่เกือบรัดคอเขาตายคราวก่อนแล้ว...ให้พ่อไปอยู่ในหลุมดำถือว่าเป็นเรื่องดีเลยล่ะ! (สงสารพ่อนายหน่อยเถอะ // s) "เฮ้อ..."

     

     

     

     

     

    "เฮ้...ใส่พอได้เปล่าเนี่ย?" เด็กหนุ่มร่างโตเอ่ยถามคนผมสีน้ำผึ้ง

    "พอได้...แต่หลวมโพรดเลยวะ" คนผมสีน้ำผึ้งตอบพลางมองตนเองที่อยู่ในชุดอีกฝ่าย...ทำให้นึกถึงตัวเองตอนเด็กๆ ที่แอบเอาเสื้อพ่อมาใส่ชะมัด!

    "พอใส่ได้ก็ดี เพราะฉันมีตัวเล็กสุดแค่นี้แหละ" เนบุยะเอ่ยพลางมองเสื้อผ้าของพวกตนที่หมุนติ้วๆ อยู่ในเครื่องซักผ้า "อื้อ...เท่าที่ดูกว่าจะซักกว่าจะปั่นแห้งได้เนี่ยคงหมดชินคันเซนเที่ยวสุดท้ายพอดีแหง เพราะงั้นนายโทรไปบอกมิยาจิซังว่าไม่ได้กลับบ้านวันนี้เถอะ เดี๋ยวมิยาจิซังจะเป็นห่วงเอา"

    "ฉันก็ว่างั้นแหละ และฉันคงไม่รอให้พี่โทรมาแว๊กฉันเอาทีหลังหรอก" ยูยะหยิบมือถือของตนออกมากดโทรหาพี่ชายของตน...รู้สึกโชคดีจริงๆ ที่วันนี้เขาใส่กางเกงแบบกันน้ำมาเนี่ย ไม่งั้นมือถือได้พังแหงแซะ อย่างไม่ต้องสงสัยเลย "เอ๊ะ? แปลกแฮะ ทำไมวันนี้พี่ปิดเครื่องเนี่ย?"

    "ปิดเครื่อง?...อย่าบอกนะว่ามิยาจิซังโกธรโคทาโร่มันขนาดปิดเครื่องหนี?" เนบุยะชักรู้สึกว่าหลังจากนี่มีแววว่าเพื่อนตนจะโดนตื้บจมดินแหงๆ

    "เพื่อนนายโดนพี่โกธร? ไปก่อเรื่องอะไรล่ะนั้น? ปกติต่อให้โกธรขนาดก็ไม่เคยปิดเครื่องหนีนะ จะมีแค่พอรายนั้นโทรไปปุ๊บโดนแว๊ดแทบหูดับปั๊บเท่านั้นแหละ" ยูยะที่รู้นิสัยของผู้เป็นพี่ดีขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

    "...ฉันควรเตรียมสวดให้โคทาโร่มันสินะ?" เนบุยะเริ่มคิดว่าบางทีเพื่อนตนตอนนี้ลงไปนอนในโลงแล้วก็ได้ (?)

    "ถ้าเพื่อนนายไม่อึดใกล้เคียงกับพ่อฉัน...ก็สวดได้เลย" ยูยะเอ่ยพลางกดโทรเข้าเบอร์บ้านแทน "แต่ก่อนสวดเพื่อนนาย ฉันขอแว๊ดพี่ก่อน"

    "นายจะแว๊ดพี่นายทำไมล่ะนั้น?" เนบุยะถามอย่างไม่เข้าใจ

    "ข้อหาทำให้เปลื้องเงินมือถือ" ยูยะตอบหน้าตายมาก

    "งกกว่าที่คิดนะนายเนี่ย" เนบุยะแซว

    "ไม่ได้งกเฟ้ย! เขาเรียกว่าประหยัด!" ยูยะขู่ฟ่อ ขณะเดียวกันนั้นเสียงรอสายก็เงียบลงพร้อมเสียงดัง 'กึก' ดังขึ้นพอดี...และนี่เป็นสัญญาณว่ามีคนรับสาย เท่านั้นแหละยูยะก็... "พี่!!! ทำไมปิดเครื่องห๊า!? โทรสองทีมันเปลื้องตังค์มือถือนะ!!!"

    "เสียงนายแจ่มมาก...พอๆ กับมิยาจิซังเลย" เนบุยะแคะหูนิดๆ โดยเมินดวงตาสีน้ำผึ้งที่ค้อนมายังตน และเมื่อเห็นว่าค้อนไปอีกฝ่ายก็ไม่สน ยูยะเลยหันมาให้ความสนใจกับโทรศัพท์ต่อ

    'ยูยะ...' เสียงฟังดูหมดแรงราวคนป่วยทำให้เด็กหนุ่มถึงกับคิ้วขมวด '...โทษทีๆ พอดีมีเรื่องนิดหน่อยเลยปิดเครื่องน่ะ'

    "เป็นไรเปล่า? พี่? แบบนี้มันดูแปลกๆ ไปนะ..."

    ...ร้อยวันพันปีต่อให้ป่วยก็ยังมีอารมณ์แว๊ดเขากลับเลย ไหงวันนี้ถึงฟังดูเสียงเบาเหมือนคนเหนื่อยใกล้ขาดใจแบบนี้เนี่ย!? อ๊ากกกก! พอได้ยินเสียงแบบนี้อยากรีบกลับบ้านไปหาพี่ชะมัด! นี่ต้องมีอะไรผิดปกติแน่!!! หรือพี่เขาเป็นหวัดไข้ขึ้นสูงจนเป็นแบบนี้เนี่ย!?... (นาย...บราค่อนสินะ? // s , ไม่ใช่โว้ย! // ยูยะ)

    'เปล่า ไม่มีอะไร...ว่าแต่นายโทรมามีไร?'

    "ไม่มีไรมากหรอก แค่จะบอกว่าวันนี้ผมไม่กลับบ้านนะ พอดีมีเรื่องนิดหน่อยน่ะ กว่าจะได้กลับคงพรุ่งนี้นู้น..."

    'ไปก่อเรื่องอะไรล่ะ?'

    "พี่...บอกตามตรงนะ เสียงพี่เนี่ยโคตรซังกะตายมากเลย...ยังกับคนอกหักแหน่ะ แน่ใจนะว่าไม่เป็นไร?"

    ...ถ้าบอกว่าเป็นพ่อจะวิ่งไปขึ้นชินคังเซนกลับมันในสภาพนี้เลย...

    'ฉันสบายดีน่า...ตกลงไปก่อเรื่องอะไรมาหรือเปล่า?'

    "ก็นิดหน่อย...แต่บอกก่อนนะว่าคราวนี้เรื่องมันลอยมาหาเอง ผมไม่ได้ไปหาเรื่องใส่ตัวนะ"

    'รู้แล้วๆ ยังไงก็เอาตัวให้รอดล่ะ...ถ้าโดนดักตีหัวไปช่วยไม่ได้นะ'

    ...ยังเล่นมุขนี้ได้...ถือว่ายังโอเคสินะ?...

    "ครับๆ งั้นแค่นี้นะพี่..."

    'อื้ม แค่นี้นะ...'

    "เป็นไง? มิยาจิซังว่าไงบ้าง?" เนบุยะเอ่ยถามเมื่อจับใจความจากคำพูดของคนผมสีน้ำผึ้งตรงหน้าได้เล็กน้อย...แค่ตรงที่บอกว่าเหมือนคนอกหักอ่ะนะ...

    ...คงไม่ใช่ว่าทะเลาะจนถึงขั้นเลิกกันนะ!? ไม่ๆๆๆ! อย่างโคทาโร่มันไม่มีทางยอมเลิกกับมิยาจิซังง่ายๆ แน่!!!...

    "พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่เสียงดูหงอยๆ ชอบกล" ยูยะเกาหัวตัวเองนิดๆ

    "เสียงดูหง่อยๆ?" เนบุยะทวนอย่างงงๆ ...ถ้าเสียงหงอยและบอกว่าเหมือนคนอกหักตามปกติต้องเป็นโดนโคทาโร่บอกเลิกสินะ? แต่เรื่องนั้นไม่มีทางซะล่ะ ถ้าโคทาโร่เป็นฝ่ายบอกเลิกมิยาจิซังจริงๆ คงโลกแตกล่ะ!

    "อื้อ ใช่..." ยูยะพยักหน้ารับ "...หง่อยมากจนฉันสงสัยเลยว่าพี่อาจเป็นไข้หวัดก็ได้ ถึงได้ไม่แว๊กอะไรกลับมาเลยเนี่ย"

    "ไม่คิดว่าพี่นายไปบอกรักสาวแล้วอกหักบ้างสิ?" เนบุยะถามกลับ

    "ไม่...อย่างพี่ตอนนี้นอกจากบาสกับมิยุมิยุไม่สนใจอะไรหรอก" ยูยะทำท่ามั่นใจเหลือหลายว่าพี่ตนไม่มีทางอกหักจริงๆ หรอก "เพราะงั้นที่พี่เป็นแบบนี้ฉันว่าคงมีแต่ไม่สบายเท่านั้นแหละ"

    "แต่ฉันว่ามีสาเหตุอื่นอยู่นะ..." เนบุยะกรอดตาไปมากับผู้เป็นน้องของคนที่กล่าวถึง "...ถ้าให้เดาคงที่โคทาโร่มันก่อเรื่องนั้นแหละ และที่ทะเลาะกันเนี้ยเพราะมันไปก่อเรื่องแล้วมิยาจิซังรู้เข้าน่ะ"

    "...เพื่อนนายไปก่อเรื่องมหากาฬขนาดไหนทำให้พี่เป็นงั้นได้เนี่ย? ปกติต่อให้ทาคาโอะมันเล่นพิเรนท์ๆ ยังไม่เห็นเป็นอะไรเลย" ยูยะขมวดคิ้วเป็นปม

    "เอาเป็นว่าเรื่องใหญ่ขนาดที่ไม่ควรพูดถึงแล้วกัน..." ...เพราะถ้านายรู้มีหวังนายตามไปเชือดมันแน่...ยิ่งดูติดพี่อยู่

    "งั้นก็ช่างมันเถอะ" ยูยะคิดว่าบางทีไม่รู้ดีกว่าถ้าเกิดเป็นเรื่องที่ชวนปวดจิตมากๆ น่ะ "แล้วถ้าเป็นอย่างที่นายว่าจริงเพื่อนนายจะขอพี่ฉันคืนดีไหมอ่ะ? หรือหมอนั่นจะให้พี่ฉันซึมแบบนั้น?"

    "ที่จริงโคทาโร่มันไปหาทางง...เออ คืนดีกับมิยาจิซังตั้งแต่รู้ตัวว่าโดนโกรธแล้วล่ะ แต่ไม่รู้ทำไมปานนี้ถึงยังไม่ถึงบ้านมิยาจิซังสักที ว่าจะโทรหาอยู่เนี่ย" เนบุยะเอ่ยพลางชูมือถือตนที่กดโทรออกเรียบร้อยแล้ว

    "หวังว่าเพื่อนนายจะรับแล้วกัน...ฉันเริ่มกลัวว่าพี่จะฆ่าหมกศพเพื่อนนายไปแล้วชอบกล" ยูยะคิ้วกระตุกนิดๆ

    "ฉันก็หวังว่างั้น...อ๊ะ! มีคนรับแล้ว!" เนบุยะหลุดร้องออกมาอย่างดีใจที่เพื่อนตนยังไม่กลายเป็นศพ (?) ไปจริงๆ "โคทาโร่! นี่นายยังไม่ถึงบ้านมิยาจิซังอีกเหรอ?"

    'อา ใช่...เอย์จังรู้ได้ไงอ่ะ?'

    "เอาเป็นว่ารู้แล้วกัน...ตกลงทำไมยังไปไม่ถึงบ้านมิยาจิซังอีกล่ะ? คงไม่ใช่หลงทางอีกนะ? ตอนนี้อยู่ไหน?"

    'อยู่ใกล้ๆ บ้านมิยาจิซังแล้ว ส่วนที่มาถึงช้านี่แค่...'

    "แค่อะไร?"

    'แค่เกิดเรื่องนิดหน่อยน่ะ ถ้าจะให้ร่ายทั้งหมดมันยาว...งั้นขอบอกแค่ที่เจอเมื่อเร็วๆ นี้แล้วกันว่าโดนเด็กเตะลูกบอลใส่แล้วตกน้ำน่ะ...แถมตอนขึ้นฝั่งยังโดนรถขยะหลุดจากมาจากไหนไม่รู้ล้มทับด้วย กว่าจะออกมาได้เล่นแย่แหน่ะ'

    "อ๋อ...เฮ้ย! รถขยะล้มทับเหรอ!? แล้วนายเป็นอะไรมากหรือเปล่า!?"

    ...หวังว่าที่คุยๆ กันอยู่เนี่ยไม่ใช่ผีนะ!!!...

    'นอกจากเหม็นก็ไม่นะ พอดีโดนส่วนขยะพอดีเลยไม่เป็นอะไรน่ะ'

    "ฟู่...ค่อยยังชั่ว แล้วนี่นายจะถึงบ้านมิยาจิซังแล้ว?"

    'ตอนนี้จะถึงแล้ว...ขอวางสายแค่นี้นะเอย์จัง ฉันจะหาทางง้อมิยาจิซังให้ได้! ไม่ยอมให้มิยาจิซังทิ้งฉันแน่นอน!'

    "นี่นายเชื่อที่ฉันพูดจริงๆ เหรอเนี่ย!? เดี๋ยว! โคทาโร่!!! เฮ้!..." เนบุยะมองโทรศัพท์ที่ขึ้นคำว่าวางส่ายแล้วด้วยอาการไมเกรนขึ้น "...โอ๊ย! จะบ้าตาย! ไม่น่าโทรหามันเลย!!!"

    ...ถ้ารู้ว่าโทรแล้วได้ฟังเรื่องชวนหัวใจวายเนี่ย!...

    "...เอายาดมไหม?" ยูยะเอ่ยถามคนที่ทำท่าจะเป็นลม...ก็นะ ถ้าเขาได้ข่าวว่าเพื่อนตัวเองโดนรถขยะล้มทับเป็นเขา เขาก็ใจตกไปอยู่ตาตุ่มเหมือนกันแหละ

    "เอาก็ดี" เนบุยะนวดขมับอย่างเพลียจิตสุดๆ

    "เฮ้ยๆ อย่าเพิ่งทำหน้าเพลียแบบนั้นสิ มันไม่เข้ากับนายเลย..." ยูยะส่งยาดมให้ "...คิดแง่ดีสิว่าเพื่อนนายยังอยู่น่ะ"

    "ฉันก็พยายามคิดงั้น แต่พอนึกถึงตอนมันไปหามิยาจิซังนี่สิ" เนบุยะถอนหายใจออกมา

    "ไม่ต้องห่วง พี่ฉันไม่ทำคนเจ็บ" ยูยะปลอบคนที่ทำท่าปลงสุดชีพ

    "จะพยายามไม่ห่วง..." เนบุยะคืนยาดมให้อีกฝ่าย "...ตอนนี้คงได้แต่รีบนอนแล้วค่อยไปหาโคทาโร่กับมิยาจิซังวันพรุ่งนี้ล่ะนะ"

    "นายจะไปด้วย?" ยูยะเลิกคิ้วขึ้น "ไม่คิดว่าเพื่อนนายจะไปพักที่อื่นหรือไง?"

    "ก็คิดอยู่ แต่ฉันกะไปดูที่บ้านมิยาจิซังก่อนน่ะและจะได้ไปส่งนายให้ถึงที่ด้วย...จากที่เห็นมาเนี่ยถ้าปล่อยกลับเองดูเหมือนจะไม่ถึงบ้านชอบกล..." เนบุยะเอ่ยพร้อมมุดตู้หาฝูกในตู้

    "ฉันกลับบ้านเองได้น่า!" ยูยะทำหน้ามุ่ย

    "กลับได้น่ะได้ แต่ฉันรู้สึกว่าคงมีเรื่องลอยมาหาตลอดทางที่นายเดินกลับแน่" เนบุยะสวนกลับอย่างไม่ใส่ใจนัก "ยูยะ...ดูท่าฉันต้องนอนพื้นแทนแล้ว ฉันหาฟูกไม่เจอวะ"

    "ห้องก็ห้องนายทำไมหาไม่เจอเนี่ย?" ยูยะกรอดตาไปมา อย่างคนเริ่มขี้เกียจเถึยง

    "เรโอะมันเป็นคนเก็บให้น่ะ" เนบุยะส่งยิ้มแห้งๆ ให้

    "ไหน...ฉันลองค้นหน่อยสิ..." ยูยะถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนที่จะเดินไปรื้อในตู้ดู...และสามนาทีต่อมายูยะก็ลากฟูกอันหนึ่งออกมาจากตู้เก็บของ "...มันก็เก็บเรียบร้อยดีทำไมนายหาไม่เจอเนี่ย?"

    "...มันอยู่ส่วนไหนของตู้เนี่ย? ไหงเมื่อกี้ไม่ยักเห็น?" เนบุยะขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ...สายตาเขาก็ไม่ได้แย่นะ ทำไมถึงหาไม่เจอเนี่ย

    "ก็อยู่ด้านในสุดไง...แถมพับไว้ซะเรียบร้อยเหมือนของซื้อใหม่เลยด้วย" ยูยะเอ่ย "ถ้าให้เดาฉันว่านายคงมองเป็นก้อนอะไรขาวๆ แทนฟูกแหง"

    "คงงั้น" เนบุยะไม่เถียงว่าตนคิดอย่างนั้นจริงๆ "เอ้าๆ อย่าทำหน้าเหนื่อยใจแบบนั้นสิยูยะ...มาๆๆๆ ยังไงก็หาฟูกเจอแล้วเราก็รีบมานอนกันดีกว่า พรุ่งนี้จะได้รีบตื่นและไปโตเกียวกัน"

    "...เฮ้อ ตามแต่นายเถอะ" ยูยะคุมขมับพลางส่ายหน้าเล็กน้อย...เอาเถอะ ยังไงหมอนี่ก็ไม่ป่วน กวน ปวดตับเท่าพ่อเขาแล้วกัน!!!

     

     

     

     

     

    "เฮ้ย!!!" เสียงตะโกนดังลั่นเปล่งออกมาจากปากเด็กหนุ่มร่างโตเป็นการต้อนรับเช้าวันใหม่ เมื่อยามที่ลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วเจอสิ่งๆ หนึ่งอยู่ข้างๆ ตนแบบจะๆ "นายมานอนอะไรตรงนี้!!! จำได้เมื่อคืนนายยังนอนบนเตียงอยู่เลยไม่ใช่เหรอ!? เฮ้! ตื่นมาคุยกันเลยนะ! ยูยะ!!!"

    ...เตียงกับฟูกก็ใช่ว่าใกล้กันมากนะ! คงไม่มีทางกลิ้งตกเตียงมานอนบนฟูกเขาได้หรอก!!!...

    เนบุยะคิดในใจพลางพยายามตั้งสติเต็มที่ในเมื่อตอนนี้...มิยาจิ ยูยะดันมานอนกอดเขาแน่นจนขยับตัวไม่ได้นี่สิ!

    ย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อน เนบุยะที่งวยเงี่ยตื่นขึ้นมาเพราะมีอะไรบางอย่างมาแหย่จมูกจนรู้จั๊กจี้พร้อมกับกลิ่นหอมๆ ที่ลอยเข้ามา และนั้นทำให้เนบุยะค่อยๆ ลืมตาบึ้นขึ้นมา...พร้อมเจอภาพสุดซ็อกที่ชวนให้หน้าแดงวาบ หรือก็คือใบหน้าออกสวยของคนผมสีน้ำผึ้งในระยะประชิต!!! ก่อนที่ไม่กี่วินาทีต่อมาเนบุยะก็ได้หลุดร้องออกมานั้นเอง...

    ...จนสุดท้ายสถานการณ์ก็กลายมาเป็นอย่างในตอนนี้นี่แหละ

    "ขออีกห้านาที..." เสียงละเมอดังออกมาจากปากคนที่ยังไม่ยอมตื่น แถมยังซุกเข้าหาคนที่ตนใช้ต่างหมอนข้างมากกว่าเดิมอีก!

    "ไม่ได้! ตื่นเดี๋ยวนี้นะ!!!" เนบุยะหลุดร้องลั่น แต่...อนิจา คนที่โดนบอกให้ตื่นจมลงสู่ห้วงนิทราอีกรอบแล้ว

    ...นี่ตกลงหลับลึกขนาดไหนเนี่ย!?...

    เนบุยะเริ่มคิดหาวิธีใหม่ในการปลุกอีกฝ่าย...ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะหาน้ำมาราด บบเดียวกับที่เคยทำกับเพื่อนผมสีคาราเมลของตน...

    ...แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อยามที่เนบุยะกำลังจะลุกขึ้นยืน (แม้ถูกเกาะอยู่ก็ตาม) ยูยะดันละเมอแล้วเอาหน้าเข้าไปใกล้เนบุยะจนรู้สึกถึงลมหายใจร้อนๆ ...เล่นซะสติของคนโดนแทบเป็นศูนย์ในทันที

    "ตื่นสักที! ยู..." เนบุยะที่ดึงสติตนกลับมาได้เล็กน้อยรีบลุกขึ้นพรวด หมายจะสบับยูยะให้หลุดจากตน แต่...ดันพลาดเมื่อยังไม่ทันลุกสุดตัวก็เหยียบผ้าห่มลื่นแล้วล้มทับยูยะ...

    ...โดยที่ปากทั้งสองประกบกันพอดี

    เนบุยะในคราวนี้...ก็ถึงกับสิ้นสตินึกคิดไปโดยสบูรณ์เมื่อได้รับรสหวานจากริมฝีปากอีกฝ่ายและปล่อยให้ร่างกายเป็นไปตามสัญชาตญาญ ลิ้นสากเริ่มรุกล้ำเข้าไปในโพรกปากนุ่มนิ่มของคนผมสีน้ำผึ้ง มือสีเข้มค่อยๆ ล้วงเข้าไปในเสื้อที่หลวมโพรกของอีกฝ่ายอย่างช้าๆ

    "อ...อื้อ..." เสียงครางเบาๆ ของร่างผมสีน้ำผึ้งยิ่งเป็นเครื่องกระตุกสัญชาตญาญดิบของเนบุยะได้เป็นอย่างดี

    เนบุยะประทับจูบลงบนริมฝีปากยูยะนานเท่าไหร่นั้นเจ้าตัวไม่รู้หรอก แต่มารู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อได้ยินเสียงจดหมายร่วงลงกระทบกล่องจากหน้าห้องซึ่งเป็นตัวบ่งบอกเวลาตีห้านั้นเอง...และเมื่อสำนึกได้ว่าตนเองทำอะไรลงไปก็รีบถอนจูบออกด้วยใบหน้าแดงแจ๋ทันที

    ...ตายๆๆๆๆๆ! นี่เขา...นี่เขาทำอะรายลงปายยยยย!?! อ๊าก!!! มิยาจิซังรู้เข้าโดนฆ่าแน่!!!...

    "แฮ่กๆ ..." เสียงหอบเบาๆ ที่ดังขึ้นพร้อมกับดวงตาสีน้ำผึ้งที่ค่อยๆ ลืมขึ้นมาทำให้เด็กหนุ่มเอามือกุ่มหน้าตนเองด้วยความอับอาย "...อ...อา...โอ๊ย...ไหงเพิ่งตื่นแต่กลับรู้สึกเหนื่อยจังวะ? ...อ้าว! ไหงนายหน้าแดงเป็นลูกตำลึงแบบนั้นล่ะ!?"

    "ป...เปล่าๆๆๆ! แค่ร้อนน่ะ..." เนบุยะรีบปฏิเสธทันทีเมื่ออีกฝ่ายดูท่าจะไม่รู้ตัวว่าโดนขโมยจูบตอนหลับไปแล้ว "...ว่าแต่ไหงนายมานอนกับฉันได้เนี่ย? แถมยังปลุกยากอีก"

    "ก็บนเตียงมันหนาวฉันเลยย้ายมานอนกับนายเนี่ยแหละ" ยูยะบิดขี้เกียจเล็กน้อย "ส่วนที่ว่าปลุกยากนั้นก็ใช่อยู่หรอกถ้านายปลุกฉันก่อนตีห้า เพราะฉันเป็นพวกถ้าก่อนตีห้าจะปลุกยังไงก็ไม่ตื่นน่ะ...มีครั้งหนึ่งพี่พยายามปลุกฉันตอนตีสี่แล้วพอฉันตื่นมาเนี่ยเขียวเต็มตัวเลย เห็นบอกว่าฉันไม่ยอมตื่นเลยถีบฉันตกเตียงแต่พลาดถีบแรงไปหน่อยเลยกลิ้งทะลุห้องแล้วกลิ้งตกบันไดไปน่ะ"

    "...ถ้านายปลุกยากขนาดนั้นฉันว่าถ้าไฟไหม้บ้านนายคงตายคนแรกแหง" เนบุยะเอ่ยขึ้นมาอย่างอดไม่ได้...คนอะไรจะหลับลึกขนาดนั้น!

    "ฉันก็ว่างั้น" ยูยะยอมรับเลยว่าตนนั้นหลับลึกมาก...มากจนน่ากลัวชอบกล

    "ไม่ต้องมายอมรับหน้าตาเฉยเลย!" เนบุยะแยกเขี้ยวใส่ "รู้ว่าตัวเองหลับลึกยังกระดึบมานอนข้างฉันอีก! ถ้าฉันหน้ามืดกดนายขึ้นมาจริงๆ ล่ะก็ขำไม่ออกล่ะ!!!"

    ...ถึงเมื่อกี้เพิ่งขโมยจูบมาก็เถอะ...ยังดีที่รู้สึกตัวก่อนที่จะมีอะไรเกินเลยไปกว่านั้น! ไม่งั้นได้ตายของจริงแน่! ไม่อายตายก็โดนมิยาจิคนพี่หรือคนน้องนี่แหละฆ่าเอา!!!...

    "แต่ก็ยังไม่เกิดอะไรขึ้นนิ" ยูยะดูท่าจะไม่ใส่ใจเรื่งนี้นัก

    "แล้วจะรอให้เกิดเรื่องก่อหรือไงฟะ!?" เนบุยะเริ่มรู้สึกเหมือนตนเป็นพ่อเป็นแม่อีกฝ่ายขึ้นมาทุกทีแล้ว ณ ขณะนี้

    "น่าๆ คิดมากเดี๋ยวหัวล้านนะ..." ยูยะหยักไหล่น้อยๆ ก่อนที่จะรีบหนีแผล๊วเข้าไปในห้องน้ำทันที เพื่อไม่ให้โดนบ่นต่อ "...อีกอย่างคิดมากไปก็ใช่ว่านิสัยนี่ของฉันจะหายนี่หว่า!?"

    "ตัวไปยังอุตสาห์ส่งเสียงมาได้เนอะ!" เนบุยะโวยกลับพร้อมกับที่มีเสียงประตูห้องน้ำปิดดังตึงลอยมา ทำให้สุดท้ายเนบุยะทำได้เพียงนั่งคุมขมับและพยายามลืมเรื่องที่เกิดขึ้นให้ได้ไม่งั้นมีแววระหว่างนั่งชินคังเซนไปด้วยกันมองหน้าไม่ติดแหง

     

     

     

     

     

    "...ดูท่าพี่ฉันจะไม่ได้ฆ่าเพื่อนนายนะ หน้าบ้านสะอาดขนาดนี้เนี่ย" เด็กหนุ่มผมสีน้ำผึ้งเอ่ยกับคนร่างโตข้างๆ พร้อมมองสภาพหน้าบ้านตนที่ยังสะอาดหมดจดเหมือนตอนที่ตนออกจากบ้านไปเมื่อวาน

    "นั้นก็ถึงว่าดี..." เนบุยะที่ตอนนี้ทำหน้าที่เป็นเบ๊ (?) ถือกล่องไม้ให้ยูยะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกปนกับอึดอัดเล็กน้อยเมื่อ... "...แล้วนายจะจ้องฉันอีกนานไหมเนี่ย!?"

    "จนกว่านายจะเลิกหลบตาฉันนั้นแหละ! วันนี้เป็นไรวะหลบตาฉันตลอดเนี่ย!?" ยูยะเอ่ยอย่างหงุดหงิด

    "เปล่า! ไม่มีอะไร!" เนบุยะปฏิเสธเสียงสูง

    "ไม่เชื่อโว้ย! มองหน้าฉันดีๆ แล้วบอกสิวะว่าเป็นอะไร!?" ยูยะเขย่งและเอามือไปดึงหน้าอีกฝ่ายมาจ้องหน้าตน

    "ก็..." เนบุยะที่โดนดวงตาสีน้ำผึ้งสวยจ้องมองมาอย่างชัดเจนออกอาการกระอัดกระอวยพร้อมคิดหาข้อแก้ตัวอย่างด่วนจี๋ "...เมื่อเช้า...ตอนฉันปลุกนาย นายละเมอจนเกือบจูบฉันนี่หว่า!!!"

    ...แว๊ด! แก้ตัวบ้าอะไรของกูวะ!...

                   "..." คราวนี้เป็นยูยะที่อึ้งเสียเองก่อนที่หน้าจะเริ่มขึ้นสีชาดขึ้นมา "...เออ...งั้นเหรอ? โทษทีแฮะๆ"

    "ม...ไม่เป็นไร...เรารีบๆ เข้าไปด้านในเถอะ" เนบุยะกรอดตาหนีก่อนที่จะเอ่ยเปลี่ยนเรื่องไปเสียดื้อๆ

    "โอเคๆ" ยูยะที่ไม่อยากรื้อเรื่องนี้ขึ้นมาเช่นกันรีบเอากุญแจออกมาไขประตูบ้าน และรีบเข้าไปด้านในทันที "กลับมาแล้วครับ~~~ ...พี่หายไปไหนวะเนี่ย?"

    ...ปกติถ้าเขามาถึงพี่มักออกมารับอย่างรู้ทันทุกทีนี่หว่า?...

    "สงสัยยังไม่ตื่นมั้ง..." เนบุยะเดาๆ ดู ถึงรู้ว่าอย่างมิยาจิไม่น่าใช่คนที่จะสิบโมงแล้วยังไม่ตื่นก็เถอะ

    "หรือไม่ก็อาจป่วยจนลุกไม่ขึ้นล่ะนะ" ยูยะลองคาดการณ์อีกคนจากการที่ได้ฟังเสียงพี่ตนเมื่อวาน...เป็นไปได้สูงเลยว่าจะไม่สบายจนลุกไม่ขึ้นจริงๆ "เดี๋ยวฉันจะขึ้นไปดูพี่หน่อยนะ ส่วนนายไปรอในห้องรับแขกตรงนู้นเลย ถ้าหิวก็หยิบอะไรกินเองเลยแล้วกัน ห้องครัวอยู่ติดๆ กันนั้นแหละ อ๋อ! ส่วนไอ้กล่องนั้นเก็บไว้ตรงตู้ข้างทีวีในห้องรับแขกนะ"

    "ได้เลย" เนบุยะตอบรับก่อนที่จะเดินหายเข้าไปในห้องที่เจ้าของบ้านชี้ให้ไป และเมื่อเห็นว่าเนบุยะเดินเข้าไปแล้วยูยะก็พาร่างตนเองขึ้นไปชั้นบนซึ่งจุดหมายก็คือ...ห้องพี่ชายของตนนั้นเอง...

    ...และพอมาถึงยังจุดหมายยูยะก็ยกมือขึ้นเคาะประตูตามมารยาท...บวกกับกันพี่ของตนเองไม่ให้โยนอะไรมาใส่เพราะเข้าใจผิดว่าเป็นโจรนั้นเอง

    ก๊อกๆ

    "พี่...อยู่หรือเปล่า? ผมเข้าไปล่ะนะ...อ้าว? ใครเนี่ย?" เมื่อเด็กหนุ่มเปิดประตูเข้ามาก็พบกับภาพชวนงง...หรือก็คือภาพพี่ชายตนที่มุดผ้าห่มนอนซมอยู่บนเตียงกับเด็กหนุ่มผมสีคาราเมลที่มีแผลเต็มตัว ซึ่งยูยะรู้สึกเหมือนเคยเห็นที่ไหนสักที่แต่จำไม่ได้ว่าเป็นใครนั่งอยู่ข้างๆ เตียง

    "แฮะๆ สวัสดิ์ดี" คนผมสีคาราเมลโบกมือทักทาย

    "อ่า...สวัสดิ์ดี...ว่าแต่พี่เป็นไรเนี่ย? ป่วยหรือไง?" ยูยะถามขึ้นเมื่อเห็นพี่ตนนอนหมดสภาพบนเตียง...ตกลงว่าป่วยจริงๆ สินะ? และคนข้างๆ นี่คือคนที่เนบุยะมันเรียกว่าโคทาโร่หรือเปล่าหว่า?

    "แล้วแต่จะคิด..." มิยาจิ คิโยชิตอบอย่างขี้เกียจๆ ด้วยน้ำเสียงแหบแห้งจนน่าแปลก (พอดีร้องครางทั้งคืนน่ะ // s , ไปไกลๆ เลย! ยัยบ้า! // มิยาจิ)

    "ตอบดีๆ ก็ไม่ได้..." ยูยะกรอดตาไปมา...เอาเถอะเห็นแก่คนป่วย ดังนั้นวันนี้ไม่กวนดีกว่า "...งั้นเดี๋ยวผมไปทำข้าวต้มกับเอายามาให้พี่แล้วกัน ส่วนเพื่อนพี่เนี่ย...ไปฟัดกับหมาที่ไหนมาเนี่ย? เละซะ"

    "ไม่ได้ฟัดกับหมาสักหน่อย..." คนผมสีคาราเมลเอ่ยแก้ "...ก็แค่หลังจากลงชินคันเซ็นมาก็โดนกิ่งไม้กิ่งใหญ่ตกใส่หัว โดนหมาไล่กัด เกือบโดนปล้น เกือบถูกตู้กดน้ำล้มทับ เดินไปตกท่อยังดีที่ปีนขึ้นาได้ โดนรถเฉี่ยว เกือบโดนป้ายหล่นใส่ เกือบตกท่อ สะดุดขาตัวเองล้ม โดนลูกบอลของเด็กที่ไหนก็ไม่รู้ลอยมากระแทกหัวจนตกน้ำ พอขึ้นมาได้ก็ดันซวยโดนรถขยะคว่ำใส่และก็โดน..."

    "พอ! หยุด!!!" สองพี่น้องมิยาจิเอ่ยห้ามพร้อมกัน

    "ไอ้พอฟังอีกแล้วมันปวดขมับชิบ!" มิยาจิคนพี่เอ่ย

    "รอดมาได้ไงเนี่ย?" ยูยะยังอดปวดหัวไปด้วยไม่ได้ "ต้องเตรียมยามาสองชุดสินะเนี่ย"

    ...ให้ตายสิ...โดนขนาดนี้รอดมาได้ไงฟะ!?...

    "ไม่ต้องหรอก ฉันยังสบายดีน่า" คนที่สภาพปานมัมมี่เอ่ยอย่างลั้นลาจนน่าถีบเหลือหลาย

    "ใช่...อย่างเจ้านี่ไปหาทางแก้ซวยดีกว่า..." มิยาจิพูดพร้อมเขกหัวอีกฝ่าย

    "เขกหัวผมทำไมอ่ะครับ!?" คนโดนกระทำกุ่มหัวตนเอง

    "ข้อหาทำฉันปวดจิตไง" มิยาจิตอบหน้าตาเฉย

    "ง่า! ไม่มีเหตุผลเลย!" เด็กหนุ่มผมสีคาราเมลโวยกลับด้วยท่าทางเหมือนเด็กๆ

    "นี่แหละเหตุผลของฉัน" มิยาจิไม่สนใจเสียงโวยวายพร้อมกับขยี้หัวอีกฝ่ายเล่นอีกต่างหาก

    "เออ...ผมขอไปทำข้าวต้มล่ะ" ยูยะมองคนผมคาราเมลที่เถียงกับพี่ตนแบบไม่กลัวตายก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป

    ...ถึงป่วยก็ยังมีแรงเหลือหลายจังนะพี่...

    เด็กหนุ่มผมสีน้ำผึ้งนึกนินทาพี่ตนเองในใจเมื่อได้ยินเสียงโครมครามดังแววออกมาจากห้อง ก่อนที่จะตัดสินใจลงไปทำข้าวต้มโดยเมินเสียงโวยวายนั้นไป...แต่เมื่อลงมาถึงห้องรับแขกและกำลังจะเดินเลยไปในครัวก็มีความซวยลอยมาหาจนเจ้าตัวรู้สึกว่าตนไม่น่าลงมาเลย...

    ...เพราะทันทีที่เดินผ่านห้องรับแขกร่างสูงใหญ่ที่คุ้นหน้าดันดึงร่างของตนไปกอดน่ะสิ!!!

    "เฮ้ย! นายทำอะไรของนายเนี่ย!? เนบุยะ!" ยูยะโวยขึ้นมา...มันมากอดเขาทำไมวะ!? แถมสีหน้าดูแปลกๆ อีก!

    "..." คนโดนโวยไม่ได้ตอบอะไร แต่กลับอุ้มร่างเล็กกว่าในอ้อมแขนไปทิ้งที่โซฟาก่อนที่จะ...ขึ้นคล่อมบนตัวอีกฝ่าย

    "ท...ทำบ้าอะไรของนาย!? เนบุยะ! เฮ้! ตอบอ...อื้อ!?" ดวงตาสีน้ำผึ้งถึงกับเบิกกว้างเมื่อปากตนถูกปิดด้วยริมฝีปากของร่างที่อยู่เนี่ยตน!!!

    ...ว๊อททททท!?! นี่มันอะไรกานนนนน!?!?!...

    ความคิดอันตื่นตนกแว่บเข้ามาในหัวก่อนที่ดวงตาจะเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างบนโต๊ะหน้าโซฟา...นั้นคือบะหมี่กึ้งสำเร็จรูปที่ยูยะจำได้ว่าเป็นของพิลึกพิลั่นที่พ่อแม่เขาซื้อมานั้นเอง!!!

    ...ชิบหาย! มันกินบะหมี่ผสมยาปลุกเข้าไปเหรอวะเนี่ย!?...

    ยูยะหน้าซีดลงกว่าเดิมเมื่อรู้ว่าสาเหตุมาจากอะไร พร้อมกันนั้นเองลิ้นหนาก็เริ่มรุกล้ำเข้ามาในโพรงปากที่แม้เจ้าตัวพยายามเม้มปากแน่นแล้วแต่ก็ยังหาช่องทางเข้ามาจนได้ มือหนาข้างหนึ่งรวบมือทั้งสองของยูยะไว้เหนือศรีษะ ส่วนมืออีกข้างเริ่มลูบไล้ไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย...

    ...เด็กหนุ่มผมสีน้ำผึ้งผู้เริ่มรับรู้ถึงอันตรายต่อสวัสดิภาพตนที่ใกล้เข้ามาทุกทีอย่างเด่นชัดพยายามขัดขืนเต็มที่ แต่กลับไม่มีแรงมากพอที่จะถีบอีกฝ่ายออกห่าง ด้วยความที่ว่าเนบุยะจูบเก่งเหลือเชื่อจนเจ้าตัวแทบหายใจไม่ทัน แถมยังรู้สึกราวถูกสูบเรี่ยวแรงออกไปจนหมด

    ...และเมื่อเห็นยูยะใกล้ที่จะขาดใจตายนั้น เนบุยะจึงจำต้องถอนจูบออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนที่จะเลื่อนใบหน้าไปที่ลำคอเนียนของอีกฝ่าย

    "อึก!" ยูยะถึงกับสะดุ้งโหยงเมื่อฟันคมๆ ได้ฝังลงบนผิวหนังของตน เท่านั้นไม่พอมือข้างหนึ่งยังเริ่มล้วงเข้าไปในกางเกงแล้วด้วย!!! "ย...หยุดนะ!!! ปล่อยฉัน! ปล่อยฉันเซ่!!!"

    "..." เนบุยะมองร่างที่สั่นเทานิ่งๆ แต่ก็หาได้ทำเจ้าตัวหยุดการการทำของตนลงเลย ไม่สนแม้ดวงหน้าแลดูหวานจะอาบไปด้วยหยาดน้ำที่ไหลออกมาจากนัยน์ตาสีน้ำผึ้งไม่ขาดสาย

    "จ...เจ็บ..." ยูยะในยามนี้ยอมรับเลยว่า...รู้สึกกลัวมากๆ กับคนที่ยังกัดตามร่างกายของตนไม่หยุดและเริ่มจับส่วนสำคัญของเขาไว้ในมือ "ค...ใครก็ได้!!! ช่วยด้วย!!!"

    "แกทำบ้าอะไรของแกห๊า!? เนบุยะ!!!" เสียงคำรามราวสัตว์ป่าที่พิโรธดังขึ้นพร้อมกับ...โคมไฟตั้งโต๊ะลอยลงหัวของเนบุยะอย่างจัง แบบเล่นซะคนโดนสลบเหมือดไปในทันที "ออกห่างๆ น้องฉันนะเว้ย!!! ไอ้บ้า!!! อย่ามาเนียนแกล้งหลับนะเฟ้ย!!!"

    "เดี๋ยวๆ! มิยาจิซัง! เล่นโยนเข้าหัวเต็มๆ แบบนั้นไม่ได้แกล้งเนียนแล้ว! นั้นเอย์จังสลบจริงๆ ต่างหาก!!!" คนผมสีคาราเมลกอดเอวคนที่ทำท่าปานองค์ลงไว้แน่

    "สลบจริงไม่จริงช่างมันเซ่! มันบังอาจทำน้องฉัน! ฉันจะฆ่ามานนนนน!!!" มิยาจิดันหัวที่เกาะเอวตนอยู่ "ปล่อยฉันสิวะ! ฮายามะ!!!"

    "แว๊ด!!! หยุดก่อนครับ! มิยาจิซัง!" ฮายามะ โคทาโร่ที่ถูกคนผมสีน้ำผึ้งสะบับหลุดได้ในที่สุดรีบคว้าขาข้างหนึ่งของมิยาจิไว้ทำให้...

    โครม!!!

    ...คนโดนจับขาล้มหน้าทิ่มทันที

    "เจ็บนะเฟ้ย! ทำอะไรของนายฟะ!?" มิยาจิลูบหน้าที่กระแทกพื้นเต็มๆ ของตนเองก่อนจะแว๊ดตัวตนเหตุ

    "เหวอ! ขอโทษครับ!" ฮายามะหลบเท้าที่ถูกส่งมาอย่างชำนาญ ก่อนที่จะรวบจับขาทั้งสองข้างของมิยาจิไว้แน่น "ตอนนี้ผมว่ามิยาจิซังสนใจน้องมิยาจิซังก่อนเถอะครับ! อย่าเพิ่งฆ่าเอย์จังเลย!"

    "..." มิยาจิมองไปยังร่างของผู้เป็นน้องของตนที่ยามนี้ดวงหน้าอาบไปด้วยน้ำตา อีกทั้งยังตัวสั่นเทาอย่างดูน่าเป็นห่วงมากที่สุด "เฮ้อ...ก็ได้ เดี๋ยวฉันไปดูยูยะ ส่วนนายไปเอาเชือกแล้วมัดเนบุยะมันทีแล้วกัน"

    "รับทราบฮ๊าฟ!" ฮายามะขานรับอย่างรวดเร็วราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนไปเชือดเพื่อนร่างยักษ์ของตนอีกรอบแทน

    "ให้ตายเถอะ..." มิยาจิมองร่างคนผมสีคาราเมลที่วิ่งออกไปอย่างอ่อนใจ ก่อนท่จะลุกขึ้นยืนและเดินไปหายูยะ

    มิยาจิมองเนบุยะที่สลบอยู่อย่างเย็นชาก่อนจะผลักร่างที่ยังทับน้องชายตนตกโซฟาไป...ผลักแบบเต็มแรงด้วยแหน่ะ

    "นายไม่เป็นไรนะยูยะ?" มิยาจิทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ ยูยะพลางหยิบทิดชูมาเช็ดหน้าเช็ดตาอีกฝ่าย

    "คิดว่า...นะ..." ยูยะตอบด้วยเสียงสั่นนิดๆ  "...แล้วพี่ลงมาได้ไง? ป่วยอยู่ไม่ใช่เหรอ?"

    "ก็ได้ยินเสียงนายร้องไง...ส่วนเรื่องป่วยไม่ป่วยช่างมันเถอะ..." มิยาจิตอบ...ว่าตามจริงตอนได้ยินเสียงเนี่ยเขาแทบจะหยิบมีดที่เป็นของที่แม่เขาซื้อมาจากไหนไม่รู้เอามาปาเลยด้วยซ้ำ เพราะไอ้ตอนแรกคิดว่าโจรหื่นกามที่ไหนเสียอีก แต่กลับเป็นเนบุยะมันซะได้! เกือบเอามีดปาจริงๆ แล้วไง! "...ว่าแต่เนบุยะมันมาทำอะไรที่นี่หว่า? แถมยังทำตัวน่าฆ่าทิ้งแบบนี้อีก"

    "เออ...คือ..." เนบุยะเหลือบมองคนที่สลบอยู่อย่างสงสารนิดๆ ...ถึงมันเกือบกดเขาก็เถอะ แต่การโดนพี่เขาอาฆาตเนี่ยน่ากลัวเหลือหลายนะ! ถ้าโดนอาฆาตทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ได้ตั้งใจทำเรื่องแบบนี่เนี่ยน่าสงสารชิบเลย! "...ผมพามาเองแหละ พอดีเจอกันเมื่อวาน...ส่วนที่มันหื่นขึ้นมาเนี่ยเพราะไอ้บะหมี่ซวยบรรลัยกันนั้นแหละ"

    "...มันหยิบมากิน?" มิยาจิเริ่มคิ้วกระตุก

    "พอดีก่อนขึ้นไปหาพี่บนห้องบอกมันว่าถ้าหิวให้หยิบอะไรกินเองเลยน่ะ..." ยูยะส่งยิ้มแห้งๆ ให้คนที่เริ่มทำหน้าเหมือนไมเกรนขึ้น

    "แล้วมันซวยหยิบไอ้บะหมี่บ้านั้นมากินสินะ?" มิยาจิชักอยากร้องไห้แล้วสิ...เมื่อวานฮายามะเผลอกินจนกดเขา วันนี้ก็เนบุยะเกือบกดน้องเขาอีก! วันหลังต้องบอกพ่อแม่แล้วว่าอย่าซื้อของแบบนี้มาอีก!!! "ฉันว่าไอ้บะหมี่นี่...ควรเอาไปทิ้งจริงๆ แล้วล่ะ"

    "เดี๋ยวพ่อก็มางอแงอีกหรอก" ยูยะเดาได้เลยว่า...พ่อเขาที่เป็นคนซื้อมาต้องงอแงใส่ชนิดชวนปวดหัวเป็นที่สุดแน่

    "งั้นเอาไปใส่ตู้แล้วล็อกไว้?" มิยาจิเอ่ยต่อ

    "อาจจะได้..." ยูยะตอบอย่างเหนื่อย "...เรื่องไอ้บะหมี่ยี่ห้อซวยบรรลัยนั้นช่างมันก่อนเถอะ ตอนนี้จะเอาไงกับเนบุยะดีล่ะ?"

    "จับมัด รอให้ยาหมดฤทธิ์แล้วค่อยเค้นคออีกที" มิยาจิหักไม้หักมือแบบชวนสยองนิดๆ "เออ...ว่าแต่นายโดนมันทำอะไรบ้าง? จะได้คิดต้นคิดดอกกับมันถูก"

    "ไม่บอกได้เปล่าอ่ะ?..." ...กลัวพี่คิดต้นคิดดอกแล้วจะทำเนบุยะมันตายชอบกล

    "ไม่ได้" มิยาจิตอบกลับเสียงแข็ง

    "...ก็ได้ แต่พี่อย่าถึงขั้นฆ่าคนล่ะ" ยูยะสุดท้ายก็ยอมแต่โดยดี ด้วยความที่ไม่มีอารมณ์เถียงอะไรมากนัก

    "ได้ๆ ไม่เชือดมันก็ได้..." ...แต่จะทรมาณมันไหมนั้น แล้วแต่ความเหมะสม (?) อ่ะนะ

    "โอเคงั้น..." ยูยะเริ่มอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยใบหน้าที่ขึ้นสีแดงแจ๋ โดยมีมิยาจิที่เริ่มหน้าเหี้ยมขึ้นทุกขณะอยู่ข้างๆ ...ส่วนหน้าเหี้ยมขนาดไหนนั้นก็คงบอกได้แค่ว่าเมื่อฮายามะเดินเอาเชือกมาให้ตามคำสั่งถึงกับสะดุ้งโหยง ก่อนที่มิยาจิจะคว้าเชือกจากฮายามะไปมัดเนบุยด้วยตัวเองเท่านั้นแหละ

     

     

     

     

     

    ...อื้อ...ปวดหัวแฮะ...

    นี่ความรู้สึกแรกที่พุ่งเข้าหาฉันจากที่สติเริ่มกลับมาผสมกับความรู้สึกเจ็บตามเนื้อตามตัวชอบกล นั้นทำให้เจ้าตัวลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ...และแทบอยากสลบต่อทันทีเมื่อเจอรังสีอาฆาตจากคนผมสีน้ำผึ้งเต็มๆ!

    "ห้ามคิดจะแกล้งหลับต่อนะเว้ย!" เสียงแว๊ดดังขึ้นมาจากคนผมสีน้ำผึ้ง

    "พี่...อย่าเพิ่งทำท่าจะฆ่าเนบุยะดิ มันไม่ได้ตั้งใจก่อเรื่องสักหน่อย" เสียงของคนผมสีน้ำผึ้งอีกคนที่ยามนี้...ไปหลบอยู่นอกห้องด้วยท่าทางเหมือนคนไม่กล้าที่จะเดินเข้าไปในเขตอันตราย

    "จิตตกกับไอ้นี่จนหนีไปนู้นยังกล้าพูดเนอะ" มิยาจิ คิโยชิกรอดตาไปมากับน้องชายของตนที่ดูท่าจะไม่กล้าเข้าใกล้เนบุยะในตอนที่ตื่นแล้วเลย

                    "ช่างผมเถอะน่า" มิยาจิ ยูยะเบ้หน้าหนี

    "เออ..." เนบุยะที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาและเจอกับสิ่งสยอง (?) อย่างปุ๊บปั๊บเริ่มดึงสติกลับมาได้นิดๆ "...นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย? แล้วไหงฉันถูกมัดเนี่ย?"

    "...ตอบได้แค่ความซวยพุ่งเข้าหาแล้วกันนะเอย์จัง" คนผมสีคาราเมลที่ยืนข้างๆ มิยาจิได้เพียงแต่ส่งยิ่มแห้งๆ ให้เพื่อนตนที่ใกล้ถึงฆาต (?) เท่านั้น

    "ห๊า?" เนบุยะส่งเสียงร้องออกมาอย่างไม่เข้าใจ

    "ไม่ต้องมาหาเลยเฟ้ย! นี่แกจำได้ไหมว่าก่อเรื่องอะไรไว้ห๊า!?" มิยาจิหันมาแยกเขี้ยวใส่เนบุยะที่บัดนี้ถูกมัดปานดักแด

    "เออ...จำไม่ได้ครับ" เนบุยะออกอาการเหงื่อตก...รู้สึกเหมือนกำลังจะโดนเชือดยังไงไม่รู้แฮะ

    "นายจำได้ถึงไหนหื้อ?" มิยาจิถามต่อด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก

    "เออ...จำได้แต่พอเข้าห้องรับแขกไปแล้วเกิดหิวขึ้นมา เลยไปรื้อหาอะไรกินในห้องครัวแล้วเจอบะหมี่กึ้งสำเร็วรูปเข้า จากนั้นก็ต้มบะหมีกิน..." เนบุยะพยายามไล่เรื่องราวต่างๆ เท่าที่ตัวเองจำได้ออกมา "...พอกินบะหมี่ที่รสมันแปลกๆ ชอบกลเสร็จ ก็เห็นยูยะเดินลงบันไดมาเลยจะไปทัก...และหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นก็จำไม่ได้เลยครับ"

    "ถ้าให้เดา...นายซดหวบไปทั้งถ้วยเลยสินะ?" มิยาจิเริ่มพอเดาได้แล้วว่าทำไมเนบุยะถึงจำอะไรไม่ได้...ก็ขนาดเขากับฮายามะที่ไม่ได้กินส่วนน้ำไปด้วยกันเล่นซะขนาดนั้น! แล้วนี่กินมันจนไม่เหลือแม้หยดเดียวคงเหลือหรอก!

    "ครับ...ยกซดไปทั้งถ้วยเลยครับ" เนบุยะตอบ

    "...เข้าใจล่ะว่าทำไมหื่นนัก" ยูยะเบ้หน้าอย่าง...ปลงในความซวยของตนเองมากมาย

    ...รู้งี้ไม่น่าบอกให้มันหยิบไรกินเองเลย! ไม่นึกว่ามันจะซวยขนาดไปหยิบไอ้บะหมี่ยี่ห้อบ้าบอนั้น!...

    "ถึงรู้ว่านายตะกละ แต่ก็ไม่คิดว่าจะถึงขนาดนี้..." มิยาจิถอนหายใจออกมา "...ยังดีที่กินถ้วยเดียว ไม่งั้นวุ่นกว่านี้แน่"

    "มิยาจิซังๆ ...เท่านี้ถือว่าเอย์จังพ้นโทษ (?) ยังฮ๊าฟ?" ฮายามะถามขึ้นเมื่อเห็นท่าทีที่เริ่มอ่อนลงจนออกไปทางปลงของคนผมสีน้ำผึ้งทั้งสอง

    "เออๆ" มิยาจิตอบรับไป...ก็มันจำอะไรไม่ได้ คาดโทษไปก็เท่านั้นแหละ แถมอย่าตื้บไปมันก็คงมีแต่งงว่าไปตื้บมันทำไมแค่นั้น แถมมีแววเรื่องวุ่นวายตามมามากกว่าเดิมด้วย

    "งั้นปล่อยเอย์จังได้แล้วดิครับ?" ฮายามะเอ่ยถามต่อ

    "มันมีสติพอเล่าเรื่องได้เนี่ยถือว่าปล่อยได้แล้วล่ะ" มิยาจิเอ่ย ขณะที่ฮายามะไม่รอช้ารีบแกะเชือดที่มัดเพื่อนตนออกทันที

    "เฮ้ โคทาโร่ขอถามหน่อย...นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นเนี่ย? ไหงถึงจับมัดฉัน? แถมยูยะยังไปหลบซะไกลลิบอีก" เนบุยะเมื่อได้รับอิสระก็ถามกับเพื่อนผมสีคาราเมลทันที...ก็เขามั่นใจว่าไอ้เรื่องที่ตอนหลังจากที่เขาวูบไปเนี่ยเรื่องใหญ่ชัวท์ ไม่งั้นมิยาจิซังไม่จับเขามัดหรอก!

    "เอาง่ายสั้นๆ นะเอย์จัง..." ฮายามะเหลือบมองคนผมสีน้ำผึ้งทั้งสองที่มองมายังตน "...นายเกือบขืนใจน้องมิยาจิซังน่ะ"

    "ห๊า!?" เนบุยะแทบสติหลุดทันทีที่ได้ยินคำนี้หลุดออกจากปากผู้เป็นเพื่อนสนิกของตน

    "ไอ้บ้า! ใช้คำที่ดีกว่านี้ไม่ได้เหรอ!?" ยูยะโวยขึ้นเมื่อได้ยินคำที่ใช้อธิบายของคนผมคาราเมล

    "แต่มันก็ตรงที่สุดจริงๆ นะ...ถ้าฉันมาไม่ทันนายได้เสียครั้งแรกให้ไอ้นี่แน่" มิยายิชี้ไปที่เนบุยะ เป็นการบอกว่า 'ไอ้นี่' นั้นหมายถึงใคร

    "..." เนบุยะที่ได้ยินคำพูดของคนเป็นเจ้าของบ้านทั้งสองที่บ่งบอกว่าฮายามะพูดนั้นจริงถึงกับอ้าปากพะงาบๆ พลันใบหน้าก็เริ่มร้อนขึ้นจนเจ้าตัวแทบอยากระเบิดตายให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย "ไหงฉันหน้ามืดไปกดยูยะได้เนี่ย!?"

    "หน้าแดงเป็นลูกตำลึงเชียวนะนาย..." มิยาจิขำน้อยๆ กับคนที่ดูจะขี้อายกว่าที่คิด...ผิดกับหน้าตาเลยแฮะ "...เอาเป็นว่าที่นายอยู่ๆ หื่นไปกดยูยะนั้นมาจากบะหมี่ที่นายกินเข้าไปนั้นแหละ"

    "บะหมี่? เกี่ยวด้วยเหรอครับ?" เนบุยะเอ่ยถามอย่างงุนงง

    "เกี่ยวสิฟะ" ยูยะยื่นหน้าเข้ามาในห้องเล็กน้อย "ก็ไอ้ที่นายเอาไปกินน่ะเป็นของบ้าๆ บอๆ ที่พ่อแม่ฉันซื้อมาน่ะ..."

    "...และมันก็ผสมยาปลุกเอาไว้ด้วย" มิยาจิเอ่ยต่อจากน้องชายตน

    "...ใครก็ได้...เอาปิ๊บมาคลุมหัวฉันที!" เนบุยะเริ่มจะอยากร้องไห้แล้วสิงานนี้...

    ...น่าอายที่สุด! นี่เมื่อเช้าเขาเผลอลืมตัวจูบยูยะไม่พอ ยังมาเกือบขืนใจยูยะเพราะเผลอกินยาปลุกเข้าไปอีก!!! ว่าแต่ไอ้บะหมี่บ้านี่ซื้อมาจากไหนวะ!? พ่อรู้ล่ะก็จะไปเผาโรงงานซะให้!...

    "เย็นไว้ๆ อย่าทำท่าเหมือนจะระเบิดตัวเองตายดิ!" ฮายามะที่เห็นว่าอีกฝ่ายอยากมุดดินหนีอยู่ร่อมร่อแล้วรีบเอ่ยห้าม

    "ถ้าจะตายไปตามที่อื่น อย่ามาตายในบ้านฉันนะเฟ้ย!" มิยาจิแยกเขี้ยวใส่...เขายังไม่อยากให้บ้านเขากลายเป็นบ้านผีสิงนะเว้ย!

    "เย็นไว้เนบุยะ...ถ้านายระเบิดตัวเองตายระวังโดนคนที่ชื่ออาคาชิอะไรนั้นตามไปเล่นถึงนรกเอานะ" ยูยะที่ไม่อยากให้มีคนตายในบ้านเหมือนกันเอ่ย...ถ้ามีข่าวว่ามีคนอายจนตายในบ้านเขาสงสัยจะเป็นข่าวที่ฟังดูแปลกที่สุดในโลกแน่

    "แถมอาจมีพี่เรโอะตามไปด้วยนะเออ!" ฮายามะเอ่ยเสริม

    "...พูดซะเห็นภาพเลย" เนบุยะลูบหน้าตัวเองน้อยๆ เมื่อนึกภาพตามที่ยูยะกับฮายามะบอก...อื้อ ภาพสองคนนั้นตามมาถึงนรกเหรอ? ถ้าให้เดาเรโอะคงมายืนหน้ายักษ์พร้อมไม้ในมือเตรียมฟาดโดยข้างๆ มีอาคาชิที่ถือกรรไกรยักษ์พร้อมเจี๋ยน! นึกภาพรวมกันแล้วเนี่ยน่ากลัวสุดๆ! "ฉันว่าฉันยอมชักกระแด็กๆ ดีกว่าโดนสองคนนั้นตามถึงนรกแฮะ"

    "ถือว่าเป็นความคิดที่ฉลาดมาก...เพราะฉันเดาว่าถ้านายตายเพราะเรื่องแบบนี้สองคนนั้นไม่ยอมให้นายตายสบายแน่" มิยาจิส่ายหน้าไปมาอย่างขำๆ "เอ้าๆ ยังไงเรื่องบ้าบอนี่ก็จบแล้ว เรามากินข้าวเย็นเถอะ...ไม่ต้องทำหน้างงเลยเนบุยะ! นี่มันค่ำแล้วเฟ้ย!"

    "เอ๊ะ? ค่ำแล้ว?" เนบุยะทวนอย่างงงๆ ...เขาจำได้ว่าตอนมายังก่อนเที่ยงอยู่เลยนี่นา?

    "เอย์จังสลบนานยันค่ำน่ะ..." ฮายามะที่เห็นสีหน้างงๆ ของเพื่อนตนก็เริ่มอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น "...เมื่อเช้าตอนที่ฉันกับมิยาจิซังที่นอนเอวเคล็ด เอ้ย! นอนโทรมรอน้องมิยาจิซังที่บอกว่าจะลงมาทำข้าวต้มอยู่ ก็ได้ยินเสียงร้องน่ะ...จากนั้นมิยาจิซังก็วิ่งลงมา และพอเห็นเอย์จังหื่นกดน้องมิยาจิซังอยู่ก็เอาโคมไฟปาใส่หัวเต็มๆ น่ะ ดูท่าจะเลือดขึ้นหน้าแบบลืมแก่ด้วย โอ๊ย! มิยาจิซังตีหัวผมทำไมอ่ะ!?"

    "ก็ว่าใครแก่ฟะ!?" มิยาจิแยกเขี้ยวใส่คนที่หาว่าตนแก่

    "มิยาจิซังไง...อย่างน้อยก็แก่กว่าผมล่ะ" ฮายามะตอบไปตามตรง...ซึ่งสิ่งที่ได้ต่อมาคือพระบาทาที่ถูกส่งมาอย่างแม่นยำ

    "เดี๊ยวๆ เดี๋ยวได้ตายก่อนแก่แน่แก!" มิยาจิหักไม้หักมือเตรียมตื้บคนที่พูดไม่คิดตามปกติ (?)

    "เออ...อย่าเพิ่งตื้บโคทาโร่มันเลยครับมิยาจิซัง..." เนบุยะเอ่ยห้าม "...ตอนนี้ผมมีเรื่องอยากถามก่อนน่ะครับ...ว่าผมทำอะไรยูยะมากหรือเปล่า? แล้วโคทาโร่มันไหงแผลเต็มตัวแบบนั้นล่ะครับ?"

    "หื้อ? เรื่องนั้นน่ะเหรอ?" มิยาจิละจากภารกิจตื้บคนรักตน (?) และเดินไปลากผู้เป็นน้องชายตนมายืนประจันหน้กับเนบุยะ...ซึ่งแน่นอนตอนที่ถูกลากมานั้นดิ้นพล่านๆ เลยล่ะ "ดูเอาเองแล้วกัน และสำนึกผิดด้วยล่ะ"

    "ไอ้พี่บ้า! คิดจะทำอะไรเนี่ย!?" ยูยะโวยลั่นพร้อมพยายามดิ้นให้หลุดจากมืออีกฝ่าย

    "น่าจะเดาออกนิ? หรือนายอยากให้อธิบาย 'อย่างละเอียด' แทนล่ะ?" มิยาจิถามกลับ...

    "..." ...และนั้นทำให้ยูยะหยุดดิ้นได้ในทันที เพราะถ้าเทียบกันแล้ว...ไอ้นี่ดูน่าอายน้อยกว่าเยอะ!

    ...เอาเถอะ พี่อยู่ด้วย ถ้าไอ้นี่หื่นขึ้นมาอีกคงช่วยเขาได้อยู่มั้ง?...

    "เออ...ลากยูยะมาทำไมครับ?" เนบุยะถามขึ้นมา เมื่อมิยาจิจับยูยะมายืนตรงหน้าตน

    "เอามาเป็นตัวอย่างน่ะ" มิยาจิตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจก่อนร้นคอเสื้อของยูยะลง...ทำให้เห็นรอยฟันที่เขียวช้ำบนคอเนียนของเจ้าตัว "และนี่เป็นหนึ่งในสิ่งที่นายทำไงล่ะ"

    "...นี่ผมทำ?" เนบุยะออกอาการอึ้งทันที เนื่องจากดูจากบาดแผลแล้วตอนกัดน่าจะแรงมากเลย

    "ใช่น่ะสิ แถมนายเล่นซะยูยะจิตตกเลยด้วย" มิยาจิเอ่ยพลางปล่อยมือจากร่างที่ตนจับให้มายืนหน้าเนบุยะ...และเพียงไม่ถึงสามวิยูยะก็ทำการเปลี่ยนพี่ชายตัวเองเป็นโล่เรียบร้อยแล้ว

    "..." เนบุยะมองคนที่ดูท่าจะจิตตกของจริงแล้วรู้สึกผิดจนอยากให้เพื่อนผู้สาวแตกของตน (?) เทศนาเสียสักทีจริงๆ "...ขอโทษที ไม่รู้ตัวจริงๆ ง่ะ"

    "ก็รู้ว่าไม่ได้ตั้งใจ แต่มันจิตตกวะ" ยูยะตอบกลับไป

    "ยูยะคงไม่กล้าเข้าใกล้นายจนกว่าจะหาเรื่องที่ชวนจิตตกกว่าได้อ่ะนะ" มิยาจิยักไหล่แบบไม่มีวี่แววเห็นใจเนบุยะเลย แถมยังดูเหมือนจะสมน้ำหน้าอีก...

    ...หึ! ดี! อยากมาทำน้องฉันนัก! ขอแกล้งหน่อยเถอะ!...

    "...แปลว่าผมต้องรอจนกว่ายูยะจะหายจิตตกเหรอครับ?" เนบุยะเอ่ยถามมิยาจิ

    "ถูก" มิยาจิตอบกลับสั้นๆ

    "งั้นถ้าพ่อของมิยาจิซังโทรมา ยูยะก็หายจิตตกสิครับ? เห็นบอกว่าปวดจิตพอดูเลย" เนบุยะถามจนใกล้เป็นเจ้าหนูจำไมขึ้นทุกที (?)

    "อย่างพ่อเรียกชวนสติแตกดีกว่า" มิยาจิที่ได้ยินเรื่องพ่อตัวเองถึงกับหมดอารมณ์แกล้งเลยทีเดียว (?)

                   "...แปลกว่าปวดจิตตกมากสินะครับ? พูดถึงปุ๊บทำหน้าเหมือนไมเกรนขึ้นทั้งคู่เลย" ฮายามะที่เงียบมานานมองสองพี่น้องมิยาจิที่...ทำท่าเหมือนเจอเรื่องปวดหัวที่สุดในโลกมา

    "นายลองเจอดูก็จะรู้..." มิยาจิเอ่ยสั้นๆ ก่อนที่จะชะงักเล็กน้อย "...คิดอีกที อย่าดีกว่า ถ้านายเจอพ่อฉันแล้วติดนิสัยกันมาอีกคนปวดหัวตายเลย...ยิ่งนิสัยใกล้เคียงกันอยู่แล้วด้วยเนี่ย"

    "ไหงว่างั้นอ่ะครับ!" ฮายามะทำแก้มป่อง

    "ไม่ต้องทำท่างอนเลย ทำไปก็ดูไม่น่ารักหรอก" มิยาจิเหน็บคนผมสีคาราเมลนิดๆ ก่อนมาให้ความสนใจกับเนบุยะต่อ "เรื่องยูยะได้คำตอบแล้วนะ? ส่วนเรื่องที่ฮายามะมันสภาพปานหมาฟัดเนี่ยบอกได้คำเดียวว่ามันดวงตกอย่างหนักแล้วกันและฉันไม่ได้ตื้บอะไรมันเพิ่มจนอยู่ในสภาพนี่นะ"

    "ไม่ได้ซวยสักหน่อยครับ!" ฮายามโวยขึ้นมา "แค่หลังจากลงชินคันเซ็นมาก็โดนกิ่งไม้กิ่งใหญ่ตกใส่หัว โดนหมาไล่กัด เกือบโดนปล้น เกือบถูกตู้กดน้ำล้มทับ เดินไปตกท่อยังดีที่ปีนขึ้นาได้ โดนรถเฉี่ยว เกือบโดนป้ายหล่นใส่ เกือบตกท่อ สะดุดขาตัวเองล้ม โดนลูกบอลของเด็กที่ไหนก็ไม่รู้ลอยมากระแทกหัวจนตกน้ำ พอขึ้นมาได้ก็ดันซวยโดนรถขยะคว่ำใส่และก็โดนนักเลงไถ่เงินยังดีหนีได้ เกือบโดนมีดที่ลอยมาจากไหนไม่รู้ปักหัว แล้วก็..."

    "พอ! พอก่อน! นี่มันไม่เรียกแค่แล้ว! นี่มันอภิมหาซวยชัดๆ! นี่ขนาดเล่าเฉพาะที่จำได้ให้ฟังยังเยอะขนาดนี้! ถ้าเล่าทั้งหมดไม่ปาไปเป็นวันเหรอฟะ!?" เนบุยะโวยใส่เพื่อนของตนที่ทำหน้าแป้นแล่นอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว "และนี่ยังเห็นเป็นเรื่องเล่นๆ อีก! มันน่าจับไปให้เรโอะกับอาคาชิสั่งสอนจริงๆ!"

    "แฮะๆ รู้ด้วยเหรอว่าเล่าไม่หมดอ่ะ?" ฮายามะเริ่มส่งยิ้มแห้งๆ ให้อีกฝ่าย เป็นการบอกนัยน์ๆ ว่า 'ห้ามฟ้องพี่เรโอะกับอาคาชินะ!'

    "ก็รู้จักแกมากี่ปีแล้วห๊า!?" เนบุยะแยกเขี้ยวใส่

    "เดี๋ยวๆ ที่พูดมานี่แสดงว่า...ยังบอกไม่หมด?" มิยาจิเริ่มเครียดกับแฟนหน้ามึนของตนเองขึ้นมานิดๆ

    "ใช่ฮ้าฟ...พอดีจำได้แค่นี้อ่ะ" ฮายามะตอบไปตามตรง

    "เนบุยะ...สิ้นปีนี้นายสนใจไปทำบุญไหม? ฉันมีศาลดีๆ แนะนำให้ ลากไปให้หมดทั้งทีมเลยนะ โดยเฉพาะเจ้านี่กับมายุสุมิมันน่ะ" มิยาจิเอ่ยขึ้นมาอย่างปวดจิตเหลือหลาย

    "ก็ว่าจะไปอยู่ครับ..." เนบุยะยิ้มแห้งๆ ให้กับมิยาจิที่ดูท่าอยากกินพาราสักกำ "...ก็ช่วงนี้ซวยยกทีมเลยนี่นา อาคาชิเลยกะจะพาไปอยู่แล้วครับ ถ้ายังไงก็ลองให้มิโดริมะคุยกับอาคาชิหาศาลเจ้าดีๆ ให้แล้วกันครับ"

    "...ดูท่าไม่ใช่แค่ทีมเราที่ซวยยกทีมแฮะ" มิยาจิเอ่ยอย่างจิตตกมากมาย

    "ทำใจเถอะพี่" ยูยะที่ดูท่าจะเริ่มปลงขึ้นมาได้ถอนหายใจออกมาเบาๆ

    "คำพูดนายจะดูน่าเชื่อถือว่านี่ถ้านายเลิกหลบหลังฉันนะยูยะ" มิยาจิเหน็บคนที่เกาะหลังตนไม่ปล่อยนิดๆ

    "ช่างผมเถอะน่า" ยูยะทำหน้ามุ่ย

    "เอาน่าๆ อย่าเครียดกันดิ" ฮายามะที่ลั๊นล้าได้อยู่คนเดียวปลอบแต่ล่ะคนที่ทำหน้าเครียด "คิดแง่ดี...ความซวยคงหมดไปแล้วมั้ง? จากนี้คงไม่ซวยแล้วล่ะ!"

    "ถ้าความซวยไปจริงขอให้พ่อฉันโทรมาหาให้ฉันจิตตกแทนที่จิตตกเรื่องเนบุยะมันแล้วกัน!" ยูยะเอ่ยแบบประชดนิดๆ กับคนที่ดูร่าเริงที่สุดในหมู่ แต่แล้ว...

    กริ้งงงงงงง!!!

    ...เสียงโทรศัพท์ขนาดพกพาของยูยะก็ดังขึ้นพอดี ทำให้เจ้าของเจ้าเครื่องที่กำลังส่งเสียงอยู่นั้นล้วงมันออกมาจากกระเป๋ากางเกงและ...แทบอยากลมจับเมื่อเห็นว่าใครโทรมา

    "พี่...รับสายแทนหน่อย ไม่อยากปวดจิต" ยูยะยื่นโทรศัพท์ให้พี่ชายของตน

    "เรื่องสิ! นายนั้นแหละ!" มิยาจิที่เห็นว่าใครโทรมารีบยื่นโทรศัพท์คืนทันที

    "ไม่เอาอ่ะ! ผมไม่ยอมปวดหัวคนเดียวแน่!" ยูยะส่ายหน้าวืด

    "เอางี้! พบกันครึ่งทาง! เปิดลำโพงให้ปวดจิตทั้งคู่เลย!" มิยาจิเอ่ยออกมา

    "ดี!" ยูยะรีบพยักหน้ารับก่อนที่พี่ชายตนจะเปลี่ยนใจ

    "เออ...ไม่คิดถามพวกผมบ้างเหรอครับ?" เนบุยะกับฮายามะที่มองมิยาจิทั้งสองที่เถียงกันมาตลอดเอ่ยถามขึ้น

    "ไม่!" มิยาจิสวนกลับทันที "ถือเป็นการลงโทษพวกนายแล้วกัน! โดยเฉพาะเนบุยะ! ห้ามหนีจนกว่าจะวางสายนะโว้ย!"

    "ครับ..." เนบุยะที่มีชนักติดหลังได้แต่ตอบรับไปเช่นนี้

    "ดีมาก! ส่วนฮายามะ...จะฟังจบไม่จบช่างมัน! อย่าคิดพิเรนท์ป่วนตามก็พอ!" มิยาจิกวาดตามองคนผมสีคาราเมลที่ตอนนี้...มานั่งคุกเข่าต่อหน้าตนปานหมาน้อยแล้ว

    "รับทราบครับผม!" ฮายามะตอบรับอย่างร่าเริง

    "นี่! คุยกันเสร็จแล้วใช่ไหม?!" ยูยะถามขึ้นมา "งั้นผมจะรับสายล่ะนะ!"

    "เออ! เสร็จแล้ว! รับสายเลย!" มิยาจิตอบรับไป

    "โอเค!" ยูยะรีบกดรับสายและกดเปิดลำโพงทันที "โมชิโมชิ..."

    'ยูจางงงงงง ไหงรับช้าจังลูก?' เสียงที่สุดแสน...บ่งบอกว่าติดลูกสุดๆ ดังลอดผ่านสายมา ทำเอาคนที่ไม่ใช่คนในบ้านมิยาจิทั้งสองเกิดอาการเอ๋อกินกันทั่วหน้า

    "คิดว่าทำไมก็อย่างนั้นแหละครับ" ยูยะตอบกลับไปอย่างกำกวม "แล้วโทรมาเนี่ยมีอะไรครับ?"

    'อ๋อ~~~ ไม่มีอะไรมากหรอก แค่ตอนนี้พ่อกับแม่อยู่ส่วนไหนของทะเลทรายไม่รู้อ่ะ~~~~ แล้วเจอพีรามิชแปลกๆ พอเข้าไปเจอมัมมี่เป็นฝูงไล่ด้วยล่ะ! ตอนนี้แม่เขากำลังชำแหละดูว่าด้านในมีอะไรอยู่ล่ะ...เลยจะถามว่าอยากได้หัวมัมมี่สักหัวสองหัวไหม? เดี๋ยวเอาไปฝาก'

    "...อย่าเอาของแบบนั้นออกมานอกโบราณสถานเลยครับ ว่าแต่มัมมี่มันโผล่มาไล่ได้ไงครับ!? นี่ไม่ใช่ในหนังนะ! ถึงจะมีมัมมี่ได้เนี่ย!" ยูยะนึกภาพไม่ออกเลยพ่อแม่ตนไปหลงอีท่าไหนถึงไปเจอพีรามิแถมมัมมี่เนี่ย!

    'ไม่รู้อ่ะ...อ๊ะ! แต่ดูเหมือนใกล้จะได้รู้แล้วล่ะ แม่เขาจับเจ้าของมัมมี่มาเค้นคอได้แล้ว อ่ะ! ว้าว! คุณเจ้าของมัมมี่มีปืนด้วยแหละ! ให้เอาไปฝากไหม!?'

    "เอาตัวเองกันให้รอดก่อนเถอะ! ทางนู้นมีปืนนะ!" มิยาจิกับยูยะแว๊ดใส่ปลายสายพร้อมๆ กัน...ให้ตายสิ! พ่อโทรมาแต่ล่ะทีทำไมไม่ใช่เรื่องปกติๆ บ้างเนี่ย!?

    'เอ๋? มีปืนแล้วทำไมอ่ะ? ก็เห็นแม่เขาเอาอิฐปาใส่จนถือปืนไม่ได้แล้วนิ? และตอนนี้แม่เขาก็เริ่มเค้นคอแบบจริงจังแล้วด้วย'

    "...ผมขอออกไปกินน้ำนะครับ จะเอาน้ำด้วยไหมครับ? มิยาจิซัง?" ฮายามะที่เริ่มปวดจิตตามขึ้นมาเอ่ยถาม

    "ก็ดี..." มิยาจิตอบรับเสียงเหนื่อยๆ

    "ขอด้วยคน เอาผ้าเย็นในตู้มาให้ด้วยก็ดีนะ" ยูยะถอนหายใจออกมาเบาๆ

    "เผื่อฉันด้วย" เนบุยะที่โดนสั่งให้นั่งฟังจนกว่าปลายสายจะวางสายไปทำหน้าราวกับวิญญาณใกล้ออกจากร่าง

    'อ้าว? วันนี้มีเพื่อนมาเที่ยวบ้านเหรอ? จากที่ฟังไม่น่าใช่คิมุระคุงสินะ? เพื่อนใหม่เหรอ? วันหลังแนะนำให้พ่อรู้จักบ้างสิ!'

    'เฮ้! คุณ! มัวคุยอะไรอยู่ล่ะนั้น!?'

    'คุยกับลูกอยู่จ้าตัวเธอ~~~'

    'อ๋อ โทรไปให้ลูกจิตตกเล่นว่างั้น?'

    'ไหงว่างั้นอ่ะ! แบบนี้เค้าน้อยใจนะ!'

    '...ถ้ายังไม่เลิกเล่นแม่จะจับไปน้อยใจกับมัมมี่ในหลุมเสียนิ! เลิกทำเสียงกวนประสาทแล้วเอาโทรศัพท์มานี่!'

    'จ้าเมียจ๋า~~'

    'ขอล่ะ หยุดทำปัญญาอ่อนใส่สักทีเถอะ...โหลๆ ปลายสายนี่คิโยชิหรือยูยะ?'

    "ทั้งคู่ครับ ตอนนี้เปิดลำโพงอยู่น่ะครับ" มิยาจิตอบผู้เป็นมารดาตนอย่างเกรงอกเกรงใจมากกว่าตอนพูดกับพ่อตนเยอะ!

    'โอเค แล้วเมื่อกี้ปวดจิตกับพ่อเขาไปเยอะยัง?'

    "เยอะแล้วครับ...เยอะจนเพื่อนผมทนไม่ไหววิ่งออกไปแล้วด้วยครับ" มิยาจิตอบพลางมองไปทางประตูที่ก่อนหน้านี่คนผมสีคาราเมลวิ่งออกไปโดยอ้างว่าจะไปกินน้ำ และตอนนี้ยังไม่กลับมาเลยทั้งๆ ที่ห้องครัวอยู่ข้างๆ เอง

    'สมควรล่ะ...'

    "เออ แม่ครับ...ขอถามหน่อยนะครับ ที่เมื่อกี้พ่อบอกว่าไปตื้บมัมมี่เนี่ย..." ยูยะเอ่ยถามประเด็นเริ่มแรกที่ผู้เป็นพ่อเริ่มไว้ เพื่อจะได้รู้เรื่องรู้ราวสักทีว่าความจริงเป็นไงกันแน่ "...ช่วยอธิบายให้หมดตั้งแต่ต้นยังจบด้วยครับ"

                   'อ๋อ ไม่มีอะไรมากหรอก แค่แม่กับพ่อเดินหลงกลุ่มในทะเลทรายน่ะแล้วพ่อเขาไปเจอโอเอซิสเข้าก็เล่ยตกลงว่าจะพักที่โอเอซิสน่ะ และจากนั้นคงรู้กันดีว่าพ่อเขาก็จะวิ่งพร่านไปทั่วยังกับเด็กไปเที่ยวสวนสนุกอย่างทุกทีนั้นแหละ จนไปเจอพีระมิชแปลกๆ เข้า แม่กับพ่อเลยเข้าไปสำรวจและเจอไอ้มัมมี่ซังกะบ๊วยเป็นฝูงกรูเข้ามาหาน่ะ แม่เลยจัดการตื้บซะและตื้บๆ ไปก็เจอตาแก่เจ้าของมัมมี่เข้าและพอจะเค้นคอก็ดันเอาปืนมาจ่ออีก แม่เลยเส้นกระตุกเอาอิฐซัดเปรี้ยงเลย...ยังดีที่ตั้งสติขว้างใส่มือแทนหัวได้ทัน ไม่งั้นได้เก็บศพคนแก่แน่ จากนั้นถึงรู้ว่าไอ้พีระมิชนี่เป็นบ้านคน ส่วนไอ้มัมมี่นั้นเป็นหุ่นกระป๋องอะไรสักอย่างที่ทำรูปร่างให้เหมือนมัมมี่น่ะและที่พวกมัมมี่กระป๋องกรูเข้าหาเนี่นเพราะเข้าใจผิดว่าแม่กับพ่อเป็นขโมยน่ะ...'

    "...และกว่าจะรู้เรื่องแม่ก็ทำบ้านเขาเละแล้วสินะครับ?" ยูยะเดาชะตากรรมของบ้านที่แม่ตนไปถล่มได้เลยว่า...คำว่าเละยังน้อยไปด้วยซ้ำ

    'ถูก แต่ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวแม่ซ่อมคืนให้แน่'

    'เดี๋ยวเค้าช่วยนะที่รักจ้า~~~'

    'คุณไปนั่งเงียบๆ ตรงนู้นเลย!'

    "เออ...แม่ครับ อย่าเพิ่งฆ่าพ่อนะครับ เดี๋ยวปรโลกจะวุ่นวายเพราะพ่อไปป่วนเอา" มิยาจิเอ่ย

    'ก็จริง...เออ! จริงสิ! พวกลูกอยากได้ของฝากอะไรไหม? เดี๋ยวแม่จะขอจากเจ้าของมัมมี่นี่'

    'จะเอาอะไรก็เอาไปครับ กรุณาอย่าพังบ้านกระผมมากกว่านี้พอ! แค่นี้จะไม่มีที่ซุกหัวนอนแล้ว!'

    "...พวกผมไม่เอาอะไรหรอกครับ สงสารคุณเจ้าของมัมมี่เขา" คนผมสีน้ำผึ้งทั้งสองแทบพูดเป็นเสียงเดียวกันเมื่อได้ยินเสียงคร่ำครวญของชายคนหนึ่งลอดผ่านสายมาอย่างชัดเจน

    'น่าๆ ลูก เอาสักอย่างเถอะน่า...ถือเป็นการเอาคืนที่มันทำปากกาแม่พัง'

    "ปากกาที่แม่ใช้จำได้ว่ามาจากร้านห้าเยนไม่ใช่เหรอครับ? กลับมาซื้อใหม่ง่ายกว่าหรือเปล่า?" มิยาจิเอ่ยถาม

    'ก็ใช่ แต่แม่ชอบด้ามนี่นิ...ไม่รู้ล่ะ ลูกๆ ช่วยบอกว่าอยากเอาสักอย่างเถอะ แม่ไม่รู้จะเอาอะไร'

    "พวกผมก็นึกไม่ออกเหมือนกัน" มิยาจิไม่รู้ว่าควรจะเอาอะไรจากทะเลทรายเหมือนกัน

    "แล้วแม่ทำไมไม่ถามพ่อล่ะครับ?" ยูยะถามขึ้น

    'ไอ้บะหมี่ผสมยาปลุกคราวก่อนยังไม่ชัดอีกเหรอว่าทำไมแม่ไม่ถามพ่อ?'

    "โอเคครับ ชัดสุดยอดเลยครับว่าทำไมไม่ถามพ่อ..." ...เพราะมันจะนำปัญหามาให้ในภายหลังเหมือนที่พวกเขาโดนเนี่ย!

    'เข้าใจก็ดี...แล้วตกลงอยากได้อะไรล่ะ? ถ้านึกไม่ออกถามเพื่อนลูกก็ได้นะ ได้ยินพ่อเขาบอกว่ามีเพื่อนมาบ้านนิ?'

    "อา...ครับ..." มิยาจิตอบรับไปก่อนที่หันไปหาเนบุยะ "...นี่เนบุยะ...นายอยากได้อะไรจากทะเลทรายหรือเปล่า?"

    "เอ๊ะ? ถามผม?" เนบุยะชี้ที่ตัวเองอย่างเอ๋อๆ

    "ก็นายน่ะสิ" มิยาจิกรอดตาไปมา

    "ทำไมต้องเป็นผมล่ะครับ?" เนบุยะชักอยากร้องไห้แทนเจ้าของบ้านที่แม่มิยาจิไปถล่มขึ้นมาตงิดๆ ...อา ถ้าเขาขอยากเกินไปคุณคนดวงซวยนั้นคงไม่โดนใช้ให้ไปตามหาของที่เขาต้องการหรอกนะ?

    "เพราะฮายามะมันหนีไปแล้วไง และพวกฉันก็นึกไม่ออกแล้วด้วยว่าจะเอาอะไร" มิยาจิเอ่ยพลางส่งสายตาให้เนบุยะว่า 'บอกอะไรก็บอกไปเถอะ! อย่าลีลา!'

    "เออ...งั้น..." เนบุยะพยายามคิดว่าอะไรจะเป็นของที่คนดวงซวยคนนั้นซวยน้อยที่สุด "...เอามัมมี่กระป๋องที่ว่านั้นสักตัวแล้วกันครับ"

    "เอาแบบให้คนที่ซวยไปมีเรื่องกับแม่ลำบากน้อยสุดสินะ?" มิยาจิหัวเราะเบาๆ ก่อนที่จะหันไปพูดสายกับแม่ของตนต่อ "ได้ยินแล้วใช่ไหมครับ?"

    'ชัดเลย งั้นเดี๋ยวแม่เอามัมมี่ติ๊งต๊องนี่ไปฝากนะ งั้นแค่นี้ล่ะ แม่จะไปซ่อมบ้านให้ตาแก่นี่ก่อนที่น้ำตาจะไหลหมดตัวเนี่ย'

    "ครับ" มิยาจิกับยูยะขานรับก่อนที่ปลายสายจะตัดไป

    "เฮ้อ โชคดีคราวนี้แม่มาแย่งโทรศัพท์พ่อได้เร็วนะเนี่ย ไม่งั้นปวดจิตกว่านี่แหง" ยูยะถอนหายใจออกมา

    "นั้นสิ...ถ้าช้ากว่านี้มีหวังต้องไมเกรนขึ้นอีกรอบแหง" มิยาจิมองเนบุยะที่...ทำหน้าหน่ายสุดๆ "ไง...รู้ถึงความปวดจิตของพ่อฉันไหม?"

    "รู้ครับ...ถึงกึ๋นเลยด้วย..." ...จนอดคิดไม่ได้เลยว่าโชคดีจริงๆ ที่สองคนนี้ติดแม่มาทั้งคู่เนี่ย!

    "มิยาจิซัง...เสร็จยังอ่ะ?" หัวสีคาราเมลค่อยๆ ยื่นหน้าเข้ามาดูในห้อง

    "เสร็จแล้ว" มิยาจิมองคนที่ดูจะจิตตกหนักอย่างขำๆ "แต่...นึกไม่ถึงนะเนี่ยว่านายจะหนี คิดว่าประมาณเดียวกัน จะเข้ากันได้เสียอีก"

    "ผมว่าผมไม่ขนาดลั้นลาได้แบบนั้นนะครับ" ฮายามะยอมรับว่างานนี้ยอมยกธงขาวให้เลย

    "ถ้านายขนาดพ่อฉันได้เนี่ยฉันถีบนายตกท่อไปนานแล้ว" มิยาจิหัวเราะเบาๆ

    "มิยาจิซังอ่ะ!" ฮายามะทำแก้มป่อง

    "...คริสมาสปีนี้โคตรซวยเลยเนอะว่าไหม?" ยูยะมองภาพความวุ่นวายระหว่างพี่ตนกับคนผมสีคาราเมลอย่างดหนื่อยใจนิดๆ ...หวังว่าเขาไม่ต้องมาตามเก็บบ้านเพราะพี่กับหมอนี่หรอกนะ?

    "นั้นสินะ" เนบุยะพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วยอย่างยิ่ง

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    End

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×